The Tenderly
10.0
เขียนโดย ปรัสรา
วันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2556 เวลา 23.32 น.
6 session
0 วิจารณ์
12.46K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2556 23.42 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) บท 4
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ “พอดีเลยไม่ใช่หรือจ๊ะ? เห็นว่าพ่อแม่ไม่อยู่บ้านวันนี้ด้วย จะชวนเด็กผู้ชายมาทานเย็นในบ้านที่มีแต่ผู้หญิงคงไม่ดีแน่ หวังว่าจะไม่รบกวนนะ?”
ประโยคหลังนั่นมันบีบบังคับทางอ้อมชัดๆ! ถ้าไม่ติดว่าเธอต้องพึ่งผู้ใหญ่ในการจับแยกมิยารุโนะกับผู้อำนวยการล่ะก็ เธอไม่มีวันพยักหน้ายิ้มรับแบบนี้แน่
ฮิมิโกะรู้ว่าตัวเองพลาดตอนเดินไปซื้อของในซูเปอร์มาเก็ต ระหว่างลังเลว่าจะเลือกผักกาดขาวแบบไหนดี เพื่อนชายคนสนิทหมายเลขสองของกลุ่มก็ปรากฏตัวขึ้น ดูเหมือนเขาจะเก่งเรื่องการขุดคุ้ยประสบการณ์ครั้งเก่าก่อนต่อการทำอาหารของเธอดีเหลือเกิน ซึ่งเธอมั่นใจว่าผ่านไปตั้งสามปีแล้ว มันคงมีอะไรดีขึ้นบ้างล่ะน่า แต่คิดไปคิดมา...แผนการกะทันหันแบบนี้หาความแน่นอนยาก กอปรกับฝีมือซาโต้ คาโต้ ดีอย่างเหลือเชื่อ เธอจึงไหว้วานให้เขาช่วยลงมือทำแทนที!
ความจริงซาโต้ คาโต้ ใจดีพอจะขอร้องให้กลับได้ทุกเมื่อ เขาน่ะเข้าใจในแผนการของเธอแน่นอน แต่นางมารร้ายอย่างมิยูรินะจะโผล่เข้ามาตอนเธอกำลังบอกว่าผู้ปกครองไม่อยู่บ้านทำไมก็ไม่รู้
ก็จะไม่ให้โผล่ได้ไงกัน!
หงสาวครุ่นคิดระหว่างมองเด็กสาวหน้ามุ่ยตุ้ยเบาะหลังที่กลับบ้านด้วยรถยนต์สีขาวของหล่อน ในฐานะสมาชิกชมรมสิทธิสตรีและเด็ก องค์ประกอบจำพวก พ่อแม่ไม่อยู่บ้านแล้วเรียกเพื่อนชายมาอยู่เป็นเพื่อน อะไรทำนองนี้ มันคือบ่อเกิดแห่งความพลาดพลั้งครั้งใหญ่ในชีวิตวัยรุ่นสดใสชัดๆ หล่อนไม่มีวันยอมให้เรื่องราวตรงหน้าผ่านไปเฉยๆ โดยไม่ลองขัดขวางมันแน่นอน!
แต่นึกไม่ถึงว่ามิยารุโนะคนนั้นก็จะมาทานข้าวด้วย บางทีฮิมิโกะคงจะวางใจเพราะเห็นว่าเพื่อนสาว (ในความคิดหล่อนฝ่ายเดียว) มาทานข้าวด้วยล่ะมั้ง? เอาเถอะ...มีผู้ใหญ่อยู่ด้วย ยังไงก็ดีที่สุด!
อาหารอันประกอบไปด้วยซุปเต้าหู้ ปลาทอด เทมปุระและข้าวผัดอย่างง่ายๆ ก็เสร็จเรียบร้อยทันเสียงกริ่งของแขกรับเชิญ
สิ่งแรกที่หญิงสาวคิดเมื่อเห็นหน้าเขาคือ...ดีจังเลยที่มีเวลาปลีกตัวมาจากคอนโดนั่นได้ เห็นทีต้องถามความเคลื่อนไหวสักหน่อย ถ้ามีสิ่งผิดปกติล่ะก็ บุกเข้าไปถล่มมันเลย!
ส่วนสิ่งแรกในความคิดของมิยารุโนะคือ...ทำไมเขาต้องเจอผู้หญิงคนนี้อีกแล้วล่ะ! แม้แต่เวลาปล่อยสบายทานบ้านเพื่อนยังหนีไม่พ้นเลยเรอะ!
“พอดีเลย! อาหารเสร็จแล้วจ้ะ!” ฮิมิโกะผายมือไปทางโต๊ะอาหารที่จัดเตรียมไว้สำหรับ ‘สองที่’ “รับรองว่ามิยารุโนะคุงต้องติดใจไปอีกนานแน่ ขนาดฉันเองยังประทับใจจนน้ำตาไหล...เอ้ย! หมายถึงทำไปชิมไปจนเข้าที่น่ะจ้ะ!”
เด็กหนุ่มหน้าสวยมองอาหารลานตาตรงหน้าแล้วนึกทึ่ง จากเมนูที่ไข่ที่นักเปิดพิสดารยังขกยกธงขาว กลายเป็นอาหารน่าลิ้มรสขนาดนี้ได้เลยหรือเนี่ย แม้แต่รสชาติตอนตักชิมซุปก็... โอ้! อร่อยแท้! เขาชมเปาะออกมาอย่างไม่คิดอะไร “ให้คาโต้คุงสอนใช่ไหม รสชาติเหมือนกันเปี๊ยบ”
“จะ...จ้ะ” เธอยิ้มแหย ก่อนจะหยิบตะเกียบคู่ขึ้นมา “เรามาลงมือกันเลยดีกว่านะ”
ในความคิดของมิยูรินะที่แอบมองอยู่ ในมือมีข้าวหน้าหมูทอดแบ่งกันคนละชามกับซาโต้ คาโต้ แล้วทำไมหล่อนโดนไล่ออกมาทานนอกห้องแบบนี้ล่ะเนี่ย...!?
ช่วงเวลาสุขสันต์หลังมื้อค่ำ มิยารุโนะช่วยล้าง เธอช่วยเช็ด ตามมโนภาพของฮิมิโกะ กลายเป็นซาโต้ คาโต้ ช่วยล้าง แล้วเธอเช็ดไปบ่นไป...
ผู้หญิงคนนั้นฉกตัวมิยารุโนะไปเสียได้ แต่รายการโทรทัศน์หลังมื้อค่ำเธอไม่พลาดแน่!
ฝ่ายคนที่โดนหาว่าฉกตัวใครไปก็กำลังสอบถามถึงความเป็นอยู่ในคอนโดแห่งนั้นพอดี
เด็กหนุ่มหลบตาไปมาเหมือนคนโกหกร้อยเปอร์เซ็นต์ ชัวร์อยู่แล้ว เขาต้องมโนภาพหวานชื่นกับผู้อำนวยการคนนั้นถึงมื้อค่ำใต้แสงเทียนบ้างล่ะ มีเครื่องประดับเล็กๆ น้อยๆ มอบให้บ้างล่ะ พาไปช้อปปิ้งซื้อเสื้อผ้าข้าวของบ้างล่ะ ต้องขอบคุณต่อความใฝ่ฝันที่เพื่อนสาวคนสนิทเคยเล่าไว้จริงๆ ถึงจะไม่รู้ว่าเล่าไปทำไมก็เถอะ เพราะผู้อำนวยการหนุ่มคนนั้นแทบจะนับคำพูดกับเขาได้เลย แล้วจะมีอะไรหวานๆ แบบนั้นเป็นของตัวเองได้ไง
มิยูรินะกดเสียงต่ำด้วยใบหน้ายิ้มประจำตัว “แล้วหลังจากนั้นล่ะจ๊ะ”
“ก็เข้านอนตามปกติบ้าง บางคืนก็ดูหนังด้วยกัน จำพวกความรักแห่งทิวเขาคิคุโระ จดหมายรักจากสาวน้อยทิศใต้ หรืออะไรทำนองนั้นน่ะครับ” ขอบคุณหนังที่ฮิมิโกะยื่นให้เช่นกัน แม้เขาจะรับมันมาแบบไม่เคยดูเลยก็เถอะ
มิยูรินะถอนหายใจออกมาเบาๆ ถึงช่วยสวีทหวานอะไรนั่นจะดูโกหกชอบกลก็ตามที แต่หลังจากช่วงมื้อค่ำแล้วคงไม่เกิดอะไรขึ้นมาจริงๆ หล่อนน่ะจับโกหกคนเก่งทีเดียวล่ะ และตอนนี้ก็จับโกหกได้ว่าอาเคจิคนนั้นไม่เคยดูหนังรักพวกนี้แน่ ตัวคนพูดเองก็คงไม่คิดจะแตะ แต่จะยอมตามน้ำไปก่อนแล้วกัน เพื่อการสอบถามวันหลังด้วย
แน่นอนว่าหล่อนยังมีโจทย์ต้องเคลียร์ “เอ...งั้นแปลว่ามิยารุโนะจังต้องอยู่กับคุณคิริซาโตะมานานพอสมควรเลยน่ะสิจ๊ะ? ทำไมไม่ลองหาที่อยู่ใหม่ล่ะ ประมาณว่า...หอพัก...อะไรแบบนี้น่ะจ้ะ อยู่กับคุณอาเคจิแบบนั้นเขาไม่ลำบากใจหรือจ๊ะ? แล้วทางครอบครัวไม่ว่าหรือ อยู่กับเขาแค่สองคนแบบนี้น่ะจ้ะ” ใช่ๆ ถ้ายุให้ออกจากสถานที่อันตรายแบบนั้นได้คงจะดีไม่น้อยเลยล่ะ
สีหน้าเด็กหนุ่มเปลี่ยนไปเมื่อพูดถึงครอบครัว ทีแรกเขาคิดว่าผู้หญิงคนนี้แค่มาถามนั่นนี่ด้วยความหึงหวงล้วนๆ แต่ชักเข้าประเด็นที่เขาไม่อยากพูดถึงแบบนี้ เห็นทีว่าอารมณ์ปั้นเรื่องของเขาจะหมดเสียแล้ว มิยารุโนะตอบไปสองสามคำตามพิธีมากกว่าตั้งใจแต่งเรื่องจริงจังแล้วขอตัวกลับทันที ไม่ฟังกระทั่งเสียงทักท้วงของฮิมิโกะด้วยซ้ำ
มิยูรินะสรุปด้วยความเข้าใจผิดว่าเขาโกรธเพราะเข้าใจว่าหล่อนกำลังหาทางทำลายความรักหรืออะไรทำนองนั้น
เมื่อเด็กหนุ่มกลับมาถึงคอนโดและพบชายหนุ่มศีรษะยังเปียกจากการอาบน้ำ จึงนำขึ้นได้ว่าเวลาตอนนี้คงจะผ่านช่วงหนึ่งทุ่มมาไม่นาน อาเคจิคงเดินออกมาหาเครื่องดื่มแก้กระหายหลังออกมาจากห้องอาบน้ำแสนสบายนั่น
ต่อให้รู้ว่าชายหนุ่มมิได้มีความเกี่ยวข้องใดๆ ในคำถามของมิยูรินะ แต่เป็นเพราะอีกฝ่ายลากเขาเข้ามาเกี่ยวด้วยไม่ใช่หรือไงกัน เขาถึงต้องโดนคนแปลกหน้าพูดถามถึงความคิดเห็นของครอบครัว ของพรรค์นั้นจะเป็นยังไงก็ช่างสิ ยิ่งเขาหนีออกมาได้นานเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ไม่ว่าสถานที่หรือคนก็ไม่อยากเจอทั้งนั้นแหละ!
ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น “อารมณ์เสียอะไรหรือเปล่า”
“เปล่านี่” เขาว่าระหว่างเดินอ้อมไปเทน้ำแร่มาดื่มอักๆ “คุณว่าผมต้องอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหนกันล่ะ”
คำถามนี้สร้างความประหลาดใจแก่อาเคจิเป็นเท่าตัว จากคนไร้บ้านทำไมถึงอยากย้ายออกกะทันหันกัน? “ก็จนกว่าฉันจะได้รับการยืนยันว่าจะไม่โดนจับคู่ดูตัวอะไรอีกน่ะสิ หรือจนกว่าฉันจะหาใครสักคนที่ดีพร้อมเจอ”
“งั้นก็หาเร็วๆ หน่อยแล้วกัน หรือจะเป็นคุณอาคิฮานะคนนั้นก็ได้ เพราะตอนผมไปกินข้าวบ้านฮิมิโกะ เห็นเขาหวงคุณน่าดูเลยนี่!” เขากระแทกเสียงจนคู่นทนาแอบส่งสายตาดุๆ กลับมา แต่ความโกรธที่ถูกจี้เรื่องครอบครัวแล่นขึ้นมามากกว่าจะเกรงกลัว จะโยนเขาออกไปตอนนี้เลยก็ยังได้ แค่คืนเดียวคงใช้เงินที่มีอยู่ในการหาหอพักถูกๆ สักแห่ง หรือรบกวนซาโต้ คาโต้ ได้อยู่แล้ว
บทสนทนาของคืนนั้นก็จบลงด้วยความไม่เข้าใจเช่นนี้เอง
แต่คนจบเรื่องไม่จบ...
อย้อนกลับมาที่บ้านของฮิมิโกะ หลังซาโต้ คาโต้ กลับออกไป เด็กสาวเจ้าของบ้านจำต้องยกผ้าห่มกับหมอนมาไว้ในห้องนั่งเล่นให้คนที่ดึงดันจะพักด้วย เหตุผลสำหรับการค้างฟรีครั้งนี้คือในบ้านไม่มีผู้ใหญ่อาศัยอยู่เลย
‘รู้ไหมว่าการที่เด็กสาวอยู่บ้านคนเดียวน่ะเป็นเรื่องๆไม่สมควร...!’
แน่นอนว่าวาจาขึ้นต้นไม่ชวนสนทนาฉันใดคนฟังก็ไม่สนใจฉันนั้น ฮิมิโกะรีบเบี่ยงประเด็นเป็นเรื่องของมิยารุโนะด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวผสมความเข้าใจผิดๆ ของหญิงสาว ทำให้ภาพลักษณ์กลายเป็นเด็กหนุ่มที่มีความรักอย่างลึกซึ้งและรีบออกจากบ้านไปด้วยความหงุดหงิด เนื่องจากคิดว่ามิยูรินะตั้งใจจะเข้ามาติดพันคนรักของตัวเอง
ยิ่งคิดมันก็ยิ่งเจ็บใจ! ต้องหาทางดึงคนที่เธอแอบชอบมาตลอดหลายปีกลับมาสู่ความรักแบบปกติให้ได้!
มิยูรินะพยักหน้าเบาๆ “เราต้องร่วมมือกัน ไม่มีอะไรที่ผู้หญิงร่วมมือกันแล้วจะหลุดรอดไปได้ ขนาดสงครามพวกเรายังสร้างได้เลย อย่างในยุค...”
“อย่าเพิ่งพูดถึงสงครามเลยค่ะ ตอนนี้จะแยกสองคนนั้นยังไงยังไม่รู้เลย” ฮิมิโกะว่าด้วยความเจ็บใจ มุมปากกัดผ้าเช็ดหน้าร่ำไห้เคืองแค้น “พอเลิกเรียนก็ตรงกลับบ้านด้วยกัน เป็นแบบนี้แล้วฉันจะทำอะไรได้กันเล่า แค่รั้งไว้ตอนกลางวันก็เต็มกลืนแล้วนะคะ ทั้งฉุดทั้งดึงให้พูดจนคอแห้งไปหมดแล้วล่ะ”
มิยูรินะมองอย่างเห็นใจ หล่อนเคยอยู่สถานการณ์ที่ต้องพูดจายืดยาวเพื่อชื่นชมใครสักคนเหมือนกัน ซึ่งความหมายโดยรวมสามารถสรุปได้ภายในสามพยางค์อย่างน่าแค้นใจคือ ‘ทำ – ดี – มาก’ มันก็เหมือนประธานเปิดพิธีอะไรสักอย่างนั่นแหละ ไม่มีใครสนใจว่าบริษัทนั้นก่อตั้งขึ้นมากี่ปีหรือผู้บริหารคนใดทำงานมากี่ชั่วอายุขัยมนุษย์หรอก พนักงานสนเงินเดือนฉันใด ทำดีมากกับบรรยายยืดยาวก็เป็นคำชมเหมือนกันนั่นแหละน่า
แต่ก่อนจะพูดถึงเรื่องโบนัสกับการเลียแข้งเลียขาอันเปี่ยมด้วยศิลปะวาจา หญิงสาวเดาะลิ้นสองสามครั้งอย่างครุ่นคิด “นั่นสินะ ตอนที่เธอเรียกมิยารุโนะจังออกมาก็ไม่มีทีท่าอิดออดด้วย แปลว่าที่กลับไปทุกเย็นอาจไม่มีเรื่องพิเศษอะไร ถ้าจะเรียกมาทานข้าวด้วยกันคงทำได้ประจำ”
ฮิมิโกะประสานมือเข้าด้วยกันนัยน์ตาพราว “จริงด้วย! มื้อเย็นกับมิยารุโนะคุง! ดินเนอร์ใต้แสงเทียน!”
“แต่สุดท้ายเขาก็จะกลับไปหาคุณคิริซาโตะอยู่ดี” หล่อนยักไหล่ทำลายฝันสาวน้อยอย่างไร้เมตตา หากแต่มันคือความจริง “ถ้าอยากให้มิยารุโนะจังมีมื้อค่ำแสนวิเศษกับเธอจริงๆ ล่ะก็ มันต้องมีสักทางสิน่า”
และสีหน้าฮึดฮัดฝันสลายของฮิมิโกะก็ทำให้หล่อนนึกออก
ถ้าบอกว่าฮิมิโกะคืออาหารค่ำสุดหรูใต้แสงเทียน มีเปียโนบรรเลง คนในร้านสวมสูทและเดรสสวยๆ อาจมีแหวนแต่งงานของโต๊ะใดโต๊ะหนึ่งยกขึ้นประกอบ สร้างบรรยากาศดีๆ ชวนให้ค้นหากระซิบฝากคำรัก ดินเนอร์ของอาเคจิในคืนวันอาทิตย์แบบนี้คงให้บรรยากาศใกล้เคียงกัน แต่ต่างเล็กน้อยก็ตรงที่ร้านนี้ไม่มีเปียโน คู่เดทฝ่ายหญิงไม่ใช่ฮิมิโกะ และอาเคจิไม่ต้องการกระซิบบอกอะไรหล่อนทั้งนั้น
ส่วนคู่รักที่มาขอแต่งงานคงต้องดัดแปลงสักหน่อย เป็นเด็กสาวที่ชวนเพื่อนสนิทมาทานอาหารพร้อมกันในร้านหรูแบบนี้ แล้วอ้างว่าฉลองด้วยสาเหตุเล็กๆ น้อยๆ อย่างการผ่านสอบย่อยไปได้ด้วยดี ซึ่งมุมโต๊ะจะเป็นจุดมุมอับพอดี แต่กลับมีวิสัยทัศน์ที่ดีอย่างเหลือเชื่อต่อโต๊ะที่ชายหญิงคู่นั้นนั่งด้วยกัน
ความคิดเห็นของซาโต้ คาโต้ สำหรับแผนการในคราวนี้คือ...เขารู้มานานแล้วล่ะ ว่าฮิมิโกะไม่ได้ใสซื่ออย่างแสดงออกหรอก และดูเหมือนคนที่ยังไม่รู้คือเจ้ามือรับเลี้ยงคราวนี้อย่างมิยารุโนะนี่แหละ
เด็กหนุ่มหน้าหวานถูกจัดให้นั่งประจันหน้าไปทางนั้นพอดี บอกได้เลยว่าเขาไม่รู้เมนูอะไรสักอย่างในร้านนี้พอๆ กับกัลยาณมิตรทั้งสองที่ทำหน้าเหมือนเห็นเมนูเป็นสอบย่อยเมื่อกลางวัน แถมยังต้องนั่งทานไป เงยหน้าขึ้นมาก็เจอคนคู่นั้นไปอีก ขอร้องเลย...เขาเอียนหน้าเรื่อยๆ ไม่สนใจใครของชายหนุ่มมามากพอแล้ว และกำลังวางแผนจะแจ้งความเพราะโดนผู้หญิงคนหนึ่งสตอล์กเกอร์อย่างตรงไปตรงมา
สตอล์กเกอร์อย่างตรงไปตรงมาเป็นอย่างไรน่ะรึ? ก็จำพวกเดินตามเอาดื้อๆ น่ะสิ!
ซาโต้ คาโต้ เห็นใจเพื่อนสนิทเป็นกำลัง เสียงโหวตของเขาอยู่แกนกลางเสมอ ถ้าย้ายร้านเอาตอนนี้อย่างไม่สนใจบริกรหน้าเรียบเฉยที่ยืนรออยู่ก็ได้ แต่ไหนเลยเด็กสาวผมยาวลอนจะยอมล่ะ? นี่มันสงครามแห่งการสร้างความเข้าใจผิดแก่ตัวเอกแบบที่นางอิจฉาทั้งหลายในเรื่องพึงกระทำชัดๆ บางทีฮิมิโกะอาจจะโดนผู้หญิงคนนั้นหลอกใช้อยู่ก็ได้ เคยดูตัวกันแถมสองบ้านก็สนับสนุน เท่ากับดินเนอร์ครั้งนี้เข้าทางสุดๆ ไม่ใช่รึ หรือว่าเพื่อแยกคนที่ตัวเองชอบกับผู้อำนวยการแล้ว ถึงจะโดนหลอกก็ไม่เป็นไรสินะ
ซาโต้ คาโต้ อาจเป็นเด็กหนุ่มที่จัดอยู่ในตัวรองแสนดีผู้ช้ำรัก แต่ก็คุ้นเคยกับแผนการจำพวกนี้จนตนเองยังแอบประหลาดใจ งั้นในอนาคตข้างหน้าเขาจะโดนความชอกช้ำกระหน่ำจนกลายเป็นตัวละครประเภทวางแผนร้ายเพื่อรักบ้างไหมนะ? แต่ความชอกช้ำที่ว่าก็ไม่ได้เกิดขึ้นหนักหน่วงขนาดนั้นหรอก
ว่าแต่...จากความน่าอึดอัดใจที่โดนชวนมาร่วมมื้อค่ำทำลายความรักเพื่อนแบบนี้ เขาควรหยิบการ์ตูนในกระเป๋าขึ้นมาอ่านเอาดื้อๆ ดีไหมนะ เพราะภาษาอังกฤษในเมนูมันดูเหมือนภาษาฝรั่งเศสชอบกล
ฮิมิโกะส่งยิ้มแหยแก่บริกรที่น่าจะเหน็บกินขาได้สองสามนาทีแล้ว “ขอเลือกเมนูครู่หนึ่งแล้วกันนะคะ”
สองหนุ่มหน่อถอนหายใจอย่างพร้อมเพรียงเมื่อไร้คนยืนจดคอยกดดัน
มิยารุโนะมองคู่เดทโต๊ะทางนู้นด้วยสายตาเคืองแค้น ทั้งอาหารที่ทำมาจากไก่ทั้งตัวแล้วก็ซุปนั่นมันเรียกว่าอะไรกันนะ! ขืนอยู่ไปอย่างนี้ดีแต่จะขายหน้า สู้เดินออกไปดื้อๆ เสียดีกว่า! “เปลี่ยนที่ใหม่แล้วกัน เป็นฟาสต์ฟู้ดกินง่ายๆ ยิ่งดี เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง!”
ฮิมิโกะน้ำตาซึมทันทีที่เห็นภาพตรงหน้าของเด็กหนุ่มที่เธอเข้าใจว่าเจ็บปวดจนทนไม่ไหว
ในตอนนั้นเองที่อาเคจิเดินออกมาจากโต๊ะและประสานสายตากับเด็กหนุ่มพอดิบพอดี
“พอดีเลยไม่ใช่หรือจ๊ะ? เห็นว่าพ่อแม่ไม่อยู่บ้านวันนี้ด้วย จะชวนเด็กผู้ชายมาทานเย็นในบ้านที่มีแต่ผู้หญิงคงไม่ดีแน่ หวังว่าจะไม่รบกวนนะ?”
ประโยคหลังนั่นมันบีบบังคับทางอ้อมชัดๆ! ถ้าไม่ติดว่าเธอต้องพึ่งผู้ใหญ่ในการจับแยกมิยารุโนะกับผู้อำนวยการล่ะก็ เธอไม่มีวันพยักหน้ายิ้มรับแบบนี้แน่
ฮิมิโกะรู้ว่าตัวเองพลาดตอนเดินไปซื้อของในซูเปอร์มาเก็ต ระหว่างลังเลว่าจะเลือกผักกาดขาวแบบไหนดี เพื่อนชายคนสนิทหมายเลขสองของกลุ่มก็ปรากฏตัวขึ้น ดูเหมือนเขาจะเก่งเรื่องการขุดคุ้ยประสบการณ์ครั้งเก่าก่อนต่อการทำอาหารของเธอดีเหลือเกิน ซึ่งเธอมั่นใจว่าผ่านไปตั้งสามปีแล้ว มันคงมีอะไรดีขึ้นบ้างล่ะน่า แต่คิดไปคิดมา...แผนการกะทันหันแบบนี้หาความแน่นอนยาก กอปรกับฝีมือซาโต้ คาโต้ ดีอย่างเหลือเชื่อ เธอจึงไหว้วานให้เขาช่วยลงมือทำแทนที!
ความจริงซาโต้ คาโต้ ใจดีพอจะขอร้องให้กลับได้ทุกเมื่อ เขาน่ะเข้าใจในแผนการของเธอแน่นอน แต่นางมารร้ายอย่างมิยูรินะจะโผล่เข้ามาตอนเธอกำลังบอกว่าผู้ปกครองไม่อยู่บ้านทำไมก็ไม่รู้
ก็จะไม่ให้โผล่ได้ไงกัน!
หงสาวครุ่นคิดระหว่างมองเด็กสาวหน้ามุ่ยตุ้ยเบาะหลังที่กลับบ้านด้วยรถยนต์สีขาวของหล่อน ในฐานะสมาชิกชมรมสิทธิสตรีและเด็ก องค์ประกอบจำพวก พ่อแม่ไม่อยู่บ้านแล้วเรียกเพื่อนชายมาอยู่เป็นเพื่อน อะไรทำนองนี้ มันคือบ่อเกิดแห่งความพลาดพลั้งครั้งใหญ่ในชีวิตวัยรุ่นสดใสชัดๆ หล่อนไม่มีวันยอมให้เรื่องราวตรงหน้าผ่านไปเฉยๆ โดยไม่ลองขัดขวางมันแน่นอน!
แต่นึกไม่ถึงว่ามิยารุโนะคนนั้นก็จะมาทานข้าวด้วย บางทีฮิมิโกะคงจะวางใจเพราะเห็นว่าเพื่อนสาว (ในความคิดหล่อนฝ่ายเดียว) มาทานข้าวด้วยล่ะมั้ง? เอาเถอะ...มีผู้ใหญ่อยู่ด้วย ยังไงก็ดีที่สุด!
อาหารอันประกอบไปด้วยซุปเต้าหู้ ปลาทอด เทมปุระและข้าวผัดอย่างง่ายๆ ก็เสร็จเรียบร้อยทันเสียงกริ่งของแขกรับเชิญ
สิ่งแรกที่หญิงสาวคิดเมื่อเห็นหน้าเขาคือ...ดีจังเลยที่มีเวลาปลีกตัวมาจากคอนโดนั่นได้ เห็นทีต้องถามความเคลื่อนไหวสักหน่อย ถ้ามีสิ่งผิดปกติล่ะก็ บุกเข้าไปถล่มมันเลย!
ส่วนสิ่งแรกในความคิดของมิยารุโนะคือ...ทำไมเขาต้องเจอผู้หญิงคนนี้อีกแล้วล่ะ! แม้แต่เวลาปล่อยสบายทานบ้านเพื่อนยังหนีไม่พ้นเลยเรอะ!
“พอดีเลย! อาหารเสร็จแล้วจ้ะ!” ฮิมิโกะผายมือไปทางโต๊ะอาหารที่จัดเตรียมไว้สำหรับ ‘สองที่’ “รับรองว่ามิยารุโนะคุงต้องติดใจไปอีกนานแน่ ขนาดฉันเองยังประทับใจจนน้ำตาไหล...เอ้ย! หมายถึงทำไปชิมไปจนเข้าที่น่ะจ้ะ!”
เด็กหนุ่มหน้าสวยมองอาหารลานตาตรงหน้าแล้วนึกทึ่ง จากเมนูที่ไข่ที่นักเปิดพิสดารยังขกยกธงขาว กลายเป็นอาหารน่าลิ้มรสขนาดนี้ได้เลยหรือเนี่ย แม้แต่รสชาติตอนตักชิมซุปก็... โอ้! อร่อยแท้! เขาชมเปาะออกมาอย่างไม่คิดอะไร “ให้คาโต้คุงสอนใช่ไหม รสชาติเหมือนกันเปี๊ยบ”
“จะ...จ้ะ” เธอยิ้มแหย ก่อนจะหยิบตะเกียบคู่ขึ้นมา “เรามาลงมือกันเลยดีกว่านะ”
ในความคิดของมิยูรินะที่แอบมองอยู่ ในมือมีข้าวหน้าหมูทอดแบ่งกันคนละชามกับซาโต้ คาโต้ แล้วทำไมหล่อนโดนไล่ออกมาทานนอกห้องแบบนี้ล่ะเนี่ย...!?
ช่วงเวลาสุขสันต์หลังมื้อค่ำ มิยารุโนะช่วยล้าง เธอช่วยเช็ด ตามมโนภาพของฮิมิโกะ กลายเป็นซาโต้ คาโต้ ช่วยล้าง แล้วเธอเช็ดไปบ่นไป...
ผู้หญิงคนนั้นฉกตัวมิยารุโนะไปเสียได้ แต่รายการโทรทัศน์หลังมื้อค่ำเธอไม่พลาดแน่!
ฝ่ายคนที่โดนหาว่าฉกตัวใครไปก็กำลังสอบถามถึงความเป็นอยู่ในคอนโดแห่งนั้นพอดี
เด็กหนุ่มหลบตาไปมาเหมือนคนโกหกร้อยเปอร์เซ็นต์ ชัวร์อยู่แล้ว เขาต้องมโนภาพหวานชื่นกับผู้อำนวยการคนนั้นถึงมื้อค่ำใต้แสงเทียนบ้างล่ะ มีเครื่องประดับเล็กๆ น้อยๆ มอบให้บ้างล่ะ พาไปช้อปปิ้งซื้อเสื้อผ้าข้าวของบ้างล่ะ ต้องขอบคุณต่อความใฝ่ฝันที่เพื่อนสาวคนสนิทเคยเล่าไว้จริงๆ ถึงจะไม่รู้ว่าเล่าไปทำไมก็เถอะ เพราะผู้อำนวยการหนุ่มคนนั้นแทบจะนับคำพูดกับเขาได้เลย แล้วจะมีอะไรหวานๆ แบบนั้นเป็นของตัวเองได้ไง
มิยูรินะกดเสียงต่ำด้วยใบหน้ายิ้มประจำตัว “แล้วหลังจากนั้นล่ะจ๊ะ”
“ก็เข้านอนตามปกติบ้าง บางคืนก็ดูหนังด้วยกัน จำพวกความรักแห่งทิวเขาคิคุโระ จดหมายรักจากสาวน้อยทิศใต้ หรืออะไรทำนองนั้นน่ะครับ” ขอบคุณหนังที่ฮิมิโกะยื่นให้เช่นกัน แม้เขาจะรับมันมาแบบไม่เคยดูเลยก็เถอะ
มิยูรินะถอนหายใจออกมาเบาๆ ถึงช่วยสวีทหวานอะไรนั่นจะดูโกหกชอบกลก็ตามที แต่หลังจากช่วงมื้อค่ำแล้วคงไม่เกิดอะไรขึ้นมาจริงๆ หล่อนน่ะจับโกหกคนเก่งทีเดียวล่ะ และตอนนี้ก็จับโกหกได้ว่าอาเคจิคนนั้นไม่เคยดูหนังรักพวกนี้แน่ ตัวคนพูดเองก็คงไม่คิดจะแตะ แต่จะยอมตามน้ำไปก่อนแล้วกัน เพื่อการสอบถามวันหลังด้วย
แน่นอนว่าหล่อนยังมีโจทย์ต้องเคลียร์ “เอ...งั้นแปลว่ามิยารุโนะจังต้องอยู่กับคุณคิริซาโตะมานานพอสมควรเลยน่ะสิจ๊ะ? ทำไมไม่ลองหาที่อยู่ใหม่ล่ะ ประมาณว่า...หอพัก...อะไรแบบนี้น่ะจ้ะ อยู่กับคุณอาเคจิแบบนั้นเขาไม่ลำบากใจหรือจ๊ะ? แล้วทางครอบครัวไม่ว่าหรือ อยู่กับเขาแค่สองคนแบบนี้น่ะจ้ะ” ใช่ๆ ถ้ายุให้ออกจากสถานที่อันตรายแบบนั้นได้คงจะดีไม่น้อยเลยล่ะ
สีหน้าเด็กหนุ่มเปลี่ยนไปเมื่อพูดถึงครอบครัว ทีแรกเขาคิดว่าผู้หญิงคนนี้แค่มาถามนั่นนี่ด้วยความหึงหวงล้วนๆ แต่ชักเข้าประเด็นที่เขาไม่อยากพูดถึงแบบนี้ เห็นทีว่าอารมณ์ปั้นเรื่องของเขาจะหมดเสียแล้ว มิยารุโนะตอบไปสองสามคำตามพิธีมากกว่าตั้งใจแต่งเรื่องจริงจังแล้วขอตัวกลับทันที ไม่ฟังกระทั่งเสียงทักท้วงของฮิมิโกะด้วยซ้ำ
มิยูรินะสรุปด้วยความเข้าใจผิดว่าเขาโกรธเพราะเข้าใจว่าหล่อนกำลังหาทางทำลายความรักหรืออะไรทำนองนั้น
เมื่อเด็กหนุ่มกลับมาถึงคอนโดและพบชายหนุ่มศีรษะยังเปียกจากการอาบน้ำ จึงนำขึ้นได้ว่าเวลาตอนนี้คงจะผ่านช่วงหนึ่งทุ่มมาไม่นาน อาเคจิคงเดินออกมาหาเครื่องดื่มแก้กระหายหลังออกมาจากห้องอาบน้ำแสนสบายนั่น
ต่อให้รู้ว่าชายหนุ่มมิได้มีความเกี่ยวข้องใดๆ ในคำถามของมิยูรินะ แต่เป็นเพราะอีกฝ่ายลากเขาเข้ามาเกี่ยวด้วยไม่ใช่หรือไงกัน เขาถึงต้องโดนคนแปลกหน้าพูดถามถึงความคิดเห็นของครอบครัว ของพรรค์นั้นจะเป็นยังไงก็ช่างสิ ยิ่งเขาหนีออกมาได้นานเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ไม่ว่าสถานที่หรือคนก็ไม่อยากเจอทั้งนั้นแหละ!
ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น “อารมณ์เสียอะไรหรือเปล่า”
“เปล่านี่” เขาว่าระหว่างเดินอ้อมไปเทน้ำแร่มาดื่มอักๆ “คุณว่าผมต้องอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหนกันล่ะ”
คำถามนี้สร้างความประหลาดใจแก่อาเคจิเป็นเท่าตัว จากคนไร้บ้านทำไมถึงอยากย้ายออกกะทันหันกัน? “ก็จนกว่าฉันจะได้รับการยืนยันว่าจะไม่โดนจับคู่ดูตัวอะไรอีกน่ะสิ หรือจนกว่าฉันจะหาใครสักคนที่ดีพร้อมเจอ”
“งั้นก็หาเร็วๆ หน่อยแล้วกัน หรือจะเป็นคุณอาคิฮานะคนนั้นก็ได้ เพราะตอนผมไปกินข้าวบ้านฮิมิโกะ เห็นเขาหวงคุณน่าดูเลยนี่!” เขากระแทกเสียงจนคู่นทนาแอบส่งสายตาดุๆ กลับมา แต่ความโกรธที่ถูกจี้เรื่องครอบครัวแล่นขึ้นมามากกว่าจะเกรงกลัว จะโยนเขาออกไปตอนนี้เลยก็ยังได้ แค่คืนเดียวคงใช้เงินที่มีอยู่ในการหาหอพักถูกๆ สักแห่ง หรือรบกวนซาโต้ คาโต้ ได้อยู่แล้ว
บทสนทนาของคืนนั้นก็จบลงด้วยความไม่เข้าใจเช่นนี้เอง
แต่คนจบเรื่องไม่จบ...
ย้อนกลับมาที่บ้านของฮิมิโกะ หลังซาโต้ คาโต้ กลับออกไป เด็กสาวเจ้าของบ้านจำต้องยกผ้าห่มกับหมอนมาไว้ในห้องนั่งเล่นให้คนที่ดึงดันจะพักด้วย เหตุผลสำหรับการค้างฟรีครั้งนี้คือในบ้านไม่มีผู้ใหญ่อาศัยอยู่เลย
‘รู้ไหมว่าการที่เด็กสาวอยู่บ้านคนเดียวน่ะเป็นเรื่องๆไม่สมควร...!’
แน่นอนว่าวาจาขึ้นต้นไม่ชวนสนทนาฉันใดคนฟังก็ไม่สนใจฉันนั้น ฮิมิโกะรีบเบี่ยงประเด็นเป็นเรื่องของมิยารุโนะด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวผสมความเข้าใจผิดๆ ของหญิงสาว ทำให้ภาพลักษณ์กลายเป็นเด็กหนุ่มที่มีความรักอย่างลึกซึ้งและรีบออกจากบ้านไปด้วยความหงุดหงิด เนื่องจากคิดว่ามิยูรินะตั้งใจจะเข้ามาติดพันคนรักของตัวเอง
ยิ่งคิดมันก็ยิ่งเจ็บใจ! ต้องหาทางดึงคนที่เธอแอบชอบมาตลอดหลายปีกลับมาสู่ความรักแบบปกติให้ได้!
มิยูรินะพยักหน้าเบาๆ “เราต้องร่วมมือกัน ไม่มีอะไรที่ผู้หญิงร่วมมือกันแล้วจะหลุดรอดไปได้ ขนาดสงครามพวกเรายังสร้างได้เลย อย่างในยุค...”
“อย่าเพิ่งพูดถึงสงครามเลยค่ะ ตอนนี้จะแยกสองคนนั้นยังไงยังไม่รู้เลย” ฮิมิโกะว่าด้วยความเจ็บใจ มุมปากกัดผ้าเช็ดหน้าร่ำไห้เคืองแค้น “พอเลิกเรียนก็ตรงกลับบ้านด้วยกัน เป็นแบบนี้แล้วฉันจะทำอะไรได้กันเล่า แค่รั้งไว้ตอนกลางวันก็เต็มกลืนแล้วนะคะ ทั้งฉุดทั้งดึงให้พูดจนคอแห้งไปหมดแล้วล่ะ”
มิยูรินะมองอย่างเห็นใจ หล่อนเคยอยู่สถานการณ์ที่ต้องพูดจายืดยาวเพื่อชื่นชมใครสักคนเหมือนกัน ซึ่งความหมายโดยรวมสามารถสรุปได้ภายในสามพยางค์อย่างน่าแค้นใจคือ ‘ทำ – ดี – มาก’ มันก็เหมือนประธานเปิดพิธีอะไรสักอย่างนั่นแหละ ไม่มีใครสนใจว่าบริษัทนั้นก่อตั้งขึ้นมากี่ปีหรือผู้บริหารคนใดทำงานมากี่ชั่วอายุขัยมนุษย์หรอก พนักงานสนเงินเดือนฉันใด ทำดีมากกับบรรยายยืดยาวก็เป็นคำชมเหมือนกันนั่นแหละน่า
แต่ก่อนจะพูดถึงเรื่องโบนัสกับการเลียแข้งเลียขาอันเปี่ยมด้วยศิลปะวาจา หญิงสาวเดาะลิ้นสองสามครั้งอย่างครุ่นคิด “นั่นสินะ ตอนที่เธอเรียกมิยารุโนะจังออกมาก็ไม่มีทีท่าอิดออดด้วย แปลว่าที่กลับไปทุกเย็นอาจไม่มีเรื่องพิเศษอะไร ถ้าจะเรียกมาทานข้าวด้วยกันคงทำได้ประจำ”
ฮิมิโกะประสานมือเข้าด้วยกันนัยน์ตาพราว “จริงด้วย! มื้อเย็นกับมิยารุโนะคุง! ดินเนอร์ใต้แสงเทียน!”
“แต่สุดท้ายเขาก็จะกลับไปหาคุณคิริซาโตะอยู่ดี” หล่อนยักไหล่ทำลายฝันสาวน้อยอย่างไร้เมตตา หากแต่มันคือความจริง “ถ้าอยากให้มิยารุโนะจังมีมื้อค่ำแสนวิเศษกับเธอจริงๆ ล่ะก็ มันต้องมีสักทางสิน่า”
และสีหน้าฮึดฮัดฝันสลายของฮิมิโกะก็ทำให้หล่อนนึกออก
ถ้าบอกว่าฮิมิโกะคืออาหารค่ำสุดหรูใต้แสงเทียน มีเปียโนบรรเลง คนในร้านสวมสูทและเดรสสวยๆ อาจมีแหวนแต่งงานของโต๊ะใดโต๊ะหนึ่งยกขึ้นประกอบ สร้างบรรยากาศดีๆ ชวนให้ค้นหากระซิบฝากคำรัก ดินเนอร์ของอาเคจิในคืนวันอาทิตย์แบบนี้คงให้บรรยากาศใกล้เคียงกัน แต่ต่างเล็กน้อยก็ตรงที่ร้านนี้ไม่มีเปียโน คู่เดทฝ่ายหญิงไม่ใช่ฮิมิโกะ และอาเคจิไม่ต้องการกระซิบบอกอะไรหล่อนทั้งนั้น
ส่วนคู่รักที่มาขอแต่งงานคงต้องดัดแปลงสักหน่อย เป็นเด็กสาวที่ชวนเพื่อนสนิทมาทานอาหารพร้อมกันในร้านหรูแบบนี้ แล้วอ้างว่าฉลองด้วยสาเหตุเล็กๆ น้อยๆ อย่างการผ่านสอบย่อยไปได้ด้วยดี ซึ่งมุมโต๊ะจะเป็นจุดมุมอับพอดี แต่กลับมีวิสัยทัศน์ที่ดีอย่างเหลือเชื่อต่อโต๊ะที่ชายหญิงคู่นั้นนั่งด้วยกัน
ความคิดเห็นของซาโต้ คาโต้ สำหรับแผนการในคราวนี้คือ...เขารู้มานานแล้วล่ะ ว่าฮิมิโกะไม่ได้ใสซื่ออย่างแสดงออกหรอก และดูเหมือนคนที่ยังไม่รู้คือเจ้ามือรับเลี้ยงคราวนี้อย่างมิยารุโนะนี่แหละ
เด็กหนุ่มหน้าหวานถูกจัดให้นั่งประจันหน้าไปทางนั้นพอดี บอกได้เลยว่าเขาไม่รู้เมนูอะไรสักอย่างในร้านนี้พอๆ กับกัลยาณมิตรทั้งสองที่ทำหน้าเหมือนเห็นเมนูเป็นสอบย่อยเมื่อกลางวัน แถมยังต้องนั่งทานไป เงยหน้าขึ้นมาก็เจอคนคู่นั้นไปอีก ขอร้องเลย...เขาเอียนหน้าเรื่อยๆ ไม่สนใจใครของชายหนุ่มมามากพอแล้ว และกำลังวางแผนจะแจ้งความเพราะโดนผู้หญิงคนหนึ่งสตอล์กเกอร์อย่างตรงไปตรงมา
สตอล์กเกอร์อย่างตรงไปตรงมาเป็นอย่างไรน่ะรึ? ก็จำพวกเดินตามเอาดื้อๆ น่ะสิ!
ซาโต้ คาโต้ เห็นใจเพื่อนสนิทเป็นกำลัง เสียงโหวตของเขาอยู่แกนกลางเสมอ ถ้าย้ายร้านเอาตอนนี้อย่างไม่สนใจบริกรหน้าเรียบเฉยที่ยืนรออยู่ก็ได้ แต่ไหนเลยเด็กสาวผมยาวลอนจะยอมล่ะ? นี่มันสงครามแห่งการสร้างความเข้าใจผิดแก่ตัวเอกแบบที่นางอิจฉาทั้งหลายในเรื่องพึงกระทำชัดๆ บางทีฮิมิโกะอาจจะโดนผู้หญิงคนนั้นหลอกใช้อยู่ก็ได้ เคยดูตัวกันแถมสองบ้านก็สนับสนุน เท่ากับดินเนอร์ครั้งนี้เข้าทางสุดๆ ไม่ใช่รึ หรือว่าเพื่อแยกคนที่ตัวเองชอบกับผู้อำนวยการแล้ว ถึงจะโดนหลอกก็ไม่เป็นไรสินะ
ซาโต้ คาโต้ อาจเป็นเด็กหนุ่มที่จัดอยู่ในตัวรองแสนดีผู้ช้ำรัก แต่ก็คุ้นเคยกับแผนการจำพวกนี้จนตนเองยังแอบประหลาดใจ งั้นในอนาคตข้างหน้าเขาจะโดนความชอกช้ำกระหน่ำจนกลายเป็นตัวละครประเภทวางแผนร้ายเพื่อรักบ้างไหมนะ? แต่ความชอกช้ำที่ว่าก็ไม่ได้เกิดขึ้นหนักหน่วงขนาดนั้นหรอก
ว่าแต่...จากความน่าอึดอัดใจที่โดนชวนมาร่วมมื้อค่ำทำลายความรักเพื่อนแบบนี้ เขาควรหยิบการ์ตูนในกระเป๋าขึ้นมาอ่านเอาดื้อๆ ดีไหมนะ เพราะภาษาอังกฤษในเมนูมันดูเหมือนภาษาฝรั่งเศสชอบกล
ฮิมิโกะส่งยิ้มแหยแก่บริกรที่น่าจะเหน็บกินขาได้สองสามนาทีแล้ว “ขอเลือกเมนูครู่หนึ่งแล้วกันนะคะ”
สองหนุ่มหน่อถอนหายใจอย่างพร้อมเพรียงเมื่อไร้คนยืนจดคอยกดดัน
มิยารุโนะมองคู่เดทโต๊ะทางนู้นด้วยสายตาเคืองแค้น ทั้งอาหารที่ทำมาจากไก่ทั้งตัวแล้วก็ซุปนั่นมันเรียกว่าอะไรกันนะ! ขืนอยู่ไปอย่างนี้ดีแต่จะขายหน้า สู้เดินออกไปดื้อๆ เสียดีกว่า! “เปลี่ยนที่ใหม่แล้วกัน เป็นฟาสต์ฟู้ดกินง่ายๆ ยิ่งดี เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง!”
ฮิมิโกะน้ำตาซึมทันทีที่เห็นภาพตรงหน้าของเด็กหนุ่มที่เธอเข้าใจว่าเจ็บปวดจนทนไม่ไหว
ในตอนนั้นเองที่อาเคจิเดินออกมาจากโต๊ะและประสานสายตากับเด็กหนุ่มพอดิบพอดี
ประโยคหลังนั่นมันบีบบังคับทางอ้อมชัดๆ! ถ้าไม่ติดว่าเธอต้องพึ่งผู้ใหญ่ในการจับแยกมิยารุโนะกับผู้อำนวยการล่ะก็ เธอไม่มีวันพยักหน้ายิ้มรับแบบนี้แน่
ฮิมิโกะรู้ว่าตัวเองพลาดตอนเดินไปซื้อของในซูเปอร์มาเก็ต ระหว่างลังเลว่าจะเลือกผักกาดขาวแบบไหนดี เพื่อนชายคนสนิทหมายเลขสองของกลุ่มก็ปรากฏตัวขึ้น ดูเหมือนเขาจะเก่งเรื่องการขุดคุ้ยประสบการณ์ครั้งเก่าก่อนต่อการทำอาหารของเธอดีเหลือเกิน ซึ่งเธอมั่นใจว่าผ่านไปตั้งสามปีแล้ว มันคงมีอะไรดีขึ้นบ้างล่ะน่า แต่คิดไปคิดมา...แผนการกะทันหันแบบนี้หาความแน่นอนยาก กอปรกับฝีมือซาโต้ คาโต้ ดีอย่างเหลือเชื่อ เธอจึงไหว้วานให้เขาช่วยลงมือทำแทนที!
ความจริงซาโต้ คาโต้ ใจดีพอจะขอร้องให้กลับได้ทุกเมื่อ เขาน่ะเข้าใจในแผนการของเธอแน่นอน แต่นางมารร้ายอย่างมิยูรินะจะโผล่เข้ามาตอนเธอกำลังบอกว่าผู้ปกครองไม่อยู่บ้านทำไมก็ไม่รู้
ก็จะไม่ให้โผล่ได้ไงกัน!
หงสาวครุ่นคิดระหว่างมองเด็กสาวหน้ามุ่ยตุ้ยเบาะหลังที่กลับบ้านด้วยรถยนต์สีขาวของหล่อน ในฐานะสมาชิกชมรมสิทธิสตรีและเด็ก องค์ประกอบจำพวก พ่อแม่ไม่อยู่บ้านแล้วเรียกเพื่อนชายมาอยู่เป็นเพื่อน อะไรทำนองนี้ มันคือบ่อเกิดแห่งความพลาดพลั้งครั้งใหญ่ในชีวิตวัยรุ่นสดใสชัดๆ หล่อนไม่มีวันยอมให้เรื่องราวตรงหน้าผ่านไปเฉยๆ โดยไม่ลองขัดขวางมันแน่นอน!
แต่นึกไม่ถึงว่ามิยารุโนะคนนั้นก็จะมาทานข้าวด้วย บางทีฮิมิโกะคงจะวางใจเพราะเห็นว่าเพื่อนสาว (ในความคิดหล่อนฝ่ายเดียว) มาทานข้าวด้วยล่ะมั้ง? เอาเถอะ...มีผู้ใหญ่อยู่ด้วย ยังไงก็ดีที่สุด!
อาหารอันประกอบไปด้วยซุปเต้าหู้ ปลาทอด เทมปุระและข้าวผัดอย่างง่ายๆ ก็เสร็จเรียบร้อยทันเสียงกริ่งของแขกรับเชิญ
สิ่งแรกที่หญิงสาวคิดเมื่อเห็นหน้าเขาคือ...ดีจังเลยที่มีเวลาปลีกตัวมาจากคอนโดนั่นได้ เห็นทีต้องถามความเคลื่อนไหวสักหน่อย ถ้ามีสิ่งผิดปกติล่ะก็ บุกเข้าไปถล่มมันเลย!
ส่วนสิ่งแรกในความคิดของมิยารุโนะคือ...ทำไมเขาต้องเจอผู้หญิงคนนี้อีกแล้วล่ะ! แม้แต่เวลาปล่อยสบายทานบ้านเพื่อนยังหนีไม่พ้นเลยเรอะ!
“พอดีเลย! อาหารเสร็จแล้วจ้ะ!” ฮิมิโกะผายมือไปทางโต๊ะอาหารที่จัดเตรียมไว้สำหรับ ‘สองที่’ “รับรองว่ามิยารุโนะคุงต้องติดใจไปอีกนานแน่ ขนาดฉันเองยังประทับใจจนน้ำตาไหล...เอ้ย! หมายถึงทำไปชิมไปจนเข้าที่น่ะจ้ะ!”
เด็กหนุ่มหน้าสวยมองอาหารลานตาตรงหน้าแล้วนึกทึ่ง จากเมนูที่ไข่ที่นักเปิดพิสดารยังขกยกธงขาว กลายเป็นอาหารน่าลิ้มรสขนาดนี้ได้เลยหรือเนี่ย แม้แต่รสชาติตอนตักชิมซุปก็... โอ้! อร่อยแท้! เขาชมเปาะออกมาอย่างไม่คิดอะไร “ให้คาโต้คุงสอนใช่ไหม รสชาติเหมือนกันเปี๊ยบ”
“จะ...จ้ะ” เธอยิ้มแหย ก่อนจะหยิบตะเกียบคู่ขึ้นมา “เรามาลงมือกันเลยดีกว่านะ”
ในความคิดของมิยูรินะที่แอบมองอยู่ ในมือมีข้าวหน้าหมูทอดแบ่งกันคนละชามกับซาโต้ คาโต้ แล้วทำไมหล่อนโดนไล่ออกมาทานนอกห้องแบบนี้ล่ะเนี่ย...!?
ช่วงเวลาสุขสันต์หลังมื้อค่ำ มิยารุโนะช่วยล้าง เธอช่วยเช็ด ตามมโนภาพของฮิมิโกะ กลายเป็นซาโต้ คาโต้ ช่วยล้าง แล้วเธอเช็ดไปบ่นไป...
ผู้หญิงคนนั้นฉกตัวมิยารุโนะไปเสียได้ แต่รายการโทรทัศน์หลังมื้อค่ำเธอไม่พลาดแน่!
ฝ่ายคนที่โดนหาว่าฉกตัวใครไปก็กำลังสอบถามถึงความเป็นอยู่ในคอนโดแห่งนั้นพอดี
เด็กหนุ่มหลบตาไปมาเหมือนคนโกหกร้อยเปอร์เซ็นต์ ชัวร์อยู่แล้ว เขาต้องมโนภาพหวานชื่นกับผู้อำนวยการคนนั้นถึงมื้อค่ำใต้แสงเทียนบ้างล่ะ มีเครื่องประดับเล็กๆ น้อยๆ มอบให้บ้างล่ะ พาไปช้อปปิ้งซื้อเสื้อผ้าข้าวของบ้างล่ะ ต้องขอบคุณต่อความใฝ่ฝันที่เพื่อนสาวคนสนิทเคยเล่าไว้จริงๆ ถึงจะไม่รู้ว่าเล่าไปทำไมก็เถอะ เพราะผู้อำนวยการหนุ่มคนนั้นแทบจะนับคำพูดกับเขาได้เลย แล้วจะมีอะไรหวานๆ แบบนั้นเป็นของตัวเองได้ไง
มิยูรินะกดเสียงต่ำด้วยใบหน้ายิ้มประจำตัว “แล้วหลังจากนั้นล่ะจ๊ะ”
“ก็เข้านอนตามปกติบ้าง บางคืนก็ดูหนังด้วยกัน จำพวกความรักแห่งทิวเขาคิคุโระ จดหมายรักจากสาวน้อยทิศใต้ หรืออะไรทำนองนั้นน่ะครับ” ขอบคุณหนังที่ฮิมิโกะยื่นให้เช่นกัน แม้เขาจะรับมันมาแบบไม่เคยดูเลยก็เถอะ
มิยูรินะถอนหายใจออกมาเบาๆ ถึงช่วยสวีทหวานอะไรนั่นจะดูโกหกชอบกลก็ตามที แต่หลังจากช่วงมื้อค่ำแล้วคงไม่เกิดอะไรขึ้นมาจริงๆ หล่อนน่ะจับโกหกคนเก่งทีเดียวล่ะ และตอนนี้ก็จับโกหกได้ว่าอาเคจิคนนั้นไม่เคยดูหนังรักพวกนี้แน่ ตัวคนพูดเองก็คงไม่คิดจะแตะ แต่จะยอมตามน้ำไปก่อนแล้วกัน เพื่อการสอบถามวันหลังด้วย
แน่นอนว่าหล่อนยังมีโจทย์ต้องเคลียร์ “เอ...งั้นแปลว่ามิยารุโนะจังต้องอยู่กับคุณคิริซาโตะมานานพอสมควรเลยน่ะสิจ๊ะ? ทำไมไม่ลองหาที่อยู่ใหม่ล่ะ ประมาณว่า...หอพัก...อะไรแบบนี้น่ะจ้ะ อยู่กับคุณอาเคจิแบบนั้นเขาไม่ลำบากใจหรือจ๊ะ? แล้วทางครอบครัวไม่ว่าหรือ อยู่กับเขาแค่สองคนแบบนี้น่ะจ้ะ” ใช่ๆ ถ้ายุให้ออกจากสถานที่อันตรายแบบนั้นได้คงจะดีไม่น้อยเลยล่ะ
สีหน้าเด็กหนุ่มเปลี่ยนไปเมื่อพูดถึงครอบครัว ทีแรกเขาคิดว่าผู้หญิงคนนี้แค่มาถามนั่นนี่ด้วยความหึงหวงล้วนๆ แต่ชักเข้าประเด็นที่เขาไม่อยากพูดถึงแบบนี้ เห็นทีว่าอารมณ์ปั้นเรื่องของเขาจะหมดเสียแล้ว มิยารุโนะตอบไปสองสามคำตามพิธีมากกว่าตั้งใจแต่งเรื่องจริงจังแล้วขอตัวกลับทันที ไม่ฟังกระทั่งเสียงทักท้วงของฮิมิโกะด้วยซ้ำ
มิยูรินะสรุปด้วยความเข้าใจผิดว่าเขาโกรธเพราะเข้าใจว่าหล่อนกำลังหาทางทำลายความรักหรืออะไรทำนองนั้น
เมื่อเด็กหนุ่มกลับมาถึงคอนโดและพบชายหนุ่มศีรษะยังเปียกจากการอาบน้ำ จึงนำขึ้นได้ว่าเวลาตอนนี้คงจะผ่านช่วงหนึ่งทุ่มมาไม่นาน อาเคจิคงเดินออกมาหาเครื่องดื่มแก้กระหายหลังออกมาจากห้องอาบน้ำแสนสบายนั่น
ต่อให้รู้ว่าชายหนุ่มมิได้มีความเกี่ยวข้องใดๆ ในคำถามของมิยูรินะ แต่เป็นเพราะอีกฝ่ายลากเขาเข้ามาเกี่ยวด้วยไม่ใช่หรือไงกัน เขาถึงต้องโดนคนแปลกหน้าพูดถามถึงความคิดเห็นของครอบครัว ของพรรค์นั้นจะเป็นยังไงก็ช่างสิ ยิ่งเขาหนีออกมาได้นานเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ไม่ว่าสถานที่หรือคนก็ไม่อยากเจอทั้งนั้นแหละ!
ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น “อารมณ์เสียอะไรหรือเปล่า”
“เปล่านี่” เขาว่าระหว่างเดินอ้อมไปเทน้ำแร่มาดื่มอักๆ “คุณว่าผมต้องอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหนกันล่ะ”
คำถามนี้สร้างความประหลาดใจแก่อาเคจิเป็นเท่าตัว จากคนไร้บ้านทำไมถึงอยากย้ายออกกะทันหันกัน? “ก็จนกว่าฉันจะได้รับการยืนยันว่าจะไม่โดนจับคู่ดูตัวอะไรอีกน่ะสิ หรือจนกว่าฉันจะหาใครสักคนที่ดีพร้อมเจอ”
“งั้นก็หาเร็วๆ หน่อยแล้วกัน หรือจะเป็นคุณอาคิฮานะคนนั้นก็ได้ เพราะตอนผมไปกินข้าวบ้านฮิมิโกะ เห็นเขาหวงคุณน่าดูเลยนี่!” เขากระแทกเสียงจนคู่นทนาแอบส่งสายตาดุๆ กลับมา แต่ความโกรธที่ถูกจี้เรื่องครอบครัวแล่นขึ้นมามากกว่าจะเกรงกลัว จะโยนเขาออกไปตอนนี้เลยก็ยังได้ แค่คืนเดียวคงใช้เงินที่มีอยู่ในการหาหอพักถูกๆ สักแห่ง หรือรบกวนซาโต้ คาโต้ ได้อยู่แล้ว
บทสนทนาของคืนนั้นก็จบลงด้วยความไม่เข้าใจเช่นนี้เอง
แต่คนจบเรื่องไม่จบ...
อย้อนกลับมาที่บ้านของฮิมิโกะ หลังซาโต้ คาโต้ กลับออกไป เด็กสาวเจ้าของบ้านจำต้องยกผ้าห่มกับหมอนมาไว้ในห้องนั่งเล่นให้คนที่ดึงดันจะพักด้วย เหตุผลสำหรับการค้างฟรีครั้งนี้คือในบ้านไม่มีผู้ใหญ่อาศัยอยู่เลย
‘รู้ไหมว่าการที่เด็กสาวอยู่บ้านคนเดียวน่ะเป็นเรื่องๆไม่สมควร...!’
แน่นอนว่าวาจาขึ้นต้นไม่ชวนสนทนาฉันใดคนฟังก็ไม่สนใจฉันนั้น ฮิมิโกะรีบเบี่ยงประเด็นเป็นเรื่องของมิยารุโนะด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวผสมความเข้าใจผิดๆ ของหญิงสาว ทำให้ภาพลักษณ์กลายเป็นเด็กหนุ่มที่มีความรักอย่างลึกซึ้งและรีบออกจากบ้านไปด้วยความหงุดหงิด เนื่องจากคิดว่ามิยูรินะตั้งใจจะเข้ามาติดพันคนรักของตัวเอง
ยิ่งคิดมันก็ยิ่งเจ็บใจ! ต้องหาทางดึงคนที่เธอแอบชอบมาตลอดหลายปีกลับมาสู่ความรักแบบปกติให้ได้!
มิยูรินะพยักหน้าเบาๆ “เราต้องร่วมมือกัน ไม่มีอะไรที่ผู้หญิงร่วมมือกันแล้วจะหลุดรอดไปได้ ขนาดสงครามพวกเรายังสร้างได้เลย อย่างในยุค...”
“อย่าเพิ่งพูดถึงสงครามเลยค่ะ ตอนนี้จะแยกสองคนนั้นยังไงยังไม่รู้เลย” ฮิมิโกะว่าด้วยความเจ็บใจ มุมปากกัดผ้าเช็ดหน้าร่ำไห้เคืองแค้น “พอเลิกเรียนก็ตรงกลับบ้านด้วยกัน เป็นแบบนี้แล้วฉันจะทำอะไรได้กันเล่า แค่รั้งไว้ตอนกลางวันก็เต็มกลืนแล้วนะคะ ทั้งฉุดทั้งดึงให้พูดจนคอแห้งไปหมดแล้วล่ะ”
มิยูรินะมองอย่างเห็นใจ หล่อนเคยอยู่สถานการณ์ที่ต้องพูดจายืดยาวเพื่อชื่นชมใครสักคนเหมือนกัน ซึ่งความหมายโดยรวมสามารถสรุปได้ภายในสามพยางค์อย่างน่าแค้นใจคือ ‘ทำ – ดี – มาก’ มันก็เหมือนประธานเปิดพิธีอะไรสักอย่างนั่นแหละ ไม่มีใครสนใจว่าบริษัทนั้นก่อตั้งขึ้นมากี่ปีหรือผู้บริหารคนใดทำงานมากี่ชั่วอายุขัยมนุษย์หรอก พนักงานสนเงินเดือนฉันใด ทำดีมากกับบรรยายยืดยาวก็เป็นคำชมเหมือนกันนั่นแหละน่า
แต่ก่อนจะพูดถึงเรื่องโบนัสกับการเลียแข้งเลียขาอันเปี่ยมด้วยศิลปะวาจา หญิงสาวเดาะลิ้นสองสามครั้งอย่างครุ่นคิด “นั่นสินะ ตอนที่เธอเรียกมิยารุโนะจังออกมาก็ไม่มีทีท่าอิดออดด้วย แปลว่าที่กลับไปทุกเย็นอาจไม่มีเรื่องพิเศษอะไร ถ้าจะเรียกมาทานข้าวด้วยกันคงทำได้ประจำ”
ฮิมิโกะประสานมือเข้าด้วยกันนัยน์ตาพราว “จริงด้วย! มื้อเย็นกับมิยารุโนะคุง! ดินเนอร์ใต้แสงเทียน!”
“แต่สุดท้ายเขาก็จะกลับไปหาคุณคิริซาโตะอยู่ดี” หล่อนยักไหล่ทำลายฝันสาวน้อยอย่างไร้เมตตา หากแต่มันคือความจริง “ถ้าอยากให้มิยารุโนะจังมีมื้อค่ำแสนวิเศษกับเธอจริงๆ ล่ะก็ มันต้องมีสักทางสิน่า”
และสีหน้าฮึดฮัดฝันสลายของฮิมิโกะก็ทำให้หล่อนนึกออก
ถ้าบอกว่าฮิมิโกะคืออาหารค่ำสุดหรูใต้แสงเทียน มีเปียโนบรรเลง คนในร้านสวมสูทและเดรสสวยๆ อาจมีแหวนแต่งงานของโต๊ะใดโต๊ะหนึ่งยกขึ้นประกอบ สร้างบรรยากาศดีๆ ชวนให้ค้นหากระซิบฝากคำรัก ดินเนอร์ของอาเคจิในคืนวันอาทิตย์แบบนี้คงให้บรรยากาศใกล้เคียงกัน แต่ต่างเล็กน้อยก็ตรงที่ร้านนี้ไม่มีเปียโน คู่เดทฝ่ายหญิงไม่ใช่ฮิมิโกะ และอาเคจิไม่ต้องการกระซิบบอกอะไรหล่อนทั้งนั้น
ส่วนคู่รักที่มาขอแต่งงานคงต้องดัดแปลงสักหน่อย เป็นเด็กสาวที่ชวนเพื่อนสนิทมาทานอาหารพร้อมกันในร้านหรูแบบนี้ แล้วอ้างว่าฉลองด้วยสาเหตุเล็กๆ น้อยๆ อย่างการผ่านสอบย่อยไปได้ด้วยดี ซึ่งมุมโต๊ะจะเป็นจุดมุมอับพอดี แต่กลับมีวิสัยทัศน์ที่ดีอย่างเหลือเชื่อต่อโต๊ะที่ชายหญิงคู่นั้นนั่งด้วยกัน
ความคิดเห็นของซาโต้ คาโต้ สำหรับแผนการในคราวนี้คือ...เขารู้มานานแล้วล่ะ ว่าฮิมิโกะไม่ได้ใสซื่ออย่างแสดงออกหรอก และดูเหมือนคนที่ยังไม่รู้คือเจ้ามือรับเลี้ยงคราวนี้อย่างมิยารุโนะนี่แหละ
เด็กหนุ่มหน้าหวานถูกจัดให้นั่งประจันหน้าไปทางนั้นพอดี บอกได้เลยว่าเขาไม่รู้เมนูอะไรสักอย่างในร้านนี้พอๆ กับกัลยาณมิตรทั้งสองที่ทำหน้าเหมือนเห็นเมนูเป็นสอบย่อยเมื่อกลางวัน แถมยังต้องนั่งทานไป เงยหน้าขึ้นมาก็เจอคนคู่นั้นไปอีก ขอร้องเลย...เขาเอียนหน้าเรื่อยๆ ไม่สนใจใครของชายหนุ่มมามากพอแล้ว และกำลังวางแผนจะแจ้งความเพราะโดนผู้หญิงคนหนึ่งสตอล์กเกอร์อย่างตรงไปตรงมา
สตอล์กเกอร์อย่างตรงไปตรงมาเป็นอย่างไรน่ะรึ? ก็จำพวกเดินตามเอาดื้อๆ น่ะสิ!
ซาโต้ คาโต้ เห็นใจเพื่อนสนิทเป็นกำลัง เสียงโหวตของเขาอยู่แกนกลางเสมอ ถ้าย้ายร้านเอาตอนนี้อย่างไม่สนใจบริกรหน้าเรียบเฉยที่ยืนรออยู่ก็ได้ แต่ไหนเลยเด็กสาวผมยาวลอนจะยอมล่ะ? นี่มันสงครามแห่งการสร้างความเข้าใจผิดแก่ตัวเอกแบบที่นางอิจฉาทั้งหลายในเรื่องพึงกระทำชัดๆ บางทีฮิมิโกะอาจจะโดนผู้หญิงคนนั้นหลอกใช้อยู่ก็ได้ เคยดูตัวกันแถมสองบ้านก็สนับสนุน เท่ากับดินเนอร์ครั้งนี้เข้าทางสุดๆ ไม่ใช่รึ หรือว่าเพื่อแยกคนที่ตัวเองชอบกับผู้อำนวยการแล้ว ถึงจะโดนหลอกก็ไม่เป็นไรสินะ
ซาโต้ คาโต้ อาจเป็นเด็กหนุ่มที่จัดอยู่ในตัวรองแสนดีผู้ช้ำรัก แต่ก็คุ้นเคยกับแผนการจำพวกนี้จนตนเองยังแอบประหลาดใจ งั้นในอนาคตข้างหน้าเขาจะโดนความชอกช้ำกระหน่ำจนกลายเป็นตัวละครประเภทวางแผนร้ายเพื่อรักบ้างไหมนะ? แต่ความชอกช้ำที่ว่าก็ไม่ได้เกิดขึ้นหนักหน่วงขนาดนั้นหรอก
ว่าแต่...จากความน่าอึดอัดใจที่โดนชวนมาร่วมมื้อค่ำทำลายความรักเพื่อนแบบนี้ เขาควรหยิบการ์ตูนในกระเป๋าขึ้นมาอ่านเอาดื้อๆ ดีไหมนะ เพราะภาษาอังกฤษในเมนูมันดูเหมือนภาษาฝรั่งเศสชอบกล
ฮิมิโกะส่งยิ้มแหยแก่บริกรที่น่าจะเหน็บกินขาได้สองสามนาทีแล้ว “ขอเลือกเมนูครู่หนึ่งแล้วกันนะคะ”
สองหนุ่มหน่อถอนหายใจอย่างพร้อมเพรียงเมื่อไร้คนยืนจดคอยกดดัน
มิยารุโนะมองคู่เดทโต๊ะทางนู้นด้วยสายตาเคืองแค้น ทั้งอาหารที่ทำมาจากไก่ทั้งตัวแล้วก็ซุปนั่นมันเรียกว่าอะไรกันนะ! ขืนอยู่ไปอย่างนี้ดีแต่จะขายหน้า สู้เดินออกไปดื้อๆ เสียดีกว่า! “เปลี่ยนที่ใหม่แล้วกัน เป็นฟาสต์ฟู้ดกินง่ายๆ ยิ่งดี เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง!”
ฮิมิโกะน้ำตาซึมทันทีที่เห็นภาพตรงหน้าของเด็กหนุ่มที่เธอเข้าใจว่าเจ็บปวดจนทนไม่ไหว
ในตอนนั้นเองที่อาเคจิเดินออกมาจากโต๊ะและประสานสายตากับเด็กหนุ่มพอดิบพอดี
“พอดีเลยไม่ใช่หรือจ๊ะ? เห็นว่าพ่อแม่ไม่อยู่บ้านวันนี้ด้วย จะชวนเด็กผู้ชายมาทานเย็นในบ้านที่มีแต่ผู้หญิงคงไม่ดีแน่ หวังว่าจะไม่รบกวนนะ?”
ประโยคหลังนั่นมันบีบบังคับทางอ้อมชัดๆ! ถ้าไม่ติดว่าเธอต้องพึ่งผู้ใหญ่ในการจับแยกมิยารุโนะกับผู้อำนวยการล่ะก็ เธอไม่มีวันพยักหน้ายิ้มรับแบบนี้แน่
ฮิมิโกะรู้ว่าตัวเองพลาดตอนเดินไปซื้อของในซูเปอร์มาเก็ต ระหว่างลังเลว่าจะเลือกผักกาดขาวแบบไหนดี เพื่อนชายคนสนิทหมายเลขสองของกลุ่มก็ปรากฏตัวขึ้น ดูเหมือนเขาจะเก่งเรื่องการขุดคุ้ยประสบการณ์ครั้งเก่าก่อนต่อการทำอาหารของเธอดีเหลือเกิน ซึ่งเธอมั่นใจว่าผ่านไปตั้งสามปีแล้ว มันคงมีอะไรดีขึ้นบ้างล่ะน่า แต่คิดไปคิดมา...แผนการกะทันหันแบบนี้หาความแน่นอนยาก กอปรกับฝีมือซาโต้ คาโต้ ดีอย่างเหลือเชื่อ เธอจึงไหว้วานให้เขาช่วยลงมือทำแทนที!
ความจริงซาโต้ คาโต้ ใจดีพอจะขอร้องให้กลับได้ทุกเมื่อ เขาน่ะเข้าใจในแผนการของเธอแน่นอน แต่นางมารร้ายอย่างมิยูรินะจะโผล่เข้ามาตอนเธอกำลังบอกว่าผู้ปกครองไม่อยู่บ้านทำไมก็ไม่รู้
ก็จะไม่ให้โผล่ได้ไงกัน!
หงสาวครุ่นคิดระหว่างมองเด็กสาวหน้ามุ่ยตุ้ยเบาะหลังที่กลับบ้านด้วยรถยนต์สีขาวของหล่อน ในฐานะสมาชิกชมรมสิทธิสตรีและเด็ก องค์ประกอบจำพวก พ่อแม่ไม่อยู่บ้านแล้วเรียกเพื่อนชายมาอยู่เป็นเพื่อน อะไรทำนองนี้ มันคือบ่อเกิดแห่งความพลาดพลั้งครั้งใหญ่ในชีวิตวัยรุ่นสดใสชัดๆ หล่อนไม่มีวันยอมให้เรื่องราวตรงหน้าผ่านไปเฉยๆ โดยไม่ลองขัดขวางมันแน่นอน!
แต่นึกไม่ถึงว่ามิยารุโนะคนนั้นก็จะมาทานข้าวด้วย บางทีฮิมิโกะคงจะวางใจเพราะเห็นว่าเพื่อนสาว (ในความคิดหล่อนฝ่ายเดียว) มาทานข้าวด้วยล่ะมั้ง? เอาเถอะ...มีผู้ใหญ่อยู่ด้วย ยังไงก็ดีที่สุด!
อาหารอันประกอบไปด้วยซุปเต้าหู้ ปลาทอด เทมปุระและข้าวผัดอย่างง่ายๆ ก็เสร็จเรียบร้อยทันเสียงกริ่งของแขกรับเชิญ
สิ่งแรกที่หญิงสาวคิดเมื่อเห็นหน้าเขาคือ...ดีจังเลยที่มีเวลาปลีกตัวมาจากคอนโดนั่นได้ เห็นทีต้องถามความเคลื่อนไหวสักหน่อย ถ้ามีสิ่งผิดปกติล่ะก็ บุกเข้าไปถล่มมันเลย!
ส่วนสิ่งแรกในความคิดของมิยารุโนะคือ...ทำไมเขาต้องเจอผู้หญิงคนนี้อีกแล้วล่ะ! แม้แต่เวลาปล่อยสบายทานบ้านเพื่อนยังหนีไม่พ้นเลยเรอะ!
“พอดีเลย! อาหารเสร็จแล้วจ้ะ!” ฮิมิโกะผายมือไปทางโต๊ะอาหารที่จัดเตรียมไว้สำหรับ ‘สองที่’ “รับรองว่ามิยารุโนะคุงต้องติดใจไปอีกนานแน่ ขนาดฉันเองยังประทับใจจนน้ำตาไหล...เอ้ย! หมายถึงทำไปชิมไปจนเข้าที่น่ะจ้ะ!”
เด็กหนุ่มหน้าสวยมองอาหารลานตาตรงหน้าแล้วนึกทึ่ง จากเมนูที่ไข่ที่นักเปิดพิสดารยังขกยกธงขาว กลายเป็นอาหารน่าลิ้มรสขนาดนี้ได้เลยหรือเนี่ย แม้แต่รสชาติตอนตักชิมซุปก็... โอ้! อร่อยแท้! เขาชมเปาะออกมาอย่างไม่คิดอะไร “ให้คาโต้คุงสอนใช่ไหม รสชาติเหมือนกันเปี๊ยบ”
“จะ...จ้ะ” เธอยิ้มแหย ก่อนจะหยิบตะเกียบคู่ขึ้นมา “เรามาลงมือกันเลยดีกว่านะ”
ในความคิดของมิยูรินะที่แอบมองอยู่ ในมือมีข้าวหน้าหมูทอดแบ่งกันคนละชามกับซาโต้ คาโต้ แล้วทำไมหล่อนโดนไล่ออกมาทานนอกห้องแบบนี้ล่ะเนี่ย...!?
ช่วงเวลาสุขสันต์หลังมื้อค่ำ มิยารุโนะช่วยล้าง เธอช่วยเช็ด ตามมโนภาพของฮิมิโกะ กลายเป็นซาโต้ คาโต้ ช่วยล้าง แล้วเธอเช็ดไปบ่นไป...
ผู้หญิงคนนั้นฉกตัวมิยารุโนะไปเสียได้ แต่รายการโทรทัศน์หลังมื้อค่ำเธอไม่พลาดแน่!
ฝ่ายคนที่โดนหาว่าฉกตัวใครไปก็กำลังสอบถามถึงความเป็นอยู่ในคอนโดแห่งนั้นพอดี
เด็กหนุ่มหลบตาไปมาเหมือนคนโกหกร้อยเปอร์เซ็นต์ ชัวร์อยู่แล้ว เขาต้องมโนภาพหวานชื่นกับผู้อำนวยการคนนั้นถึงมื้อค่ำใต้แสงเทียนบ้างล่ะ มีเครื่องประดับเล็กๆ น้อยๆ มอบให้บ้างล่ะ พาไปช้อปปิ้งซื้อเสื้อผ้าข้าวของบ้างล่ะ ต้องขอบคุณต่อความใฝ่ฝันที่เพื่อนสาวคนสนิทเคยเล่าไว้จริงๆ ถึงจะไม่รู้ว่าเล่าไปทำไมก็เถอะ เพราะผู้อำนวยการหนุ่มคนนั้นแทบจะนับคำพูดกับเขาได้เลย แล้วจะมีอะไรหวานๆ แบบนั้นเป็นของตัวเองได้ไง
มิยูรินะกดเสียงต่ำด้วยใบหน้ายิ้มประจำตัว “แล้วหลังจากนั้นล่ะจ๊ะ”
“ก็เข้านอนตามปกติบ้าง บางคืนก็ดูหนังด้วยกัน จำพวกความรักแห่งทิวเขาคิคุโระ จดหมายรักจากสาวน้อยทิศใต้ หรืออะไรทำนองนั้นน่ะครับ” ขอบคุณหนังที่ฮิมิโกะยื่นให้เช่นกัน แม้เขาจะรับมันมาแบบไม่เคยดูเลยก็เถอะ
มิยูรินะถอนหายใจออกมาเบาๆ ถึงช่วยสวีทหวานอะไรนั่นจะดูโกหกชอบกลก็ตามที แต่หลังจากช่วงมื้อค่ำแล้วคงไม่เกิดอะไรขึ้นมาจริงๆ หล่อนน่ะจับโกหกคนเก่งทีเดียวล่ะ และตอนนี้ก็จับโกหกได้ว่าอาเคจิคนนั้นไม่เคยดูหนังรักพวกนี้แน่ ตัวคนพูดเองก็คงไม่คิดจะแตะ แต่จะยอมตามน้ำไปก่อนแล้วกัน เพื่อการสอบถามวันหลังด้วย
แน่นอนว่าหล่อนยังมีโจทย์ต้องเคลียร์ “เอ...งั้นแปลว่ามิยารุโนะจังต้องอยู่กับคุณคิริซาโตะมานานพอสมควรเลยน่ะสิจ๊ะ? ทำไมไม่ลองหาที่อยู่ใหม่ล่ะ ประมาณว่า...หอพัก...อะไรแบบนี้น่ะจ้ะ อยู่กับคุณอาเคจิแบบนั้นเขาไม่ลำบากใจหรือจ๊ะ? แล้วทางครอบครัวไม่ว่าหรือ อยู่กับเขาแค่สองคนแบบนี้น่ะจ้ะ” ใช่ๆ ถ้ายุให้ออกจากสถานที่อันตรายแบบนั้นได้คงจะดีไม่น้อยเลยล่ะ
สีหน้าเด็กหนุ่มเปลี่ยนไปเมื่อพูดถึงครอบครัว ทีแรกเขาคิดว่าผู้หญิงคนนี้แค่มาถามนั่นนี่ด้วยความหึงหวงล้วนๆ แต่ชักเข้าประเด็นที่เขาไม่อยากพูดถึงแบบนี้ เห็นทีว่าอารมณ์ปั้นเรื่องของเขาจะหมดเสียแล้ว มิยารุโนะตอบไปสองสามคำตามพิธีมากกว่าตั้งใจแต่งเรื่องจริงจังแล้วขอตัวกลับทันที ไม่ฟังกระทั่งเสียงทักท้วงของฮิมิโกะด้วยซ้ำ
มิยูรินะสรุปด้วยความเข้าใจผิดว่าเขาโกรธเพราะเข้าใจว่าหล่อนกำลังหาทางทำลายความรักหรืออะไรทำนองนั้น
เมื่อเด็กหนุ่มกลับมาถึงคอนโดและพบชายหนุ่มศีรษะยังเปียกจากการอาบน้ำ จึงนำขึ้นได้ว่าเวลาตอนนี้คงจะผ่านช่วงหนึ่งทุ่มมาไม่นาน อาเคจิคงเดินออกมาหาเครื่องดื่มแก้กระหายหลังออกมาจากห้องอาบน้ำแสนสบายนั่น
ต่อให้รู้ว่าชายหนุ่มมิได้มีความเกี่ยวข้องใดๆ ในคำถามของมิยูรินะ แต่เป็นเพราะอีกฝ่ายลากเขาเข้ามาเกี่ยวด้วยไม่ใช่หรือไงกัน เขาถึงต้องโดนคนแปลกหน้าพูดถามถึงความคิดเห็นของครอบครัว ของพรรค์นั้นจะเป็นยังไงก็ช่างสิ ยิ่งเขาหนีออกมาได้นานเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ไม่ว่าสถานที่หรือคนก็ไม่อยากเจอทั้งนั้นแหละ!
ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น “อารมณ์เสียอะไรหรือเปล่า”
“เปล่านี่” เขาว่าระหว่างเดินอ้อมไปเทน้ำแร่มาดื่มอักๆ “คุณว่าผมต้องอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหนกันล่ะ”
คำถามนี้สร้างความประหลาดใจแก่อาเคจิเป็นเท่าตัว จากคนไร้บ้านทำไมถึงอยากย้ายออกกะทันหันกัน? “ก็จนกว่าฉันจะได้รับการยืนยันว่าจะไม่โดนจับคู่ดูตัวอะไรอีกน่ะสิ หรือจนกว่าฉันจะหาใครสักคนที่ดีพร้อมเจอ”
“งั้นก็หาเร็วๆ หน่อยแล้วกัน หรือจะเป็นคุณอาคิฮานะคนนั้นก็ได้ เพราะตอนผมไปกินข้าวบ้านฮิมิโกะ เห็นเขาหวงคุณน่าดูเลยนี่!” เขากระแทกเสียงจนคู่นทนาแอบส่งสายตาดุๆ กลับมา แต่ความโกรธที่ถูกจี้เรื่องครอบครัวแล่นขึ้นมามากกว่าจะเกรงกลัว จะโยนเขาออกไปตอนนี้เลยก็ยังได้ แค่คืนเดียวคงใช้เงินที่มีอยู่ในการหาหอพักถูกๆ สักแห่ง หรือรบกวนซาโต้ คาโต้ ได้อยู่แล้ว
บทสนทนาของคืนนั้นก็จบลงด้วยความไม่เข้าใจเช่นนี้เอง
แต่คนจบเรื่องไม่จบ...
ย้อนกลับมาที่บ้านของฮิมิโกะ หลังซาโต้ คาโต้ กลับออกไป เด็กสาวเจ้าของบ้านจำต้องยกผ้าห่มกับหมอนมาไว้ในห้องนั่งเล่นให้คนที่ดึงดันจะพักด้วย เหตุผลสำหรับการค้างฟรีครั้งนี้คือในบ้านไม่มีผู้ใหญ่อาศัยอยู่เลย
‘รู้ไหมว่าการที่เด็กสาวอยู่บ้านคนเดียวน่ะเป็นเรื่องๆไม่สมควร...!’
แน่นอนว่าวาจาขึ้นต้นไม่ชวนสนทนาฉันใดคนฟังก็ไม่สนใจฉันนั้น ฮิมิโกะรีบเบี่ยงประเด็นเป็นเรื่องของมิยารุโนะด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวผสมความเข้าใจผิดๆ ของหญิงสาว ทำให้ภาพลักษณ์กลายเป็นเด็กหนุ่มที่มีความรักอย่างลึกซึ้งและรีบออกจากบ้านไปด้วยความหงุดหงิด เนื่องจากคิดว่ามิยูรินะตั้งใจจะเข้ามาติดพันคนรักของตัวเอง
ยิ่งคิดมันก็ยิ่งเจ็บใจ! ต้องหาทางดึงคนที่เธอแอบชอบมาตลอดหลายปีกลับมาสู่ความรักแบบปกติให้ได้!
มิยูรินะพยักหน้าเบาๆ “เราต้องร่วมมือกัน ไม่มีอะไรที่ผู้หญิงร่วมมือกันแล้วจะหลุดรอดไปได้ ขนาดสงครามพวกเรายังสร้างได้เลย อย่างในยุค...”
“อย่าเพิ่งพูดถึงสงครามเลยค่ะ ตอนนี้จะแยกสองคนนั้นยังไงยังไม่รู้เลย” ฮิมิโกะว่าด้วยความเจ็บใจ มุมปากกัดผ้าเช็ดหน้าร่ำไห้เคืองแค้น “พอเลิกเรียนก็ตรงกลับบ้านด้วยกัน เป็นแบบนี้แล้วฉันจะทำอะไรได้กันเล่า แค่รั้งไว้ตอนกลางวันก็เต็มกลืนแล้วนะคะ ทั้งฉุดทั้งดึงให้พูดจนคอแห้งไปหมดแล้วล่ะ”
มิยูรินะมองอย่างเห็นใจ หล่อนเคยอยู่สถานการณ์ที่ต้องพูดจายืดยาวเพื่อชื่นชมใครสักคนเหมือนกัน ซึ่งความหมายโดยรวมสามารถสรุปได้ภายในสามพยางค์อย่างน่าแค้นใจคือ ‘ทำ – ดี – มาก’ มันก็เหมือนประธานเปิดพิธีอะไรสักอย่างนั่นแหละ ไม่มีใครสนใจว่าบริษัทนั้นก่อตั้งขึ้นมากี่ปีหรือผู้บริหารคนใดทำงานมากี่ชั่วอายุขัยมนุษย์หรอก พนักงานสนเงินเดือนฉันใด ทำดีมากกับบรรยายยืดยาวก็เป็นคำชมเหมือนกันนั่นแหละน่า
แต่ก่อนจะพูดถึงเรื่องโบนัสกับการเลียแข้งเลียขาอันเปี่ยมด้วยศิลปะวาจา หญิงสาวเดาะลิ้นสองสามครั้งอย่างครุ่นคิด “นั่นสินะ ตอนที่เธอเรียกมิยารุโนะจังออกมาก็ไม่มีทีท่าอิดออดด้วย แปลว่าที่กลับไปทุกเย็นอาจไม่มีเรื่องพิเศษอะไร ถ้าจะเรียกมาทานข้าวด้วยกันคงทำได้ประจำ”
ฮิมิโกะประสานมือเข้าด้วยกันนัยน์ตาพราว “จริงด้วย! มื้อเย็นกับมิยารุโนะคุง! ดินเนอร์ใต้แสงเทียน!”
“แต่สุดท้ายเขาก็จะกลับไปหาคุณคิริซาโตะอยู่ดี” หล่อนยักไหล่ทำลายฝันสาวน้อยอย่างไร้เมตตา หากแต่มันคือความจริง “ถ้าอยากให้มิยารุโนะจังมีมื้อค่ำแสนวิเศษกับเธอจริงๆ ล่ะก็ มันต้องมีสักทางสิน่า”
และสีหน้าฮึดฮัดฝันสลายของฮิมิโกะก็ทำให้หล่อนนึกออก
ถ้าบอกว่าฮิมิโกะคืออาหารค่ำสุดหรูใต้แสงเทียน มีเปียโนบรรเลง คนในร้านสวมสูทและเดรสสวยๆ อาจมีแหวนแต่งงานของโต๊ะใดโต๊ะหนึ่งยกขึ้นประกอบ สร้างบรรยากาศดีๆ ชวนให้ค้นหากระซิบฝากคำรัก ดินเนอร์ของอาเคจิในคืนวันอาทิตย์แบบนี้คงให้บรรยากาศใกล้เคียงกัน แต่ต่างเล็กน้อยก็ตรงที่ร้านนี้ไม่มีเปียโน คู่เดทฝ่ายหญิงไม่ใช่ฮิมิโกะ และอาเคจิไม่ต้องการกระซิบบอกอะไรหล่อนทั้งนั้น
ส่วนคู่รักที่มาขอแต่งงานคงต้องดัดแปลงสักหน่อย เป็นเด็กสาวที่ชวนเพื่อนสนิทมาทานอาหารพร้อมกันในร้านหรูแบบนี้ แล้วอ้างว่าฉลองด้วยสาเหตุเล็กๆ น้อยๆ อย่างการผ่านสอบย่อยไปได้ด้วยดี ซึ่งมุมโต๊ะจะเป็นจุดมุมอับพอดี แต่กลับมีวิสัยทัศน์ที่ดีอย่างเหลือเชื่อต่อโต๊ะที่ชายหญิงคู่นั้นนั่งด้วยกัน
ความคิดเห็นของซาโต้ คาโต้ สำหรับแผนการในคราวนี้คือ...เขารู้มานานแล้วล่ะ ว่าฮิมิโกะไม่ได้ใสซื่ออย่างแสดงออกหรอก และดูเหมือนคนที่ยังไม่รู้คือเจ้ามือรับเลี้ยงคราวนี้อย่างมิยารุโนะนี่แหละ
เด็กหนุ่มหน้าหวานถูกจัดให้นั่งประจันหน้าไปทางนั้นพอดี บอกได้เลยว่าเขาไม่รู้เมนูอะไรสักอย่างในร้านนี้พอๆ กับกัลยาณมิตรทั้งสองที่ทำหน้าเหมือนเห็นเมนูเป็นสอบย่อยเมื่อกลางวัน แถมยังต้องนั่งทานไป เงยหน้าขึ้นมาก็เจอคนคู่นั้นไปอีก ขอร้องเลย...เขาเอียนหน้าเรื่อยๆ ไม่สนใจใครของชายหนุ่มมามากพอแล้ว และกำลังวางแผนจะแจ้งความเพราะโดนผู้หญิงคนหนึ่งสตอล์กเกอร์อย่างตรงไปตรงมา
สตอล์กเกอร์อย่างตรงไปตรงมาเป็นอย่างไรน่ะรึ? ก็จำพวกเดินตามเอาดื้อๆ น่ะสิ!
ซาโต้ คาโต้ เห็นใจเพื่อนสนิทเป็นกำลัง เสียงโหวตของเขาอยู่แกนกลางเสมอ ถ้าย้ายร้านเอาตอนนี้อย่างไม่สนใจบริกรหน้าเรียบเฉยที่ยืนรออยู่ก็ได้ แต่ไหนเลยเด็กสาวผมยาวลอนจะยอมล่ะ? นี่มันสงครามแห่งการสร้างความเข้าใจผิดแก่ตัวเอกแบบที่นางอิจฉาทั้งหลายในเรื่องพึงกระทำชัดๆ บางทีฮิมิโกะอาจจะโดนผู้หญิงคนนั้นหลอกใช้อยู่ก็ได้ เคยดูตัวกันแถมสองบ้านก็สนับสนุน เท่ากับดินเนอร์ครั้งนี้เข้าทางสุดๆ ไม่ใช่รึ หรือว่าเพื่อแยกคนที่ตัวเองชอบกับผู้อำนวยการแล้ว ถึงจะโดนหลอกก็ไม่เป็นไรสินะ
ซาโต้ คาโต้ อาจเป็นเด็กหนุ่มที่จัดอยู่ในตัวรองแสนดีผู้ช้ำรัก แต่ก็คุ้นเคยกับแผนการจำพวกนี้จนตนเองยังแอบประหลาดใจ งั้นในอนาคตข้างหน้าเขาจะโดนความชอกช้ำกระหน่ำจนกลายเป็นตัวละครประเภทวางแผนร้ายเพื่อรักบ้างไหมนะ? แต่ความชอกช้ำที่ว่าก็ไม่ได้เกิดขึ้นหนักหน่วงขนาดนั้นหรอก
ว่าแต่...จากความน่าอึดอัดใจที่โดนชวนมาร่วมมื้อค่ำทำลายความรักเพื่อนแบบนี้ เขาควรหยิบการ์ตูนในกระเป๋าขึ้นมาอ่านเอาดื้อๆ ดีไหมนะ เพราะภาษาอังกฤษในเมนูมันดูเหมือนภาษาฝรั่งเศสชอบกล
ฮิมิโกะส่งยิ้มแหยแก่บริกรที่น่าจะเหน็บกินขาได้สองสามนาทีแล้ว “ขอเลือกเมนูครู่หนึ่งแล้วกันนะคะ”
สองหนุ่มหน่อถอนหายใจอย่างพร้อมเพรียงเมื่อไร้คนยืนจดคอยกดดัน
มิยารุโนะมองคู่เดทโต๊ะทางนู้นด้วยสายตาเคืองแค้น ทั้งอาหารที่ทำมาจากไก่ทั้งตัวแล้วก็ซุปนั่นมันเรียกว่าอะไรกันนะ! ขืนอยู่ไปอย่างนี้ดีแต่จะขายหน้า สู้เดินออกไปดื้อๆ เสียดีกว่า! “เปลี่ยนที่ใหม่แล้วกัน เป็นฟาสต์ฟู้ดกินง่ายๆ ยิ่งดี เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง!”
ฮิมิโกะน้ำตาซึมทันทีที่เห็นภาพตรงหน้าของเด็กหนุ่มที่เธอเข้าใจว่าเจ็บปวดจนทนไม่ไหว
ในตอนนั้นเองที่อาเคจิเดินออกมาจากโต๊ะและประสานสายตากับเด็กหนุ่มพอดิบพอดี
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ