The Tenderly
10.0
เขียนโดย ปรัสรา
วันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2556 เวลา 23.32 น.
6 session
0 วิจารณ์
12.46K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2556 23.42 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) บท 2
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ “ที่นี่มีห้องนอนสอง ห้องน้ำหนึ่ง ฉันจะใช้ห้องน้ำตอนหกโมงครึ่งจนถึงเจ็ดโมง หรือหกโมงจนถึงหนึ่งทุ่ม นายใช้ห้องน้ำก่อนหรือหลังได้ แต่ห้ามใช้ในเวลานั้นก็พอ นายอยู่ในห้องนอนเล็กนะ ที่นั่นมีผ้าห่มหนึ่งผืนกับหมอนเตรียมไว้แล้ว ส่วนครัวอยู่หลังสุด เวลาทำอาหารเปิดเครื่องดูดควันทุกครั้งด้วย ทุกวันอาทิตย์จะมีคนเข้ามาทำความสะอาด ถ้ามีของอะไรไม่อยากให้คนนอกเห็นก็เก็บใส่กระเป๋าซะ ส่วนทีวีในห้องนั่งเล่นเปิดได้ตลอดตามต้องการ เพราะฉันไม่ได้ใช้มันมาสามอาทิตย์แล้ว” ประโยคหลังของคนพูดมาพร้อมกันถอนหายใจหนักๆ ราวกับบ่งบอกว่าช่วงนี้งานสุมเยอะมากจนต้องหลับคาโต๊ะทำงานมาหลายรอบ เด็กหนุ่มเดินถือกระเป๋าบรรจุชุดแบบหญิงและชายเข้ามาด้วยตัวลีบๆ เมื่อมองไปที่ความมีระดับอย่างเรียบๆ ในตัวที่ห้องนี้มีครบครัน ซึ่งความมีระดับแบบเรียบๆ นี้คือการใช้ของเกรดเอบวกกับเครื่องใช้เฟอร์นิเจอร์หรือสุขภัณฑ์ต่างๆ แบบที่ไม่มีวันเจอจากบ้านคนธรรมดาได้เลย อย่างน้อยก็ต้องมีเงินในระดับหนึ่งถึงติดตั้งก๊อกน้ำอัตโนมัติแบบนี้ได้ แค่ยื่นมือออกไปก็มีน้ำไหลออกมาให้ล้างเรียบร้อย แถมยังมีอ่างน้ำโรยกลีบกุหลาบ ครีมอาบน้ำกลิ่นต่างๆ นี่คงเป็นที่มาของการอาบน้ำเป็นชั่วโมงๆ สินะ มิยารุโนะมองเจ้าบ้านที่เดินเข้าห้องน้ำสบายใจเฉิบอย่างอิจฉา อ่างน้ำตั้งกว้างแท้ๆ ถ้าเขาซนกว่านี้อีกสักหน่อยคงบุกเข้าไปแช่อีกคนแล้ว! ก็นะ...คนที่ไม่กล้าเข้าไปพักบ้านเด็กผู้หญิงก็คงไม่ใจกล้าบุกเข้าห้องน้ำส่วนตัวของผู้ชายที่เพิ่งพบกันแค่สามชั่วโมงสิบสองนาทีหรอก เขาเดินเข้าไปในห้องนอน ‘เล็ก’ ที่มีขนาดใหญ่พอจะบรรจุห้องพักเดิมของเขาลงไปได้แล้วยังเหลืออีกนิดหน่อย งั้นแปลว่าห้องนอน ‘ใหญ่’ ก็ต้องกว้างกว่านี้อีกสองสามเท่าน่ะสิ? มิยารุโนะคิดว่าตัวเองมีความอิจฉาชายหนุ่มคนนั้นขึ้นมาอีกสิบเปอร์เซ็นต์จากร้อย แต่บ้านที่ใหญ่กว่านี้เขาก็เคยเห็นมาแล้วนี่นา จะเอาอะไรมากกับสิ่งปลูกสร้างนักเล่า จะใหญ่จะเล็กก็สร้างจากปูนจากอิฐเหมือนกันนั่นแหละ ใช่ว่าโพไซดอน จะรับสร้างบ้านสักหน่อย ข้าวของถูกจัดอยู่ในมุมที่ใกล้กันเพื่อไวต่อการโยนลงกระเป๋าเดินทางคู่ใจใบเดิม เด็กหนุ่มกระโจนขึ้นเตียงกว้างอย่างแสนสุขีในอารมณ์เมื่อรู้ว่าคืนนี้มีหลังคาบังลมฝนสะดวกสบายแค่ไหน เมื่อกระโจนขึ้นเตียงใหญ่แล้วมองไปด้านซ้ายมือ เขาพบว่ายังมีห้องอาบน้ำซ่อนอยู่อีกแห่งหนึ่ง แต่คราวนี้อ่างน้ำไม่ใหญ่เท่าห้องอาบน้ำที่ชายหนุ่มชี้ให้ดูตอนแรก หลังคิดอยู่พักหนึ่ง เขาจึงเข้าใจว่าห้องอาบน้ำนั้นถูกสร้างขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อใช้ผ่อนคลายโดยเฉพาะ แต่ถ้าไม่อยากยุ่งยากพิถีพิถันมากก็กระโจนลงอ่างเล็กๆ ในห้องส่วนตัวไปเลยก็ได้ มิยารุโนะปลดกระโปรงน่ารำคาญสีฟ้าตัวนี้ออก แล้วลงไปสงบจิตใจท่ามกลางสายน้ำอันอบอุ่น จะดีกว่าไหมถ้ากลับบ้าน... ใจเขาเผลอคิดขึ้นมา ก่อนจะท้วงตัวเองเบาๆ ...ไม่เอาหรอก แล้วหนึ่งคืนที่เงียบเชียบก็ผ่านไป
มิยารุโนะเพิ่งทราบว่าตัวเองนั่งรถมากับผู้อำนวยการโรงเรียนก็เพราะคำทักทายของเลขานุการิณีสาวนามว่าคุณโมโตยะคนนี้นี่เอง หล่อนมีเส้นผมยาวเหยียดตรงและแว่นกรอบเหลี่ยมสีเงิน ท่าทางแข็งขันกระฉับกระเฉงบ่งบอกว่าหล่อนคงเป็นเลขาฯ สารพัดประโยชน์เป็นแน่ และตอนนี้หล่อนกำลังแจ้งถึงการมาเยือนของผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งนั่งรออยู่ในห้องรับแขกราวครึ่งชั่วโมงแล้ว เด็กหนุ่มพลิกดูนาฬิกาข้อมือ ตอนนี้เพิ่งจะเจ็ดโมงสี่สิบเอง ถ้าผู้หญิงคนที่ว่าไม่ได้มีเรื่องด่วนจากกระทรวงศึกษาธิการ เกรงว่าหล่อนคงจะเป็น... “คุณอาคิฮานะ มิยูรินะ รออยู่ในห้องรับแขกเอค่ะ” คุณโมโตยะแจ้งชื่อด้วยรอยยิ้มเล็กๆ หล่อนเป็นหนึ่งในคนที่รู้ว่าเขาเพิ่งไปดูตัวกับใครมา ถึงท่าทางไม่ยินดียินร้ายของเจ้านายจะเปลี่ยนเป็นความอึมครึมแปลกๆ แต่เล่นเอาสาวเจ้ามารอพบตั้งแต่เช้าแบบนี้ได้ เกรงว่าหล่อนต้องใช้ชื่อใครเพิ่มในหมวด ‘บุคคลสำคัญ’ ของเจ้านายกระมัง แต่เลขาฯ สาวกลับต้องงุนงงเมื่อเห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งถูกเจ้านายดึงตามหลังไป โดยเขาไม่มีทีท่าจะไล่เสียด้วย นี่หล่อนควรทราบอะไรรึเปล่านี่? ไม่ใช่แค่คุณเลขานุการิณีที่อยากทราบเท่านั้น เด็กหนุ่มหน้าหวานเองก็เช่นกัน เขาอยู่ในสภาพกางเกงเสื้อยืดแบบที่ดูยังไงๆ ก็ไม่ใช่ผู้หญิงนะ ใจคอจะพาไปด้วยสภาพนี้จริงหรือ ถ้าผู้หญิงคนนั้นไปบอกคุณอากิโกะอะไรนั่นว่าเขาเป็นผู้ชายแล้วแล่นมาโวยถึงที่เล่า เขาจะโดนอำนาจ ‘มารดาผอ.’ สั่งบังคับออกเอาดื้อๆ หรือเปล่า แล้วถ้าโดนบังคับออกจริงๆ ใครจะรับผิดชอบเล่า! “ขออภัยที่ทำต้องรอนานครับ คุณมิยูรินะ” ชายหนุ่มโค้งศีรษะเล็กน้อยเมื่อเดินเข้าไปในห้องรับแขกที่ว่า โดยมี ‘แฟนสาว’ โค้งตามอย่างว่องไว เล่นเอาหญิงสาวถึงกับอึ้ง ตกลงว่าเด็กอายุสิบเจ็ดที่พามาเมื่อวานนี้ไม่ใช่นักแสดงจริงๆ หรือนี่...!? โรงเรียนฮาคุโระมีลักษณะพิเศษอย่างหนึ่งด้านการแต่งกาย เพราะเห็นชัดว่าในโรงเรียนมัธยมแต่ละแห่งล้วนมีการเปลี่ยนเครื่องแบบกันหลายต่อหลายครั้งในช่วงระยะสิบปีที่ผ่านมา เป็นปัญหาแก่นักเรียนหลายคนที่ขาดทุนทรัพย์ในการเปลี่ยนเครื่องแต่งกายตามไปด้วย ผู้อำนวยการรุ่นก่อนจึงลงความเห็นว่าชุดยูนิฟอร์มของโรงเรียนคือเครื่องแสดงสถานะ หาใช่ตัวตัดสินว่าคนคนนั้นคือนักเรียนแห่งมัธยมฮาคุโระแห่งนี้ และอนุญาตให้นักเรียนทั้งหลายสวมชุดลำลองมาได้ตามใจชอบ ขอแค่ไม่ฉูดฉาดแฟนซีจนเกินรับได้ก็พอแล้ว อาเคจิอยากโค้งศีรษะยอมรับในวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของอดีตผอ.เหลือเกิน เพราะแฟนสาวจอมปลอมของเขาจะสวมกระโปรงนักเรียนได้ยังไงกัน... “นี่เด็กในโรงเรียน...” มิยูรินะอ้าปากค้าง “เป็นเด็กในโรงเรียนแห่งนี้ด้วยหรือคะ!” โอ้...หล่อนไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่ามิยารุโนะจะอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเขาเลย นอกจากให้เด็กอายุสิบเจ็ดอยู่ในห้องเดียวกันไม่พอ ยังจะเป็นเด็กในโรงเรียนอีกหรือนี่ เขาเห็นสถาบันการศึกษาแห่งนี้เป็นอะไร ถึงได้กล้ามีความรักฉันชู้สาวกับเด็กในโรงเรียนของตัวเอง ต่ำช้าร้ายกาจเกินไปแล้ว! ชายหนุ่มสบตาอึ้งๆ ที่เบื้องหลังเปี่ยมคำด่านับพันด้วยคำถาม “มีธุระด่วนหรือเปล่าครับนี่ มาพบผมแต่เช้าแบบนี้...แถมยังบอกไม่ให้คุณโมโตยะแจ้งผมล่วงหน้าอีก” หล่อนกระพริบตาด้วยรอยยิ้มหวานประจำตัว “คุณโมโคยะ? อ๋อ...คุณเลขาฯ น่ะหรือคะ ดิฉันนั่งรอที่นี่ก็สะดวกดีค่ะ ไม่ได้เร่งรีบอะไร” ใช่...ถ้าบอกไปเขาก็เตี๊ยมกับนักแสดงแฟนรับจ้างเมื่อวานได้น่ะสิ หล่อนอุตส่าห์คิดในแง่ดีแล้วเชียวว่าเขาพาคนมาหลอกน่ะ! เสียงกริ่งเข้าเรียนดังขึ้นขัดจังหวะอารมณ์พลุ่กพล่านภายใต้ใบหน้ายิ้มหวานของมิยูรินะ ซึ่งเด็กหนุ่มหวานผู้โดนเข้าใจว่าเป็นเด็กสาวแก่นกระโหลกชอบแต่งตัวมาดแมน รีบโค้งศีรษะขอตัวเข้าเรียนอย่างว่องไวเพื่อหนีบรรยากาศคุกรุ่นแปลกๆ ที่สัมผัสได้จากตัวผู้หญิงตรงหน้า เฮ้อ...หล่อนคงไม่โกรธเกลียดเขาข้อหาแย่งคู่ดูตัวเอาดื้อๆ หรอกนะ อาจารย์ประจำชั้นส่ายหน้าระอาเมื่อเห็นลูกศิษย์ตัวดีแซงหน้าเข้าห้องเรียน ถ้าช้ากว่านี้สักสองสามนาทีคงสั่งลงโทษข้อหามาสายได้อยู่หรอก...หรือว่าจะไม่ทำดีนะ? มีคำกล่าวหนึ่งที่เกิดขึ้นในโลกกลมๆ ใบนี้ว่า ‘สายลมพัดผ่านเพียงแผ่วเบา ข่าวลือพัดดั่งพายุ’ ตอนนี้อาจารย์กว่าครึ่งโรงเรียนรู้เรื่องที่มีเด็กเข้าไปพบคู่ดูตัวของผู้อำนวยการหนุ่มคนนั้นแล้ว และหนึ่งในคนที่ได้รับชื่อระบุนามของนักเรียนที่ว่านั่น ก็คืออาจารย์ประจำชั้นห้องหกเอคนนี้นี่เอง มิยารุโนะพอจะสัมผัสได้ถึงเสียงซุบซิบที่ดังมาตามรายทาง ถ้าเขาลงจากรถผู้อำนวยการธรรมดาๆ คงอนุโลมให้คิดบวกได้ว่าติดรถกันมาลงที่หมายธรรมดาๆ แต่ถึงขั้นเป็นพบผู้หญิงที่ดูตัวกันเมื่อวานนี้พร้อมกันมันมีนัยยะอะไรแอบแฝงรึเปล่าหนอ..ข่าวลือส่วนใหญ่ก็ออกมาในทำนองนี้กันทั้งนั้น! เด็กหนุ่มสบตาอาจารย์อย่างเข้าใจ แต่ไม่เตรียมใจกับสายตาแบบเดียวกันกับเด็กอีกครึ่งห้องเลยสักนิด ที่นั่งซ้ายขวาของเขาคือฮิมิโกะและซาโต้ คาโต้ตามลำดับ ทั้งสองคนมองด้วยสายตาคาดคั้นเรื่องข่างลือแวบหนึ่ง ก่อนจะโดนการสอนของอาจารย์เรียกให้มองมุ่งไปยังกระดานดำหน้าชั้นเรียน โรงอาหารตรงมุมหลังสุดคือฐานที่มั่นตอนกลางวันของแก๊งเล็กๆ ในโรงเรียนแก๊งนี้ “เล่ามาเลยนะ...มิยารุโนะ! ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นน่ะ!” เด็กสาวผมยาวลอนสีน้ำตาลหนาใช้น้ำเสียงบีบบังคับด้วยความเดือดเนื้อร้อนใจ “เมื่อเช้าข่าวลือไวมากเลยนะจ๊ะ เรื่องเธอ ผู้อำนวยการแล้วก็คู่หมั้นของผู้อำนวยการคนนั้นนะ!” เด็กหนุ่มสะดุ้งเมื่อนึกถึงความสัมพันธ์จอมปลอม จะ...จะบ้าเรอะ! แค่ลงจากรถคันเดียวกันแล้วก็ไปพบผู้หญิงคนนั้นก็จับไต๋ได้แล้วงั้นเหรอ ทำไมคนสมัยนี้ถึงปากไวกันเสียขนาดนี้ แถมยังเดาเก่งเป็นบ้าอีกต่างหาก งั้นเขาควรบอกความจริงออกไปเลยดีไหม หรือว่าจะเล่นละครแลกที่อยู่ตามคำสั่งของคุณลุงอาเคจิต่อไป...? ใช่...เขจาจะเรียกว่าคุณลุงอาเคจิแบบนี้แหละ ไม่เรียกผู้อำนวยการให้เท่นักเท่หนาหรอก! เขาควรจับจองพื้นที่ในสวนสาธารณะเลยดีไหมนะ...ชีวิตมัธยมปลายปีสามที่มีข่าวลือติดตัวว่าเป็นเด็กเส้น เด็กผอ. เด็กในความดูแลและอีกสารพัดสารพัน มันคงเลวร้ายยิ่งกว่าเป็นเด็กเร่ร่อนแน่ๆ โธ่เอ๋ย...ทำไมเขาถึงไม่เลือกนอนในโรงเรียนนะ ร้องขอความเมตตาจากลุงยามสักหน่อยแล้วไปนอนในป้อมเล็กๆ นั่นก็อาจเป็นไปได้อยู่ ชีวิตมัธยมปลายปีสามของเขาต้องมาแปดเปื้อนเพราะความคิดพิลึกพิลั่นของตาลุงโรคจิตนั่นจริงๆ หรือนี่ ถึงอย่างนั้นก็เถอะ...แค่แง้มบอกพวกเพื่อนสนิทสักหน่อยจะเป็นไร หรือว่าจะไม่ไว้วางใจความว่องไวของลมปากมนุษย์ดี? เฮ้อ...โกหกครั้งหนึ่งก็ถือว่าต้องโกหกต่อไปแล้วกัน “อื้อ ก็เป็นอย่างที่เขาลือๆ กันนั่นแหละ” สีหน้าของเด็กสาวสรุปได้คำเดียวว่า...ช็อกสนิท ซาโต้ คาโต้ คือเด็กหนุ่มหน้าตาธรรมดาที่อยู่ตรงกลางระหว่างความหล่อและความขี้เหร่อย่างจริงจัง ไม่ใช่ว่าบางมุมของเขาหล่อหรือบางมุมขี้เหร่ แต่ทุกมุมให้ความรู้สึกธรรมดาจนไม่น่าเชื่อความธรรมดาแบบนี้มีในโลกต่างหาก แถมสิ่งที่คอยตอกย้ำความธรรมดาคือเส้นผมสีดำสนิทกับนัยน์ตาสีนิลคู่นั้นอีก ถึงหลายคนจะแนะนำให้ลองเปลี่ยนสีผมเพื่อเรียกความน่าสนใจสักกี่รอบ ซาโต้ คาโต้ ยังคงยึดมั่นในความธรรมดาอย่างเป็นธรรมชาติของตัวเองอยู่ดี “งั้นเหรอ” และอารมณ์ของเขายังคงราบเรียบเมื่อรับฟังคำพูดของเพื่อนสนิท “นายคงมีความจำเป็นสินะ” มิยารุโนะสั่นศีรษะเบาๆ เขาบอกไม่ได้หรอกว่าตัวเองยอมเป็นแฟนกับผู้อำนวยการคนนั้นเพื่ออาหาร ที่อยู่และเงินจำนวนหนึ่ง มันดูน่าสมเพชชอบกล ฮิมิโกะจับมือเขาขึ้นมากุมไว้โดยไม่สนใจสายตาแอบเหลือบของคาโต้ ซาโต้ ซึ่งเคยบอกมาหลายครั้งว่ารู้สึกกับเธออย่างไร “ถึงจะเป็นอย่างนั้น พวกเราก็ไม่รังเกียจมิยารุโนะคุงหรอกนะจ๊ะ แต่มีปัญหาด้านการเงินทำไมไม่มาบอกพวกเราล่ะ ทำเรื่องต่ำช้า...ทำเรื่องแบบนั้นมันเหมาะกับเธอเลยนะ!” เด็กหนุ่มกระพริบตาปริบๆ “เอ่อ...มันก็ไม่ได้เลยเถิดอะไรนักหรอกนะ แค่เป็นแฟนเอง” คราวนี้คนที่ต้องเป็นฝ่ายกระพริบตาปริบๆ คือฮิมิโกะกับซาโต้ คาโต้ เขาวางตะเกียบในมือกับขอบชามราเม็งด้วยสีหน้าเรียบสงบดุจท้องทะเลอันไร้คลื่น “มีข่าวลือว่านายกับคู่หมั้นผอ.เป็นแม่ลูกกัน” “เอ่อ...” สีหน้าฮิมิโกะแดงเรื่อขึ้นมา “ส่วนฉันได้ยินว่าเธอกับคู่หมั้นผอ.มีความสัมพันธ์...เอ่อ...แล้วผอ.จับได้ ตกลงว่าเป็นแค่แฟนกันธรรมดาๆ ไม่ได้...เอ่อ...เอ่อ...แบบนั้นใช่ไหมจ๊ะ” ทำไมข่าวลือถึงเอนไปแบบนั้นหมดเลยล่ะเนี่ย...!? เด็กหนุ่มอ้าปากค้าง ก่อนจะแก้ต่างพัลวัน “ไม่ใช่นะ! ฉันหมายถึงเรื่องฉันกับผอ.เป็นแฟนกันต่างหาก! ส่วนคุณอาคิฮานะอายุแค่ยี่สิบเก้าสามสิบ จะมีลูกอายุสิบเจ็ดอย่างฉันได้ไงกัน! แถมฉันยังไม่ทำเรื่องอะไรแบบนั้นด้วย เห็นฉันเป็นยังไงกันเนี่ย...พวกนาย!” “นั่นสินะ ฉันก็คิดอยู่เหมือนกัน ถึงข่าวลือมันจะออกมาเป็นยังไง นายคงไม่ทำเรื่องบ้าบิ่นทั้งสองทางนั่นแหละ” คาโต้ ซาโต้ ยักไหล่เบาๆ “เอาล่ะ...ฉันจะอุ้มฮิมิโกะไปส่งห้องพยาบาลก่อนแล้วกัน ท่าทางเป็นลมแบบนั้นคงช็อกจัดเลยล่ะมั้ง ส่วนนายก็เตรียมใจพบกับข่าวลือที่โต๊ะข้างๆ จะเอาไปเล่าแล้วกัน อย่างน้อยมันก็มีส่วนถูกอยู่นะ” มิยารุโนะอยากขโมยความช็อกขั้นลมใส่ของเพื่อนสาวมาใช้ชั่วคราวจริงๆ “...เรื่องจริงเหรอเนี่ย” มิยูรินะเป็นอีกหนึ่งคนที่ต้องอ้าปากค้างในวันนี้ หลังได้ยินเรื่องที่เด็กนักเรียนนำมาเล่าให้ฟังแลกค่าจ้างเล็กๆ น้อยๆ “ถึงขั้นบอกกับเพื่อนสนิทแบบนั้น ถึงไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อแล้วล่ะนะ” คุณเลขานุการริณีนำชามาเสิร์ฟแก่หญิงสาวที่นั่งอยู่ในห้องรับแขกห้องเดิม แล้วส่งสายตาบอกให้เด็กนักเรียนคาบข่าวคนนั้นออกไปได้ ตอนนี้หล่อนพอจะทราบเรื่องคร่าวๆ จากข่าวลือข่าวเมาท์ล่าสุดแล้ว แถมยังทราบถึงจุดประสงค์แท้จริงของมิยูรินะเรียบร้อย “น่าแปลกนะคะ ดิฉันไม่เคยรู้ว่าผอ.มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับใครมาก่อนเลย ก็ไม่ได้จะบอกว่าทุกอย่างของท่านอยู่ในข่าวสารข้อมูลของฉันนะคะ แต่ตอนอยู่ในโรงเรียน ท่านแทบจะไม่ลงไปพูดคุยกับเด็กนักเรียนคนใดเป็นพิเศษเลย” บางทีอาจจะเป็นนอกโรงเรียน เป็นไปได้ไหมว่าเจ้านายของหล่อนถูกมารดาบีบจนต้องเผยตัวคนรักที่แท้จริงออกมา หลังสานสัมพันธ์รักกับเด็กสาวคนนั้นนอกโรงเรียนเพื่อป้องกันคนจับได้? แถมเรื่องอยู่คอนโดเดียวกัน หล่อนเองก็เพิ่งรู้เมื่อเช้านี้เอง สิ่งอื่นที่หล่อนไม่รู้เกี่ยวกับสองคนนี้อาจมีอีกเยอะก็ได้ แย่ล่ะสิ...ถ้าปล่อยให้ลือกันแบบนี้ เดี๋ยวกองทัพชมรมผู้ปกครองต้องแห่กันมาถามแน่ ชื่อเสียงโรงเรียนย่อยยับกันหมดก็คราวนี้ล่ะ มิยูรินะมองความเครียดของคุณเลขานุการิณีด้วยความเห็นใจ ไม่ว่าใครก็ไม่อยากให้ชื่อเสียงที่ทำงานแปดเปื้อนกันทั้งนั้น แต่หล่อนจำเป็นต้องแจ้งให้อีกฝ่ายทราบถึงความร้ายแรงของคดีเกี่ยวกับการพรากผู้เยาว์แบบนี้ และในฐานะอาชีพและสมาชิกกลุ่มสิทธิเด็กและสตรี หล่อนคงเมินเรื่องราวเหล่านี้ไปไม่ได้หรอก โมโตยะทำเสียงอ่อนโรยแรง “อย่าว่าดิฉันอย่างนั้นอย่างนี้เลย ถึงผอ.จะคิดว่าคุณหาหลักฐานไม่ได้แน่ๆ หรืออะไรก็ตาม แต่อย่างน้อยก็อย่าทำเรื่องให้มันใหญ่ไปกว่านี้เลยนะคะ ถือเสียว่าเห็นแก่เด็กในโรงเรียนคนอื่นๆ เถอะค่ะ รับรองว่าผอ.ไม่ทำเรื่องแบบนี้กับเด็กคนอื่นอีกแน่” “ค่ะ...ดิฉันก็ไม่อยากเสียน้ำใจกับคุณป้าเหมือนกัน” หล่อนว่า “แต่สิ่งที่ดิฉันต้องทำแน่นอนตอนนี้ คือการแยกพวกเขาออกจากกันให้ได้!”
มิยารุโนะเพิ่งทราบว่าตัวเองนั่งรถมากับผู้อำนวยการโรงเรียนก็เพราะคำทักทายของเลขานุการิณีสาวนามว่าคุณโมโตยะคนนี้นี่เอง หล่อนมีเส้นผมยาวเหยียดตรงและแว่นกรอบเหลี่ยมสีเงิน ท่าทางแข็งขันกระฉับกระเฉงบ่งบอกว่าหล่อนคงเป็นเลขาฯ สารพัดประโยชน์เป็นแน่ และตอนนี้หล่อนกำลังแจ้งถึงการมาเยือนของผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งนั่งรออยู่ในห้องรับแขกราวครึ่งชั่วโมงแล้ว เด็กหนุ่มพลิกดูนาฬิกาข้อมือ ตอนนี้เพิ่งจะเจ็ดโมงสี่สิบเอง ถ้าผู้หญิงคนที่ว่าไม่ได้มีเรื่องด่วนจากกระทรวงศึกษาธิการ เกรงว่าหล่อนคงจะเป็น... “คุณอาคิฮานะ มิยูรินะ รออยู่ในห้องรับแขกเอค่ะ” คุณโมโตยะแจ้งชื่อด้วยรอยยิ้มเล็กๆ หล่อนเป็นหนึ่งในคนที่รู้ว่าเขาเพิ่งไปดูตัวกับใครมา ถึงท่าทางไม่ยินดียินร้ายของเจ้านายจะเปลี่ยนเป็นความอึมครึมแปลกๆ แต่เล่นเอาสาวเจ้ามารอพบตั้งแต่เช้าแบบนี้ได้ เกรงว่าหล่อนต้องใช้ชื่อใครเพิ่มในหมวด ‘บุคคลสำคัญ’ ของเจ้านายกระมัง แต่เลขาฯ สาวกลับต้องงุนงงเมื่อเห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งถูกเจ้านายดึงตามหลังไป โดยเขาไม่มีทีท่าจะไล่เสียด้วย นี่หล่อนควรทราบอะไรรึเปล่านี่? ไม่ใช่แค่คุณเลขานุการิณีที่อยากทราบเท่านั้น เด็กหนุ่มหน้าหวานเองก็เช่นกัน เขาอยู่ในสภาพกางเกงเสื้อยืดแบบที่ดูยังไงๆ ก็ไม่ใช่ผู้หญิงนะ ใจคอจะพาไปด้วยสภาพนี้จริงหรือ ถ้าผู้หญิงคนนั้นไปบอกคุณอากิโกะอะไรนั่นว่าเขาเป็นผู้ชายแล้วแล่นมาโวยถึงที่เล่า เขาจะโดนอำนาจ ‘มารดาผอ.’ สั่งบังคับออกเอาดื้อๆ หรือเปล่า แล้วถ้าโดนบังคับออกจริงๆ ใครจะรับผิดชอบเล่า! “ขออภัยที่ทำต้องรอนานครับ คุณมิยูรินะ” ชายหนุ่มโค้งศีรษะเล็กน้อยเมื่อเดินเข้าไปในห้องรับแขกที่ว่า โดยมี ‘แฟนสาว’ โค้งตามอย่างว่องไว เล่นเอาหญิงสาวถึงกับอึ้ง ตกลงว่าเด็กอายุสิบเจ็ดที่พามาเมื่อวานนี้ไม่ใช่นักแสดงจริงๆ หรือนี่...!? โรงเรียนฮาคุโระมีลักษณะพิเศษอย่างหนึ่งด้านการแต่งกาย เพราะเห็นชัดว่าในโรงเรียนมัธยมแต่ละแห่งล้วนมีการเปลี่ยนเครื่องแบบกันหลายต่อหลายครั้งในช่วงระยะสิบปีที่ผ่านมา เป็นปัญหาแก่นักเรียนหลายคนที่ขาดทุนทรัพย์ในการเปลี่ยนเครื่องแต่งกายตามไปด้วย ผู้อำนวยการรุ่นก่อนจึงลงความเห็นว่าชุดยูนิฟอร์มของโรงเรียนคือเครื่องแสดงสถานะ หาใช่ตัวตัดสินว่าคนคนนั้นคือนักเรียนแห่งมัธยมฮาคุโระแห่งนี้ และอนุญาตให้นักเรียนทั้งหลายสวมชุดลำลองมาได้ตามใจชอบ ขอแค่ไม่ฉูดฉาดแฟนซีจนเกินรับได้ก็พอแล้ว อาเคจิอยากโค้งศีรษะยอมรับในวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของอดีตผอ.เหลือเกิน เพราะแฟนสาวจอมปลอมของเขาจะสวมกระโปรงนักเรียนได้ยังไงกัน... “นี่เด็กในโรงเรียน...” มิยูรินะอ้าปากค้าง “เป็นเด็กในโรงเรียนแห่งนี้ด้วยหรือคะ!” โอ้...หล่อนไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่ามิยารุโนะจะอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเขาเลย นอกจากให้เด็กอายุสิบเจ็ดอยู่ในห้องเดียวกันไม่พอ ยังจะเป็นเด็กในโรงเรียนอีกหรือนี่ เขาเห็นสถาบันการศึกษาแห่งนี้เป็นอะไร ถึงได้กล้ามีความรักฉันชู้สาวกับเด็กในโรงเรียนของตัวเอง ต่ำช้าร้ายกาจเกินไปแล้ว! ชายหนุ่มสบตาอึ้งๆ ที่เบื้องหลังเปี่ยมคำด่านับพันด้วยคำถาม “มีธุระด่วนหรือเปล่าครับนี่ มาพบผมแต่เช้าแบบนี้...แถมยังบอกไม่ให้คุณโมโตยะแจ้งผมล่วงหน้าอีก” หล่อนกระพริบตาด้วยรอยยิ้มหวานประจำตัว “คุณโมโคยะ? อ๋อ...คุณเลขาฯ น่ะหรือคะ ดิฉันนั่งรอที่นี่ก็สะดวกดีค่ะ ไม่ได้เร่งรีบอะไร” ใช่...ถ้าบอกไปเขาก็เตี๊ยมกับนักแสดงแฟนรับจ้างเมื่อวานได้น่ะสิ หล่อนอุตส่าห์คิดในแง่ดีแล้วเชียวว่าเขาพาคนมาหลอกน่ะ! เสียงกริ่งเข้าเรียนดังขึ้นขัดจังหวะอารมณ์พลุ่กพล่านภายใต้ใบหน้ายิ้มหวานของมิยูรินะ ซึ่งเด็กหนุ่มหวานผู้โดนเข้าใจว่าเป็นเด็กสาวแก่นกระโหลกชอบแต่งตัวมาดแมน รีบโค้งศีรษะขอตัวเข้าเรียนอย่างว่องไวเพื่อหนีบรรยากาศคุกรุ่นแปลกๆ ที่สัมผัสได้จากตัวผู้หญิงตรงหน้า เฮ้อ...หล่อนคงไม่โกรธเกลียดเขาข้อหาแย่งคู่ดูตัวเอาดื้อๆ หรอกนะ อาจารย์ประจำชั้นส่ายหน้าระอาเมื่อเห็นลูกศิษย์ตัวดีแซงหน้าเข้าห้องเรียน ถ้าช้ากว่านี้สักสองสามนาทีคงสั่งลงโทษข้อหามาสายได้อยู่หรอก...หรือว่าจะไม่ทำดีนะ? มีคำกล่าวหนึ่งที่เกิดขึ้นในโลกกลมๆ ใบนี้ว่า ‘สายลมพัดผ่านเพียงแผ่วเบา ข่าวลือพัดดั่งพายุ’ ตอนนี้อาจารย์กว่าครึ่งโรงเรียนรู้เรื่องที่มีเด็กเข้าไปพบคู่ดูตัวของผู้อำนวยการหนุ่มคนนั้นแล้ว และหนึ่งในคนที่ได้รับชื่อระบุนามของนักเรียนที่ว่านั่น ก็คืออาจารย์ประจำชั้นห้องหกเอคนนี้นี่เอง มิยารุโนะพอจะสัมผัสได้ถึงเสียงซุบซิบที่ดังมาตามรายทาง ถ้าเขาลงจากรถผู้อำนวยการธรรมดาๆ คงอนุโลมให้คิดบวกได้ว่าติดรถกันมาลงที่หมายธรรมดาๆ แต่ถึงขั้นเป็นพบผู้หญิงที่ดูตัวกันเมื่อวานนี้พร้อมกันมันมีนัยยะอะไรแอบแฝงรึเปล่าหนอ..ข่าวลือส่วนใหญ่ก็ออกมาในทำนองนี้กันทั้งนั้น! เด็กหนุ่มสบตาอาจารย์อย่างเข้าใจ แต่ไม่เตรียมใจกับสายตาแบบเดียวกันกับเด็กอีกครึ่งห้องเลยสักนิด ที่นั่งซ้ายขวาของเขาคือฮิมิโกะและซาโต้ คาโต้ตามลำดับ ทั้งสองคนมองด้วยสายตาคาดคั้นเรื่องข่างลือแวบหนึ่ง ก่อนจะโดนการสอนของอาจารย์เรียกให้มองมุ่งไปยังกระดานดำหน้าชั้นเรียน โรงอาหารตรงมุมหลังสุดคือฐานที่มั่นตอนกลางวันของแก๊งเล็กๆ ในโรงเรียนแก๊งนี้ “เล่ามาเลยนะ...มิยารุโนะ! ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นน่ะ!” เด็กสาวผมยาวลอนสีน้ำตาลหนาใช้น้ำเสียงบีบบังคับด้วยความเดือดเนื้อร้อนใจ “เมื่อเช้าข่าวลือไวมากเลยนะจ๊ะ เรื่องเธอ ผู้อำนวยการแล้วก็คู่หมั้นของผู้อำนวยการคนนั้นนะ!” เด็กหนุ่มสะดุ้งเมื่อนึกถึงความสัมพันธ์จอมปลอม จะ...จะบ้าเรอะ! แค่ลงจากรถคันเดียวกันแล้วก็ไปพบผู้หญิงคนนั้นก็จับไต๋ได้แล้วงั้นเหรอ ทำไมคนสมัยนี้ถึงปากไวกันเสียขนาดนี้ แถมยังเดาเก่งเป็นบ้าอีกต่างหาก งั้นเขาควรบอกความจริงออกไปเลยดีไหม หรือว่าจะเล่นละครแลกที่อยู่ตามคำสั่งของคุณลุงอาเคจิต่อไป...? ใช่...เขจาจะเรียกว่าคุณลุงอาเคจิแบบนี้แหละ ไม่เรียกผู้อำนวยการให้เท่นักเท่หนาหรอก! เขาควรจับจองพื้นที่ในสวนสาธารณะเลยดีไหมนะ...ชีวิตมัธยมปลายปีสามที่มีข่าวลือติดตัวว่าเป็นเด็กเส้น เด็กผอ. เด็กในความดูแลและอีกสารพัดสารพัน มันคงเลวร้ายยิ่งกว่าเป็นเด็กเร่ร่อนแน่ๆ โธ่เอ๋ย...ทำไมเขาถึงไม่เลือกนอนในโรงเรียนนะ ร้องขอความเมตตาจากลุงยามสักหน่อยแล้วไปนอนในป้อมเล็กๆ นั่นก็อาจเป็นไปได้อยู่ ชีวิตมัธยมปลายปีสามของเขาต้องมาแปดเปื้อนเพราะความคิดพิลึกพิลั่นของตาลุงโรคจิตนั่นจริงๆ หรือนี่ ถึงอย่างนั้นก็เถอะ...แค่แง้มบอกพวกเพื่อนสนิทสักหน่อยจะเป็นไร หรือว่าจะไม่ไว้วางใจความว่องไวของลมปากมนุษย์ดี? เฮ้อ...โกหกครั้งหนึ่งก็ถือว่าต้องโกหกต่อไปแล้วกัน “อื้อ ก็เป็นอย่างที่เขาลือๆ กันนั่นแหละ” สีหน้าของเด็กสาวสรุปได้คำเดียวว่า...ช็อกสนิท ซาโต้ คาโต้ คือเด็กหนุ่มหน้าตาธรรมดาที่อยู่ตรงกลางระหว่างความหล่อและความขี้เหร่อย่างจริงจัง ไม่ใช่ว่าบางมุมของเขาหล่อหรือบางมุมขี้เหร่ แต่ทุกมุมให้ความรู้สึกธรรมดาจนไม่น่าเชื่อความธรรมดาแบบนี้มีในโลกต่างหาก แถมสิ่งที่คอยตอกย้ำความธรรมดาคือเส้นผมสีดำสนิทกับนัยน์ตาสีนิลคู่นั้นอีก ถึงหลายคนจะแนะนำให้ลองเปลี่ยนสีผมเพื่อเรียกความน่าสนใจสักกี่รอบ ซาโต้ คาโต้ ยังคงยึดมั่นในความธรรมดาอย่างเป็นธรรมชาติของตัวเองอยู่ดี “งั้นเหรอ” และอารมณ์ของเขายังคงราบเรียบเมื่อรับฟังคำพูดของเพื่อนสนิท “นายคงมีความจำเป็นสินะ” มิยารุโนะสั่นศีรษะเบาๆ เขาบอกไม่ได้หรอกว่าตัวเองยอมเป็นแฟนกับผู้อำนวยการคนนั้นเพื่ออาหาร ที่อยู่และเงินจำนวนหนึ่ง มันดูน่าสมเพชชอบกล ฮิมิโกะจับมือเขาขึ้นมากุมไว้โดยไม่สนใจสายตาแอบเหลือบของคาโต้ ซาโต้ ซึ่งเคยบอกมาหลายครั้งว่ารู้สึกกับเธออย่างไร “ถึงจะเป็นอย่างนั้น พวกเราก็ไม่รังเกียจมิยารุโนะคุงหรอกนะจ๊ะ แต่มีปัญหาด้านการเงินทำไมไม่มาบอกพวกเราล่ะ ทำเรื่องต่ำช้า...ทำเรื่องแบบนั้นมันเหมาะกับเธอเลยนะ!” เด็กหนุ่มกระพริบตาปริบๆ “เอ่อ...มันก็ไม่ได้เลยเถิดอะไรนักหรอกนะ แค่เป็นแฟนเอง” คราวนี้คนที่ต้องเป็นฝ่ายกระพริบตาปริบๆ คือฮิมิโกะกับซาโต้ คาโต้ เขาวางตะเกียบในมือกับขอบชามราเม็งด้วยสีหน้าเรียบสงบดุจท้องทะเลอันไร้คลื่น “มีข่าวลือว่านายกับคู่หมั้นผอ.เป็นแม่ลูกกัน” “เอ่อ...” สีหน้าฮิมิโกะแดงเรื่อขึ้นมา “ส่วนฉันได้ยินว่าเธอกับคู่หมั้นผอ.มีความสัมพันธ์...เอ่อ...แล้วผอ.จับได้ ตกลงว่าเป็นแค่แฟนกันธรรมดาๆ ไม่ได้...เอ่อ...เอ่อ...แบบนั้นใช่ไหมจ๊ะ” ทำไมข่าวลือถึงเอนไปแบบนั้นหมดเลยล่ะเนี่ย...!? เด็กหนุ่มอ้าปากค้าง ก่อนจะแก้ต่างพัลวัน “ไม่ใช่นะ! ฉันหมายถึงเรื่องฉันกับผอ.เป็นแฟนกันต่างหาก! ส่วนคุณอาคิฮานะอายุแค่ยี่สิบเก้าสามสิบ จะมีลูกอายุสิบเจ็ดอย่างฉันได้ไงกัน! แถมฉันยังไม่ทำเรื่องอะไรแบบนั้นด้วย เห็นฉันเป็นยังไงกันเนี่ย...พวกนาย!” “นั่นสินะ ฉันก็คิดอยู่เหมือนกัน ถึงข่าวลือมันจะออกมาเป็นยังไง นายคงไม่ทำเรื่องบ้าบิ่นทั้งสองทางนั่นแหละ” คาโต้ ซาโต้ ยักไหล่เบาๆ “เอาล่ะ...ฉันจะอุ้มฮิมิโกะไปส่งห้องพยาบาลก่อนแล้วกัน ท่าทางเป็นลมแบบนั้นคงช็อกจัดเลยล่ะมั้ง ส่วนนายก็เตรียมใจพบกับข่าวลือที่โต๊ะข้างๆ จะเอาไปเล่าแล้วกัน อย่างน้อยมันก็มีส่วนถูกอยู่นะ” มิยารุโนะอยากขโมยความช็อกขั้นลมใส่ของเพื่อนสาวมาใช้ชั่วคราวจริงๆ “...เรื่องจริงเหรอเนี่ย” มิยูรินะเป็นอีกหนึ่งคนที่ต้องอ้าปากค้างในวันนี้ หลังได้ยินเรื่องที่เด็กนักเรียนนำมาเล่าให้ฟังแลกค่าจ้างเล็กๆ น้อยๆ “ถึงขั้นบอกกับเพื่อนสนิทแบบนั้น ถึงไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อแล้วล่ะนะ” คุณเลขานุการริณีนำชามาเสิร์ฟแก่หญิงสาวที่นั่งอยู่ในห้องรับแขกห้องเดิม แล้วส่งสายตาบอกให้เด็กนักเรียนคาบข่าวคนนั้นออกไปได้ ตอนนี้หล่อนพอจะทราบเรื่องคร่าวๆ จากข่าวลือข่าวเมาท์ล่าสุดแล้ว แถมยังทราบถึงจุดประสงค์แท้จริงของมิยูรินะเรียบร้อย “น่าแปลกนะคะ ดิฉันไม่เคยรู้ว่าผอ.มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับใครมาก่อนเลย ก็ไม่ได้จะบอกว่าทุกอย่างของท่านอยู่ในข่าวสารข้อมูลของฉันนะคะ แต่ตอนอยู่ในโรงเรียน ท่านแทบจะไม่ลงไปพูดคุยกับเด็กนักเรียนคนใดเป็นพิเศษเลย” บางทีอาจจะเป็นนอกโรงเรียน เป็นไปได้ไหมว่าเจ้านายของหล่อนถูกมารดาบีบจนต้องเผยตัวคนรักที่แท้จริงออกมา หลังสานสัมพันธ์รักกับเด็กสาวคนนั้นนอกโรงเรียนเพื่อป้องกันคนจับได้? แถมเรื่องอยู่คอนโดเดียวกัน หล่อนเองก็เพิ่งรู้เมื่อเช้านี้เอง สิ่งอื่นที่หล่อนไม่รู้เกี่ยวกับสองคนนี้อาจมีอีกเยอะก็ได้ แย่ล่ะสิ...ถ้าปล่อยให้ลือกันแบบนี้ เดี๋ยวกองทัพชมรมผู้ปกครองต้องแห่กันมาถามแน่ ชื่อเสียงโรงเรียนย่อยยับกันหมดก็คราวนี้ล่ะ มิยูรินะมองความเครียดของคุณเลขานุการิณีด้วยความเห็นใจ ไม่ว่าใครก็ไม่อยากให้ชื่อเสียงที่ทำงานแปดเปื้อนกันทั้งนั้น แต่หล่อนจำเป็นต้องแจ้งให้อีกฝ่ายทราบถึงความร้ายแรงของคดีเกี่ยวกับการพรากผู้เยาว์แบบนี้ และในฐานะอาชีพและสมาชิกกลุ่มสิทธิเด็กและสตรี หล่อนคงเมินเรื่องราวเหล่านี้ไปไม่ได้หรอก โมโตยะทำเสียงอ่อนโรยแรง “อย่าว่าดิฉันอย่างนั้นอย่างนี้เลย ถึงผอ.จะคิดว่าคุณหาหลักฐานไม่ได้แน่ๆ หรืออะไรก็ตาม แต่อย่างน้อยก็อย่าทำเรื่องให้มันใหญ่ไปกว่านี้เลยนะคะ ถือเสียว่าเห็นแก่เด็กในโรงเรียนคนอื่นๆ เถอะค่ะ รับรองว่าผอ.ไม่ทำเรื่องแบบนี้กับเด็กคนอื่นอีกแน่” “ค่ะ...ดิฉันก็ไม่อยากเสียน้ำใจกับคุณป้าเหมือนกัน” หล่อนว่า “แต่สิ่งที่ดิฉันต้องทำแน่นอนตอนนี้ คือการแยกพวกเขาออกจากกันให้ได้!”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ