God Problem : หมายถึงรัก
7.8
เขียนโดย ก่อนหวาน
วันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2556 เวลา 11.08 น.
22 ตอน
7 วิจารณ์
24.41K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 02.13 น. โดย เจ้าของนิยาย
9) พื้นที่ของเรา 2 คน (๒)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ เวลาล่วงเลยไปจนกระทั่งตะวันใกล้ลับขอบฟ้าเต็มที ตอนนี้ 5 โมงเย็นเศษๆแล้วแต่ทำไมเธอยังไม่กลับ
มาซักที หลังจากที่ผมอาบน้ำเสร็จช่วงบ่ายผมเตีรยมตัวสำหริบดินเนอร์ในคืนนี้ ใจใจของผมคิดเอาไว้ว่จะทำให้มัน
โรแมนติกแบบสุดๆเลยละ เหมือนที่เคยเห็นในละครมีโต๊ะ แล้วเก้าอี้ 2 ตัว ตั้งอยู่กลางชายหาดและรอบๆโต๊ะมีคบ
เพลิงปักไว้รอบๆ บนโต๊ะมีดอกไม้ในแจกัน มีแก้วไวน์ 2ใบ กับไวน์อีกหนึ่งขวด แต่ผมไม่ใช่พระเอกเหมือนใน
ละครนะสิ ผมเลยไม่ได้เตรียมอะไรใหญ่โตขนาดนั้น ชายหาดที่นี่ลมพัดตลอดทั้งวันทั้งคืน ถ้าไปกินที่ชายหาดคง
กินไม่สงบแน่ๆ สิ่งที่ผมจะทำให้เธอได้กลางเกาะร้างแบบนี้คือ มาม่าเท่านั้น!!...
ผมชะเง้อมองหาเธอไม่มีเสียงตอบกลับ ผมเริ่มเป็นห่วงเธอแล้วสิเพราะก็ใกล้จะมืดแล้ว ไม่ดีแน่ๆถ้าเธอ
หลงทาง ...โชคค่อนข้างเข้าข้างผมมากทีเดียวเพราะภาพตรงหน้าคือ น้ำค้างที่แอบนอนงีบอยู่บนโขดหินก้อนใหญ่
ที่ยื่นออกไปในทะเล ผมค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ๆเธอ แล้วผมค่อยๆทรุดตัวลงไปนั่งข้างๆเธอแล้วจ้องมองเธออย่าง
เงียบๆ เสียงคลื่นกระทบกับโขดหินเป็นเสียงที่ไพเราะมากๆ เธอคงฟังมันแล้วเคลิ้มหลับไปสินะ
"ขอแอบดูกล้องเธอหน่อยนะ" ผมกระซิบเบาๆ แล้วหยิบกล้องที่อยู่ข้างๆตัวเธอแล้วดูรูปภายในกล้อง ผม
เลื่อนไปได้ 4-5 รูป เป็นวิวทิวทัศน์ของเกาะที่นี่แล้วก็ทะเลซะส่วนใหญ่ ว๊าาา แย่จังแบตกล้องหมดซะแล้ว ผมรีบ
วางกล้องลงที่เดิม ผมตกใจทันทีที่รู้สึกว่ามือของเธอจับแขนของผม
"แอบดูรูปในกล้องชั้นแล้วยังทำพังอีกหรอ" เธอพูดทั้งๆที่หลับตาอยู่พร้อมทั้งมือของเธอยังจับแขนผมไว้แน่น
"แบตมันหมด เราไม่ได้ทำมันพังนะ"
"เผลอหลับไปนิดหน่อย แปบเดียวตะวันจะโดนทะเลกินแล้วนายดูสิ สวยเนอะ" เธอลุกขึ้นนั่งแล้วปล่อย
มือที่จับแขนผมแล้วชี้ไปที่ขอบทะเล เป็นภาพของพระอาทิตย์สีส้มกำลังโดนเมฆบดบังแล้วกำลังอำลาโลกนี้ไปอีก 12 ชม. แล้วเป็นแบบนี้ทุกวัน
"นายชอบทะเลใช่มั๊ย" เธอลุกขึ้นเยอะแล้วเดินไปที่ปลายของโขดหิน
"มันคือชีวิตอีกครึ่งหนึ่งของเราเลยละ" ผมลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปข้างๆเธอ เรา 2 คนมองลงไปยังทะเลที่แสนจะใสจนมองเห็นทรายสีขาวที่อยู่ข้างใต้นั้น
"เหตุผลที่นายชอบทะเลเพราะอะไรงั้นหรอ"
"ทะเลถ้าเรามองด้วยสายตาอย่างเดียวทะเลก็จะสวยได้เพียงแค่นั้น เธอลองหลับตาสิ...ได้ยินเสียงคลื่น
กระทบกับโขดหินนี่รึเปล่า คลื่นกระแทกเข้ากับขายหาดรึเปล่า เธอลองหายใจเข้าปอดแบบสุดๆเลย เธอจะได้กลิ่น
ของทะเลที่เป็นเอกลักษณ์ในตัวของมันเอง และยิ่งถ้าเราสัมผัสกับน้ำของทะเลแล้วด้วยนะ.." ขณะที่เธอกำลัง
โดนผมสะกดจิตอยู่นั้น ผมก้ออุ้บเธอจากข้างหลังแล้วกระโดดลงไปยังทะเลจากโขดหินโขดนั้น ซึ่งมันไม่ได้สูงมากนัก
"ตาบ้า ไอโรคจิตตตต" เธอลุกขึ้นได้แล้วสาดน้ำไส่ผมพร้อมทั้งกดหัวผมทิ่มลงกับน้ำ เรา 2 คนเล่นน้ำกัน
ใต้แสงของดวงอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้าในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ ถึงแม้วิวทิวทัศน์เบื้องหน้าของเราสองคนจะ
สวยเพียงใด เราต่างไม่ได้สนใจภาพเบื้องหน้าเลยเพราะ ผมแค่เห็นคุณยิ้ม คุณหัวเราะ คุณสนุกสนาน เป็นภาพที่
สวยที่สุดในโลกแล้วละ ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน ผมคงอยู่ไม่ได้แน่ๆเลย ถ้านับจากนี้ไปเราไม่ได้เจอกัน
อยากให้เวลาหยุดเดินซักพักหนึ่ง ไม่อยากให้นาฬิกาเดินเลย นี่นะหรือที่ใครๆต่างเรียกกันว่า "ความรัก"
มาซักที หลังจากที่ผมอาบน้ำเสร็จช่วงบ่ายผมเตีรยมตัวสำหริบดินเนอร์ในคืนนี้ ใจใจของผมคิดเอาไว้ว่จะทำให้มัน
โรแมนติกแบบสุดๆเลยละ เหมือนที่เคยเห็นในละครมีโต๊ะ แล้วเก้าอี้ 2 ตัว ตั้งอยู่กลางชายหาดและรอบๆโต๊ะมีคบ
เพลิงปักไว้รอบๆ บนโต๊ะมีดอกไม้ในแจกัน มีแก้วไวน์ 2ใบ กับไวน์อีกหนึ่งขวด แต่ผมไม่ใช่พระเอกเหมือนใน
ละครนะสิ ผมเลยไม่ได้เตรียมอะไรใหญ่โตขนาดนั้น ชายหาดที่นี่ลมพัดตลอดทั้งวันทั้งคืน ถ้าไปกินที่ชายหาดคง
กินไม่สงบแน่ๆ สิ่งที่ผมจะทำให้เธอได้กลางเกาะร้างแบบนี้คือ มาม่าเท่านั้น!!...
ผมชะเง้อมองหาเธอไม่มีเสียงตอบกลับ ผมเริ่มเป็นห่วงเธอแล้วสิเพราะก็ใกล้จะมืดแล้ว ไม่ดีแน่ๆถ้าเธอ
หลงทาง ...โชคค่อนข้างเข้าข้างผมมากทีเดียวเพราะภาพตรงหน้าคือ น้ำค้างที่แอบนอนงีบอยู่บนโขดหินก้อนใหญ่
ที่ยื่นออกไปในทะเล ผมค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ๆเธอ แล้วผมค่อยๆทรุดตัวลงไปนั่งข้างๆเธอแล้วจ้องมองเธออย่าง
เงียบๆ เสียงคลื่นกระทบกับโขดหินเป็นเสียงที่ไพเราะมากๆ เธอคงฟังมันแล้วเคลิ้มหลับไปสินะ
"ขอแอบดูกล้องเธอหน่อยนะ" ผมกระซิบเบาๆ แล้วหยิบกล้องที่อยู่ข้างๆตัวเธอแล้วดูรูปภายในกล้อง ผม
เลื่อนไปได้ 4-5 รูป เป็นวิวทิวทัศน์ของเกาะที่นี่แล้วก็ทะเลซะส่วนใหญ่ ว๊าาา แย่จังแบตกล้องหมดซะแล้ว ผมรีบ
วางกล้องลงที่เดิม ผมตกใจทันทีที่รู้สึกว่ามือของเธอจับแขนของผม
"แอบดูรูปในกล้องชั้นแล้วยังทำพังอีกหรอ" เธอพูดทั้งๆที่หลับตาอยู่พร้อมทั้งมือของเธอยังจับแขนผมไว้แน่น
"แบตมันหมด เราไม่ได้ทำมันพังนะ"
"เผลอหลับไปนิดหน่อย แปบเดียวตะวันจะโดนทะเลกินแล้วนายดูสิ สวยเนอะ" เธอลุกขึ้นนั่งแล้วปล่อย
มือที่จับแขนผมแล้วชี้ไปที่ขอบทะเล เป็นภาพของพระอาทิตย์สีส้มกำลังโดนเมฆบดบังแล้วกำลังอำลาโลกนี้ไปอีก 12 ชม. แล้วเป็นแบบนี้ทุกวัน
"นายชอบทะเลใช่มั๊ย" เธอลุกขึ้นเยอะแล้วเดินไปที่ปลายของโขดหิน
"มันคือชีวิตอีกครึ่งหนึ่งของเราเลยละ" ผมลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปข้างๆเธอ เรา 2 คนมองลงไปยังทะเลที่แสนจะใสจนมองเห็นทรายสีขาวที่อยู่ข้างใต้นั้น
"เหตุผลที่นายชอบทะเลเพราะอะไรงั้นหรอ"
"ทะเลถ้าเรามองด้วยสายตาอย่างเดียวทะเลก็จะสวยได้เพียงแค่นั้น เธอลองหลับตาสิ...ได้ยินเสียงคลื่น
กระทบกับโขดหินนี่รึเปล่า คลื่นกระแทกเข้ากับขายหาดรึเปล่า เธอลองหายใจเข้าปอดแบบสุดๆเลย เธอจะได้กลิ่น
ของทะเลที่เป็นเอกลักษณ์ในตัวของมันเอง และยิ่งถ้าเราสัมผัสกับน้ำของทะเลแล้วด้วยนะ.." ขณะที่เธอกำลัง
โดนผมสะกดจิตอยู่นั้น ผมก้ออุ้บเธอจากข้างหลังแล้วกระโดดลงไปยังทะเลจากโขดหินโขดนั้น ซึ่งมันไม่ได้สูงมากนัก
"ตาบ้า ไอโรคจิตตตต" เธอลุกขึ้นได้แล้วสาดน้ำไส่ผมพร้อมทั้งกดหัวผมทิ่มลงกับน้ำ เรา 2 คนเล่นน้ำกัน
ใต้แสงของดวงอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้าในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ ถึงแม้วิวทิวทัศน์เบื้องหน้าของเราสองคนจะ
สวยเพียงใด เราต่างไม่ได้สนใจภาพเบื้องหน้าเลยเพราะ ผมแค่เห็นคุณยิ้ม คุณหัวเราะ คุณสนุกสนาน เป็นภาพที่
สวยที่สุดในโลกแล้วละ ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน ผมคงอยู่ไม่ได้แน่ๆเลย ถ้านับจากนี้ไปเราไม่ได้เจอกัน
อยากให้เวลาหยุดเดินซักพักหนึ่ง ไม่อยากให้นาฬิกาเดินเลย นี่นะหรือที่ใครๆต่างเรียกกันว่า "ความรัก"
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ