Extinction Wars สัญญาครั้งนั้น...จะเริ่มกันเลยไหม
เขียนโดย CyCloEclipse
วันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2556 เวลา 13.14 น.
แก้ไขเมื่อ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2556 11.44 น. โดย เจ้าของนิยาย
20) แสงสว่างและความมืดที่ปรากฏขึ้นพร้อมกัน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ"งั้นเหรอ... ถ้างั้นก็หมายความว่ามิคาสะ..."
seiriอีกสองคนที่ยังคงรอดชีวิตอยู่หลังจากการต่อสู้ที่เดิมพันด้วยชีวิตของผู้คนทุกชีวิตบนโลกระหว่างพวกเธอกับเหล่าseiriรุ่นที่สองซึ่งไม่ได้อยู่ร่วมเหตุการณ์ความสูญเสียในครั้งนั้นพูดออกมาเบาๆหลังจากที่ฮิซาชิกับชิบุกิเอาสิ่งที่เหลืออยู่เพียงหนึ่งเดียวของมิคาสะมาเป็นหลักฐานถึงผลลัพธ์ของความเสียสละที่จะปกป้องคนที่รักของมิคาสะ
สมาชิกทั้งหมดของบ้านนั่งคุกเข่าล้อมวงดูเจ้าส่วนเหลือสิ่งนั้นอยู่เป็นเวลานานมาก ก่อนที่ฮิซาชิจะหยิบมันออกไปจากสายตาของทุกคนที่กำลังมองมันอยู่อย่างไม่วางตาด้วยความตั้งใจที่จะ...
"นายจะทำอะไรน่ะ..!"
"ถ้าปล่อยให้พวกเธอดูต่อละก็... บางทีพวกเธออาจจะหมดความตั้งใจในการต่อสู้ครั้งต่อไปก็ได้น่ะสิ! และอีกอย่าง...มิคาสะไม่ได้ปกป้องฉันและชิบุกิเพราะต้องการให้พวกเธอมาเสียน้ำตากับเรื่องนี้หรอกนะ"
ฮิซาชิพูดขึ้นระหว่างเดินไปยังห้องครัว เขาเอาแกนปีกของมิคาสะวางไว้บนชั้นวางเครื่องปรุงที่ติดอยู่บนผนังโดยพอให้คนอื่นๆสามารถมองเห็นได้ในทันทีที่พวกเธอเดินเข้ามาในห้องครัว...เพื่อให้พวกseiriได้ย้อนคิดถึงความตั้งใจจริงของอควารอยด์คนนั้น
"ยัยบ้านั่นน่ะ...อยากให้พวกเธอมีชีวิตอยู่ต่อ เพื่อทำสิ่งที่ยัยนั่นไม่มีวันทำได้ต่างหากล่ะ..!"
เมื่อได้ยินคำพูดที่อ่อนโยนของชายหนุ่มที่พวกเธอยกเว้นชิบุกิได้เข้ามาอาศัยอยู่บ้านของเขามากว่า7ปีนั้นแล้ว พวกเธอก็ย้อนนึกถึงสิ่งที่มิคาสะอยากจะทำแต่ก็ไม่มีวันทำได้เผื่อว่าจะได้รับคำตอบอันน่าจะเป็นสิ่งๆนั้นดูบ้าง และเพื่อที่จะได้ตีปริศนาที่มิคาสะทิ้งเอาไว้ให้พวกเธอทุกคนได้อย่างละเอียด
ถ้าไม่นับชิบุกิที่วิวัฒนาการจนแข็งแกร่งเทียบเท่าร่างโคโรน่าของฮิซาชิแล้ว มิคาสะเป็นสิ่งมีชีวิตUMAที่แข็งแกร่งที่สุดในบ้านหลังนี้แล้ว เธอได้ผ่านประสบการณ์ความสุขและเศร้าทุกรูปแบบมาแล้ว และเธอก็ได้บรรลุถึงความรักในระดับที่เหนือกว่าเหล่าseiriคนอื่นๆในบ้านเรียบร้อยแล้ว... ซึ่งบางทีมิคาสะอาจจะไม่มีอะไรที่เธอไม่มีทางทำได้เหลือไว้ท้าทายจิตใจเธออีกต่อไปแล้ว
และในตอนนั้นเองสาวน้อยทั้งสามก็นึกถึงเรื่องๆหนึ่งที่อาจเป็นคำตอบขึ้นมาได้ เรื่องนั้นพวกเธอเองก็ไม่มีวันทำได้เช่นกัน แม้ว่าจะพยายามเท่าไหร่ก็ตาม...
"หรือว่าจะเป็น..!!"
เมื่อยืนยันคำตอบกับคนอื่นๆแล้ว พวกเธอทุกคนก็เหลียวมองแผ่นหลังของชายหนุ่มที่กำลังเดินขึ้นบันไดที่ล้อมวง สนทนากับพวกเธออยู่จนถึงเมื่อสักครู่นี้ ซึ่งบางทีคำตอบที่ได้รับมาเมื่อสักครู่นี้อาจจะเป็นคำตอบที่ถูกต้องที่สุดก็เป็นได้...
"มิคาสะอยากจะให้พวกเรา... ได้เป็น'คนรักของฮิซาชิ'แทนเธอ... ใช่หรือเปล่า!?"
แม้จะไม่มีอะไรยืนยันคำตอบนี้ได้ แต่ความรู้สึกของพวกเธอมันฟ้องว่า... 'นี่แหละคือคำตอบ!!!'
เมื่อพวกเธอคิดได้ดังนั้น ทั้งสามก็เกิดฉงนใจขึ้นมาว่าทำไม...ทั้งๆที่ฮิซาชิกับมิคาสะเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก ตั้งแต่เด็กกลับมาตายไปต่อหน้าต่อตาเขา ทำไมฮิซาชิถึงไม่รู้สึกอะไรเลย? ทำไมเขาถึงแสดงอาการเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้น..!
เมื่อคิดได้ดังนั้น พวกseiriทั้งสามคนก็ค่อยๆย่องขึ้นบันไดไปยังห้องนอนของฮิซาชิ พวกเธอหวังแค่ว่าคำตอบที่จะได้จากเขานั้นจะพอฟังขึ้นได้บ้าง... แต่ยังไม่ทันที่ใครคนใดคนหนึ่งจะได้ลงมือแม้แต่จะเอามือจับลูกบิดประตู พวกเธอก็ได้คำตอบสำหรับเรื่องนั้นทันที
คำตอบนั้นเป็นอะไรที่สะเทือนใจของพวกเธอเป็นอย่างมาก ประเภทที่ว่าทั้งสามคนนั้นอยากจะรีบเดินออกไปจากจุดนั้นเสียตั้งแต่ตอนนี้เลย
"ปัดโธ่เอ๊ย!! ฉันล่ะไม่เข้าใจเธอเลย!!"
เสียงชายหนุ่มที่สั่นเครือเหมือนกำลังร้องไห้ดังทะลุประตูไม้สีจางๆนั้นออกมา เสียงนั้นได้เสียดแทงเข้าไปในจิตใจของพวกseiriทั้งสามจนพวกเธอรู้สึกทรมานจนไม่อยากได้ยินอะไรต่อจากนี้ทั้งนั้น
"ทำไมเธอต้องเอาตัวเองเป็นโล่ปกป้องคนอื่นทุกทีเลย!!! ยัยบ้าเอ๊ย!!!!"
เสียงฮิซาชิที่ตะโกนออกมาด้วยความเจ็บปวดดังทะลุกำแพงออกมาดังมากจนพวกเธอพอเดาได้ว่าถ้าเข้าไปฟังภายในห้องมันจะดังได้สักเท่าไหร่ สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ผิดจากที่พวกเธอคิดไว้ลิบลับ... จิตใจฮิซาชิในตอนนี้ทรมานมาก บางทีเขาในตอนนี้อาจจะทำได้กระทั่งฆ่าตัวตายเลยก็ได้
เสียงร้องของเขาได้ทำให้จิตใจของสาวน้อยทั้งสามคนกรีดร้องอย่างเจ็บปวดและทรมานมาก พวกเธอไม่อยากเห็นคนที่พวกเธอรักต้องเจ็บปวดมากไปกว่านี้อีกแล้ว
"งั้นฉันไปซื้ออะไรมาให้ฮิซาชิกินก่อนนะ..."
"อ๊ะ! ถ้างั้นฉันไปหาซื้อเกมที่ทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นมาได้บ้างมาก็แล้วกัน..."
"ถ้างั้นฉันจะไปหาหนังสือกับวีซีดีอ๊างๆมาเปิดให้เขาผ่อนคลายลงเอง..."
พวกเธอค่อยๆสาวเท้าออกจากบ้านไปอย่างสงบเสงี่ยม ทั้งสามไม่พูดอะไรกันเลยตั้งแต่เดินลงบันไดไปจนถึงทางแยกไปซื้อของที่พวกเธอต้องการ โดยทิ้งให้ฮิซาชินั่งสงบใจอยู่ในห้องนั้นเพียงคนเดียว
ระหว่างที่พวกseiriกำลังออกไปซื้อของที่พวกเธอคิดว่าจะช่วยให้ฮิซาชิอารมณ์ดีขึ้นได้นั้น ชายหนุ่มที่หมกตัวร้องไห้อยู่ในห้องก็ได้ยินเสียงของบางอย่างตกพื้นดังมาจากชั้นล่าง เสียงนั้นเหมือนจะมาจากห้องครัวที่เขาเพิ่งจะเข้าไปวางชิ้นส่วนแกนปีกของมิคาสะ
"ใครกันน่ะ..."
.......................................................
ในระหว่างที่ฮิซาชิกำลังเศร้าอยู่นั้นเอง ผู้นำมาซึ่งความวิบัติก็ได้ดำเนินการบางอย่างไปแล้ว 'เจ้าเหนือหัว'ของพวกมันได้สร้าง'ไกอา'รุ่นที่สองที่มีพลังแข็งแกร่งกว่าเดิมเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งระดับพลังของไกอารุ่นที่สองนี้อยู่ในระดับกึ่งกลางระหว่างร่างโคโรน่ากับร่างอิคลิปส์ของฮิซาชิเลยทีเดียว
ซึ่งมันไม่เพียงพอที่จะจัดการกับฮิซาชิได้แน่..!
"ในที่สุดก็สำเร็จจนได้นะขอรับนายท่าน... คราวนี้จะบุกถล่มพวกมนุษย์เลยไหมครับ!"
ปิศาจตนหนึ่งที่เหมือนจะเป็นข้ารับใช้ของมันพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น ดูเหมือนว่ามันจะคันไม้คันมืออยากจะฆ่าพวกมนุษย์เต็มแก่แล้ว และเพื่อเป็นการล้างแค้นให้กับพรรคพวกของมันที่ถูกพวกฮิซาชิจัดการไปก่อนหน้านี้ด้วย
แต่ถึงแม้ว่าการทำลายล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์จะเป็นจุดประสงค์หลักของผู้นำมาซึ่งความวิบัติซึ่งจำเป็นต้องทำให้สำเร็จโดยเร็วที่สุด แต่เพื่อที่จะกระทำการให้สำเร็จนั้นจำเป็นที่จะต้องจัดการขั้นเด็ดขาดกับก้างขวางคอชิ้นโตซึ่งสามารถสกัดกั้นภารกิจของพวกมันได้ตลอดมา ซึ่งเรื่องนี้หัวหน้าใหญ่ของพวกมันนั้นเข้าใจดี...
พวกมันจำเป็นต้องจัดการ"โคริคาวะ ฮิซาชิ"ให้ได้ก่อน!!
"ไม่ล่ะ..! เพราะพวกมนุษย์มีก้างชิ้นโตคอยขัดคอพวกเราอยู่ การจะล้างเผ่าพันธุ์พวกมนุษย์นั้นจำเป็นต้องจัดการเจ้านั่นให้ได้เสีย ก่อน..."
"ท่านหมายถึงมนุษย์ที่ชื่อ ฮิซาชิ ที่เจ้าสคริวล่าหลงรักหัวปักหัวปำนั่นน่ะเหรอครับ... จะว่าไปก็น่าเสียดายนะครับที่ยัยนั่นเกิดวิวัฒนาการขึ้นมาเสียก่อน อีกนิดเดียวพวกไกอาก็จะจัดการเจ้านั่นได้อยู่แล้วเชียว!"
ปิศาจตนนั้นกำมืออย่างเจ็บใจ ในขณะที่เจ้านายของมันกลับดูไม่ทุกข์ไม่ร้อนเลย... ในทางกลับกันหัวหน้าของมันนั้นกลับจะยิ่งรู้สึกตื่นเต้นมากกว่า
"ช่างมันเถอะ นูเรตัส... ฉันก็ไม่ได้คาดหวังอยู่แล้วล่ะว่าพวกไกอาจะจัดการหมอนั่นได้... เพราะพวกไกอาน่ะอ่อนแอกว่าเจ้านี่นะ"
"แล้วท่านกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ขอรับ ทำไมถึงไม่สั่งให้พวกไกอารุ่นสองไปจัดการเจ้ามนุษย์คนนั้นซะเลยล่ะขอรับ ตอนนี้จิตใจของเจ้านั่นกำลังอ่อนแอมากก็น่าจะจัดการได้โดยไม่ต้องเสียแรงมากเลยนี่นา... และด้วยขีดความสามารถของเหล่าไกอาที่ท่านสร้างขึ้นมานั้นก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าไกอาตัวแรกที่ท่านส่งไปคุ้มกันเจ้านั่นเลยไม่ใช่เหรอขอรับ"
"แล้วทำไมเจ้าถึงคิดว่าข้ายังไม่ลงมือทำอะไรเลยล่ะ..."
ปิศาจผู้เป็นเจ้านายแสยะยิ้มออกมาเป็นเค้าลางเหมือนกับว่ามันจะลงมือดำเนินการกำจัดฮิซาชิไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็เป็นจริงซะด้วย!
"ต่อให้พวกไกอาจะแข็งแกร่งสักเท่าไหร่...ก็ไม่มีทางชนะเจ้ามนุษย์คนนั้นได้อยู่แล้วล่ะ เพราะปัญหาในการเอาชนะนั้นไม่ได้อยู่ที่พลัง!"
...........................................
"นั่นใครน่ะ!!"
หลังจากที่ทำสมาธิระงับความโศกเศร้าได้ ฮิซาชิก็เดินลงไปยังห้องครัวที่เป็นจุดกำเนิดเสียงประหลาดทันที แต่เมื่อเขาได้เห็นต้นตอของเสียงที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้แล้ว ดวงตาของเขาก็เบิกโพลงออกมาด้วยความตะลึง เพราะคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขานั้น... ไม่ใช่ผู้ที่สมควรที่จะมายืนอยู่ตรงนั้นได้อีกต่อไปแล้ว!!
"เธอ..." ฮิซาชิตาค้างไม่หยุดเมื่อได้เห็นใบหน้าอันแสนน่ารักของเธอ เขาได้แต่ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูกจนกระทั่งสาวน้อยคนนั้นต้องเดินเข้ามาสะกิดเขา
"ใช่เธอจริงๆเหรอ..."
ชายหนุ่มที่ระงับอาการเศร้าจนน้ำตาหยุดไหลไปแล้วถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่รีบเข้าไปหาสาวน้อยผมน้ำเงินที่ยืนส่งสายตาเหมือนกับสามารถอ่านใจของเขาออกด้วยความคิดถึง ก่อนจะเอามือทั้งสองโอบรัดตัวเธอไว้จนหายใจไม่ออก
"ใช่เธอจริงๆสินะ... มิคาสะ!"
สาวน้อยที่ยืนอยู่ในอ้อมแขนของเขาคือ คนที่เขาเห็นอยู่จะๆว่าสิ้นลมหายใจไปแล้ว แต่ในตอนนี้เธอกลับมาอยู่ตรงหน้าเขาราวกับว่าเรื่องทั้งหมดนั้นเป็นเพียงความฝันชั่วครู่เท่านั้น... บางทีในระหว่างการต่อสู้หรือหลังจากที่เขาได้นำเอาแกนปีกของเธอกลับมาที่นี่แล้ว โครงสร้างภายในของแกนปีกคงรูปอาจจะเกิดการซ่อมแซมตัวเองโดยที่เขาและseiriคนอื่นๆไม่รู้ตัวก็ได้
"มันเจ็บนะ..! นายเล่นอะไรของนายน่ะ..."
สาวน้อยเอาใบหน้าหลบแก้มอันหยาบกร้านของชายหนุ่มที่พยายามเอามาถูกับแก้มอันอ่อนนุ่มของเธอ ขณะนี้แก้มทั้งสองข้างของทั้งสองคนแดงระเรื่อเหมือนกันราวกับผลมะเขือเทศแฝด
"เธอนั่นแหละเล่นบ้าอะไรของเธอ... รู้ไหมว่าตอนนั้นฉันใจหายแทบแย่นะ!"
ชายหนุ่มรู้สึกโล่งใจทันทีที่รู้ว่ามิคาสะที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นเป็นตัวจริง เขาอยากจะให้seiriพวกนั้นได้มาเห็นจริงๆ
"ขอโทษด้วยนะ... ไว้คราวหลังฉันจะไม่ทำอะไรเสี่ยงๆอย่างนั้นอีกแล้วล่ะ!"
สาวน้อยเอามือวางบนศีรษะชายหนุ่มพร้อมกับลูบอย่างทะนุถนอมราวกับตอบแทนสิ่งที่เขาทำให้เธอตลอดมา แล้วทั้งสองคนก็ครองรักกันอย่างมีความสุข แม้ว่าต่อจากนี้พวกเขาจะต้องเจอกับการต่อสู้อันแสนโหดร้ายสักเท่าไหร่ พวกเขาก็จะเป็นกำลังให้กันและกันฟันฝ่ามันออกไปให้ได้ แล้วพวกเขาก็มีลูกหลานเป็นลูกครึ่งมนุษย์-seiriเป็นกำลังใจให้แก่กันระหว่างการต่อสู้อันแสนโหดร้ายระหว่างมนุษย์กับผู้นำมาซึ่งความวิบัติ
(ถ้าเรื่องมันจะจบแบบนี้... ผมไปเขียนแนวรักหวานๆแล้วล่ะ)
ทันทีที่ฮิซาชิรู้สึกผ่อนคลายลง เขาก็ค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างช้าๆเพื่อมองดวงตาสีฟ้าราวกับน้ำทะเลของเธอให้ชัดๆอีกครั้งหนึ่ง แต่ตอนนั้นเอง...ฮิซาชิก็ได้เห็นอะไรบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากลเอาเสียมากๆ มากจนทำให้ลางสังหรณ์แห่งการต่อสู้ของเขาเริ่มจะตื่นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งท่ามกลางอ้อมกอดของอควารอยด์อันเป็นที่รักที่สุดของเขา
แกนปีกที่เสียหายของมิคาสะยังคงวางอยู่บนชั้นวางเครื่องปรุงอยู่อย่างสงบนิ่งราวกับไม่ได้เก็บรวบรวมหรือปลดปล่อยพลังงานที่สะสมเอาไว้ออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว เขารู้มาจากยูนะว่าseiriทุกคนจะไม่สามารถมีชีวิตรอดได้หากแกนปีกไม่ได้อยู่ภายในร่าง...
ถ้าอย่างนั้น...คนที่เขากำลังกอด...กำลังลูบหัวเขาอยู่นั้นเป็นใครกันล่ะ!
ยังไม่ทันที่ฮิซาชิจะได้รับคำตอบที่จะสามารถระบุตัวตนที่แท้จริงของseiriที่อยู่ในอ้อมกอดของเขาที่เริ่มจะคลายตัวออกทีละน้อย สาวน้อยในคราบของมิคาสะก็จับหัวชายหนุ่มกระแทกลงกับพื้นอย่างรุนแรงจนพื้นบ้านแตกกระจายตั้งแต่ครัวจนถึงประตูบ้าน ด้วยเรี่ยวแรงอันมหาสาลของเธอทำให้ฮิซาชิบาดเจ็บสาหัสภายในการโจมตีเพียงครั้งเดียว
"มิคาสะ... เธอทำอะไร... อะ!"
ทั้งๆที่ฮิซาชิได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงจนไม่สามารถลุกขึ้นได้อีกแล้ว เธอคนนั้นก็กระทืบเขาซ้ำหลายต่อหลายครั้งจนทำให้ฮิซาชิหมดสติไป แต่ทันทีที่เธอยกเท้าเตรียมบดกะโหลกของชายหนุ่มให้กลายเป็นเศษแคลเซียมนั้น เอง...พวกชิบุกิก็กลับมาจากซื้อของพอดี เมื่อเห็นสภาพที่สาวน้อยที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับคนที่พวกเธอรู้จักมานานคนนั้นกระทำกับชายหนุ่มที่พวกเธอรัก สติหักห้ามใจของพวกเธอก็ขาดผึงทันที
"แกเป็นใครกัน!! ออร่าที่แผ่ออกมาจากตัวนั่นไม่ใช่ของมิคาสะนี่นา!!!"
แล้วพวกเธอก็ได้รับคำตอบทันทีหลังจากที่ยิงคำถามใส่seiriที่มีพลังเหนือกว่าธรรมดาคนนั้น ร่างกายของเธอก็ค่อยๆเปลี่ยนสภาพไปทีละน้อย ดวงตากับสีผมน้ำเงินเข้มของเธอเปลี่ยนจากโทนสีน้ำเงินไปเป็นสีดำทะมึน เสื้อผ้าของเธอเปลี่ยนจากชุดที่ผู้หญิงใส่ออกเดทกันไปเป็นชุดเกราะดำสนิท ประกายแสงที่สะท้อนออกมาจากชุดเกราะนั้นเยือกเย็นมาก เยือกเย็นยิ่งกว่าไกอาที่พวกเธอเคยต่อสู้ด้วยเสียอีก หรือว่านี่จะเป็น!!?
"งี้นี่เอง... พลังไม่ใช่สิ่งสำคัญ สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าของพรรค์นั้นก็คือ'เปลือก'สินะ!!"
สาวน้อยทั้งสามคนตั้งท่าเตรียมต่อสู้กับศัตรูคนใหม่ที่ถูกส่งมาทันที ที่อยู่ตรงหน้าของพวกเธอคือ"ไกอารุ่นสอง"ที่มีพลังแข็งแกร่งกว่าร่างโคโรน่าของฮิซาชิซะอีก! แต่พวกเธอก็มีจำนวนถึงสามคนจึงทำให้ดูได้เปรียบกว่ามาก ทั้งสองฝ่ายดูท่าทีกันและกันก่อนจะพุ่งเข้าปะทะกันจนบ้านของฮิซาชิไม่เหลือเค้าโครงอะไรให้จำได้นอกจากเสาบ้านให้พอรู้ว่าที่นี่เคยเป็นบ้านมาก่อน
ทั้งสี่คนเข้าปะทะกันอย่างดุเดือดเลือดพล่าน ทันใดนั้นเองชิบุกิก็สร้างลูกบอลพลังสีฟ้าเข้าจู่โจมใส่ไกอาเต็มๆจนลอยไประเบิดบนฟ้าเป็นแสงสว่างจ้าสีฟ้าและดำสลับกันไปมาจนเกิดเป็นแสงสว่างและความมืดในช่วงเวลาเดียวกัน! การโจมตีในระดับที่เทียบเท่ากับร่างโคโรน่าของฮิซาชิซึ่งเคยจัดการกับไกอาเมื่อก่อนหน้านี้นั้นได้โจมตีใส่ร่างของคู่ต่อสู้เดิมที่ผ่านการปรับปรุงใหม่อย่างหนักหน่วงจนเธอไม่น่าที่จะรอดชีวิตออกมาได้แน่!!
แต่ในตอนนั้นเองที่เหล่าseiriทั้งสามได้รู้ซึ้งว่าความพยายามในการที่จะต่อต้านกับผู้นำมาซึ่งความวิบัตินั้นเป็นเพียงการกระทำของคนโง่เท่านั้น!!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ