god hunters นักล่าแห่งพระเจ้า

5.3

เขียนโดย ยมทูตฝึกหัด

วันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 เวลา 10.25 น.

  1 บท
  2 วิจารณ์
  3,680 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2556 10.11 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) แขกผู้ที่ไม่ได้รับเชิญ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

   

    เปรี้ยง!!! เสียงฟ้าร้องดังสนั่นปลุกชายคนหนึ่งตื่นจากภวังค์ ชายคนนี้มีดวงตาน่ากลัวดุจปีศาจคิ้วเข้มจมูกโด่งเป็นสันฝีปากดูอวบอิ่ม ใบหน้าดูหล่อเหลาแต่ไม่ได้หล่อปานเทพบุตรแต่เหมือนเทพปีศาจมากกว่า เขาเผลอหลับไปขณะสอบปากคำหญิงสาวคนหนึ่งผู้ถูกล่ามโซ่ไว้กับไม้กางแขนในห้องสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก ภายในห้องเต็มไปด้วยเครื่องรางของขลังนานาชนิด และมีของแปลกๆอาทิ หัวกวางสตาฟดวงตาด้านซ้ายโดนควักเขาด้านขวาของมันขาดบิ่นติดผนังด้านขวาสูงเลยหัวหญิงสาวไปนิดเดียวเท่านั้น ส่วนผนังด้านตรงข้ามเป็นหัวสิงโตสตาฟฟันแหลมคมดวงตาดูแวววาวเหมือนมีชีวิตมันจ้องหญิงสาวเขม็งเหมือนมันพร้อมที่จะกระโจนออกมาจากผนัง และขย้ำหญิงสาวตรงหน้าให้สิ้นซากแต่มันไม่มีชีวิตมันทำอย่างนั้นไม่ได้ แล้วถ้ามันกระโจนออกมาแต่หัวมันคงดูตลกน่าดู หญิงสาวคิดภาพตามก็หลุดขำออกมา

 

"มีอะไรน่าขำงั้นหรอ" ชายผู้มีดวงตาดุจปีศาจเอ่ยขณะลับมีดในมือ

 

"เปล่านี่ แค่คิดอะไรไปเรื่อยเปลื่อยตามประสาเด็กผู้หญิงน่ารักหุ่นบอบบางทั่วไปน่ะ"

 

   หญิงสาวยิ่มแฉ่งดวงตากลมโตและคล้ำอาจเป็นผลของการนอนดึกเพราะเธอไม่ได้ทาอายเรนเนอร์   หญิงสาวคนนี้ไม่แต่งหน้าทาปากใดๆทั้งสิ้นแต่นั่นก็ทำให้เธอดูสวยเป็นธรรมชาติ ผมของเธอดำขลับยาวสลวยงดงามแบบไม่ต้องไปทำทรีทเมนต์ร้านไหนให้เสียเวลา เธอดูขี้เล่นแต่ลึกลงไปในดวงตากลมโตนั้นเธอดูเศร้าสร้อยตลอดเวลา แม้จะดูเผินๆเธอจะดูอารมณ์ดีและยิ้มตลอดก็เถอะ แต่ชายหนุ่มดูยังไงก็เหมือนเธอทำไปเพื่อกลบเกลื่อนและปิดบังอดีตที่เลวร้ายของเธอ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ารอยยิ้มของเธอนั้นช่างดูสดใสสร้างความหวั่นใจให้ชายหนุ่มมาดน้ำแข็งผู้นี้ยิ่งนัก ชายหนุ่มคิดแล้วส่ายหัวเขาจะฟุ้งซ่านและเอาความรู้สึกส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวไม่ได้  ชายหนุ่มควงมีดเล่นปาหี่แล้วพูดว่า

 

"นี่ขนาดโดนล่ามโซ่อยู่นะ เธอยังทำเป็นเล่นอยู่ได้อีก" หญิงสาวยังคงยิ้ม

 

      ชายหนุ่มเหมือนจะยิ้มตอบแต่เขาก็เปลี่ยนสีหน้าอย่างรวดเร็ว "มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า เธอกำลังแอบคบมนุษย์อยู่ใช่มัย" หญิงสาวทำตาบ้องแบ๊วก่อนจะตอบยียวน

 

 

"ทำไม หึงฉันหรอ เซต!!" ชายหนุ่มกลอกตา

 

 

"หึงเธอ! เรื่องอะไร" หญิงสาวหัวเราะคิกคักก่อนจะตอบ

 

 

"เขาลือกันให้ทั่วแหละเซต ว่าเธอน่ะ..ชอบฉัน" ชายหนุ่มหน้าแดงแล้วปามีดไปด้านหลังโดยไม่หันหลังไปมองเลยด้วยซ้ำ

 

     มีดนั่นปักกลางกระหม่อมของเจ้าสิงโตสตาฟ หญิงสาวเห็นการกระทำของเขาก็หลุดขำออกมาอีก    แม้แต่เด็กมันยังรู้เลยว่าเขาทำไปเพื่อกลบเกลื่อน เหมือนเขาเริ่มจะหมดความอดทนแล้ว เขาเตะเก้าอี้ไม้เก่าข้างตัว มันกระแทกกับผนัง โครม!! เก้าอี้นั่นแตกกระจายข้างตัวหญิงสาว แต่เธอยังคงยิ้ม นั่นยิ่งทำให้เซตสติแตกปกติเขาก็ไม่ใช่คนอารมณ์เย็นอยู่แล้ว  

 

      "ถ้าขืนเธอยังพูดเล่นอยู่อีกละก็ ฉันเชือดเธอทิ้งแน่"        เขาส่งสายตาดุจปีศาจขู่แต่หญิงสาวหากลัวไม่เธอเพียงเลิกคิ้วขึ้น

 

"เธอกล้าทำหรอ"

 

    "แน่นอนมันคือหน้าที่ของฉัน"  เซตพูดลอดไรฟัน    แล้วน้ำก็เริ่มเอ่อล้นที่ดวงตาหญิงสาวมันท่วมท้นเจิ่งนองเหมือนก๊อกน้ำปะปาแตกมันค่อยๆไหลอาบแก้มเธอ สักพักเธอก็เริ่มฟูมฟายสะอึกสะอื้น นั่นเพียงพอแล้วที่จะทำให้ชายหนุ่มปากร้ายไม่ตรงกับใจคนนี้อ่อนลง

 

"เธอก็รู้ดีนี่ว่าฉันทำเธอไม่ลง" หญิงสาวหยุดสะอื้นแล้วมองหน้าเขาเป็นเชิงถาม แต่เซตเบี่ยงแบนไปเรื่องอื่น 

 

"เอาละฉันจะช่วยเธอครั้งนึง" หญิงสาวยิ้ม "เธอจะปล่อยฉันไปหรอ แต่มันขัดต่อหน้าที่ของเธอไม่ใช่หรอ"

 

     "ครั้งนี้ฉันจะทำเป็นไม่เห็นส่วนพวกนักล่าคนอื่นที่มันตามกลิ่นเธอมาฉันจะจัดการเอง" เซตตอบ แต่หญิงสาวส่ายหัว

 

     "ถึงเป็นเธอก็คงไม่กล้าทำผิดกฏหรอกเธอเป็นคนที่ยึดมั่นในกฏระเบียบมากฉันรู้ดี     ยิ่งกฏของภาคีถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิที่นักล่าจะต้องพึ่งประปฏิบัติ" หญิงสาวพูดจบก็จ้องตาเซตเหมือนจะคอยจับผิดว่าสิ่งที่เขาพูดออกมานั้นเขาแค่จะหลอกให้เธอเชื่อ

 

  "เธอกับฉันรู้จักกันมากี่ปีเรย์   แล้วมีสักครั้งไหมที่ฉันเคยโกหกเธอหรือหักหลังเธอ  ใช่ฉันเป็นคนที่ค่อนข้างเคร่งครัดในกฏและข้อระเบียบต่างๆแต่ถ้าเธอคิดว่าฉันไม่เคยทำผิดกฏหรือแหกข้อระเบียบเธอก็คิดผิด ก็เห็นกันอยู่ว่าฉันทำมันอยู่จนทุกวันนี้"

 

 

     แววตาของเซตนั้นจริงจังน้ำเสียงของเขาก็ดูจริงใจมาก    นั่นสินะถ้าเขาทำผิดกฏภาคีนักล่าเขาก็ได้ทำไปแล้วโดยการคบหากับเธอนี่ไง มันผิดธรรมชาติที่นักล่าปีศาจจะมาคบหากับแม่มดที่ได้ขึ้นชื่อว่าเธอเป็นศัตรูอันดับต้นๆของนักล่า หญิงสาวยิ้มนั่นสินะเธอกับเขาคบหาดูใจกันมาสักพักแล้วรู้จักกันมาก็ร่วมสามถึงสี่ปี แล้วเธอยังไม่ไว้ใจเขาอีก

 

"แล้วเธอจับฉันไว้ทำไม" หญิงสาวถามด้วยความสงสัย เซตลุกขึ้นและมองสำรวจไปรอบห้อง

 

"นั่นก็เพราะฉันตบตาพวกนักล่าอืนโดยทิ้งกลิ่นเธอไปกับสิ่งอื่น แล้วที่จับเธอไว้ในสถานที่แบบนี้ก็เพื่ออำพรางกลิ่น" หญิงสาวย่นจมูก"กลิ่น เธอจะบอกว่าฉันตัวเหม็นงั้นหรอ นี่ฉันอาบน้ำแล้วนะยะ" เซตหลุดขำแล้วพูดติดตลก

 

"นั่นสินะเธอคงอาบน้ำกับปราร้ามาสินะเพราะกลิ่นเธอแรงมาก" หญิงสาวแยกเขี้ยว

 

"ถ้าขืนยังพูดมากฉันจะสำรอกส้มตำปราร้าที่กินมาเมื่อเช้าใส่หน้านายเดียวนี้ ที่นี้จะปล่อยฉันได้หรือยัง "

 

      เธอเริ่มจะอารมณ์เสียแล้วแค่จะกลบกลิ่นพวกนักล่ามันจำเป็นด้วยหรือที่ต้องจับเธอมัดไว้แบบนี้     แล้วที่แค้นที่สุดคือเธอโดนมอมยาหลับไป เธอสาบานเลยว่าถ้าเธอหลุดไปได้เธอจะแก้แค้นคืนอย่างสาสม เธอสูดหายใจยาวก่อนจะกัดฟันพูดว่า

 

"ที่นี้จะปล่อยฉันได้หรือยัง" เซตมองไปรอบห้องเหมือนเขากำลังหาอะไรอยู่แล้วพูดลอยๆว่า

 

"ได้แต่มีข้อแม้ และเธอต้องพูดเพราะๆกับฉันด้วย"

 

     นั่นทำให้หญิงสาวแทบปรี๊ดแตกนี่จับเธอมอมยาแล้วเอามามัดกับไอ้เสาบ้าๆนี่  ยังไม่พอยังจะเล่นแง่อะไรอีกนี่มันคิดจะช่วยเธอจากพวกนักล่าหรือจะมาล่าเธอซะเอง เธอพยามตั้งสติและสะกดอารมณ์ก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงราบเรียบที่สุด

 

"เอ่อ..ข้อแม้อะไรหรือค่ะ"เธอกัดฟันเล็กๆ เซตยิ้ม

 

"เธอจะต้องพาฉันไปหาไอ้มนุษย์นั่น เราต้องแสดงความรู้จักกันหน่อย"

 

"เพื่ออะไร" เธอถามด้วยความงุนงง

 

"ไม่จำเป็นต้องตอบฉันก็มีเหตุผลของฉัน"

 

   หญิงสาวไม่มีทางเลือกมากนักเธอตอบตกลง  เซตยิ้มแฉ่งเขากำลังจะปลดปล่อยเธอเป็นอิสระ   แต่แล้วเขาก็สัมผัสถึงอะไรบางอย่างเขาชะงักกึก

 

"เธอรู้สึกไหม" หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้น

 

"อะไร"

 

   เขามองสำรวจไปรอบห้องอีกครั้งแต่เขาก็ไม่เห็นความผิดปกติอะไร    เขาหลับตาและปล่อยจิตให้ว่างเป็นเวลาเกือบหนึ่งนาทีที่เขาหลับตาอยู่อย่างนั้น จนหญิงสาวเริ่มฮ้าวแล้วถามว่า

 

"นี่เธอกำลังเล่นอะไรของเธออยุ่กั.."

 

    หญิงสาวยังไม่ทันพูดจบ  เซตก็เบิกตาโพล่งขึ้นแล้วกระโดดไปที่มุมห้องคว้าธนูสีเงินแวววาว  คันธนูประดับไปด้วยคริสตัลหลากสี เขาขึ้นสายแล้วเล็งไปทางหญิงสาว

 

"ช่วยหุบปากซักพักจะได้มัย"

 

เซตพูดเสียงกร้าว หญิงสาวตกใจแต่ก่อนที่เธอจะเอ่ยอะไรออกมา เซตก็พูดว่า

 

"เธอเชื่อใจฉันไหม" เธอยิ้ม"แล้วทำไมจะไม่ละ"

 

  หญิงสาวตอบทันทีแบบไม่ต้องคิด ชายหนุ่มยิ้มตอบแล้วยิงธนูอย่างรวดเร็ว ลูกธนูตรงดิ่งไปยังใบหน้าของหญิงสาวเธอไม่หลับตาเลยด้วยซ้ำ ฉึก!! เลือดสีดำอาบใบหน้าของหญิงสาวพร้อมกับเสียงร้องโหยหวน

 

"อ๊ากกก"

 

     เธอตะลึงกับภาพตรงหน้าลูกธนูหยุดอยู่กลางอากาศตรงใบหน้าของเธอพอดีเลือดไหลลงพื้นไม่หยุดเป็นเลือดสีดำเข้มข้น ภาพตรงหน้าเธอเริ่มกระจ่างเธอเห็นมือลอยอยู่กลางอากาศเป็นมือที่ขาวซีดเหมือนศพ ลูกธนูของเซตปักทะลุมือนั่นแน่นเธอก็รู้ทันทีมันคือมนตร์ล่องหน มนตร์เริ่มคลายทำให้เธอเห็นร่างของเจ้าของมือนั่นชัดเจน เขามีผิวซีดขาวไว้ทรงผมยุค80ผมสีทองของเขาตั้งสง่าคิ้วโกร่งตาคมกริบและมีเสน่ห์น่าดึงดูดใจยิ่งนัก ชายคนนี้สวมเสื้อสูทคอปกสูงสีน้ำเงินเข้มมีลายสลักสุดวิจิตรที่แขนเสื้อยาวไปถึงข้อมื ทั้งสองด้าน เสือเชิ๊ตสีขาวข้างในเปิดกระดุมไว้สองเม็ดเผยให้เห็นแผงอกขาวซีดชวนหลงไหล เขาแยกเขี้ยวอันแหลมคม

 

"นี่เป็นการทักทายปกติของนักล่างั้นหรือ"ชายคนนั้นพูดแล้วดึงธนูที่มือออก

 

   "เจ็บใช่เล่นเลยนะเนี่ย ธนูเงินหรอเกลียดชะมัดรู้มัยพวกเครื่องเงินเนี่ยทำให้แผลหายยากแต่มันไม่สามารถฆ่าแวมไพร์ได้หรอกนะมันฆ่าได้แค่ไอ้พวกน่ารังเกรียจอย่างไอ้พวกมนุษย์หมาป่าพวกนั้น"

 

      เซตขึ้นสายธนูและยิงดอกที่สองออกไปแทนคำตอบ     ฟิ้วลูกธนูแหวกอากาศหวังจะเสียบทะลุอกชายแปลกหน้าแต่เขาก็หายตัวไปอย่างรวดเร็วพอๆกับความเร็วของลูกธนู เพล้ง!! ลูกธนูเสียบไหแก้วรูปทรงประหลาดที่วางไว้ข้างผนังแตกกระจาย เซตขึ้นสายธนูดอกที่สามหมุนตัวแล้วเล็งไปที่หัวสิงโตสตาฟ

 

"แกทำตัวตัวลับๆล่อๆอยู่ตั้งนานสองนานแกต้องการอะไรกันแน่..."

 

เซตหยุดพูดเหมือนกำนึกอะไรอยู่แล้วซัดธนูดอกที่สามออกไป แต่คราวนี้ชายคนนั้นรับได้และกำธนูไว้แน่นยืนสง่าบนหัวสิงโต เขาหักลูกธนูแล้วเขวี้ยงทิ้ง ชายคนนั้นยิ้ม"แล้วนายคิดว่าไงละ นายต่างหากหนุ่มสาวสองคนอยู่ในห้องแคบๆบรรยากาศมืดๆอึมครึมๆ แล้วก็ตกแต่งภายในได้แบบว่า.." เขาหยุดพูดแล้วมองสำรวจห้อง"ก็โรแมนติกดีแบบดิบๆอะนะ"เขานั่งบนหัวสิงโตสอดมือทั้งสองใต้ศรีษะก่อนจะล้มตัวลงนอนเอกแขนกพิงฝาผนังสบายใจเฉิบ"เฮ้ๆเลิกเอาของอันตรายนั่นชี้มาที่ฉันเสียที"เขาพูดด้วยท่าทีสบายๆ"เอาล่ะๆพอดีฉันบังเอิญแค่ผ่านมาก็ได้โปรดให้ฉันเดินผ่านไปละกันนะ" เขาลุกขึ้นยืนเตรียมที่จะจากไป แต่เซตก็ยังเล็งไปที่เขาพร้อมยิงทันทีถ้าเขาหนี แวมไพร์หนุ่มทำหน้าเหนือยๆแล้วนั่งลงอีกครั้งสองมือประสานกันแล้วพูดว่า"นายคงไม่ยอมปล่อยฉันไปง่ายๆสินะ"เซตไม่ตอบแต่สายตาที่แน่วแน่ของเขาก็เพียงพอแล้วสำหรับคำตอบ  "เธอที่อยู่ตรงนั้นน่ะโดนเจ้าหมอนี่จับตัวมาใช่ไหม เธอคงแค้นมันมากสินะ ฉันจะปล่อยเธอให้แต่เธอก็ช่วยฆ่าเขาให้ฉันหน่อยละกันนะ"เขาลุกขึ้นสายตาจ้องที่เซตเตรียมจู่โจม แต่หญิงสาวส่ายหัว "แกพูดอะไรของแกน่ะ ฉันเป็นแค่หญิงสาวตัวเล็กๆหุ่นบอบบางจะเอาแรงที่ไหนไปสู้เจ้าผู้ชายโรคจิตที่จับฉันขึงแล้วคิดจะทำมิดีมิร้ายกับฉันกันล่ะ" เธอรู้สึกได้ว่าเซตมองจิกมาเธอหลุดขำยิ้มมุมปาก ดูเหมือนเจ้าแวมไพร์จะเริ่มเบื่อกับโชว์ปาหี่นี่เต็มทีแล้วเขาเกาหัวแกรกๆแล้วพูดว่า"โดเรย์มีแห่งนครอมตะ แม่มดสาวที่ล้มนักล่านับร้อยเพียงคนเดียวที่ทุ่งราบอ้างว้างในสงครามนักล่าเมื่อ15ปีก่อน เธอพูดว่าเธอเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กไร้ทางสู้เนี่ยนะ เฮอะอยากจะขำตาย" โดเรย์มีไม่ตอบเธอแค่จ้องหน้าเขา เจ้าแวมไพร์ส่ายหน้า "ฉันบอกตามตรงฉันชื่นชอบเธอนะ มันเจ๋งไปเลยที่เธอร่วมมือกับพวกกบฏโค่นล้มภาคีนักล่า มันเป็นวีรกรรมหญิงที่น่าจดจำ และเป็นความอับอายครั้งมโหราฬของไอ้พวกภาคีงี่เง่านั่น แล้วดูสิเธอยังทำให้ไอ้นักล่างี่เง่าคนหนึ่งมาจู๋จี๋กับเธอได้ โอ้โคตรสุดยอดเลยว่ะ"ยิ่งเห็นสีหน้าไม่พอใจของโดเรย์มีมันก็หัวเราะชอบใจ ส่วนเซตนั้นไม่แสดงสีหน้าใดๆออกมาทั้งสิ้นเขาสงบและเยือกเย็นพร้อมที่จะจู่โจมเหยื่อทุกเมื่อทันทีที่มีโอกาส เจ้าแวมไพร์เหล่มองเซตแวบนึงแล้วหยิบแอปเปิ้ลสีแดงสดเหมือนเลือดมาเคี้ยวเล่นก่อนจะพูดอย่างอารมณ์ดี"รู้ไหมฉันเป็นพวกนิยมมังสวิรัส เลือดของพวกมนุษย์นั้นนับวันก็ยิ่งจืดชืดไม่รู้เป็นอะไรเหมือนกันสิบห้าปีมาเนี่ยฉันดื่มเลือดมนุษย์น้อยลงคงเป็นผลจากสงครามนั่นนะฉันว่า สงครามนั่นทำให้เกิดอะไรต่อมิอะไรกับพวกมนุษย์มากมายทั้งอักขระนักล่าและเวทมนตร์ต่างๆมันปะปนไปกับอากาศทำให้ระบบในร่างกายของพวกมันผิดปกติ" แวมไพร์หนุ่มกัดแอปเปิ้ลอีกหนึ่งคำก่อนจะพูดต่อ"ว่าก็ว่าเถอะนะ" แต่เซตชักเริ่มหมดความอดทน เขาขึ้นสายแล้วยิงธนูออกไปอีกดอก ลูกธนูปักทะลุผลแอปเปิ้ล แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดเลือดสีแดงสดถึงไหลซึมอาบแอปเปิ้ลผลนั้น เลือดที่ไหลซึมออกมานั้นเป็นเลือดมนุษย์ไม่ผิดแน่ พวกแวมไพร์จะต้องค้นพบกรมวีธีบางอย่างผสมเลือดมนุษย์ไปในผลไม้แล้วแน่ๆ ก่อนหน้านี้พวกมันก็แปรรูปเลือดมนุษย์อัดกระป๋องขายในตลาดมืดแถมพวกมันยังทำแสบผสมเลือดในน้ำมะเขือเทศ น้ำหวาน น้ำกระเจี๊ยบและส่งขายไปทั่วโลกกว่าทางภาคีนักล่าจะตามหาของกลางทั้งหมดเจอและทำลายทิ้งก็กินเวลาไปหลายเดือน มันพินิจแอปเปิ้ลผลนั้นก่อนโยนทิ้งและแยกเขี้ยวอันแหลมคมของมัน เซตไม่ปล่อยจังหวะให้มันจู่โจม เขายิงธนูใส่ทันทีแต่ร่างนั่นหายไปแล้ว "หนีไปแล้วหรอ"โดเรย์มีถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น "ไม่ฉันได้กลิ่นมัน" แล้วเธอก็ทำจมุกฟุดฟิดๆ แต่ก็ไม่ได้กลิ่นอะไรนอกจากกลิ่นเหม็นสาปของห้อง "นายเป็นสุนัขหรอเซตเห็นได้กลิ่นบ่อยจัง" เธอทำสีหน้าตกใจ"ตายล่ะนักล่าผู้น่ารักของฉันโดนมนุษย์หมาป่ากัดเอาหรอหรือโดนหมาบ้ามันกัดเอา อิๆ"

เป็นครั้งที่สองที่เซตมองจิกมาที่เธอแต่ก็ไม่พูดอะไร เขามองสำรวจไปรอบห้องเขารู้สึกได้ว่าไอผีดิบนั่นยังอยู่ แต่ไม่รู้อยู่ตรงไหน เพราะมันไม่ได้ปล่อยจิตสังหารออกมา "เคร้งเคร้ง" สัญชาตญาณของเซตไวมาก เขายิงลูกธนูออกไปทางต้นเสียงนั่นทันที ชึก! ลูกธนูปักคาผนังเฉียดหัวโดเรมีไปปลายเส้นผม "เคร้งเคร้ง" เธอยังเกว่งโซ่นั่นอีก "ไม่ยิงทะลุหัวฉันไปเลยหล่ะตาบ้า!" ในที่สุดแม่มดสาวก็เริ่มอารมณ์เสีย "โห้ ฉันเก่งแหะ ยั่วคนอารมณ์ดีอย่างเธอปรี๊ดแตกได้ " โดเรมีทำหน้าบึ้งใส่แต่เซตยิ้ม "แกะโซ่สัปรังเคนี้ออกไปได้หรือยัง" เธอยกมือทั้งสองข้างขึ้นอย่างอารมณ์เสีย เซตหลุดขำออกมาเพราะมือทั้งสองข้างของโดเรมีไม่ได้ยกขึ้นเฉยๆแต่เธอยังโชว์ของลับอีกด้วย "ขำอะไร" เธอขู่และทำตาโตเหมือนแมว "ป่าวนี่" เซตตอบหน้าตาย โดเรมีพยายามสงบสติอารมณ์เพราะไม่อยากโต้เถียงด้วยอีกแล้ว "นายรู้ได้ไงเซตว่ามันยังอยู่นี่แล้วไม่ต้องมาบอกฉันเลยนะว่านายได้กลิ่นขืนพูดอะไรไร้สาระอีกฉันจะหักจมูกนายทิ้งแล้วเสกจมูกหมูให้นายแทน" เซตทำจมูกย่นเหมือนหมูแล้วส่ายหน้า "มันหายตัวได้ก็จริงแต่มันเป็นผีดิบไม่ใช่ผู้วิเศษไม่สามารถทะลุกำแพงหรืออันตธารหายไปได้" เซตเดินไปที่ประตู "แล้วทางออกนี่คือทางออกเดียวห้องนี้ไม่มีหน้าต่างที่ไหน" โดเรมีมองฟ่าบนเพดาน แต่เซตส่ายหัว "ตลกน่า ไอหนุ่มสำอางอย่างนั้นมันไม่มีวันเอาตัวไปคลุกฝุ่นแล้วซ่อนตัวอย่างหนูสกปรกหรอก" เซตยังไม่ทันพูดจบเขาก็รู้สึกอะไรบางอย่างบนเพดานด้านหลัง เขาหันไปแล้วยิงธนูขึ้นทันทีกับที่เจ้าผีดิบกระโจนลงมาพร้อมกับอุ้งมืออันแหลมคม เขาฉากหลบอย่างสวยงาม แต่เขายังไม่ทันได้คว้าลูกธนูอุ้งมือที่สองก็คว้าคอของเซตอย่างรวดเร็วและปัดธนูของเขาทิ้ง มันกระเด็นไปไกลหลายฟุต "จบกันสักทีอีหนู" เจ้าผีดิบพูดพร้อมกับยกเซตลอยขึ้นเล็บที่แหลมคมของมันจิกเขาจนเลือดไหลซิบๆ มันแยกเคี้ยวแล้วยกอีกมือขึ้นเตรียมตะปบ "แกหล่ะสิจบ!" เซตพูดพร้อมกับยกมือขึ้นทั้งสองข้างหยิบลูกธนูที่กระอกหลังข้างละดอกแล้วแทงที่อกของเจ้าแวมไพร์ 'อ๊ากกกก" มันร้องลั่นคลายการบีบคอของเซต "เรย์!" เซตตะโกนเรียกโดเรย์มี "ว่าไง" เธอตอบ "ก็เห็นๆอยู่จัดการมันสิ" เธอเลิกคิ้วขึ้น เขาเกลียดจริงๆเวลาเธอเลิกคิ้วขึ้นไม่รู้เวล่ำเวลาแบบนี้ "ยังไง" ถามเธอเหมือนเอจะไม่รู้จริงๆ แต่เซตสังเกตเห็นแววตาขี้เล่นลึกๆในดวงตาฉงนดวงนั้นได้ "ฉันขอเธอนะเรย์นี่มันช่วงเวลาหน้าสิวหน้าขวานอย่าทำเป็นเล่นได้มั้ย" เซตแยกเคี้ยวแล้วชำเลืองไปยังหัวสิงโตสต๊าฟด้านหลัง "ฉันเกลียดเวลาเป็นสิว" เธอพูดพร้อมกับร่ายคาถา เจ้าผีดิบฟื้นตัวแล้วมันบีบคอเซตด้วยมือทั้งสองข้าง "ฤทธิ์เยอะนักนะ" มันพูดแล้วชำเลืองไปทางโดเรย์มี "มือทั้งสองโดนร่ามไว้แบบนั้นจะทำอะไรได้ ไม่มีแม่มดคนไหนในโลกหรอกนะที่ร่ายมนต์โยไม่ใช้มือซักข้าง" เธอยิ้ม แต่ปากยังคงร่ายมนต์อยู่ "เฮอะ" มันกลับมาสนใจเซต "จะเอายังไงกับแกดีหล่ะ นายน้อยย้ำนักย้ำหนาว่าให้กำจัดแกทันทีที่มีโอกาส" เซตแปลกใจเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า "โฮ้! น่าสนใจแฮะชักสนใจแล้วสิว่าแกทำงานให้ใคร" เจ้าแวมไพร์เสียะยิ้มให้ก่อนจะตะโดนเสียงดังลั่น "แกจะได้รู้แน่แต่ในโลกหน้านะ" มันเงื้อมือขวาเตรียมจะกระซวก "โดเรย์มี" เซตตะโกนให้สัญญาณแล้วจุดไฟเผามือเจ้าแวมไพร์มันร้องลั่น เป็นจังหวะเดียวกับที่โดเรย์มีร่ายมนตร์เสร็จ เธอร้องเสียงก้อง " โซล ลีฟ!!!! " ทันใดนั้นภายในห้องก็สั่นไหว แกร็กๆ เสียงอะไรบางอย่างกำลังปริแตก "เป็นไปไม่ได้แกใช้เวทมนตร์โดยไม่ใช้มือร่ายคาถาได้ยังไง" ขณะที่มันกำลังเสียสมาธิเซตก็เร่งอักขระที่มือซ้ายสัญลักษณ์ไฟที่มือแดงฉ่าเหมือนกำลังปะทุ จากนั้นเขาก็เร่งอักขระปฐพีที่มือขวาสัญลักษณ์ไม้ยืนต้นส่งประกายจ้า เขาประสานมือทั้งสองไปที่หน้าอกของเจ้าแวมไพร์ "ไฟซ์บูม!!" บรึ้ม!!! หน้าอกขาวซีดระเบิดจนไหม้เกรียม ผลของแรงระเบิดทำให้ลูกธนูที่ปักบนหน้าอกนั้นหักคาอกเจ้าแวมไพร์ แต่บาดแผลเพียงแค่นั้นมิอาจทำให้มันสิ้นฤทธิ์ได้แม้มันจะหายใจรวยรินแล้วก็ตามมันก็แยกเขี้ยวและกางอุ้งมือทั้งสองไม่ว่ามันคิดจะทำอะไรมันก็จะทุ่มทั้งหมดในการโจมตีครั้งนี้ เกิดประกายแสงวูบวาบที่มือของมันขณะที่มันจะโจมตีเซตที่ตอนนี้เขาไร้อาวุธและไม่มีทางสู้ โดเรย์มีก็ตะโกนร้องเรียก"ไอ้ผีดิบงี่เง่า ไอ้ขี้ขลาดเอ๊ยแน่จริงก็มาฆ่าฉันสิ" มันแยกเขี้ยวแล้วเปลี่ยนเป้าหมายทันที มันพุ่งทะยานไปหาเสียงเรียกหมายจะขย้ำโดเรย์มีให้แหลกคาเขี้ยว "[บ้าชิบ" เซตสบถ เขาพุ่งตัวไปหยิบคันธนูที่โดนปัดทิ้งไป แต่เขาถึงมันช้าเกินไป เจ้าผีดิบกำลังฝังเขี้ยวเข้าที่คอของโดเรย์มีแล้ว แต่ถึงกระนั้นเขาก็ขึ้นสายธนู "โฮกกก!!" เสียงสัตว์ป่าคำรามลั่นห้อง เจ้าผีดิบชะงักกึกหันขวับไปทางเจ้าของเสียง สิงโตสตาฟที่ผนังดวงตาของมันวาวโลดคำรามลั่นด้วยความโกรธแล้วพุ่งเข้าใส่อย่างบ้าคลั่ง เจ้าผีดิบตกใจขณะที่สิงโตอ้าปากกว้างฟันอันแหลมคมฝังร่างเจ้าผีดิบ มันร้องลั่นพยามขัดขืนอย่างไร้ประโยชน์ มันพยามเฮือกสุดท้ายง้างปากเจ้าป่าผู้บ้าคลั่งผู้มีแต่ศรีษะตนนี้ พละกำลังของแวมไพร์เหลือล้นจริงๆ มันง้างปากเจ้าสิงโตในอึกใจใช้สองมือหักคมเขี้ยวของเจ้าสิงโตกระหายเลือดแล้วฉีกทำลายอย่างรวดเร็ว เจ้าป่าผู้บ้าคลั่งที่ตื่นจากการหลับไหลบัดนี้จะหลับไหลไปชั่วนิรันดร์ ดูเหมือนเจ้าผีดิบจะใช้เรี่ยวแรงไปจนหมดแล้วมันทรุดลงคุกเข่า "สำหรับวันนี้พอกันแค่นี้เถอะ แค่นี้ก็มากพอแล้วสำหรับการเปิดศึกครั้งแรก"มันพูดขณะเอามือกุมบาดแผลที่หน้าอก "สภาพอย่างนั้นแกคิดหรอว่าจะรอดจากที่นี่ไปได้" เซตเล็งธนูไปที่ศรีษะหมายจะสังหารให้จบในคราวเดียว "หึๆ ฮ่าฮ่าฮ่า"ในสถานการณ์คับขันเช่นนี้มันยังหัวเราะได้หน้าตาเฉย "มาช้าเหลือเกินสหายข้า" พอเจ้าผีดิบพูดจบประตูก็ระเบิดดัง ตูม!!! ผู้มาเยือนใหม่ก้าวเท้าเข้ามา เขาโพกศรีษะด้วยผ้าไหมสีดำใส่เสื้อคลุมสีดำทะมึนทั้งชุด เขาสวมหน้ากากรูปตัววีแถมตัวหน้ากากยังมีรอยแตกเต็มไปหมด เซตเปลี่ยนเป้าหมายโดยเล็งธนูไปที่ผู้มาใหม่ทันที "วันนี้แขกที่ไม่ได้รับเชิญเยอะจังแฮะ"เขาบ่น แต่ดูท่าฝีมือผู้มาใหม่จะร้ายไม่เบากาจไม่เบา เพราะเซตเร่งอักขระที่มือแล้ว โดเรย์มีก็รู้สึกความไม่ธรรมดาของชายคนนี้เธอก็เริ่มท่องมนตร์บางอย่างแล้วเหมือนกัน  ชายใส่หน้ากากมองไปรอบห้องประเมินสถานการณ์ก่อนจะถอดหน้ากากออก เขาน่าจะเป็นชายวัยสามสิบขึ้นแต่หน้าเขาดูอ่อนเยาว์เหมือนวัยรุ่นยี่สิบต้นๆ หล่อตี๋หน้าเรียวถอดแบบพวกดาราเกาหลีมาเลย เขายิ้มให้เซตและโดเรย์มี รอยยิ้มช่างดูเป็นมิตรนัก โดเรย์มีก็โพล่งออกมาว่า"น่ารักอะ" แค่กๆ!! เซตแกล้งไอชำเลืองมองโดเรย์มีแบบเอือมๆ เธอหน้าแดงแล้วเม้มปากก่อนจะยิ้มแห้งๆ "ฮ่าฮ่าฮ่า" เจ้าคนใกล้ตายกลางห้องหัวเราะดังลั่น "เธอนี่ตลกชะมัด เมื่อก่อนได้ยินแต่ชื่อเสียงเรียงนาม ฉันก็ชื่นชอบวีรกรรมของเธอมากพอแล้วแต่พอมาวันนี้เจอตัวจริงบอกตามตรงหลงรักเลยแฮะ" โดเรย์มีหน้าเบ้แล้วแลบลิ้นใส่แบบหน้าชัง "ถึงแกจะหล่อก็จริง แต่ฉันไม่มีวิสัยชอบสัตว์เลือดเย็นอย่างแกหรอกยะ" นั่นยิ่งทำให้มันขำเข้าไปใหญ่เจ้าคนมาใหม่ก็พลอยเป็นไปด้วย "พวกคุณนี่น่าสนใจจริงๆครับ แต่ผมว่าเราควรจะหยุดความสนุกกันแค่นี้ เพราะพวกเรามีงานใหญ่ที่ต้องไปทำอีก" เขาพูดแบบสบายๆและก้าวเดินไปหาพรรคพวกกลางห้อง เซตไม่ปล่อยให้จังหวะหลุดลอยเขาปล่อยลูกธนูทันที ลูกธนูติดไฟเพราะได้อาบไฟอักขระของเซต มันพุ่งตรงดิ่งหาเป้าหมาย แต่ทว่าพลาดเป้า มันพุ่งเลยชายคนนั้นไป ทั้งที่เขาคิดว่าเข้าเป้าแล้ว แต่เหมือนลูกธนูจะเปลี่ยนวิถีไปเฉยๆ ชายคนนั้นก้าวสามขุมไปหาเจ้าผีดิบอย่างไม่กลัวเกรงแถมยิ้มร่าอย่างอารมณ์ดี นั่นทำให้เซตยิ่งเดือดดาล และสาดซัดธนูใส่อย่างบ้าคลั่ง ธนูเพลิงนับสิบพุ่งเข้าใส่อย่างกับห่าฝน " เซต เซต เซต!!!" โดเรย์มีร้องเรียกแต่เซตไม่หยุดเขากระหน่ำยิงต่องเนื่องแบบไม่หยุดพัก เคร้งๆ!! เธอเขย่าโซ่เพื่อเรียกร้องความสนใจแต่ก็ไร้ผล "เธอทำบ้าอะไร เธอคิดจะเผาพวกเราทั้งเป็นหรอเซต" เธอกรีดร้อง เซตชะงักได้สติเขาหยุดยิงแต่ช้าเกินไป ไฟแห่งโทสะของเขาบัดนี้กำลังเผาผลาญห้อง เปลวเพลิงลุกลามเร็วมากเหมือนตัวปรสิตที่ค่อยๆกัดกินและทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่มันเข้าใกล้ โดเรย์มีดิ้นขัดขืนร่ายมนตร์และพยายามกระชากโซ่อย่างไร้ผล "บ้าเอ้ยโซ่เงินหรอ" เธอสบถ "ไม่ใช่แค่นั้นฉันยังร่ายอักขระปฐพีเสริมความแข็งให้มันอีก" เซตพูดจบเขาก็ยิงโซ่ที่พันธนาการเธอทิ้ง "ไฟซ์บูมช๊อต" ตูม!! เมื่อโดเรย์มีเป็นอิสระเธอก็ไม่รอช้าเธอร่ายเวททันที วงเวทสีดำสนิทปรากฏใต้ฝ่าเท้าผู้หลบหนีทั้งสอง เหล็กแหลมหลายแท่งเสียดแทงขึ้นมามันคอยๆก่อร่างทักทอเป็นรูปกรงเหล็กทรงกลมสีดำทมึน พัธนาการทั้งสองไว้ดั่งนกในกรงขัง แล้วโดเรย์มีก็ร่ายเวทเพื่อดับไฟภายในห้องเธอผายมือแล้วกรงก็ลอยขึ้นเหนือพื้น เธอยิ้มอย่างผู้มีชัย "เอาละที่นี้จะบอกได้หรือยังว่าพวกแกเป็นใครและต้องการอะไร" พวกมันไม่ตอยแต่ยังคงยิ้มมีเลศนัย "พวกมันเป็นใครฉันไม่รู้แต่ฉันรู้ว่าพวกมันต้องการอะไร" เซตพูดแล้วก้าวเท้ามายืนเคียงข้างโดเรย์มี "พวกมันต้องการสร้อยคอที่เธอห้อยอยู่" โดเรย์มีสะดุ้งโหยงเอามือกุมหน้าอกไว้แน่นไม่ว่าสิ่งที่อยู่ในเสื้อเธอคืออะไรแต่มันคงเป็นสิ่งที่สำคัญกับเธอมาก เซตเหลือบมองโดเรย์มีแวบนึงก่อนจะพูดต่อ "ขณะที่ฉันกำลังจะปลดโซ่เธอฉันก็ได้กลิ่นปลาเน่าและรู้เหมือนมีตัวอะไรสักอย่างอยู่ใกล้แค่ปลายจมูก" เจ้าผีดิบยักคิ้วแล้วพูดว่า "พอดีมื้อกลางวันกินปลาเซลม่อนมาน่ะ แล้วรู้สึกว่าจะเก็บไว้หลายวันไปหน่อย" พูดจบมันก็ยิ้มแยกเขี้ยว เจ้านี่เป็นแวมไพร์ประเภทไหนกันนะมันจะกินทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้าเลยหรือไง เซตคิดเขาส่ายหัวแล้วพูดต่อ"ขณะที่ฉันไปหยิบธนูฉันก็แผ่อักขระปฐพีไปด้วยฉันจึงรู้ว่ามันอยู่ข้างเธอแต่ฉันไม่รู้เป้าหมายที่แท้จริงของมัน ฉันจึงขู่จะยิงเธอเพื่อดูปกิริยาของมัน และก็เป็นอย่างที่คิดมันต้องการบางอย่างจากเธอ มันจึงจะรีบชิงเพื่อที่จะรีบหนีไป ตอนมันจะคว้าเอาสร้อยเธอฉันเห็นอากาศกระเพื่อมนิดหน่อยฉันรอดูจนแน่ใจแล้วยิงทันที" เซตหยุดพูดรอดูท่าทีของโดเรย์มี เธอนิ่งเงียบแต่เขาสังเกตุเห็นแววตาตื่นตะหนกของเธอได้ เซตเอื้อมมือไปจะจับมือเธอเพื่อจะปลอบใจแต่เขาก็เปลี่ยนใจเอามือล้วงกระเป๋าแทน "ฮ่าฮ่าฮ่า"เจ้าผีดิบหัวเราะ"แกมันไม่ธรรมดาจริงๆวะไอ้หนูไอ้สิ่งที่พวกฉันจะชิงไปน่ะมันสามารถทำลายโล..."  "มิคาเอล!!" ชายอีกคนร้องเตือน "ห้ามพูดไปมากกว่านี้นะ" เจ้านั่นบอกว่าจะทำลายอะไรนะโลกใช่มัย? เซตรำพึง ถ้ามันมีสเกลมโหราฬขนาดนั้นในหัวมันก็เป็นตัวอันตรายแล้ว การทำลายล้างโลกนั้นอาจจะดูไร้สาระในสายตาใครหลายๆคนแต่นั่นไม่ใช่สำหรับเซต และหลังจากที่ได้ปะมือกับมันเขาก็รับรู้ว่าเจ้าผีดิบตนนี้ไม่ใช่ธรรมดามันฉลาดพอตัวมันไม่ได้พุดเล่นแน่ ส่วนอีกคนแม้จะดูยิ้มแย้มตลอดเวลาแต่ภายในหน้ากากอีกใบนั้นแฝงความน่ากลัวและความอันตรายซ่อนอยู่เขารู้สึกได้ "พวกผมจะทำอะไรนั้นอีกไม่นานพวกคุณก็คงได้รู้กรุณาอดใจรอซักหน่อยเถอะครับ ความสนุกอีกมากมายกำลังรอพวกคุณอยู่ ยังมีวัถุดิบอื่นๆอีกไว้ผมจะเก็บวัถุดิบวันนี้ไว้เป็นชิ้นสุดท้าย" สายลมวูบนึงหอบพัดเขามาในห้องเป็นสายลมอ่อนๆแต่ส่งกลิ่นหอมฉุนแปลกๆ เขาสูดหายใจ "อีกอย่างนะครับผมยังเตรียมโชว์สุดพิเศษไว้เพื่อคุณเลย..คุณโดเรย์มี" โดเรย์มีแปลกใจ "ฉัน..!! " "ใช่ครับเราเจอวัตถุดิบที่เราต้องการอีกชิ้นนึงแล้ว" แล้วเธอก็ตกใจสุดขีด "หรือว่าพวกแก!! ได้โปรดเถอะอย่าทำอะไรเขานะ เขาไม่เกี่ยว " พวกมันหัวเราะ "ผมรับรองครับผมกับพรรคพวกของผมจะดูแลเขาอย่างดีชนิดที่ว่ายุงไม่ให้ไต่ไร่ไม่ให้ตรอมเลย"เขายิ้มยะเยือกเป็นรอยยิ้มที่น่าสะอิดสะเอียดสิ้นดี แววตาของมันไม่ได้ยิ้มแต่กำลังสนุกตื้นเต้นแฝงความบ้าคลั่งไว้เต็มพิกัด "มันไม่ผิดหรอกนะที่แกจะฝันแต่ถ้าแกอยากฝันแกก็ไปนอนก่อนเถอะ ตอนนี้พวกแกไม่ต่างอะไรกับหนูติดจั่นพวกแกเตรียมใจรับการสอบปากคำจากทางภาคีเถอะ" ชายคนนั้นส่ายหัวแล้วยิ้มร่า "พวกคุณยังไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงอีกหรือ วันนี้สายลมเต็มใจเหลือเกิน"ก่อนที่เซตกับโดเรย์มีจะรับรู้ถึงความผิดปกติ มันก็พูดด้วยน้ำเสียงอันส่งพลังดังก้อง "เอาละครับท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี พวกคุณจะได้เป็นพวกแรกที่จะได้เห็นการแสดงสุดยิ่งใหญ่ของท่านวิวคนนี้ และนี่คือโชว์อุ่นเครื่องครับ ถ้าพร้อมแล้ว ดนตรีบันเลง" แล้วเสียงเพลงวงออเคสต้าก็ดั่งกระหึ่มห้อง เป็นเพลงSerenade No. 13ของโมซาร์ท ชายคนนั้นเริ่มร่ายรำ เซตก็ทรุดลงไปกับพื้น "เซตเป็นอะ.."ยังไม่ทันสิ้นเสียงโดเรย์มี เธอก็รู้สึกหน้ามืดแขนขาชา ร่างกายหนักอึ้งเหมือนเธอกำลังแบกโลกทั้งใบอยู่ แล้วเธอก็ทรุดลงตามเซต ตอนไหนกันพวกมันวางยาเธอตอนไหนกัน หรือว่าสายลมนั่นบ้าฉิบ เธอครุ่นคิดขณะที่โลกทั้งใบกำลังหลับไหลไปด้วยเสียงเพลง..

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา