รอยต่อแห่งฝัน
เขียนโดย candle
วันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2556 เวลา 20.36 น.
แก้ไขเมื่อ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2556 22.19 น. โดย เจ้าของนิยาย
3)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
มายนั่นเอง นิศาเห็นเขานั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงริมระเบียง หล่อนเปิดประตูรั้วไม้เตี้ย ๆ ที่โอบล้อมบ้านหลังเล็กสีขาวไว้ นิศาเดินตามแผ่นหินที่วางเรียงรายเป็นทางมายังตัวบ้าน
“รถยังไม่เรียบร้อยอีกเหรอ”
“ยังเลย อีก 2-3 วัน มายมารอนิมีอะไรรึเปล่า”
“มีเรื่องอยากคุยด้วย” มายเดินไปเกาะราวระเบียง เขาอึดอัดกับสายตาของนิศา กลัวเหลือเกิน กับคำตอบที่จะออกจากปากของหล่อน หากมันไม่เป็นอย่างที่เขาต้องการจะทนได้หรือเปล่า
นิศาแปลกใจกับท่าทีของมายในวันนี้
“ว่าไปสิ” นิศานั่งลง หล่อนมองเข้าไปในครัว แพรวาง่วนอยู่กับการอบขนม
“ผมรู้สึกเบื่อยังไงไม่รู้”
“หมายถึงงานเหรอ หรือว่าอย่างอื่น”
“งานน่ะ
”
“มันไม่ใช่งานที่มายรักหรอกเหรอ”
มายเสยผม ซึ่งเป็นกิริยาคุ้นตาเมื่อเขามีเรื่องกังวลหรือไม่สบายใจ
“ใช่แต่ไม่ทั้งหมด” เขาทอดสายตาออกไปไกล
“ผมฝันว่าจะมีสักวันหนึ่ง ที่ได้เดินทางไปกับคนที่ผมรัก ถ่ายภาพไปเรื่อย ๆ ตามที่ต่าง ๆ มีรถตู้สักคันไว้เป็นบ้านสำหรับเรา”
มายจ้องหน้านิศา
“เดินทางไปทุกหนแห่ง เมื่อเก็บงานได้มากพอก็จัดนิทรรศการให้คนอื่นได้ชื่นชมบ้าง ในระหว่างการเดินทาง ผมว่ามันไม่ได้เป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มาก จนจะเป็นไปไม่ได้”
“ไม่แน่หรอกว่า สิ่งที่ว่าไม่ยิ่งใหญ่ก็อาจเป็นไปไม่ได้เท่า ๆ กับสิ่งที่ยิ่งใหญ่ด้วยเหมือนกัน”
“...............”
“คนที่จะมาร่วมสร้างฝันกับเรา ก็หาไม่ได้ง่ายนักหรอก ทำไมมายไม่คิดบ้างว่าการดำเนินชีวิตอย่างนั้น คนรักของคุณจะทนได้รึเปล่า ไม่มีผู้หญิงคนไหนเอาชีวิตไปแขวนไว้กับการเดินทางที่ไร้ร่องรอยของหลักประกันความมั่นคง ในเมื่อตอนนี้มายมีเงิน มีชื่อเสียง มายจะละทิ้งมันไปทำไม”
นิศาแปลกใจในความคิดของผู้ชายคนนี้ หล่อนไม่เคยนึกว่าก่อนว่าผู้ชายมากเสน่ห์ที่แวดล้อมไปด้วยสาวสวยมากมายจะคิดแบบนี้ คู่ควงของเขาแต่ละคนก็ไม่ใช่ธรรมดา พวกเธอคนใดคนหนึ่งในจำนวนนั้นไม่มีทางเห็นด้วยอย่างแน่นอน
“นิคิดอย่างนั้น”
“เป็นความรู้สึกของผู้หญิงส่วนใหญ่ สำหรับนิขอเพียงผู้ชายคนนั้นเป็นคนที่นิรักละก็ ยินดีติดตามไปทุกหนแห่ง”
“ถ้าอย่างนั้น นิจะเดินทางไปกับผมใช่มั๊ย” เขาจับมือหล่อนไปกุมไว้
“ที่พูดมา มายหมายถึงนิงั้นเหรอ”
“ผมรักคุณ” เขาสารภาพเป็นครั้งแรก
“มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ผมไม่รู้ หลายวันมานี่ผมพยามหาเหตุผล แต่ในความรักมักไม่มีเหตุผลไม่ใช่เหรอ รักก็คือรัก”
“รักผมบ้างรึเปล่า” เขาถามแผ่วเครือ
“นิไม่เคยคิดกับมายเป็นอื่นเลย นอกจากความเป็นเพื่อน”
“ที่ผ่านมาหรือนิไม่รู้ว่าผมคิดยังไง”
“นิเชื่อในความรักของมาย”
“แล้วยังไง”
“นิไม่อาจรักมายแบบคู่รักได้ ทางที่ดีมายอย่าเสียเวลากับนิเลย”
“ทำไม”
“ฉันไม่มีหัวใจจะรักใครได้อีกแล้ว”
“ใครคือคนที่นิรักเขามากขนาดนั้น”
“เขาเหมือนไม่มีตัวตนที่จะรัก แต่ก็คอยมาตลอดโดยไม่เคยรักใครได้มากเท่านั้นแล้ว ใครก็มาแทนที่เขาไม่ได้ ไม่อาจรักใครได้อีก”
“...............” เขาปล่อยมือจากหล่อน
“นิหวังว่ามายจะเข้าใจ”
“เรารอคอยใครอยู่” เสียงของมายดั่งว่าแว่วมาจากที่ไกลแสนไกล
“มันห้ามไม่ได้เลย เมื่อใจเราไปรักใครเข้าจนถอนใจไม่ขึ้น” นิศาน้ำตาซึม
“ผมขอโทษ ลืมในสิ่งที่ผมพูดเสียนะคนดี” มายกอดหล่อนไว้ กระซิบข้างหูปลอบโยน
เขากอดหล่อนไว้นานเนิ่น ก่อนจะผละจากไป
นิศาไม่อาจทราบได้เลยว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นจากผลของเหตุการณ์ครั้งนี้ ถ้าเพียงแต่หล่อนจะกันตัวเองออกมาจากความรู้สึกของมาย เพราะการแสดงออกของเขานิศาน่าจะรู้ดีอยู่แล้วถึงความหมายของมัน
“อ้าว...มายกลับไปแล้วเหรอ” แพรวาถือจานขนมออกมาวางตรงหน้านิศา
“เกิดอะไรขึ้น” เธอจับมือนิศา
“ไม่มีอะไรหรอก” นิศายิ้มให้แพรวา
“มีอะไรไม่สบายใจก็บอกนะ เราเป็นเพื่อนกันใช่มั๊ย”
“ใช่เราเป็นเพื่อนกัน และนิก็รักแพร” หล่อนกอดเพื่อนสาวไว้ เหมือนจะขอพักพิง
***************
เสียงครึกครื้นในอพาร์ทเม้นท์ บอกได้ว่าคนข้างในซัดน้ำเปลี่ยนนิสัยเข้าไปถึงขนาดบ้างแล้ว นิศากดกริ่งหน้าห้องครางเพลงฆ่าเวลาไปตามอารมณ์
“ว๊าว...นางแบบสุดฮอตมาแล้วโว๊ย” โยตะโกนบอกพวกพ้อง ขณะตัวเองเป็นคนเปิดประตู
“งานไอ้ฟางโคตรหย่าย มีนางแบบมาด้วย” โยยังไม่หยุดเย้า
“ฟาง แกอยู่ไหนวะ ทำไมปล่อยสัตว์สี่เท้าออกมาเพ่นพ่าน”
นิศาแกล้งส่งเสียงดังหน้าห้อง
“แกว่าฉันเป็นกระต่ายเหรอ”
“ฮื่อ...กระต่ายที่เห็นดวงจันทร์แล้วหอนน่ะ รู้จักป่ะ” นิศาลอยหน้าลอยตา หล่อนดึงปลายจมูกคิวหัวเราะรื่นเริง
โยคว้าข้อมือหล่อนรีบฉุดเข้ามา ก่อนที่เจ้าหล่อนจะทำให้เขาได้อาย นิศามีวิธีร้อยแปดที่จะทำให้เพื่อนได้ขายหน้า
โยลากหล่อนเข้ามาร่วมวงกับคิวและเพื่อน ๆ ของพวกเขา จำพวกนักดนตรีทั้งหลายแหล่ที่เล่นอยู่ด้วยกันในร้าน
หล่อนมองเห็นฟางกำลังต้อนรับเพื่อนสาวคนล่าสุดของเขาอีกด้านหนึ่งของห้องรับแขก
“ไม่เอา ฉันไม่อยากดื่ม ไปหาฟางท่าจะสนุกกว่า” ว่าแล้วหล่อนก็ลิ่วไปหาฟาง
“ไม่สนใจเพื่อนฝูงเลยนะแก”
“มาด้วยเหรอ” ฟางทักเนือย ๆ ไม่ค่อยสนใจเจ้าหล่อน นับว่าเป็นความผิดมหันต์ทีเดียว
นิศาทำตาเจ้าเล่ห์ หล่อนหอมแก้มฟางเสียฟอดใหญ่ก่อนนั่งลงบนตักเขา
“สุขสันต์วันเกิดจ๊ะที่รัก” หล่อนเหลือบมองสาวน้อยข้าง ๆ ฟาง
“เล่นอะไร” ฟางพูดไม่จริงจัง ยิ้มอย่างรู้เท่าทัน
“หนูเป็นแฟนของฟางเหรอจ๊ะ นี่รู้มั๊ยหมอนี่มีแฟนเป็นโหล อย่าคิดว่าเขาจะจริงจังกับเธอล่ะ กลับบ้านเถอะดึกป่านนี้แล้วแม่คงเป็นห่วง ไปพี่ลงไปส่ง”
“ไม่เกี่ยวกับพี่สักหน่อย”
“อ้าว...ทำไมจะไม่ล่ะ ฟางเป็นแฟนฉันนี่ ว่าแต่เขาบอกรักเธอสิใช่มั๊ย เขาต้องการเธออันนี้ใช่แน่นอน หมอนี่ต้องการผู้หญิงทุกคนแหละ เถอะน่าพี่ไปส่งบ้าน” นิศาฉุดมือเด็กสาว
“ไม่ต้อง” เด็กสาวผลุนผลันออกไปอย่างไม่พอใจนิศา
“ฉันไม่เข้าใจเลย ทำไมเด็กคนนั้นถึงโกรธ ฉันช่วยเธอไว้แท้ ๆ”
ฟางเปลี่ยนสายตามามองนิศา
"อย่ามองฉันอย่างนั้นสิ” นิศาร้อนตัวขึ้นมา
“แกทำฉันเสียแผนหมด” ฟางต่อว่าไม่จริงจัง เขารู้ดีถึงนิสัยของเพื่อนสาวของเขาคนนี้
“เด็กคนนั้นยังเยาว์วัยเกินไป”
“แกคิดว่าฉันจะทำอะไรเค้าเล่า”
“จะไปรู้เหรอ แต่ฉันไม่ไว้ใจแกว่ะ เห็นสาวน้อยไม่ได้รี่เข้าใส่”
ฟางหัวเราะกลบเกลื่อน
“ฉันแทนก็ได้ เอาป่ะ” หล่อนยั่ว
“โอโน...รู้ไปถึงไหนอายเขาถึงนั่น” ว่าแล้วฟางก็หลบวูบ เมื่อเห็นข้อศอกแหลม ๆ ผ่านหน้าไปหวุดหวิด
“จะไม่แนะนำหน่อยเหรอ” ชายหนุ่มหน้าเข้มตบไหล่ฟาง
“คนนี้มิน เล่นดนตรีอยู่ด้วยกันที่ร้าน เพิ่งมาใหม่”
นิศาพยักหน้ายิ้ม ๆ
“คุณเป็นนางแบบคนดังนี่นา” มินยื่นหน้ามาใกล้ นิศาได้กลิ่นเหล้าจากปากของเขา หล่อนลุกขึ้น
“คุยกับผมก่อนสิ” เขาฉุดมือหล่อน
“เฮ้...เพื่อน นายเมาแล้ว” ฟางเสียงเข้ม
“หวงรึไง”
“อยู่ให้ห่างเธอไว้ หากไม่อยากตกงาน” ฟางผลักมินให้นั่งลง
กับเพื่อนก็อย่างนี้เอง ฟางน่ารักเสมอ
“ขอบคุณ” นิศาพึมพำกับฟาง
เขาหัวเราะเคอะเขิน
“ไง ไอ้จรปล่อยปลาแกไปรึไง” โยถาม
“ยุ่งไปทุกเรื่อง” ฟางตบหัวหล่อนเบา ๆ
เพื่อนสนิทเรียกนิสาว่าจรมาตั้งแต่เรียนมหา-ลัย คิวเป็นคนอธิบายว่า
“เพราะมึงชื่อนิศา และชอบกลางคืนมากกว่ากลางวัน กูว่าชื่อนิศาจรแหละเหมาะกับมึงที่สุด เพราะมันแปลว่าการเดินทางตอนกลางคืน หรือการเดินทางของค่ำคืนอะไรเทือกนั้น”
คิวพยามอธิบายให้ฟังดูโรแมนติค ซึ่งหล่อนก็ไม่ขัดข้อง
นิศาสนิทกับพวกเขามากจนพวกมันไม่คิดด้วยซ้ำว่าหล่อนเป็นผู้หญิง นิศามีความสุขมากเมื่ออยู่ท่ามกลางเพื่อน ๆ ซึ่งเข้าอกเข้าใจหล่อนอย่างนี้
“ฉันรักพวกแกที่สุดเลย”
หล่อนมักจะบอกพวกเขาอย่างนี้เสมอ
“มองเท่าไหร่ก็ไม่เห็นว่ามันสวย” โยเริ่มเรื่อง
“ว่าไม่ได้นา อย่างไอ้จรของเรามันต้องมองผ่านหน้ากล้องโว๊ย” คิวต่อทันทีอย่างรู้กัน
เป็นที่รู้กันในหมู่เพื่อนฝูงว่านิศาเป็นประเภทเห็นกล้องไม่ได้ หล่อนชอบเล่นกับหน้ากล้องมาแต่ไหนแต่ไร นิศาตอนปกติกับตอนอยู่หน้ากล้องจะเปลี่ยนเป็นคนละคน จนแทบจำไม่ได้ ทั้งที่หล่อนไม่ใช่คนสวย
“มิน่า ไอ้มายมันถึงได้ ตก-หลุม-รัก” ฟางทำท่าตลกล้อเลียน
“แกอยากรู้รึเปล่า ทำไมหมอนั่นตกหลุมรัก” โยกลั้นยิ้มเต็มที่
“ไหนว่าไปซิ”
“มายเป็นช่างภาพใช่มั๊ยล่ะ มันก็มองไอ้จรของเราผ่านหน้ากล้องทุกที เลยไม่รู้ว่านิศาที่จริง ตัวผอม ๆ หน้าตาไม่เอาไหน ปากจัดอีกต่างหาก แถมมากับเหล้ากูยังไม่อยากได้ เป็นแพรวาค่อยน่าคิดหน่อย”
โยทำตาเจ้าเล่ห์
“ใช่ ไอ้นี่ไม่ไหว” คิวโครงหัวหล่อน
“คิดจะจีบแพรเหรอ ข้ามศพฉันไปก่อนเถอะไอ้ครีเอถีบ”
หล่อนยกเท้าขึ้นเป็นการยืนยันคำพูด กระตุกผมคิวจนเจ้าตัวผงะ
ในจำนวนเพื่อนกันสี่คนมีคิวคนเดียวที่ได้ทำงานตามที่ร่ำเรียนมา เขาเป็นครีเอทีฟบริษัทโฆษณาแห่งหนึ่ง ส่วนฟางกับโยเลือกหากินด้วยการร้องเพลง มีบ่อยครั้งที่สองคนมักบ่นว่าไม่มีเงิน นิศายังเคยแนะให้สองคนเปิดบริการเป็นคู่ควงสาวโสด หรือไม่ก็ผู้ชายดอกไม้ ดูจากหน้าตาก็หล่อเหลาอยู่ใช่ย่อย หล่อนยังรับปากว่าจะเป็นคนจัดคิวให้ ซึ่งฟางก็จะบอกว่า
“ความคิดมึงแม่งสร้างสรรค์ สมแล้วที่เรียนโฆษณาใช้ได้นี่ ไหนไปซื้อเหล้าให้กูหน่อยดิ”
“แกรู้มั๊ย ผู้ชายเขาชอบผู้หญิงสวยหวาน แกล้งโง่หน่อย อย่างแกรู้ทันเขาไปเสียหมด”
“เออ...กูเห็นด้วย มึงทำหวานบ้างนะ” ฟางสนับสนุน
“แกลองเป็นชายหนุ่มที่ฉันรักสิ จะหวานให้หยดเชียว” หล่อนแบะปาก
“ไอ้มายเดินไม่ดูตาม้าตาเรือแน่ ๆ เลย ถึงได้ตกหลุม” คิวบ่นตีหน้ายุ่ง
“ฉันเจอมายเมื่อสองคืนก่อน หมอดื่มเหล้าเป็นน้ำเลย” ฟางบอก เขาหมายถึงร้านที่เขาทำงานอยู่นั่นเอง
ร้านที่หนุ่มสาววงการบันเทิงนิยมไปกันเหลือเกิน ร้านที่นิศาประชดประชันว่าดาราหน้าใหม่มาแนะนำตัว เพื่อประกาศว่าฉันเป็นดาราแล้วนะ ทั้งที่หล่อนเองก็มาออกบ่อย
“ฉันมาหาพวกแกหรอย่ะ” หล่อนบอกฟางกับโย
นิศามาดื่มเบียร์ให้สองหนุ่มจ่ายอยู่เป็นประจำ เรียกว่าถ้าไม่มีงานที่ไหนหล่อนก็มาขลุกอยู่ที่นี่ มีบ้างเหมือนกันที่หล่อนครึ้มใจขึ้นไปแจมกับสองหนุ่ม
“ใช่จริงด้วย ฉันได้ข่าวเรื่องมายกับแก มีอะไรมากกว่านั้นรึเปล่า”
โยแสดงความห่วงใย ไม่บ่อยครั้งหรอกที่พวกเขาจะแสดงความห่วงใยกันออกมาให้เห็น นอกจากค่อนขอด ไม่ใช่ไม่ห่วง หากเพราะความเป็นเพื่อนที่คบกันมานานปีทุกคนจึงรู้ถึงความห่วงใยที่มีให้กันอย่างเต็มเปี่ยม
“ฉันถูกสารภาพรัก”
“แล้วไง สิบเอาหนึ่งแกปฏิเสธอีกตามเคย”
หล่อนยิ้มกับการคาดคะเนของโย ไม่พูดอะไร
“ฉันอยากรู้จริง คนที่แกรักเป็นยังไง”
“จะเป็นยังไง ก็เป็นคนที่ฉันรักนะสิ”
“เออ...พูดดีไปเถอะ ฉันจะคอยดู”
“มีอะไรก็พูดสิ เราเป็นเพื่อนกันนี่หว่า แกเลิกนิสัยนี้เสียที” คิวพูดขึ้นบ้าง เขาคล้ายดั่งว่าจะเป็นพี่คนโตในกลุ่ม
“อะไรจะจริงจังขนาดนั้น” หล่อนหัวเราะกลบเกลื่อน เฉยเสียกับคำถามของเพื่อน
แค่นี้พวกเขาก็รู้แล้วว่าหล่อนไม่ต้องการจะพูดถึง
********************
จะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่นิศาก็พาตัวเองมาหามายในค่ำคืนนั้นเอง
ต่างคนต่างนิ่งเงียบเมื่อเจอหน้า
“เข้ามาเถอะ” มายเริ่มต้นและเชื้อเชิญ
“รู้สึกเป็นไงบ้าง” หล่อนเอ่ย หลังเงียบอยู่ครู่ใหญ่
“หมายถึงอะไร” เขาเหลือบแลมาทางหล่อน
“...............”
“ตัดสินใจอะไรไม่ได้เลย” มายเสยผม
“ฉันเสียใจ”
“ความรักของผมเรียกคุณมาใช่มั๊ย” เขากระซิบถาม เกยคางไว้กับไหล่หล่อน เขายังหวังแม้มันจะน้อยนิดเต็มที
นิศาลุกขึ้น
“อยู่กับผมได้ไหมคืนนี้ เราอาจไม่ได้เจอกันอีกเลย”
หล่อนนั่งลง
********************
เขายังคงกอดหล่อนอยู่ในขณะหลับสนิท อะไรที่ทำให้เขามีความสุขเพื่อทดแทนความรู้สึกหล่อนก็ยินดี แม้มันจะเป็นหนทางที่ไม่ดีเลยในความรู้สึกของนิศา
ริมฝีปากยังรู้สึกได้ถึงรอยจูบของเขา เนื้อตัวของหล่อนยังรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นของอ้อมกอด การสัมผัสของเขาบอกได้ว่าผู้ชายคนนี้รักหล่อนมากแค่ไหน
นิศาจูบเขาก่อนจะจากไป เมื่อคืนหล่อนได้ให้สิ่งที่ผู้หญิงคนทุกคนล้วนหวงแหน มันเป็นทางออกเดียวที่หล่อนเลือกจะทำ นิศาตัดสินใจด้วยตัวเอง
ชายหนุ่มผู้ซึ่งหลับไปด้วยความสุข รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเมื่อแสงแดดสาดซัดเข้ามา ในอ้อมแขนว่างเปล่า ไร้ซึ่งหญิงคนรัก มายผุดลุกขึ้น เมื่อคืนนี้เองไม่ใช่หรือ หล่อนอยู่กับเขา ในอ้อมกอดของเขา แต่แล้วหล่อนก็จากไปอีกตามเคย
นิศาเป็นดั่งภาพพร่ามัวที่เขาสัมผัสได้ในความฝันเท่านั้นเอง
มายลุกไปยังเครื่องเล่นแผ่นเสียง เพลงบทหนึ่งดังขึ้น กรีดความรู้สึกยามนี้นัก
“ถ้าฉันไม่สามารถมีเธอ
ฉันก็ไม่ปรารถนาใครอื่นอีกแล้วนะคนดี
ถ้าฉันไม่อาจได้เธอมา
โอ...ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม
ฉันจึงจะอยู่รอดพ้น
จากความเปล่าเปลี่ยวทุกคืนวันนั้นได้
ในเมื่อทุกหนทุกแห่ง ช่างไร้โอกาส
และเปล่าดายสำหรับฉัน
ชีวิตฉันคงจบสิ้น”
ความฝันของใครคนหนึ่งจบสิ้นง่ายดายเช่นนี้หรือ ความหอมหวานแห่งชีวิตซึ่งเคยหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณ เฝ้าหลงตามหามาแสนนาน เจอแล้วเหมือนไม่เจออาจยิ่งร้ายกว่าหลายเท่านัก
“ฉันเทให้หมด
มันง่ายดายต่อเธอแล้วที่รัก
กับความฝันที่ไม่อาจเป็นจริงได้
แล้วฉันจะเข้มแข็งพอ
ที่จะนั่งดูมันได้ตลอดหรือ
ปล่อยให้ใจหลับไป
นั่นแหละที่ฉันจะทำ
ไม่มีใครอื่นหรอก
หากฉันไม่อาจมีเธอ”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ