ยอดนักสืบคุกกี้
8) ปริศนาในร้านดูดวง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความที่นี่หรือบ้านของยัยนั่นน่ะ”
คุกกี้ตรวจดูบัตรแนะนำตัวส่วนบนบ่าก็มีร่างของตะวันนอนสลบอยู่
“เอ…กุญแจบ้านๆ”
ชายหนุ่มค่อยๆไขประตูก่อนจะนำร่างของหญิงสาวไปวางไว้บนเตียง
“นอนไปอย่างนั้นแหละขืนอาบน้ำให้โดนข้อหาอนาจารชัวส์”
คุกกี้โยนกุญแจลงบนเตียงพร้อมกับวิ่งออกไปจากบ้านของตะวันทันที
เช้าตรู่6โมง
“ให้ตายเถอะคุณยายดันให้ไปเยี่ยมเพื่อนซะนี่ขี้เกียจไปโว้ย”
คุกกี้บ่นอย่างขี้เกียจพลางคิดไปถึงคุณหญิงน้ำทิพย์ที่ใช้ให้เขาไปเยี่ยมเพื่อนที่ลพบุรี
ณจังหวัดลพบุรีเวลา11โมง
“สวัสดีจ้ะแหมคุกกี้ว่าคนพ่อหล่อแล้วนะลูกหล่อกว่าอีก”
ปลามกล่าวอย่างเอ็นดู
“สวัสดีครับคุณย่าปลามสบายดีใช่ไหมครับ”
“สบายดีจ้ะมาๆย่าชงชาไว้ให้แล้ว”
“นี่คุณย่าเปิดร้านดูดวงอยู่หรือครับ”
คุกกี้กล่าวพลางปรายตามองรอบๆซึ่งมีทั้งไพ่ยิบซีแว่นขยายและอุปกรณ์ดูดวงอีกมากมาย
“จ้ะลูกค้าก็พอสมควรอ้อ!จริงสิมีแขกอีกคนด้วยนะเป็นอาสาสมัครมาช่วยงานหาเงินไปบริจาคบ้านคนชราน่ะ”
“หือ…ชื่ออะไรหรือครับ”
ชายหนุ่มจิบชาเขียวอย่างใจเย็น
“ตะวัน จันทราน่ะเป็นนักสืบเหมือนเธอนั่นแหละ”
พรวด!
คุกกี้สำลักน้ำชาออกมา
ติ๊งต่อง….
“สงสัยจะมาแล้วล่ะนะ”
คุณย่าปามค่อยๆลุกก่อนจะเดินไปทางประตู
:ตายๆทำไงดีวะ!:
นักสืบหนุ่มคิดในใจพลางเหงื่อตกไปด้วย
“อ้าว เร มาจากไหนเนี่ย”
หญิงแก่มองลูกชายของตัวเอง
“แม่เอาเงินมาหน่อยซิฉันจะได้ไปกินเหล้าต่อ!”
ชายหนุ่มตวาดใส่มารดาก่อนจะแย่งกระเป๋าสตางมาถือไว้
“หยุดนะ!”
คุกกี้เตะกวาดเรียบจนเรเสียหลักปล่อยกระเป๋าสตางค์
“เฮ้ย!มายุ่งอะไรกับน้องฉัน”
หนุ่มร่างกายกำยำตะคอกใส่เขา
“คุกกี้ โด เร อย่าทะเลาะกันเลยเดี๋ยว มี ฟา และ ซอล คงจะมาด้วยสินะ”
ผ่านไป30นาที
ทุกคนทั้งหมดพี่น้องก็มารวมตัวกันครบรวมทั้งตะวันด้วย
“นี่คือมรดกชิ้นเดียวของแม่ลูกแก้วเพชรสีชมพูจากออสเตรเลีย”
ย่าปลามหยิบเพชรสีชมพูทรงกลมเรียบขนาดตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ราคาคงราวๆแสนล้านบาทพี่น้องตัวโน๊ตต่างตาลุกวาวทันที
“เอาล่ะถ้าแม่ตายลูกๆต้องแบ่งกันเองนะ”
ว่าแล้วหญิงแก่ก็เก็บเพชรก้อนนั้นลงไปในลินชัก
ณสวนหย่อมหลังบ้าน
คุกกี้กับตะวันเดินออกมาทางเดียวกันแต่หญิงสาวกลับไม่กล้าสบตาชายหนุ่มแม้แต่น้อยเพราะเธอรู้การที่เธอกลับมาได้แปลว่าเขาต้องอุ้มเธอมาด้วย
“นี่ตะวันคุยกันหน่อยซี่”
“ฉันไม่มีอะไรมาคุยกับคนลามกอย่างนาย”
“ก็มันไม่มีทางเลือกนี่ไม่อย่างนั้นจะให้ปล่อยเธอไว้บนม้านั่งอย่างนั้นเหรอ”
“โอ๊ย…ไม่เอาแล้วไม่คุยแล้วฉันไปละ”
ตะวันกระฟัดกระเฟียดก่อนจะเดินจากไปทิ้งให้คุกกี้ส่ายหน้าอย่างเบื่อหน่าย
:ผู้หญิงนี่เข้าใจยากจริง…แต่เอ…ทำไมเราต้องห่วงยัยนั่นด้วยนา….ช่างมันเถอะ!:
เวลา5โมงเย็น
“กรี๊ด!”
ปลามร้องออกมาเสียงดังจนทุกคนต้องวิ่งเข้ามาดู
“มีอะไรครับคุณแม่”
ฟาถามอย่างร้อนใจ
“ล…ล…ลูกแก้ว…ลูกแก้วหายไปแล้ว”
“หา!”
ทุกคนอุทานออกมาพร้อมกัน
“ใจเย็นๆก่อนครับคุณน้าเอาเป็นว่าฟังคำพูดของเหล่าพี่น้องพวกนี้ก่อนเถอะเพราะผมเชื่อว่า….”
“ใช่ค่ะคุณน้ารีบเถอะ!”
ตะวันและคุกกี้พยายามไกล่เกลี่ย
“อ…อืม”
“นี่!เดี๋ยวก่อนสิอย่าบอกนะว่าแกสงสัยพวกเราน่ะ”
มีตวาดใส่อย่างไม่พอใจ
“ลูกมี!เงียบเถอะพวกลูกมันไม่มีสัจจะเลยสักคนเดียว”
หญิงแก่ตะโกนอย่างเดือดดาล
“เอาละขอทุกคนจงให้การมาเดี๋ยวนี้”
นักสืบสาวพูดขัด
“โอเค!คำให้การของฉันคือฉันไม่ได้ทำจบ!”
โดโพล่งขึ้น
“แต่ผมเห็นไอ้มีมันขโมยไปนา…”
เรเอามือลูบคางทำท่าคิด
“โอ๊ยอย่าโกหกเลยน่าอย่างมีไม่ทำอย่างนั้นหรอก”
ฟากล่าวขัดไว้
“โห…ทำเป็นพูดงั้นงี้ฉันว่าเอ็งน่ะแหละขโมยไป”
มีตอบอย่างไม่สำนึกบุญคุณ
“หึหึหึหึหึคนทำอาจจะเป็นผมก็ได้นา….”
ซอลไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นเอาแต่อ่านหนังสือต่อไป
ผ่านไป1ชั่วโมง
คำให้การของแต่ละคนทำให้คุกกี้และตะวันปวดหัวมากโดยหารู้ไม่เลยว่ามีสายตาเฉียบคมกำลังมองพวกเขาอยู่….
“เราไม่มีเบาะแสอะไรเลย…”
หญิงสาวขัดขึ้นอย่างท้อใจส่วนชายหนุ่มเอามือกุมขมับอย่างเคร่งเครียดเพราะยังไม่รู้เลยว่าคำให้การเหล่านั้นเป็นความจริงหรือเปล่า
“พวกเธอเคยรู้จักคำว่าคีเวิดย์หรือเปล่า….”
เสียงนั้นดังก้องไปทั่วห้องจนคุกกี้และตะวันสะดุ้งโหยง
“เสียงนี้…”
แอ๊ด
ประตูไม้สีน้ำตาลแดงค่อยๆเปิดออกเผยให้เห็นร่างของชายหนุ่มผมสีน้ำตาลยาวรวบมัดไว้ด้านหลังใบหน้าหล่อเหลาแต่ก็เพราะอายุทำให้ความเท่ลดน้อยลงไปมากกำลังคาบไปป์อยู่
“คะ….คุณพ่อ”
“ไง!คุกกี้ไม่ได้เจอกันนานเลยนะอย่างน้อยก็ปีนึงแล้วนา…แม่เค้าคงคิดถึงแย่”
เชคกี้กล่าวอย่างอารมณ์ดี
“ถ้าพูดถึงคดีล่ะก็…ลูกยังฝีมือไม่ถึงพ่อนะ…เพราะพ่อไขออกนานแล้ว!”
คุกกี้กัดฟันกรอดๆแม้เขาจะพยายามแค่ไหนแต่เชคกี้ก็เป็นกำแพงที่สูงขึ้นทุกที
“คีเวิดย์คือไม่มีสัจจะ…”
ชายหนุ่มวัย50ปีพึมพำก่อนจะเรียกทุกคนมารวมตัวกัน
“ว้าย!เชคกี้มาไงไปไงจ๊ะเนี่ยนั่งก่อนสินั่งก่อน”
ปลามกระวนกระวายรีบไปชงโกโก้ทันทีเมื่อเชคกี้เห็นหญิงแก่วิ่งไปแล้วจึงไขคดีทันที
“ทุกคนลองเปรียบเทียบกันนะกับคำว่าไม่มีสัจจะถ้าทุกคนโกหกทั้งหมด”
โด: ผมเป็นคนเอาไป
เร: มีไม่ได้เอาไป
ฟา: เรไม่ได้โกหก
มี: ฟาไม่เอาไป
ซอล: ผมไม่ได้เอาไป
เมื่อเชคกี้เปรียบเทียบเสร็จทุกคนต่างหันไปมองทางโดกันหมด
“อ…อย่าบ้านะ”
“คุกกี้!ที่ท้อง”
เปรี้ยง!
ไม่ทันขาดคำลูกแก้วเพชรกลิ้งออกมาจากพุงของโดด้วยแรงถีบของชายหนุ่ม
“ฉันจะไม่บอกน้าปลามแต่..ขอให้กลับตัวกลับใจเลิกกินเหล้าแล้วหันมาทำงานเถอะนะ….”
“ค…ครับ…”
เวลา2ทุ่ม
“พ่อนายนี่เก่งกว่าที่คิดนะ….”
“แหงล่ะ…แต่พูดยังงี้หาว่าฉันไม่เก่งเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิก็นายน่ะไม่ได้เรื่อง!แถมยั…ว้าย!”
ตะวันร้องเสียงหลงเมื่อคุกกี้ยื่นจมูกมาใกล้ๆใบหน้าของเธอ
“เธอลองพูดอีกคำสิยัยโง่!”
“อ….อย่านะ”
ชายหนุ่มนึกสนุกจึงกล่าวลอยๆว่า
“แก้มใครนะนิ่มยังกะซาลาเปาแถมหอมยังกับดอกมะลิแน่ะจะมีวาสนาอีกมั้ยหนอ…”
“ย….หยุดพูดนะ”
หญิงสาวหน้าแดงพูดน้ำเสียงตะกุกตะกัก
ทางด้านระเบียง
“ฮัลโหลเชคกี้ลูกสบายดีไหม”
น้ำกล่าวทางโทรศัพท์
“สบายดีอ้อ!น้ำพวกเราเตรียมเงินไว้เถอะ”
“หา!เงินอะไร”
หญิงสาวถามอย่างตกใจส่วนเชคกี้ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“เพราะฉันคิดว่างานแต่งงานของลูกเราคงอีกไม่นานหรอก…”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ