ข้ามขอบฟ้ามาพบรัก

-

เขียนโดย zhengxiuwen

วันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 เวลา 20.32 น.

  7 บท
  1 วิจารณ์
  11.74K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 23.50 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) บทที่2

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่2

            เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วชั่วพริบตาเดียวภาคเรียนที่หนึ่งก็จบลงไปแล้ว ทันทีที่การสอบปลายภาคเสร็จสิ้นต้นข้าวก็จัดการเก็บกระเป๋าเดินทางกลับประเทศไทยทันที ส่วนฉัตตารู้สึกเหมือนว่าตัวเองพึ่งจะกลับบ้านเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้เอง ครั้งนี้จึงตัดสินใจไม่กลับแล้วหางานพิเศษนู่นนี่นั่นทำเพื่อเป็นการเพิ่มประสบการณ์และหารายได้พิเศษไปในตัว ได้ทั้งขึ้นทั้งล่องแบบนี้เธอจึงไม่รู้สึกเดือดร้อนเท่าไหร่นัก

           วันนี้เป็นวันหยุดของเธอ ฉัตตาเลือกที่จะไปนั่งเล่นที่ห้องสมุดเทียนจินเพราะอยู่ที่ห้องก็ไม่รู้จะทำอะไรดี อากาศเย็นชื้นของลมฝนทำให้หญิงสาวเคลิ้มหลับไปไม่รู้ตัว 

            ‘ตายจริงนี่เราเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่กันนี่ ฉัตตาสะดุ้งตื่นขึ้นเพราะเสียงฟ้าร้องที่ดังก้องไปทั่ว
ฟ้า เหลียวซ้ายแลขวาห้องสมุดดูเงียบวังเวงเห็นทีจะเหลือแต่เธอเพียงคนเดียวยิ่งเสียงเหง่งหง่างของนาฬิกาที่ตีบอกเวลาดังขึ้นก้องสะท้อนกลับไปมา ยิ่งทำให้รู้สึกขนลุกได้อย่างน่าประหลาด ในใจก็คิดไปถึงว่าจะมีเพื่อนลึกลับโผล่มาทักทายหรือไม่ ฉัตตาจึงรีบรวบข้าวของเก็บลงกระเป๋าอย่างว่องไวแล้วรีบเดินออกมาด้วยความไวที่สุดเท่าที่ขาของเธอจะก้าวได้

-----------------------------------------------------------------------------------------------

            อีกฝั่งด้านหนึ่งของช่วงถนน รถสีดำคันหรูกำลังขับฉวัดเฉวียนเบียดซ้ายป่ายขวาไปมาอย่างน่าหวั่นใจ  คนที่นั่งอยู่ในรถแอบขอพรให้สวรรค์คุ้มครองขอให้ผ่านเคราะห์ครั้งนี้ไปได้ จะมีนั่งเฉยใจเย็นก็เห็นจะมีแต่ “เขา” คนนี้คนเดียวเท่านั้น
            “ต้องเป็นมันไม่ผิดแน่ครับนายน้อย” อาลู่มือซ้ายของเผิงเฟยเอ่ยขึ้นอย่างร้อนรน เหงื่อเริ่มซึมตามฝ่ามือ กลัวตายหรือ? บอกได้เลยว่าไม่ใช่ สิ่งที่กลัวจับใจก็คือรักษาความปลอดภัยของผู้เป็นนายเอาไว้ไม่ได้ เป็นเพราะความประมาทแท้ๆให้ตายสิ!
             “อืม”
             “ไอ้บ้าเอ้ย! มันต้องรอโอกาสนี้มานแล้วแน่ๆ เหอะ! ไอ้หมาลอบกัด” เจินอิงสบถเอ่ยขึ้นอย่างเดือดดาล
              ผู้เป็นนายยังคงนั่งเงียบเหม่อมองออกไปด้านนอก เขาทำราวกับว่าเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาเลยแม้แต่น้อย

            “นายน้อย! อย่านั่งใจเย็นแบบนี้สิครับ” เจินอิงผู้ที่เป็นทั้งบอดีการ์ด ทั้งคนสนิท เรียกนายของเขาอย่างร้อนรน ถังเจี้ยนผิงมันลงมือเปิดฉากเกมส์นี้เสียแล้ว หมามันก็เป็นหมาอยู่วันยังค่ำ เมื่อแปดปีก่อนมันทำอะไรไว้ยังไม่ทันได้คิดบัญชี มาตอนนี้มันยังจะมาลอบกัดอีก

            เสียงปืนดังแหวกทะลุผ่านสายฝนที่ดังไล่มานั้นยิ่งทำให้เจินอิงร้อนใจ ยิ่งมองออกไปด้านนอกยิ่ง
ใจเสีย วันนี้ผู้ติดตามนายน้อยมีเพียงแค่เขากับอาลู่เท่านั้น เพราะความประมาทแท้ๆ เรื่องที่นายน้อยออกมาเพียงลำพังในวันนี้มีไม่กี่คนที่รู้ ต้องมีหนอนอยู่แน่ๆ!

            “อาลู่ นายพอจะสลัดพวกมันให้หลุดได้มั้ย?”

            “สักห้าร้อยเมตรคงพอได้ครับ” อาลู่มองกระจกหูช้างแล้วประเมินกำลังศัตรู

            “ดี! ด้านหน้าจะมีทางแยก พอนายสลัดมันหลุดได้แล้วเลี้ยวเลยนะ จากนั้นนายกับเจินอิงแยกไปทาง
ขวา ส่วนฉันจะวิ่งไปทางซ้าย ห่างออกไปจากตรงนี้เป็นเขตของเทียนหมิง ใครไปถึงก่อนก็ไปตามกำลัง
เสริมมาช่วยก็แล้วกัน”

            “ไม่ได้ครับ! อย่างน้อยต้องให้ผม หรือไม่ก็อาลู่ตามนายน้อยไปด้วยคนหนึ่ง” เจินอิงรีบท้วงเสียงหลง เมื่อได้ยินเจ้านายของตนจะแยกย้ายกันหนีโดยที่ไม่มีคนติดตามไปด้วย

            “นายไม่เชื่อฝีมือของฉันรึไง?”เผิงเฟยถามเสียงเย็น

            “ไม่ใช่ครับ!” เจินอิงร้องเสียงหลง เมื่อสัมผัสได้ถึงไอเย็นมฤตยูที่แผ่ซ่านมาจากผู้เป็นนาย

            “งั้นก็เอาตามนี้แหละ

            “แต่...”

            “ไม่แต่อะไรทั้งนั้นแหละ เป็นอันว่าตกลงตามนี้ก็แล้วกัน”

            เสียงล้อบดเบียดพื้นถนนดังลั่นเพราะความเร็วแล้วเลี้ยวกะทันหัน ทำให้คนที่นั่งอยู่ในรถตัวเอียงกัน
ไปตามๆกัน และเมื่อได้จังหวะ ประตูทั้งซ้ายขวาก็เปิดออก

            “ไป!”

            ปัง ปัง ปัง เสียงกระสุนวิ่งแหวกผ่านสายฝน การไล่ล่า เริ่มต้นขึ้นแล้ว!

            เผิงเฟยแอบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ จากที่ประเมินการ พวกที่ตามบอดีการ์ดคนสนิทของเขาทั้งสองไป
จำนวนแค่นั้นน่ะ บอกได้เลยว่าไม่ได้คณามือหรอก! ส่วนอีกส่วนที่ตามเขามาก็ไม่ใช่น้อยแต่ก็ไม่ได้ลำบากอะไร ถ้าเทียบกับที่ผ่านๆมา ครั้งนี้เรียกได้ว่าหมูๆ แต่ขืนทะเล่อทะล่าออกไปตอนนี้มีหวังตัวได้พรุนเป็นรังผึ้งแน่ๆ เสียงฝีเท้าของนักล่าดังใกล้เข้ามาทุกทีๆ หางตาของเขามองเห็นวัตถุชิ้นขนาดใหญ่เล็กนอนนิ่งอยู่บนพื้นแล้วรอยยิ้มซุกซนเหมือนกับเด็กน้อยปรากฏขึ้นบนใบหน้า เพราะพายุฝนที่กระหน่ำเมื่อสักครู่ ส่งผลให้ต้นไม้ใหญ่กิ่งหักและฉีกขาด เขาหยิบมันขึ้นมาแล้วโยนไปในทางทิศตรงกันข้าม เสียงฝีเท้าที่ตรงมาทาง
เขาเมื่อสักครู่นี้ชะงักแล้วเปลี่ยนไปตามทางกิ่งไม้ที่โยนออกไป

            ‘อา เหล้าเก่าในขวดใหม่รสชาดของมันยังคงหอมหวานอยู่เสมอ!’

เพราะพายุฝนที่พัดกระหน่ำทำให้ท้องฟ้าคืนนี้มืดกว่าที่เคยเป็น แสงสว่างที่ส่องนำทางให้กับฉัตตาตอนนี้มีเพียงไฟทางหลวงที่กระพริบจะดับไม่ดับแหล่ เธอรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเพราะแค่เดินผ่านสวนสาธารณะนี้ไปก็จะเป็นเขตของมหาลัยแล้ว แต่ใจก็ยังนึกถึงสีหน้าและคำพูดของต้นข้าวก่อนจะกลับประเทศอย่างหวั่นใจไม่ได้

            ‘เรารู้สึกสังหรณ์ใจยังไงก็ไม่รู้บัว เรารู้สึกเหมือนจะมีเรื่องร้ายๆเกิดขึ้น บัวกลับไปด้วยกันเถอะนะ’

            ตอนแรกก็ไม่ค่อยกังวลเท่าไหร่ แต่ดูเหมือนคำพูดของเพื่อนสนิทจะยังคงหลอกหลอนวนเวียนอยู่ใน
หัวไม่จบไม่สิ้น

             ‘เอาน่า อีกไม่กี่เมตรก็จะถึงแล้ว’ เธอได้แต่คิดปลอบใจตัวเอง ก้าวสั้นๆนั้นยิ่งซอยถี่ขึ้น แต่แล้วเธอก็
รู้สึกถึงแรงมหาศาลกระชากเธอมาจากด้านหลัง

            ‘เรารู้สึกสังหรณ์ใจยังไงก็ไม่รู้บัว เรารู้สึกเหมือนจะมีเรื่องร้ายๆเกิดขึ้น บัวกลับไปด้วยกันเถอะนะ 

            นี่ไง!สังหรณ์ที่แม่นเสียยิ่งกว่าแม่นของยัยต้นข้าว ในโลกนี้จะมีอะไรแม่นไปเสียยิ่งกว่าสังหรณ์ของยัยนี่อีกมั้ยเนี่ย!

            ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เธอถูกกระชากเข้ามาที่ซอยแคบๆ ข้างสวนสาธารณะนั้น เธอนึกภาวนาขอ
ให้มีคนมาช่วยเธอ วงแขนนั้นรัดแน่นจนเธอหายใจไม่ออก แผ่นหลังของเธอแนบชิดไปกับลำตัวของเขา มือหนาปิดปากป้องกันไม่ให้เธอส่งเสียงร้อง แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมือของเขาใหญ่เกินกว่าคนปรกติหรือเธอที่ตัวเล็กกว่ามาตรฐาน ทั้งๆที่มันควรจะปิดแค่ปาก แต่นี้ปิดแน่นเข้าไปซะครึ่งหน้า ฉัตตากลัวจนทำอะไรไม่ถูก ลมหายใจของเธอติดขัด ร่างหนานั่นดูเหมือนจะรู้สึกได้ว่าทำให้ผู้หญิงคนนี้ตกใจกลัว

            “ฉันไม่ได้มีเจตนาที่จะทำร้ายเธอ เพราะฉะนั้นฉันจะคลายมือออกให้ แต่ถ้าคลายมือออกแล้วเธอห้าม
ส่งเสียงอะไรทั้งนั้นเข้าใจไหม?” เสียงทุ้มนั้นพูดเรียบๆเรื่อยๆไม่มีร่องรอยของการคุกคาม ถึงแม้จะเข้าใจ
สถานการณ์ว่าในตอนนี้มันไม่ปลอดภัยแค่ไหน แต่ไม่รู้ทำไมเธอรู้สึกไว้ใจชายคนนี้

            “ห้ามวิ่งหนีด้วยล่ะ” เสียงนั้นสำทับมาอีกที ฉัตตารีบพยักหน้าอย่างที่ต้องการจะบ่งบอกให้เขารู้ว่าเธอจะยอมทำตามข้อเสนอนั้น

            วงแขนหนานั้นคลายออก และเมื่อทันทีที่ได้รับอิสระ เธอก็รีบถอยกรูดไปชิดกับอีกฟากของกำแพงทันที แสงไฟนีออนขาวหม่นที่ดูจะดับไม่ดับแหล่ทำให้เธอได้เห็นใบหน้าของเจ้าของวงแขนหนา ใบหน้าเรียวยาวของเขาถูกเน้นให้ดูยิ่งคมเข้มยิ่งขึ้นจากเส้นผมสีหมึกที่ถูกสายฝนพร่างพรมจนเปียกชุ่ม ผิวขาวเนียนละเอียดตัดกับดวงตาเรียวสีนิลของเขา ชายคนนั้นจ้องมองมาที่เธอ ใบหน้าของเขาเรียบนิ่ง และสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกกลัวจนจับขั้วหัวใจก็คือแววตาของเขา ดวงตาสีรัตติกาลที่จ้องมองมาที่เธอนั้นมันนิ่งเสียจนสัมผัสไม่ได้ถึงอารมณ์ใดๆ ดวงตาคู่นั้นเหมือนจะดูดกลืน ฉุดกระชากวิญญาณของเธอให้ตกลึกลงไปในหุบเหวสูง ฉัตตารู้สึกเหมือนภายในท้องของเธอถูกบิดจนเป็นเกลียว  ร่างหนานั้นสืบเท้าเข้ามาหาเธอ และเพียงแค่ก้าวเดียว เขาก็เข้ามาถึงตัวเธอได้อย่างง่ายดาย เธออยากจะกรีดร้องของความช่วยเหลือ แต่เธอเชื่อว่าถ้าทำแบบนั้นเขาก็คงไม่ปล่อยเธอไว้แน่ๆ

            “หนะ ไหน ไหนคุณบอกว่าจะไม่ทำอะไรฉันยังไงล่ะคะ” เสียงหวานทำใจดีสู้เสือทวงถึงคำสัญญาของเขา

            เขาเลิกคิ้วขึ้น แล้วทำหน้าเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้

            “ผม...คงทำให้คุณตกใจสินะ?”

             โห อีตาบ้า! ถามมาได้  ผู้หญิงที่โดนลากเข้ามาในซอกตอนกลางคืนแบบนี้คงดีใจตัวสั่นระริกเลยละมั้ง

            “ผมขอโทษด้วยแล้วกัน ผมนึกว่าคุณเป็นคนพวกนั้น” เสียงทุ้มต่ำนั้นพูดขอโทษออกมาจากใจจริง

            “พวกนั้น? นี่คุณกำลังหนีใครอยู่หรอ?”

            “อืมมม ก็ไม่เชิงนะ ผมแค่เล่นซ่อนแอบกับผู้ใหญ่ใจร้ายน่ะ” เสียงทุ้มตอบติดตลก

            “คุณจะไปซ่อนที่ไหนล่ะแถวนี้ดูไม่เป็นตัวเลือกที่ดีเลยนะ” หญิงสาวรับมุกด้วยเสียงเนือยๆเพราะที่ที่แถวนี้มันเป็นที่โล่ง ความจริงแต่ก่อนที่แถวนี้ยังมีบ้านและตึกอยู่สองสามหลัง แต่หลังจากที่มีโครงการขยายเส้นทางรถไฟฟ้าใต้ดิน ที่บริเวณนี้จึงถูกรัฐบาลเวนคืน ตึกเหล่านั้นจึงถูกทุบทิ้งไปหมด ที่ที่อยู่ตอนนี้ก็ดูเหมือนจะไม่ใช่ตัวเลือกที่ดี มันเป็นซอยตัน จะหนีไปไหนก็ไม่ได้ แล้วถ้าจะเข้าไปในมหาลัยก็คงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนัก ท่าทางของเขาคงได้เรียกยามมาหมดทั้งมหาลัยเป็นแน่ 

            “ความจริงผมนัดคนไว้ที่ตึกหมินเทียนน่ะ”

            “ให้ฉันช่วยคุณแล้วกัน!” ฉัตตาพูดด้วยน้ำเสียงที่กระตือรือร้น

            “ช่วยผม?”

            “ตึกนั้นมันอยู่ตรงข้ามกับประตูหน้าของมหาลัยฉันนี่ ห่างจากที่ตรงนี้ไปอีกไกลเลยนะ!” เธอกระซิบกระซาบพูดกับเขา

            “แต่ว่าฉันรู้ทางลับ”

            “คุณรู้ไหมว่าคุณกำลังจะทำอะไร?” เขาถามเสียงเครียด พลางนึกถึงเหตุการณ์เมื่อห้าปีที่แล้ว ผู้หญิง
ตรงหน้าเขานี่เที่ยวไว้ใจใครง่ายๆแบบนี้ไม่เปลี่ยนเลยรึไงนะ!

            “รู้สิ มาเถอะน่าอย่าชักช้าสิ” เธอดึงข้อมือหนาของเขาแล้วฉุดให้วิ่งออกจากซอยตันนั้นไปด้วยกัน ร่างใหญ่นั้นออกวิ่งตามเธออย่างเสียไม่ได้ คล้อยหลังไปได้ไม่นานดวงตาเรียวละม้ายคล้ายแมวแก่เจ้าเล่ห์สองคู่ปรากฏขึ้นในความมืด มันมองเธอและเขาที่ค่อยๆหายไปในความมืดอย่างรู้สึกสนุก ปล่อยให้ทั้งสองคนวิ่งจนเกือบจะหายลับไปจากครรลองสายตา แล้วค่อยส่งสัญญาณที่มีแค่มันสองคนเท่านั้นที่รู้เรื่องเพื่อจัดการแบ่งเหยื่อ หลังจากที่ส่งสัญญาณตกลงกันแล้วเรียบร้อย มันทั้งคู่ก็ค่อยๆวิ่งตามทั้งสองคนไปราวกับแมวกำลังออกไล่จับหนูอย่างไรอย่างนั้น!

            ฉัตตาพาเขาวิ่งลัดเลาะไปตามทางลัด ร่างเล็กหอบหายใจอย่างเหนื่อยล้า แต่ยอดตึกสูงของตึกหมินเทียนที่ปรากฏอยู่ข้างหน้า ทำให้เธอมีกำลังใจวิ่งต่อ อีกแค่นิดเดียว อีกแค่นิดเดียวเท่านั้น อีกแค่สิบก้าว... อีก
แปดก้าว...จะถึงแล้ว... และ..

            ปัง!

            ฉัตตาหวีดร้องอย่างตกใจ ตกใจทั้งเสียงปืนและแรงที่พุ่งโถมเข้าใส่ เธอทั้งเจ็บทั้งจุกทั้งมึนจากแรงที่โถมเข้าใส่และหัวที่กระแทกเข้ากับพื้น

            “ฮัลโหล เบบี้!” เสียงยียวนกวนประสาทดังขึ้น เสียงแปลกหูที่ไม่เคยได้ยินที่ไหนดังขึ้น เธอกระพริบตาเรียกสติสองสามที แล้วก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นร่างใหญ่กำยำอีกร่างที่คร่อมตัวเธออยู่ ไม่ใช่เขา!เธอมองหาร่างหนาที่ออกวิ่งมาด้วยกัน เสียงตุบตับจากการป้องกันตัวระยะประชิดที่ดังอยู่ข้างๆทำให้เธอรู้ได้ว่าตัวเขาเองก็กำลังเดือดร้อนอยู่เช่นกัน เธอคงต้องพึ่งตัวเอง ฉัตตาพยายามดิ้นกระเสือกกระสนให้เป็นอิสระ แต่ก็เปล่าประโยชน์ ร่างใหญ่นั้นไม่สะดุ้งสะเทือนเลยสักนิด ข้อมือเล็กของเธอถูกกดและบีบอัดลงไปกับพื้น เธอรู้สึกเหมือนกระดูกจะแตกเป็นเสี่ยงๆ สีหน้าเจ็บปวดของเธอเหมือนช่วยกระตุ้นให้มันมีความสุขมากยิ่งขึ้น มันโน้มตัวลงไปแล้วฮัมเพลงที่ข้างๆหูของเธอ

            “สีม่วงหรือว่าสีแดง สีไหนแน่ที่เธอชอบ”เพลงที่มันร้องเป็นเพลงที่ชวนขนหัวลุกที่สุด รอยยิ้มที่ค่อยๆฉีกกว้างขึ้นมาบนใบหน้าก็เหมือนกับเป็นการแสยะเสียมากกว่า

            “เธอรู้ไหมว่าฉันชอบสีแดงมาก ฉันชอบทุกอย่างที่เป็นสีแดง” มันเน้นคำว่าทุกอย่างอย่างชัดถ้อยชัดคำ

            “สีแดงมันทรงพลัง ร้อนแรง เร่าร้อน ถ้าฉันอารมณ์ไม่ดีเมื่อไหร่ แค่ได้เห็นสีแดงฉันก็จะรู้สึกมีความสุขขึ้นมาทันทีเลยล่ะรู้ไหม?” มันพล่ามเพ้อต่อไปไม่เลิก แล้วมันก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ สองมือของมันคลายออกจากข้อมือเล็กแล้วค่อยๆเลื่อนมาที่คอ ตอนนี้เธอรู้แล้วว่า “สีแดงกับสีม่วง”หมายถึงอะไร!

           “น่าเสียดายจริงๆที่ตอนนี้ฉันทำได้แค่ให้เธอเป็นสีม่วง แต่ไม่ต้องห่วงนะ ฉันชอบเธอมากๆเดี๋ยวหลังจากที่คู่หูฉันเสร็จธุระแล้ว ฉันจะทำให้เธอกลายเป็นสีแดงเอง!”

            ‘ชอบนักก็เปลี่ยนตัวเองสิเฟ้ยยย! จะแดงจะม่วงจะเขียวก็เอาตามใจแกเลยสิ ไอ้บ้าโรคจิต!’

            ฉัตตากรีดร่ำร้องภายในใจ ตอนนี้เธอแทบอยากจะเป็นบ้า ไม่รอดแน่ๆ จะทำยังไงดี!

           “เจ้ เจ้จำไว้นะ ผู้ชายร้อยทั้งร้อยต่อให้แข็งแรงแค่ไหนมันก็มีจุดอ่อนทั้งนั้น ที่แน่ๆเลยก็ส่วนของรักของหวงของผู้ชาย ส่วนอีกที่ที่รับรองว่าเด็ด ช่วงหน้าแข้ง แค่เจ้เตะเปรี้ยงเข้าไปรับรองได้ว่าลุกขึ้นมาวิ่งไล่ตามเจ้ภายในระยะเวลาสั้นๆไม่ทันแน่ๆ แต่ถ้าจะให้โหดหน่อยก็นิ้วเท้า เจ้จะกระทืบ จะทุบหรืออะไรก็ได้ ยิ่งทำให้นิ้วเท้ามันเละมันหักไปได้เลยยิ่งดี!”

            บทสนทนาที่น้องชายตัวแสบของเธอเคยบอกให้เธอเอาไว้ใช้ป้องกันตัวเองเมื่อนานมาแล้วดังขึ้นในหัว อะดีนาลินในร่างฉีดพุ่งไปทั่วร่าง เธอรอดตายจากอุบัติเหตุมาได้แล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ก็เหมือนกันเธอจะต้องรอดกลับไปให้ได้!ฉัตตาไม่รอช้า เธอเค้นแรงเฮือกสุดท้ายที่มี ข่มความเจ็บปวดทั้งหมดใช้มือสองข้างที่เป็นอิสระแล้วจิกเข้าไปที่ตาของมันแล้วใช้เล็บลากข่วนลงมาอย่างเต็มเหนี่ยว ไอ้บ้าโรคจิตร้องอย่างเจ็บปวด เธอรีบฉวยโอกาสนี้ลุกขึ้นหนี 

            “แก!นังตัวดี!” เสียงต่ำของมันครางคำราม เลือดไหลออกมาจากทั้งสองตาของมัน แต่มันข่มความ
เจ็บปวดที่มีแล้วโซซัดโซเซลุกขึ้นมาจะจัดการเธอ

            ‘กรี๊ดดด ทำไงดีๆทำไมไอ้บ้านี่ฟื้นตัวจากความเจ็บที่ตาได้เร็วอย่างนี้ล่ะ!ต้องทำให้มันลุกขึ้นไล่ตาม
มาอีกไม่ได้!แต่...แต่จะทำยังไงดีกันล่ะ?  ฉัตตากรีดร้องภายในใจ 

            “ช่วงหน้าแข้ง แค่เจ้เตะเปรี้ยงเข้าไปรับรองได้ว่าลุกขึ้นมาวิ่งไล่ตามเจ้ภายในระยะเวลาสั้นๆไม่ทัน

แน่ๆ
” บทสนทนาวนอยู่ในหัวเหมือนช่วยเตือนสติ

            ฉัตตาเตะเปรี้ยงเข้าไปที่หน้าแข้งของมันทั้งซ้ายและขวาอย่างเต็มเหนี่ยว มันเจ็บจนล้มลงไปกับพื้น 
แต่ดูเหมือนจะยังไม่สะใจ เธอคว้ากิ่งไม้ที่ฉีกหักจากแรงพายุฝนแล้วเงื้อขึ้นสุดมือจากนั้นก็ฟาดเข้ากับหน้า
แข้งของมันอีก เธอฟาดซ้ำอยู่อย่างนั้นจากหน้าแข้งไล่ไปถึงหัวเข่า จากหัวเข่าไล่ไปจนถึงข้อเท้า ความเจ็บ
ปวดที่ได้รับถึงจะเป็นผู้ชายอกสามศอกแต่โดนเข้าไปแบบนี้ ไอ้โรคจิตสลบเหมือดคาที่!

-----------------------------------------------------------------------------------------------

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา