ชมรมวิจัยเรื่องลึกลับ (หลังเลิกเรียน)

6.8

เขียนโดย shotaro

วันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 เวลา 15.35 น.

  32 ตอน
  8 วิจารณ์
  37.62K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 15.39 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) คาบเรียนที่4 : คืนก่อนปีใหม่

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

คาบเรียนที่ 4 : คืนก่อนปีใหม่

            ย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปีก่อนหน้านี้ ณ โรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ไม่ห่างไกลจากตัวเมืองมากนัก

            “เฮ้ยไอ้โตตื่นได้แล้วเลิกเรียนแล้ว” เสียงเด็กผู้ชายดังขึ้นปลุกเพื่อนให้ตื่นขึ้น

            “หาว! หมดคาบแล้วเหรอ” เด็กหนุ่มที่โดนปลุกขณะฟุบหลับกับโต๊ะเรียนบิดขี้เกียจ เขาหาวยาวๆ แล้วลืมตาขึ้นมองไปรอบตัว

            “เออสิ ถึงจะอยู่ ม.3 แล้ว แต่ก็ยังหลับไม่รู้ร้อนรู้หนาวเหมือนเคยเลยนะ ทำไมถึงขี้เซาอย่างนี้เนี่ย”

            โตเงยหน้ามองไปที่เพื่อนสนิทซึ่งตัวสูง 168 เซนติเมตร ไว้ผมเกรียน กำลังยืนกอดอก  ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเด่นชัดของเขาจ้องมองมาที่โตขณะพูด

            “แหะๆ พอดีนอนดึกไปหน่อยน่ะ บิวนายก็รู้เหตุผลนี่” โตพูดพร้อมกับยิ้มกลบเกลื่อนอาการเขิน รวบเก็บข้าวของและหนังสือจากบนโต๊ะใส่ลงในเป้สีดำ

            “เหอะๆ อ่านเรื่องผีๆ อีกแล้วล่ะสิ”

            “ฮิฮิฮิ”

            “ไม่ต้องมา ฮิฮิฮิ เลย ถ้าแกไม่ใช่เพื่อนสนิท ป่านนี้ฉันคงจะทิ้งให้นอนไปยันเที่ยงคืนแล้ว” บิวลาก เก้าอี้จากโต๊ะเรียนด้านข้าง มานั่งรอโตเก็บของ

            “วันนี้มีการบ้านอะไรบ้าง” โตหันมามองหน้าเพื่อนสนิทขณะรูดซิบปิดกระเป๋า

            “วิชาภาษาไทย เขียนเรียงความวันปีใหม่ ส่งวันที่ 3 ปีหน้า วันนี้วันที่ 30 แล้วรีบหน่อยก็ดี” บิวบอกเรื่องการบ้านให้โตด้วยสีหน้าเป็นห่วงเพราะเพื่อนสนิทคนนี้ค่อนข้างจะขี้เกียจ กว่าจะได้ทำงานก็คงวันที่กำหนดส่งพอดี

            “ปีใหม่เหรอ น่าสนุกดีนี่” โตยิ้มเหมือนเด็กวัยรุ่นที่กำลังหาเรื่องสนุก เขามีแววตาที่ซุกซน “แต่โรงเรียนนี้ก็นะ ขนาดสอบกลางภาคเสร็จแล้วยังไม่ยอมให้หยุดยาวอีกนี่ก็เกินไปหน่อยมั้งปีใหม่ทั้งที”

            “เออๆ บ่นไปก็เท่านั้นแหละ เสร็จแล้วใช่มั้ยจะได้กลับกัน” บิวลุกจากเก้าอี้

            “อ่าก็นะ” โตลุกขึ้นสะพายกระเป๋าแล้วลากเก้าอี้เข้าใต้โต๊ะเรียน ทั้งสองคนเดินออกจากห้องเรียนของระดับชั้น ม.3 คลาส B

            “เอ่อ บิวนายกลับไปก่อนนะ” โตเอ่ยขึ้นเหมือนเขาจะนึกอะไรบางอย่างได้ในระหว่างเดินไปยังบันได

            “มีอะไรงั้นเหรอ” บิวทำท่าทางสงสัย

            “ความลับน่ะ” โตยิ้มให้ก่อนจะวิ่งขึ้นบันไดไปชั้นห้าที่อยู่ข้างบน

            “พรุ่งนี้วันหยุดจะไปเคาท์ดาวน์ที่ไหน” บิวตะโกนเรียกเด็กหนุ่มที่กำลังวิ่ง

            “นายไปกับคนอื่นๆ เถอะ” โตหันหน้ามาพูดกับเพื่อนสนิทแล้ววิ่งขึ้นบันไดอย่างรวดเร็ว

            “คิดอะไรของเขานะ” บิวพึมพำขณะเดินลงบันได

            โตขึ้นบันไดชั้นแล้วชั้นเล่าจนไปถึงชั้น 7 “แฮ่กๆ ทำไมโรงเรียนนี้ถึงไม่ติดตั้งลิฟท์สักทีนะ เหนื่อยจะตายชัก” เด็กหนุ่มย่อตัวลงด้วยความปวดเมื่อย เนื้อตัวชุ่มไปด้วยเหงื่อเนื่องจากการวิ่งขึ้นบันได

            “พี่โต” เด็กชายติดเข็มกลัดระดับ ม.1 ไว้ผมยาวปรกบ่า มายืนอยู่เบื้องหน้าของเขา “พี่โตมาทำอะไรหรือครับน่าจะเลิกเรียนแล้วนี่นา”

            “แฮ่ กๆ อะไรกัน เอธร เองเหรอ ฮิฮิฮิ พี่กำลังจะมาพิสูจน์เรื่องผีฮานาโกะในห้องน้ำน่ะ พอดีวันนี้ตอนกำลังจะแอบงีบได้ยินสาวๆ เขาซุบซิบกันว่าที่ห้องน้ำชั้น 7 มีอยู่” โตพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหอบ

            “หรือครับ พอดีผมก็สนใจเรื่องนี้เหมือนกันเพราะผีญี่ปุ่นคงไม่น่าจะมาอยู่ในไทยได้ เลยกะจะมาดูสักหน่อย” เอธรสนทนากับรุ่นพี่ด้วยรอยยิ้ม

            “ฮิฮิฮิ เรื่องนี้ดังไปถึงหูเด็ก ม.1 ด้วยหรือเนี่ย” โตลูบหัวของรุ่นน้องด้วยความเอ็นดู

            “แต่ถ้าหากจะพิสูจน์เรื่องนี้ก็ต้องรอให้ฟ้ามืดก่อนนะครับ แล้วลุงยามเขาจะว่าเอารึเปล่า” เอธรเงยหน้าสบตากับโต

            “ไม่ต้องห่วงพี่กับยามโรงเรียนสนิทกันดีน่ะ” โตอธิบายอย่างมั่นใจ เขากับยามหนุ่มประจำโรงเรียนนี้สนิทกันมากเพราะทั้งสองคนเป็นญาติกัน โดยยามนั้นมีศักดิ์เป็นน้าของโตแต่เนื่องจากอายุที่ไล่เลี่ยกัน โตจึงเรียกเขาว่า ‘พี่ยาม’ 

            โตยื่นหน้ามากระซิบที่ข้างหูของเอธร “แถมจะบอกอะไรให้นะยามของโรงเรียนเรามีชื่อเล่นว่า ยาม ซะด้วยสมกับชื่อเลยใช่มั้ยล่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า”

            “ถึงกับรู้ชื่อเลยหรือครับ” เอธรรู้สึกตกใจกับเส้นสายของโต “ถ้าแบบนั้นผมขอร่วมด้วยนะครับ ไหนๆ ก็ไหนๆ พรุ่งนี้ก็วันหยุดทั้งทีกลับดึกหน่อยคงไม่เป็นไร” เอธรเสนอตัวด้วยสีหน้าตื่นเต้น

            “ก็แล้วแต่นะ ถ้าแม่นายไม่ดุก็ดีไป” โตเดินตรงไปตามทางขณะสนทนากับรุ่นน้อง

            “ครับ” เอธรที่ได้ฟังดังนั้นก็วิ่งตามหลังรุ่นพี่ไปทันที

            “จะว่าไปแล้ว พรุ่งนี้นายจะเคาท์ดาวน์ที่ไหนเหรอ” โตหันไปถามรุ่นน้องให้ตรงกับบรรยากาศปีใหม่

            “ผมคงจะนอนอยู่กับบ้านนั่นแหละครับ”

            “เห..ไม่สมกับเป็นเด็กเลยนะ” โตทำสีหน้าประหลาดใจ เขาจินตนาการไปว่าเอธรคงจะไปเที่ยวตามที่ต่างๆ กับครอบครัว ไปดูคอนเสิร์ตหรืออะไรทำนองนั้น

            “แล้วพี่โตล่ะครับ” เอธรถามกลับ

            “อ่านเรื่องผีโต้รุ่ง” โตตอบทันควัน เขาเหมือนจะเตรียมคำตอบไว้ตั้งแต่แรกแล้วด้วยซ้ำ

            “ฮ่าฮ่าฮ่า สมกับเป็นรุ่นพี่จริงๆ ผมเองก็จะลองศึกษาบ้างดีมั้ยนะ” เอธรหัวเราะให้กับนิสัยที่ดูออกง่ายของโต พลางจินตนาการว่าตัวเองกำลังนั่งอ่านหนังสือแบบเดียวกัน

            “ถ้านายสนใจเรื่องลี้ลับละก็ พี่มีหนังสือให้ยืมเพียบเลยล่ะชอบแนวไหนหรือ”

            “ผมชอบทุกแนวเลยครับ” เอธรยิ้มตอบด้วยท่าทีสนใจ

            “ฮิฮิฮิ ต้องแบบนี้สิ ถ้าพี่ได้ขึ้น ม.ปลาย คิดว่าจะลองตั้งชมรมแปลกๆ ดู คงต้องขอลากนายเข้าด้วยซะแล้ว ” โตพูดด้วยความชอบใจ

            “ยินดีครับ”

            ทั้งคู่เดินมาจนถึงหน้าทางเข้าห้องน้ำขนาดใหญ่

            (‘ฉิบหายแล้ว ลืมไปเลยว่าฮานาโกะอยู่ในห้องน้ำหญิงจะเอาไงดีวะตู’) โตยืนเคร่งเครียดอยู่หน้าห้องน้ำหญิง

            “ เอ่อพี่โตครับ จะเข้าไปดีเหรอครับฟ้าก็ยังไม่มืดเราไปนั่งรอที่ห้องสมุดชั้น 2 กันก่อนดีมั้ย”

            “ม..ไม่นะ เพราะห้องสมุดปิดตอน 5 โมงเย็น ดังนั้นป่านนี้คงใกล้หมดเวลาแล้ว ถ้าให้เข้าไปรอทุ่มสองทุ่มในห้องน้ำหญิงก็ใช่ที่ เผลอๆ อาจจะมีอาจารย์ที่เลิกเย็นๆ มาเข้าห้องน้ำมีหวังโดนประณามว่าโรคจิตแหงๆ”

            “เราไปเดินเล่นรอกันเถอะครับ น่าจะฆ่าเวลาได้บ้าง” เอธรเสนอความคิดที่ดีที่สุดในตอนนั้น

            “เออ..จริงนะ เราไปเดินดูพวกนักกีฬาซ้อมช่วงเย็นๆ ก็ดีเหมือนกัน” โตเห็นด้วยกับความคิดนั้น

            “กรี๊ด!” เสียงเด็กผู้หญิงร้องดังลั่นมาจากในห้องน้ำ ในเวลาเดียวกับที่ทั้งสองคนเตรียมจะหันหลังกลับไปเดินเล่น

            “เฮ้ยเปล่า! เปล่านะครับผมไม่ได้แอบมอง” โตตกใจด้วยความกลัวอีกฝ่ายเข้าใจผิดเขานั่งยองๆ เอามือกุมศีรษะขอโทษ

            “เอ่อ..พี่โตเสียงดังมาจากในห้องน้ำครับอีกอย่างเราอยู่หน้าห้องน้ำจะไปแอบมองได้ไง” เอธรพูดอย่างมีสติ

            “จริงแหะ เอ๊ะไม่สิเราต้องเข้าไปช่วยเขาดีกว่านะ เจอพวกโรคจิตหรือเปล่า” เมื่อโตพูดเสร็จก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำหญิงทันที ในขณะที่เอธรเดินตามหลังมาด้วยท่าทางเขินอาย

            “กรี๊ด ผู้ชายเข้าห้องน้ำหญิงได้ไง” เด็กสาวผมยาวปรกหลัง หน้าตาสวยงามน่ารักน่าเอ็นดู กลัดเข็มระดับ ม.1 อุทานด้วยความตกใจเมื่อเห็นโตวิ่งเข้ามา

           “ข..ขอโทษครับ ผมได้ยินเสียงกรี๊ดเลยรีบเข้ามา ม..มีอะไรหรือครับ” โตหลับตาปี๋ขณะอธิบาย

            “ห..ห้องน้ำตรงนั้นเมื่อตะกี้ตอนหนูจะเปิดประตูเข้าไป จู่ๆ ก็มีเสียงพูดว่า ‘มาเล่นกันเถอะ’

น่ะค่ะ” เด็ก สาวตัวสั่นเทา ชี้นิ้วไปที่ห้องน้ำห้องสุดท้ายทางขวามือซึ่งไม่น่าจะมีคนอยู่ เนื่องจากไม่เห็นเงาเท้าของใครจากใต้ประตูเลยแม้แต่น้อย

            “บิงโกไม่ต้องรอฟ้ามืดก็ได้ด้วยแฮะ ฮิฮิฮิ  ได้กลิ่นไอความตายฟุ้งเลย” โตค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ ประตูห้องน้ำที่เด็กสาวชี้บอก

           “พี่โตมันอันตรายนะครับ” เอธรเตือนรุ่นพี่ด้วยความเป็นห่วง

            “เชื่อมือฉันเถอะน่า รับรองฮานาโกะจะต้องเป็นเพื่อนกับฉันได้แน่” โตค่อยๆ ยื่นมือเข้าไปเปิดประตู

            “มาเล่นกันเถอะ” เสียงเด็กสาวดังขึ้นมาจากในห้องน้ำ ซึ่งพอโตก้มลงไปดูที่ช่องประตูแล้วกลับไม่พบใครอยู่เลยสักคน

            “ฮิฮิ” โต ไร้ซึ่งความหวาดกลัวเขาหัวเราะพร้อมกับฉีกยิ้มหวังเป็นมิตรกับผีสาวชาว ญี่ปุ่น เสียงหัวเราะนั้นน่าสยดสยองยิ่งกว่าผีประจำห้องน้ำเสียอีก

            “พอเถอะค่ะ รีบหนีไปกันเถอะ” สาวน้อยพยามลากโตออกจากห้องน้ำหญิงโดยมีเอธรช่วยกันดึง แต่โตจับลูกบิดไว้แน่นมาก

            “มาเล่นกันเถอะ” คราวนี้มีมือขาวซีดเซียวทะลุออกมาจากบานประตู คว้าแขนของโตไว้แล้วพยายามดึงให้โตเข้าไปอยู่กับเธอ

            “กรี๊ด” สาว น้อยพยามดึงโตออกมาอย่างสุดแรงเมื่อเธอเหลือบไปเห็นมืออันขาวซีดทั้งสองข้าง กำลังคว้าแขนของโตไว้อยู่ แต่แล้วแรงของเธอก็ไม่สามารถดึงเขาออกมาได้ โตถูกมืออันซีดเซียวดึงทะลุเข้าไปในประตูทันที

            “พี่โต” เอธรทิ้งเข่าลงกับพื้น เมื่อรุ่นพี่ที่ตัวเองเคารพจมหายไปในบานประตู

            ทุกอย่างเงียบสงัดต่อหน้าประตูบานที่โตถูกดึงเข้าไป ทั้งสองนั่งจ้องมองบานประตูด้วยความอึ้งตะลึงที่เห็นรุ่นพี่หายไปต่อหน้าต่อ ตา

            “โหววๆๆ” ซักพักโตก็พุ่งปลิวทะลุกลับออกมาจากบานประตูอย่างรวดเร็วราวกับกระสุนปืน

            “กรี๊ด ผู้ชายเข้าห้องน้ำผู้หญิงได้ไงเนี่ย โรคจิต ไม่อยู่แล้วห้องน้ำโรงเรียนนี้” เสียงฮานาโกะดังลั่นออกมาจากห้องน้ำ

            “ฮิฮิฮิ ให้ตายสิฮานาโกะโรงเรียนนี้ขี้อายเป็นบ้าเลย” โตเกาคางด้วยท่าทางครุ่นคิด

            “อ..เอ่อ ประมาณ 10 วิ พี่โตไปทำอะไรฮานาโกะจังครับเนี่ย” เอธรกุมขมับ

            สาวน้อยมองไปยังประตูห้องน้ำ แล้วหันกลับไปมองโตด้วยสายตาโศกเศร้า “คุณผีน่าสงสาร”

            “ก็แค่เล่นนิดหน่อยเองนี่นา” โตว่า

            “ป..ไปเล่นอะไรเข้าวะครับ”

            “ฮิฮิฮิ ความลับ” โตเอานิ้วมาจุ๊ไว้ที่ปากขณะตอบเอธร

            “ถึงจะดูทะลึ่งไปหน่อยที่พวกคุณเข้ามาห้องน้ำหญิงโดยพลการ แต่ก็ขอบคุณนะคะ” เด็กสาวโค้งตัวขอบคุณเด็กหนุ่มทั้งสองด้วยรอยยิ้ม

           

            “ไม่เป็นไรครับ” เอธรยิ้มตอบในระหว่างที่โตกำลังกุมแผ่นหลังที่เหมือนจะฟกช้ำตอนที่ถูกผลักออกมา

            “นี่เธอน่ะ” โตหันหน้ามามองเด็กสาว

            “คะ” เด็กสาวขานตอบ

            “ระวังรอบๆ ตัวให้ดีล่ะ ถ้าเป็นไปได้ไปทำบุญต่ออายุขัยซะ”

            “เอ๋” เด็กสาวทำหน้าสงสัย เธอเอียงคอเล็กน้อย

            “เปล่าไม่มีอะไรหรอกฉันก็แค่ลางสังหรณ์น่ะไปล่ะ” โตพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินตามเอธรออกไปนอกห้องน้ำ

            “พี่ชายคะ วันพรุ่งนี้มีธุระหรือเปล่า” เด็กสาวทำท่านึกคิด เหมือนเพิ่งตัดสินใจบางอย่างได้

             โตหยุดเดิน “มีอะไรงั้นเหรอ”

            “คืออยากจะนัดเจอขอบคุณที่โรงเรียนนี้หน่อยน่ะค่ะ”

            “ถ้าเรื่องนั้นไม่ต้องก็ได้ อีกอย่างทำไมต้องพรุ่งนี้ด้วยล่ะถ้าจะขอบคุณเป็นวันนี้เลยก็ได้นี่”

            “โธ่รุ่นพี่ ก็พรุ่งนี้เป็นวันเคาท์ดาวน์นี่นา เหมาะแก่การฉลองมากๆ เลยด้วย” เด็กสาวพูดด้วยท่าทีเขินอาย

            “แล้วเป็นที่โรงเรียนจะดีเหรอ”

             “ดีแน่นอนค่ะ” เด็กสาวตอบอย่างมั่นใจ “รุ่นพี่ไม่รู้หรือคะว่าโรงเรียนเราน่ะ สามารถมองเห็นพลุวันปีใหม่ของงานวัดได้ ในจุดที่สวยมากเลยนะ”

            “เห..มีแบบนั้นด้วยเหรอ” โตประหลาดใจกับเรื่องใหม่ๆ ที่ได้รู้เกี่ยวกับโรงเรียน เขาเริ่มอยากจะเห็นวิวที่เด็กสาวว่าไว้ขึ้นมาบ้างแล้ว

            “ค่ะ”

            “พี่โตรีบออกมาได้แล้วครับจะดึกแล้ว” เสียงเอธรตะโกนเรียกเด็กหนุ่มจากด้านนอกห้องน้ำ เขามองซ้ายแลขวากลัวอาจารย์มาเห็น

            “อื้ม กำลังจะไป”

            “แล้วก็เรื่องนี้รู้แค่หนูกับรุ่นพี่นะคะ เจอกัน 6 โมงเย็นค่ะ” เด็กสาวใช้นิ้วมือจุ๊ที่ปากขณะพูดประกอบกับขยิบตาข้างหนึ่ง

            “ ฮิฮิฮิ ถ้าเธอมาน่ะนะ” โตเดินออกมานอกห้องน้ำพร้อมกับเด็กสาว สมทบกับเอธรแล้วทั้งสามคนก็แยกย้ายกันกลับบ้าน

 

            วันต่อมา 31 ธ.ค. xxxx

            โตมายืนรอสาวน้อยอยู่หน้ารั้วโรงเรียนตามนัด ขณะนี้เวลา 18.30 น. “มาแล้วค่ะ ขอโทษด้วยที่มาสาย” เด็กสาวโบกมือขณะวิ่งมาหาโต

            โตรู้สึกประหลาดใจ (‘เมื่อวานนี้ อายุขัยของยัยนี่เหลือแค่ 2 วัน แต่แปลกจริงๆ ทำไมอายุขัยถึงไม่ลดลงเลย’) โตลูบหัวเด็กสาว  “สายไปตั้งครึ่งชั่วโมงเลยนะ แต่ก็ดีแล้วล่ะที่ไม่เป็นไร”

            “พอดีติดธุระนิดหน่อยน่ะ หนูเลยมาสาย” เธอยกมือไหว้โตซ้ำแล้วซ้ำอีก

            “อ่าไม่เป็นไร พี่ว่าเรารีบเข้าไปในโรงเรียนกันเถอะเพราะไม่รู้ว่าประตูจะปิดหรือเปล่า” โตพูดพลางเดินเข้าไปในโรงเรียน

            “ว่าแต่พี่ชายชื่ออะไรหรือคะ” เด็กสาวถามขณะวิ่งตามรุ่นพี่

            “พี่ ชื่อโบโตน่ะ จะเรียกโตก็ได้ แต่อย่าเข้าใจผิดนะ ที่พี่มานี่ไม่ใช่ว่าเราคบหากันแต่เป็นการขอบคุณของเธอต่างหาก บอกไว้ก่อนที่จะเลยเถิด” โตแก้ตัวขณะที่ตอบคำถามของเธอ

            “โอเคค่ะพี่โต” เด็กสาวอมยิ้มพลางเอนตัวเล็กน้อย

            “แล้วเธอล่ะชื่ออะไร” โตถามเด็กสาวกลับไปด้วยคำถามเดิม

            “ฮี่ๆ ความลับค่ะ แบร่” เด็กสาวแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ชายหนุ่ม

            “ก็แล้วแต่ล่ะ อ้าวประตูปิดนี่” โตเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูของตึกเรียน มันเป็นประตูไม้บานใหญ่ที่คล้องกุญแจปิดไว้อย่างมิดชิด

            “ไม่ต้องห่วงค่ะ หนูมีทางลับ” เด็กสาวเอามือไขว้หลังพูดด้วยรอยยิ้ม

            “ของแบบนั้นมีด้วยเหรอ เอ๊ะไม่ใช่ว่าเธอเป็นขโมยนะ” โตตกใจที่ตัวเองไม่เคยรู้เรื่องทางลับอะไรนั่นมาก่อนเลยตลอดเวลาที่อยู่โรงเรียนนี้

            “คิกๆ พี่ชายนี่ตลกจัง จะไปใช่ได้ไง หนูก็แค่ทำตามที่เพื่อนๆ บอกกันมาเท่านั้นแหละ”

เด็กสาวเดินเลี้ยวไปทางข้างขวาของโรงเรียนซึ่งอยู่ติดกับศาลเจ้ากลางแจ้ง มีหน้าต่างไม้ปิด เรียงรายกันเป็นแถว

            “เอ่อหน้าต่างก็ปิดทุกบานเลยไม่ใช่เหรอ ไม่เห็นจะมีทางลับอะไรเลย” โตที่เดินตามหลังเด็กสาวเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นดังนั้น

            “เอ..บานไหนกันนะ 3 จากทางซ้าย อ้ะเจอแล้ว” เด็กสาวทำท่าชี้นิ้วนับหน้าต่างจากซ้ายไปขวาทีละบาน แล้วเธอก็วิ่งไปยังหน้าต่างบานที่ 3

            “เธอจะทำอะไรน่ะ” โตมองเด็กสาวด้วยความสงสัย

            “พอดีเพื่อนของหนูเขาอยู่ห้องคลาส A ตรงหัวมุมชั้น 1 น่ะค่ะ ตอนหนูไปช่วยเขาทำเวร เพื่อนเลยบอกว่า ‘หน้าต่างบานที่ 3 ของห้องเสียน่ะไม่ต้องลงกลอนนะ’ ประมาณนั้น” เด็กสาวพยายามงัดหน้าต่างให้เปิดออก

            “ไหวมั้ยมาเดี๋ยวพี่ช่วย” โตเดินเข้าไปช่วยกันดึงบานหน้าต่าง

            แอ๊ด เสียงหน้าต่างค่อยๆ เปิดออกอย่างฝืดๆ ข้างในพบเห็นห้องเรียนที่ไม่มีประตูเป็นแบบเปิดโล่งให้เดินเข้าออกในอาคาร ได้สะดวก

            “ห้องคลาส A ไม่มีประตูไว้ป้องกันขโมยแถมยังหน้าต่างเสียอีกเนี่ยนะ” โตพึมพำเบาๆ

            “พี่โตไม่รู้เรื่องเลยหรือคะเนี่ย” เด็กสาวถามแทงใจดำชายหนุ่ม

            “ตอนพี่ย้ายมา ม.1 ก็เรียนอยู่ที่ชั้น 2 แล้วน่ะ เลยไม่ค่อยได้สำรวจตึกชั้นล่างๆ สักเท่าไหร่” โตอุ้มรุ่นน้องยกตัวเธอเข้าไปทางหน้าต่างก่อนที่ตัวเองจะปีนตามเข้าไป

            “ว้าว งานเจาะเข้าไปในโรงเรียนสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ฮ่าฮ่าฮ่า” โตเล่นมุขขณะที่กำลังปิดบานหน้าต่างเพื่อไม่ให้ใครมาจับได้

            “จะทำอะไรรอจนเที่ยงคืนกันดีล่ะ” โตถามเด็กสาวที่เป็นคนชักชวนให้มา

            “เอ่อ..ตามแผนการก็แอบเข้าไปในห้องชมรมดนตรีสากลค่ะ” เด็กสาวใช้นิ้วสองข้างจิ้มศีรษะทำมือหมุนวนแบบอิคคิวซังขณะยืนคิด

            “ไปทำไมห้องดนตรี” โตทำท่าทีสงสัย แต่ก็เดินตามเด็กสาวไปยังห้องดนตรีที่อยู่ชั้น 3 ติดกับห้องพระ

            “เดี๋ยวรุ่นพี่ก็รู้เองค่ะ” เด็ก สาวหันมายิ้มให้ขณะที่เธอเดินขึ้นบันได ทั้งคู่เดินมาหยุดอยู่ที่ห้องดนตรีแอนนาหยิบกุญแจที่อยู่ในกระเป๋ากระโปรง ของเธอออกมาไขห้องที่ล็อกอยู่

            “นี่เธอมีกุญแจห้องด้วยเหรอ ”

            “ก็พอดีหนูมีเพื่อนอยู่ชมรมนี้น่ะค่ะ เธอมักชวนให้หนูมาช่วยกันซ้อมดนตรีบ่อยๆ เลยได้กุญแจมา”

            “เธอนี่เพื่อนเยอะจริงๆ นะ” โตเดินตามเด็กสาวที่เปิดประตูห้องชมรมเข้าไป

            “เอาล่ะค่ะ รุ่นพี่นั่งตรงนี้นะคะ” เธอลากเก้าอี้จากมุมห้อง มาให้โตนั่ง

            “เอ..อย่าบอกนะว่าเธอ”

            “ขอเชิญรับฟังเสียงไวโอลิน ฝีมือระดับเซียนได้เลยค่ะ” เด็กสาวคว้าเครื่องไวโอลินออกมาจากกล่อง ซึ่งอยู่บนโต๊ะพลาสติก ดูเหมือนจะเป็นโต๊ะตรวจงานของอาจารย์

            “ช่วยไม่ได้นะ จะลองฟังดูแล้วกัน” เด็กหนุ่มนั่งกอดอกหลับตาเตรียมหูพร้อมที่จะรับฟังเสียงไวโอลินของหญิงสาว

            เธอค่อยๆ ใช้มืออันเรียวงามจับไวโอลินสีด้วยความประณีต ทันใดนั้นเสียงของการเสียดสีกันก็เริ่มออกมาเป็นบทเพลงอย่างช้าๆ ฟังแล้วไม่คุ้นหูเหมือนเพลงของศิลปินท่านใดๆ อ่อนนุ่มราวกับปุยฝ้าย เสียงทำนองบางท่อนก็แหลมแทงขั้วหัวใจ แล้วก็กลับมาเรียบง่าย โตที่ได้ฟังเสียงไวโอลินของเธอ ก็ถึงกับเคลิบเคลิ้มช่างเป็นบทเพลงที่มีทำนองรวมความสุขเศร้ารักโกรธหลาก หลายอารมณ์เข้าไว้ด้วยกัน เธอยังคงเล่นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งโตผล็อยหลับไป ทุกอย่างมืดสนิท

            โป้ง ปุ้ง โพล่ง ฟิ้ว ปุง! โตลืมตาตื่นขึ้นหลังจากที่ได้ยินเสียงพลุจุดกันอย่างต่อเนื่อง

            “หาว..อ้าวแล้วยัยนั่นหายไปไหนเนี่ย” โต มองดูไปรอบตัว เขาเห็นว่านาฬิกากรอบสี่เหลี่ยมที่ติดอยู่เหนือขอบวงกบประตูบอกเวลาเที่ยง คืนแล้ว ทำให้เขารีบลุกจากเก้าอี้แล้ววิ่งออกนอกห้องไปโดยทันที

            “อยู่ไหน เธอไปไหนแล้ว” โตหันซ้ายแลขวา ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงคำพูดของเด็กสาว (‘รุ่นพี่ไม่รู้หรือคะว่าโรงเรียนเราน่ะ สามารถมองเห็นพลุวันปีใหม่ของงานวัดได้ในจุดที่สวยมากเลยนะ’)

           “พลุ ดาดฟ้า ใช่แล้วต้องเป็นดาดฟ้าแน่ๆ” โตรีบวิ่งขึ้นบันไดอย่างรวดเร็ว เพื่อไปให้ถึงยังชั้น 9

            “แฮ่กๆ ถึง..ถึงซักที” โตค่อยๆ แง้มประตูดาดฟ้าเปิดออก

            “พี่ชายคะ” เด็กสาวยืนอยู่ริมขอบดาดฟ้า ท่ามกลางแสงสีของพลุที่แสนสวยงาม

            “นี่เธอขึ้นมาไม่รอกันเลยนะ” โตพูดด้วยท่าทีเหนื่อยหอบ ตัวของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อ

            “หนูเห็นรุ่นพี่กำลังนอนหลับฝันดีอยู่น่ะค่ะเลยไม่ได้ปลุก” เด็กสาวยิ้มให้เขา

            “นี่เธอน่ะ กำลังร้องไห้อยู่เหรอ” โตมองไปที่หญิงสาว สายตาของเขามองเห็นออร่าแห่งความโศกเศร้าหม่นหมองลอยฟุ้งอยู่รอบๆ บริเวณเธอ

            “รุ่นพี่คะ หนูคิดว่าเราคงจะไม่ได้พบกันอีกแล้วล่ะค่ะ” เด็กสาวก้มหน้าขณะพูด

            “ม..หมายความว่าไงกัน” โตค่อยๆ เดินเข้าไปหาเธอ

            “วันนี้หนูคงจะต้องกลับบ้านแล้วล่ะค่ะ ทั้งที่จริงแล้วก็นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าจะเร็วขนาดนี้แต่..” เด็กสาวทิ้งคำพูดไว้

            “ก็นะมันเที่ยงคืนแล้วนี่นา ทางบ้านคงเป็นห่วงกันแย่เลยนี่  ไม่เป็นไรนะเดี๋ยวพี่ไปส่งให้”

            “ไม่หรอกค่ะพี่ส่งหนูอยู่ที่นี่แหละ” เธอค่อยๆ เดินเข้ามาหาเด็กหนุ่ม พลุจากงานวัดเริ่มซาเสียงลง

            “ ฮิฮิฮิ อย่าบอกนะว่าเธอจะเป็นผี มิน่าล่ะอายุขัยถึงได้ไม่ลดลงเลย” โตจับที่บ่าของเด็กสาวแสยะยิ้มด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์

            “รุ่นพี่นี่เป็นคนดีจังเลยนะคะ”

            “เอ่อ..ยังไงอ่ะ” โตปล่อยมือออกจากบ่าของเด็กสาว

            “ขอบคุณนะคะที่มาช่วยไว้ในห้องน้ำแล้วก็หลายๆ เรื่องด้วย แถมยังมาส่งหนูอีกขอบคุณจริงๆ”

เธอทำหน้าเศร้าใจ

            “แล้วบ้านของเธอน่ะอยู่ไกลมากมั้ย” โตก้มหน้าลงสบตาเธอขณะถาม

            “ความ จริงแล้วหนูเป็นคนบนดวงจันทร์ค่ะ มันถึงเวลาแล้วที่หนูจะต้องกลับไป พวกเขาส่งหนูมายังโลกเพื่อเรียนรู้สังคมมนุษย์ แต่ถึงอย่างนั้นอีกไม่นานพี่ก็คงจะลืมทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับหนูไปแล้วล่ะ ค่ะ ทุกๆ เรื่องที่ผ่านมา มันคงจะกลายเป็นแค่ความฝันไป”

            “ฉันเชื่อเธอนะ ฮิฮิฮิ ชาวดวงจันทร์ตัวจริงเสียงจริง ไหนลองพูด ’สวัสดีชาวโลก’ ซิ อย่างนี้ต้องขอลายเซ็นบ้างซะแล้ว”

            “คิกๆ รุ่นพี่นี่ละก็ขนาดจะจากกันแล้วก็ยังไม่แสดงความเศร้าเลยนะคะ” แอนนาเริ่มหัวเราะ

            “จะเศร้าไปทำไมล่ะ ก็พระจันทร์น่ะอยู่ใกล้โลกตั้งขนาดนี้แน่ะ แค่เงยหน้าขึ้นไปมองก็เจอกันแล้วนี่นา” โตแหงนหน้าขึ้นมองดวงจันทร์

            “แหะๆ ก็จริงนะคะ นี่หนูจะเศร้าไปทำไมกันล่ะเนี่ย” ออร่าและกลิ่นไอแห่งความเศร้ารอบๆ ตัวของเธอเริ่มจางเบาบางลง

            “ไปถึงที่ดวงจันทร์ จะเจอคุณกระต่ายมั้ยเนี่ย” โตลูบหัวของเด็กสาว พร้อมเล่นมุขพลางๆ เพื่อให้เธอคลายความเศร้าใจลง

            “ได้เวลาแล้วค่ะ” แอ นนาพูดขณะที่มี ขบวนทูตนั่งรถเลื่อนลอยลงมาจากดวงจันทร์ แต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สว่างไสวราวกับแสงจันทร์เต็มดวง ดูๆ ไปแล้วราวกับซานตาครอสร่อนลงมาเป็นขบวน

            “โชคดีนะ” โตเริ่มที่จะขยับตัวไม่ได้

            “นี่คือของตอบแทนและเป็นที่ระลึกก่อนจะจากลากันไป ถ้ารุ่นพี่เจ็บป่วยร้ายแรงหรือไม่ว่าเรื่องไหนๆ ก็ตามให้ดื่มเจ้าสิ่งนี้นะคะ” เธอวางกระบอกน้ำไม้ไผ่ขนาดจิ๋ว ไว้ที่ข้างๆ ตัวของโตที่ขยับไปไหนไม่ได้

            “ลาก่อนค่ะ ถึงยังไงถ้าพี่ชายลืมเรื่องของหนูก็ขอให้อย่าลืมมองพระจันทร์ที่ยังส่องสว่างอยู่บนฟ้าด้วยนะคะ” ว่า แล้วเธอก็ขึ้นไปบนขบวนรถเลื่อนของเหล่าทูต แสงจันทร์ส่องประกายเด่นสว่างจ้าจนตาของโตพร่ามัว ขบวนทูตได้ล่องลอยกลับไปยังที่ซึ่งจากมา

            เมื่อโตเริ่มขยับตัวได้เขาค่อยๆ หยิบสมุดบันทึกที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมาพร้อมกับปากกา     “ฉันจะไม่มีวันลืมเธอแน่นอนแม่สาวจากดวงจันทร์ อย่างน้อยๆ เธอก็จะเป็นสิ่งลี้ลับเรื่องแรกๆ ที่ฉันเห็นด้วยตาของตัวเองล่ะนะ” โตทำการจดบันทึกลงไปในสมุด ถึงเรื่องราวของเธอทั้งหมดพร้อมเขียนปล.ไว้ที่บรรทัดล่างสุดด้วยว่า ‘อย่าลืมมองพระจันทร์’

           ความรู้สึกของเขาจะไม่มีวันหายไปนั่นคือสิ่งที่โตคิดเอาไว้ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่อยากจะลืมเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องลึกลับเเม้เเต่ เรื่องเดียวที่ผ่านเข้ามาในชีวิต เขาเเหงนมองท้องฟ้าแสนไกลซึ่งหวังว่าเธอจะกลับไปได้โดยสวัสดิภาพ ก่อนจะหันหลังกลับเข้าไปในตึกเพื่อเดินทางกลับบ้านคนเดียวท่ามกลางเเสงจัน ทรายามราตรี

           ในคืนนั้นโตเก็บสมุดไว้ใต้หมอนเตรียมพร้อมที่จะฝันหาหญิงสาวจากดวงจันทร์ผู้ กลับไป หลับตาลงช้าๆ พร้อมกับก้าวผ่านคืนปีใหม่ไปอีกปี

            แต่ทว่าเมื่อเช้าวันแรกของปีใหม่มาถึง “หาว เช้าแล้วเหรอ เอ..รู้สึกเหมือนเราลืมอะไรไปแฮะ”

 

จบตอน

 

ปล. รักนะคนอ่าน

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา