ชมรมวิจัยเรื่องลึกลับ (หลังเลิกเรียน)

6.8

เขียนโดย shotaro

วันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 เวลา 15.35 น.

  32 ตอน
  8 วิจารณ์
  37.20K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 15.39 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) คาบเรียนที่ 3.5ตอนสั้น:สาวน้อยกับพระจันทร์ และชมรม

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

คาบเรียนที่ 3.5 ตอนสั้น :สาวน้อย กับ พระจันทร์ และชมรม (ตำนานรักบทลงเอย อายุขัยที่ไม่จำกัด)

            ที่ดาดฟ้าของโรงเรียนในยามค่ำคืน ทุกอย่างเงียบสงัดจนกระทั่งเด็กหนุ่มมาถึง แสงจันทร์เป็นใจสาดส่องมายังตัวเขา

           “ฉันกลับมาแล้ว” ไคเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างๆ โต

           “บ้าน่ะ แกตายไปแล้วนี่” เอธรถึงกับทำอะไรไม่ถูก เมื่อได้เห็นไคซึ่งไม่มีทางจะมาปรากฎเบื้องหน้าของตนเองได้อีก แต่เขากลับโผล่มาอย่างเหนือความคาดหมาย

           “ก็บอกไปแล้วไง ว่าฉันน่ะดื่มยาอายุวัฒนะเข้าไปแล้ว ถึงได้ฟื้นขึ้นมาแข็งเเรงดีอย่างที่เห็นนี่แหละ” ไคพูดด้วยท่าทางชวนยั่วให้โมโห ราวกับเป็นการยอกย้อนเอาคืนหลังจากถูกน้ำเสียงอย่างเดียวกันนี้ปั่นหัวขณะเขาอยู่ในโลกหลังความตาย

           “เป็นไปไม่ได้ นี่แกไปได้ยาอายุวัฒนะมาเมื่อไหร่กัน”

           แอนนาตะโกนเรียกทันทีเมื่อเห็นเพื่อนคนสำคัญมาช่วยเธอท่ามกลางวิกฤติ “กริยา”

           “แอนนา ขอโทษนะที่พูดไม่ดีกับเธอไป ต่อจากนี้น่ะเราจะเป็นเพื่อนกันตลอดไปแน่ๆ เราสัญญา” ไคยิ้มให้เด็กสาว แล้วขอโทษในการกระทำที่ไม่ดีกับเธอ เนื่องจากความหวาดกลัวเมื่อเย็นที่ผ่านมานี้         

“นี่พวกแกอย่ามาทำเป็นเมินฉันนะ” เอธรค่อยๆ เดินเข้ามาหาไค สายตาจ้องมองราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เส้นเลือดที่ตาขาวโยงเข้าหาตาดำอย่างน่าสยดสยอง

           “นั่นสินะ ฉันไม่ได้รับยานั่นมากับมือเองหรอก ฮี่ๆ” ไคพูดพลางใช้มือซ้ายหยิบสมุดเล่มเล็กๆ ของโตออกมาจากกระเป๋ากางเกง “ตอนฉันตื่นขึ้นมาก็เจอเจ้านี่วางอยู่ข้างๆ เลยลองเปิดอ่านดูถึงได้พอรู้อะไรบ้าง” ไคหันหน้าไปหาโต

          “หมายความว่าไง” เอธรถามเด็กหนุ่มด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว

          “อย่าง แรกคือ แค่ที่แกคิดจะไปเอายานั่นมาจากแอนนามันก็ผิดพลาดมหันต์แล้วล่ะ เพราะว่าเธอให้ยาอายุวัฒนะกับคนๆ หนึ่งไปก่อนหน้านี้แล้วนะสิ” เด็กหนุ่มอธิบาย

            “หรือว่า”

            “ใช่แล้ว คนๆ นั้นก็คือพี่โตไง”

          “ไม่มีทาง จะเป็นไปได้ยังไงก็ฉันจับตาดูมาตลอด 1 ปีเต็มเชียวนะ อีกอย่างยาอายุวัฒนะจะต้องมอบให้ในวันที่คากุยะกลับดวงจันทร์เท่านั้น ยังไงก็ไม่มีทางที่จะให้ได้หรอก” เอธรเถียงคำขาด มือของเขายังคงกุมบาดแผลที่ศีรษะ

          “แอนนาน่ะเคยมาที่โลกนี้แล้วครั้งหนึ่งไงล่ะ เธอกลับดวงจันทร์ไปในคืนก่อนปีใหม่สมัยพี่โตยังอยู่ ม.ต้น ก่อนที่นายจะพบเธอซะอีก แต่มันคงจะนานมากแล้ว ที่พี่โตจะลืมเรื่องยาไปก็คงไม่แปลกเพราะถ้าหากจำได้ก็คงจะกรอกใส่ปากฉันไป นานแล้ว แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าทำไมแอนนาถึงกลับมาที่โลกอีกครั้ง” ไคเกาศีรษะตามความเคยชิน

          “แบบนี้นี่เอง เพราะเคยให้ยานั่นไปกับรุ่นพี่งั้นสินะ เธอถึงได้บอกว่าไม่มีจะให้ฉัน”

           “ฉันก็สงสัยล่ะนะ ว่าทำไมทั้งที่แกกับฉันอาบแสงจันทร์ด้วยกันทั้งคู่แต่ยังสามารถเดินและพูดคุยได้ตามปกติ พอลองคิดๆ ดูแล้ว” ไคใช้มือขวาที่ไม่ได้ถือสมุด หยิบขวดยาลักษณะเป็นกระบอกไม้ไผ่ขนาดจิ๋ว ขึ้นมาแล้วใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อของโต

           “ข..ขยับได้แล้ว” โตก้มหน้าลงมองมือตัวเองหลังจากเริ่มขยับได้ เขากระดิกนิ้ว หมุนข้อเท้า หันซ้ายขวา เพื่อความแน่ใจจนโล่งอกและรู้สึกดีขึ้น

           “แกนี่มัป็นส่วนหนึ่งของชาวดวงจันทร์ไปด้วย ดังนั้นถึงโดนนช่าง สังเกตจนดูถูกไม่ได้เลยนะ สมกับที่ฉันประเมินไว้จริงๆ ถูกต้องแล้ว ถ้าหากเราเก็บสิ่งของที่มาจากดวงจันทร์เอาไว้กับตัวก็จะเท่ากับว่าได้เแสงจันทร์ก็จะไม่ถูกสาปยังไงล่ะ” เอธรยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์เช่นเคย

           “บรึ๋ย พอนึกถึงภาพที่แกแอบเก็บเส้นผมของแอนนาตามจุดต่างๆ บนดาดฟ้าแล้วมันสยิวว่ะ” ไคเอามือกอดอกทำท่าทางเหมือนจะหนาวสั่น “ที่ขบวนทูตทำอะไรแกไม่ได้ ก็คงจะเป็นเพราะว่าชาวบนดวงจันทร์ไม่ค่อยสันทัดด้านการต่อสู้ล่ะสิ”           

“หึ เป็นเพราะฉันร่ายมนต์ต้องสาปไว้ก่อนแล้วต่างหากล่ะ ตราบใดที่ฉันไม่คลายมนต์สะกดเจ้าพวกนี้ก็แค่ตุ๊กตาธรรมดาเท่านั้น การเตรียมการของฉันมันเหนือกว่าพวกแกเยอะ”

            “แต่ถึงแบบนั้นฉันก็ได้ดื่มยาอายุวัฒนะไปแล้วอยู่ดี เสียเปล่าจริงๆ เลยนะการกระทำของแกเนี่ย”

“ไหนๆ ก็พลาดมาแล้ว จะให้ฆ่านางนั่นทิ้งซะเลยดีมั้ยนะ” เอธรหันหลังกลับไปหาแอนนาแล้วพูดด้วยความโกรธที่แผนการของตนซึ่งวางไว้เป็น ปีต้องมาพังเพียงแค่เพราะไม่ทราบเรื่องราวของโตและแอนนาอย่างละเอียด

           “ก็ ลองเข้าไปใกล้ดูสิ แกบอกเองนะว่ายิ่งเข้าใกล้เธออายุขัยก็จะถูกดูดออกไปเรื่อยๆ ฉันยังสงสัยอยู่เหมือนกันนะว่าทำไมแกถึงรู้เรื่องนี้ได้ ถ้าให้คาดการคงเป็นเพราะว่าแกมีพลังอีกหลายๆ อย่างนอกเหนือจากการมองเห็นสิ่งลี้ลับและถอดจิตแล้ว บางทีคงสามารถอ่านอายุขัยออกแบบเดียวกับพี่โตด้วยสินะ” ไคพูดขณะคืนสมุดให้รุ่นพี่เขากวาดสายตามองไปรอบๆ บริเวณ แล้ววนกลับมามองที่เอธร “แก คอยจับตามองเธอมาตลอด 1 ปีก็คงจะเข้าใกล้เธอบ่อยไม่น้อย ขนาดฉันที่เจอเธอเพียงแค่สองสามครั้ง ก็ยังถูกดูดอายุขัยออกไปจนหมด แกเองก็คงเป็นเหมือนกัน ถ้าสัมผัสโดนเธออีกคงมีหวังซี้ม่องเท่งแน่จริงมั้ย” ไคหลับตาลง พลางยิ้มเป็นนัยๆ “ความจริงแล้วถึงฉันจะไม่ทำอะไร ขอเพียงแค่ดื่มยานั่นซะแผนนายก็จบเห่”

           “แบบนี้นี่เองเจ้าหญิงคากุยะตรงนั้น เป็นคนเดียวกันกับที่ฉันเจอในสมัย ม.ต้น สินะ โตขึ้นสวยจนจำไม่ได้เลยแฮะ” โตรับสมุดจากมือของไคแล้วเดินไปหาเอธร “มนุษย์ บนดวงจันทร์น่ะ เพราะสภาพแวดล้อมเลยมีอายุขัยที่สั้นกว่าชาวโลกหลายเท่า ยาอายุวัฒนะมีไว้ก็เพื่อทำให้พวกเขามีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น คงจะเป็นเพราะว่าเธอได้เสียยาอายุวัฒนะให้ฉันไป ถึงได้ต้องดูดอายุขัยจากผู้คนรอบข้างเพื่อยื้อชีวิตตัวเองเอาไว้” โตอธิบาย “เอธรอายุขัยของนายน่ะถูกดูดออกไปจนเหลือแค่ 3 วันแล้วนะ หากเข้าใกล้อีกได้ตายสมใจแน่”

           “หึ ถึงจะโมโหอยู่แต่ก็ต้องยอมรับสินะ ถูกอย่างที่แกพูดนั่นแหละ อายุขัยของฉันโดนนางนั่นดูดออกไปมากพอสมควร ถ้าหากไม่ได้รับยามาโดยไวละก็จะตายไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แต่ช่างมันเถอะถึงจะมาเสียเที่ยว แต่จะยอมหาวิธีอื่นแทนก่อนก็ได้ กริยาฉันจะจำชื่อของแกไว้ครั้งหน้าถ้าเจอกันอีกอายุขัยของแกได้กลายเป็น ศูนย์จริงๆ แน่” เอธรพูดทิ้งท้ายก่อนจะวิ่งแล้วกระโดดลงจากดาดฟ้า

           “เฮ่ย ถึงกับฆ่าตัวตายเลยเรอะ” ถึงจะเป็นศัตรูกันเขาก็ไม่อยากให้ถึงกับขั้นเสียชีวิต ไครีบวิ่งไปชะเง้อมองด้วยสีหน้าตกใจ แต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของเอธร

           “หมอนั่นน่ะไม่ตายง่ายๆ แน่” โตเดินมาแตะไหล่ของไคเบาๆ

          “ว่าแต่พี่โตครับ ทำไมถึงได้รู้จักกับเอธรกันล่ะ” ไคหันมาถามประธานหนุ่ม

          “เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะ ตอนนี้สาวน้อยที่นายตะโกนว่าจะมาช่วยเธอ กำลังจะกลับดวงจันทร์ไปนะ”

          “จริงสิ ถ..ถ้างั้นทุกคนก็ได้ยินที่ผมตะโกนหมดเลยสิครับ” เด็กหนุ่มถึงกับหน้าเหวอด้วยความเขินอาย

           “ก็นะ” โตส่งยิ้มบางๆ ให้ไคพร้อมชูนิ้วโป้งให้กำลังใจ

           “อ..อายจังเลยครับ” ไคก้มปกปิดใบหน้าที่แดงก่ำ

           “กริยา” แอนนาร้องเรียกขณะวิ่งมาหาเด็กหนุ่ม

          “หวังว่าผมจะไม่ตายอีกนะ” ไคเงยหน้าขึ้นมองรุ่นพี่

          “อื้ม อายุขัยของนายตอนนี้น่ะนับไม่ถ้วนเลยล่ะ ใช้ให้คุ้มล่ะ” โตลูบหัวเด็กหนุ่ม ขบวนทูตยังคงยืนรอองค์หญิงอยู่ที่เดิม

          “กริยานึกว่าเธอจะโกรธจนไม่มาช่วยเราซะแล้ว” แอนนาจับมือของเด็กหนุ่มขณะพูด

          “ขอโทษนะเราไม่ได้โกรธเธอหรอก แค่สับสนนิดหน่อยน่ะ” ไคมองดูหญิงสาวที่สวยงดงามภายใต้แสงจันทร์ เธอดูส่องประกายเจิดจ้ากว่าที่เขาคิดไว้มาก

          “ครั้ง แรกที่เราได้เจอกัน คือตอนที่เรากำลังจะขึ้นไปชมพระจันทร์บนดาดฟ้าจำได้หรือเปล่า เธอดูตลกมากเลยล่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า เรารู้ได้ทันทีว่าเธอจะต้องเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวมาช่วยเราแน่ๆ” แอนนาพูดด้วยรอยยิ้มขณะเอียงศีรษะไปทางซ้ายเล็กน้อย

          “นี่เราจะต้องแยกจากกันแล้วจริงๆ เหรอ” ไคถามแอนนาด้วยท่าทางและน้ำเสียงเศร้า “แค่สัปดาห์เดียวเองนะ”

          “อื้ม ขอเราคิดดูก่อนนะ” เมื่อ พูดเสร็จแอนนากลับหันหลังให้เด็กหนุ่มแล้วเดินไปหาผู้นำขบวนทูต พวกเธอสนทนากันเบามากจนไคเริ่มกระวนกระวาย ผ่านไปสักพักแอนนาก็หันกลับมาส่งรอยยิ้มให้กับเด็กหนุ่มแล้วเดินเข้ามา

          “เป็นไงบ้าง” ไคมองเด็กสาวท่าทางของเขาดูลุ้นจนตัวสั่น

          “เดิมที ที่เรากลับมาที่โลกมนุษย์อีกครั้งก็เพื่อจะมาขอยาอายุวัฒนะกลับไป เพราะครั้งก่อนหลังจากเรามอบยาให้กับเด็กผู้ชายคนหนึ่งก็ได้เกิดปัญหา ระหว่างการเดินทางอายุขัยของเราลดลงไปมากจนเกือบจะเป็นศูนย์ถึงได้ต้องกลับ มาที่โลก แม้สำหรับมิติของเราจะใช้เวลาไม่นานนักในการเดินทางแต่ว่าเวลาในมิติของเรา นั้นช้ากว่าที่โลกนี้หลายเท่า กว่าจะมาถึงก็กินเวลาเกือบสองปีที่โลกมนุษย์เสียแล้ว เด็กหนุ่มที่เคยมอบยาให้ไว้ก็คงจะเปลี่ยนไปจนเราจำไม่ได้ แถมในมิติของเรา ชาวดวงจันทร์จะเติบโตอย่างรวดเร็วจนกระทั่งคงสภาพวัยสาว เมื่อมาถึงโลกนี้มนุษย์จะจำเราไม่ได้ก็คงไม่แปลก เราพอมีชีวิตอยู่ได้จากการรับอายุขัยของคนรอบข้าง ขอโทษด้วยนะที่เราไม่ได้บอกเธอเรื่องนี้แถมยังดูดอายุขัยของเธออีก” แอนนาหน้าเศร้าใจขณะเล่าเหตุการณ์ เธอรู้สึกผิดในสิ่งที่ทำกับเด็กหนุ่ม

          “ไม่เป็นไร” ไคเกาหัวของตัวเองแก้อาการเขินอาย “ก็แค่ตายเองนี่นะ แหะๆ” เด็กหนุ่มยิ้มเฝื่อนๆ

          แอนนาค่อยๆ ยิ้มขึ้น “แต่ว่า”

          “ว่า...”

          “เราก็เจอยาอายุวัฒนะแล้วนี่นา” แอนนาชี้นิ้วไปที่หน้าของเด็กหนุ่ม

          “หมายความว่าไง ย..อย่าบอกนะว่าจะหิ้วเอาฉันกลับดวงจันทร์” ไคดูลังเลใจ

          หญิงสาวใช้มือกุมปากขณะกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ “ฮ่าฮ่าฮ่า เธอนี่ตลกจังตรงกันข้ามต่างหาก”

          “ร..หรือ..หรือว่า..” ไคเหงื่อตก

         “ก็คงจะต้องมีชีวิตอยู่ด้วยการดูดอายุขัยของเธอไปเรื่อยๆ ล่ะนะ”

          (‘เอ่อ..อย่างที่คิดจริงๆ ด้วย’) เด็กหนุ่มรู้สึกเหนื่อยแต่ก็ดีใจกับประโยคนั้นของหญิงสาว เขาอยากจะรู้จักเธอมากขึ้น และสนิทกับเธอต่อไปเรื่อยๆ

          “ดังนั้นรับผิดชอบเราด้วยล่ะ”

          “เฮ่ยอย่าพูดมีลับลมคมในสิ” ไคยกฝ่ามือปิดปากหญิงสาว

          “หวานกันจังนะ พี่ยังเขินแทนเลย” ประธานหนุ่มค่อยๆ เดินไปหาสมาชิกคนอื่นที่ขยับตัวไม่ได้

              “ม..ไม่ใช่นะ ร..รุ่นพี่” ไคบอกปัดประกอบกับโบกมือไปมาเป็นระวิง

ขณะ นั้นขบวนทูตก็ค่อยๆ ขับเคลื่อนไต่อากาศล่องลอยกลับไปยังดวงจันทร์ที่จากมาอย่างช้าๆ ปล่อยเจ้าหญิงแอนนาไว้กับไคท่ามกลางผืนฟ้ายามราตรี

          “ไค” เสียงของอีฟดังขึ้นหลังจากที่หลุดจากคำสาปแสงจันทร์ สมาชิกทุกคนวิ่งเข้าไปโอบล้อมเด็กหนุ่ม

          “ทุกคน”

          “นึกว่าจะเสียเธอไปซะแล้ว” อีฟดึงตัวไคเข้ามาโอบกอดไว้

          แอนนารู้สึกไม่พอใจที่อีฟทำอย่างนั้นกับไค เธอกอดอกเชิดหน้าและตั้งใจพูดให้ไคได้ยิน "ชิ มีแฟนแล้วก็ไม่บอก”

           “ม..ไม่ใช่นะ” เด็กหนุ่มระล่ำระลักตอบ อีฟยังกอดเขาไม่ยอมปล่อย 

            เด็กหนุ่มคิดว่าคงจะต้องรับมือกับปัญหาด้านเสน่ห์ของตนเองให้ได้ซะก่อน เรื่องผีเสียแล้ว รอยยิ้มของทุกคนช่างดูสดใสภายใต้แสงจันทร์ ไม่มีใครรับรู้เลยว่าพายุที่ชื่อว่า 'ความหวาดกลัว’ กำลังจะโหมกระหน่ำคืบคลานเข้ามาในอีกไม่ช้า ใช่แล้ว! เรื่องราวทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ปฐมบทเท่านั้น และแล้วค่ำคืนที่วุ่นวายนี้ก็คง ผ่านพ้นไปอีกคืนเช่นเคย

 

โปรดติดตามตอนต่อไป

  

 

 

ปล.รักนะคนอ่าน

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา