ชมรมวิจัยเรื่องลึกลับ (หลังเลิกเรียน)

6.8

เขียนโดย shotaro

วันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 เวลา 15.35 น.

  32 ตอน
  8 วิจารณ์
  37.59K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 15.39 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

11) คาบเรียนที่6.5 : คำสาปและชมรม

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

คาบเรียนที่ 6.5 : คำสาปและชมรม (บทมนต์ดำ)

              “เราจะต้องประชุมกัน ข่าวนี้พี่ก็เพิ่งได้ยินเหมือนกัน พี่ยามตายแล้วเมื่อเช้ามืดนี้ ตอนนี้ศพอยู่ที่โรงพยาบาลแถวโรงเรียน” โตกระซิบที่ข้างหูของไค

ไค ใจหายจนหน้าถอดสี เขาไม่ค่อยอยากจะเชื่อมากนัก แต่ทว่านี่เป็นคำพูดของรุ่นพี่ที่เขานับถือ จึงไม่อาจคิดว่าเป็นเรื่องล้อเล่นกันได้ เขาเงียบเนื่องจากพูดอะไรไม่ออก

            “เมื่อเช้านี้พี่เห็นคนมามุงดูที่ป้อมยามกัน มีเสียงรถพยาบาลดังลั่น พอถามคนอื่นๆ ดูก็ได้รู้ว่าพี่ยามตายแล้ว แต่ทว่าที่น่าแปลกก็คือไม่ทราบสาเหตุการตาย รายละเอียดนี่พี่รู้ยังไม่แน่ชัดนัก ไว้เลิกเรียนเจอกัน” โตขยายใจความให้ฟังอีกหน่อย ตบไหล่เด็กหนุ่มเบาๆ แล้วเดินเข้าอาคารเรียนไป

            ไคพูดอะไรไม่ออกเขาได้แต่พยายามอดกลั้นความกลัวและความเศร้าเอาไว้ในใจ เด็กหนุ่มเอาแต่คิดถึงเรื่องเมื่อคืนนี้ ทั้งที่พี่ยามยังมาเปิดประตูให้กันอยู่แท้ๆ เขาไม่คิดเลยว่านั่นจะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ได้เห็นพี่ยาม

              “กริยามีอะไรเหรอทำไมหน้าซีดจัง” แอนนาที่เห็นไคทำท่าทีแปลกๆ จึงทักด้วยความเป็นห่วง “เมื่อกี้คุยอะไรกันเหรอ”

            เด็กหนุ่มหันหน้ามามองเด็กสาว เหงื่อไหลเป็นทางก่อนจะฝืนยิ้ม “ม..ไม่มีอะไรหรอก ร...เราไปก่อนนะ” ไคโบกมือลาเธอ รีบวิ่งไปที่ป้อมยามเพื่อตรวจหาวิญญาณของพี่ยาม

            แอนนายืนมองเด็กหนุ่มที่โบกมือลาเธออย่างงุนงง พลางสงสัยว่าแทนที่เขาจะเข้าไปในอาคารเรียนทำไมกลับวิ่งออกไปคนละทิศทาง 

            ไควิ่งไปป้อมยามสวนทางกับเด็กนักเรียนที่เดินกรูกันเข้ามาในโรงเรียน ทั้งเด็กชายและเด็กหญิง เขาวิ่งจนมาถึงจุดหมาย มองซ้ายแลขวาหาเงาดำหรือวิญญาณ แม้กระทั่งสิ่งของต้องสงสัย แต่ทว่าบริเวณรอบๆ ป้อมกลับไม่พบอะไรเลย เมื่อเด็กหนุ่มตัดสินใจจะเปิดประตูเข้าไปในป้อมยาม ก็ต้องชะงักเนื่องจาก ได้ถูกลงกลอนเอาไว้ ไคพยายามมองลอดหน้าต่างบานเลื่อนกระจกสีดำเพื่อสังเกตบริเวณภายใน แต่ก็ไม่พบอะไรเช่นกัน

            “เป็นไปไม่ได้” ไคพึมพำ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาอยากจะมองเห็นผี เขาอยากจะเห็นพี่ยามอีกสักครั้ง แล้วถามถึงสาเหตุการตาย เกิดอะไรขึ้นกับพี่ยาม

            ออด! เสียงออดดังขึ้น บ่งบอกว่าเขาควรจะวิ่งกลับไปที่อาคาร ก่อนที่จะถูกขึ้นชื่อว่ามาสาย

ไครีบวิ่งสะพายกระเป๋า ในใจยังกังวลกระสับกระส่าย     

          ในห้องเรียนของไค ขณะนี้ทุกคนกำลังก้มหน้าก้มตาเรียนหนังสือ แต่ทว่าเด็กหลังห้องบางคนก็ยังคงคุยเล่นกันตามประสานักเรียนทั่วไป  ไคนั่งอยู่หน้าสุดริมหน้าต่าง  เขาเหม่อมองออกไปข้างนอกห้อง เสียงที่อาจารย์สอนไม่ส่งผ่านไปถึงสมองของเขาเลยแม้แต่นิด จนกระทั่งคาบเรียนผ่านไปคาบแล้วคาบเล่า ไคก็ยังนั่งอยู่ท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เพื่อนสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ ไค เธอเป็นหัวหน้าห้องชื่อว่าเดียร์ ไว้ผมยาวประบ่า ผิวขาวนวลผ่องราวแสงจันทร์ ดวงตากลมโตสีน้ำตาลแดง หน้าตาดูเป็นคนเข้มงวดแต่ใจดี เธอสังเกตเห็นท่าทีแปลกๆ ของเด็กหนุ่มจึงได้เอ่ยถามไถ่ ทว่าเขาก็ไม่ได้ยินเสียงของเธอเลยแม้แต่น้อย  ไคเอาแต่วนเวียนอยู่กับตัวเองว่าถ้าหากเบื้องหลังเรื่องนี้มีต้นเหตุเป็นคน เดียวกับคดีรูปภาพ มันจะไม่จบอยู่แค่พี่ยามแน่นอน เขานึกถึงใบหน้าของน้องสาว และสมาชิกในชมรมทุกคน

          “นี่..นี่แกจะเหม่อไปถึงไหนวะไอ้ยา หัวหน้าห้องเขาเรียกแกอยู่ตั้งหลายรอบแล้วเนี่ย นี่เอ็งกล้าเมินสาวน้อยน่ารักได้ไงวะ” เด็กผู้ชายตัวใหญ่ผิวสีน้ำตาลเข้มที่เดินเข้ามาตบไหล่ทักทายเด็กหนุ่มก็คือ เอิร์ธ เพื่อนร่วมห้องของไค ถึงจะไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่แต่ก็นับเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง

          “ฮะ อะไร มีอะไร” ไคตกใจที่จู่ๆ ก็โดนตบไหล่ขณะที่กำลังครุ่นคิด

          “เหม่อลอยซะขนาดนี้ตกหลุมรักล่ะซี่” เอิร์ธยิ้มพลางมองเด็กหนุ่ม

          “เราเรียกนายตั้งหลายทีแหนะ” เดียร์เสริม

          “ข..ขอโทษนะ พอดีมีเรื่องให้คิดนิดหน่อยน่ะ” ไคเหงื่อตกดูราวกับว่าจะไม่สบาย

          “ไปห้องพยาบาลหน่อยมั้ย” เอิร์ธเอามือมาแตะหน้าผากของไคทำเหมือนจะวัดไข้

          “ม..ไม่เป็นไรหรอก” ไคยิ้มแบบเฝื่อนๆ

          “การบ้านเดี๋ยวลอกเราก็ได้นายดูจะอาการหนักนะ” เดียร์พูดอย่างเอาใจใส่ลูกน้อง

          ไคส่ายหน้าปฏิเสธพลางคิดในใจ (‘เป็นหัวหน้าห้องที่ใส่ใจลูกน้องมันก็ดีนะ แต่ว่าให้ลอกการบ้านนี่มันหัวหน้าห้องบ้านไหนวะเนี่ย’)

          หลังจากคาบเรียนสุดท้ายจบลงไคก็ออกมาจากห้องเรียนรีบวิ่งตรงไปยังห้องชมรมทันที ระหว่างทางเขาเจอแอนนารออยู่ที่หัวบันไดชั้น 7 จึงหลบไปขึ้นบันไดอีกฟากหนึ่ง เพื่อไม่ให้แอนนาตามไปยังห้องชมรมด้วย เนื่องจากอาจจะต้องเจอกับอันตรายก็เป็นได้

          เด็กหนุ่มหยุดอยู่หน้าห้องชมรมตามเคยก่อนจะเปิดประตูเข้าไป ภายในห้องจัดใหม่ มีโต๊ะสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางห้อง มี อีฟ  โต และโจ นั่งคุยกันอยู่แค่สามคน บรรยากาศค่อนข้างตึงเครียด

          “มาแล้วครับ” ไควางกระเป๋าไว้ข้างประตูแล้วเดินมานั่งยังเก้าอี้ที่ว่างอยู่ พลางกวาดสายตามองไปยังรุ่นพี่ทุกคนที่อยู่รอบข้าง

          “มันเป็นมนต์ดำ” โตประสานมือทั้งสองข้างเท้าคางไว้บนโต๊ะ

          ไคหันมามองโตก่อนที่จะเอ่ยถาม “มนต์ดำ นี่พูดถึงอะไรหรือครับ”

          “พี่ไปสืบจนรู้มาน่ะ ว่าตอนที่หมอชันสูตรศพตรวจพบด้ายสีดำพันรอบหัวใจของพี่ยาม พอเล่าเรื่องนี้ให้พี่โตฟังก็เลย” อีฟก้มหน้าลงขณะพูด เหมือนเธอจะหลบสายตาจากโตอย่างเห็นได้ชัด

          ทางโจก็นั่งเงียบไม่ยอมพูดอะไรเลยแม้แต่ประโยคเดียว

          “ด้ายสีดำ” ไค มองหน้าโตที่ขมวดคิ้วจนทั้งสองข้างเกือบจะเชื่อมติดกัน สายตาของโตช่างดูมืดมนและน่ากลัวกว่าทุกครั้ง ราวกับมีไฟแค้นสุมรุมรมควันในอก

          “ตอนแรกไอ้เราก็พยายามคิดว่าพี่ยามชะตาขาดไปตามเวรตามกรรม ไม่คิดว่าจะเป็นไปตามที่คาดไว้เลยจริงๆ อภัยให้ไม่ได้เด็ดขาด จะเป็นหมอผีหรือพ่อมดมาจากไหนก็เถอะ ฉันจะฆ่ามันให้หมด” โตฉีกยิ้มที่มุมปากข้างซ้ายจนดูชวนขนลุกยิ่งนัก เขาเปลี่ยนไปเป็นอีกคนทีเดียว

          (‘พี่โตวันนี้ดูแปลกไปนะ’) ไคคิดในใจ

          “คืนนี้เราจะต้องลากหมอนั่นมาสั่งสอนให้ได้” โตเค้นเสียงเข้ม  อีฟที่ดูจะทนกับบรรยากาศในห้องไม่ไหวรีบลุกขึ้นวิ่งไปยังอ่างล้างจานหลังโต๊ะบาร์ เปิดน้ำก็อกแล้วอาเจียนชุดใหญ่

          “พ..พี่อีฟ เป็นอะไรมากมั้ยครับ” ไคหันไปมองอีฟด้วยท่าทีเป็นห่วง

          โจจับแขนเสื้อไคลากเข้ามากระซิบข้างๆ หูของเขา “ก็ยัยอีฟน่ะสิ หลังจากพอเล่าเรื่องให้พี่โตฟังแล้วก็ดูเหมือนเธอจะเผลอไปอ่านใจพี่โตเข้า ก็เลยเจอชุดใหญ่แบบนี้ไง”

          (‘พี่โตเขาคิดอะไรอยู่กันนะ’) ไคหันไปมองโตซึ่งสัมผัสได้ถึงจิตใจด้านลบขนาดมหาศาลลอยปกคลุมอยู่รอบตัวประธานหนุ่ม

          ไคที่เห็นสถานการณ์ไม่ค่อยสู้ดีลุกออกจากเก้าอี้แล้วเดินไปชงน้ำชาใส่ถาดมาสี่แก้ว วางไว้ให้บนโต๊ะสำหรับทุกคน “ใจ เย็นก่อนนะครับ ผมเองก็เครียดอยู่เหมือนกัน ทั้งเศร้า ทั้งโกรธแค้น ทั้งกลัวและกังวล แต่ว่าถ้าหากเอาแต่นั่งสาปแช่งตัวการทั้งที่เรายังไม่รู้เลยว่ามัน เป็นใคร มันก็ไม่มีอะไรคืบหน้าหรอกครับ”

          ไคพูดด้วยรอยยิ้ม เพื่อหวังจะทำให้โตใจเย็นขึ้นแต่ทว่ากลับไม่เป็นผลเลยสำหรับประธานหนุ่ม ตอนนี้เขาดูจะร้อนรุ่มเสียยิ่งกว่าน้ำชาที่ไคยกมาให้ซะอีก

          “ฉันขอตัวล่ะ” โตลุกขึ้นเดินออกไปนอกห้องทิ้งน้ำชาที่เด็กหนุ่มอุตส่าห์ชงมาให้วางไว้บนโต๊ะ

          “จะไปไหนหรือครับ” ไคมองตามโตที่กำลังสะพายเป้ไว้กับไหล่ซ้ายออกไปนอกห้อง

          “ไปจับตัวไอ้ฆ่าตกรไงล่ะ ต่อให้ต้องเป็นฆาตกรเสียเองก็เถอะ” โตเอ่ยขึ้นก่อนจะเปิดประตูห้อง

          “ไปคนเดียวไม่ได้นะครับ” ไคตะโกนหยุดโตเอาไว้

          “ดูจากสภาพอีฟแล้ว พวกนายสองคนดูแลเธอไปก่อนเถอะฉันไปล่ะ” โตปิดประตูเสียงดังปัง

ตอนนี้ในห้องชมรมมีเพียง อีฟ  โจ และไค อยู่กันเพียงสามคน บรรยากาศดูผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังแฝงไปด้วยความเป็นห่วงประธานหนุ่ม

          “พี่โตไม่เคยเป็นแบบนี้” อีฟล้างปากหลังจากอาเจียนจนหมดแล้ว สีหน้าเธอดูอ่อนเพลีย

          “เมื่อเช้าพี่เขายังทักผมแบบธรรมดาอยู่เลย” ไคจิบน้ำชา “พี่โตกับพี่ยามเขาสนิทกันมากเลยหรือครับ” ไคถามต่อ

          “พี่ก็ไม่รู้สินะ มันเป็นเรื่องก่อนที่พี่จะเข้าชมรมนี้เสียอีก” อีฟกลับมานั่งที่โต๊ะ หยิบชาขึ้นมาจิบ

โจพยักหน้าเห็นด้วยเล็กน้อย

          “จะว่าไปแล้วทำไมพี่อีฟถึงได้มาเข้าชมรมนี้งั้นหรือครับ” ไคนั่งลงถามอย่างตรงไปตรงมา

          “มันเป็นเรื่องเมื่อปีก่อนสมัยพี่อยู่ ม.4 ล่ะนะ ในตอนนั้นเป็นช่วงที่พี่เป็นประธานชมรมหนังสือพิมพ์น่ะ” อีฟเริ่มเล่า

          “ม.4 ก็เป็นประธานชมรมได้แล้วหรือครับ” ไคตกใจเล็กน้อยเพราะปกติแล้วประธานชมรมควรจะอยู่อย่างน้อยก็ ม.5 ขึ้นไป

          “ก็ยัยนี่น่ะสิ ดันไปกุมความลับของ ผอ. เอาไว้เลยได้หัวข้อแบล็คเมล์” โจเอ่ยขึ้น

          “ร..หรือครับ” ไคยิ้มเฝื่อนๆ (‘พวกที่อ่านใจคนได้นี่มันน่ากลัวจริงๆ แฮะ’)

          อีฟเริ่มเล่าต่อ “สมัยนั้นเป็นช่วงที่พี่ไปทำข่าวตามชมรมต่างๆ น่ะ ไม่ว่าจะเป็นชมรมศิลปะ ชมรมหนังโรง ชมรมฟุตบอล แต่ทว่าพอมาถึงคิวของชมรมทำงานบ้าน ซึ่งเป็นชมรมที่ยังก่อตั้งไม่สมบูรณ์เนื่องจากมีสมาชิกแค่ 4 คน”

          “ก็คงจะถูกพี่โตตื้อให้เข้ามาสินะครับ ” ไคพูดเหมือนจะพอเดาเรื่องทั้งหมดออก

          “ก็ใช่จ้ะประมาณนั้น รู้สึกสมาชิกในตอนนั้นจะมี พี่โต พี่ธัน แทงค์ แล้วก็เด็กผู้ชายอีกคนหนึ่งล่ะมั้ง” อีฟเอานิ้วชี้แตะริมฝีปากเหมือนพยายามจะนึกบางอย่าง

          "เคยได้ยินมาเหมือนกันว่าเมื่อปีก่อนโรงเรียนเรายังมีการสอนประถมอยู่ แทงค์ก็อยู่ประถมที่โรงเรียนนี้สินะครับ" ไคยิ้มเล็กน้อยให้พี่อีฟก่อนจะถามต่อ “ว่าแต่พี่ธันคือใครหรือครับ”

          “พี่ชายของแทงค์ไงล่ะ นึกว่าเธอจะรู้แล้วซะอีกเห็นสนิทกับแทงค์นี่นา” อีฟดูประหลาดใจกับคำถามของไค

          “แล้วเด็กผู้ชายอีกคนหนึ่งนี่ใครหรือครับ” ไคเริ่มจะสนใจคำพูดจากหญิงสาว

          “ไม่รู้สินะ  เขาลาออกไปก่อนที่พี่จะตัดสินใจเข้าชมรมเสียอีก แถมพี่เองก็ยังไม่เคยเห็นหน้าตาของเขาซะด้วย เห็นว่าตอนนั้นอยู่ ม.3 ตอนนี้ก็คงจะปีเดียวกับเธอแหละมั้ง”  อีฟจิบชาต่ออีกอึก

          “หมายความว่าหมอนั่นอาจจะเป็นตัวการของเรื่องนี้สินะครับ” ไคก้มหน้าคิด

          “นั่นสินะ แต่ไม่เห็นจะมีเหตุผลที่ต้องทำขนาดนี้เลยนี่นา” โจสมทบ

          ทั้งสามคิดหาสาเหตุกันอย่างเอาจริงเอาจัง โจหยิบค้นเอกสารต่างๆ จากบันทึกกิจกรรมชมรมซึ่งไม่ว่าจะเปิดหาไปกี่เล่มๆ ก็มีแต่หน้าว่างเปล่า อีฟนั่งทบทวนข้อมูลต่างๆ ในสมัยที่ตัวเองยังอยู่ชมรมหนังสือพิมพ์ ส่วนไคก็เอาแต่หลับตาปะติดปะต่อเรื่องราว

          ตืด ตืด ตืด! โทรศัพท์ที่ปิดเสียงแต่เปิดระบบสั่นไว้บนโต๊ะ สั่นจนมันหมุนซ้ายขวาไปมา

          “อ๊ะ มือถือฉันเอง” โจวางหนังสือแล้วเดินมารับสาย “ฮัลโหล จากใครครับ”

          เสียงในมือถือดังลั่นออกมาจนไคที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ได้ยิน “โจรีบพาทุกคนออกมาจากห้องเร็วเข้า”มันคือเสียงของโตนั่นเอง เป็นน้ำเสียงที่ตื่นตระหนกราวกับจะมีสึนามิซัดมายังไงยังงั้น

          หลังสิ้นเสียงมือถือ มีกลุ่มควันสีดำทมิฬลอยปกคลุมไปทั่วห้องโดยที่ไม่รู้ว่าเข้ามาจากทางไหน คราวนี้ทุกคนมองเห็นเหมือนกันหมด อีฟทำสีหน้าตกใจมากเธอรีบวิ่งเปิดประตูออกนอกห้องได้ก่อนเพื่อนเนื่องจากเธอ นั่งอยู่ใกล้ประตูมากที่สุดโดยมีโจวิ่งตามเธอออกไป เว้นเสียแต่

          ไคยังคงอยู่ในห้อง เขาดูจะตะลึงจนไม่กล้าแม้แต่จะขยับขา กลุ่มควันสีดำเมื่อลองมองดูให้ดีแล้วปรากฎเป็นรูปใบหน้าอันแสนทุกข์ทรมานของ ผู้คนจำนวนหนึ่ง มันส่งเสียงกรีดร้องในหัวของไค มีเพียงแค่เขาคนเดียวที่ได้ยินเสียงร้องไห้เหล่านั้น ประตูห้องที่เปิดอ้าปิดอย่างกะทันหัน ทำให้โจวิ่งกลับมาช่วยเด็กหนุ่มไม่ทันการ อุณหภูมิในห้องลดลงอย่างรวดเร็ว ช่างหนาวเหน็บจนสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวในจิตใจที่สั่นไหว

          ไคพยายามเดินไปยังประตูด้วยขาที่สั่น แต่ความรู้สึกของเขาในตอนนี้ราวกับไม่มีขาอยู่เลยด้วยซ้ำ เขาไม่สามารถควบคุมร่างกายได้ตามใจ กลุ่มควันก็เริ่มขยายตัวออกไปทุกที

          ในไม่ช้ากลุ่มควันดำก็เริ่มส่งกลิ่นดอกจำปา ผสมมากับกลิ่นควันธูป พวกมันรวมตัวกันจนเป็นรูปเป็นร่างอสูรกายขนาดยักษ์แล้วพุ่งตรงเข้ามายังไค ราวกับจะแทงอกของเขาให้ทะลุ

          เด็กหนุ่มหลับตาปี๋ ตัดใจว่าไม่รอดแล้ว ทว่าเมื่อเขาค่อยๆ ลืมตา กลับมีแสงสว่างสีทองสดใสประกอบกับสายรุ้ง 7 สี เป็นรัศมีปกคลุมทั่วร่างของตัวเขา กลุ่มควันพยายามต่อต้านแต่ทว่าก็ทนต่อแสงสว่างไม่ไหว พวกมันพลันสลายเป็นอากาศธาตุ (‘ใช่แล้วพระ เรามีพระนี่นา’) เด็กหนุ่มคิดขณะจ้องมองสร้อยคอที่อีฟมอบให้

          แต่มันคงจะแย่หน่อยที่องค์พระก็ดูจะแตกแหลกตามๆ กันไปบนฝ่ามือของเด็กหนุ่ม

          ประตูค่อยๆ กลับมาแง้มเปิดอีกตามเคย อีฟและโจวิ่งเข้ามาหาไค เห็นเด็กหนุ่มหน้าซีดอีฟจึงกอดไว้แน่น

          “พี่โตรู้ได้ยังไง” โจเอ่ยขึ้นขณะกัดเล็บ “หรือว่า”

          “พี่โตเจอกับตัวการแล้วเหรอ” อีฟเงยหน้ามองโจ

          ไคผงะแล้วผลักอีฟออกจากอ้อมกอดเมื่อเขามองเห็นสิ่งที่ตกอยู่กับพื้น มันคือเส้นด้ายสีดำ

          “นี่มัน” ไคนั่งลงมองดูเส้นด้ายธรรมดาๆ ซึ่งดูไม่น่าจะมีอะไร

          “แบบนี้มันเห็นทีจะเป็นมนต์ดำของจริงซะแล้วล่ะมั้ง ครั้งที่แล้วใช้กับพวกเราไม่ได้ผล เลยใช้ของแรงๆ กันตรงๆ เลยสินะ ต้องรีบไปหาพี่โตกันแล้ว”  โจพูดลอยๆ

          “พี่โตจริงด้วย” ไคที่นึกอะไรขึ้นได้รีบวิ่งออกไปนอกห้องทันที  โดยที่ไม่ฟังแม้กระทั่งเสียงเรียกของรุ่นพี่ทั้งสอง

          พลั่ก! ไควิ่งชนเข้ากับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งล้มลงทั้งคู่ในระหว่างวิ่งลงบันได “โอย...” เขาพยายามลุกขึ้นยืนค่อยๆ มองดู “เดียร์” เด็กหนุ่มอุทานทันทีที่เห็นว่าเป็นหัวหน้าห้อง

          “ก็ใช่นะสิยะ วิ่งบนอาคารเดี๋ยวก็เกิดอุบัติเหตุหรอก ไข้หายแล้วหรือไงวิ่งปร๋อเชียว”

          (‘อ..เอ่อ..มันคงไม่เดี๋ยวแล้วล่ะครับ’) “แล้วเธอยังไม่กลับบ้านอีกเหรอ หกโมงกว่าแล้วนี่นา”

          “ฉันยังต้องไปประชุมหัวหน้าห้องกันอยู่น่ะ ว่าแต่นายเถอะ รีบกลับบ้านไปหาหมอจะดีกว่านะ วันนี้ดูจะหน้าซีดเชียว” เดียร์พูดขึ้นก่อนจะเดินไปตามทาง

           เด็กหนุ่มลงบันไดต่อไปขณะในมือถือโทรศัพท์โทรหาประธานหนุ่ม ตืด ตืด ตืด แกร๊ก!“ฮัลโหล” เสียงโตดังขึ้น

           “พี่โตอยู่ที่ไหนครับ” ไคถามด้วยเสียงเหนื่อยหอบขณะวิ่งลงบันได

          “ฉันเหรอ ฉันอยู่ที่ป้อมยามน่ะมีอะไรงั้นเหรอ” โตถามกลับอย่างเรียบง่ายน้ำเสียงดูไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่

          “ด..เดี๋ยวนะครับ นี่พี่อยู่คนเดียวหรือครับ” ไคหยุดยืนชะงัก เหงื่อท่วมตัวไปถึงหัวเข่าและหน้าแข้ง (‘หมายความว่าไงถ้าอยู่กับตัวการทำไมถึงพูดอย่างใจเย็นได้ถึงขนาดนี้’)

          “ก็คนเดียวน่ะสิ อยู่มาตั้งแต่เลิกเรียนแล้วเนี่ย มีอะไรหรือ”

          “เอ๋ แต่เมื่อ 2 ชั่วโมงก่อน พี่โตยังอยู่ที่ห้องอยู่เลยไม่ใช่หรือครับ”

          “วันนี้ฉันไม่ได้ไปห้องชมรมเลยนะ อ๊ะ โทษทีฉันลืมบอกพวกนายไปสนิทเลย วันนี้ไม่ต้องประชุมแล้วนะ ฉันคิดว่าพวกนายเองก็คงเสียขวัญเหมือนกันที่พี่ยามตายไป ไม่ต้องห่วงหรอกฉันจะตรวจสอบคนเดียวเอง”

          “ม..ไม่ใช่นะครับ เมื่อกี้พี่โตก็ยัง”

          “ฉันทำไมเหรอ”

          ไคก้มหน้าลง ดวงตาเบิกโพลงสั่นระริกไปด้วยความกลัว “พี่โตได้โทรบอกอะไรกับพี่โจบ้างหรือเปล่าครับ” บรรยากาศที่บันไดรอบตัวของไคตอนนี้เริ่มมืดครึ้ม

          “เปล่าหนิ” น้ำเสียงของโตดูเป็นปกติ ปกติต่างจากโตที่ได้คุยกันในห้องชมรมเมื่อก่อนหน้านี้

          (‘เดี๋ยว..เดี๋ยวก่อนนะ ถ้างั้นแล้วพี่โตที่อยู่ในห้องก่อนหน้านี้ล่ะ’) ไคพยายามกัดฟันควบคุมสติของตนให้คงอยู่

          “ไค ไค ฮัลโหลอยู่มั้ย”

          “ค...ครับ” ไคเริ่มพะวงหน้าพะวงหลัง

          “จากที่พี่ลองฟังๆ แกดูแล้ว รีบวิ่งออกมาจากอาคารเรียนเดี๋ยวนี้เลย มีเรื่องไม่ชอบกลแล้ว”

          “ด..เดี๋ยวก่อนนะครับ แต่ว่าพวกพี่อีฟกับพี่โจยังอยู่ด้วยกันข้างบนอยู่เลยนะครับ”

          “ตั้งสติให้ดีก่อนไค ฟังให้ดีนะรีบขึ้นไปพาทั้งสองคนออกมาจากตึกเร็วเข้า” โตพูดขึ้น

          “เอ่อ...พี่โตครับ” เสียงไคแลดูสั่น

          “ว่าไงเป็นอะไรไปไค ทำไมได้ยินเสียงไม่ค่อยชัด”

          “คือว่าพอลองมาคิดๆ ดูแล้ว คนที่เจอรูปภาพมนต์ดำก็เป็นผมสินะครับ แถมคนที่โดนเล่นงานวันนี้ ก..ก็เป็นผมอีก” เสียงไคไม่ค่อยสู้ดี

          “ใจเย็นๆ ก่อนนะไค พี่ไม่รู้หรอกว่าแกไปเจออะไรมาตั้งสติแล้วไปสมทบกับคนอื่นๆ ซะ ห้ามอยู่คนเดียวเด็ดขาด”

          บรรยากาศโดยรอบตัวไคเริ่มเย็นลง บริเวณบันไดที่ไคอยู่โดยรอบเริ่มมืดครึ้ม “จ...จะ ว่าไปตอนนี้มันเริ่มมืดลงแล้วนะครับ น..นี่พี่โตถ้าจำไม่ผิดมันเพิ่งจะหกโมงเองไม่ใช่หรือครับ ท...ทำไมมันถึงได้มืดสนิทยังกับเที่ยงคืนแบบนี้ล่ะครับ”

          “ไคฟังพี่นะ ซ่า~ซ่า~ วิ่ง ซ่า~ซ่า~ เร็วเข้า” เสียงสัญญาณเริ่มถูกรบกวน

          ไคกัดฟันทนต่อความหนาวเหน็บ (‘พ..พี่ โตที่อยู่ในห้องก็หลอกพวกพี่อีฟด้วยเหมือนกัน แม้แต่พี่อีฟก็ยังอ่านใจไม่ได้ ไม่สิถูกหลอกให้อ่านใจมากกว่า จากนั้นก็เดินออกนอกห้อง ถ้าเป็นไปตามบท พวกเราคุยกันด้วยท่าทีปกติ ต..แต่ว่าจู่ๆ มือถือของพี่โจดังขึ้น เตือนเฉพาะพี่โจ พี่โจเท่านั้น จ..จริงสิ..ร..เราอยู่ข้างๆ เลยได้ยินเด่นชัดว่านั่นเป็นเสียงของพี่โต ถ้าทำแบบนั้นคนที่จะออกไปนอกห้องได้เร็วที่สุดก็คือพี่โจ หรือไม่ก็พี่อีฟที่นั่งอยู่ใกล้ประตูที่สุด เพราะเราเองก็กำลังนั่งอยู่กว่าจะลุกออกไปก็คงไม่ทันพวกพี่ๆ แน่ นอกจากนั้นเรายังไม่สามารถแม้แต่จะขยับขาได้ ไม่ใช่เพราะเรากลัวจนก้าวไม่ออก แต่เป็นเพราะถูกดึงไว้ต่างหาก มันเหมือน...เหมือนกับตอนนี้’) ไคหน้าถอดสี ก้มลงมองแทบไม่เห็นขาของตัวเอง “ซ่า~ซ่า~ ผม..ซ่า~ซ่า~ เป็..ซ่า~น เป้..ซ่า~า หมา..ซ่า~ย ”

          “ไค ไคติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด”  สายของโตได้โดนตัดขาดไปแล้ว

          ไคพยายามก้าวขาซึ่งมันช่างหนักมากเหลือเกิน หนักจนเขาแทบจะล้มคุกเข่าลงกับขั้นบันไดและมองเห็นเงาลางๆ สีดำลอยอยู่เหนือหัวบันได ไคเอามือคลำที่ลำคอ ทว่าพระที่อีฟให้มาไว้นั้นไม่อยู่เสียแล้ว

          เด็กหนุ่มเริ่มรู้ตัวแล้วว่าตอนนี้เขาไม่สามารถจะต่อต้านอะไรได้  “ตึก ตึก ตึก” เสียงฝีเท้าเดิน      ลงบันไดมาในความมืด เงาสลัวจนมองไม่เห็นหน้าตา แต่เมื่อไคดูจากรูปร่างแล้ว น่าจะเป็นเด็กผู้ชายวัยเดียวกัน

          “ฉันล่ะเกลียดแกจริงๆ น่าจะตายๆ ไปซะ” น้ำเสียงแลดูหม่นหมอง เคียดแค้น กระซิบที่ข้างหูของไค ราวกับมีเรื่องบาดหมาง

ไคทำไม่ได้แม้แต่จะปริริมฝีปาก เขาอยากจะถามเหลือเกินว่าเด็กคนนั้นคือใคร

          “เอาล่ะจะได้จบกันสักทีนะ” หลัง สิ้นเสียงคำพูดก็เสมือนมีแรงผลักไคลอยกระเด็นตกจากขั้นบันไดลงมาหลายตลบจน นับไม่ทัน เสียงและความเจ็บปวดของเด็กหนุ่มเสียดสีกันรุนแรงมาก ตลบแรกเขาแทบอยากจะร้องอ๊าก ตลบที่สองรู้สึกราวกับซี่โครงจะหัก ตลบที่สามเขารู้สึกราวกับกะโหลกจะแหลก

          เขาแทบไม่รู้สึกอะไรอีกเลยหลังจากตลบที่สี่ จนกระทั่งไปกองอยู่ที่พื้น ความมืดมิดคลายลง เงาของเด็กหนุ่มปริศนาค่อยๆ มลายหายไป

ชั่วเวลาหนึ่งหลังจากนั้น

          “กรี๊ด!” เสียง เด็กผู้หญิงร้องดังลั่น เธอคือแอนนาที่เพิ่งจะตัดใจจากการรอเด็กหนุ่มนั่นเองเธอกำลังจะเดินลงบันได เพื่อกลับบ้าน ทว่าหัวใจของเธอแทบสลายเมื่อภาพที่เธอเห็นคือไคที่นอนจมกองเลือด แดงฉานจนข้นเกือบจะเป็นสีดำอยู่ที่ตีนบันได

 

โปรดติตามตอนต่อไป  

 

เอิ่ม...ขอบคุณทุกท่านที่ตามอ่านกันจนจบตอนเช่นเคยนะครับ

 

ปล. ฝากตอนต่อไปด้วยนะครับ

รักนะ คนอ่าน

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา