ชมรมวิจัยเรื่องลึกลับ (หลังเลิกเรียน)

6.8

เขียนโดย shotaro

วันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 เวลา 15.35 น.

  32 ตอน
  8 วิจารณ์
  37.62K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 15.39 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

10) คาบเรียนที่6 : คำสาป และ ชมรม

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

คาบเรียนที่ 6 : คำสาป และ ชมรม (บทครอบครัว)

          ใบหน้าของไคแสดงออกถึงความตกใจและสงสัย “รูปภาพหรือครับ”

          “เมื่อกี้อีฟโทรมาน่ะ บอกว่าจู่ๆ รูปภาพมันก็หายไปหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ” โจเอ่ยขึ้น

          “รูปภาพอะไรหรือคะ” โซเฟียถามเด็กหนุ่มที่กำลังสับสน

          “เรื่องมันยาวน่ะ” ไคยิ้มตอบให้สาวน้อยก่อนจะหันไปหาโต “พี่โตครับเราไปสมทบกับพวกพี่อีฟกันเถอะครับ”

          “น..นั่นสินะ” โตเหงื่อตกเขาใช้มือเกาคางทำท่าครุ่นคิด

          ทั้ง 5 คนเดินกลับขึ้นบันไดไปยังห้องชมรมโดยมีโตเดินนำหน้า สถานการณ์แลดูเคร่งเครียด แอ้ด โตแง้มประตูเปิดออก เมื่ออีฟเห็นว่าพวกไคกลับมาแล้วจึงรีบวิ่งไปสมทบ

          “เจอโซเฟียแล้วเหรอ” อีฟท่าทางดีใจเล็กน้อยที่เห็นเด็กหญิง

          “อื้ม แล้วเรื่องรูปภาพล่ะ” โตถามอย่างจริงจัง

          “มันอยู่ที่เดิมมาตลอด แต่พอหนูไปต้มน้ำชามาให้แทงค์กลับมาอีกทีก็หายไปแล้ว”

          “เป็นไปได้ว่าเจ้าของมนต์ดำจะเรียกกลับไป” โตขมวดคิ้วขณะกอดอก

          ไคเมื่อฟังความเห็นของประธานก็เกิดข้อสงสัย “รุ่นพี่ครับของแบบนั้นมันเรียกกลับไปกันได้ด้วยหรือครับ”

          “มันก็มีส่วนน่ะนะ เอาเถอะวันนี้เราแยกย้ายกันกลับบ้านก่อนจะดีกว่า เพราะมันก็ดึกมากแล้ว  อีกอย่างถ้าเจ้าตัวการมันเป็นคนเดียวกับที่แพร่งพรายความลับของชมรมเราขึ้น มาละก็” โตหลับตาลงก่อนจะพูดต่อ “บางทีหมอนั่นอาจจะต้องการเล่นงานชมรมเราก็เป็นได้”

          ทุกคนในห้องอยู่ในสภาพตึงเครียด ก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับบ้าน ไคหยิบกระเป๋าของตัวเองขึ้นมาสะพายไว้แล้วครุ่นคิด (‘ถ้าลองเรียงลำดับจากเหตุการณ์แล้วล่ะก็ จดหมายจ่าถึงชมรม ขอความช่วยเหลือ ข่าวลือ ไปเจอรูปภาพ คำสาป เดี๋ยวนะหรือว่า’)

          ไคที่ดูเหมือนจะคิดอะไรออกก็โพล่งออกมา ขณะที่ทุกคนกำลังทยอยออกจากห้อง “พี่โตเจ้านั่นกะจะเล่นงานพวกเราถึงตายครับ”

          โตหยุดชะงัก ก่อนจะหันหลังกลับมาหาเด็กหนุ่ม “หมายความว่าไง”

          “ลองคิดดูนะครับ เจ้านั่นร่ายมนต์สาปแช่งเสร็จแล้วก็กลายเป็นข่าวลือ ทว่ามันก็เป็นข่าวลือที่น่าจะนานมาหลายวันแล้ว เรากลับไม่เคยได้ยินผ่านหูมาจนกระทั่งถึงตอนนี้ ทั้งที่คนในชมรมเราก็มีกันเกือบทุกระดับชั้นถ้าเป็นข่าวลือมันก็น่าจะแพร่ กระจายจากเพื่อนรุ่นเดียวกันก่อนสินะครับ”

          “นั่นสินะพวกเราเองก็ไม่มีใครรู้เรื่องกันเลย นอกจากนั้นแม้แต่เพื่อนร่วมชั้นของพี่ก็ยังไม่เห็นคุยกันเรื่องนี้เลย”

          “ถ้าไม่ใช่ข่าวลือจาก ม.6 ของพี่โต ม.5 ของพี่อีฟกับพี่โจ ม.4 ของผมกับแอนนา ม.3 ของโซเฟีย ม.1 ของแทงค์ ละก็”

          “ม.2 งั้นเหรอ” โตกุมขมับ “ถ้าเป็นข่าวลือจากชมรมศิลปะก็น่าจะลือกันให้ทั่วทุกระดับชั้นสิ แต่ทำไมถึงมีแต่ ม.2 ”

          “ก่อนอื่นผมจะขอสันนิษฐานถึงเจ้าตัวการก่อนนะครับ หมอนั่นตั้งใจที่จะแพร่ข่าวลือเรื่องรูปภาพ ให้มาถึงหูของชมรมเราแต่ทว่า พวกในชมรมศิลปะที่เจอเรื่องแบบนี้กลับกลัวจนต้องปิดเงียบเอาไว้ ข่าวลือจึงแพร่อยู่ในวงเล็กๆ เท่านั้น ถ้าเราไม่ส่งพี่โจหรือแทงค์กับโซเฟียไปสอบถามก็คงไม่ได้คำตอบกลับมาเช่นกัน แถมหมอนั่นไม่สามารถแพร่ข่าวลือตามระดับชั้นของพวกเราได้เพราะตัวเองอยู่ เพียง ม.2 ดังนั้นวิธีที่เหลือก็คือ”

          “ส่งจดหมายถึงตัวชมรมด้วยตนเอง” โตเหงื่อตกเขาสนใจในคำพูดของไคมากขึ้น

          “ใช่ครับ ไม่เหมือนกับคนอื่นๆ ที่เจอเรื่องแบบนี้แล้วจะหนี หมอนั่นเล็งเป้าไว้ให้เราไปสืบค้นตั้งแต่แรก คงเป็นเพราะถ้าเป็นพวกเราจะต้องตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนจนโดนคำสาปเล่นงานแน่ๆ ไม่มากก็น้อย แต่เจ้านั่นคงจะไม่รู้เรื่องของชมรมเรามากนัก ดูจากที่มันมองข้ามพลังของพี่โตไป ซึ่งถ้าหากเราไม่มีพลังของพี่โตป่านนี้ผมคงจะโดนคำสาปไปเต็มๆ แล้วล่ะครับ”

          “ถ้าแบบนั้นชมรมก็ตกอยู่ในอันตรายน่ะสิ แต่ว่าเป็นแค่เด็ก ม.2 จริงๆ น่ะเหรอที่ทำได้ถึงระดับนี้”โตก้มหน้าลง “บางทีเจ้านั่นอาจจะไม่ใช่แค่เด็ก ม.2 แต่เป็นอาจารย์หรือไม่ก็คนนอกก็ได้นะไค”

          “ความเป็นไปได้ยังมีอีกหลายทางสินะครับ” ไคดูเครียดมากขึ้นทุกที

          “นี่กริยาเสร็จหรือยัง ที่เธอบอกให้ไปพักบ้านเธอน่ะเราว่าจะลองไปดูนะ” แอนนาตะโกนกลับมาในห้องซึ่งตอนนี้เหลือเพียงโตกับไค

          “โอ๊ะโอ๊ะโอ๋ ถึงขั้นชวนเข้าบ้านแล้วเหรอร้ายไม่เบานะ”  โตหัวเราะร่วน

          “แอนนาเรื่องแบบนี้ใครเขาตะโกนบอกกันให้ลั่นห้อง” ไคหน้าแดงราวกับลูกเชอรี่

          “ฮิฮิฮิ พูดแบบนั้นแต่ตัวเองกลับตะโกนลั่นเชียวนะไค พี่ไปล่ะไม่อยากเป็น ก ข ค” โตพูดเล่นก่อนที่จะเดินออกนอกห้องไป

          “เรื่องแบบนี้” แอนนาก็ยังคงสงสัยในคำพูดของเด็กหนุ่มต่อไป

          เมื่อทุกคนแยกย้ายกันกลับหมดแล้วไคจึงเดินพาแอนนากลับไปยังบ้านของตน ทั้งสองเดินลงบันไดในความมืดซึ่งทำให้ดูวังเวงมากขึ้นเรื่อยๆ ไปทีละชั้น ทีละชั้น อย่างช้าๆ ผ่านเงามืด และภูตผีวิญญาณในโรงเรียนทีละตน ไคจึงแทบจะต้องมองแต่พื้นขณะเดินลงบันไดเพื่อหลีกเลี่ยงการมองเห็นสิ่งเหนือ ธรรมชาติต่างๆ แอนนาที่ก็กลัวกับบรรยากาศในตอนนี้จึงโอบรัดแขนของเด็กหนุ่มไว้แน่น

          ทั้งสองเดินลงจนมาถึงชั้นหนึ่ง แล้วเดินกันจนมาถึงประตูรั้วของโรงเรียนที่ดูจะปิดล็อกสนิทตามเวลาของ โรงเรียน ซึ่งดูไม่น่าจะแปลกใจเลยเนื่องจากตอนนี้ก็สามทุ่มกว่าแล้ว

          “สงสัยคงต้องปีนรั้วออกไปสินะ” ไคเงยหน้ามองรั้วโรงเรียนซึ่งสูงราวสามเมตรต้นๆ

          “ไม่ต้องห่วงหรอก” ยามโรงเรียนออกมาจากป้อม ถือพวงกุญแจเดินมาหาเด็กหนุ่ม

          (‘ฉิบหายแล้วยาม โดนทำโทษแน่ตู’) ไคมองซ้ายแลขวาดูลุกลี้ลุกลน ขณะที่แอนนายืนอยู่นิ่งๆ เฉยๆ

          “เป็นเพื่อนกับเจ้าโตใช่มั้ยล่ะนั่น” ยามยิ้มให้เล็กน้อย

          “ฮะ! ยามรู้จักกับพี่โตด้วยหรือครับ” ไคทำหน้าเหวอ

          “โฮะโฮะโฮะ สนิทกันเลยล่ะ” ยามชูนิ้วโป้งขึ้น ดูเหมือนจะเป็นการรับประกันไปในตัว “พี่ รู้จักกับมันมาตั้งแต่สมัยมันอยู่ ม.1 แล้วน้องเอ้ย เจ้านั่นน่ะนะมันกลับดึกบ่อยจะตาย ไม่ต้องห่วงหรอกเมื่อตะกี้มันก็ฝากพี่เปิดประตูให้น้องแล้ว”

          (‘พ..พี่โตรู้จักกับยามด้วยหรือวะเนี่ย’)

          ยามค่อยๆ เดินไปที่ประตูรั้วเสียบลูกกุญแจลงไปในแม่กุญแจ แกร่ก แอ้ด เอี๊ยด! หลังจากไขประตูรั้วเสร็จจึงเลื่อนเปิดให้ ส่งเสียงเหล็กเสียดสีดังสนั่น

          “ขอบคุณครับ/ค่ะ” ไคกับแอนนาพนมมือไหว้ขอบคุณพี่ยาม แล้วจึงพากันเดินออกนอกโรงเรียนไป

          เมื่อเดินไปตามถนนผ่านสี่แยก และสถานที่ต่างๆ ไปตามทางจนกระทั่งถึงบ้านเดี่ยวหลังหนึ่งในหมู่บ้านเล็กๆ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนมากนัก ลักษณะเป็นบ้านหลังคามุงกระเบื้องสีแดงสูงสองชั้น ตัวบ้านสีขาวขุ่น มีระเบียงโผล่ออกมานอกตัวบ้านจากชั้นสอง ไคกดกริ่งหน้าบ้านหลังนั้นหนึ่งครั้ง ปิ้งป่อง!

          “ค่า ค่า มาแล้วค่าพี่ยา” น้อง สาวสุดสวยของไค เธอตัวสูงกว่าพี่ชายเธอราวเซ็นสองเซ็นหน้าตาสะสวย ผมดำยาวสลวยปรกหลัง ผิวขาวเหมือนดั่งสีหิมะ ดวงตาสีน้ำตาลดำ วิ่งมาต้อนรับด้วยรอยยิ้มที่ร่าเริง แต่ทว่าเด็กหนุ่มกลับต้องชะงักขาสั่น เมื่อก้มลงไปเห็นในมือของเธอกำสากกะเบือขนาดใหญ่อย่างแน่นจนเห็นเป็นเส้น เลือดปูดออกมา

          “ก..ก..กลับ..กลับมาแล้วจ้า..จ..จีนจ๋า” ไคเหงื่อแตกท่วมตัว

          “มีอะไรหรือกริยาไข้ขึ้นรึเปล่า” แอนนาที่หลบอยู่หลังไคเอ่ยขึ้น

          “เห…ไอ้เราก็คิดว่าทำไมกลับดึกที่แท้ก็ไปอยู่กับนังนี่สินะ นี่แม่ไม่อยู่พาสาวเข้าบ้านเชียวหรือไอ้คุณพี่ชาย” จีน ขมวดคิ้วพูดด้วยอย่างช้าๆ จนดูสยองไปเลยทีเดียว ถึงเธอจะดูสวยงามและน่ารักเพียงไหนแต่ทว่าตอนนี้สำหรับไคแล้ว เธอดูน่ากลัวซะยิ่งกว่าพี่อีฟในโหมดโหดเสียอีก

          “เอ๋” แอนนาเอียงคอสงสัยด้วยแววตาใสซื่ออย่างทุกที

          “นังนี่มาทำตาแป๋วยั่วพี่ชายฉันแบบนี้นี่เองสินะ” เธอค่อยๆ ชูสากกะเบือขึ้น

          “โอ้เฮ่ยพอได้แล้ว จะเป็นฆ่าตกรหรือไงยัยน้องบ้านี่” ไคที่เหมือนจะจนตรอกแล้วตะโกนขึ้น

          “ถึงขั้นว่าน้องที่แสนน่ารักอย่างหนูได้นี่ ตายซะเถอะนังมารยาร้อยเล่มเกวียน” จีนฟาดสากกระเบือลงมายังกลางศีรษะเด็กหนุ่ม

          “ฟั่บ” ไคทำท่าประกบดาบรับได้ทันท่วงที “จะฆ่ากันรึไงฮะ”

          แอนนาที่ยืนมองพี่น้องทะเลาะกันก็เกิดหัวเราะในความน่ารัก(มั้ง)ของทั้งสองคน “คิกๆ เป็นพีน้องที่แปลกดีจัง”

          “มันตลกตรงไหนวะ/ตลกนักเหรอ” ทั้งคู่ที่หันหน้ามาทางแอนนาพูดพร้อมกัน ทำให้แอนนาอดกลั้นจะหัวเราะน้ำตาเล็ดไว้ไม่อยู่ “คิกๆ ฮ่าฮ่าฮ่า”

          บรรยากาศเปลี่ยนไปในทันตา ทั้งสามคนเดินเข้าบ้านแล้วจึงมานั่งปรับความเข้าใจกันที่ห้องรับแขก

          “ก็ประมาณนี้แหละนะ” ไคที่อธิบายเสร็จก็ยกแก้วน้ำชาขึ้นมาจิบหนึ่งอึก

          จีนหลับตาขมวดคิ้วขณะพูด “อย่างนี้นี่เองเพราะเป็นสาวน้อยจากดวงจันทร์จึงต้องคอยอยู่กับพี่ชายตลอดเวลา แถมไม่มีบ้านให้กลับด้วยเลยจะมาขออาศัยอยู่ที่นี่สินะ ใครมันจะไปเชื่อกันยะไอ้พี่บ้าแก้ตัวน้ำขุ่นๆ อยากตายหรือยะ” เธอลุกขึ้นยืนกระโดดบีบคอพี่ชายอย่างรวดเร็ว

          “อ่อกๆ อั่กๆ คร่อกๆ แคร่กๆ” ไคทำทีจะหายใจไม่ออก “แกร๊ก”

          “กรี๊ด กระดูกคอพี่จ๋าหักซะแล้ว” จีนรีบคลายมือออกทันที “ไม่นะไม่ ฉันเป็นฆาตกรไปแล้ว ด..เดี๋ยวก่อนต้องใจเย็นเข้าไว้ ก่อนอื่นต้องฆ่าปิดปากนังนั่นแล้วซ่อนศพให้มิด” จีนหันซ้ายมาจ้องหน้าแอนนาตาเขม็ง

          “ว..เวอร์..เวอร์ไปแล้ว..ย..ยัยจีน…ค..คอเคล็ดเฉยๆ แหละ ป..ไปเอาน้ำแข็งมาประคบ..ท..ที” ไคที่ล้มไปกองกับพื้นพยายามห้ามน้องสาวก่อนที่เธอจะกลายเป็นฆาตกรไปจริงๆ

          จีนที่เห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งตรงไปยังห้องครัวทันที

          “อ..เอ่อ..ขอโทษที่มารบกวนนะคะ ถ้าเราเป็นปัญหาก็ไม่เป็นไรหรอกกริยา” แอนนายิ้มให้เด็กหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิดและเกรงใจ

          “ไม่เป็นไรหรอกยัยนั่นก็เป็นแบบนี้ทุกทีที่ฉันกลับดึกแหละ วันไหนแม่ไม่อยู่ก็จะเป็นแบบนี้เหมือนกัน” ไคพยายามทรงตัวลุกขึ้นนั่งโซฟา

          “แต่ว่า…”

          “อยู่ๆ ไปเถอะน่า”

          “ใช่ค่ะพี่แอนนาไม่ต้องกลับหรอก พวกเราก็แค่แซวเล่นๆ ตามแบบพี่น้องตระกูลอุ่นใจนั่นแหละค่ะ” จีนเดินกลับออกมาจากห้องครัวอย่างรวดเร็วพลางยิ้มขณะพูด

          “ด..เดี๋ยว จ..จีนพูดแบบนั้นแต่ในมือเธอยังถือสากกะเบืออยู่เลยนะ” (‘เห็นเข้าครัวไปก็นึกว่าจะเอาน้ำแข็งมาให้’)

          “แหะๆ ก็หนูกะว่าจะแซวเล่นต่ออีกซักนิดหน่อยนี่นา” จีนแลบลิ้นขณะพูดเล็กน้อยแลดูน่ารักดี (ในหลายๆ ความหมาย)

          “พอเลยๆ” ไคทำน้ำเสียงเข้มขึ้น ค่อยๆ ยกน้ำชากลับมาจิบอีกอึก

          “เสียงเอะอะโวยวายอะไรกันน่ะลูก” เสียงผู้ชายวัยกลางคนพูดขึ้นขณะเดินลงบันไดชั้นสอง “โอโหเฮะ ขาวสวยเชียวนะ ไอ้ยาลูกพ่อช่างสรรหา” ชาย คนนั้นก็คือพ่อของไคนั่นเอง ส่วนสูงของเขาราวๆ 180 เซนติเมตร แต่งชุดนอน ไว้ผมยาวปรกต้นคอทรงเดียวกับลูกชาย หุ่นค่อนข้างดูดี ผิวสีแทน มีหนวดเคราหร็อมแหร็ม ดวงตาสีน้ำตาลดำเหมือนลูกๆ ใบหน้าดูเป็นผู้ใหญ่ใจดี

          “พ..พ..พ่อ” ไคร้องเสียงหลง

          พ่อค่อยๆ เดินผ่านจีนเข้ามาหาไคพลางกระซิบที่ข้างหู “คืนนี้เบาๆ หน่อยล่ะ” น้ำเสียงช่างดูเป็นตาลุงเข้าไปทุกที

          “อยากตายเรอะ ตาแก่ลามก” จีนฟาดสากกระเบือตามเคย

          “ฟั่บ” พ่อกับลูกคู่นี้ช่างเหมือนกันเสียนี่กระไร เขาหันตัวเข้ารับด้วยท่าประกบดาบอย่างทันท่วงที

          “คิกๆ กริยานี่มีครอบครัวที่อบอุ่นจังเลยนะ” แอนนายิ้มขำ

          ทั้ง 4 คนก็กลับมาร่วมโต๊ะคุยกันตามปกติอย่างเดิม ช่างดูเป็นครอบครัวที่อบอุ่นราวกับความฝันของใครหลายคน ขณะนี้เวลา 4 ทุ่มเข้าไปแล้ว จึงเริ่มแยกย้ายกันเข้าห้องนอน

          ไคที่กำลังจะเดินกลับห้องของตัวเองก็เกิดนึกขึ้นได้ “ว่าแต่จะให้แอนนานอนห้องไหนดีหรือครับคุณพ่อ”

          “ก็ห้องแกสิ คิกๆ ฮ่าฮ่าฮ่า” ช่างเป็นพ่อที่เหมือนตาลุงขี้เมาเสียนี่กระไร

          “งั้นแอนนาเธอนอนห้องข้างๆ ห้องรับแขกนี่ละกันนะ มันยังว่างอยู่” ไคทำหูทวนลมใส่พ่อก่อนที่จะหันมาพูดกับแอนนา แล้วเดินขึ้นบันไดไป

          “อื้มนี่กริยา”

          “อะไรเหรอ”

          “คือว่าขอบใจนะ” เธอเว้นช่วงไว้นานราวๆ สามวิก่อนจะเอ่ยขอบคุณเด็กหนุ่มที่ให้ที่อยู่แก่เธอ

          “สบายมาก” ไคยิ้มพลางชูนิ้วโป้งขึ้น

          ทุกคนต่างแยกย้ายกันเข้าห้องของตน ค่ำคืนกลิ่นไอแห่งความสุขนี้ก็เริ่มที่จะหมุนเวียนผ่านไปตามเข็มนาฬิกาอีก คืนเช่นเคย ไคที่นอนอยู่ในสภาพดิ้นไปมาหลับไม่ลงสักทีคิดในใจ (‘ถ้า เจ้าคนที่ร่ายมนต์ดำนั่นไม่ใช่เอธรแล้วจะเป็นใครกันล่ะ เจ้านั่นจงใจเล่นงานคนในชมรมของเรามันเป็นใครกันนะ ทำไมถึงต้องทำกันขนาดนี้ด้วยนะ’) เวลาผ่านไปอย่างไม่รอใคร ไคที่คิดวกไปวนมาอย่างหาข้อสรุปไม่ได้จนถึงเช้าวันถัดมาค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียงพลางหาวเล็กน้อย

          “พี่คะเช้าแล้วนะ เดี๋ยวก็ไปโรงเรียนสายหรอก อุตส่าห์เป็นวันศุกร์ทั้งที” จีนตะโกนขึ้นมาจากชั้นล่าง

          “อา..ไม่ต้องปลุกก็ได้น่า ฉันยังไม่ได้นอนเลยด้วยซ้ำ” ไคพึมพำกับตัวเองในระหว่างแต่งตัวเป็นชุดนักเรียน แล้วเดินลงไปแปรงฟันยังห้องน้ำชั้นล่าง

          “พี่คะ แปรงฟันทั้งชุดนักเรียนเดี๋ยวก็เลอะเทอะหรอก”

          “อ้างอันเออะอ้า (ช่างมันเถอะน่า)” ไคเอ่ยขึ้นขณะแปรงฟัน

          “กริยาเราทานข้าวเสร็จแล้วนะ เร็วๆ หน่อยสิ” แอนนาตะโกนมาจากห้องอาหาร

          (‘ยัยนี่ตื่นเช้าชะมัด’) ไคคิดขณะกำลังบ้วนปาก “อื้อๆ เสร็จแล้วๆ” เด็กหนุ่มก้าวเดินออกมาจากห้องน้ำ พลางคว้าผ้าขนหนูมาเช็ดหน้า

          “กับข้าวเช้านี้เป็นโจ๊กนะคะ” จีนค่อยๆ ยกชามอาหารมาวางบนโต๊ะให้เด็กหนุ่ม

          “แล้วพ่อล่ะ” ไคเอื้อมมือคว้าช้อน

          “พ่อออกไปตั้งแต่ตีห้าแล้วค่ะ เห็นว่ามีงานด่วนน่ะ”

          ไคค่อยๆ ทานอาหารจนเสร็จแล้วเดินไปล้างมือ ก่อนที่จะคว้ากระเป๋าเดินออกไปนอกบ้านพร้อมกับแอนนา โดยมีจีนเดินตามหลังแล้วแยกทางไปตามโรงเรียนของตนเอง

          “ว่าแต่..นี่เธอน่ะ คงไม่ได้ไปดูดอายุขัยของใครเข้าหรอกนะ” ไคถามด้วยทีท่าปกติ

          “ไม่รู้เหมือนกันนะ แต่ว่าเราก็พยายามออกห่างจากจีนแล้วก็พ่อของเธออยู่แล้วล่ะ คงจะไม่เป็นไรหรอก”

          “อยู่บ้านเดียวกันแต่ถ้าต้องพยายามอยู่ห่างๆ กันคงจะลำบากน่าดู ขอโทษด้วยนะ” ไคเอ่ยขึ้นอย่างรู้สึกผิด

          เมื่อแอนนาเห็นเด็กหนุ่มซึมเศร้าเธอจึงตบไหล่เด็กหนุ่มเบาๆ พลางพูดด้วยรอยยิ้ม “เธอไม่ใช่คนที่ควรจะมาขอโทษหรอก เราต่างหากที่ต้องขอบคุณ ขอบคุณนะที่ให้ที่อยู่กับเราน่ะ” แอนนาพูดเสร็จจึงเดินนำหน้าเด็กหนุ่มไปโรงเรียน

          เนื่องจากวันนี้ทั้งสองคนเดินมาโรงเรียนพร้อมกัน จึงเริ่มมีคนนินทากันเล็กน้อยระหว่างทาง ทำให้ไคเริ่มที่จะอายเล็กน้อย แต่เขาก็พยายามทำตัวปกติเข้าไว้

          “อ๊ะกริยา” เสียงของหญิงสาวดังขึ้น เธอคนนั้นก็คือครูนวลจันทร์นั่นเอง

          “อาจารย์สวัสดีครับ” ไคก้มลงไหว้สวัสดีตามเคย 

          “คนนี้ใครหรือกริยา” แอนนาเอ่ยทักขึ้น ขณะที่มองดูอาจารย์ด้วยท่าทีสงสัย

          “นี่เธอไม่รู้จักหรือ คุณครูนวลจันทร์ไง ที่สอนวิชาวิทยาศาสตร์ให้ ม.6 น่ะ” ไคอธิบายให้แอนนาฟัง

          “เอ๋ ถ้างั้นก็สวัสดีค่ะ” แอนนาก้มลงไหว้สวัสดี เธอดูดีใจมากที่ได้รู้จักกับคุณครู

          “สวัสดีจ้ะ” ครูนวลจันทร์ยิ้มให้เด็กสาวเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปในอาคารเรียน

          “โอส นั่นไคกับแม่สาวดวงจันทร์นี่นา” โตซึ่งเดินอยู่ข้างหลังพอสังเกตได้ว่าเป็นทั้งสองคนจึงเข้ามาทักทายตามประสารุ่นพี่

          “สวัสดีครับ พี่โต”

          “วันนี้ก็จู๋จี๋กันตามเคยนะพวกนายสองคนเนี่ย” โตนำมือมาพาดบนไหล่ไค

          “เลิกแซวซักทีเถอะครับ” ไคพูดพลางค่อยๆ ยกมือของโตออกจากไหล่

          โตยื่นหน้ามากระซิบที่ข้างหูของเขาเบาๆ “เย็นนี้มารวมตัวกันที่ชมรม ให้แม่สาวจากดวงจันทร์กับพวกเด็กๆ กลับบ้านไปก่อนได้เลย ท่าจะอันตรายพอดู”

          ไคกระซิบตอบโดยไม่ให้แอนนาที่อยู่ข้างหลังได้ยิน “ก..เกิดอะไรขึ้นหรือครับ”

          “เราจะต้องประชุมกัน ข่าวนี้พี่ก็เพิ่งได้ยินเหมือนกัน พี่ยามตายแล้วเมื่อเช้ามืดนี้ ตอนนี้ศพอยู่ที่โรงพยาบาลแถวโรงเรียน”

 

 

โปรดติดตามตอนต่อไป..

 

 

ยะโฮ!!^o^ สวัสดีครับทุกคน  ขอขอบคุณที่ช่วยอ่านกันจนจบไปอีกตอนนะครับ

=w= เป็นไงบ้างครับตอนนี้ ….> <” ลุ้นจริงๆว่าท่านผู้อ่านจะคิดกันยังไง เพราะไรเตอร์เองก็ยังหวั่นๆอยู่เลยว่าจะแต่งออกมาได้ดีรึเปล่า!?=^= ทว่าก็แต่งมาแล้วนี่นะ!!

สำหรับตอนต่อไปกระผมก็ขอฝากตัวด้วยเช่นเคยนะครับ ^^

  

 ปล.รักนะคนอ่าน                                                                                                       

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา