Hexe
9.4
เขียนโดย Ejichiki
วันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 เวลา 11.28 น.
5 บทที่
2 วิจารณ์
8,660 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 12.23 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) ผู้สืบทอด ( Part 3 )
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ชุดสีแดงพลิ้วไสวผ่านหน้าเชอร์วูดไปก่อนที่เจ้าของชุดนั้นจะนั่งแหมะลงตรงเก้าอี้อีกฟากโต๊ะของเชอร์วูด แม่มดแดงเซราฟีมส่งยิ้มละไมให้แม่มดขาว เธอหยิบถ้วยอีกใบขึ้นมาจิบเพื่อซึมซับความสงบและปลดปล่อยจิตวิญญาณให้ดื่มด่ำไปกับรสชาติและความละมุนของชา เชอร์วูดไม่ได้ว่าอะไรกับสิ่งที่เซราฟีมแสดงออก เพราะนี่ก็เป็นความสุขอีกอย่างของเธอเหมือนกัน และมันก็ทำให้เธอนึกถึงเพื่อนอีกคนหนึ่งขึ้นมา เพื่อน.. คนที่อยู่กันคนละฟากความเชื่อมั่น
" เด็กคนนั้นเป็นยังไงบ้าง ? " เชอร์วูดเอ่ยถามเซราฟีม เมื่อเธอเห็นว่าเซราฟีมพร้อมที่จะคุยแล้ว
" จ๊ะ เรียบร้อยแล้ว เด็กคนนั้นเป็นส่วนหนึ่งของพวกเราแล้วล่ะ ส่วนคนที่จะนำทางให้คือแม่มดอาวุโส ท่านชารอนจ๊ะ"
"ห๊า!! ว่าไงนะ"
เชอร์วูดแทบจะกรี๊ดเมื่อได้ยินชื่อนี้ สำหรับแม่มดนั้น อย่างที่รู้กันว่าสำหรับแม่มดทุกคนจะมีอาจารย์แค่คนเดียว(ส่วนอาจารย์จะมีศิษย์กี่คนก็ได้ แต่ส่วนใหญ่มักจะสอนแค่คนเดียว) และการที่มีอาจารย์คนเดียวนั้น ทำให้บางครั้งก็มีกรณีที่อาจารย์ตายก่อนที่ศิษย์จะสืบทอดเวทย์มนต์ของอาจารย์คนนั้นๆสำเร็จ และในกรณีนี้เอง ผู้ที่จะรับช่วงต่อจึงมีสถานะเป็นผู้นำทางเพื่อช่วยเหลือแก่แม่มดฝึกหัดคนนั้นนั่นเอง
แต่ที่เชอร์วูดตกใจมันไม่ใช่แค่นั้นหรอก
" ทำไมยัยแก่นั่นถึงรับดูแลเด็กคนนั้น ? ทำไมไม่ให้แม่มดอาวุโสท่านอื่นดูแลไป อย่างท่านเวียร์นิลก็ยังดี ทำไมถึงปล่อยให้ผู้สืบทอดของท่านกิลเกียนูตกไปอยู่ในมือของยัยแก่นั่นได้ "
" โธ่ เชอร์วูดก็พูดเกินไปนะจ๊ะ ท่านชารอนก็ดีออก ท่านเองก็เป็นสหายสนิทของท่านกิลเกียนู แถมท่านชารอนยังเป็นคนออกปากเองด้วยนะจ๊ะว่าจะดูแลเด็กคนนั้น เชอร์วูดเองก็อย่าคิดมากเกินไปเลยจ๊ะ เดี๋ยวจะแก่เร็วกว่าแม่มดทั่วไปนะเอ้า "
แม่มดขาวกุมขมับตัวเองพักใหญ่ พลางนึกถึงประสบการณ์แย่ๆที่เคยพบเจอมา ไม่สิ.. มันน่าจะเรียกว่าประสบการณ์เลวร้ายน่าจะเหมาะกว่า ว่าไปแล้วก็น่าจะยกนิ้วให้แม่มดอาวุโสชารอนไปเลยดีกว่า ที่สามารถล้างสมองแม่มดคนอื่นๆให้คิดว่าตัวเธอเป็นแม่มดที่น่านับถือสุดๆได้ ทั้งวงการแม่มดถ้าไม่นับแม่มดอาวุโสคนอื่นๆกับแม่มดเก่าแก่ๆหน่อยล่ะก็ คงมีแค่เชอร์วูดนี่ล่ะ ที่รู้จักตัวตนของชารอนดีกว่าใครๆ
แน่ล่ะ !! ก็ชารอนเป็นอาจารย์ของเธอนี่นา
เธอยังจำวันนั้นได้ดี วันที่อุ้งมือมารยื่นมาให้เธอในครั้งแรก รอยยิ้มดั่งแม่พระกับท่าทางอันองอาจที่ยื่นลงมาให้เด็กกำพร้าพ่อแม่จากภัยสงครามและโรคระบาดในตอนนั้น มันเปรียบเสมือนดั่งเอื้อมมืออันอ่อนหวานของเทพธิดาเลยทีเดียว และทันทีที่เด็กน้อยเชอร์วูดหลวมตัวเอื้อมคว้ามือนั้นไว้
เด็กหญิงเชอร์วูดผู้บริสุทธิ์ไร้เดียงสาก็ได้รู้จักความเป็นจริงของโลกในบัดดล
กว่าร้อยปีที่เชอร์วูดต้องจำทนกับการกระทำแย่ๆของอาจารย์ตัวเอง เชอร์วูดยังจำได้ดีถึงวันคืนที่เธอโดนไล่ตะเพิดออกจากโรงแรมเพราะอาจารย์ของเธอไปขโมยนาฬิกาเก่าแก่ที่ห้อยหราในตู้กระจกโรงแรมแห่งนั้นด้วยเหตุผลที่ว่ามันสวย? หรือการที่โดนไล่กวดจนต้องหนีหัวซุกหัวซุนตอนที่กินข้าวแล้วดันไม่ได้พกเงินมาสักแดงเดียว ความหลังฝังใจระหว่างเชอร์วูดกับชารอนนั้นมีมากมายจนบรรยายไม่หมดชั่วข้ามคืน แต่ที่เชอร์วูดจำได้แม่นที่สุดก็คือการที่เธอถูกอาจารย์ทิ้งไว้ในศูนย์กลางศาสนจักรคนเดียวตอนไม่มีข้าวกินจนหวิดเกือบโดนเผาทั้งเป็น
ซึ่งสิ่งเหล่านี้แหละ ที่หล่อหลอมเชอร์วูดให้แข็งแกร่งทั้งกายและใจ!!
แม้มันจะเป็นความทรงจำที่ไม่ค่อยจะดีนัก แต่เธอก็ต้องยอมรับว่าตัวของชารอนนั้นมีความสามารถ แม้จะมีนิสัยประหลาดๆแต่เวทย์มนต์ของเธอนั้นสุดยอดและทรงพลังมาก ถ้าตัดนิสัยแย่ๆของเธอออกไปได้ล่ะก็ ชารอนก็คงอาจจะเป็นแม่มดอาวุโสที่น่านับถือที่สุดรองจากกิลเกียนูเลยก็ได้
" เอาเถอะ เรื่องนี้มันช่วยอะไรไม่ได้แล้ว เราก็ไปกันเถอะ "
" ไปไหนเหรอจ๊ะ ? " เซราฟีมถามเชอร์วูด
" กลับบ้าน "
" เอ่อ ตอนนี้คงยังไม่ได้หรอกจ๊ะ "
" หือ? "
เชอร์วูดนิ่งไปสักครู่ เธอมองตาของเซราฟีมที่นั่งอยู่ด้านหน้า
" เธอจะอยู่เที่ยวที่นี่อีกหน่อยเหรอ ? หรือว่าจะปล่อยตัวแล้วค่อยกลับ ? "
เชอร์วูดตั้งคำถามให้เซราฟีมสองข้อ ถึงพวกเธอจะเป็นเพื่อนสนิทกันมาก แต่ยังไงพวกเธอก็ไม่ใช่คนๆเดียวกันที่จะต้องคอยตามกันและกันเสมอไป บ่อยครั้งที่พวกเธอทั้งคู่มาที่นี่แล้วต่างคนต่างไป และมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่คราวนี้เซราฟีมจะขอแยกตัวไปก่อน เชอร์วูดคิดว่าเซราฟีมอาจจะอยากอยู่เที่ยวเล่นในอิกซ์เตรียก่อน เพราะช่วงนี้พวกเธอทั้งสองก็ยุ่งๆไม่ค่อยมีเวลาได้ผ่อนคลาย หรือไม่เซราฟีมก็คงอยากจะปล่อยตัวเพื่อให้จิตวิญญาณได้หลอมรวมเข้ากับธรรมชาติเพื่อสื่อสารกับเหล่าภูติก็เป็นไปได้เหมือนกัน
" นั่นก็เปล่าจ๊ะ แล้วก็ไม่ใช่เเค่เราหรอกนะจ๊ะ แต่เป็นพวกเราสองคนต่างหากล่ะ "
" พวกเรา ...สองคน "
เชอร์วูดเงียบเสียงไปเล็กน้อย เธอใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีในการนึกความหมายในคำพูดของเซราฟีม และชั่วเสี้ยววินาทีที่คำตอบผุดขึ้นมาจากหัว
" เซราฟีม อย่าบอกนะว่าเธอ "
เชอร์วูดต้องเงียบเสียงลงอีกครั้ง สาเหตุก็เพราะเธอรู้สึกได้ถึงสัมผัสบางอย่างบนหัวไหล่ พลันหญิงสาวชายหางตาไล่ไปที่หัวไหล่ของตนก็พบกับมือของใครสักคนวางอยู่ และเมื่อเธอชายตาไล่ตามมือนั้นไป เธอก็พบกับหญิงสาวอีกคนผู้มีเรือนผมสีขาวยาว หน้ากลมเกลี้ยงหมดจดผิวขาวเนียน และมีดวงตากระด้างดั่งปลาตายยืนอยู่ด้านหลัง
" ใช่แล้วจ๊ะเชอร์วูด "
เซราฟีมยิ้มหวานให้เชอร์วูด เชอร์วูดถึงกับเหงื่อกาฬไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว สำหรับเซราฟีม เธออาจจะไม่ได้คิดอะไรมากมายกับรอยยิ้มที่มอบให้กับเชอร์วูด แต่สำหรับเชอร์วูดมันก็เหมือนกับรอยยิ้มของมารร้ายดีๆนี่เอง
" พวกเรามีภารกิจใหม่ "
**************************************************************************
ถนนสายเล็กที่สร้างจากหินสีขาวน้อยใหญ่ทอดเรียงตัวกันยาวเหยียดลึกเข้าไปในตัวป่าด้านหลังปราสาทกลาง เด็กหญิงหนึ่งคน กับแม่มดอีกหนึ่งกำลังเดินก้าวย่างเชื่องช้าไปตามเส้นทางนั้น แม้ว่าความเร็วในการเดินของทั้งคู่จะจัดได้ว่าช้ามาก ช้าจนเก้งกวางแถวนั้นเดินผ่านไปจนหมด แต่ทั้งคู่กลับดูสงบ สุขุมในทุกย่างก้าว ถึงจะมีการวอกแวกภายในดวงตาของเด็กหญิงบ้างก็ตาม
" เจ้ากังวลหรือ " แม่มดถามเด็กหญิง
" อื้อ "
แม่มดยิ้มที่มุมปากเมื่อได้รับคำตอบของเด็กหญิง แน่นอน เธอย่อมรู้อยู่แล้ว ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้เข้ามาสถานที่นี้ในครั้งแรกย่อมรู้สึกกังวลสับสนเป็นธรรมดา ถึงแม้แม่มดฝึกหัดคนนั้นจะเคยชินกับที่อยู่ของอาจารย์ก็ตาม แต่อิกซ์เตรียนั้นแตกต่าง ที่นี่เป็นศูนย์รวมของแม่มด ถึงส่วนใหญ่ที่อยู่อาศัยของแม่มดจะไกล้ธรรมชาติซึ่งมีลักษณะและบรรยากาศไกล้เคียงกับที่นี่ แต่ความหนาแน่นของพลังเวทย์ที่ไหลเวียนอยู่นั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุผลที่เหล่าแม่มดฝึกหัดรู้สึกแบบตอนนี้ เธอยังจำตอนที่ตัวเองเข้ามาที่นี่ครั้งแรกได้ แม้นั่นจะนานแสนนานมาแล้ว
และนั่นแหละ !! ทำให้เธอได้พบกับกิลเกียนู
แม่มดมองเด็กหญิงอีกครั้ง ดวงตาเธอเริ่มพร่ามัวเมื่อจ้องเด็กสาว ภาพความทรงจำของเธอเริ่มผุดขึ้นมาแทนภาพของเด็กสาวที่เดินข้างเธอในตอนนี้ เธอมองเห็นตัวของเธอเองในวัยเด็ก เด็กหญิงผู้มีความกังวลในวันแรกที่ต้องเข้ามาอาศัยอยู่ในอิกซ์เตรียแห่งนี้ และตรงหน้าของเธอนั้น
มีเด็กหญิงอีกคนยืนอยู่ !?
เด็กหญิงที่อยู่ด้านหน้ายิ้มให้เธอ เด็กหญิงคนนั้นยื่นมือออกมาให้เธอ
" จากนี้ท่านกับเราจะเป็นสหายกันตลอดไป เราจะตั้งใจร่ำเรียนวิชาของแม่มด แล้วเราจะเป็นผู้ส่งแม่มดผู้มีเกียรติสู่สรวงสวรรค์ด้วยมือของเรา และเมื่อถึงเวลานั้น เราก็ยินดีส่งท่านขึ้นสู่สรวงด้วยความเต็มใจ "
เด็กหญิงได้ยินดังนั้นก็ยิ้มกลับ เธอยื่นมือของตนกุมมือของเด็กหญิงคนนั้นกลับ
" หากท่านเป็นผู้ส่งดวงวิญญาณอันทรงเกียรตินั้นขึ้นสู่ดินแดนอันเป็นนิรันดร์ ข้า ก็ จ ะ.. "
ความคิดของแม่มดเริ่มจะเลือนรางจางหายไป อดีตได้ผ่านพ้นไปแล้ว เหลือเพียงปัจจุบันที่ยังคงอยู่ แม่มดมองเด็กหญิงที่ส่งเสียงเรียกและปลุกตนเองตื่นจากภวังค์ในอดีต
" ท่านชารอน เป็นอะไรรึปล่าวค่ะ ? "
เด็กหญิงถามชารอนด้วยความเป็นห่วง เพราะเธอเห็นชารอนมีท่าทีเหม่อลอยผิดปกติ แต่ชารอนกลับยิ้มให้เธอ แล้วเอามือของตนลูบหัวเด็กหญิงช้าๆและอ่อนโยนที่สุด
" ไม่มีอะไรหรอก กิลเกียนูน้อย ข้าแค่คิดถึงเพื่อนเก่าแก่คนนึงเท่านั้นเอง เป็นเพื่อนรักที่อยู่ร่วมกันมาแสนนาน น่าเสียดายที่นางต้องมาจากไปเพียงเพราะความเชื่อที่ยึดมั่น แต่จะว่าไปอาจเป็นเพราะข้าเองก็ได้ นางถึงต้องตาย ถ้าเพียงแค่ตอนนั้นข้าหยุดนางไว้ได้ "
" ใช่!! "
" เพียงแค่ข้าทำใจแข็งหยุดนางไว้.. "
ไม่มีเสียงใดๆเล็ดลอดออกมาจากสถานที่แห่งนั้นหลังชารอนพูดจบ แม้แต่เหล่าแมลง นกหรือสัตว์ป่าที่เคยส่งเสียงระงม กลับเงียบเสียงของมันราวกับไม่อยากรบกวนอารมณ์ของชารอน หรือไม่ก็ราวกับจะไว้อาลัยให้กับบุคคลที่ชารอนพูดถึง
น้ำตาหยดเล็กๆไหลผ่านแก้มนวลใสของชารอน แม้เป็นชั่วเสี้ยววินาทีก่อนเธอจะเบือนหน้าหนี แต่กิลเกียนูน้อยก็สังเกตเห็น
..เด็กหญิงไม่เอ่ยถาม
แน่นอน มันเป็นสิ่งที่ไม่สมควรเอ่ยถึง กิลเกียนูน้อยรู้ดี แล้วอีกอย่างถึงเธออยากจะถามมากเพียงไร มันก็ไม่ทันแล้ว เมื่อทั้งคู่มาถึงจุดหมายกันแล้ว
" ที่นี่แหละ กระท่อมที่แม่มดผู้ยิ่งใหญ่ ‘ ปีกผู้วายชนม์กิลเกียนู ’ เคยอาศัยอยู่ และนับแต่บัดนี้ไป มันจะเป็นที่อยู่ของเจ้า "
กิลเกียนูน้อยก้มหน้ารับ เธอมองขึ้นไปบนกระท่อมที่สร้างสูงขึ้นไปบนยอดไม้ที่แตกกิ่งก้านสาขาเป็นฐานรองรับตัวกระท่อม แล้วโค้งงอขึ้นไปบนท้องฟ้าราวกับจะช่วยกันโอบอุ้มตัวกระท่อมจากทุกด้าน จากนั้นก็บิดตัวรัดกันเหนือหลังคากระท่อมจนกลายเป็นท่อนเดียวแตกกิ่งก้านสาขาให้ร่มเงาสงบและร่มเย็น
" ท่านอาจารย์ ..ข้า...มาถึงแล้ว "
" เด็กคนนั้นเป็นยังไงบ้าง ? " เชอร์วูดเอ่ยถามเซราฟีม เมื่อเธอเห็นว่าเซราฟีมพร้อมที่จะคุยแล้ว
" จ๊ะ เรียบร้อยแล้ว เด็กคนนั้นเป็นส่วนหนึ่งของพวกเราแล้วล่ะ ส่วนคนที่จะนำทางให้คือแม่มดอาวุโส ท่านชารอนจ๊ะ"
"ห๊า!! ว่าไงนะ"
เชอร์วูดแทบจะกรี๊ดเมื่อได้ยินชื่อนี้ สำหรับแม่มดนั้น อย่างที่รู้กันว่าสำหรับแม่มดทุกคนจะมีอาจารย์แค่คนเดียว(ส่วนอาจารย์จะมีศิษย์กี่คนก็ได้ แต่ส่วนใหญ่มักจะสอนแค่คนเดียว) และการที่มีอาจารย์คนเดียวนั้น ทำให้บางครั้งก็มีกรณีที่อาจารย์ตายก่อนที่ศิษย์จะสืบทอดเวทย์มนต์ของอาจารย์คนนั้นๆสำเร็จ และในกรณีนี้เอง ผู้ที่จะรับช่วงต่อจึงมีสถานะเป็นผู้นำทางเพื่อช่วยเหลือแก่แม่มดฝึกหัดคนนั้นนั่นเอง
แต่ที่เชอร์วูดตกใจมันไม่ใช่แค่นั้นหรอก
" ทำไมยัยแก่นั่นถึงรับดูแลเด็กคนนั้น ? ทำไมไม่ให้แม่มดอาวุโสท่านอื่นดูแลไป อย่างท่านเวียร์นิลก็ยังดี ทำไมถึงปล่อยให้ผู้สืบทอดของท่านกิลเกียนูตกไปอยู่ในมือของยัยแก่นั่นได้ "
" โธ่ เชอร์วูดก็พูดเกินไปนะจ๊ะ ท่านชารอนก็ดีออก ท่านเองก็เป็นสหายสนิทของท่านกิลเกียนู แถมท่านชารอนยังเป็นคนออกปากเองด้วยนะจ๊ะว่าจะดูแลเด็กคนนั้น เชอร์วูดเองก็อย่าคิดมากเกินไปเลยจ๊ะ เดี๋ยวจะแก่เร็วกว่าแม่มดทั่วไปนะเอ้า "
แม่มดขาวกุมขมับตัวเองพักใหญ่ พลางนึกถึงประสบการณ์แย่ๆที่เคยพบเจอมา ไม่สิ.. มันน่าจะเรียกว่าประสบการณ์เลวร้ายน่าจะเหมาะกว่า ว่าไปแล้วก็น่าจะยกนิ้วให้แม่มดอาวุโสชารอนไปเลยดีกว่า ที่สามารถล้างสมองแม่มดคนอื่นๆให้คิดว่าตัวเธอเป็นแม่มดที่น่านับถือสุดๆได้ ทั้งวงการแม่มดถ้าไม่นับแม่มดอาวุโสคนอื่นๆกับแม่มดเก่าแก่ๆหน่อยล่ะก็ คงมีแค่เชอร์วูดนี่ล่ะ ที่รู้จักตัวตนของชารอนดีกว่าใครๆ
แน่ล่ะ !! ก็ชารอนเป็นอาจารย์ของเธอนี่นา
เธอยังจำวันนั้นได้ดี วันที่อุ้งมือมารยื่นมาให้เธอในครั้งแรก รอยยิ้มดั่งแม่พระกับท่าทางอันองอาจที่ยื่นลงมาให้เด็กกำพร้าพ่อแม่จากภัยสงครามและโรคระบาดในตอนนั้น มันเปรียบเสมือนดั่งเอื้อมมืออันอ่อนหวานของเทพธิดาเลยทีเดียว และทันทีที่เด็กน้อยเชอร์วูดหลวมตัวเอื้อมคว้ามือนั้นไว้
เด็กหญิงเชอร์วูดผู้บริสุทธิ์ไร้เดียงสาก็ได้รู้จักความเป็นจริงของโลกในบัดดล
กว่าร้อยปีที่เชอร์วูดต้องจำทนกับการกระทำแย่ๆของอาจารย์ตัวเอง เชอร์วูดยังจำได้ดีถึงวันคืนที่เธอโดนไล่ตะเพิดออกจากโรงแรมเพราะอาจารย์ของเธอไปขโมยนาฬิกาเก่าแก่ที่ห้อยหราในตู้กระจกโรงแรมแห่งนั้นด้วยเหตุผลที่ว่ามันสวย? หรือการที่โดนไล่กวดจนต้องหนีหัวซุกหัวซุนตอนที่กินข้าวแล้วดันไม่ได้พกเงินมาสักแดงเดียว ความหลังฝังใจระหว่างเชอร์วูดกับชารอนนั้นมีมากมายจนบรรยายไม่หมดชั่วข้ามคืน แต่ที่เชอร์วูดจำได้แม่นที่สุดก็คือการที่เธอถูกอาจารย์ทิ้งไว้ในศูนย์กลางศาสนจักรคนเดียวตอนไม่มีข้าวกินจนหวิดเกือบโดนเผาทั้งเป็น
ซึ่งสิ่งเหล่านี้แหละ ที่หล่อหลอมเชอร์วูดให้แข็งแกร่งทั้งกายและใจ!!
แม้มันจะเป็นความทรงจำที่ไม่ค่อยจะดีนัก แต่เธอก็ต้องยอมรับว่าตัวของชารอนนั้นมีความสามารถ แม้จะมีนิสัยประหลาดๆแต่เวทย์มนต์ของเธอนั้นสุดยอดและทรงพลังมาก ถ้าตัดนิสัยแย่ๆของเธอออกไปได้ล่ะก็ ชารอนก็คงอาจจะเป็นแม่มดอาวุโสที่น่านับถือที่สุดรองจากกิลเกียนูเลยก็ได้
" เอาเถอะ เรื่องนี้มันช่วยอะไรไม่ได้แล้ว เราก็ไปกันเถอะ "
" ไปไหนเหรอจ๊ะ ? " เซราฟีมถามเชอร์วูด
" กลับบ้าน "
" เอ่อ ตอนนี้คงยังไม่ได้หรอกจ๊ะ "
" หือ? "
เชอร์วูดนิ่งไปสักครู่ เธอมองตาของเซราฟีมที่นั่งอยู่ด้านหน้า
" เธอจะอยู่เที่ยวที่นี่อีกหน่อยเหรอ ? หรือว่าจะปล่อยตัวแล้วค่อยกลับ ? "
เชอร์วูดตั้งคำถามให้เซราฟีมสองข้อ ถึงพวกเธอจะเป็นเพื่อนสนิทกันมาก แต่ยังไงพวกเธอก็ไม่ใช่คนๆเดียวกันที่จะต้องคอยตามกันและกันเสมอไป บ่อยครั้งที่พวกเธอทั้งคู่มาที่นี่แล้วต่างคนต่างไป และมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่คราวนี้เซราฟีมจะขอแยกตัวไปก่อน เชอร์วูดคิดว่าเซราฟีมอาจจะอยากอยู่เที่ยวเล่นในอิกซ์เตรียก่อน เพราะช่วงนี้พวกเธอทั้งสองก็ยุ่งๆไม่ค่อยมีเวลาได้ผ่อนคลาย หรือไม่เซราฟีมก็คงอยากจะปล่อยตัวเพื่อให้จิตวิญญาณได้หลอมรวมเข้ากับธรรมชาติเพื่อสื่อสารกับเหล่าภูติก็เป็นไปได้เหมือนกัน
" นั่นก็เปล่าจ๊ะ แล้วก็ไม่ใช่เเค่เราหรอกนะจ๊ะ แต่เป็นพวกเราสองคนต่างหากล่ะ "
" พวกเรา ...สองคน "
เชอร์วูดเงียบเสียงไปเล็กน้อย เธอใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีในการนึกความหมายในคำพูดของเซราฟีม และชั่วเสี้ยววินาทีที่คำตอบผุดขึ้นมาจากหัว
" เซราฟีม อย่าบอกนะว่าเธอ "
เชอร์วูดต้องเงียบเสียงลงอีกครั้ง สาเหตุก็เพราะเธอรู้สึกได้ถึงสัมผัสบางอย่างบนหัวไหล่ พลันหญิงสาวชายหางตาไล่ไปที่หัวไหล่ของตนก็พบกับมือของใครสักคนวางอยู่ และเมื่อเธอชายตาไล่ตามมือนั้นไป เธอก็พบกับหญิงสาวอีกคนผู้มีเรือนผมสีขาวยาว หน้ากลมเกลี้ยงหมดจดผิวขาวเนียน และมีดวงตากระด้างดั่งปลาตายยืนอยู่ด้านหลัง
" ใช่แล้วจ๊ะเชอร์วูด "
เซราฟีมยิ้มหวานให้เชอร์วูด เชอร์วูดถึงกับเหงื่อกาฬไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว สำหรับเซราฟีม เธออาจจะไม่ได้คิดอะไรมากมายกับรอยยิ้มที่มอบให้กับเชอร์วูด แต่สำหรับเชอร์วูดมันก็เหมือนกับรอยยิ้มของมารร้ายดีๆนี่เอง
" พวกเรามีภารกิจใหม่ "
**************************************************************************
ถนนสายเล็กที่สร้างจากหินสีขาวน้อยใหญ่ทอดเรียงตัวกันยาวเหยียดลึกเข้าไปในตัวป่าด้านหลังปราสาทกลาง เด็กหญิงหนึ่งคน กับแม่มดอีกหนึ่งกำลังเดินก้าวย่างเชื่องช้าไปตามเส้นทางนั้น แม้ว่าความเร็วในการเดินของทั้งคู่จะจัดได้ว่าช้ามาก ช้าจนเก้งกวางแถวนั้นเดินผ่านไปจนหมด แต่ทั้งคู่กลับดูสงบ สุขุมในทุกย่างก้าว ถึงจะมีการวอกแวกภายในดวงตาของเด็กหญิงบ้างก็ตาม
" เจ้ากังวลหรือ " แม่มดถามเด็กหญิง
" อื้อ "
แม่มดยิ้มที่มุมปากเมื่อได้รับคำตอบของเด็กหญิง แน่นอน เธอย่อมรู้อยู่แล้ว ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้เข้ามาสถานที่นี้ในครั้งแรกย่อมรู้สึกกังวลสับสนเป็นธรรมดา ถึงแม้แม่มดฝึกหัดคนนั้นจะเคยชินกับที่อยู่ของอาจารย์ก็ตาม แต่อิกซ์เตรียนั้นแตกต่าง ที่นี่เป็นศูนย์รวมของแม่มด ถึงส่วนใหญ่ที่อยู่อาศัยของแม่มดจะไกล้ธรรมชาติซึ่งมีลักษณะและบรรยากาศไกล้เคียงกับที่นี่ แต่ความหนาแน่นของพลังเวทย์ที่ไหลเวียนอยู่นั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุผลที่เหล่าแม่มดฝึกหัดรู้สึกแบบตอนนี้ เธอยังจำตอนที่ตัวเองเข้ามาที่นี่ครั้งแรกได้ แม้นั่นจะนานแสนนานมาแล้ว
และนั่นแหละ !! ทำให้เธอได้พบกับกิลเกียนู
แม่มดมองเด็กหญิงอีกครั้ง ดวงตาเธอเริ่มพร่ามัวเมื่อจ้องเด็กสาว ภาพความทรงจำของเธอเริ่มผุดขึ้นมาแทนภาพของเด็กสาวที่เดินข้างเธอในตอนนี้ เธอมองเห็นตัวของเธอเองในวัยเด็ก เด็กหญิงผู้มีความกังวลในวันแรกที่ต้องเข้ามาอาศัยอยู่ในอิกซ์เตรียแห่งนี้ และตรงหน้าของเธอนั้น
มีเด็กหญิงอีกคนยืนอยู่ !?
เด็กหญิงที่อยู่ด้านหน้ายิ้มให้เธอ เด็กหญิงคนนั้นยื่นมือออกมาให้เธอ
" จากนี้ท่านกับเราจะเป็นสหายกันตลอดไป เราจะตั้งใจร่ำเรียนวิชาของแม่มด แล้วเราจะเป็นผู้ส่งแม่มดผู้มีเกียรติสู่สรวงสวรรค์ด้วยมือของเรา และเมื่อถึงเวลานั้น เราก็ยินดีส่งท่านขึ้นสู่สรวงด้วยความเต็มใจ "
เด็กหญิงได้ยินดังนั้นก็ยิ้มกลับ เธอยื่นมือของตนกุมมือของเด็กหญิงคนนั้นกลับ
" หากท่านเป็นผู้ส่งดวงวิญญาณอันทรงเกียรตินั้นขึ้นสู่ดินแดนอันเป็นนิรันดร์ ข้า ก็ จ ะ.. "
ความคิดของแม่มดเริ่มจะเลือนรางจางหายไป อดีตได้ผ่านพ้นไปแล้ว เหลือเพียงปัจจุบันที่ยังคงอยู่ แม่มดมองเด็กหญิงที่ส่งเสียงเรียกและปลุกตนเองตื่นจากภวังค์ในอดีต
" ท่านชารอน เป็นอะไรรึปล่าวค่ะ ? "
เด็กหญิงถามชารอนด้วยความเป็นห่วง เพราะเธอเห็นชารอนมีท่าทีเหม่อลอยผิดปกติ แต่ชารอนกลับยิ้มให้เธอ แล้วเอามือของตนลูบหัวเด็กหญิงช้าๆและอ่อนโยนที่สุด
" ไม่มีอะไรหรอก กิลเกียนูน้อย ข้าแค่คิดถึงเพื่อนเก่าแก่คนนึงเท่านั้นเอง เป็นเพื่อนรักที่อยู่ร่วมกันมาแสนนาน น่าเสียดายที่นางต้องมาจากไปเพียงเพราะความเชื่อที่ยึดมั่น แต่จะว่าไปอาจเป็นเพราะข้าเองก็ได้ นางถึงต้องตาย ถ้าเพียงแค่ตอนนั้นข้าหยุดนางไว้ได้ "
" ใช่!! "
" เพียงแค่ข้าทำใจแข็งหยุดนางไว้.. "
ไม่มีเสียงใดๆเล็ดลอดออกมาจากสถานที่แห่งนั้นหลังชารอนพูดจบ แม้แต่เหล่าแมลง นกหรือสัตว์ป่าที่เคยส่งเสียงระงม กลับเงียบเสียงของมันราวกับไม่อยากรบกวนอารมณ์ของชารอน หรือไม่ก็ราวกับจะไว้อาลัยให้กับบุคคลที่ชารอนพูดถึง
น้ำตาหยดเล็กๆไหลผ่านแก้มนวลใสของชารอน แม้เป็นชั่วเสี้ยววินาทีก่อนเธอจะเบือนหน้าหนี แต่กิลเกียนูน้อยก็สังเกตเห็น
..เด็กหญิงไม่เอ่ยถาม
แน่นอน มันเป็นสิ่งที่ไม่สมควรเอ่ยถึง กิลเกียนูน้อยรู้ดี แล้วอีกอย่างถึงเธออยากจะถามมากเพียงไร มันก็ไม่ทันแล้ว เมื่อทั้งคู่มาถึงจุดหมายกันแล้ว
" ที่นี่แหละ กระท่อมที่แม่มดผู้ยิ่งใหญ่ ‘ ปีกผู้วายชนม์กิลเกียนู ’ เคยอาศัยอยู่ และนับแต่บัดนี้ไป มันจะเป็นที่อยู่ของเจ้า "
กิลเกียนูน้อยก้มหน้ารับ เธอมองขึ้นไปบนกระท่อมที่สร้างสูงขึ้นไปบนยอดไม้ที่แตกกิ่งก้านสาขาเป็นฐานรองรับตัวกระท่อม แล้วโค้งงอขึ้นไปบนท้องฟ้าราวกับจะช่วยกันโอบอุ้มตัวกระท่อมจากทุกด้าน จากนั้นก็บิดตัวรัดกันเหนือหลังคากระท่อมจนกลายเป็นท่อนเดียวแตกกิ่งก้านสาขาให้ร่มเงาสงบและร่มเย็น
" ท่านอาจารย์ ..ข้า...มาถึงแล้ว "
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ