แผนรักมัดใจยัยสะเอิง
เขียนโดย pooklook
วันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 20.10 น.
แก้ไขเมื่อ 30 เมษายน พ.ศ. 2556 09.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
7) ตอนที่6
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
วันนี้ฉันจะทดสอบงานบ้านของนายกำปอนั่นก็คือ การซักผ้าและรีดผ้า ก็เหมือนๆกับการเรียนหนังสือนั่นแหละเรียนเสร็จก็ต้องสอบแต่การเรียนหนังสือบางทีเรียนเสร็จสอบก็จริงแต่พอเรียนจบทำงานปุ๊ปไอ้ที่เรียนมาน่ะไม่ได้ใช้หรอกแถมยังคืนคุณครูไปแล้วด้วย แต่วิชางานบ้านของครูสะเอิงเนี่ยเรียนจบทดสอบใช้ได้ตลอดชีวิตนะจ๊ะนักเรียนกำปอ ^^!!
“สรุปงานบ้านสองอย่างของนายผ่านนะ”ฉันยืนมองนายกำปอทำงานบ้านที่สั่งจนเสร็จ
“งั้นก็พักได้แล้วใช่มั้ย” หมอนั่นถามฉันก่อนจะเดินไปหยิบน้ำในตู้เย็นมาดื่ม
“ใช่ แล้วเดี๋ยวทานข้าวกลางวันเสร็จฉันจะสอนนายล้างจาน”ฉันบอกนายกำปอพร้อมกับเดินเข้าไปในส่วนที่ทำอาหารในห้องครัว นอกจากหมอนี่จะมาอยู่เปลืองพลังงานฉันแล้วยังเปลืองค่าไฟ ค่าอาหารอีก อ้อ ค่าแก๊สอีก ฉันต้องทำอาหารให้นายนั่นทานทุกมื้อ
“กลางวันนี้มีเมนูอะไรนะ…”หมอนั่นชะโงกหน้าเข้ามาดูอาหารในกระทะที่ฉันกำลังผัดอยู่ นี่ถ้ากระทะในครัวใบใหญ่กว่านี้นะฉันจะผลักหมอนี่ให้ลงไปผัดด้วยซะเลย
“ผัดผักรวม…นี่นายเอาจานไปตักข้าวรอเลยจะเสร็จแล้ว”
“ครับ” หมอนั่นยิ้มยิงฟันให้ฉันก่อนจะเดินไปเอาจานเปล่า
“นี่นายกำปอ ถือจานให้มันดีๆหน่อยได้มั้ย” ต้องให้ฉันบ่นทุกๆเรื่องเลยใช่มั้ยนายคนนี้ ก็ดูสิถือจานท่าพิสดารอะไรก็ไม่รู้ คนปกติเค้าทำกันแบบที่ไหนล่ะ คีบจานแต่ละใบไว้ระหว่างนิ้วชี้กับนิ้วกลางถ้านายจะสามารถขนาดนี้ทำไมนายไม่สามารถเรื่องงานบ้าน บ้างนะจะได้ไม่เป็นภาระต่อฉัน
“แตกก็ซื้อใหม่สิ ลำปางเมืองเซรามิค หาซื้อง่ายออก”
“เหรอ!!!นายคิดว่ามันใบละสองบาทรึไง ทำมาเป็นปากดี” ฉันกะว่าจะไม่ทะเลาะแล้วนะแต่นายนี่ก็ไม่เคยจะเลิกกวนประสาทฉันสักที แถมอากาศก็ร้อนต้องมาทำกับข้าวให้อีก ทำไมไม่มีความเกรงใจ ความเคารพกันบ้างเลยนะทั้งๆที่ฉันแก่กว่านายตั้งหนึ่งปีนะ
“แล้วทำไมเอิงต้องขี้นเสียงด้วยเล่า บ้ารึไง ผมไม่ใช่เด็กอนุบาลนะใครจะไปถือให้มันหล่น”
“โครม” ฉันตักอาหารใส่ในจานเสร็จแล้วก็โยนกระทะไปไว้ในอ่างล้างจานด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิด นั่นเป็นนิสัยที่แย่ของฉันเลยล่ะเพราะว่าเวลาที่ฉันอารมณ์เสียฉันมักจะทำอะไรตามอารมณ์ ชอบทำอะไรเสียงดัง เหมือนคนเรียกร้องความสนใจแต่จริงๆแล้วไม่ใช่นะเค้าเรียกว่าเป็นคนเปิดเผยความรู้สึกต่างหาก
“ทานข้าวเสร็จก็ไปเคาะประตูเรียกฉันที่ห้องละกันนะ”ฉันถอดผ้ากันเปื้อนลายดอกไม้สีชมพูแขวนไว้เสร็จก็เดินเอาจานผัดผักรวมมาวางบนโต๊ะทานอาหารที่หมอนั่นจัดไว้รออยู่
“จะไปไหน ทำไมไม่ทานข้าวด้วยกัน”
“นายก็รีบๆทานล่ะไปเรียกฉันละกัน”ฉันบอกพร้อมกับเดินออกจากห้องครัวทันที ดีจะได้รู้ซะบ้างว่าถึงฉันจะไม่ถือสาที่ชอบกวนประสาทฉันบ่อยๆแต่ฉันก็มีความรู้สึกนั่นลึกๆเหมือนกันนะก็ฉันเป็นทั้งครูสอนงานบ้าน เป็นทั้งรุ่นพี่ นายนั่นก็ควรจะเคารพฉันบ้างสิ
“ไปทานข้าว”หมอนั่นลุกจากเก้าอี้ตอนไหนไม่รู้เดินเข้ามากระตุกแขนซ้ายฉันให้เดินกลับไปที่ห้องครัว
“ฉันยังไม่หิว”ฉันตอบพร้อมกับสะบัดแขนให้หลุดเพื่อจะได้รีบๆเดินเข้าห้องสักที
“ทีตอนผมรีดผ้า เอิงยังบ่นว่าให้รีบๆทำเพราะหิวข้าวอยู่เลย”
“ฉันอิ่มแล้ว” ทำไมนะทั้งๆที่ฉันอายุมากกว่าถึงจะแค่ปีเดียว หนึ่งเดือน หนึ่งวัน สิบนาที อะไรก็ช่างเถอะแต่นายนั่นก็ควรจะให้เกียรติ เคารพเชื่อฟัง ฉันบ้างสิ
“อิ่มตรงไหน ยังไม่ได้ทานข้าวเลย”
“อิ่มมากเลยแหละ โดนตอกหน้าจนอิ่มไปเลย ฉันอดทนกับนายมามากพอแล้วนะแค่ฉันเตือนให้นายถือจานดีๆเพราะกลัวว่ามันจะแตก นายก็พูดกวนประสาทฉันมองข้ามสิ่งที่ฉันเตือนเพราะหวังดีทั้งๆที่ฉันเป็นคนสอนงานบ้านนาย นายควรจะให้เคารพ ให้เกรียติฉันบ้างแค่เรียกว่า ‘พี่เอิง’ เนี่ย มันยากนักใช่มั้ย ”
“ถามจริงใครบอกว่าผมอายุน้อยกว่าเอิง”
“ก็แม่บอก แถมนายกำลังจะขึ้นปี1นายก้ต้องเป็นนรุ่นน้องของฉันสิ”
“UxU” (นายกำปอ)
“แล้วมันจริงมั้ยล่ะ”
“เอาเป็นว่าผมขอโทษแล้วกัน ผมแค่อยากแกล้งเอิงเฉยๆ ไปทานข้าวกันเถอะนะ”
“ตกลงนายจะไม่เรียกฉันว่าพี่สินะ”
“ทำไมต้องอยากให้ผมเรียกแบบนั้นด้วยล่ะ”
“ก็มันควรจะเป็นแบบนั้นไม่ใช่เหรอ”
“ทีพวกเพื่อนๆเอิงเค้ายังไม่คิดมากกับเรื่องแบบนี้เลยนะ”
“แล้วทีนายทำไมยังเรียกยัยรุ่นพี่สองคนนั่นที่เจอในห้างเมื่องานว่าพี่ล่ะ”
“อ๋อที่แท้ก็แบบนี้ใช่มั้ย…เพราะเอิงเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกะพี่เค้าไง เอิงไม่ชอบพวกเค้าพอเห็นผมเรียกพวกเค้าว่าพี่เอิงเลยรู้สึกเสียหน้าใช่มั้ย”
“ช่างมันเถอะ…นายก็รีบๆไปทานข้าวซะฉันจะได้รีบๆสอนงานบ้านให้เสร็จสักที” ฉันบอกพร้อมกับเดินหนีเข้าห้องมาสงบสติอารมณ์ นายนั่นบางทีก็ทำตัวเหมือนเด็กบางครั้งก็เป็นผู้ใหญ่มีเหตุผล ตกลงเป็นคนยังไงกันแน่เนี่ย เฮ้ย!นี่นอกจากฉันจะหนียัยรุ่นพี่คู่อริสองคนนั่นไม่ได้แล้วฉันต้องมารับศึกหนักกับนายกำปออีกเหรอเนี่ย ทำไมนายต้องไปรู้จักยัยรุ่นพี่ตูดโด่งกำลังสองนั่นด้วยนะ ฉันเกลียดพวกมันที่สุดเลย
30 นาทีต่อมา
หมอนั่นก็มาเคาะประตูเรียกฉันจนได้ จริงๆแล้วฉันก็นั่งสงบจิตสงบใจส่งกระแสจิตไปให้นายกำปอรีบๆมาเคาะเร็วๆพราะฉันก็หิวจนตาลายคล้ายจะเป็นลมอยู่แล้ว
“ทานข้าวเสร็จแล้วใช่มั้ย” ฉันเปิดประตูออกไปเห็นนายกำปอยิ้มให้ จริงๆนายก็เป็นคนน่ารัก ยิ้มสวย ทุกอย่างคือสเป็ค ของฉันนั่นแหละแต่มันติดกับอะไรหลายๆอย่างฉันเลยไม่รู้สึกอะไร ไม่หวั่นไหวกับนายนั่นเลยสักนิดเพราะสำหรับฉันเหตุผลต้องมาก่อนความรู้สึก เพราะถ้าความรู้สึกมาก่อนผ่านไปสักพักทุกอย่างจะพัง
“ยังไม่ได้ทานรอเอิงนั่นแหละ หายโกรธกันเถอะนะผมขอโทษนะ ไว้ผมจะพาไปทานไอติมนะ”
“อะไรของนาย…ละทำไมต้องพาฉันไปทานไอติม”มีแต่คนที่ฉันสนิทฉันเท่านั้นจะรู้ว่าเวลาทำให้ฉันโกรธต้องพาฉันไปทานไอติม หรือไม่ก็ขนมเค้ก เท่านั้นแหละจากที่โกรธมากๆฉันก็จะยอมคืนดีด้วย แต่หมอนี่รู้ได้ไงเนี่ยรึว่าเป็นเพราะความบังเอิญ ช่างมันเถอะตอนนี้ฉันหิวจนจะเป็นลมอยู่แล้ว
“ไปทานข้าวได้แล้ว”
“หายโกรธแล้วใช่ป่ะ”หมอนั่นยังไม่เลิกกวนแถมยังเอามือมาจิ้มที่แก้มฉันอีก นายจะถึงเนื้อถึงตัวฉันไปถึงไหนยะนายกำปอ นี่แม่ไว้ใจคนแบบนี้ได้ไงเนี่ย
“ไว้นายค่อยพาฉันไปถล่มร้านไอติมแล้วกันนะ…แต่ตอนนี้ไปทานข้าวได้แล้ว”บอกแล้วฉันเป็นคนโกรธง่ายหายเร็ว ถ้าได้อู่กับตัวเองคิดอะไรสักพักก็จะหายโกรธแล้วอีกอย่างไม่รู้จะโกรธกันนานทำไมชีวิตคนเรามันสั้นรักกันไว้ดีกว่าเยอะ
“โอเคเลย…วันนี้ผมยกกุ้งให้เอิงทานหมดเลยอ่ะแถมสัญญาเลยว่าจะไม่แกล้ง ไม่กวนประสาทบ่อยๆอีก” เออ เนอะไม่บ่อยก็คือทำอยู่ดีแหละ ใช่มั้ย
“ละทำไมนายไม่ทานข้าวก่อนล่ะ ถ้าแม่รู้นะฉันก็โดนบ่นอีก”
“ก็รอทานกับเอิงไง”หมอนั่นยิ้มให้แถมยังตักกุ้งใส่จานผัดผักมาให้ฉันจนหมด เหมือนโดนตบหน้าแล้วลูบหลังเลยวุ๊ย!
“ที่นี้ไม่ต้องรอนะ กระเพาะไม่ได้ติดกันสักหน่อย”
“กระเพาะไม่ติดกันแต่อนาคตอาจจะหัวใจผูกกันก็ได้นะ”
“พูดบ้าอะไรของนาย รีบๆทานข้าวไปเลย” ฉันไม่ได้เขินและไม่ได้หวั่นไหวนะจะบอกให้ ถึงแม้หมอนี่ชอบพูดชอบทำอะไรที่ทำให้ฉันชอบคิดเข้าข้างตัวเองก็เถอะ
ฉันชำเลืองมองหมอนี่ทานข้าว แอบดีใจนิดๆที่นานๆทีจะเจอคนที่เป็นแบบฉันคือเขียนหนังสือด้านขวาแต่เวลาทานข้าวจะถือช้อนด้านซ้ายและถือส้อมด้านขวา จะหาว่าฉันเป็นโรคจิตก็ยอมแหละเพราะเวลาไปนั่นทานข้าวตามร้านอาหารฉันก็มักจะแอบดูชาวบ้านเค้าเหมือนกันแต่หาไม่ค่อยเจอเลยคนที่เป็นเหมือนฉัน
“ทานเสร็จแล้ว เดี๋ยวถือจานมาที่อ่างล้างจานนะฉันจะไปรอ”ฉันบอกพร้อมกับถือจานของตัวเองไปรอนายกำปอ สักพักหมอนั่นก็เดินตามมา
“นี่เวลานายจะล้างจานนะ นายต้องเขี่ยเศษอาหารออกจากจานให้หมดก่อน”ฉันบอกพร้อมกับเขยิบที่ให้นายกำปอแทรกเข้ามายืนตรงอ่างล้างจานเพื่อจะได้ฝึกทำ
“จากนั้นนายก็เปิดน้ำล้างจานพวกนี้พร้อมกับเอามือลูบเบาก่อน”ฉันสาธิตให้หมอนี่ดูก่อนจะให้ทำตาม นี่ถ้านายนี่บอกว่าไม่เข้าใจหรือทำไม่ดีนะฉันก็จนปัญญาจะสอนละแหละเพราะทุกขั้นตอนทุกงานฉันจะสาธิตให้ดูทุกครั้งยกเว้นตอนซักกางเกงโปรดในตอนนั้นข้ามไปเถอะนึกแล้วฉันก็ยังเอือมระอา
“อืมๆ ละทำไงต่อ”หมอนี่ส่งเสียงตอบรับคำอธิบายแต่ละขั้นตอน อยากจะบอกว่าหมอนี่ตัวสูงชะมัดเวลามายืนข้างฉันแบบนี้เหมือนเสาไฟฟ้ากับหลักกิโลเลยอ่ะ นี่ถ้าหมอนี่อยากจะฆ่าฉันจริงก็แค่ผลักหัวฉันให้ลงไปในอ่างจับหัวกดลงให้นั่งดื่มน้ำยาล้างจานแล้วฉันจะทำยังไง
“เสร็จแล้วนายก็เอาฟองน้ำใส่น้ำยาล้างจานแค่นิดหน่อยแล้วก็ขัดลงไปบนจานแบบนี้นะ…”ฉันสาธิตให้ดูทุกครั้งเวลาจะเริ่มขั้นตอนใหม่
“เข้าใจแล้วใช่มั้ย…นายจุ๊บ”แต่พอฉันหันหลังไปถามเท่านั้นแหละ ไม่คิดว่านายนี่จะมายืนยื่นหน้ามาดูซะโอเวอร์เหมือนจะสนใจขนาดนั้น จะโทษใครล่ะงานนี้แถมปากฉันก็ดันไปจุ๊บโดนกับแก้มหมอนี่อีก ไม่รู้ว่ามันเป็นอุบัติเหตุหรือเพราะตั้งใจนะแต่ฉันคิดว่าเป็นอย่างหลังก็ตอนนี้แหละ
“อ่ะ…คือขัดเสร็จแล้วล้างน้ำสะอาดแล้วก็จุ๊บเหรอ”
“ไอ้บ้า…เจ้าเล่ห์นักนะ ฉันจะฟ้องทุกคนเลยว่านายไว้ใจไม่ได้ ฉันไม่น่าหายโกธรนายเลย”
“อะไรเล่า มันเป็นอุบัติเหตุ” หมอนั่นยังถียงไม่เลิก อุบัติเหตุบ้าบออะไรจะเหมาะเจาะขนาดนั้น
“ทำต่อให้เสร็จเลย แค่ล้างจานแล้วก็ล้างน้ำให้มันสะอาดนะไม่ใช่ว่าพรุ่งนี้เอามาใช้แล้วท้องเสียกันทั้งบ้านนะ”
ฉันรู้สึกว่าหมอนี่จะเจ้าเล่ห์เกินไปล่ะนะไหนแม่บอกว่าไว้ใจได้ เป็นเด็กดีไง ให้ตายเถอะ!!!หมอนี่ชอบเอาเปรียบฉันตลอดเลย ไหนจะจับมือบ้างล่ะ พูดให้คิดบ้างล่ะ เมื่อกี้อีก อายชะมัดนี่ฉันดันไปจุ๊บเองซะอีก หมอนี่มันตัวอันตารายชัดๆเลย นายจะรู้มั้ยว่าฉันต้องห้ามใจแค่ไหนที่จะไม่หวั่นไหวกับผู้ชายที่ตรงสเปคของฉันเนี่ย
เกือบทุกๆคืนหมอนี่จะอาบน้ำเป็นคนสุดท้ายทุกวันและก็จะมานั่งเล่นดูทีวีเป็นเพื่อนฉันอยู่ที่ห้องนั่งเล่น แต่บางคืนก็เอาคอมพิวเตอร์ไปเสียบกับเครื่องเกมส์เล่นในห้องเป็นบางครั้ง นอกจากนิสัยกวนประสาทแถมยังเป็นเด็กติดเกมส์อีก
“ขอนั่งดูด้วยคนสิ ผมพึ่งฉีดยาฆ่ายุงในห้อง เมื่อเช้าดันเปิดหน้าต่างทิ้งไว้ทั้งยุงและก็แมลงบินเต็มห้องเลย” หมอนั่นพูดพร้อมกับหย่อนก้นลงโซฟาตัวเดียวกับฉัน
“อ้าวแล้วนายออกมาทำไมล่ะ ทำไมไม่อยู่ในห้อง”ฉันหันไปถามแต่หมอนี่ก็ยังทำหน้าสงสัยอยู่
“ทำไมอ่ะ”
“ก็นายฉัดยาฆ่ายุงกับแมลง นายก็เป็นแมลงปอ ไม่ใช่เหรอ จะออกมาทำไมอยู่ในนั้นให้มันตายๆไปกับเพื่อนๆแมลงของนายเลยสิ”
“แมลงปอตัวนี้มันทนทานไม่ตายหรอกอย่างมากก็แค่เหม็นกลิ่นยาเฉยๆ”
“เอ๊ะ ตอนนี้ฉันก็เริ่มเหม็นกลิ่นเหมือนกันนะ”ฉันทำจมูกฟุดฟิด ไปซ้ายที ขวาที
“อ้าวจริงสิ…ผมเปิดประตูมุ้งลวดระบายอากาศไว้อ่ะ เหม็นเหรอนี่ซื้อกลิ่นส้มมาฉีดแล้วนะ”หมอนั่นพูดพรางทำจมูกฟุดฟิดเลียนแบบฉัน
“เปล่าที่ว่าเหม็นอ่ะ เหม็นขี้หน้านายต่างหาก”ฉันบอกพร้อมกับชี้ไปที่หน้าหมอนี่
“สงสัยโฟมล้างหน้ายี่ห้อนี้ไม่ดีแน่ๆเลย เอิงถึงเหม็น” หึหึ ขนาดนี่นายยังไปต่อได้เลยนะเนี่ย ฉันล่ะนับถือจริงๆ
“นี่ฉันจะไม่มีวันกวนประสาทนายได้เลยใช่มั้ย”
“ก็ผมเป็นคนใจเย็นมีความอดทนสูง มันเลยยากที่เอิงจะทำให้ผมทนไม่ได้รีบกลับเชียงราย อย่าพยายามเลย”
“แต่นายต้องรีบๆกลับ เพราะฉันไม่อยากให้นายอยู่”
“แต่ผมพอใจที่จะอยู่”มีใครเคยบอกว่ามั้ยว่านายเป็นคนหน้าตาดีแถมยังหน้าด้านอีก
“แต่ฉันไม่สะดวกใจที่จะให้นายอยู่”
“ทำไมล่ะ…ผมทำให้เอิงหวั่นไหวรึไงถึงไม่สะดวกใจให้อยู่”ไม่พูดเปล่าหมอนั่นยังยื่นหน้ามาหาฉันอีก
“เอาหน้าออกไปห่างเลยนะ นายไม่หล่อไม่มีเสน่ห์พอที่จะทำให้ฉันหวั่นไหวหรอกถ้าหน้าเหมือนพี่โดม ก็ว่าไปอย่าง”
“ถึงหน้าผมจะไม่หล่อเหมือนพี่โดม แต่ผมก็ใช้โฟมล้างหน้าทุกวันนะครับ”จบประโยคฉันก็หันหน้ามามองหมอนั่นพร้อมกับที่เราสองคนก็หัวเราะมาพร้อมกันทันที
“เห็นมั้ย…เอิงหัวเราะเพราะผมแสดงว่าเอิงมีความสุข แล้วเอิงจะไล่ผมกลับเชียงรายทำไม” แล้วฉันจะทำยังไงได้นอกจากเงียบแล้วก็ทำเป็นไม่สนใจกับคำพูดของนายกำปอ
ฝากด้วยนะคะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ