แผนรักมัดใจยัยสะเอิง
เขียนโดย pooklook
วันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 20.10 น.
แก้ไขเมื่อ 30 เมษายน พ.ศ. 2556 09.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) ตอนที่5
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนนี้นายกำปออยู่ที่บ้านของฉันได้3 อาทิตย์แล้วค่ะ ต้องยอมรับเลยว่าหมอนี่ทำงานบ้านเป็นแค่ซักผ้า และรีดผ้าเท่านั้นแต่กว่าจะรีดเป็นเนี่ย เสื้อของหมอนี่เป็นรูแหว่งไปตั้ง2ตัวเลยอ่ะ เสียดายชะมัด =_=!!
“นี่นายกำปอวันนี้ฉันจะทดสอบงานบ้านของนายนะ”ฉันบอกออกไประหว่างเราสองคนกำลังนั่งทานอาหารเช้าอยู่ในห้องครัว
“ซักผ้ากับรีดผ้าอ่ะเหรอ” หมอนั่นที่กำลังเอาซ้อมจิ้มหมูทอดในจานอยู่ก็เงยหน้ามาพูดกับฉัน
“อืม ก็สอนมาได้ตั้งสามอาทิตย์แล้วเรียนแล้วก็ต้องทดสอบสิ”ถ้านายทำไม่ได้ฉันว่าอย่าเรียนเลย มหา’ลัย TxTฉันแค่คิดในใจน่ะนะ ไม่อยากจะทำร้ายจิตใจใครเท่าไหร่
“สบายมาก หลับตาทำยังได้เลย”พูดจบนายนี่ก็นั่งกินข้าวหน้าตาเฉยๆ ตอบได้กวนติงของฉันมาก
“เออนี่! นายเห็นแชมพูสระผม ของฉันที่อยู่ในห้องน้ำมั้ย”เนื่องจากห้องห้องน้ำที่บ้านของฉันมีอยู่แค่ห้องเดียวฉันเลยต้องใช้ห้องน้ำร่วมกับนายกำปอ
“อ้าว ก็อาทิตย์ที่แล้วเอิงบ่นว่าแชมพูยี่ห้อนี้สระแล้วไม่มีฟองหนิ แถมยังบอกอีกว่าจะไปซื้อยี่ห้อใหม่มาใช้”ปากของหมอนั่นก็ตอบฉันอยู่หรอกตาเนี่ยก้มลงหาแต่ของกินบนโต๊ะ ไม่คิดจะเงยหน้ามาสบตาผู้ฟังบ้างเลย
“แล้วไง”ฉันถามอย่างสงสัย คือเข้าใจมั้ยว่าหมอนี่ชอบพูดน้ำก่อนเข้าเนื้อนู้นวนไปไม่รู้กี่ที่ละค่อยกลับมาที่จุดหมาย
“ผมก็เลยเอาแชมพูขวดนั้นไปล้างรถตั้งแต่เมื่อวานแล้วอ่ะดิ แย่ชะมัดดันลืมเอาน้ำยาล้างรถติดมาด้วย”
“-_-!! นายไม่คิดจะเอ่ยปากขอฉันสักคำเลยรึไง” ฉันรับมือกับหมอนี่ไม่ไหวแล้วนะจริงๆฉันเป็นคนที่เข้ากับคนอื่นได้ง่ายนะแต่กับหมอนี่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ถ้าอยู่ด้วยกันนานกว่านี้ฉันต้องเป็นโรคประสาทแน่ๆ
“ก็ใครจะไปรู้เล่า ก็เห็นในห้องน้ำมีแชมพูตั้งสามขวด สามยี่ห้อ ก็เห็นเอิงบ่นเลยคิดว่าคงจะไม่สนใจขวดนั้นแล้วผมก็เลยไม่ได้บอก” หมอนั่นตอบ ฮึ่มๆๆ เครียดวุ๊ย
“ฉันจะไปอาบน้ำแต่งตัวออกไปซื้อของข้างนอก กลับมาแล้วเราจะมาทดสอบงานบ้านกัน”ฉันลุกออกจากโต๊ะอาหารทันทีหลังจากที่พูดจบดีนะที่ทานข้าวเสร็จแล้วแต่ถึงยังไงฉันก็คงต้องกลับมาล้างจานอีกตามเคย รู้แบบนี้สอนหมอนี่ล้างจานก่อนก็ดีหรอก ฉันจะได้ไม่ต้องล้างเองให้เปลืองแรง
“ไปด้วยได้มั้ยอ่ะ ผมอยากไปซื้อของใช้ส่วนตัวด้วยมันใกล้จะหมดแล้ว”หมอนั่นที่นั่งดื่มน้ำเสร็จรีบถามฉันก่อนที่ฉันจะเดินออกจากห้องครัว
“รถนายก็มี วันไหนว่างๆก็ขับไปซื้อของเองสิ”จาการที่สังเกตตั้งแต่ต้นฉันคันพบว่าหมอนี่นั่งกินข้าวนานกว่าฉันอีกทั้งที่เป็นผู้ชายแท้ๆแถมเมื่อกี้ตอนดื่มน้ำฉันก็นึกว่าคงจะอิ่มแล้วที่ไหนได้ตักกินข้าวต่ออีก
“ผมมาจากเชียงรายนะครับ ถนนหนทางผมก็ไม่รู้จักแล้วผมจะไปถูกได้ไง”
“เออๆก็ได้ๆงั้นนายรีบๆกินข้าวนะ ฉันจะรีบไปอาบน้ำแต่งตัว”หมอนี่สบายกว่าฉันอีกตื่นเช้ามาก็อาบน้ำแปรงฟันแต่งตัวเสร็จก็เดินมากินข้าวจะได้เหนื่อยก็แค่ตอนที่ฉันสอนงานบ้านแค่เท่านั้นเอง
“ครับตอนนี้ผมอิ่มแล้วเนี่ย”ยังมิวายทำหน้าทะเล้นใส่ฉันอีกจากนั้นฉันเลยสั่งให้นายกำปอเอาเศษอาหารและจาน ชาม ที่ใช้แล้วไปวางในอ่างล้างจาน จะสั่งให้ล้างก็กลัวว่าจาน ชาม ที่บ้านจะแตกจนไม่มีใช้
ห้าง Big Big
ฉันต้องยอมรับเลยว่าตั้งแต่ก้าวเข้ามาในห้างโดยที่มีนายกำปอทำหน้าที่เข็นรถเข็นนั้น สาวเล็กสาวใหญ่นั้นเหลียวมองกันชนิดที่ว่าหมอนี่คือดารา เลยล่ะ =_=” ทั้งๆที่หมอนี่ก็แต่งตัวธรรมดาเอามากๆด้วยเสื้อยืดคอกลมสีขาวลายมิกกี้เมาส์ กับกางกางยีนสีซีดยาวแค่เข่า แถมยังสวมรองเท้าแตะลายแองกี้เบิร์ดอีก ขยาดฉันอยู่ใกล้ขนาดนี้ฉันยังไม่เห็นออร่าในตัวของหมอนี่เลยแถมยังไม่ได้แต่งตัวสะดุดตาอีก สงสัยหมอนี่ต้องเล่นของแน่ๆ
ฉันและนายกำปอเดินซื้อของในห้าง โดยหน้าที่ของนายกำปอก็คือเข็นรถเข็นเดินตามฉันซึ่งโซนแรกที่ฉันเดินไปนั้นเป็นโซนของเครื่องเขียนเนื่องจากว่าฉันชอบสะสมลายปกสมุดลายเส้นสวยๆเจนตอนนี้มีอยู่เต็มลิ้นชักเลยล่ะ แต่ต้องพอเลือกได้สักพักพันไปมองหมอนี่ก็เห็นสีหน้าอาการเซ็งๆที่ต้องยืนรอนาน จากนั้นฉันก็เดินนำหมอนั่นไปดูตามโซนต่างๆโดยเฉพาะโซนของสดพวกเราจะใช้เวลาอยู่นานมากเป็นพิเศษแถมยังเข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ยจับนั่นใส่นี่จนพื้นที่รถเข็นครึ่งหนึ่งมีแต่ของกิน จนตอนโซนขนมสารพัดยี่ห้อ เท่านั้นแหละจากที่เคยเข้ากันได้ดีก็เริ่มมีความเห็นไม่ตรงกัน แถมยังถียงกันจนคนอื่นหันมามองฉันอายมากและ ตอนนี้ฉันอึดอัดมากเลยอ่ะมีแต่คนหันมามองหมอนี่ตลอดเวลาที่เขาเดินเข็นรถเข็นและมีฉันเดินนำหน้า แต่ฉันไม่เห็นว่าหมอนี่จะหน้าตาดีตรงไหนเลยแค่ตรงสเปคฉันเอง ช่วยข้ามความรู้สึกนี้ไปเถอะTxT ก็แค่ผู้ชายผิวขาวสูงประมาณ180เซน จมูกโด่งเห็นเป็นสันเท่านั้นเอง
“ฉันว่าเราแยกกันซื้อของดีกว่านะ”ฉันถามออกไปหลังจากที่เราสองคนซื้อของได้สักพัก
“ก็จะแยกกันเดินทำไมล่ะ ผมเข็นรถให้เนี่ยสบายดีออก” หมอนั่นเลิกคิ้วถามฉันอย่างสงสัย
“ฉันจะซื้อของใช้ส่วนตัว”ฉันย้ำคำว่า ‘ส่วนตัว’อย่างหนักแน่นแต่จะให้ฉันตอบไปได้ยังไงล่ะว่าอึดอัดกับสายตาของบรรดาสาวๆที่พากันมองดูหมอนี่น่ะ เดี๋ยวหมอนี่ก็จะคิดว่าตัวเองเสน่ห์แรงซะเปล่าๆ
“ก็เดินไปซื้อสิ ไม่ได้เอาเงินมาด้วยรึไง” จะให้ฉันทำยังไงกับหมอนี่ดีเนี่ย
“คือน้องกำปอ เข้าใจมั้ยคะว่าพี่เอิงต้องการซื้อของใช้ส่วนตัว ซึ่งมีความหมายคล้ายๆกัว่าบ ต้องการความเป็นส่วนตัวในการซื้อของอ่ะค่ะนายเข้าใจมั้ยกำปอ” ฉันหยุดเดินแล้วหันไปแว๊กใส่หมอนั้นที่เดินเข็นรถเข็นมาหยุดอยู่ข้างๆฉัน
“ก็ไปซื้อสิ ทำเหมือนเราไม่รู้จักกันก็ได้หนิเวลาซื้ออ่ะ อยากหยิบอะไรก็หยิบเลย นู้นไงผ้าอนามัยของใช้ส่วนตัวใช่มั้ยเดินไปหยิบเลย”หมอนี่ไม่พูดเปล่ามือขวาเข็นรถเข็นมือซ้ายยังลากฉันไปอีก
“นี่จะลากฉันทำไมเล่า ปล่อยเลยนะฉันเดินเองได้ กระโปร่งจะเปิดอยุ่แล้ว”ฉันโวยวายทันทีก็หมอนั่นสูงกว่าฉันตั้ง15เซนหนิ ขนาดความสูงยังแตกต่างกันนับภาษาอะไรกับความยาวแต่ละก้าวของขาล่ะ ละแถมวันนี้ฉันยังใส่ชุดเดรสลายดอกสีชมพูอ่อนยาวแค่เข่าต้อนรับซัมเมอร์
“โอ๊ย จะหยุดเดินก็บอกกันก่อนสิ”หมอนี่หยุดเดินกระทันหันทำเอาฉันที่เดินตามแรงกระชากลากถูในตอนแรกเอาหัวไปชนกับหลังของหมอนี่ เจ็บชะมัด
“ก็ใครบอกให้ใส่ล่ะชุดนี้ ดูดิกระโปรงก็สั้นขาก็ใหญ่ยังกับขาหมูเคลื่อนที่อ่ะ”นายกำปอหันหน้ามาว่าให้ฉันทันทีO-O จะบ้าเหรอฉันไม่ได้อ้วนขนาดนั้นนะฉันน้ำหนักแค่สี่สิบเก้าเองสูงตั้งหนึ่งร้อยหกสิบห้า นายจะบ้าเหรออ อ!!
“ปากเสีย ตบปากตัวเองเดี๋ยวนี้เลยนะ นายไม่มีสิทธิ์มาว่าให้ฉันกรุณาให้เกียรติด้วยเพราะฉันเป็นพี่ของนายนะยะ”จากนั้นฉันก็เลิกสนใจหมอนี่แล้วหันกลับไปซื้อของต่อรีบๆซื้อของจะได้กลับบ้านเร็วๆ
หลังจากที่ซื้อของเสร็จโดยนายกำปอเป็นคนจ่ายทั้งหมด หมอนั่นบอกว่าเพื่อความยุติธรรมที่ฉันสอนงานบ้านให้แถมให้อยู่บ้านฟรีๆดูแลเขาเป็นอย่างดี (__ __)! เหมือนมันจะพูดแบบประชดเลยอ่ะ ฉันเลยจัดการให้หมอนั่นเข็นรถเข็นที่บรรจุไปด้วยข้าวของต่างๆเอาไปเก็บไว้ในรถก่อนแล้วค่อยกลับเข้ามาในห้างอีกครั้งเพื่อทานข้าวกลางวันที่นี่โดยฉันบอกว่าจะเลี้ยงเป็นการแลกเปลี่ยน
“อยากดูหนังอ่ะ” หมอนั่นโอดครวญทันทีหลังจากที่ทานข้าวเสร็จ
“นายจำทางกลับบ้านได้มั้ย”ฉันถามระหว่างที่เดินออกจากร้านอาหาร แต่หมอนี่ก็ยังทำหน้างง
“ก็พอจำได้อยู่นะ พึ่งขับเอง ถามทำไมอ่ะ”นายนั่นหยุดเดินละหันมาถามฉันด้วยความแปลกใจ
“งั้นนายก็ดูหนังต่อก็ได้ แต่เดี๋ยวฉันจะกลับบ้านไปก่อน”
“ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”
“ก็นายอยากดูหนังไม่ใช่รึไง”ฉันถามพรางออกเดินก่อน จากนั้นหมอนี่จึงสาวเท้าเดินตามเพื่อที่จะเดินอยู่ข้างๆฉัน
“ผมอยากดูหนัง….ก็ใช่ แต่ที่ผมอยากดูอ่ะคือผมอยากดูกับเอิงอ่ะ” ไม่พูดเปล่าอีตากำปอยังเอามือมาจิ้มที่เอวฉันอีก
“ฉันไม่ได้เอาแว่นตามา”ปกติเวลาฉันมาดูหนังในโรงภาพยนตร์ฉันต้องใส่แว่นตาทุกครั้งค่ะ เพราะการจ้องภาพในที่มืดนานๆทำให้ฉันปวดตามาก =_=!!
“ในโรงหนังเค้าก็มีแว่นตาสำหรับ 3d ให้อยู่มั้ง จะเอามาจากบ้านทำไมล่ะ”ฉันไม่รู้ว่าหมอนี่มันกวนประสาทหรือพูดออกมาด้วยความไม่รู้แต่สิ่งที่ฉันควรจะทำแน่นอนคือต้องใจเย็นทุกครั้งที่โมโห
ใจเย็นมันเริ่มจะร้อน ดา ดาดิ ดา ด้า ฉันร้องบอกตัวเองในใจว่า ใจเย็นๆอย่าพึ่งโวยวายอย่าคนอื่นเค้า U_Uเพราะ ตอนนี้ฉันกับนายกำปอกำลังถกเถียงกันอยู่ที่หน้าโรงหนังค่ะฉันเริ่มจะทนไม่ไหวกับความกวนประสาทหมอนี่จริงๆ
“ฉันหมายถึงแว่นสายตาต่างหาก ฉันต้องใส่ทุกครั้งที่มาดูเพราะการจ้องภาพในที่มืดนานๆทำให้ฉันปวดตา”
“ก็ไม่อธิบายดีๆตั้งแต่แรกเล่า ประหยัดคำพูดอยู่ได้ ดอกพิกุลมันไม่ร่วงหร๊อก”
“ฉันผิดอีกแล้วใช่มั้ย YxY”
“งั้นผมซื้อแผ่นหนังเป็นดีวีดีไปดูที่บ้านนะ อยากดูอ่ะได้รึป่าว”หมอนั่นถามความคิดเห็นจากฉัน
“อืม ตามใจนายละกันเอาซี่รีย์เกาหลี ก็ดีนะเน้นพระเอกหล่อๆด้วย” ฉันชอบดูซี่รีย์เกาหลีมากเลยล่ะ ก่อนจะดุแต่ละเรื่องฉันไม่ได้ดูที่เนื้อเรื่องนะฉันดูที่พระนางของเรื่องก่อน ถ้าหล่อ สวย หน้าตาดี มันจะมีกำลังใจในการซื้อและกำลังใจในการดู
“โอ๊ยเห็นทุกวันไม่เบื่อรึไง พระเอกหล่อๆเนี่ย”
“อะไรของนาย”ฉันหันหน้าไปถามนายกำปออย่างงงๆ
“ก็ผมไง ออกจากหล่อขนาดนี้เห็นทุกวันจะดูอีกทำไมซี่รีย์เกาหลีที่มีพระเอกหล่อๆอ่ะ ดูผมนี่ก็ได้ไฟก็ไม่ต้องเปลือง แผ่นก็ไม่ต้องซื้อ แถมได้จับไม้จับมือ จะทำอะไรได้ ไม่ต้องดูแค่ภาพในจอ”
“มั่นใจนะ….. พูดไม่อาย เล่นแบบมุกไม่ขำอ่ะ ไปคิดมาใหม่เถอะ”
จากนั้นหมอนั่นจึงแยกเข้าไปในร้านขายดีวีดีหนังส่วนฉันก็เข้าร้านหนังสือที่อยู่ตรงข้ามกัน เวลาที่อยู่ที่บ้านฉันชอบอ่านนิยายมากค่ะ เพราฉะนั้นซื้อเก็บไว้หลายๆเล่มจะได้อ่านพักผ่อนตอนปิดเทอม
หลังจากที่ฉันซื้อหนังสือเสร็จ จึงเดินออกมาหน้าร้านเพื่อยืนรอหมอนั่น แต่กลับพบว่าหมอนั่นยืนรอฉันอยู่ก่อนแล้ว แถมยืนคุยกับผู้หญิงที่มาด้วยกันสองคน ซึ่งฉันจะไม่ตกใจเลยถ้าผู้หญิงสองคนนั้นไม่ใช่ยัยรุ่นพี่มหาภัยที่เรียนอยู่ในคณะเดียวกับฉันแถมสาขาเดียวกันอีก และอะไรก็ไม่ร้ายเท่าก่อนกลับจากเชียงใหม่ที่ฉันพึ่งจะไปมีเรื่องกะยัยพวกนี้ด้วย
“นายรู้จักยัยสองคนนั่นด้วยเหรอ” ฉันถามทันทีที่นายกำปอแยกตัวกลับยัยรุ่นพี่มหาภัยของฉัน
“อ๋อพี่กี้กี้กับพี่ดี้อ่ะเหรอ” แหม ม ม !!ที่ฉันไม่เห็นนายจะเรียกว่าพี่เลยสักครั้งนะ
“ใช่ยัยนกสองหัวนั่นแหละ ไม่ใช่สินกสี่หัวต่างหากเพราะหนึ่งคนต่อสองหัว” หมั่นไส้วุ๊ย
“ทำไมไปว่าพี่เค้าแบบนั้นเล่า” หมอนั่นที่ดึงถุงนิยายออกจากมือฉันเพื่อไปถือเองว่าให้ฉันอีกแล้ว
“ทียัยสองคนนั่นนายเรียกพี่เหรอ? ทีกับฉันนายไม่เห็นจะเคยเรียกสักครั้ง”ฉันถามกลับอย่าโมโห ฉันเป็นผู้มีพระคุณสอนงานบ้านให้นายนะ
“ก็เขาเป็นพี่”หมอนั่นตอบได้ตรงคำถามมากฉันอยากจะถามออกไปว่า แล้วฉันไม่ใช่พี่ของนายรึไงแต่ก็พึ้งนึกได้ว่าตอนเจอกันครั้งแรกหมอนั่นพึ่งว่าให้ฉันว่าใครบอกว่าฉันเป็นพี่ของเขา เพราะฉะนั้นช่างมันเถอะเปลี่ยนคำถาม
“”แล้วรู้จักกันได้ยังไง” ฉันงงมากเลย ไปรู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่ เอาเวลาไหนไปจีบกันเห้ยไม่ใช่
“ทำไม หึงผมล่ะสิ” หมอนั่นไม่พูดเปล่ายื่นหน้าเจ้าเล่ห์มาหาฉันอีกแล้ว
“ไม่ใช่แบบนั่น ฉันแค่อยากรู้ว่านายรู้จักคู่อริฉันได้ยังไง”ฉันบอกออกไปพร้อมกับเดินมุ่งหน้าไปทางออกเพื่อเดินไปยังที่จอดรถ โชคดีที่วันนี้เอารถของนายกำปอมาจะได้ประหยัดน้ำมันรถของฉัน
“ก็รู้จักกันอ่ะ แบบว่าพี่เขาคนที่ชื่อดี้อ่ะเป็นพี่ของเพื่อนอีกที”หมอนั่นตอบก็จริงแต่ดันไม่ยอมสบตาฉันด้วยอ่ะ มีคนเคยบอกฉันว่าถ้าคำตอบนั้นคนตอบไม่ยอมสบตาคนถามเขาจะพูดโกหกนะ O_o
“จริงเหรอ อ อ…ไม่ใช่ว่าแอบกิ๊กกันหรอกนะ” ก็หน้าตาหมอนี่มีพิรุธชัดๆ
“ไม่ใช่แล้ว อย่ามั่ว ป่ะรีบกลับ้านเถอะผมซื้อหนังมาหลายแผ่นเลย” พูดเสร็จก็เดิวลิ่วๆทิ้งฉันไปเลยอ่ะ
“ชิส์!!!”หมอนั่นแถไปเรื่องอื่นจนได้ อย่าให้ฉันได้รู้เรื่องนี้อย่างละเอียดแล้วกัน ถ้าจับได้ว่าโกหกมีเรื่องแน่ๆ!!!!
ช่วยคอมเม้น วิจารณ์ให้ทีนะคะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ