เผลอรัก...จับใจ
เขียนโดย soso_sung
วันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 14.15 น.
แก้ไขเมื่อ 25 เมษายน พ.ศ. 2556 20.49 น. โดย เจ้าของนิยาย
9)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่9
“ไขไข่! เธอหายไปไหนมาโทรไปก็ไม่รับ” และก่อนที่ฉันจะเข้าบ้านเสียงอาเยียนที่ตะโกนพร้อมกับวิ่งเข้ามาหาฉันด้วยหน้าตาตื่น
“มีอะไรหรือเปล่า” ฉันถามอาเยียนด้วยความสงสัย
“เธอ...เฮือก...เหนื่อย...ขอพักหาย...ใจ...แปบ” กว่าอาเยียนจะพูดจบก็ทำให้ฉันเหนื่อยตามไปด้วย
“เข้าบ้านก่อน” ฉันลากอาเยียนที่ทำท่าจะทรุดลงไปนั่งให้เข้าบ้าน
“อ่ะ มีอะไรว่ามา” พอเข้ามาในบ้านฉันก็จัดการหาน้ำให้อาเยียนดื่ม
“เฮ้อ ขอบใจ” อาเยียนรับน้ำไปดื่มรวดเดียวจนหมด
“เธอจ้องหน้าฉันทำไม” ฉันทำถามอาเยียนที่ไม่ยอมปริปากพูดเอาแต่จ้องหน้าฉัน
“เมื่อวานเธอไปไหนมา” อาเยียนถามด้วยน้ำเสียงเรียบ สายตาของเธอจ้องเขม็งมาที่ฉัน
“ฉันก็ไม่ได้...”
“อย่ามาโกหก ฉันโทรหาเธอก็ไม่รับ มาที่บ้านเธอก็ไม่อยู่” ก่อนที่ฉันจะพูดจบอาเยียนก็พูดตัดบทขึ้น “และไอ้นี้อะไร เธอไปอยู่ในนี้ได้ยังไง” อาเยียนหยิบหนังสือพิมพ์ออกจากระเป๋ามาวางไว้ที่กลางโต๊ะ
“เธอเอาข่าวมาให้ฉันดูทำไมกัน” ฉันคว้าหนังสือพิมพ์แล้วก็ดูภาพ “ก็ไม่เห็นมีอะไรนิ สภาพอากาศก็ปกติ เศรษฐกิจก็ไม่ได้แย่ เธอเอาไรมาให้ฉันดูเนี่ย”
“อ้ากก ถ้าฉันไม่รู้จักเธอมาก่อนฉันต้องฆ่าเธอตายแน่เลยยัยไขไข่” อาเยียนโวยวายแล้วคว้าหนังสือพิมพ์ไปเปิดหน้าข่าวบันเทิงแล้วก็ชี้รูปภาพที่ไม่เล็กมาให้ฉันดู
“นี้ใคร แล้วนี้ใคร” อาเยียนชี้นิ้วไปที่รูปคนสองคนที่กำลังประคองกันอยู่โดยผู้ชายเป็นฝ่ายประคองและเขามีท่าทางภูฐานมาก
“นี้มัน...คาร์ลหรอ” ฉันตาโตเมื่อสังเกตเห็นให้ชัดๆและเขาเข้าไปอยู่ในนั้นได้ยังไงแล้วนั้นเขาประคองใครนะ “ฉันหรอ” และก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อเอารูปนั้นขึ้นมาดูให้ชัดๆ นั้นมันฉันจริงๆด้วย ถ้าไม่สังเกตให้ดีๆก็ไม่รู้เลยนะเนี่ย
“เธออ่านที่พาดหัวข่าวสิ” อาเยียนตอบมาอย่างใจเย็น
“สาวๆทั้งหลายคงต้องอกหักกันแล้วละจ๊ะเมื่อหนุ่มฮอตของเรามีตัวจริงซะแล้ว เอ๋! ข่าวดีจะมีเมื่อไรกันน่า พ่อหนุ่มสุดฮอต” ฉันอ่านตามที่นักข่าวเขียนแต่ก็ต้องมาสะดุดตรงที่ ‘ตัวจริง’เข้า
“ทีนี้เธอจะอธิบายให้ฉันฟังได้หรือยัง” อาเยียนถามอีกครั้ง
“เหวินอี้เห็นข่าวนี้ยัง” ฉันถามอาเยียนด้วยความกลัว
“รู้แล้ว เขาเป็นคนเอาข่าวนี้ให้ฉันเอง” อาเยียนตอบ
“ไม่จริงน่า” นี้ฉันทำอะไรไปเนี่ย อยู่กับตานั้นฉันมีแต่ความซวยจริงๆเลย ให้ตายสิ
“ไหนเธอบอกว่าเธอจะไม่ไปหายูมิไง!” อาเยียนตะโกนด้วยความโกรธที่เธอรู้สึกผิดหวังกับเพื่อนที่ผิดสัญญา
“ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ ฉันไม่รู้ว่ายูมิจะเล่นเกมส์บ้าๆจนให้ฉันเป็นแบบนี้”
“เธอไม่รู้ ใช่เธอไม่รู้แต่เธอก็ไม่ควรจะไป เธอควรบอกเหวินอี้เรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นปัญหาของเหวินอี้กับยูมิไม่ใช่เธอ” อาเยียนไม่ยอมหยุด
“เดี๋ยวๆ เธอหมายความว่ายังไง” ฉันหยุดอาเยียนเมื่อเรื่องมันชักจะไปกันใหญ่
“อะไรหมายความว่ายังไง เธออย่ามาเฉไฉเปลี่ยนเรื่องนะไขไข่”
“เรื่องของยูมิกับเหวินอี้ พวกเขาสองคน...” ฉันเกริ่นนำ
“นี้เธออย่าบอกนะว่าเธอไม่รู้ว่ายูมิกับเหวินอี้เป็นคู่หมั้นกัน แล้วพวกเขาก็ถอนหมั้นกันแล้ว”
“ฉันไม่รู้” และภาพที่เซร่าพยายามจะบอกอะไรบางอย่างฉันแต่ก็ถูกยูมิขัดไว้ก่อน
“เธอไม่ผิดหรอกก็เขาสองคนนั้นเลิกกันไปแล้ว แต่ยูมิก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเอาเธอเข้าไปเกี่ยว” ตอนนี้ฉันหมดแรงที่จะทำอะไรแล้ว แต่อาเยียนก็ยังคงพูดต่อไปเรื่อยๆ
“ไขไข่เธอฟังฉันอยู่หรือเปล่า” อาเยียนเดินเข้ามาจับฉันที่ตอนนี้ไม่มีแรงแม้แต่พูด
“พวกเขายังไม่เลิกกันจริงๆหรอก” เพราะไม่อย่างนั้นยูมิก็คงไม่มาหาเรื่องฉันแบบนี้ แถมภาพตอนที่คาร์ลมาที่หมา’ลัยอีก สายตาของเขาถึงว่าทำไมมันแปลกๆ
“ฉันไม่สนเรื่องนั้นหรอกนะ แต่เธอไม่ควรจะทำเรื่องอันตรายแบบนั้นอีก” อาเยียนกอดปลอบใจฉัน
“ฉันเหนื่อยจัง” ฉันได้แต่เอาหัวพิงไปที่ไหล่อาเยียนแล้วฉันก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย
และเมื่อฉันคิดทบทวนว่าจะต้องแก้ไขยังไงฉันก็ตัดสินใจโทรหาเหวินอี้เพื่อคุยกันเรื่องนี้ แต่เหวินอี้ไม่ยอมรับสายฉันเลย ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ไหนและเป็นอะไรหรือเปล่า
“ฉันโทรไม่ติด” ฉันหันไปหาอาเยียนที่ตอนนี้คุยโทรศัพท์กับอาฉิน
“โทรใหม่” อาเยียนบอกแค่นั้นก็หันไปคุยโทรศัพท์ตัวเอง
“อาเยียน ฉันจะออกไปหาข้างนอก” ฉันบอกแค่นั้นก็คว้าเสื้อกันหนาวแล้วออกมาโดยปล่อย
อาเยียนที่ร้องตะโกนอยู่ข้างหลัง
“เหวินอี้นายหายไปไหนน่ะ” ฉันไม่รู้ว่าจะต้องไปหาเขาได้ที่ไหน
“รับสายฉันสิ” ฉันพยายามที่จะโทรหาเหวินอี้แต่สายก็ถูกตัดเสมอ
“นายเป็นบ้าอะไรเนี่ย!!!” ฉันตะโกนออกมาอย่างหมดความอดทน ฉันทั้งกลัวทั้งเสียใจที่เรื่องเป็นแบบนี้ และพอรู้ตัวเองอีกทีก็รู้สึกถึงสายตานับหลายคู่ของคนที่เดินผ่านไปผ่านมามองอย่างกับฉันเป็นคนบ้า
ติ๊ด ติ๊ด เสียงโทรศัพท์
“ฮัลโหล เหวินอี้นายอยู่ไหนนะ” ฉันรับสายทันทีที่เป็นเหวินอี้
“มาที่...”
“นั้นใครค่ะ...ฮัลโหล...” เบอร์ของเหวินอี้แต่กลับเป็นเสียงผู้หญิงแถมไม่ใช่เสียงของยูมิด้วย
“แท็กซี่” ฉันเรียกแท็กซี่ทันทีและบอกสถานที่ที่จะไป
และไม่กี่นาทีต่อมาฉันก็มาถึงสถานที่ที่ผู้หญิงคนนั้นบอก มันเป็นผับที่ฉันเคยมาแล้วตอนที่ยูมินัด แต่ก่อนที่ฉันจะได้เข้าไปข้างในเสียงโทรศัพท์ก็ดังอีกครั้ง
“ฮัลโหล”
“ที่รักอยู่ไหนจ๊ะ”
“นั้นใครนะ” ฉันถามกลับเพราะเบอร์ที่ขึ้นมันเป็นเบอร์แปลก
“พึ่งห่างกันไม่ถึงสองชั่วโมงนะ” เสียงนั้นเริ่มเข้มขึ้นทำให้ฉันรู้เลยว่าคาร์ลโทรมา
“เอ่อ...” ฉันถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว
“แล้วนั้นอยู่ไหนนะ ทำไมเสียงดังจัง” เขาถามอีกครั้ง
“อ่ออยู่บ้านนะ พอดีข้างบ้านเขาเปิดเสียงดังนะ...ค่ะ” ฉันต้องพูดเสียงหวานกลบเกลื่อนเข้าไว้เพื่อไม่ให้เขาจับผิดได้
“แน่ใจนะ” คาร์ลยังคงถามย้ำอีกครั้ง
“แน่ใจสิ ที่รักค่ะเดี๋ยวไขไข่ขอตัวไปอาบน้ำแล้วทำการบ้านก่อนนะค่ะ” แหวะ! ฉันไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะต้องมาพูดหรือทำอะไรแบบนี้
“โอเค ผมไม่กวนแล้วละกัน...” พอคุยกันรู้เรื่องฉันก็ตัดสายทันที
“ตาบ้าเอ่ย ฉันยิ่งยุ่งๆอยู่นะ” ฉันว่าใส่โทรศัพท์แต่ไม่นานมันก็ดังขึ้นอีกครั้ง แล้วก็เป็นเบอร์ของคาร์ล
“โทรมาทำไมอีกละเนี่ย” แต่ฉันก็ต้องกดรับ “มีอะไรหรอค่ะ”
“ผมยังคุยไม่จบเลย” น้ำเสียงเหมือนหาเรื่อง
“อ่อ สงสัยสายมันหลุดนะค่ะ แล้วที่รักมีอะไรหรือเปล่าค่ะ”
“ก็ไม่ได้มีอะไร แค่จะบอกว่าฝันดีนะ”
“อ่อ... ฝันดีเช่นกันค่ะ” ฉันบอกกลับ
“จุ๊บส่งผมด้วยสิ” ทำไมเขาต้องทำอะไรปัญญาอ่อนแบบนี้ด้วยนะ
“จุ๊บๆ ฝันดีนะค่ะที่รัก”
“จ้า” แล้วเขาก็วางสายไป
เฮ้อ! กว่าเขาจะยอมวางสายได้เกือบเอาฉันแย่ ตอนนี้ก็ต้องไปหาเหวินอี้แล้ว แต่ทำไมเหวินอี้มาเที่ยวแบบนี้กันละ
“คนเยอะจังเลย” พอเข้ามาข้างในก็ต้องเจอคนมากมายที่ขยับร่างกายตามจังหวะเพลงที่เมามันส์
“โอ้ย เจ็บๆๆ” ฉันต้องเดินเบียดคนนู่นคนนี่แล้วตัวก็โดนกระแทกกับโต๊ะ
“น้องสาวเป็นอะไรหรือเปล่าจ้า” ผู้ชายขี้เมาคนหนึ่งเข้ามาถามฉัน แต่สายตานั้นมองสำรวจร่างกายฉันอย่างจาบจ้วง
“ฉันไม่เป็นอะไร” ฉันตอบแล้วก็เดินหนีแต่ก็ต้องถูกคว้าแขนไว้ก่อน
“เดี๋ยวก่อนสิจ๊ะ มาเต้นกับพี่ก่อน” ไม่พูดเปล่าแต่ยังลากแขนให้ฉันไปร่วมวงเต้นด้วย
“ไม่ละ ขอตัว” ฉันพยายามดึงแขนให้หลุดออกแต่ก็ยากเหลือเกิน เพราะไอ้ขี้เมาคนนี้มันทั้งดึงทั้งลาก
“ปล่อยฉันนะ” ฉันเอามืออีกข้างจับโต๊ะไว้ไม่ให้ไปตามแรงลากของไอ้ขี้เมา
“อย่าเล่นตัวน่า เร็วๆ” เหมือนมันจะหมดอารมณ์เลยเดินเข้าจับมือข้างที่ฉันเกาะโต๊ะไว้แล้วล็อคตัวฉันไป
“ปล่อยฉัน” ฉันทั้งดิ้น ทั้งแตะโดนคนนั้นคนนี้แต่ก็ดูว่าจะไม่มีใครสนใจฉันเลยมัวแต่เต้นเหมือนถูกน้ำร้อนลวก นี้ฉันโดนฉุดน่าไม่มีใครช่วยฉันเลยหรอเนี่ย
“โว้วๆ แกไปฉุดสาวที่ไหนมาละเนี่ย น่ารักจิ้มลิ้มจังเลย” ไอ้ขี้เมาลากฉันมาที่โต๊ะซึ่งมีคนนั่งกันเต็มอยู่แล้วมีทั้งชายและหญิง
“ฉันเดินชนเธอเลยอยากจะเลี้ยงเหล้าเป็นการไถ่โทษแต่เธอเล่นตัวเอาซะฉันเหนื่อย” ไอ้ขี้เมาบอกกับเพื่อนที่ถาม
“แต่ดูเหมือนเธอจะไม่เต็มใจนะ” ผู้ชายอีกคนพูดเสียงเรียบๆแล้วมองหน้าฉันผ่านแว่นและพึ่งสังเกตว่าคนทั้งกลุ่มรวมทั้งไอ้ขี้เมาด้วยหน้าตาดูดีกันหมดเลย เหมือนกับดาราหลุดออกมาจากนอกจอ
“นั้นก็เรื่องของเธอ ฉันอยากเลี้ยง เอานั่งลง” ไอ้ขี้เมาผลักฉันให้นั่งลง ซึ้งข้างนั้นก็มีผู้หญิงกับผู้ชายนั่งจูบกันอยู่
“มองอะไร” ผู้ชายคนนั้นหยุดจูบเมื่อรู้สึกถึงคนมอง
“เปล่า” ฉันตอบเบาๆแล้วพยายามหาช่องทางหนี แต่ดูท่าจะยากเมื่อไอ้ขี้เมานั่งปิดทาง
“ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน พึ่งมาใหม่หรอเรา” ผู้หญิงที่แต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดถามพลางจิบค็อกเทล
“พูดเรื่องอะไร” ฉันถามกลับด้วยความงง
“ไมต้องอายหรอกน่า” เธอยิ้มๆแล้วหันไปป้อนผลไม้ให้ผู้ชายคนข้างๆ และพึ่งจะได้สังเกตว่าผู้ชายกลุ่มนี้หน้าตาดีกันทั้งหมดเลย เหมือนกับกลุ่มบอยแบนด์
“ฉันมีธุระที่จะต้องไปทำ พวกนายมาจับตัวฉันทำไมเนี่ย” ฉันหันไปตวาดใส่คนข้างๆซึ้งก็คือไอ้ขี้เมา
“ก็อยากจะเลี้ยงเหล้าเป็นการไถ่โทษ ฉันก็บอกเธอไปแล้วไง” หมอนั้นย้อนกลับมากวนๆพร้อมกับยักคิ้วสองสามที
“ฉันจะหมดความอดทนแล้วนะ” ฉันยังคงไม่เลิกตวาด
“นายปล่อยเธอไปเถอะ ผู้หญิงไม่เล่นด้วยก็อย่ายุ่งเลย” ผู้ชายที่ใส่แว่นพูดเสียงเรียบแต่ก็ยังคงจ้องฉันไม่วางตา
“เธอมาทำธุระอะไรในนี้ละ” ไอ้ผู้ชายขี้เมาถาม
“นั้นมันก็เรื่องของฉัน” ฉันหันไปจ้องหน้าไอ้ขี้เมาอย่างไม่กลัวแต่ในใจนี้หัวใจแทบเต้นจนมันจะหลุดออกจากขั้วของมันอยู่แล้ว
“ดื่มแก้วนี้หมดฉันถึงจะปล่อย” ไอ้ขี้เมายื่นแก้วเหล้ามาให้ฉัน
“ฉันไม่ดื่ม” ฉันยื่นคำขาด
“งั้นเธอก็ไม่ต้องไป” ไอ้บ้านี้คิดจะแกล้งฉันไปถึงไหนกัน ดูมันสิ ไม่สนใจฉัน เอาแต่ดื่มๆแล้วก็ดื่ม
“นายอยากตายนักหรือไงถึงเอาแต่ดื่มแบบนี้” ฉันคว้าแก้วของหมอนี้ออกมาแล้วก็วางไว้ที่โต๊ะและการกระทำของฉันเรียกสายตาจากเพื่อนๆในกลุ่มได้เป็นอย่างดี มองกันทำไมย่ะ ฉันก็แค่อยากเป็นคนดีไม่อยากให้ใครตายเพราะน้ำพวกนี้
“เธอจะดื่มแทนฉันหรือไง” ถึงเขาจะดื่มไปหลายแก้วแต่เสียงของเขาก็ยังปกติเหมือนที่เขาดื่มไปนั้นเป็นเพียงน้ำเปล่า
“ไม่ ถอยไปได้แล้ว ฉันจะกลับ”
“ไม่ทำตามข้อตกลงก็ไม่ให้กลับ” ไอ้ขี้เมาพูดพรางยักคิ้วกวนประสาท
ทำไมฉันต้องมาเจอสภาพอะไรแบบนี้ด้วยนะ เพราะตาบ้าคาร์ลคนเดียวโทรมาทำไมก็ไม่รู้ ฉันเจอเรื่องซวยเลย
“นายไม่รู้ใช่ไมว่าฉันเป็นใคร”
เพราะนายทำให้ฉันซวยดังนั้นฉันก็จะทำให้นายซวยไปด้วยนายคาร์ล
“ว่ามาสิจ๊ะ เธอเป็นใครหรอ” ไอ้ขี้เมา(ก็ยังไม่รู้จักชื่อ)ถามยิ้มๆ
“นายรู้จักคาร์ลไม คนที่เป็นเจ้าของห้างฯ...”
“แม่สาวน้อยเธอตัวแค่นี้ไปรู้จักคนใหญ่คนโตได้ยังไงกัน” ฉันยังพูดไม่จบไอ้ขี้เมาก็พูดแทรกและดูท่าว่ามันจะไม่เชื่อที่ฉันพูด
“นายไม่เชื่อหรอ”
“ใช่ ฉันไม่เชื่อ ฮ่าๆๆ อย่ามาโกหกกันเลยดีกว่า” ไม่เพียงแต่ไอ้ขี้เมาเท่านั้นแต่เพื่อนๆของเขาก็ไม่เชื่อ
“ถ้านายไม่เชื่อฉันจะโทรให้เขามา” ฉันเตรียมกดเบอร์หาคาร์ลแต่ก็ถูกไอ้ขี้เมาคว้าไป
“แสดงได้ดีมากๆเลย ตบมือ แปะๆๆ” เละเพื่อนในกลุ่มก็ตบมือ
“นี้พวกนาย” ฉันชักจะหมดความอดทนกับพวกนี้แล้วสิ
“โว้ว ใจเย็นๆ นั่งลงก่อน” ไอ้ขี้เมาลุกขึ้นมาดันให้ฉันนั่งลงเหมือนเดิมแต่ก่อนที่ฉันจะนั่งสายตาก็เหลือบไปเห็นยูมิพยุงเหวินอี้อยู่
“ฉันเจอเพื่อนฉันแล้ว ขอตัว” ฉันพยายามที่จะออกแต่ก็ถูกขว้างไว้
“อย่ามาโกหกน่า เพี้ย!!”
“เลิกยุ่งกับฉันสักที” แล้วฉันก็รีบออกจากตรงนั้นทันทีเพื่อตามยูมิที่ออกประตูไปแล้วให้ทัน
“เจ็บไมเพื่อน”
“ถูกใจข้าเลยว่ะ”
ขายไข่ไม่รู้เลยว่าเธอได้เพิ่มอันตรายให้ตัวเธอโดยไม่รู้ตัว แลอันตรายตัวนี้ก็สามารถเปลี่ยนชีวิตเธอได้อย่างที่พระเจ้าเองก็เอาไม่อยู่
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ