เผลอรัก...จับใจ
เขียนโดย soso_sung
วันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 14.15 น.
แก้ไขเมื่อ 25 เมษายน พ.ศ. 2556 20.49 น. โดย เจ้าของนิยาย
18)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่18
ฉันออกมาจากโรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อย แต่ฉันออกมาโดยการหนี ฉันไม่อยากเจอหน้าเขาอีก เมื่อหลังจากที่เราทะเลาะกันเขาก็ไม่มาให้ฉันเห็นหน้าเลย แถมเขายังเอาลูกน้องมานั่งเฝ้าฉันที่หน้าห้องอีก ฉันไม่อยากเป็นเพียงแค่มนุษย์ที่ถูกเขาควบคุมและขังฉันอยู่อย่างนั้น ฉันเลยให้อาเยียนช่วยและเราก็ทำได้สำเร็จ
“ให้ตายสิ ฉันหลวมตัวช่วยแกได้ยังไงเนี่ย” ตอนนี้ฉันอยู่บ้านอาเยี่ยยน
“ช่วยฉันแล้วเธอจะสบายใจ ฮ่าๆ”
“นี้เธอยังจะหัวเราะได้อยู่หรอย่ะ ถ้าคุณคาร์ลรู้ว่าเธอหนีเขาคงตามล่าหาเธอแน่ๆ”
“ฉันก็หวังให้เป็นอย่างนั้น” ใช่ ฉันหวังว่าครั้งนี้เขาก็ยังสั่งให้ลูกน้องตามหาฉันและคอยเฝ้าดูฉันอยู่เหมือนกัน
“ฉันไปช่วยอาฉีทำกับข้าวดีกว่า” แล้วอาเยียนก็เดินออกไปจากห้องนอนที่ตอนนี้มันจะกลายเป็นของฉัน
อาเยียนกับอาฉีออกมาอยู่ด้วยกัน และบ้านที่อาศัยอยู่เป็นบ้านชั้นเดียวแต่มีสองห้องนอนและมีห้องน้ำในตัว มีห้องครัวติดกับห้องรับแขก โดยสภาพภายนอกนั้นก็น่าอยู่และมีเพื่อนบ้านที่น่ารักเป็นกันเองอีกด้วย
“เธอไม่คิดจะมาช่วยฉันหรอย่ะ” เสียงของอาเยียนดังมาจากห้องครัว
“จ้า” ฉันต้องทิ้งความคิดของตัวเองแล้วก็เข้าไปช่วยคู่รักทำอาหาร
เวลาผ่านไปไว้เหมือนเป็นเรื่องโกหก ตอนนี้ฉันจบปริญญาโทแล้ว และก็เป็นอย่างที่ฉันคิดไว้จริงๆ คาร์ลไม่ได้ออกตามหาฉัน เขาหายตัวลึกลับไม่มีใครเจอเขาเลย ฉันพยายามทำตัวให้เป็นปกติ แต่ก็มีบ้างครั้งที่เวลาฉันออกไปซื้อของก็จะมีคนมองฉันและชี้ชวนกันดู จำเรื่องที่ฉันเป็นข่าวกับเขาได้ไม มีคนกลุ่มหนึ่งพยายามค้นเรื่องราวเก่ามากระจาย ไม่ว่าตอนที่คาร์ลพาฉันออกจากบ้านหรือจะเป็นตอนนั่งรถเมล์นั้นไม่เพียงแค่ตอนนั้น ยังมีรูปฉันที่เข้าออกอพาร์ทเม้นท์อีก นักข่าวทั้งหลายเมื่อเจอฉันต่างเข้ามาถามกันใหญ่แต่ฉันก็ปฏิเสธตลอดมา แถมคาร์ลก็หายตัวไป ทำให้คนเลิกที่จะสนใจ แต่นั้นก็แค่บางกลุ่ม และพอมาตอนนี้ฉันเลยต้องทำตัวเหมือนเป็นพวกดาราโดยการใส่หมวกเอาแมทปิดปาก
“อาเยียนฉันไปก่อนนะ” เมื่อพรางตัวเรียบร้อยฉันก็ออกไปทำงาน
“เดี๋ยว เอาอาหารไปด้วย” อาเยียนรีบวิ่งเอากล่องอาหารกลางวันมาให้ฉัน
“ขอบใจจ้า”
ใช่แล้ว ฉันยังไม่ไสหัวออกจากบ้านของคู่รักที่ตอนนี้แต่งงานกันเป็นที่เรียบร้อย ข่าวดีอีกอย่างคืออาเยียนกำลังท้องลูกคนแรกได้สองเดือน ทำให้อาฉีต้องประคบประงมที่รักของเขาอย่างดี แต่ฉันก็ช่วยจ่ายค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำค่าไฟนะ ฉันกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อหาเงินซื้อบ้านอยู่ แต่ก่อนที่ฉันจะซื้อบ้านของตัวเองกลับต้องซื้อพื้นที่แห่งหนึ่งให้ได้เสียก่อน และตอนนี้ฉันก็กำลังยืนมองมันอยู่
“เดือนหน้าหนูจะโอนเงินให้คุณอานะคะ” ฉันโทรศัพท์โทรหาคุณอาซึ่งเป็นญาติของคุณพ่อที่ตอนนี้อยู่ต่างประเทศ
“คะ ขอบคุณนะคะ” และฉันก็กดวางสาย
พื้นที่ที่ว่านี้แต่เดิมเคยเป็นของคุณพ่อ มันเป็นพื้นที่กว้างที่มีหญ้าเขียวขจีเต็มไปหมด และสิ่งที่สะดุดตาก็คือต้นไม้ใหญ่ที่เต็มไปด้วยใบไม้สีเขียว
“คุณพ่อคะ หนูทำสำเร็จแล้วนะคะ” ฉันเงยหน้าไปบนท้องฟ้าที่คุณพ่อคุณแม่อยู่
“อีกไม่นาน หนูจะสร้างบ้านอยู่ที่นี้” แล้วเธอก็สร้างจิตนาการบ้านไม้หลังเล็กๆสีขาวอยู่ใกล้ๆกับต้นไม้ใหญ่นั้น
“รอหนูอีกนิดนะคะ” เธอยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ
พื้นที่นี้ไม่ห่างจากในเมืองมากนักทำให้ง่ายต่อการเดินทาง ที่จริงเธอไม่รู้หรอกว่ามีพื้นที่นี้อยู่แต่คุณพ่อบอกตอนที่ฉันไปอยู่ข้างบน คุณพ่อบอกว่าเก็บเงินไว้ก้อนหนึ่งทำให้ฉันต้องขยันทำงานตลอดเวลาสามปีที่ผ่านมาจนเธอเก็บเงินพอที่จะซื้อที่ดินของคุณพ่อซึ่งมีคนซื้อไปแล้ว แต่โชคดีมากๆที่เป็นของคุณอาญาติของคุณพ่อทำให้เป็นเรื่องง่ายในการที่จะซื้อขาย
“นี้แหละ ที่ๆฉันควรอยู่”
“ถึงเวลาเลิกงานแล้วนะครับ” เพื่อนร่วมงานเดินเข้ามามองขายไข่ที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำงาน
“จ้า เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว” ขายไข่ก็มักจะพูดเช่นนั้นแต่ก็เลยเวลาไปเป็นเกือบชั่วโมงทุกครั้ง
“เลิกทำได้แล้ว วันนี้เค้าจะปิดไฟกันนะ” เหอหลงเตือนเพราะวันนี้เป็นวันปิดไฟใหญ่
“เอ่อใช่ ลืมเลย” จากนั้นฉันรีบกดเซฟงานและปิดคอมพิวเตอร์ทันที
“ขอบใจนายมากนะ” ฉันเงยหน้าไปขอบให้เหอหลงแต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นดอกกุหลาบสีขาวสลับแดงช่อใหญ่ยื่นมาตรงหน้า
“ผมให้”
“เนื่องในโอกาสอะไร” ฉันยื่นมืออกไปรับไปตามมารยาท
“เป็นแฟนกับผมนะครับ” และไฟทั้งตึกก็ดับลง
“โอ๊ะโอ ไฟดับ” ฉันเอ่ยออกมาอย่างลืมตัวว่าเมื่อกี้เหอหลงได้สารภาพขอฉันเป็นแฟน
“สงสัยเราคงต้องรีบออกจากที่นี้แล้วละครับ” เหอหลงเลยต้องเปลี่ยนเรื่องตามฉัน
“อ๊ะ...” แสงไฟจากทางเข้าทำให้ฉันร้องด้วยความตกใจ
“พี่ยามรอหนูด้วย” ฉันรีบเก็บของแล้วเดินตามแสงไฟนั้นไปปล่อยให้เหอหลงยืนมอง
“เหอหลง ตามมาเร็วสิ” ก็ทำตามมารยาทนั้นแหละถึงต้องเรียกเขามาด้วย
ตั้งแต่ฉันเข้ามาฝึกงานเหอหลงก็เป็นพี่เลี้ยงฉันจนฉันผ่าน และด้วยความที่ฉันต้องการเงินไปซื้อที่ดินพร้อมกับที่นี้ได้เงินดีทำให้ฉันลองสมัครและก็เป็นอย่างที่เห็นนี้แหละคะ ฉันได้เข้ามาทำงานตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทีแรกเหอหลงไม่มีท่าทีจะจีบฉันหรอกนะแต่ไม่รู้ไปๆมาๆถึงได้เข้ามาจีบแต่เขาก็ยังทิ้งระยะห่างให้ดูดีและนั้นก็เป็นสิ่งที่ฉันพึงพอใจจนไม่กี่เดือนเขาเริ่มหนักกว่าเดิม พอถึงเวลากลางวันเขาก็จะซื้อข้าวมาให้ แต่ฉันได้นำกล่องข้างมาทานด้วยเขาก็เปลี่ยนเอากล่องข้าวมานั่งทานกับฉัน พอตกเย็นเขาก็จะรอฉันกลับบ้าน ซึ่งบางครั้งฉันทำโอทีเขาก็จะรอจนกว่าฉันจะทำเสร็จ ก็เหมือนกับวันนี้ แค่ไม่คิดเลยว่าเขาจะมาสารภาพฉันเร็วขนาดนี้
“ไขไข่ครับ” พอลงมาถึงหน้าตึกเหอหลงก็คว้าข้อมือ
“คะ” ฉันทำหน้าใสซื่อมองหน้าเขา
“คุณเป็นแฟนกับผมได้ไมครับ” เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เข้มบอกได้ว่าเขาจริงจัง
“ฉันจะคบกับคุณ แต่...” ฉันรีบขัดก่อนที่เขาจะร้องไชโย “คุณรอฉันได้ไมคะ”
“รอ...” เหอหลงทวนเสียงสูงด้วยความคาดไม่ถึง
“ใช่ สามปีหรืออาจจะมากกว่านั้น”
“ได้สิ ทำไมผมจะรอไม่ได้ ก็ผมรักคุณนิครับ” ถึงแม้ว่าเขาจะพูดว่ารอได้ แต่สายตาที่หนีไม่พ้นบอกได้ว่าเขาไม่มีความมั่นใจเลยสักนิด
“ถ้าอย่างนั้น คุณก็พยายามเข้านะคะ รถมาพอดี” ฉันรีบวิ่งออกไปขึ้นรถเมล์ที่กำลังจอดเทียบป้าย
เมื่อฉันนั่งที่เรียบร้อยฉันก็เหม่อไปถึงเหอหลง เขามีคุณสมบัติตรงตามสเปคฉันทุกอย่างทั้งหน้าตา หน้าที่การงาน แต่เขาก็ยังมีข้อเสียอยู่ไม่มาก ก็แค่ลังเลในสิ่งที่จะทำ คนที่จะเป็นหัวหน้าครอบครัวของฉันต้องเป็นคนที่มีความเป็นผู้นำสูง มั่นคง และยอมรับฟังสมาชิก แต่เขาก็ยังขาดคุณสมบัติพวกนี้ไปถึงเขาจะมีครบแต่หัวใจของฉันก็ไม่ได้อยู่ที่ฉันแล้ว พูดถึงตรงนี้ภาพบรรยากาศเก่าก็ย้อนกลับมา เหตุการณ์ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น อย่างเช่นที่รถเมล์นี้
“พี่คะ” เสียงเล็กของเด็กผู้หญิงเรียกให้ฉันตื่นจากภวังค์
“ว่าไงจ๊ะ” ฉันหันไปยิ้มให้เธอ
“มีคนฝากมาให้” เด็กน้อยยื่นกระดาษเล็กแล้วเธอก็วิ่งเข้าไปกอดคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์
“อะไรนะ” ฉันกำลังจะเปิดออกอ่านแต่รถเมล์ก็ได้เบรกกะทันหันทำให้กระดาษที่ถือไม่แน่นปลิวออกไปนอกหน้าต่าง
“เฮ้ย!” ฉันลุกขึ้นเพื่อที่จะเอื้อมไปหยิบกระดาษเลยทำให้ช่อดอกไม้กระเป๋าตกลงพื้นแต่ฉันก็ไม่ได้สนใจคว้าไปหยิบกระดาษที่อยู่เพียงเอื้อมมือ และสุดท้ายฉันก็ไม่สามารถหยิบมันได้เพราะรถเมล์ได้เคลื่อนตัว
“เจ้าของจะว่าอะไรฉันไมนะ” ฉันยืนถอนหายใจอยู่ด้วยความกลัวที่ว่าหากเจ้าของรู้เข้าจะโกรธ
“ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ” และฉันก็หยิบของขึ้นมาไว้ที่ตักเหมือนเดิม และไม่นานก็ถึงป้ายที่ฉันจะลง
“เขาคงไม่รู้หรอกมั้ง” ฉันยังไม่เลิกกังวลกับไอ้แผ่นกระดาษเจ้าปัญหา
“เป็นฉัน ฉันก็โกรธอยู่แหละมั้ง” เธอเถียงกับตัวเองและเดินไปตามทางถนนเพื่อจะเข้าบ้าน แต่วันนี้เหมือนกับว่ามันนานยังไงชอบกล
“ไม่หรอก เขาไม่โกรธหรอก” และเมื่อได้ข้อสรุปขายไข่ก็ก้าวเดินอย่างรวดเร็ว
“วันนี้น้องน้อยจะดิ้นหรือยังน่า” ไขไข่นึกไปถึงเด็กน้อยที่อยู่ในท้องของอาเยียนก็ได้แต่ยิ้มอย่างอารมณ์ดี ถึงแม้ว่าจะพึ่งผ่านไปเพียงสามเดือนเธอก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้
“ต้องดิ้นแล้วแน่เลย” ว่าแล้วเธอก็ออกวิ่งเข้าบ้านทันที ทำให้คนที่เดินตามหลังได้แต่ส่ายหัวไปมาพร้อมกับรอยยิ้มเอ็นดู
ไขไข่ไม่รู้เลยว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาคาร์ลก็ยังส่งคนติดตามเธออยู่ อาจจะมีช่วงแรกที่เขาพยายามที่จะเลิกสนใจเธออย่างจริงจังเพราะเธอทำให้เขาคิดว่าเธอไม่รักและยิ่งแน่ใจเข้าไปใหญ่ก็ตอนที่เธอหนีเขาไป ตอนนั้นเขาแทบคลั่งอยากจะลากตัวเธอมาถามให้รู้แล้วรู้รอด แต่เขาก็ทำแบบนั้นไม่ได้ อีกอย่างการกระทำก็ทำให้เขาเห็นแล้วว่าเธอไม่รักเขา และนั้นทำให้เขาต้องทนทุกข์ทรมานกินไม่ได้นอนไม่หลับเป็นปี เดลล์ถึงกับต้องหามเขาเข้าโรงพยาบาลบ้า แต่เขาก็ได้สติเสียก่อน ตอนนั้นอาจจะเป็นเพราะเขารอเธอจนท้อพอเธอฟื้นขึ้นมาก็พูดเสียกับว่าเธอไม่รักเขา แต่พอมาคิดดูดีๆอีกครั้ง ก็เป็นเขานั้นแหละที่เปลี่ยนไป และตอนนี้เขารู้ตัวแล้วว่าเขาต้องทำตัวอย่างไร เขาก็ได้ส่งลูกน้องสืบค้นหาว่าเธออาศัยและทำงานอยู่ที่ไหน และในที่สุดเขาก็ได้เจอเธอ แต่เขาก็ไม่สามารถเข้าไปหาเธอได้ตรงๆ เพราะไม่อย่างนั้นเธออาจจะหายไปจากเขาตลอดชีวิต
“ไขไข่เช้าแล้วนะ” อาเยียนเดินต้วมเตียมเข้ามาปลุก
“ฉันยังไม่อยากตื่น” ไขไข่งัวเงียตอบ เพราะก่อนที่เธอจะสะดุ้งตื่นด้วยเสียงของอาเยียนเธอได้ฝันถึงเขา
“เธอจะต้องไปทำงาน หาเงินมาปลอบขวัญลูกฉันนะ”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ฉันมีให้แล้ว” ฉันหันไปมองตาแป๋วใส่ท้องที่ใหญ่ขึ้นจากเดิม
“โอ้ย ลูกฉันดิ้น” อาเยี่ยนร้องออกมาแล้วทรุดลงนั่งที่นอน
“เฮ้ย จริงหรอ” ตอนนี้ตาฉันตื่นแล้ว ฉันรีบลงจากเตียงแล้วขุกเข่าลงข้างหน้าอาเยียนเอาหูแนบหน้าท้องนู่น “จริงด้วย อาเยียนน้อยแข็งแรงจริงๆ โอ้ย!” ฉันกำลังพูดเล่นกับหลานตัวเองอย่างมีความสุขแต่ก็ถูกอาเยียนตีหัว
“ฉันเจ็บเหมือนจะคลอด” อาเยียนกัดฟันพูด
“หา!!!”
“อาฉี...” อาเยียนเรียกหาสามี
“ใช่ๆ อาฉี อาเยียนจะคลอด!” ฉันตะโกนแล้ววิ่งไปหาอาฉีที่กำลังทำอาหารอยู่ในครัว พออาฉีได้ยินว่าภรรยาของเขาจะคลอดก็ว่างตะหลิวทันที
“ไหนๆๆ อาเยียนจะคลอดแล้วหรอ” อาฉีตาลีตาเหลือกวิ่งเข้ามาดูอาเยียนที่เดินโอดโอย
“เอารถออก” คนป่วยร้องบอกสามี
“รถๆๆ” อาฉีร้องรถๆแต่ก็ไม่ยอมขยับไปไหน
“อาฉีไปเอารถ” ฉันจึงต้องร้องบอกเขาอีกครั้งและผลักให้เขาออกไปเอารถ
“ใจเย็นๆนะอาเยียน หายไจเข้า...ฟู่...หายใจออก...ฟู่ แบบนั้นแหละ” ฉันกำหนดลมหายใจให้อาเยียนหายใจตามแต่ก็ได้แค่ปบเดียวเพราะอาเยียนก็ต้องร้องออกมาเมื่อเจ้าตัวเล็กดิ้น
“ทางนี้ครับ...” อาฉีที่พาใครไม่รู้เขามา พอหันไปก็ต้องตาค้างเมื่อคนที่อาฉีพาเข้ามาคือ...
“หลบทางหน่อยสิขายไข่” อาฉีเข้ามาผลักให้ฉันออกห่างจากอาเยียนแล้วก็พยุงภรรยาของตนออกจากห้องโดยมีคาร์ลช่วย
“คุณมาได้ยังไง” ฉันเดินออกไป แล้วถามเขา”
“ไขไข่อย่าพึ่งกวนสิ โอ้ยๆ” อาเยียนเองที่เป็นคนพูดแล้วเธอก็พยายามที่จะหายใจเข้าออกแล้วพูดกับลูกให้ใจเย็นๆ
“เดี๋ยวผมจะตามไปนะครับ” ตอนนี้อาเยียนกับอาฉีเข้าไปนั่งรถของคาร์ลที่มีคนขับนั่งประจำตำแหน่ง
“ครับๆ” และรถก็เคลื่อนตัวออกไป
“เดี๋ยวก่อนสิครับ” คาร์ลคว้าแขนขายไข่ที่กำลังจะเดินเข้าบ้าน
“ปล่อยมือฉันนะ” ไขไข่พยายามสะบัดให้หลุดแต่ยิ่งสะบัดมันก็ยิ่งแน่น
“ผมมีเรื่องต้องคุยกับคุณ”
“แต่ฉันไม่มี...นี้คุณปล่อยฉันนะ” คาร์ลไม่เพียงแค่จับแขนแต่ตอนนี้เขาดึงตัวหญิงสาวเข้ามากอด
“เลิกดิ้นได้แล้วไม่อย่างนั้นผมจะไม่หยุดแค่กอด” เสียงที่เข้มขรึมบอกได้ว่าเขาจะเอาจริง
“คุณมีอะไรจะพูดก็พูดมา ฉันจะรีบไปหาอาเยียน” ฉันหยุดดิ้นตามที่เขาพูด
“ไขไข่จ๊ะ...ไว้ป้ามาวันหลังก็ได้” ไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะเหมือนฉากในละครที่พระเอกนางเอกกำลังจะจูบกันแต่นี้แค่กอดและมีเพื่อนบ้านเข้ามาขัดเสียก่อน
“ค่ะ คุณป้า” ฉันรีบผลักคาร์ลออกแล้วหันไปหาคุณป้าข้างบ้านที่ถือปิ่นโต
“ป้าทำซุปมาให้อาเยียนเขานะจ๊ะ”
“ขอบคุณคะ อาเยียนกำลังจะคลอดตอนนี้อยู่โรงพยาบาลแล้ว” ฉันบอกข่าวให้คุณป้าทราบ เพราะคุณป้ามักจะน้ำซุปบำรุงมาให้อาเยียนอยู่เสมอๆ
“หรอจ๊ะ ไว้คลอดบอกป้านะจ๊ะ จะได้มาช่วยเลี้ยง”
“คะ”
“งั้นป้าไม่รบกวนแล้วนะจ๊ะ” คุณป้ามองหน้าคาร์ลแล้วยิ้ม “พยายามเข้านะพ่อหนุ่ม”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ” ฉันไม่ทันได้แย้ง คุณป้าก็เดินกลับเข้าบ้านไปเสียแล้ว
“ฮ่าๆ คุณป้านี้น่ารักจังเลยว่าไม” คาร์ลหัวเราะอย่างมีความสุขเมื่อได้รับกำลังใจจากคุณป้า
“น่ารักคุณก็ไปจีบสิคะ”
“คุณหึงผมหรอ” คาร์ลยังคงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แล้วเดินตามไขไข่เข้าไปในบ้าน
และเมื่อไขไข่นำซุปและเก็บกวาดอาหารที่เต็มห้องครัวเรียบร้อยก็เดินเข้าห้องเพื่อจะเปลี่ยนเสื้อผ้า
“คุณเข้ามาทำไม” ไขไข่หันไปท้วงเมื่อคนตัวใหญ่เดินเข้ามา
“ก็ผมกว่าคุณจะหนีผมอีก”
“อย่ามาเพ้อเจ้อนะ ออกไปฉันจะเปลี่ยนเสื้อผ้า”
“คุณก็เปลี่ยนไปสิครับ” คาร์ลไม่พูดเท่านั้นยังลงไปนอนที่เตียงอีก
“นี้คุณ” ไขไข่ยืนเท้าสะเอวยืนมองชายหนุ่มตรงหน้า
“ครับ” เขาตอบรับหน้าระรื่น “อ่าว เรียกชื่อผมแล้วก็ไม่พูด”
ไขไข่เลิกสนใจเขาหันไปหยิบเสื้อผ้ากับผ้าเช็ดตัวแล้วเข้าห้องน้ำไป ทำให้คนที่มองการกระทำนั้นได้แต่ยิ้มอย่างมีความสุข
“ฉันจะไปแท็กซี่” และนี้ก็อีกเรื่องที่เขาไม่ยอมเมื่อไขไข่จะขึ้นแท็กซี่ในขณะที่เขาจะขับรถของอาฉีไป
“ก็นี้รถของคุณฉี ยังไงคุณก็ต้องเอาไปให้เขาอยู่แล้ว” คาร์ลลากไขไข่ให้ขึ้นรถ
“ก็ฉันไม่อยากนั่งไปกับคุณนิ ว้าย!!” คาร์ลเลิกลากแล้วคว้าตัวเธอมาพาดบ่าแล้วยัดเข้ารถพร้อมกับคาดเข็มขัดนิรภัยทันที
“ห้ามหนี ผมเตือนครั้งนี้ครั้งสุดท้าย” คาร์ลชี้หน้าสั่งแล้วปิดประตูเดินขึ้นรถฝั่งคนขับ
ระยะการเดินทางมีแต่ความเงียบทำให้ฉันรู้สึกอึดอัด จนต้องหันออกไปมองข้างๆหน้าต่างที่มีรถราวิ่งผ่านไป
“คุณหนีผมไปทำไม” จู่ๆคาร์ลก็ถามทำลายความเงียบ
“ฉันไม่ได้หนี” ขายไข่ตอบเสียงห้วนเมื่อนึกถึงครั้งนั้น
“ไม่ได้หนีแล้วทำไมไม่รอผม”
“...” และครั้งนี้ขายไข่ไม่ตอบเพราะเธอไม่อยากจะต้องเสียน้ำตาอีก
“ไขไข่”
“เลิกพูดเถอะคะ” ไขไข่หันไปมองหน้าคาร์ลที่ยังคงมองไปทางถนน “แต่ถ้าคุณอยากรู้ฉันก็จะบอก” คาร์ลหันไปมองหน้าไขไข่เพียงนิดเดียวก็หันไปสนใจถนนอีกและรอคำตอบนั้น
เมื่อไม่เสียงตอบรับจากเขานั้นหมายถึงสัญญาณว่าเขากำลังรอฟังอยู่ “ฉันไม่อยากเจอคุณอีก”
เอี๊ยดดดด
เขาหักรถและหยุดรถไว้ที่ข้างถนน ทำให้รถที่ตามมาข้างหลักถึงกับหักหลบแทบไม่ทัน
“นี้คุณทำบ้าอะไนเนี่ย” ขายไข่วายลั่นเมื่อรู้ว่าตัวเองยังมีชีวิตรอด
“...” เขาไม่ตอบแค่หันมามองแล้วก็หันหักพวงมาลัยเข้าเส้นทางเพื่อที่จะไปยังโรงพยาบาล
และเมื่อเขาพาฉันมาถึงโรงพยาบาลเขาก็ลากฉันเดินไปที่ห้องคลอดซึ่งอาฉีเดินไปเดินมาอยู่หน้าห้อง
“อาฉี อาเยียนออกมาหรือยัง” ฉันเดินเจ้าไปถามอาฉีที่เริ่มกังวล
“ยังเลย ฉันจะทำยังไงดี” อาฉีเดินเข้ามาจับไหล่ทั้งสองข้างฉัน แต่สักพักก็ปล่อยเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นคาร์ลที่มองเขม่น
“แล้วโทรไปหาพ่อแม่ยัง”
“โทรแล้วเดี๋ยวพวกท่านมา”
อุแว่ อุแว่
และไม่นานเสียงเด็กทารกก็ร้องดังออกมาถึงข้างนอกคล้ายกับจะบอกผู้เป็นพ่อว่า ‘หนูออกมาแล้วนะจ๊ะพ่อจ๋า’ ทำให้คนเป็นเพื่อยิ่งตื่นเต้นทำตัวไม่ถูกเข้าไปใหญ่ พร้อมกันนั้นผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายก็วิ่งเข้ามาหาอาฉีแล้วถามกันใหญ่
“อาฉีน้อยออกมายัง/อาเยี่ยนน้อยออกมายัง” ทั้งสองแย่งกันถามไม่ได้ดูเลยว่าอาฉีนั้นแทบจะเป็นลมทั้งยืน
“เอ่อคุณพ่อคุณแม่คะ” ฉันเรียกพวกทันที่ยืนล้อมอาฉีไว้ “หนูน้อยออกมาแล้วค่ะ” เพียงแค่นั้นพวกท่านก็กอดแล้วร้องเย้กันใหญ่
“คุณพ่อคุณแม่คะ เดี๋ยวหนูน้อยตื่นคะ” เพียงแค่นั้นพวกท่านก็เงียบได้แต่เพียงมองหน้ากันยิ้ม
“ชาตินี้จะมีแบบเขาบ้างไมนะ” จู่ๆคาร์ลก็เอ่ยออกมาโดยสายตาก็เหล่มาทางฉัน
“ฉันจะไปรู้คุณหรอ” และก่อนที่ฉันจะได้ทะเลาะกับเขา คุณหมอก็เดินออกมา
“คุณหมอคะ” ทุกคนเดินเข้าไปหาคุณหมอและจะถามถึงเรื่องหนูน้อยแต่ก็ถูกคุณหมอยกมือห้ามไว้ก่อน
“ปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูกครับ เดี๋ยวพยาบาลจะพาเด็กไปที่ห้องเด็กอ่อน ยังไงก็ตามคุณพยาบาลไปนะครับ” แล้วคุณหมอก็เดินจากไป และเพียงไม่นานคุณพยาบาลก็เข็นคุณแม่ไปที่ห้องพักพิเศษตามมาด้วยเด็กน้อยที่นอนหลับปุ๋ย
“โอ้ย น่ารักร่าชัง” เด็กน้อยถูกผู้ใหญ่ยอนล้อมลอบไม่มีใครสนใจคนเป็นแม่เป็นพ่อของเด็กลอย
“ดูตาสิ คุณคะเรามีลูกอีกสักคนดีไมคะ” คุณแม่ของอาฉีเกาะแขนสามี
“นั้นสิคะคุณ ฉันก็อยากได้ลูกอีกสักคน” ด้านฝ่ายแม่อาเยียนก็ไม่แพ้กัน ทำให้คนเป็นพ่อถึงกับมองหน้ากันอย่างปลงๆ
“ขอตัวพาเด็กไปพักผ่อนก่อนนะคะ” คุณพยาบาลร้องทักเมื่อไม่เห็นว่าญาติผู้ป่วยจะปล่อยเด็กออกจากวงล้อม
“อ่อ คะ” และนั้นจึงทำให้ทุกคนหันไปสนใจคนเป็นลูกของตนเองที่ถูกพยาบาลพาไปที่ห้องพิเศษ
“เดี๋ยวก่อนสิ” และเมื่อฉันจะเดินตามพวกท่านไปก็ถูกคาร์ลห้ามไว้
“อะไรอีกคะ ฉันจะรีบไป...” ไม่ทันที่ฉันจะพูดจบ คาร์ลก็ก้มหน้าลงมาจูบเรียวปากทันที และด้วยความที่ห่างเหินกันนานทำให้จูบครั้งนี้นานเป็นพิเศษ ทีแรกไขไข่พยายามปัดป้องแต่ด้วยความคิดถึงทำให้ร่างกายไม่อาจทนขัดขืนได้เลยต้องยอมรับจูบที่เขามอบให้
“คุณน่ารักจังเลย” คาร์ลยอมผละออกมาก่อนที่จะเลยเถิดไปมากกว่านี้แล้วเอ่ยปากชม
“แค่นี้ใช่ไมคะ” ไขไข่บังคับให้ตัวเองมองเขาเหมือนเรื่องที่เกิดเป็นเรื่องปกติ “ฉันขอตัว”
คาร์ลมองตามหลังไขไข่แล้วยิ้มออกมาเหมือนสิ่งที่เธอทำเป็นเรื่องน่าขำ
“เธอก็ยังเป็นเธอ” แล้วเขาก็ออกวิ่งตามเธอไป
“เป็นยังไงบ้างจ๊ะคุณแม่มือใหม่” พอเธอหลุดพ้นจากคาร์ลได้ก็มาหาอาเยียนที่ตอนนี้ฟื้นจากยาสลบแล้ว
“สบายดี”
“นี้อาฉีไปทำเรื่องหรอ” ไม่เห็นมีใครอยู่ในห้องเลยสักคน
“ใช่ แห่กันไปดูลูกกันหมด ไม่มีใครสนใจฉันที่เป็นแม่ของเด็กเลย” อาเยียนพูดอย่างน้อยใจแล้วหันไปสนโทรทัศน์อย่างไม่จริงจังนักแล้วข่าวที่กำลังฉายก็เป็นข่าวบันเทิง “นั้นมันคาร์ลนิ” อาเยียนร้องอย่างตกใจและเร่งเสียง ทำให้ฉันที่ไม่อยากจะสนใจต้องพลอยได้ยินไปด้วย
“ท่านทั้งหลาย...เจ้าของห้างฯดัง มีเจ้าของแล้วจ้า สาวๆหลายท่านคงต้องอกหักดังเปราะกันเป็นแถว ก็เพราะมีพลเมืองดีมาบอกข่าวเราแถมยังมีรูปภาพประกอบด้วยนะเจ้าคะ...”และภาพก็ตัดเป็นภาพเคลื่อนไหวที่มีผู้หญิงผู้ชายยืนกอดกัน แต่ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่าผู้หญิงนั้นพยามที่จะขัดขืนมากกว่าและภาพนั้นก็เป็นภาพเมื่อเช้าที่คาร์ลกอดขายไข่อยู่หน้าบ้านอาเยียน
“นั้นมันบ้านฉันนิ” พออาเยียนร้องอย่างตกใจทำให้ฉันต้องเลิกทำเป็นไม่สนใจแล้วดูข่าวที่กำลังฉายอยู่
“เฮ้ย ใครเป็นคนปล่อยข่าวนะ” พอฉันเห็นก็ต้องร้องตกใจยิ่งกว่าอาเยียน แต่พอมองไปที่ใบหน้าของอาเยียนก็ทำให้ฉันคิดผิด
“ฉันมาโรงพยาบาลก่อนแกแล้วฉันจะไปรู้ได้ไง แกนั้นแหละต้องเล่าให้ฉันฟัง”
“มีอะไรกันหรอครับสาวๆ” คาร์ลที่ไม่รู้เรื่องเดินเข้ามาถามหน้าตาเฉย
“นายเอาเรื่องพวกนั้นไปบอกนักข่าวใช่ไม” ฉันเดินเข้าไปถามเขาที่ยังคงยื่นงงงวยอยู่
“ข่าวไหน...”
“ก็ข่าวนั้นไง นายอย่าทำเป็นไม่รู้เลย นายสั่งให้ลูกน้องถ่ายเราใช่ไม”
“ไหนละครับข่าวของเรา ผมเห็นแต่โฆษณา”
“มันตัดเป็นโฆษณาไปแล้ว” ฉันมองไปหาอาเยียน เธอก็ตอบมาแบบเสียงเจื่อนๆแล้วหันไปสนใจโทรทัศน์ต่อ
“เราต้องมีเรื่องพูดกัน” ฉันลากเขาออกจากห้องเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนคนป่วย
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ