มาดามดำตับเป็ด
-
เขียนโดย มะลิหวาน
วันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 10.30 น.
3 ตอน
0 วิจารณ์
6,551 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 18 เมษายน พ.ศ. 2556 11.52 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) บทที่2 แสบอสรพิษ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความsweet jusmine
บทที่2 แสบอสรพิษ
เพียงไม่กี่นาทีงานอีเว้นท์ก็จะเริ่มขึ้น ในใจดาวตอนนี้มันกังวลไปหมด เพราะกลัวว่างานจะออกมาไม่ดีอย่างที่คิด ถึงแม้ว่าดาวจะเป็นแค่ส่วนเล็กเล็กในหน้าที่ แต่ดาวก็คิดเสมอว่าเธอก็เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในงานเหมือนกัน นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมารับผิดชอบสองหน้าที่พร้อมกัน นั่นก็คือฝ่ายประสานงานและคอสตูมดีไซน์ ส่วนในด้านประสานงาน ดาวไม่กังวลเลยซักนิดเพราะว่าทำมานานแล้ว แต่ส่วนในด้านงานคอสตูม นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้รับมอบหมายและรับผิดชอบโดยตรง ซึ่งชุดที่นำมาในวันนี้ เป็นชุดไทยโบราณสมัยเมืองละโว้ โดยได้รับอนุเคราะห์จากคุณหญิงเลอรัศมีที่เป็นเจ้าของสินค้านำมาให้นั่นเอง ถึงแม้งานคอสตูมจะเป็นงานที่ดาวพอมีความถนัด แต่ชุดมันเป็นของจริงจากยุคโบราณ เธอก็ยังอดกังวลไม่ได้ว่าจะทำชุดเสียหาย
"ทราย ทราย มานี่หน่อย" ดาวรีบเรียกเด็กฝึกงานผู้ช่วยของเธอมาถามบางอย่างเพื่อความมั่นใจ ทรายเด็กฝึกงานรีบเดินจ้ำอ้าวมาที่ดาวทันทีและแอบชักสีหน้าไม่พอใจ แต่เมื่อทรายเดินเข้ามาใกล้ดาว ทรายก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นร่าเริงและยิ้มให้ดาวทันที "ขาาา..พี่ดาว มีอะไรเหรอคะ?" " คือพี่จะถามว่าทุกอย่างเรียบร้อยนะชุดไทยที่แอ้มใส่อ่ะ ไอ้ผ้าตาดสีเงินที่คลุมสะโพกชัวร์นะว่าแน่น และก็ไม่ได้ติดเข็มกลัดให้ผ้าเป็นรอยที่ผ้านุ่งนะ แล้วก็ไอ้พวกกระบังหน้าดาวกระจายไม่มีรอยถลอกหรือทำเพชรทำพลอยหลุดนะ?.." ดาวยิงถามคำถามรัวใส่ทรายเป็นปืนกลจนทรายต้องรีบพูดตัดบทสวนไปทันที "ค่ะพี่ดาว ตั้งแต่ผ้านุ่ง,ผ้าคลุม,ระปราย,กระบังหน้า,เกี้ยว,สร้อยคอรวมไปถึงกำไลเท้า ทรายเช็คทุกอย่างชัวร์แน่นอนค่ะ มายังไงกลับอย่างนั้น รู้ค่ะว่าชุดโบราณจากยุคเมืองละโว้แท้ๆ ฉะนั้นชุดจะต้องไร้รอยต่อห่อกลับเหมือนเดิมแน่นอนค่ะ " พูดเสร็จทรายก็หันหน้าขวับเดินหนีไปเพื่อเลี่ยงที่จะตอบคำถามนี้อีกเป็นครั้งที่ร้อย ดาวหวั่นใจเหลือเกินว่ามันจะเกิดเรื่องไม่ดีกับชุดไทยละโว้ที่แอ้มใส่ ตอนนี้ชุดนี้มันอยู่บนตัวแอ้มเรียบร้อยแล้ว ไม่รู้ว่าแอ้มจะเอาคืนเธอโดยการใช้ชุดนี้เป็นเครื่องมือหรือเปล่า ก่อนที่แอ้มจะไปหลังเวที แอ้มหันกลับมามองที่ดาวด้วยแววตาที่แฝงแผนร้ายบางอย่างอยู่ " แท่นทะลาแลนแทนแท้นแท่นแท้น......." เสียงดนตรีเปิดงานเริ่มขึ้น ก็เพราะสบู่เลอลักษณ์เป็นสบู่ไฮโซสูตรชาววังเมืองละโว้ บรรยากาศจึงคราครั่งไปด้วยแขกผู้มีเกียรติในสังคมไฮโซที่ล้วนแล้วแต่เป็นเชื้อหม่อมเจ้าหม่อมหญิงกันทั้งนั้น ทั้งกองทัพสื่อมวลชนทุกแขนงต้องมาทำข่าวถ่ายรูปพวกคุณหญิงผมทรงยกยีกระบังกันยกใหญ่ งานครั้งนี้จะเสียหน้าหรือมีอะไรผิดพลาดไม่ได้ ไม่งั้นมีแต่ตายกับตายสถานเดียว
เมื่อใดที่คุณหญิงเลอรัศมีเริ่มตัดริบบิ้นเปิดงาน ลำดับต่อไปจะเป็นคิวเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ โดยเมื่อไฟบนเวทีเปลี่ยนเป็นสีทองและเพลงระบำลพบุรีบรรเลงขึ้น แอ้มก็จะปรากฎตัวออกมาจากแผ่นหินจำลองที่เป็นภาพนางอัปสราร่ายรำ ตอนนี้ทุกอย่างกำลังดำเนินไปตามที่วางไว้ " แออีแอ้อีแอแอ่แอ...." เพลงระบำลพบุรีเริ่มบรรเลงแล้ว และแสงสีทองบนเวทีก็สาดไปที่แผ่นหิน แล้วแอ้มก็ปรากฏตัวมาออกมา แอ้มทำท่าเหมือนนางอัปสรากำลังร่ายรำ แอ้มเดินออกมาตรงด้านหน้าเวทีอย่างสง่างาม ซึ่งลำดับต่อไป แอ้มจะลงไปในสระน้ำจำลองเพื่อทำท่าเหมือนอัปสราเล่นน้ำ ซึ่งจริงๆในสระเป็นแค่สระเปล่าๆ เดี๋ยวทีมงานก็จะปล่อยควันดรายไอซ์ขึ้นมาเพื่อเปรียบเสมือนน้ำแห่งสรวงสวรรค์ พร้อมกันกับปล่อยฟองสบู่ให้ลอยละล่องไปสะท้อนกับแสงไฟสีทองระยิบระยับ ในตอนนี้แขกที่งานรวมทั้งพี่เอกพากันยิ้มและตะลึงในความสวยสง่าของแอ้มอย่างมาก ทุกอิริยาบถของแอ้มที่เยื้องย่างมันช่างอ้อนแอ้นอรชรราวกับนางอัปสราที่ลอยละลิ่วอยู่บนท้องฟ้าจริงๆ ดาวเองก็แอบมโนภาพในใจว่าตัวเองกำลังสวมชุดนางอัปสราลพบุรีอยู่ในปราสาทละโว้ แล้วดาวกำลังร่ายรำต่อหน้าพี่เอก ซึ่งพี่เอกคือเจ้าเมืองละโว้ที่กำลังส่งทั้งยิ้มหวานและสายตาเจ้าชู้ให้กับนางอัปสราดาวเหมือนแทบจะกลืนกิน ทุกอย่างในตอนนี้ดำเนินมาอย่างราบรื่น และในลำดับสุดท้ายของงาน คุณหญิงเลอรัศมีและแขกในงานทุกคน รวมไปถึงพรีเซ็นเตอร์จะมาดึงจุกที่กระบอกพลุกระดาษเพื่อปิดงาน "ฟู่วววววววว" เสียงของกระบอกพลุกระดาษถูกเปิดออก แต่สิ่งที่ออกมาไม่ใช่กระดาษหลากสีสวยงาม แต่มันกลับเป็นควันสีขาวพุ่งออกมาเต็มไปทั่วทั้งงาน "อร้ายยยยย" เสียงกรี๊ดตกใจของคุณหญิงเลอรัศมีแป๋นเข้ามา และไม่นานเสียงวี๊ดวายผสมเสียงไอของทุกคนในงานก็เริ่มดังกันอย่างเซ็งแซ่ "โอ้ยยย ควันอะไรเนี้ย ทำไมมันแสบอย่างนี้ โอ้ย!" ตอนนี้ดาวเองก็เริ่มรู้สึกแบบเดียวกับพวกแขกในงาน ควันทำดาวแสบตาจนน้ำตามันไหล และดาวก็สังเกตว่าคนในงานต่างมีอาการน้ำตาไหลเหมือนดาว และตาบางคนก็เปลี่ยนเป็นสีแดงกร่ำด้วย " นี่มันแก๊สน้ำตานิ โอ้ย! ทุกคนปิดตาก่อนครับอย่าให้เข้าตา" เสียงตำรวจคนนึงที่มารักษาความปลอดภัยตะโกนบอกคนในงาน และทันทีที่ตำรวจคนนั้นบอกว่ามันเป็นแก๊สน้ำตา เหล่าพวกคุณหญิงคุณนายตาพากันวิ่งหนีกันอลหม่านราวกับว่าเกิดเหตุจราจลกลางสยามอีกครั้ง คุณหญิงเลอรัศมีรีบวิ่งเข้าไปหลบใต้โต๊ะ ส่วนคนอื่นๆพากันวิ่งหนีออกจากสถานที่จัดงาน ไม่นานนักหน่วยรักษาความปลอดภัยประจำห้างและตำรวจก็รีบทยอยพาคนออกไปจากจุดนั้น ส่วนคนที่มาเดินห้างที่ไม่รู้อิโหน่อีเหน่ก็พลอยนึกว่านี้มันเกิดเหตุจลาจลขึ้นจริงๆเพราะควันมันเยอะมากเหลือเกิน ก็พลุกระดาษที่ให้ทุกคนจุดมีทั้งหมดมีตั้ง100ชุด ซึ่งแจกหมดด้วย ดนตรีก็ยังคงบรรเลงต่อไปเพราะคนคุมซาวก็วิ่งหนีแก๊สน้ำตากับเค้าเหมือนกัน ส่วนสต๊าฟและทีมงานต่างวิ่งกันจ้าละหวั่นคอยช่วยกันหาทางแก้ปัญหา พี่น้อยเองเห็นว่ามันแก้ปัญหาอะไรไม่ได้ในตอนนี้เพราะควันคงยังไม่หมด ทางดีที่สุดคืออกมาตรงจุดนั้นก่อนและดูแลคนในงานให้ปลอดภัย ซูสีไทเฮาอย่างพี่น้อยไม่ได้ทำท่าหวาดกลัวกับควันเลยสักนิด พี่น้อยรีบใส่แว่นตาดำแล้วเอาผ้ามาปิดจมูก และคอยสั่งให้ลูกน้องทุกคนมีสติ ซึ่งกว่าควันจะหมดงานนี้คงเละกันทั่วหน้า คงมีการหามเหล่าคุณหญิงคุณนายอายุลายครามแบกส่งโรงพยาบาลกันเลยทีเดียว ในระหว่างท่ามกลางความชุลมุนวุ่นวาย มีมือมือนึงมาจับดาวไว้ มือมือนั้นเป็นมือของพี่เอก พระเอกของดาวตลอดกาลนั่นเอง พี่เอกจับมือดาวไว้แน่นแล้วพาดาววิ่งออกไปจากจุดนั้น "รีบออกไปก่อนเถอะดาว โดนควันมากๆจะอาเจียน" พี่เอกหันมาบอกดาวด้วยสีหน้าเป็นห่วง แถมพี่เอกยังถอดเสื้อสูทของตัวเองออก แล้วเอามาคลุมไว้ให้ที่หัวดาวเพื่อป้องกันควันจากแก๊สน้ำตาให้กับดาว " คลุมไว้นะจะได้ไม่โดนควัน แล้วหลับตาซะ ไม่ต้องกลัว จับมือพี่ไว้ พี่จะพาออกไปเอง เชื่อใจพี่นะ" คำพูดคำนี้.... " จับมือพี่ไว้...เชื่อใจพี่นะ" คำคำนี้มันย้อนให้ดาวคิดถึงสมัยที่ดาวเข้าค่ายรับน้องของคณะ ซึ่งในคืนวันสุดท้ายของการรับน้อง รุ่นพี่จะให้รุ่นน้องเดินเข้าป่าเพื่อไปรวมตัวที่ลานวงกลมของค่าย ทางเดินระยะค่อนข้างไกลและมืด แต่ความสนุกของมันคือกติกาในการเดินเข้าป่า รุ่นน้องจะต้องถูกปิดตาด้วยผ้าและถูกพี่รหัสเป็นคนพาไป ซึ่งก่อนหน้านั้นรุ่นน้องคนนั้นจะไม่รู้เลยว่าใครคือพี่รหัส และพอไปถึงปลายทางรุ่นพี่รหัสก็จะเป็นคนเปิดผ้าออกเพื่อเฉลยและก็ผูกข้อมือให้รุ่นน้อง ดาวรู้ดีอยู่แล้วว่าพี่เอกก็อยู่คณะนี้เหมือนกันและเธอเองก็เจอพี่เอกตามฐานกิจกรรมต่างๆแล้วด้วย ปัจจัยที่เธอเข้ามาเรียนคณะนี้ไม่ใช่เพราะตามพี่เอก แต่เธอชอบเรียนจริงๆ ซึ่งถ้าจะเรียนอักษรศาสตร์ก็ต้องเรียนที่นี้ถึงจะดี แต่เหนือสิ่งอื่นใดดาวแอบหวังมาตลอดว่าอยากให้พี่เองเป็นพี่รหัสของเธอ ในนาทีที่ดาวถูกปิดตาและมีมือมือนึงมาจูงมือเธอเพื่อเดินไปข้างหน้า ดาวได้แต่ภาวนาในใจว่า "ขอให้เจ้าของมืออันนี้เป็นพี่เอกเถอะ " " ตั๊กแก!" เสียงของตุ๊กแกดังขึ้นมาจากด้านหน้าในขณะที่ดาวกำลังเดินไป ดาวเผลอร้องออกมาด้วยความกลัว "อร้าย เสียงตุ๊กแกใช่ไหมนั่น อร้ายอร้าย มันอยู่ตรงไหนอ่ะ" ดาวถามออกมาด้วยเสียงสั่นเครือ และแล้วก็มีเสียงแผ่วเบามากระซิบที่หูด้านซ้ายของดาว " ไม่ต้องกลัวนะคะ จับมือพี่ไว้ เชื่อใจพี่นะ ไม่มีอะไรทั้งนั้น" เสียงทุ้มๆอบอุ่นแบบนี้ดาวจำได้ดี มันคือเสียงพี่เอก เสียงของคนที่เธอแอบรักแอบปลื้มมาตั้งแต่มัธยมต้น มีเหรอเธอจะจำไม่ได้ ดาวรีบหันหน้าไปหาที่มาของเสียงแล้วถามด้วยความมั่นใจแต่ระคนด้วยความสงสัย
"พี่เอกใช่ไหมคะ ?"
ไม่มีเสียงตอบรับใดๆกลับมา แต่เหมือนมีเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ ดาวรู้ดีว่าตามกติกานั้นเค้าต้องเฉลยพี่รหัสเมื่อถึงลานวงกลมแล้ว นี่พี่เอกคงจะกลัวความแตก พี่เอกเลยไม่ตอบหรือมีเสียงพูดคุยอะไรอีกเลยตลอดระยะทางเดิน ในที่สุดก็มาถึงลานวงกลม ทันทีที่มีมือเอื้อมมาเปิดผ้าปิดตาให้ดาว ดาวรีบเอามือมาช่วยแกะผ้าออกด้วยความรวดเร็ว แต่มันกลับทำให้ช้าขึ้นกว่าเดิมเพราะดาวดันไปสัมผัสโดนมือมือนั้น ด้วยความเขินดาวเลยปล่อยให้เจ้าของมือนั้นเป็นคนเปิดผ้าให้ดาว เมื่อผ้าเปิดออก ภาพที่อยู่เบื้องหน้าคือ ชายรูปร่างสูงโปร่ง หน้าเรียว และรอยยิ้มจากริมผีปากบางๆที่มาพร้อมลักยิ้ม จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพี่เอก ในใจดาวตอนนี้มันเหมือนกระป๋องเป็ปซี่ที่ถูกเขย่าและถูกเปิดฝาออก ความดีใจมันทะลักซ่าออกอย่างพวยพุ่งจนบอกไม่ถูก ดาวแทบไม่น่าเชื่อว่าพี่เอกจะได้เป็นพี่รหัสดาวจริงๆอย่างที่ดาวภาวนา ความรู้สึกแบบเดิมเมื่อครั้งนั้นมันกลับมาชื่นช่ำในใจดาวอีกครั้งในตอนนี้ แม้สถานการณ์จริงๆตอนนี้มันจะดูเครียดเพราะวิ่งหนีแก๊สน้ำตาอยู่ก็เถอะ แต่ดาวก็อมยิ้มตลอดในขณะที่วิ่งอยู่กับพี่เอก ต่อให้ตามันจะแสบเพราะแก๊สน้ำตาแค่ไหน เพียงแค่ได้อยู่กับพี่เอกใกล้ชิดขนาดนี้มันก็แซ่บแล้วหล่ะ ดาวรู้สึกขอบใจสถานการณ์แก๊สน้ำตาเหลือเกิน ที่สร้างฉากรักโรแมนติคครั้งใหม่ให้กับเธอ ตอนนี้เธอเปรียบเหมือนนางเอกในหนังสงคราม14ตุลา ที่กำลังวิ่งหนีหลบแก๊สน้ำตากับพระเอกในเรื่องจริงๆ "โอ๊ย !" เสียงดาวร้องออกมาเพราะหัวดันไปชนกับคนข้างหน้าเข้าอย่างแรง ดาวมัวแต่ยิ้มและก้มหน้าเลยไม่ทันระวังมองคนข้างหน้าที่กำลังวิ่งสวนอย่างสับสน ผู้ชายคนนั้นตัวคว่ำลงไปนั่งกับพื้น ดาวก้มตัวลงมาเพื่อที่จะขอโทษเขาคนนั้น แต่ยังไม่ทันจะขอโทษ ผู้ชายคนนั้นก็รีบลุกขึ้นแล้ววิ่งฝ่าฝูงชนไปทันที หลังจากที่ผู้ชายคนนั้นลุกไป ดาวนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ เพราะสิ่งที่ทำให้ดาวอึ้งไปไม่ใช่เพราะความเจ็บ แต่สิ่งที่เธอเห็นบนหลังเสื้อเชิ๊ตสีขาวของผู้ชายคนนั้นคือ รอยลิปสติกสีแดง ดาวไม่ได้ตาฝาดเพราะแก๊สน้ำตาแน่นอน และมันก็ไม่ใช่รอยลิปสติกที่เกิดจากปากเธอ เพราะเธอเอาหัวไปชนกับหลังผู้ชายคนนั้นอย่างเดียว ยิ่งกว่านั้นคือ ผู้ชายคนนั้นถือกระเป๋าLabradoสีเทาแบบเดียวกับที่ดาวเห็นเมื่อเช้าบนรถไฟฟ้า ดาวค่อนข้างมั่นใจว่ามันน่าจะใช่ องค์ประกอบมันครบชัดเจนซะขนาดนี้ ทำไมดาวมาเจอเค้าอีกครั้งในที่ตรงนี้ แล้วนี้เค้าก็กำลังจะหายไปอีกแล้ว ตอนนี้ผู้ชายคนนั้นยังอยู่ในระยะไม่ไกลจากดาวมากนัก มันสมควรหรือไม่ที่ดาวจะวิ่งตามผู้ชายคนนั้นไป การเจอกันมากกว่าหนึ่งครั้งเค้าเรียกว่าพหรมลิขิตได้แล้วหรือยัง แต่ในใจดาวก็ยังค้านอยู่ว่ามันคือเรื่องปกติ เพราะขนาดพนักงานเซเว่นหน้าบริษัทดาวยังเจอวันละสี่ครั้งเลยเวลาไปซื้อของ ระหว่างดาวกับผู้ชายเสื้อลิปสติกแดงคนนั้นในตอนนั้นเราต่างคนต่างไป ไม่ได้ตั้งใจจะเจออีก แล้วนี้ทำไมมาเจอกันอีกเป็นหนที่สอง ในความคิดดาวตอนนี้เธออยากจะไปวิ่งไปดูหน้าผู้ชายคนนั้นให้รู้แล้วรู้รอดเหลือเกิน ถ้าเกิดว่าหล่อถูกใจเธอก็ไม่อายที่จะทำความรู้จัก แต่การที่จะทำเรื่องบางเรื่องทั้งๆที่มีโอกาส แต่เราไม่สามารถเดาผลตอบรับ มันถือว่าเสี่ยงมาก สู้ดาวอยู่ภายใต้ความอบอุ่นที่อยู่ข้างๆดาวตอนนี้อย่างพี่เอกดีกว่าไหม ตอนนี้ดาวสับสนกับความคิดตัวเองมากมายไม่รู้จะทำยังไงกับมันดี " พี่เอกคะ " ดาวหันมาทางพี่เอก "ว่าไงคะดาว?"---------------------------โปรดติดตามตอนต่อไป-----------------------------------
มารอลุ้นกันต่อว่า ดาวจะตัดสินใจยังไงกับสถานการณ์คับขันแบบนี้ ทั้งๆที่ตอนนี้ดาวก็กำลังอยู่ในโหมดโรแมนติคกับพี่เอกอยู่ แต่ผู้ชายปริศนาคนนั้นก็มาบังเอิญเจอกันให้สะกิดใจอีก ไม่รู้ว่างานนี้ความบังเอิญคือพหรมลิขิตได้หรือเปล่า แล้วโชคชะตามันจะเกิดได้หรือไม่ถ้าเธอสละโอกาส ติดตามลุ้นต่อไปได้ในจ๊ะใน มาดามดำตับเป็ดตอนต่อไป
บทที่2 แสบอสรพิษ
เพียงไม่กี่นาทีงานอีเว้นท์ก็จะเริ่มขึ้น ในใจดาวตอนนี้มันกังวลไปหมด เพราะกลัวว่างานจะออกมาไม่ดีอย่างที่คิด ถึงแม้ว่าดาวจะเป็นแค่ส่วนเล็กเล็กในหน้าที่ แต่ดาวก็คิดเสมอว่าเธอก็เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในงานเหมือนกัน นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมารับผิดชอบสองหน้าที่พร้อมกัน นั่นก็คือฝ่ายประสานงานและคอสตูมดีไซน์ ส่วนในด้านประสานงาน ดาวไม่กังวลเลยซักนิดเพราะว่าทำมานานแล้ว แต่ส่วนในด้านงานคอสตูม นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้รับมอบหมายและรับผิดชอบโดยตรง ซึ่งชุดที่นำมาในวันนี้ เป็นชุดไทยโบราณสมัยเมืองละโว้ โดยได้รับอนุเคราะห์จากคุณหญิงเลอรัศมีที่เป็นเจ้าของสินค้านำมาให้นั่นเอง ถึงแม้งานคอสตูมจะเป็นงานที่ดาวพอมีความถนัด แต่ชุดมันเป็นของจริงจากยุคโบราณ เธอก็ยังอดกังวลไม่ได้ว่าจะทำชุดเสียหาย
"ทราย ทราย มานี่หน่อย" ดาวรีบเรียกเด็กฝึกงานผู้ช่วยของเธอมาถามบางอย่างเพื่อความมั่นใจ ทรายเด็กฝึกงานรีบเดินจ้ำอ้าวมาที่ดาวทันทีและแอบชักสีหน้าไม่พอใจ แต่เมื่อทรายเดินเข้ามาใกล้ดาว ทรายก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นร่าเริงและยิ้มให้ดาวทันที "ขาาา..พี่ดาว มีอะไรเหรอคะ?" " คือพี่จะถามว่าทุกอย่างเรียบร้อยนะชุดไทยที่แอ้มใส่อ่ะ ไอ้ผ้าตาดสีเงินที่คลุมสะโพกชัวร์นะว่าแน่น และก็ไม่ได้ติดเข็มกลัดให้ผ้าเป็นรอยที่ผ้านุ่งนะ แล้วก็ไอ้พวกกระบังหน้าดาวกระจายไม่มีรอยถลอกหรือทำเพชรทำพลอยหลุดนะ?.." ดาวยิงถามคำถามรัวใส่ทรายเป็นปืนกลจนทรายต้องรีบพูดตัดบทสวนไปทันที "ค่ะพี่ดาว ตั้งแต่ผ้านุ่ง,ผ้าคลุม,ระปราย,กระบังหน้า,เกี้ยว,สร้อยคอรวมไปถึงกำไลเท้า ทรายเช็คทุกอย่างชัวร์แน่นอนค่ะ มายังไงกลับอย่างนั้น รู้ค่ะว่าชุดโบราณจากยุคเมืองละโว้แท้ๆ ฉะนั้นชุดจะต้องไร้รอยต่อห่อกลับเหมือนเดิมแน่นอนค่ะ " พูดเสร็จทรายก็หันหน้าขวับเดินหนีไปเพื่อเลี่ยงที่จะตอบคำถามนี้อีกเป็นครั้งที่ร้อย ดาวหวั่นใจเหลือเกินว่ามันจะเกิดเรื่องไม่ดีกับชุดไทยละโว้ที่แอ้มใส่ ตอนนี้ชุดนี้มันอยู่บนตัวแอ้มเรียบร้อยแล้ว ไม่รู้ว่าแอ้มจะเอาคืนเธอโดยการใช้ชุดนี้เป็นเครื่องมือหรือเปล่า ก่อนที่แอ้มจะไปหลังเวที แอ้มหันกลับมามองที่ดาวด้วยแววตาที่แฝงแผนร้ายบางอย่างอยู่ " แท่นทะลาแลนแทนแท้นแท่นแท้น......." เสียงดนตรีเปิดงานเริ่มขึ้น ก็เพราะสบู่เลอลักษณ์เป็นสบู่ไฮโซสูตรชาววังเมืองละโว้ บรรยากาศจึงคราครั่งไปด้วยแขกผู้มีเกียรติในสังคมไฮโซที่ล้วนแล้วแต่เป็นเชื้อหม่อมเจ้าหม่อมหญิงกันทั้งนั้น ทั้งกองทัพสื่อมวลชนทุกแขนงต้องมาทำข่าวถ่ายรูปพวกคุณหญิงผมทรงยกยีกระบังกันยกใหญ่ งานครั้งนี้จะเสียหน้าหรือมีอะไรผิดพลาดไม่ได้ ไม่งั้นมีแต่ตายกับตายสถานเดียว
เมื่อใดที่คุณหญิงเลอรัศมีเริ่มตัดริบบิ้นเปิดงาน ลำดับต่อไปจะเป็นคิวเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ โดยเมื่อไฟบนเวทีเปลี่ยนเป็นสีทองและเพลงระบำลพบุรีบรรเลงขึ้น แอ้มก็จะปรากฎตัวออกมาจากแผ่นหินจำลองที่เป็นภาพนางอัปสราร่ายรำ ตอนนี้ทุกอย่างกำลังดำเนินไปตามที่วางไว้ " แออีแอ้อีแอแอ่แอ...." เพลงระบำลพบุรีเริ่มบรรเลงแล้ว และแสงสีทองบนเวทีก็สาดไปที่แผ่นหิน แล้วแอ้มก็ปรากฏตัวมาออกมา แอ้มทำท่าเหมือนนางอัปสรากำลังร่ายรำ แอ้มเดินออกมาตรงด้านหน้าเวทีอย่างสง่างาม ซึ่งลำดับต่อไป แอ้มจะลงไปในสระน้ำจำลองเพื่อทำท่าเหมือนอัปสราเล่นน้ำ ซึ่งจริงๆในสระเป็นแค่สระเปล่าๆ เดี๋ยวทีมงานก็จะปล่อยควันดรายไอซ์ขึ้นมาเพื่อเปรียบเสมือนน้ำแห่งสรวงสวรรค์ พร้อมกันกับปล่อยฟองสบู่ให้ลอยละล่องไปสะท้อนกับแสงไฟสีทองระยิบระยับ ในตอนนี้แขกที่งานรวมทั้งพี่เอกพากันยิ้มและตะลึงในความสวยสง่าของแอ้มอย่างมาก ทุกอิริยาบถของแอ้มที่เยื้องย่างมันช่างอ้อนแอ้นอรชรราวกับนางอัปสราที่ลอยละลิ่วอยู่บนท้องฟ้าจริงๆ ดาวเองก็แอบมโนภาพในใจว่าตัวเองกำลังสวมชุดนางอัปสราลพบุรีอยู่ในปราสาทละโว้ แล้วดาวกำลังร่ายรำต่อหน้าพี่เอก ซึ่งพี่เอกคือเจ้าเมืองละโว้ที่กำลังส่งทั้งยิ้มหวานและสายตาเจ้าชู้ให้กับนางอัปสราดาวเหมือนแทบจะกลืนกิน ทุกอย่างในตอนนี้ดำเนินมาอย่างราบรื่น และในลำดับสุดท้ายของงาน คุณหญิงเลอรัศมีและแขกในงานทุกคน รวมไปถึงพรีเซ็นเตอร์จะมาดึงจุกที่กระบอกพลุกระดาษเพื่อปิดงาน "ฟู่วววววววว" เสียงของกระบอกพลุกระดาษถูกเปิดออก แต่สิ่งที่ออกมาไม่ใช่กระดาษหลากสีสวยงาม แต่มันกลับเป็นควันสีขาวพุ่งออกมาเต็มไปทั่วทั้งงาน "อร้ายยยยย" เสียงกรี๊ดตกใจของคุณหญิงเลอรัศมีแป๋นเข้ามา และไม่นานเสียงวี๊ดวายผสมเสียงไอของทุกคนในงานก็เริ่มดังกันอย่างเซ็งแซ่ "โอ้ยยย ควันอะไรเนี้ย ทำไมมันแสบอย่างนี้ โอ้ย!" ตอนนี้ดาวเองก็เริ่มรู้สึกแบบเดียวกับพวกแขกในงาน ควันทำดาวแสบตาจนน้ำตามันไหล และดาวก็สังเกตว่าคนในงานต่างมีอาการน้ำตาไหลเหมือนดาว และตาบางคนก็เปลี่ยนเป็นสีแดงกร่ำด้วย " นี่มันแก๊สน้ำตานิ โอ้ย! ทุกคนปิดตาก่อนครับอย่าให้เข้าตา" เสียงตำรวจคนนึงที่มารักษาความปลอดภัยตะโกนบอกคนในงาน และทันทีที่ตำรวจคนนั้นบอกว่ามันเป็นแก๊สน้ำตา เหล่าพวกคุณหญิงคุณนายตาพากันวิ่งหนีกันอลหม่านราวกับว่าเกิดเหตุจราจลกลางสยามอีกครั้ง คุณหญิงเลอรัศมีรีบวิ่งเข้าไปหลบใต้โต๊ะ ส่วนคนอื่นๆพากันวิ่งหนีออกจากสถานที่จัดงาน ไม่นานนักหน่วยรักษาความปลอดภัยประจำห้างและตำรวจก็รีบทยอยพาคนออกไปจากจุดนั้น ส่วนคนที่มาเดินห้างที่ไม่รู้อิโหน่อีเหน่ก็พลอยนึกว่านี้มันเกิดเหตุจลาจลขึ้นจริงๆเพราะควันมันเยอะมากเหลือเกิน ก็พลุกระดาษที่ให้ทุกคนจุดมีทั้งหมดมีตั้ง100ชุด ซึ่งแจกหมดด้วย ดนตรีก็ยังคงบรรเลงต่อไปเพราะคนคุมซาวก็วิ่งหนีแก๊สน้ำตากับเค้าเหมือนกัน ส่วนสต๊าฟและทีมงานต่างวิ่งกันจ้าละหวั่นคอยช่วยกันหาทางแก้ปัญหา พี่น้อยเองเห็นว่ามันแก้ปัญหาอะไรไม่ได้ในตอนนี้เพราะควันคงยังไม่หมด ทางดีที่สุดคืออกมาตรงจุดนั้นก่อนและดูแลคนในงานให้ปลอดภัย ซูสีไทเฮาอย่างพี่น้อยไม่ได้ทำท่าหวาดกลัวกับควันเลยสักนิด พี่น้อยรีบใส่แว่นตาดำแล้วเอาผ้ามาปิดจมูก และคอยสั่งให้ลูกน้องทุกคนมีสติ ซึ่งกว่าควันจะหมดงานนี้คงเละกันทั่วหน้า คงมีการหามเหล่าคุณหญิงคุณนายอายุลายครามแบกส่งโรงพยาบาลกันเลยทีเดียว ในระหว่างท่ามกลางความชุลมุนวุ่นวาย มีมือมือนึงมาจับดาวไว้ มือมือนั้นเป็นมือของพี่เอก พระเอกของดาวตลอดกาลนั่นเอง พี่เอกจับมือดาวไว้แน่นแล้วพาดาววิ่งออกไปจากจุดนั้น "รีบออกไปก่อนเถอะดาว โดนควันมากๆจะอาเจียน" พี่เอกหันมาบอกดาวด้วยสีหน้าเป็นห่วง แถมพี่เอกยังถอดเสื้อสูทของตัวเองออก แล้วเอามาคลุมไว้ให้ที่หัวดาวเพื่อป้องกันควันจากแก๊สน้ำตาให้กับดาว " คลุมไว้นะจะได้ไม่โดนควัน แล้วหลับตาซะ ไม่ต้องกลัว จับมือพี่ไว้ พี่จะพาออกไปเอง เชื่อใจพี่นะ" คำพูดคำนี้.... " จับมือพี่ไว้...เชื่อใจพี่นะ" คำคำนี้มันย้อนให้ดาวคิดถึงสมัยที่ดาวเข้าค่ายรับน้องของคณะ ซึ่งในคืนวันสุดท้ายของการรับน้อง รุ่นพี่จะให้รุ่นน้องเดินเข้าป่าเพื่อไปรวมตัวที่ลานวงกลมของค่าย ทางเดินระยะค่อนข้างไกลและมืด แต่ความสนุกของมันคือกติกาในการเดินเข้าป่า รุ่นน้องจะต้องถูกปิดตาด้วยผ้าและถูกพี่รหัสเป็นคนพาไป ซึ่งก่อนหน้านั้นรุ่นน้องคนนั้นจะไม่รู้เลยว่าใครคือพี่รหัส และพอไปถึงปลายทางรุ่นพี่รหัสก็จะเป็นคนเปิดผ้าออกเพื่อเฉลยและก็ผูกข้อมือให้รุ่นน้อง ดาวรู้ดีอยู่แล้วว่าพี่เอกก็อยู่คณะนี้เหมือนกันและเธอเองก็เจอพี่เอกตามฐานกิจกรรมต่างๆแล้วด้วย ปัจจัยที่เธอเข้ามาเรียนคณะนี้ไม่ใช่เพราะตามพี่เอก แต่เธอชอบเรียนจริงๆ ซึ่งถ้าจะเรียนอักษรศาสตร์ก็ต้องเรียนที่นี้ถึงจะดี แต่เหนือสิ่งอื่นใดดาวแอบหวังมาตลอดว่าอยากให้พี่เองเป็นพี่รหัสของเธอ ในนาทีที่ดาวถูกปิดตาและมีมือมือนึงมาจูงมือเธอเพื่อเดินไปข้างหน้า ดาวได้แต่ภาวนาในใจว่า "ขอให้เจ้าของมืออันนี้เป็นพี่เอกเถอะ " " ตั๊กแก!" เสียงของตุ๊กแกดังขึ้นมาจากด้านหน้าในขณะที่ดาวกำลังเดินไป ดาวเผลอร้องออกมาด้วยความกลัว "อร้าย เสียงตุ๊กแกใช่ไหมนั่น อร้ายอร้าย มันอยู่ตรงไหนอ่ะ" ดาวถามออกมาด้วยเสียงสั่นเครือ และแล้วก็มีเสียงแผ่วเบามากระซิบที่หูด้านซ้ายของดาว " ไม่ต้องกลัวนะคะ จับมือพี่ไว้ เชื่อใจพี่นะ ไม่มีอะไรทั้งนั้น" เสียงทุ้มๆอบอุ่นแบบนี้ดาวจำได้ดี มันคือเสียงพี่เอก เสียงของคนที่เธอแอบรักแอบปลื้มมาตั้งแต่มัธยมต้น มีเหรอเธอจะจำไม่ได้ ดาวรีบหันหน้าไปหาที่มาของเสียงแล้วถามด้วยความมั่นใจแต่ระคนด้วยความสงสัย
"พี่เอกใช่ไหมคะ ?"
ไม่มีเสียงตอบรับใดๆกลับมา แต่เหมือนมีเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ ดาวรู้ดีว่าตามกติกานั้นเค้าต้องเฉลยพี่รหัสเมื่อถึงลานวงกลมแล้ว นี่พี่เอกคงจะกลัวความแตก พี่เอกเลยไม่ตอบหรือมีเสียงพูดคุยอะไรอีกเลยตลอดระยะทางเดิน ในที่สุดก็มาถึงลานวงกลม ทันทีที่มีมือเอื้อมมาเปิดผ้าปิดตาให้ดาว ดาวรีบเอามือมาช่วยแกะผ้าออกด้วยความรวดเร็ว แต่มันกลับทำให้ช้าขึ้นกว่าเดิมเพราะดาวดันไปสัมผัสโดนมือมือนั้น ด้วยความเขินดาวเลยปล่อยให้เจ้าของมือนั้นเป็นคนเปิดผ้าให้ดาว เมื่อผ้าเปิดออก ภาพที่อยู่เบื้องหน้าคือ ชายรูปร่างสูงโปร่ง หน้าเรียว และรอยยิ้มจากริมผีปากบางๆที่มาพร้อมลักยิ้ม จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพี่เอก ในใจดาวตอนนี้มันเหมือนกระป๋องเป็ปซี่ที่ถูกเขย่าและถูกเปิดฝาออก ความดีใจมันทะลักซ่าออกอย่างพวยพุ่งจนบอกไม่ถูก ดาวแทบไม่น่าเชื่อว่าพี่เอกจะได้เป็นพี่รหัสดาวจริงๆอย่างที่ดาวภาวนา ความรู้สึกแบบเดิมเมื่อครั้งนั้นมันกลับมาชื่นช่ำในใจดาวอีกครั้งในตอนนี้ แม้สถานการณ์จริงๆตอนนี้มันจะดูเครียดเพราะวิ่งหนีแก๊สน้ำตาอยู่ก็เถอะ แต่ดาวก็อมยิ้มตลอดในขณะที่วิ่งอยู่กับพี่เอก ต่อให้ตามันจะแสบเพราะแก๊สน้ำตาแค่ไหน เพียงแค่ได้อยู่กับพี่เอกใกล้ชิดขนาดนี้มันก็แซ่บแล้วหล่ะ ดาวรู้สึกขอบใจสถานการณ์แก๊สน้ำตาเหลือเกิน ที่สร้างฉากรักโรแมนติคครั้งใหม่ให้กับเธอ ตอนนี้เธอเปรียบเหมือนนางเอกในหนังสงคราม14ตุลา ที่กำลังวิ่งหนีหลบแก๊สน้ำตากับพระเอกในเรื่องจริงๆ "โอ๊ย !" เสียงดาวร้องออกมาเพราะหัวดันไปชนกับคนข้างหน้าเข้าอย่างแรง ดาวมัวแต่ยิ้มและก้มหน้าเลยไม่ทันระวังมองคนข้างหน้าที่กำลังวิ่งสวนอย่างสับสน ผู้ชายคนนั้นตัวคว่ำลงไปนั่งกับพื้น ดาวก้มตัวลงมาเพื่อที่จะขอโทษเขาคนนั้น แต่ยังไม่ทันจะขอโทษ ผู้ชายคนนั้นก็รีบลุกขึ้นแล้ววิ่งฝ่าฝูงชนไปทันที หลังจากที่ผู้ชายคนนั้นลุกไป ดาวนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ เพราะสิ่งที่ทำให้ดาวอึ้งไปไม่ใช่เพราะความเจ็บ แต่สิ่งที่เธอเห็นบนหลังเสื้อเชิ๊ตสีขาวของผู้ชายคนนั้นคือ รอยลิปสติกสีแดง ดาวไม่ได้ตาฝาดเพราะแก๊สน้ำตาแน่นอน และมันก็ไม่ใช่รอยลิปสติกที่เกิดจากปากเธอ เพราะเธอเอาหัวไปชนกับหลังผู้ชายคนนั้นอย่างเดียว ยิ่งกว่านั้นคือ ผู้ชายคนนั้นถือกระเป๋าLabradoสีเทาแบบเดียวกับที่ดาวเห็นเมื่อเช้าบนรถไฟฟ้า ดาวค่อนข้างมั่นใจว่ามันน่าจะใช่ องค์ประกอบมันครบชัดเจนซะขนาดนี้ ทำไมดาวมาเจอเค้าอีกครั้งในที่ตรงนี้ แล้วนี้เค้าก็กำลังจะหายไปอีกแล้ว ตอนนี้ผู้ชายคนนั้นยังอยู่ในระยะไม่ไกลจากดาวมากนัก มันสมควรหรือไม่ที่ดาวจะวิ่งตามผู้ชายคนนั้นไป การเจอกันมากกว่าหนึ่งครั้งเค้าเรียกว่าพหรมลิขิตได้แล้วหรือยัง แต่ในใจดาวก็ยังค้านอยู่ว่ามันคือเรื่องปกติ เพราะขนาดพนักงานเซเว่นหน้าบริษัทดาวยังเจอวันละสี่ครั้งเลยเวลาไปซื้อของ ระหว่างดาวกับผู้ชายเสื้อลิปสติกแดงคนนั้นในตอนนั้นเราต่างคนต่างไป ไม่ได้ตั้งใจจะเจออีก แล้วนี้ทำไมมาเจอกันอีกเป็นหนที่สอง ในความคิดดาวตอนนี้เธออยากจะไปวิ่งไปดูหน้าผู้ชายคนนั้นให้รู้แล้วรู้รอดเหลือเกิน ถ้าเกิดว่าหล่อถูกใจเธอก็ไม่อายที่จะทำความรู้จัก แต่การที่จะทำเรื่องบางเรื่องทั้งๆที่มีโอกาส แต่เราไม่สามารถเดาผลตอบรับ มันถือว่าเสี่ยงมาก สู้ดาวอยู่ภายใต้ความอบอุ่นที่อยู่ข้างๆดาวตอนนี้อย่างพี่เอกดีกว่าไหม ตอนนี้ดาวสับสนกับความคิดตัวเองมากมายไม่รู้จะทำยังไงกับมันดี " พี่เอกคะ " ดาวหันมาทางพี่เอก "ว่าไงคะดาว?"---------------------------โปรดติดตามตอนต่อไป-----------------------------------
มารอลุ้นกันต่อว่า ดาวจะตัดสินใจยังไงกับสถานการณ์คับขันแบบนี้ ทั้งๆที่ตอนนี้ดาวก็กำลังอยู่ในโหมดโรแมนติคกับพี่เอกอยู่ แต่ผู้ชายปริศนาคนนั้นก็มาบังเอิญเจอกันให้สะกิดใจอีก ไม่รู้ว่างานนี้ความบังเอิญคือพหรมลิขิตได้หรือเปล่า แล้วโชคชะตามันจะเกิดได้หรือไม่ถ้าเธอสละโอกาส ติดตามลุ้นต่อไปได้ในจ๊ะใน มาดามดำตับเป็ดตอนต่อไป
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ