มาดามดำตับเป็ด

-

เขียนโดย มะลิหวาน

วันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 10.30 น.

  3 ตอน
  0 วิจารณ์
  6,547 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 เมษายน พ.ศ. 2556 11.52 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) บทที่2 แสบอสรพิษ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
sweet jusmine
 
บทที่2 แสบอสรพิษ

          เพียงไม่กี่นาทีงานอีเว้นท์ก็จะเริ่มขึ้น  ในใจดาวตอนนี้มันกังวลไปหมด เพราะกลัวว่างานจะออกมาไม่ดีอย่างที่คิด  ถึงแม้ว่าดาวจะเป็นแค่ส่วนเล็กเล็กในหน้าที่ แต่ดาวก็คิดเสมอว่าเธอก็เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในงานเหมือนกัน  นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมารับผิดชอบสองหน้าที่พร้อมกัน นั่นก็คือฝ่ายประสานงานและคอสตูมดีไซน์
          ส่วนในด้านประสานงาน ดาวไม่กังวลเลยซักนิดเพราะว่าทำมานานแล้ว  แต่ส่วนในด้านงานคอสตูม นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้รับมอบหมายและรับผิดชอบโดยตรง 
ซึ่งชุดที่นำมาในวันนี้ เป็นชุดไทยโบราณสมัยเมืองละโว้ โดยได้รับอนุเคราะห์จากคุณหญิงเลอรัศมีที่เป็นเจ้าของสินค้านำมาให้นั่นเอง   ถึงแม้งานคอสตูมจะเป็นงานที่ดาวพอมีความถนัด แต่ชุดมันเป็นของจริงจากยุคโบราณ เธอก็ยังอดกังวลไม่ได้ว่าจะทำชุดเสียหาย

          "ทราย ทราย มานี่หน่อย" ดาวรีบเรียกเด็กฝึกงานผู้ช่วยของเธอมาถามบางอย่างเพื่อความมั่นใจ  ทรายเด็กฝึกงานรีบเดินจ้ำอ้าวมาที่ดาวทันทีและแอบชักสีหน้าไม่พอใจ แต่เมื่อทรายเดินเข้ามาใกล้ดาว ทรายก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นร่าเริงและยิ้มให้ดาวทันที
        
          "ขาาา..พี่ดาว มีอะไรเหรอคะ?"  

         " คือพี่จะถามว่าทุกอย่างเรียบร้อยนะชุดไทยที่แอ้มใส่อ่ะ ไอ้ผ้าตาดสีเงินที่คลุมสะโพกชัวร์นะว่าแน่น และก็ไม่ได้ติดเข็มกลัดให้ผ้าเป็นรอยที่ผ้านุ่งนะ แล้วก็ไอ้พวกกระบังหน้าดาวกระจายไม่มีรอยถลอกหรือทำเพชรทำพลอยหลุดนะ?.." ดาวยิงถามคำถามรัวใส่ทรายเป็นปืนกลจนทรายต้องรีบพูดตัดบทสวนไปทันที

        "ค่ะพี่ดาว ตั้งแต่ผ้านุ่ง,ผ้าคลุม,ระปราย,กระบังหน้า,เกี้ยว,สร้อยคอรวมไปถึงกำไลเท้า ทรายเช็คทุกอย่างชัวร์แน่นอนค่ะ มายังไงกลับอย่างนั้น รู้ค่ะว่าชุดโบราณจากยุคเมืองละโว้แท้ๆ  ฉะนั้นชุดจะต้องไร้รอยต่อห่อกลับเหมือนเดิมแน่นอนค่ะ " พูดเสร็จทรายก็หันหน้าขวับเดินหนีไปเพื่อเลี่ยงที่จะตอบคำถามนี้อีกเป็นครั้งที่ร้อย 


         ดาวหวั่นใจเหลือเกินว่ามันจะเกิดเรื่องไม่ดีกับชุดไทยละโว้ที่แอ้มใส่  ตอนนี้ชุดนี้มันอยู่บนตัวแอ้มเรียบร้อยแล้ว ไม่รู้ว่าแอ้มจะเอาคืนเธอโดยการใช้ชุดนี้เป็นเครื่องมือหรือเปล่า  ก่อนที่แอ้มจะไปหลังเวที แอ้มหันกลับมามองที่ดาวด้วยแววตาที่แฝงแผนร้ายบางอย่างอยู่ 

         " แท่นทะลาแลนแทนแท้นแท่นแท้น......." เสียงดนตรีเปิดงานเริ่มขึ้น ก็เพราะสบู่เลอลักษณ์เป็นสบู่ไฮโซสูตรชาววังเมืองละโว้ บรรยากาศจึงคราครั่งไปด้วยแขกผู้มีเกียรติในสังคมไฮโซที่ล้วนแล้วแต่เป็นเชื้อหม่อมเจ้าหม่อมหญิงกันทั้งนั้น   ทั้งกองทัพสื่อมวลชนทุกแขนงต้องมาทำข่าวถ่ายรูปพวกคุณหญิงผมทรงยกยีกระบังกันยกใหญ่ งานครั้งนี้จะเสียหน้าหรือมีอะไรผิดพลาดไม่ได้ ไม่งั้นมีแต่ตายกับตายสถานเดียว

        เมื่อใดที่คุณหญิงเลอรัศมีเริ่มตัดริบบิ้นเปิดงาน ลำดับต่อไปจะเป็นคิวเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ โดยเมื่อไฟบนเวทีเปลี่ยนเป็นสีทองและเพลงระบำลพบุรีบรรเลงขึ้น แอ้มก็จะปรากฎตัวออกมาจากแผ่นหินจำลองที่เป็นภาพนางอัปสราร่ายรำ  ตอนนี้ทุกอย่างกำลังดำเนินไปตามที่วางไว้ 

       " แออีแอ้อีแอแอ่แอ...." เพลงระบำลพบุรีเริ่มบรรเลงแล้ว และแสงสีทองบนเวทีก็สาดไปที่แผ่นหิน แล้วแอ้มก็ปรากฏตัวมาออกมา แอ้มทำท่าเหมือนนางอัปสรากำลังร่ายรำ แอ้มเดินออกมาตรงด้านหน้าเวทีอย่างสง่างาม ซึ่งลำดับต่อไป แอ้มจะลงไปในสระน้ำจำลองเพื่อทำท่าเหมือนอัปสราเล่นน้ำ ซึ่งจริงๆในสระเป็นแค่สระเปล่าๆ เดี๋ยวทีมงานก็จะปล่อยควันดรายไอซ์ขึ้นมาเพื่อเปรียบเสมือนน้ำแห่งสรวงสวรรค์ พร้อมกันกับปล่อยฟองสบู่ให้ลอยละล่องไปสะท้อนกับแสงไฟสีทองระยิบระยับ   ในตอนนี้แขกที่งานรวมทั้งพี่เอกพากันยิ้มและตะลึงในความสวยสง่าของแอ้มอย่างมาก  ทุกอิริยาบถของแอ้มที่เยื้องย่างมันช่างอ้อนแอ้นอรชรราวกับนางอัปสราที่ลอยละลิ่วอยู่บนท้องฟ้าจริงๆ  ดาวเองก็แอบมโนภาพในใจว่าตัวเองกำลังสวมชุดนางอัปสราลพบุรีอยู่ในปราสาทละโว้ แล้วดาวกำลังร่ายรำต่อหน้าพี่เอก  ซึ่งพี่เอกคือเจ้าเมืองละโว้ที่กำลังส่งทั้งยิ้มหวานและสายตาเจ้าชู้ให้กับนางอัปสราดาวเหมือนแทบจะกลืนกิน 


        ทุกอย่างในตอนนี้ดำเนินมาอย่างราบรื่น และในลำดับสุดท้ายของงาน คุณหญิงเลอรัศมีและแขกในงานทุกคน รวมไปถึงพรีเซ็นเตอร์จะมาดึงจุกที่กระบอกพลุกระดาษเพื่อปิดงาน

        "ฟู่วววววววว" เสียงของกระบอกพลุกระดาษถูกเปิดออก แต่สิ่งที่ออกมาไม่ใช่กระดาษหลากสีสวยงาม แต่มันกลับเป็นควันสีขาวพุ่งออกมาเต็มไปทั่วทั้งงาน

        "อร้ายยยยย"  เสียงกรี๊ดตกใจของคุณหญิงเลอรัศมีแป๋นเข้ามา และไม่นานเสียงวี๊ดวายผสมเสียงไอของทุกคนในงานก็เริ่มดังกันอย่างเซ็งแซ่

        "โอ้ยยย ควันอะไรเนี้ย ทำไมมันแสบอย่างนี้ โอ้ย!"   ตอนนี้ดาวเองก็เริ่มรู้สึกแบบเดียวกับพวกแขกในงาน   ควันทำดาวแสบตาจนน้ำตามันไหล และดาวก็สังเกตว่าคนในงานต่างมีอาการน้ำตาไหลเหมือนดาว และตาบางคนก็เปลี่ยนเป็นสีแดงกร่ำด้วย


        " นี่มันแก๊สน้ำตานิ โอ้ย!  ทุกคนปิดตาก่อนครับอย่าให้เข้าตา" 

        เสียงตำรวจคนนึงที่มารักษาความปลอดภัยตะโกนบอกคนในงาน  และทันทีที่ตำรวจคนนั้นบอกว่ามันเป็นแก๊สน้ำตา เหล่าพวกคุณหญิงคุณนายตาพากันวิ่งหนีกันอลหม่านราวกับว่าเกิดเหตุจราจลกลางสยามอีกครั้ง   คุณหญิงเลอรัศมีรีบวิ่งเข้าไปหลบใต้โต๊ะ ส่วนคนอื่นๆพากันวิ่งหนีออกจากสถานที่จัดงาน  ไม่นานนักหน่วยรักษาความปลอดภัยประจำห้างและตำรวจก็รีบทยอยพาคนออกไปจากจุดนั้น  ส่วนคนที่มาเดินห้างที่ไม่รู้อิโหน่อีเหน่ก็พลอยนึกว่านี้มันเกิดเหตุจลาจลขึ้นจริงๆเพราะควันมันเยอะมากเหลือเกิน  ก็พลุกระดาษที่ให้ทุกคนจุดมีทั้งหมดมีตั้ง100ชุด ซึ่งแจกหมดด้วย  
         ดนตรีก็ยังคงบรรเลงต่อไปเพราะคนคุมซาวก็วิ่งหนีแก๊สน้ำตากับเค้าเหมือนกัน  ส่วนสต๊าฟและทีมงานต่างวิ่งกันจ้าละหวั่นคอยช่วยกันหาทางแก้ปัญหา พี่น้อยเองเห็นว่ามันแก้ปัญหาอะไรไม่ได้ในตอนนี้เพราะควันคงยังไม่หมด  ทางดีที่สุดคืออกมาตรงจุดนั้นก่อนและดูแลคนในงานให้ปลอดภัย  ซูสีไทเฮาอย่างพี่น้อยไม่ได้ทำท่าหวาดกลัวกับควันเลยสักนิด พี่น้อยรีบใส่แว่นตาดำแล้วเอาผ้ามาปิดจมูก และคอยสั่งให้ลูกน้องทุกคนมีสติ  ซึ่งกว่าควันจะหมดงานนี้คงเละกันทั่วหน้า คงมีการหามเหล่าคุณหญิงคุณนายอายุลายครามแบกส่งโรงพยาบาลกันเลยทีเดียว 

          ในระหว่างท่ามกลางความชุลมุนวุ่นวาย มีมือมือนึงมาจับดาวไว้ มือมือนั้นเป็นมือของพี่เอก พระเอกของดาวตลอดกาลนั่นเอง   พี่เอกจับมือดาวไว้แน่นแล้วพาดาววิ่งออกไปจากจุดนั้น   "รีบออกไปก่อนเถอะดาว โดนควันมากๆจะอาเจียน"  พี่เอกหันมาบอกดาวด้วยสีหน้าเป็นห่วง   แถมพี่เอกยังถอดเสื้อสูทของตัวเองออก แล้วเอามาคลุมไว้ให้ที่หัวดาวเพื่อป้องกันควันจากแก๊สน้ำตาให้กับดาว

         " คลุมไว้นะจะได้ไม่โดนควัน แล้วหลับตาซะ ไม่ต้องกลัว จับมือพี่ไว้ พี่จะพาออกไปเอง เชื่อใจพี่นะ"   


          คำพูดคำนี้.... " จับมือพี่ไว้...เชื่อใจพี่นะ" 


          คำคำนี้มันย้อนให้ดาวคิดถึงสมัยที่ดาวเข้าค่ายรับน้องของคณะ ซึ่งในคืนวันสุดท้ายของการรับน้อง รุ่นพี่จะให้รุ่นน้องเดินเข้าป่าเพื่อไปรวมตัวที่ลานวงกลมของค่าย ทางเดินระยะค่อนข้างไกลและมืด แต่ความสนุกของมันคือกติกาในการเดินเข้าป่า รุ่นน้องจะต้องถูกปิดตาด้วยผ้าและถูกพี่รหัสเป็นคนพาไป  ซึ่งก่อนหน้านั้นรุ่นน้องคนนั้นจะไม่รู้เลยว่าใครคือพี่รหัส และพอไปถึงปลายทางรุ่นพี่รหัสก็จะเป็นคนเปิดผ้าออกเพื่อเฉลยและก็ผูกข้อมือให้รุ่นน้อง

         ดาวรู้ดีอยู่แล้วว่าพี่เอกก็อยู่คณะนี้เหมือนกันและเธอเองก็เจอพี่เอกตามฐานกิจกรรมต่างๆแล้วด้วย  ปัจจัยที่เธอเข้ามาเรียนคณะนี้ไม่ใช่เพราะตามพี่เอก แต่เธอชอบเรียนจริงๆ ซึ่งถ้าจะเรียนอักษรศาสตร์ก็ต้องเรียนที่นี้ถึงจะดี  แต่เหนือสิ่งอื่นใดดาวแอบหวังมาตลอดว่าอยากให้พี่เองเป็นพี่รหัสของเธอ  ในนาทีที่ดาวถูกปิดตาและมีมือมือนึงมาจูงมือเธอเพื่อเดินไปข้างหน้า ดาวได้แต่ภาวนาในใจว่า "ขอให้เจ้าของมืออันนี้เป็นพี่เอกเถอะ "
        
         " ตั๊กแก!" เสียงของตุ๊กแกดังขึ้นมาจากด้านหน้าในขณะที่ดาวกำลังเดินไป ดาวเผลอร้องออกมาด้วยความกลัว  "อร้าย เสียงตุ๊กแกใช่ไหมนั่น อร้ายอร้าย มันอยู่ตรงไหนอ่ะ" ดาวถามออกมาด้วยเสียงสั่นเครือ  และแล้วก็มีเสียงแผ่วเบามากระซิบที่หูด้านซ้ายของดาว 

          " ไม่ต้องกลัวนะคะ จับมือพี่ไว้ เชื่อใจพี่นะ ไม่มีอะไรทั้งนั้น"

          เสียงทุ้มๆอบอุ่นแบบนี้ดาวจำได้ดี มันคือเสียงพี่เอก เสียงของคนที่เธอแอบรักแอบปลื้มมาตั้งแต่มัธยมต้น มีเหรอเธอจะจำไม่ได้ 
          ดาวรีบหันหน้าไปหาที่มาของเสียงแล้วถามด้วยความมั่นใจแต่ระคนด้วยความสงสัย

          "พี่เอกใช่ไหมคะ ?"

           ไม่มีเสียงตอบรับใดๆกลับมา แต่เหมือนมีเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ   ดาวรู้ดีว่าตามกติกานั้นเค้าต้องเฉลยพี่รหัสเมื่อถึงลานวงกลมแล้ว  นี่พี่เอกคงจะกลัวความแตก พี่เอกเลยไม่ตอบหรือมีเสียงพูดคุยอะไรอีกเลยตลอดระยะทางเดิน  

           ในที่สุดก็มาถึงลานวงกลม ทันทีที่มีมือเอื้อมมาเปิดผ้าปิดตาให้ดาว ดาวรีบเอามือมาช่วยแกะผ้าออกด้วยความรวดเร็ว แต่มันกลับทำให้ช้าขึ้นกว่าเดิมเพราะดาวดันไปสัมผัสโดนมือมือนั้น ด้วยความเขินดาวเลยปล่อยให้เจ้าของมือนั้นเป็นคนเปิดผ้าให้ดาว  เมื่อผ้าเปิดออก ภาพที่อยู่เบื้องหน้าคือ ชายรูปร่างสูงโปร่ง หน้าเรียว และรอยยิ้มจากริมผีปากบางๆที่มาพร้อมลักยิ้ม จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพี่เอก  ในใจดาวตอนนี้มันเหมือนกระป๋องเป็ปซี่ที่ถูกเขย่าและถูกเปิดฝาออก ความดีใจมันทะลักซ่าออกอย่างพวยพุ่งจนบอกไม่ถูก  ดาวแทบไม่น่าเชื่อว่าพี่เอกจะได้เป็นพี่รหัสดาวจริงๆอย่างที่ดาวภาวนา  

           
           ความรู้สึกแบบเดิมเมื่อครั้งนั้นมันกลับมาชื่นช่ำในใจดาวอีกครั้งในตอนนี้  แม้สถานการณ์จริงๆตอนนี้มันจะดูเครียดเพราะวิ่งหนีแก๊สน้ำตาอยู่ก็เถอะ แต่ดาวก็อมยิ้มตลอดในขณะที่วิ่งอยู่กับพี่เอก  ต่อให้ตามันจะแสบเพราะแก๊สน้ำตาแค่ไหน เพียงแค่ได้อยู่กับพี่เอกใกล้ชิดขนาดนี้มันก็แซ่บแล้วหล่ะ  ดาวรู้สึกขอบใจสถานการณ์แก๊สน้ำตาเหลือเกิน ที่สร้างฉากรักโรแมนติคครั้งใหม่ให้กับเธอ ตอนนี้เธอเปรียบเหมือนนางเอกในหนังสงคราม14ตุลา ที่กำลังวิ่งหนีหลบแก๊สน้ำตากับพระเอกในเรื่องจริงๆ


             "โอ๊ย !"

             เสียงดาวร้องออกมาเพราะหัวดันไปชนกับคนข้างหน้าเข้าอย่างแรง  ดาวมัวแต่ยิ้มและก้มหน้าเลยไม่ทันระวังมองคนข้างหน้าที่กำลังวิ่งสวนอย่างสับสน  ผู้ชายคนนั้นตัวคว่ำลงไปนั่งกับพื้น  ดาวก้มตัวลงมาเพื่อที่จะขอโทษเขาคนนั้น  แต่ยังไม่ทันจะขอโทษ   ผู้ชายคนนั้นก็รีบลุกขึ้นแล้ววิ่งฝ่าฝูงชนไปทันที หลังจากที่ผู้ชายคนนั้นลุกไป ดาวนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ

             เพราะสิ่งที่ทำให้ดาวอึ้งไปไม่ใช่เพราะความเจ็บ  แต่สิ่งที่เธอเห็นบนหลังเสื้อเชิ๊ตสีขาวของผู้ชายคนนั้นคือ รอยลิปสติกสีแดง ดาวไม่ได้ตาฝาดเพราะแก๊สน้ำตาแน่นอน และมันก็ไม่ใช่รอยลิปสติกที่เกิดจากปากเธอ  เพราะเธอเอาหัวไปชนกับหลังผู้ชายคนนั้นอย่างเดียว ยิ่งกว่านั้นคือ ผู้ชายคนนั้นถือกระเป๋าLabradoสีเทาแบบเดียวกับที่ดาวเห็นเมื่อเช้าบนรถไฟฟ้า
             ดาวค่อนข้างมั่นใจว่ามันน่าจะใช่ องค์ประกอบมันครบชัดเจนซะขนาดนี้  ทำไมดาวมาเจอเค้าอีกครั้งในที่ตรงนี้ แล้วนี้เค้าก็กำลังจะหายไปอีกแล้ว  ตอนนี้ผู้ชายคนนั้นยังอยู่ในระยะไม่ไกลจากดาวมากนัก   มันสมควรหรือไม่ที่ดาวจะวิ่งตามผู้ชายคนนั้นไป  
             
              การเจอกันมากกว่าหนึ่งครั้งเค้าเรียกว่าพหรมลิขิตได้แล้วหรือยัง  แต่ในใจดาวก็ยังค้านอยู่ว่ามันคือเรื่องปกติ เพราะขนาดพนักงานเซเว่นหน้าบริษัทดาวยังเจอวันละสี่ครั้งเลยเวลาไปซื้อของ   ระหว่างดาวกับผู้ชายเสื้อลิปสติกแดงคนนั้นในตอนนั้นเราต่างคนต่างไป ไม่ได้ตั้งใจจะเจออีก  แล้วนี้ทำไมมาเจอกันอีกเป็นหนที่สอง  ในความคิดดาวตอนนี้เธออยากจะไปวิ่งไปดูหน้าผู้ชายคนนั้นให้รู้แล้วรู้รอดเหลือเกิน ถ้าเกิดว่าหล่อถูกใจเธอก็ไม่อายที่จะทำความรู้จัก  แต่การที่จะทำเรื่องบางเรื่องทั้งๆที่มีโอกาส แต่เราไม่สามารถเดาผลตอบรับ   มันถือว่าเสี่ยงมาก สู้ดาวอยู่ภายใต้ความอบอุ่นที่อยู่ข้างๆดาวตอนนี้อย่างพี่เอกดีกว่าไหม  ตอนนี้ดาวสับสนกับความคิดตัวเองมากมายไม่รู้จะทำยังไงกับมันดี 

              " พี่เอกคะ " ดาวหันมาทางพี่เอก
             
               "ว่าไงคะดาว?"

---------------------------โปรดติดตามตอนต่อไป-----------------------------------



มารอลุ้นกันต่อว่า ดาวจะตัดสินใจยังไงกับสถานการณ์คับขันแบบนี้  ทั้งๆที่ตอนนี้ดาวก็กำลังอยู่ในโหมดโรแมนติคกับพี่เอกอยู่  แต่ผู้ชายปริศนาคนนั้นก็มาบังเอิญเจอกันให้สะกิดใจอีก  ไม่รู้ว่างานนี้ความบังเอิญคือพหรมลิขิตได้หรือเปล่า แล้วโชคชะตามันจะเกิดได้หรือไม่ถ้าเธอสละโอกาส   ติดตามลุ้นต่อไปได้ในจ๊ะใน มาดามดำตับเป็ดตอนต่อไป
 

         

         

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา