Chabulanta ตำนานรักเทพมังกร
6.6
เขียนโดย Xian_xi
วันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 15.34 น.
13 ตอน
20 วิจารณ์
18.99K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 13.18 น. โดย เจ้าของนิยาย
9) ละเมิดกฎ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ลำแสงขาวพุ่งดิ่งเสียดหมัดแกร่งประกายไฟกระเซ็น เทพมังกรถอนแขนกลับ
ท่าทางงุนงงระคนเคือง ลำแสงนั่นก่อตัวเป็นร่างนักรบที่คุ้นเคย เขาถลึงตาจ้องตำหนิและดุดัน
" มีสติหน่อยชาบูหลั่นตา! "
ดวงตาเทพมังกรแดงก่ำ พลุ่งพล่านไม่ฟังคำทัดทานใด พยายามจะฝ่าเข้าไป
ทำร้ายยินอีก เซิ่งตู่รั้งเต็มที่ แต่แทบทานแรงไม่ไหว ยินพยายามรวมแรงพาตัวออกไป
จากจุดนั้น ชาบูหลั่นตาเห็นเข้าก็จะตามไป เซิ่งตู่ตัดสินใจร่ายมนต์สะกด พริบตามวลควัน
ขาวทึบก็เข้าโอบล้อมร่างเทพมังกรจนมิด ทันใดนั้นเขาก็เกิดอ่อนแรงลง ไม่ตอบสนอง
สิ่งรอบข้าง แม้แต่เซิ่งตู่จะฉวยเอาตัวเขาไป แสงขาวจ้าวาบแล้วหายไปพร้อมกับเทพทั้งสอง
ยินพ่นเลือดออกมา ถูกเสื้อกระจายเป็นวงกว้าง สายลมหนาวพัดกระโชกยิ่งทำให้
ร่างที่เพิ่งเสียเลือดมากสั่นสะท้าน ตาเขาพร่ามัว แขนขาเริ่มอ่อนแรง แต่ยังแข็งใจเหนี่ยว
กิ่งไม้ดึงร่างขึ้น แล้วเกาะเลียบต้นไม้ไปตลอดทางเพื่อออกจากป่า
หมู่บ้านริมเชิงเขาเงียบสงัด ถนนทุกสายเงียบเชียบและมืดมิด ด้านบนเขามีเสียง
ลมหอบกระพือเป็นระยะ พุ่มไม้ไหวโอนเอนในความมืด มีเพียงดวงไฟเล็กๆภายในกระท่อม
แต่ละหลังส่องแสงวับแวมเป็นจุดๆ ดูคล้ายฝูงหิ่งห้อยยามราตรี ที่บ้านหลังสุดท้ายติดตีนเขา
ครอบครัวเฉินรวมตัวกันในห้องกลาง สุ่ยชางกำลังง่วนสานตะกร้า ไห่เซินซ่อมเสื้อให้สามี
ส่วนฟู่หลานกำลังสานรองเท้า พวกเขาต่างทำงานของตัวเองและพูดคุยกันเป็นระยะ จู่ๆ
ฟู่หลานก็ชะงัก ชะเง้อจ้องไปทางประตูเข้า
" มีอะไรหรือ "
ฟู่หลานตื่นตัวขึ้นมา นางแน่ใจว่าได้ยินเสียงคนล้มที่หน้าประตูรั้ว
พวกเขาออกไปดูพร้อมกัน พบยินนอนสลบอยู่หน้ารั้ว พอพลิกร่างเขาขึ้น
ทั้งหมดก็เอะอะตระหนกเมื่อเห็นเสื้อเขาเปื้อนเลือด รีบช่วยกันหามเขาเข้าไปในบ้าน
ไม่นานยินก็รู้สึกตัว เขาเจ็บระบมไปทั้งตัว และจุกเสียดในอกทุกครั้งที่หายใจ
เข้า พอขยับตัวแม้เพียงนิดเดียวก็เจ็บแปลบไปถึงกระหม่อม ยังกับกระดูกในร่างเขาไม่ใช่
ของเขาอีกแล้ว ทุกส่วนแหลกสลาย คล้ายปลาหมึกที่ถูกชาวประมงจับใส่เข่งบนเรือ ขยับตัว
ได้ยากเต็มที
" เลือดเปื้อนเต็มเสื้อไปหมด แต่ตามตัวเห็นแค่แผลถลอกและ
รอยฟกช้ำ " สุ่ยชางบอกเขา " บางทีท่านอาจช้ำในอยู่ก็ได้ ท่านควรไปหาหมอนะ แต่
ถ้าเราพาไปกันเองท่านคงกระทบกระเทือนมากกว่านี้ ข้าน้อยจะไปตามคนที่บ้านท่านมาช่วย
ช่วยบอกทางข้าน้อยได้ไหม "
" อย่า... " ยินเค้นเสียง " อย่าไปบอกคนที่บ้านข้าเด็ดขาด "
ดวงตาชาวไร่สูงวัยฉายแววฉงน
" ข้า...ข้าไม่อยากให้คนที่บ้านเป็นห่วง " ยินให้เหตุผล " ท่าน
ช่วยไปที่ตรอกขายผ้าในตัวเมือง ไปเกือบๆกลางตรอกจะเจอบ้านหลังหนึ่งที่ด้านหน้าเป็นร้าน
ขายผ้าที่ใหญ่ที่สุดในตรอกนั้น ถามหาคนชื่อจี๋โป้ บอกเรื่องข้าให้รู้ เขาจะรีบมาทันที "
" ได้ขอรับ "
" ท่านเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ ใครกันที่กล้าทำร้ายท่านอย่างนี้ "
" ชาบูหลั่นตา "
จบความทุกคนนิ่งงัน สองสามีภรรยามองหน้ากันแล้วเงียบกริบ ยินจ้องพวกเขา
เหมือนจะมีคำถาม
" ข้าน้อยจะรีบไปตามคนที่ชื่อจี๋โป้มาช่วยท่าน " สุ่ยชางเลี่ยง
บรรยากาศน่าอึดอัดใจ ชิงขอตัวก่อน
" ส่วนข้าน้อยขอตัวไปต้มน้ำ จะมาทำแผลให้ท่านก่อน " ไห่เซิน
ขอตัวไปอีกคน
ยินเลยหันมาจ้องฟู่หลาน ที่จริงนางอยากออกไปพร้อมแม่ แต่นั่นเท่ากับทิ้งเขาที่
กำลังบาดเจ็บไว้ในห้องนี้ลำพัง
" เจ้ารู้อะไรใช่ไหม " ยินถามอย่างคลางใจ " ข้าเป็นแม่ทัพใหญ่
ฝีมือการต่อสู้เหนือใครในแผ่นดินนี้ แต่เจ้านั่นทำให้ข้าบาดเจ็บได้ขนาดนี้ กับอะไรอีก
หลายอย่าง...ที่ข้าไม่เข้าใจ เขาเป็นใครกันแน่ "
นางนิ่งงัน แต่ดวงตากลอกไปมา เขาแน่ใจว่านางรู้
" เขาเป็นใคร " น้ำเสียงเขาจริงจังและคาดคั้น
นางกลอกตาขึ้น สบกับสายตาเขา ดวงตาดั่งลูกกวางเต็มไปด้วยความกังวล
และหวาดหวั่น
" ท่านพี่!! "
นางตกใจตามเสียง วิ่งไปที่หน้าบ้านเห็นแม่กำลังประคองร่างอ่อนแรงของพ่อ
นางรีบไปช่วยอย่างเป็นห่วง
" ไม่เป็นไร พ่อแค่หน้ามืดนิดหน่อย " สุ่ยชางปลอบ
" ท่านยิ่งไม่ค่อยสบายอยู่ ทางไปในเมืองก็ไกล ตอนนี้มีลมหนาว
ออกไปเดี๋ยวจะเป็นหนัก ข้าจะไปเอง "
" ท่านแม่คะ ข้าไปเองดีกว่า ท่านแม่คอยดูแลท่านพ่อกับท่านยินอยู่
ที่นี่ "
" เจ้าเอาเสื้อคลุมไปด้วยนะ "
ฟู่หลานรับคำ กลับเข้าบ้านหยิบเสื้อคลุมแล้วรีบร้อนออกไป
พอจี๋โป้รู้ข่าวก็รีบตามนางมา และพาหมอกลุ่มหนึ่งมาด้วย เวลาผ่านไป หมอ
สั่งยาเสร็จก็จะกลับ ฟู่หลานกับแม่จึงตามไปส่ง ฝ่ายสุ่ยชางก็ไปส่งลูกเมียที่หน้ารั้ว ในห้อง
จึงเหลือเพียงจี๋โป้กับแม่ทัพยิน
จี๋โป้เป็นนายกองหนุ่มคนสนิทของยิน เดิมเป็นลูกพ่อค้าผ้ารายใหญ่ในตัวเมือง
และเคยเป็นเพื่อนสนิทของยินในกาลก่อน ครั้นยินเริ่มเข้ากองทัพ เขาก็ผันตัวตามติดไปด้วย
" เรื่องใหญ่ขนาดนี้ข้าควรไปแจ้งที่ตระกูลเวย " จี๋โป้จะลุกขึ้น
" หยุดนะ " ยินยึดคอเสื้อคนสนิทไว้ " อย่าบอกคนที่บ้านข้า
เด็ดขาด โดยเฉพาะกับแม่ข้า จู่ๆข้าก็บาดเจ็บสาหัสและยังมารักษาตัวที่บ้านฟู่หลาน แม่ข้า
ไม่ชอบนางอยู่แล้ว คงจะหาเรื่องนางแน่ "
" ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะบอกกับนายท่านเวยคนเดียว "
" อย่าเลย ข้าไม่อยากให้ท่านพ่อเป็นห่วง เจ้าไม่ต้องบอกใครทั้งนั้น
ข้าจะพักรักษาตัวอยู่ที่นี่จนเริ่มดีขึ้นแล้วจะกลับไปเอง ถ้าใครถามเจ้าช่วยตอบว่าข้าไปเที่ยวเล่น
อยู่ที่เมืองไหนก็ได้ "
พอดีสุ่ยชางเดินกลับเข้ามาในบ้าน จี๋โป้รีบรับคำ และพวกเขาก็ไม่ได้คุยใดๆต่อกัน
อีก
กลุ่มนักรบเกราะทองเดินล้อมชายหนุ่มชุดแดงมาถึงหน้าประตูบานใหญ่แล้ว
ถอยกลับ นักรบหน้าสุดเดินนำชายชุดแดงเข้าไปด้านใน เขาหยุดหลังประตู มองไปรอบๆ
ห้อง จักรพรรดิเป่าซินประทับบัลลังก์งามสง่า ทรงเพ่งมาที่เขาด้วยพระพักตร์นิ่งขรึม ขณะที่
บรรดาขุนนางที่เข้าเฝ้าเต็มท้องพระโรงก็จ้องมาที่เขาด้วยสายตาติเตียน
เซิ่งตู่ส่งสัญญาณให้เขาไป เขาจำแบกสีหน้าเจื่อน พาตัวเองไปยืนตัวลีบอยู่กลาง
ท้องพระโรง
" ช่วงนี้เจ้ามีปัญหาบ่อยนะ " พระองค์ตรัสเอ่ย " เจ้าขาดงาน
บ่อยขึ้นและติดต่อกันนานเกินไป แม่ทัพใหญ่ลงไปตามเจ้า แล้วพบว่าเจ้ากำลังทำร้ายมนุษย์ "
ชาบูหลั่นตาหน้าเสีย รู้สึกวิตกขึ้นมา
" เจ้าควรจะควบคุมอารมณ์และควบคุมตัวเองให้ดีมากกว่านี้ "
" ทูลฝ่าบาท " ขุนนางผู้หนึ่งขัดขึ้น " เทพมังกรทำร้ายมนุษย์โดย
ไม่ควบคุมตน ผิดกฎสวรรค์ข้อร้ายแรงของเรา สมควรต้องถูกลงโทษนะพะย่ะค่ะ "
" ใช่แล้วพะย่ะค่ะ " ต่านชิงเห็นด้วย " สวรรค์เป็นที่ดำรงซึ่ง
คนดี การทำร้ายผู้อื่นจะเป็นบาป เราจึงมีกฎข้อนี้ เมื่อมีใครฝ่าฝืน ควรจะลงโทษให้เป็น
เยี่ยงอย่าง ไม่เช่นนั้นก็จะไม่มีชาวสวรรค์ผู้ใดปฏิบัติตาม เพราะเมื่อทำผิดแล้วก็ไม่ถูก
ลงโทษ เช่นนั้นจะต้องปฏิบัติตามอีกทำไม เมื่อชาวสวรรค์สามารถทำร้ายผู้อื่นได้ตามใจชอบ
แล้วสวรรค์แห่งนี้จะยังเป็นที่ศรัทธาว่าเป็นที่อยู่ของคนดีอีกหรือ "
เหล่าขุนนางพยักหน้าเห็นดีด้วย
" จริงอยู่ว่าข้าผิดเพราะไม่ควบคุมอารมณ์ตัวเอง แต่ข้าก็ไม่ได้ทำ
เพราะต้องการระรานเขาตามใจชอบ " ชาบูหลั่นตาโต้
" เช่นนั้นเจ้าทำเพราะอะไร " จักรพรรดิเป่าซินตรัสถาม
" ข้าพระองค์มีเพื่อนเป็นมนุษย์คนหนึ่ง เราสนิทกันมาก แต่ผู้ชาย
คนนั้นมาทีหลัง! " เทพมังกรระบายความอัดอั้น " แล้วมาทำทุกอย่างเพื่อดึงนางไป
จากข้าพระองค์ ทำทุกอย่างเพื่อให้นางไปอยู่กับเขา ที่จริงข้าพระองค์ก็เคยเจรจากับเขา
แล้ว แต่เขาไม่ยอม "
" เจ้าก็เลยก่อเหตุอย่างวันนี้ "
" ไม่ใช่... " เขาส่ายหน้า " ข้าพระองค์ดูลักษณะเขาเป็นคน
ไม่จริงใจ เลยพยายามเตือนนาง แต่นางไม่กล้าขัดใจเขาเพราะเขาเป็นคนใหญ่คนโต เขารู้
ว่าข้าพระองค์คอยขัดขวางอยู่ก็เลยใช้อาการป่วยของพ่อนางมาบีบบังคับนาง ทำให้นางต้อง
ห่างข้าพระองค์ไป "
พระขนงของจักรพรรดิเริ่มบีบเข้าหากัน ขณะทรงสดับฟังคำอธิบายเหล่านั้น
" แต่ไหนแต่ไรข้าพระองค์ไม่เคยมีเพื่อน นอกจากนาง นางคนเดียว
เท่านั้นที่ไม่กลัวข้าพระองค์ หัวเราะและยิ้มให้อย่างเปิดเผย ดังนั้นนางจึงเป็นชีวิต เป็น
หัวใจ เป็นทุกอย่าง แล้วการที่คนสำคัญคนนี้ถูกชิงไปต่อหน้า ข้าพระองค์ต้องเจ็บปวดใจ
แค่ไหน! ... แต่ข้าพระองค์ก็พยายามสงบใจ ถึงแม้ว่าจะไม่เคยทำได้เลยสักนิดเดียว
กระทั่งได้พบนางอีกครั้ง จึงได้พบความเจ็บปวดยิ่งกว่า ก็คือ
ที่จริงแล้วนางมีใจให้เขา "
ถึงตอนนี้ดวงตาเขาก็แดงเรื่อ เรียวปากได้รูปเม้มระริกหมายสะกดกลั้น แต่แล้ว
หยาดน้ำตาก็ไหลรินอย่างยากจะควบคุม
" มิน่านางถึงไม่กลับมาหาข้าพระองค์ ทั้งที่นางรู้ว่าข้าพระองค์
อาจอยู่ที่ไหน แต่นางก็ไม่มา แม้แต่ถ้ำที่เรานัดเจอกันประจำก็ไม่ไป เพราะนางไม่ต้องการ
ข้าพระองค์อีกแล้ว "
ทั่วท้องพระโรงเงียบกริบ จักรพรรดิและเหล่าขุนนางได้แต่นิ่งงันมองร่างเทพมังกร
ที่ยืนสั่นเทิ้มอยู่ตรงกลาง
" ส่วนเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องในวันนี้ก็คือ ผู้ชายคนนั้นมาเย้ยหยัน
ข้าพระองค์ในช่วงที่กำลังจิตใจอ่อนแอที่สุด ข้าพระองค์เลยไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
อีกต่อไป "
" ข้าเข้าใจ " จักรพรรดิเป่าซินตรัส " สาเหตุของความผิดในครั้งนี้
เป็นเช่นนี้เอง ถึงอย่างไรการกระทำของเจ้าก็เป็นการละเมิดกฎสวรรค์อยู่ดี แต่กฎข้อนี้ก็ยังมี
ข้อยกเว้น หนึ่งคือกรณีมนุษย์ใจบาปหยาบช้ามีจำนวนมากว่ามนุษย์ผู้ทำความดีมาก กระทำ
ชั่วอย่างไม่กลัวเกรงจนเดือดร้อนไปทุกหนแห่ง สวรรค์ในฐานะเป็นผู้ดำรงความดีต้องจัดการ
ล้างเพื่อให้เกิดความสมดุล หรือมนุษย์ทุกคนสรรเสริญความชั่วแล้วละทิ้งความดีเสียหมด เรา
ต้องจัดการ สองคือมีผู้รุกรานสวรรค์ เราก็ต้องปกป้อง อย่างคราวที่เจ้าปราบจอมปีศาจ
และสุดท้ายคือมีผู้ท้าทาย อวดดีต่อสวรรค์ และทำให้สวรรค์อาจต้องสูญซึ่งความศรัทธา
และความศักดิ์สิทธิ์ไป ข้อยกเว้นทั้งสามข้อนี้ เจ้าคิดว่ากรณีของเจ้าจะเข้าข้อไหน "
เทพมังกรยืนนิ่ง หัวคิ้วทั้งคู่มุ่นหากันอย่างเครียดจัด
ท่าทางงุนงงระคนเคือง ลำแสงนั่นก่อตัวเป็นร่างนักรบที่คุ้นเคย เขาถลึงตาจ้องตำหนิและดุดัน
" มีสติหน่อยชาบูหลั่นตา! "
ดวงตาเทพมังกรแดงก่ำ พลุ่งพล่านไม่ฟังคำทัดทานใด พยายามจะฝ่าเข้าไป
ทำร้ายยินอีก เซิ่งตู่รั้งเต็มที่ แต่แทบทานแรงไม่ไหว ยินพยายามรวมแรงพาตัวออกไป
จากจุดนั้น ชาบูหลั่นตาเห็นเข้าก็จะตามไป เซิ่งตู่ตัดสินใจร่ายมนต์สะกด พริบตามวลควัน
ขาวทึบก็เข้าโอบล้อมร่างเทพมังกรจนมิด ทันใดนั้นเขาก็เกิดอ่อนแรงลง ไม่ตอบสนอง
สิ่งรอบข้าง แม้แต่เซิ่งตู่จะฉวยเอาตัวเขาไป แสงขาวจ้าวาบแล้วหายไปพร้อมกับเทพทั้งสอง
ยินพ่นเลือดออกมา ถูกเสื้อกระจายเป็นวงกว้าง สายลมหนาวพัดกระโชกยิ่งทำให้
ร่างที่เพิ่งเสียเลือดมากสั่นสะท้าน ตาเขาพร่ามัว แขนขาเริ่มอ่อนแรง แต่ยังแข็งใจเหนี่ยว
กิ่งไม้ดึงร่างขึ้น แล้วเกาะเลียบต้นไม้ไปตลอดทางเพื่อออกจากป่า
หมู่บ้านริมเชิงเขาเงียบสงัด ถนนทุกสายเงียบเชียบและมืดมิด ด้านบนเขามีเสียง
ลมหอบกระพือเป็นระยะ พุ่มไม้ไหวโอนเอนในความมืด มีเพียงดวงไฟเล็กๆภายในกระท่อม
แต่ละหลังส่องแสงวับแวมเป็นจุดๆ ดูคล้ายฝูงหิ่งห้อยยามราตรี ที่บ้านหลังสุดท้ายติดตีนเขา
ครอบครัวเฉินรวมตัวกันในห้องกลาง สุ่ยชางกำลังง่วนสานตะกร้า ไห่เซินซ่อมเสื้อให้สามี
ส่วนฟู่หลานกำลังสานรองเท้า พวกเขาต่างทำงานของตัวเองและพูดคุยกันเป็นระยะ จู่ๆ
ฟู่หลานก็ชะงัก ชะเง้อจ้องไปทางประตูเข้า
" มีอะไรหรือ "
ฟู่หลานตื่นตัวขึ้นมา นางแน่ใจว่าได้ยินเสียงคนล้มที่หน้าประตูรั้ว
พวกเขาออกไปดูพร้อมกัน พบยินนอนสลบอยู่หน้ารั้ว พอพลิกร่างเขาขึ้น
ทั้งหมดก็เอะอะตระหนกเมื่อเห็นเสื้อเขาเปื้อนเลือด รีบช่วยกันหามเขาเข้าไปในบ้าน
ไม่นานยินก็รู้สึกตัว เขาเจ็บระบมไปทั้งตัว และจุกเสียดในอกทุกครั้งที่หายใจ
เข้า พอขยับตัวแม้เพียงนิดเดียวก็เจ็บแปลบไปถึงกระหม่อม ยังกับกระดูกในร่างเขาไม่ใช่
ของเขาอีกแล้ว ทุกส่วนแหลกสลาย คล้ายปลาหมึกที่ถูกชาวประมงจับใส่เข่งบนเรือ ขยับตัว
ได้ยากเต็มที
" เลือดเปื้อนเต็มเสื้อไปหมด แต่ตามตัวเห็นแค่แผลถลอกและ
รอยฟกช้ำ " สุ่ยชางบอกเขา " บางทีท่านอาจช้ำในอยู่ก็ได้ ท่านควรไปหาหมอนะ แต่
ถ้าเราพาไปกันเองท่านคงกระทบกระเทือนมากกว่านี้ ข้าน้อยจะไปตามคนที่บ้านท่านมาช่วย
ช่วยบอกทางข้าน้อยได้ไหม "
" อย่า... " ยินเค้นเสียง " อย่าไปบอกคนที่บ้านข้าเด็ดขาด "
ดวงตาชาวไร่สูงวัยฉายแววฉงน
" ข้า...ข้าไม่อยากให้คนที่บ้านเป็นห่วง " ยินให้เหตุผล " ท่าน
ช่วยไปที่ตรอกขายผ้าในตัวเมือง ไปเกือบๆกลางตรอกจะเจอบ้านหลังหนึ่งที่ด้านหน้าเป็นร้าน
ขายผ้าที่ใหญ่ที่สุดในตรอกนั้น ถามหาคนชื่อจี๋โป้ บอกเรื่องข้าให้รู้ เขาจะรีบมาทันที "
" ได้ขอรับ "
" ท่านเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ ใครกันที่กล้าทำร้ายท่านอย่างนี้ "
" ชาบูหลั่นตา "
จบความทุกคนนิ่งงัน สองสามีภรรยามองหน้ากันแล้วเงียบกริบ ยินจ้องพวกเขา
เหมือนจะมีคำถาม
" ข้าน้อยจะรีบไปตามคนที่ชื่อจี๋โป้มาช่วยท่าน " สุ่ยชางเลี่ยง
บรรยากาศน่าอึดอัดใจ ชิงขอตัวก่อน
" ส่วนข้าน้อยขอตัวไปต้มน้ำ จะมาทำแผลให้ท่านก่อน " ไห่เซิน
ขอตัวไปอีกคน
ยินเลยหันมาจ้องฟู่หลาน ที่จริงนางอยากออกไปพร้อมแม่ แต่นั่นเท่ากับทิ้งเขาที่
กำลังบาดเจ็บไว้ในห้องนี้ลำพัง
" เจ้ารู้อะไรใช่ไหม " ยินถามอย่างคลางใจ " ข้าเป็นแม่ทัพใหญ่
ฝีมือการต่อสู้เหนือใครในแผ่นดินนี้ แต่เจ้านั่นทำให้ข้าบาดเจ็บได้ขนาดนี้ กับอะไรอีก
หลายอย่าง...ที่ข้าไม่เข้าใจ เขาเป็นใครกันแน่ "
นางนิ่งงัน แต่ดวงตากลอกไปมา เขาแน่ใจว่านางรู้
" เขาเป็นใคร " น้ำเสียงเขาจริงจังและคาดคั้น
นางกลอกตาขึ้น สบกับสายตาเขา ดวงตาดั่งลูกกวางเต็มไปด้วยความกังวล
และหวาดหวั่น
" ท่านพี่!! "
นางตกใจตามเสียง วิ่งไปที่หน้าบ้านเห็นแม่กำลังประคองร่างอ่อนแรงของพ่อ
นางรีบไปช่วยอย่างเป็นห่วง
" ไม่เป็นไร พ่อแค่หน้ามืดนิดหน่อย " สุ่ยชางปลอบ
" ท่านยิ่งไม่ค่อยสบายอยู่ ทางไปในเมืองก็ไกล ตอนนี้มีลมหนาว
ออกไปเดี๋ยวจะเป็นหนัก ข้าจะไปเอง "
" ท่านแม่คะ ข้าไปเองดีกว่า ท่านแม่คอยดูแลท่านพ่อกับท่านยินอยู่
ที่นี่ "
" เจ้าเอาเสื้อคลุมไปด้วยนะ "
ฟู่หลานรับคำ กลับเข้าบ้านหยิบเสื้อคลุมแล้วรีบร้อนออกไป
พอจี๋โป้รู้ข่าวก็รีบตามนางมา และพาหมอกลุ่มหนึ่งมาด้วย เวลาผ่านไป หมอ
สั่งยาเสร็จก็จะกลับ ฟู่หลานกับแม่จึงตามไปส่ง ฝ่ายสุ่ยชางก็ไปส่งลูกเมียที่หน้ารั้ว ในห้อง
จึงเหลือเพียงจี๋โป้กับแม่ทัพยิน
จี๋โป้เป็นนายกองหนุ่มคนสนิทของยิน เดิมเป็นลูกพ่อค้าผ้ารายใหญ่ในตัวเมือง
และเคยเป็นเพื่อนสนิทของยินในกาลก่อน ครั้นยินเริ่มเข้ากองทัพ เขาก็ผันตัวตามติดไปด้วย
" เรื่องใหญ่ขนาดนี้ข้าควรไปแจ้งที่ตระกูลเวย " จี๋โป้จะลุกขึ้น
" หยุดนะ " ยินยึดคอเสื้อคนสนิทไว้ " อย่าบอกคนที่บ้านข้า
เด็ดขาด โดยเฉพาะกับแม่ข้า จู่ๆข้าก็บาดเจ็บสาหัสและยังมารักษาตัวที่บ้านฟู่หลาน แม่ข้า
ไม่ชอบนางอยู่แล้ว คงจะหาเรื่องนางแน่ "
" ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะบอกกับนายท่านเวยคนเดียว "
" อย่าเลย ข้าไม่อยากให้ท่านพ่อเป็นห่วง เจ้าไม่ต้องบอกใครทั้งนั้น
ข้าจะพักรักษาตัวอยู่ที่นี่จนเริ่มดีขึ้นแล้วจะกลับไปเอง ถ้าใครถามเจ้าช่วยตอบว่าข้าไปเที่ยวเล่น
อยู่ที่เมืองไหนก็ได้ "
พอดีสุ่ยชางเดินกลับเข้ามาในบ้าน จี๋โป้รีบรับคำ และพวกเขาก็ไม่ได้คุยใดๆต่อกัน
อีก
กลุ่มนักรบเกราะทองเดินล้อมชายหนุ่มชุดแดงมาถึงหน้าประตูบานใหญ่แล้ว
ถอยกลับ นักรบหน้าสุดเดินนำชายชุดแดงเข้าไปด้านใน เขาหยุดหลังประตู มองไปรอบๆ
ห้อง จักรพรรดิเป่าซินประทับบัลลังก์งามสง่า ทรงเพ่งมาที่เขาด้วยพระพักตร์นิ่งขรึม ขณะที่
บรรดาขุนนางที่เข้าเฝ้าเต็มท้องพระโรงก็จ้องมาที่เขาด้วยสายตาติเตียน
เซิ่งตู่ส่งสัญญาณให้เขาไป เขาจำแบกสีหน้าเจื่อน พาตัวเองไปยืนตัวลีบอยู่กลาง
ท้องพระโรง
" ช่วงนี้เจ้ามีปัญหาบ่อยนะ " พระองค์ตรัสเอ่ย " เจ้าขาดงาน
บ่อยขึ้นและติดต่อกันนานเกินไป แม่ทัพใหญ่ลงไปตามเจ้า แล้วพบว่าเจ้ากำลังทำร้ายมนุษย์ "
ชาบูหลั่นตาหน้าเสีย รู้สึกวิตกขึ้นมา
" เจ้าควรจะควบคุมอารมณ์และควบคุมตัวเองให้ดีมากกว่านี้ "
" ทูลฝ่าบาท " ขุนนางผู้หนึ่งขัดขึ้น " เทพมังกรทำร้ายมนุษย์โดย
ไม่ควบคุมตน ผิดกฎสวรรค์ข้อร้ายแรงของเรา สมควรต้องถูกลงโทษนะพะย่ะค่ะ "
" ใช่แล้วพะย่ะค่ะ " ต่านชิงเห็นด้วย " สวรรค์เป็นที่ดำรงซึ่ง
คนดี การทำร้ายผู้อื่นจะเป็นบาป เราจึงมีกฎข้อนี้ เมื่อมีใครฝ่าฝืน ควรจะลงโทษให้เป็น
เยี่ยงอย่าง ไม่เช่นนั้นก็จะไม่มีชาวสวรรค์ผู้ใดปฏิบัติตาม เพราะเมื่อทำผิดแล้วก็ไม่ถูก
ลงโทษ เช่นนั้นจะต้องปฏิบัติตามอีกทำไม เมื่อชาวสวรรค์สามารถทำร้ายผู้อื่นได้ตามใจชอบ
แล้วสวรรค์แห่งนี้จะยังเป็นที่ศรัทธาว่าเป็นที่อยู่ของคนดีอีกหรือ "
เหล่าขุนนางพยักหน้าเห็นดีด้วย
" จริงอยู่ว่าข้าผิดเพราะไม่ควบคุมอารมณ์ตัวเอง แต่ข้าก็ไม่ได้ทำ
เพราะต้องการระรานเขาตามใจชอบ " ชาบูหลั่นตาโต้
" เช่นนั้นเจ้าทำเพราะอะไร " จักรพรรดิเป่าซินตรัสถาม
" ข้าพระองค์มีเพื่อนเป็นมนุษย์คนหนึ่ง เราสนิทกันมาก แต่ผู้ชาย
คนนั้นมาทีหลัง! " เทพมังกรระบายความอัดอั้น " แล้วมาทำทุกอย่างเพื่อดึงนางไป
จากข้าพระองค์ ทำทุกอย่างเพื่อให้นางไปอยู่กับเขา ที่จริงข้าพระองค์ก็เคยเจรจากับเขา
แล้ว แต่เขาไม่ยอม "
" เจ้าก็เลยก่อเหตุอย่างวันนี้ "
" ไม่ใช่... " เขาส่ายหน้า " ข้าพระองค์ดูลักษณะเขาเป็นคน
ไม่จริงใจ เลยพยายามเตือนนาง แต่นางไม่กล้าขัดใจเขาเพราะเขาเป็นคนใหญ่คนโต เขารู้
ว่าข้าพระองค์คอยขัดขวางอยู่ก็เลยใช้อาการป่วยของพ่อนางมาบีบบังคับนาง ทำให้นางต้อง
ห่างข้าพระองค์ไป "
พระขนงของจักรพรรดิเริ่มบีบเข้าหากัน ขณะทรงสดับฟังคำอธิบายเหล่านั้น
" แต่ไหนแต่ไรข้าพระองค์ไม่เคยมีเพื่อน นอกจากนาง นางคนเดียว
เท่านั้นที่ไม่กลัวข้าพระองค์ หัวเราะและยิ้มให้อย่างเปิดเผย ดังนั้นนางจึงเป็นชีวิต เป็น
หัวใจ เป็นทุกอย่าง แล้วการที่คนสำคัญคนนี้ถูกชิงไปต่อหน้า ข้าพระองค์ต้องเจ็บปวดใจ
แค่ไหน! ... แต่ข้าพระองค์ก็พยายามสงบใจ ถึงแม้ว่าจะไม่เคยทำได้เลยสักนิดเดียว
กระทั่งได้พบนางอีกครั้ง จึงได้พบความเจ็บปวดยิ่งกว่า ก็คือ
ที่จริงแล้วนางมีใจให้เขา "
ถึงตอนนี้ดวงตาเขาก็แดงเรื่อ เรียวปากได้รูปเม้มระริกหมายสะกดกลั้น แต่แล้ว
หยาดน้ำตาก็ไหลรินอย่างยากจะควบคุม
" มิน่านางถึงไม่กลับมาหาข้าพระองค์ ทั้งที่นางรู้ว่าข้าพระองค์
อาจอยู่ที่ไหน แต่นางก็ไม่มา แม้แต่ถ้ำที่เรานัดเจอกันประจำก็ไม่ไป เพราะนางไม่ต้องการ
ข้าพระองค์อีกแล้ว "
ทั่วท้องพระโรงเงียบกริบ จักรพรรดิและเหล่าขุนนางได้แต่นิ่งงันมองร่างเทพมังกร
ที่ยืนสั่นเทิ้มอยู่ตรงกลาง
" ส่วนเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องในวันนี้ก็คือ ผู้ชายคนนั้นมาเย้ยหยัน
ข้าพระองค์ในช่วงที่กำลังจิตใจอ่อนแอที่สุด ข้าพระองค์เลยไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
อีกต่อไป "
" ข้าเข้าใจ " จักรพรรดิเป่าซินตรัส " สาเหตุของความผิดในครั้งนี้
เป็นเช่นนี้เอง ถึงอย่างไรการกระทำของเจ้าก็เป็นการละเมิดกฎสวรรค์อยู่ดี แต่กฎข้อนี้ก็ยังมี
ข้อยกเว้น หนึ่งคือกรณีมนุษย์ใจบาปหยาบช้ามีจำนวนมากว่ามนุษย์ผู้ทำความดีมาก กระทำ
ชั่วอย่างไม่กลัวเกรงจนเดือดร้อนไปทุกหนแห่ง สวรรค์ในฐานะเป็นผู้ดำรงความดีต้องจัดการ
ล้างเพื่อให้เกิดความสมดุล หรือมนุษย์ทุกคนสรรเสริญความชั่วแล้วละทิ้งความดีเสียหมด เรา
ต้องจัดการ สองคือมีผู้รุกรานสวรรค์ เราก็ต้องปกป้อง อย่างคราวที่เจ้าปราบจอมปีศาจ
และสุดท้ายคือมีผู้ท้าทาย อวดดีต่อสวรรค์ และทำให้สวรรค์อาจต้องสูญซึ่งความศรัทธา
และความศักดิ์สิทธิ์ไป ข้อยกเว้นทั้งสามข้อนี้ เจ้าคิดว่ากรณีของเจ้าจะเข้าข้อไหน "
เทพมังกรยืนนิ่ง หัวคิ้วทั้งคู่มุ่นหากันอย่างเครียดจัด
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ