Chabulanta ตำนานรักเทพมังกร

6.6

เขียนโดย Xian_xi

วันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 15.34 น.

  13 ตอน
  20 วิจารณ์
  18.99K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 13.18 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) สหายใหม่ตีรวน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

             แต่ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงระรัวอึกทึกแว่วมา   ชะงักกึก   แหงนหน้าขึ้นฟ้า

                           

                           “  องค์จักรพรรดิ...  ”

             

             จิตละล้าละลัง   แต่เขาก็อยากรู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร

             

             พอดียินขอตัวกลับ   ลาฟู่หลานเสร็จก็ขึ้นม้าควบออกไป   ชาบูหลั่นตาเห็นดังนั้นก็คิดว่าเดี๋ยวค่อยมา

ถามความจริงกับนางทีหลังก็ได้   เสียงกลองสวรรค์รัวกระชั้นยิ่งขึ้น   ขณะที่ร่างเทพมังกรค่อยๆจางลงจนหาย

วับไป

 

            

            เด็กสาวสาละวนอยู่กับการเร่งไฟเพื่อทำอาหารเย็น   อีกเดี๋ยวพ่อแม่ของนางจะกลับจากไร่   คงต้อง

รีบหน่อย   มือบางถือกระบอกไม้ไผ่พลางเป่าเร่งไฟในเตาเป็นระยะ  ใบหน้าสวยสดที่ยินเห็นเมื่อกลางวันบัดนี้

มอมแมมด้วยเขม่าควันและขี้เถ้า   แล้วหางตานางก็เห็นร่างหนึ่งเดินมาหยุดไม่ไกลนักจึงเข้าใจว่าพ่อแม่กลับมา

แล้ว

                             

                            “  อีกเดี๋ยวนะคะท่านพ่อ  อาหารเย็นใกล้จะเสร็จแล้ว   วันนี้กลับมาเร็วจัง   งานเสร็จ

เร็วหรือคะ  ”

            

            แต่ร่างนั้นยืนนิ่งที่เดิม   ไม่มีคำตอบจากเขา   ฟู่หลานประหลาดใจ   หันไปดูก็พบว่าเป็นเทพมังกรฟ้า

                               

                            “  นายท่าน?  ”

                              

                            “  ผู้ชายที่เจ้าคุยด้วยวันนี้เป็นใครหรือ ”                                           

            

           นางนั่งงงไปชั่วครู่   แล้วลำดับเหตุการณ์ได้   คงเป็นตอนที่นางหนีเขาแล้วไปเจอกับนายท่านเวยเข้า 

นี่นายท่านเห็นด้วยหรือ  ทำไมนางไม่รู้สึกตัวเลยล่ะ

                               

                         “  ท่านผู้นั้นชื่อเวยยินค่ะ  หรือเรียกว่าท่านยิน  เขาเป็นลูกขุนนางกลับมาบ้านเกิด  ขี่ม้ามา

เจอข้าพอดีเลยแวะคุยด้วย  ”

                               

                          “  แล้วทำไมต้องสนใจเจ้าอย่างมาก  ”                                     

            

            ฟู่หลานนึกถึงตอนที่นางคุยกับท่านยินแล้วรู้สึกเอียงอายก็ไม่กล้าเล่าต่อ

                               

                         “  แล้วยังมาเรียกเจ้าว่าแม่นางดอกท้อ  ”

            

            ดวงตาคู่สวยเบิกขึ้นอย่างตกใจ   ที่แท้เขาได้ยินทั้งหมด     เขาจ้องนาง    พอได้ตั้งใจสังเกตจริงๆ 

ก็พบว่านางเปลี่ยนไปมาก   เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆน่ารักที่เขาเห็นเมื่อครั้งกระโน้น   ตอนนี้โตขึ้นขนาดนี้เชียว   

เป็นสาวสวยเสียด้วย   ไม่แปลกหรอกที่จะมีชายหนุ่มมาติดพัน   ดอกไม้ที่กำลังแรกแย้มสดใส  ทั้งงดงาม   

และกลิ่นหอม  ไยแมลงที่ชื่นชอบทั้งหลายจะไม่มาติดจม   แต่พอรู้สึกว่านางโตขึ้นขนาดนี้  ทั้งยังสวยน่ารัก 

และกำลังมีชายอื่นเข้ามา  เขาก็ใจหายพิกล  กลัว...  กลัวนางจะจากเขาไปไหน

                              

                            “  ข้าเข้าใจ  ”  เขากล่าว  แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมจึงรู้สึกกังวลมากกว่า   เจ้านั่นก็หน้าตา

หล่อเหลา     ทั้งยังเป็นลูกชายขุนนาง    ต่อไปนางคงไม่ลำบาก     แต่...ถ้าเป็นอย่างนั้น     เทพมังกรฟ้า  

ที่ช่วยเหลือนางมาตลอดก็คงหมดความหมายแล้ว

                              

                            “  เจ้าเจอเขา   ที่เป็นมนุษย์ด้วยกัน   อยู่กับเจ้าได้ตลอด   ไม่ต้องเดี๋ยวมาเดี๋ยวต้องไป

เพราะธุระมากอย่างที่ข้าเป็น   และดูแลเจ้าได้ไม่ลำบาก   ก็โชคดีแล้ว   ต่อไปเจ้าคงไม่มีเวลาว่างให้ข้า  

เหมือนก่อน  ”

              

             ไม่รู้ทำไมเขาจึงรู้สึกเศร้าขึ้นมา   ต้องก้มหน้าเพื่อปิดบังอาการนั้น

                              

                           “  นายท่าน   ทำไมพูดเช่นนั้นล่ะคะ  ”  นางว่า  “  ท่านเป็นผู้มีพระคุณของข้า   ข้า 

ไม่มีวันทอดทิ้งให้ท่านอยู่เดียวดายหรอกค่ะ  ”

              

             นางจำได้ว่าเขาเคยเล่าตอนอยู่บนสวรรค์ให้ฟัง   ตอนที่เขาไม่มีใครกล้าเข้าใกล้   ต้องใช้ชีวิตอย่าง

เดียวดาย   ตอนนี้ที่ได้รับการยอมรับเพราะความสามารถจนมีผู้นับถือยำเกรง

              

             คำว่าผู้มีพระคุณทำให้เทพมังกรปวดเสียดในใจ  นางช่างเรียกได้ห่างเหินนัก

                               

                          “  เจ้าเป็นเพื่อนคนแรกและคนเดียวของข้า   อยู่กับเจ้าข้าอยากเป็นแค่คนธรรมดา     

คนหนึ่ง   ที่ข้าช่วยเหลือเจ้าเพราะไมตรีของมิตรภาพ   ไม่ใช่ในฐานะผู้มีพระคุณที่เจ้ายกยอปอปั้นให้ดูสูง    

และยิ่งไกลไปจากเจ้าทุกที  ”

             

           เขาหันข้างให้นาง   พยายามระงับความโกรธเคืองที่ปะทุขึ้นในใจ   นางรู้สึกว่าทำให้เขาไม่สบายใจ 

แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงเปลี่ยนประเด็น

                             

                          “  สำหรับท่านยิน  ข้าไม่คาดหวังหรอกค่ะ  ลูกขุนนางสูงศักดิ์อย่างเขาคงไม่คิดจริงจัง

กับผู้หญิงต่ำต้อยอย่างข้า   ที่เขาผ่านมาและมาชื่นชมข้าก็คงผ่านไป  พอไปเจอดอกไม้ที่งามกว่า   เหมาะสม

กว่า  ก็คงจากไปไม่กลับมาหาแม่นางดอกท้อคนนี้อีก  ”

             

             พูดแล้วนางก็รู้สึกเศร้าสร้อย  เมื่อรู้สึกว่านางต่ำต้อยเกินกว่าใครจะมาจริงใจด้วย   นอกจากนายท่าน

ของนาง

 

            

             คฤหาสน์หลังใหญ่อยู่ลึกเข้าไปในตรอกกลางตัวเมือง   ทอดตัวอย่างสงบท่ามกลางความมืดที่เริ่ม

โรยตัวปกคลุมทั่วบริเวณ   แนวรั้วแกร่งสูงเลยศีรษะเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวของเจ้าของ   ประตูทางเข้า  

บานใหญ่ทำด้วยไม้สีเข้มดูภูมิฐานและห่วงจับสีทองอร่ามส่องประกายเมื่อกระทบแสงจันทร์เบื้องบน   เงาชาย

บนหลังม้าเคลื่อนมาช้าๆจนมาหยุดหน้าประตู    ลงมาจับห่วงทองเคาะประตูสองสามครั้ง   ไม่นานประตูนั้น      

ก็เปิดอ้า   ลุงผมขาวทั้งหัว  ใส่ชุดสีเรียบโผล่มารับหน้า   ทันทีที่เห็นผู้มาเยือนก็แสดงอาการตื่นเต้นยินดี

                            

                               “  คุณชาย...  ”

             

            เจ้าของใบหน้าคมแกร่งยิ้มตอบ   ลุงตะโกนเรียกคนรับใช้อีกคนมาจูงม้าไปเก็บ   ส่วนตัวแกกุลีกุจอ

ตามนายเข้าบ้าน

                             

                           “  คุณชายกลับมาเมื่อไรหรือขอรับ   ทำไมไม่ส่งคนมาแจ้งก่อน   ข้าน้อยจะได้ไปรับ  

ที่หน้าประตูเมือง  ”

                             

                           “  ข้าแอบกลับมาไม่บอกใคร   ตั้งใจจะให้ท่านพ่อท่านแม่ประหลาดใจ   ความจริงข้า

มาถึงตั้งแต่เมื่อกลางวันแล้ว   แต่ขี่ม้าเที่ยวดูไปรอบเมือง   ข้าไม่ได้กลับมาบ้านเกิดนานแล้ว   แต่ที่นี่ไม่ค่อย

เปลี่ยนไปเท่าไร  ”

                             

                            “  ที่นี่เป็นเมืองสงบ   ไม่ค่อยมีอะไรเปลี่ยนไปหรอกขอรับ   จะเปลี่ยนไปก็แต่คน   

เท่านั้นเอง  ”

                             

                            “  นั่นสิ  ”  คุณชายว่า  “  ท่านพ่อบ้าน   ตอนนี้ท่านพ่อท่านแม่อยู่ที่ไหนหรือ  ”

                             

                            “  นายท่านอยู่ในห้องทำงาน   ส่วนนายหญิงน่าจะอยู่ในห้องพักส่วนตัวขอรับ  ”

                            

                            “  ส่งแค่นี้ก็พอเถอะ  ท่านคงมีงานต้องทำต่อ   จากตรงนี้ข้าไปเอง  ”

             พ่อบ้านค้อมหัวลาแล้วเดินออกไป   คุณชายเดินผ่านสวน   ศาลาชมสวนร้างผู้คนทอดเงาสงบเหนือ

ผิวน้ำสะท้อนเงาดวงจันทร์โดดเดี่ยวบนเวิ้งฟ้า   เสียงจิ้งหรีดกรีดกริ่งแว่วมา   แนวต้นไม้ทึมทึบแกว่งกิ่งตามลม

เหมือนมีชีวิต   เรือนใหญ่ข้างสวนมีแสงเทียนวูบวาบมาจากด้านใน   เขาเดินไปที่หน้าประตู

                              

                             “  ข้าขอเข้าไปนะขอรับ  ”

                              

                             “  เข้ามาเถอะ  ”

             

             เขาเปิดประตูเข้าไป   ด้านในสุดของห้องมีโต๊ะทำงานตัวใหญ่   ชายสูงวัยนั่งหน้าเคร่งหลังโต๊ะนั้น  

พลันก็เงยหน้าดูด้วยความสงสัย

                              

                            “  ยิน...  ”  เขาอุทานอย่างดีใจ

                              

                            “  ท่านพ่อ  ”  ยินโค้งคำนับ   นายท่านเวยรีบลุกมากอดลูกชาย

                              

                            “  เจ้ามาเงียบๆ   ทำไมไม่ส่งคนมาบอกก่อน  ”

                             

                            “  ข้าตั้งใจมาเงียบๆขอรับ   อยากให้ท่านพ่อประหลาดใจ  ”

             

            อีกฝ่ายหัวเราะอย่างอารมณ์ดี  “  เป็นอย่างไรบ้างล่ะ   แม่ทัพใหญ่คนใหม่   หมาดๆเมื่อไม่นานนี้  

ว่างแล้วหรือถึงได้กลับบ้านได้  ”

                              

                         “   ข้ามีงานต้องสะสางมากมาย   แต่ก็คิดถึงท่านพ่อท่านแม่   เลยอยากปลีกตัวมา  

เยี่ยมบ้าง  ”

              

             ทันใดนั้นก็มีเสียงย่ำพื้นไม้ตึงตังมาหยุดหน้าประตูอีกฝั่ง   สองพ่อลูกหันขวับ   บานประตูเปิดผาง  

เวยฮูหยินถลามาหาอย่างดีใจที่สุด

                             

                            “  กลับมาแล้วหรือลูกรัก   แม่คิดถึงเจ้าแทบแย่  ”

                              

                            “  เจ้ารู้ได้อย่างไรเนี่ย  ”  นายท่านเวยแปลกใจ

                              

                            “  พ่อบ้านหานรีบมาบอกข้าน่ะซี  ”  นางส่งสายตาค้อนสามี  “  ท่านซะอีกรู้ว่าลูก 

กลับมาก็ไม่บอกข้าสักคำ  ”

                              

                            “  ข้าเองก็เพิ่งรู้ก่อนเจ้าไม่นานเนี่ยแหละ  ”  เขากล่าวอย่างเหนื่อยใจ

                              

                            “  เป็นอย่างไรบ้างลูกรัก  สบายดีหรือเปล่า  อ๊ะ  เจ้าผอมลงนะ  อยู่กองทัพเขาเลี้ยง

เจ้าอดอยากหรือ   ถึงดูซูบไปขนาดนี้  ”

                             

                            “  บางทีไปออกรบในสมรภูมิที่อาจตรากตรำ   จะให้สมบูรณ์เหมือนคนที่นั่งกินนอนกิน

สบายอยู่กับบ้านได้อย่างไร  ”

            

            คำพูดนั้นเรียกสายตาค้อนขวับๆอย่างไม่สบอารมณ์   อีกฝ่ายเองก็ถอนหายใจเสียหลายรอบ

                             

                           “  ข้างานเยอะมากขอรับ  ”  ยินตอบ

                              

                           “  จริงซี   เจ้าได้เลื่อนตำแหน่งสูงสุดแล้วนี่  แม่ยินดีด้วยนะ   แม่ทัพใหญ่   แม่ทัพใหญ่

เชียวหรือ   หน้าที่การงานเจ้าก็พร้อมแล้ว   อายุก็ไม่น้อย  อย่างนี้เจ้าควรแต่งงานได้แล้ว  ”

                              

                           “  อะไรนะขอรับ  ”

                              

                           “  แม่หาเจ้าสาวที่เหมาะสมให้เจ้าได้แล้ว   คราวนี้เจ้าอยู่นานเท่าไรล่ะ   บางทีแม่จะพา

เจ้าไปดูตัวนาง  ”

                             

                            “  เพิ่งได้รับตำแหน่งต้องสะสางงานมากมาย   ยังไม่ควรแต่งงานตอนนี้นะ  ”       

นายท่านเวยติง

              

            เวยฮูหยินหันค้อนเขาอีกครา  “  อะไรก็พร้อมแล้ว   ยังต้องรออะไรอีก   ลูกยินควรแต่งงานได้แล้ว  

หรือท่านผู้เป็นพ่ออยากจะขัดความสุขของลูกอีก  เรื่องงานก็เหมือนกัน   ท่านสนับสนุนให้ลูกไปเป็นทหาร     

ไปลำบากจนชักจะซูบเซียวไปทุกที   แทนที่จะไปเป็นขุนนางสบายกว่าเสียอีก  ”

                               

                          “  จะทหารหรือขุนนางต่างก็มีหน้าที่ทั้งนั้น   มีงานของตัวเอง  ไม่มีใครสบายหรือลำบาก

กว่าใครหรอก   ถ้าเจ้าไปเห็นขุนนางนั่งกินนอนกิน   รับเบี้ยหวัดของทางการแต่ไม่ทำอะไรสักอย่าง   นั่นไม่ใช่

ขุนนาง    อีกอย่างด้านทหารก็เป็นสิ่งที่ยินถนัด    และการเป็นทหารรับใช้ชาติก็เป็นหน้าที่และเป็นเกียรติ     

อย่างหนึ่งของลูกผู้ชาย   ข้าสนับสนุนสิ่งที่ยินชอบและข้าเองก็เห็นว่ามันเหมาะสม   เจ้าจะว่าข้าว่าเป็นพ่อที่ขวาง

ความสุขและความเจริญของลูกไม่ได้   ส่วนเรื่องแต่งงานข้าไม่ได้ห้าม  แต่ยินยังไม่ควรแต่งตอนนี้  เพราะเขา

เพิ่งรับตำแหน่ง   ยังมีงานต้องสะสางมากมาย   ควรรอให้ทุกอย่างเข้าที่ก่อนแล้วค่อยว่ากัน  ”

            

             เวยฮูหยินฟังสามีเถียงเป็นชุดแล้วยิ่งหงุดหงิด

                         

                          “  ไปเถอะลูก   ไปคุยกับแม่ที่ห้องดีกว่า   พ่อเขาชอบขัดเรา   ขัดทุกอย่าง   จะขัดอะไร

กันหนักหนา!   ไปเถอะ   ไปคุยกับแม่ที่ห้องนะ   แม่จะเล่าเกี่ยวกับว่าที่เจ้าสาวของลูกให้ฟัง  ”

            

            นางดึงตัวลูกชายออกไป

                         

                           “  แต่ยินยังคุยกับข้าไม่จบเลยนะ  ”

                          

                           “  ลูกยินก็ยังคุยกับข้าไม่จบเหมือนกัน  ”  นางไม่สนใจ  “  ไปลูก  แม่จะให้พวกบ่าว

จัดสำรับชากับของว่างมาให้   เจ้าเพิ่งกลับมาคงเหนื่อยน่าดู  ”

                         

                           “  เจ้า  เจ้า  ”  นายท่านเวยรุดตามอย่างไม่พอใจ

                          

                           “  เดี๋ยวข้าไปคุยกับท่านแม่ก่อน   จบแล้วจะตามมาคุยกับท่านพ่อนะขอรับ  ”  ยิน

พยายามสงบศึก

            

            ผู้เป็นพ่อจำพยักหน้ารับ  มองภรรยาลากตัวลูกไปแล้วส่ายหน้าอย่างระอาใจ

 

            

            พ่อบ้านหานสาวเท้าเร็วมุ่งไปทางเรือนคุณชาย   งานที่วุ่นแต่เช้าทั้งยังมีภารกิจที่คุณชายสั่งให้ไปทำ

ทำเอาพ่อบ้านเก่าแก่ที่รับใช้ตระกูลนี้มานานปีถึงกับเหงื่อย้อยตั้งแต่หน้าผากยันปลายคาง   พอถึงหน้าเรือนแก 

ก็พักหอบเอากำลังครู่หนึ่ง

                            

                             “  คุณชายขอรับ  ”

           

            แทบทันทีที่เรียนจบ   ยินก็ผลักประตูผัวะออกมา   พ่อบ้านถึงกับตกใจสะดุ้ง

                           

                           “  เป็นอย่างไรบ้าง  เจอไหม  ”  เขาถามอย่างตื่นเต้น  “  คุยตรงนี้ไม่ดี  เข้ามาข้างใน

ดีกว่า   เร็ว...  ”

            

            เขาดันพ่อบ้านเข้าไปด้านในแล้วปิดประตูทันที   อีกฝ่ายทำหน้าตื่นๆงงๆอยู่หลังประตู   ยินไม่ยอม 

นั่งด้วยซ้ำ   ท่าทางจดจ่อฟังคำตอบ

                            

                           “  เรื่องที่คุณชายให้ไปสืบ  เจอขอรับ   นางอยู่หมู่บ้านผาจี   ตรงไปเลี้ยวซอยสุดท้าย  

บ้านสุดท้ายติดเชิงเขา  ”  ยินยิ้มพอใจ  “  ว่าแต่ทำไมคุณชายถึงอยากรู้  ”

                            

                            “  เรื่องนั้นท่านไม่ต้องรู้หรอก   แต่เรื่องนี้ห้ามบอกใครเด็ดขาด   โดยเฉพาะท่านแม่  

เข้าใจหรือเปล่า  ”

                           

                           “  ขอรับ  ”  พ่อบ้านหานเห็นยินคว้าเสื้อคลุมมาสวม  “  คุณชายจะไปไหนหรือขอรับ  ”

                            

                           “  ข้าจะออกไปข้างนอก   ใครถามก็บอกว่าข้าออกไปเที่ยวแล้วกัน  ”

                           

                           “  อย่างนั้น  ข้าน้อยจะไปเตรียมเกี้ยว  ”

                            

                           “  เอิกเกริกไป  ขอม้าตัวเดียวก็พอ  ”

 

             

            บ้านหลังน้อยติดเชิงเขาดูสงบเงียบไร้วี่แววคน   ยินขับม้ามาหยุดชะโงกดูอย่างไม่แน่ใจ   ไม่ไกลนัก

หญิงวัยกลางคนรีบร้อนลงจากลาดเขา   เห็นชายหนุ่มแต่งกายภูมิฐานมายืนหน้าบ้านตัวเองก็แปลกใจ

                             

                           “  มาหาใครหรือเจ้าคะ  ”

             

            ยินหันไปดู   นางจ้องตอบอย่างสงสัย

                             

                           “  ในบ้านนี้มีแม่นางที่ชื่อเฉินฟู่หลานใช่หรือไม่  ”

            

             นางเฉินยิ่งฉงนเมื่อเขาถามหาลูกสาว  “  ใช่  ท่านมีอะไรกับนางหรือคะ   หรือว่าลูกข้าไปทำอะไร

ไม่ดี  ”

                             

                            “  ไม่ใช่หรอก  ข้าแค่อยากมาพบนาง  เอ้อ  ข้าเป็นเพื่อนกับนางน่ะ ”

             

            นางมีสีหน้าประหลาดใจที่ลูกสาวไม่เคยบอก  แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา

                             

                           “  ตอนนี้เด็กคนนั้นไม่อยู่หรอกค่ะ  ขึ้นเขาไปเก็บของป่า   ไม่เกินเย็นก็คงกลับมา    

ท่านมีธุระอะไรฝากข้าไว้ก็ได้เจ้าค่ะ  ”

             

           พอดีฟู่หลานเพิ่งลงจากเขา  บนหลังแบกตะกร้าใส่หน่อไม้และยอดไผ่อ่อนไว้เต็มเอี้ยด   มาถึงเห็นยิน

ก็นึกไม่ถึงว่าเขาจะตามหานางถึงเพียงนี้

                             

                           “  ท่านยิน  ”  ยินหันมาเห็นก็ยิ้มยินดี  “  อ้าวท่านแม่ทำไมกลับมาเร็วจังคะ  ”

                             

                           “  พ่อเจ้าน่ะสิลืมของให้แม่กลับมาเอาให้   เพื่อนเจ้ามาหาแน่ะ  ”  เสียงนางแผ่วตรง

คำว่าเพื่อนเพราะไม่ค่อยเชื่อ  ฟู่เอ๋อเห็นสายตามีคำถามจากมารดาก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร   นางเองก็คิดไม่ถึง   

ว่าเขาจะมาหาถึงบ้าน  “  แม่เอาของเสร็จก็จะไปแล้ว   เดี๋ยวพ่อจะรอนาน   ดูแลเพื่อนของเจ้าด้วยแล้วกัน  ”

              

            หลังมารดาออกไปแล้ว   ฟู่หลานก็หันมามองเขาด้วยความแปลกใจ

                             

                            “  คราวก่อนเจ้าบอกที่อยู่ไว้ด้วย   จำไม่ได้หรือ  ”  เขาถามเหมือนรู้ใจนาง

                             

                            “  แต่ว่าข้า...  ”

                             

                            “  ไม่นึกว่าข้าจะตามมาจริงๆ  ”  เขาพูดแทน  “  ข้าสัญญาแล้วว่าจะกลับมาหาเจ้า  

ข้าก็ต้องมาจริงๆ  ”

              

            นางก้มหน้าลงอย่างเจียมตัว   แม้จะรู้สึกยินดีอยู่ลึกๆ

                            

                            “  เชิญท่านเข้าไปด้านในก่อนเถอะค่ะ  แต่บ้านคนต่ำต้อยอย่างข้าคงไม่มีของดี       

ที่จะต้อนรับท่านได้อย่างสมเกียรติ  ”

                             

                             “  ข้าไม่รังเกียจ  ”  ยินบอก  “  แต่ต่อไปถึงไม่มีธุระข้าก็จะมา   ถ้าเจ้าไม่รำคาญ  

ข้าจะมาที่นี่ได้อีกใช่ไหม  ”

                             

                             “  มาได้ตามแต่ใจของท่านเลยค่ะ   บ้านนี้ต้อนรับท่านเสมอ  ”  พูดแล้วนางก็ยิ้มเขิน  

ฝ่ายเขายิ้มร่าไม่แพ้กันที่นางตอบรับ

 

                            

                             “  ฟู่เอ๋อจะไปไหนหรือลูก  ”  นางเฉินถามเมื่อเห็นลูกเตรียมจะออกไปข้างนอก

                             

                             “  ข้า...  เอ้อ  จะขึ้นไปบนเขาน่ะค่ะ  ”  วันนี้เทพมังกรฟ้าส่งคำนัดให้นางให้ขึ้นไป

เจอกันบนถ้ำยอดเขา

                            

                             “  เจ้าจะไปธุระหรือเปล่า  ”  ฟู่หลานไม่อยากบอกว่านางจะไปทำอะไร  “  ท่านยิน

มาหาเจ้าน่ะ  เมื่อกี้แม่เห็นเขาอยู่หน้าบ้าน  เจ้าไปเชิญเข้ามาสิ  ”

             

            นับจากวันที่ยินมาบ้านนาง   หลังจากวันนั้นก็มาอีก  จนพ่อแม่นางเริ่มคุ้นเคยกับเขา   ด้วยท่าที    

ไม่ถือตัวและเคารพผู้อาวุโสกว่าทั้งที่ฐานะต่างกันมากทำให้พ่อแม่นางประทับใจเขาอย่างรวดเร็ว   จนตอนนี้  

เมื่อไรที่เขามาทั้งบ้านก็จะตื่นตัวต้อนรับ   และนางก็จะถูกตามตัวมาพบเขา   แต่วันนี้นางมีนัด   ลำบากใจ     

ไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร   แต่นางก็จำต้องไปรับหน้าก่อน   เชิญเขาเข้ามานั่งในบ้าน   แล้วนางก็ขอตัวออกมา  

เดินกลับไปมาในครัวอย่างร้อนใจ   จะทำอย่างไรดี   นางแน่ใจว่าแม่ไม่ยอมให้นางขัดใจเขาโดยไม่มีเหตุผล

แน่   แต่เหตุผลของนางก็บอกแม่ไม่ได้   ถ้าแม่ไม่ยอมให้ไป  นางก็ไปพบเทพมังกรไม่ได้   แต่ถ้าจะไปให้ได้ 

ก็ต้องบอกเหตุผล  แต่นางพูดไม่ได้จริงๆ   ในที่สุดก็ตัดสินใจอธิษฐานถึงเขา   เล่าเหตุที่ไปไม่ได้และขอโทษ

เขาด้วย   นางหวังว่าจะมีสักวันที่เขานัดแล้วตรงกับวันที่ยินมีธุระแล้วมาไม่ได้   แต่ที่ผ่านมาไม่เคยมีวันนั้น

              

          ฝ่ายชาบูหลั่นตากำลังรออยู่บนถ้ำ   ได้ยินคำอธิษฐานนางแล้วก็นึกเคืองในใจ   ที่ผ่านมามันกี่ครั้งแล้ว  

ที่เขาลงมาเฝ้ารอแต่สุดท้ายนางก็มาไม่ได้   เพราะเจ้ามนุษย์ที่ชื่อยินนั่น   เริ่มแรกก็ถูกตามตัวกะทันหันขณะ  

อยู่กับเขา   ช่วงหลังก็ไม่เจอหน้าเลยเพราะมาไม่ได้แบบนี้   แล้วเจ้านั่นก็อะไรกันนักหนา   อุตส่าห์เปลี่ยนเวลา

แล้วก็ยังมาเวลาเดียวกันได้ทุกครั้ง   ไม่ไหวนะแบบนี้   นับวันยิ่งดึงนางไปจากเขา   เขามีนางเป็นเพื่อนสนิท 

คนเดียวนะ   จะเจอก็เจอไม่ได้   ไม่ได้เจอกันสักที   เป็นแบบนี้จะให้เขายอมได้อย่างไรกัน

              

             เทพมังกรเหยียดกายขึ้น   เขาคงต้องทำอะไรสักอย่าง

              

             พ่อแม่ฟู่หลานจะออกไปดูที่ไร่เสียหน่อย   แม่แนะให้นางพายินไปเดินเล่นที่ลาดเชิงเขา   นางจำทำ

ตามนั้น

             

             สายลมเย็นทำให้สดชื่นไม่น้อย   ยินหยุดดูทิวทัศน์รอบๆอย่างเบิกบานใจ   ฝ่ายฟู่หลานรู้สึกตัวว่าลืม

บางอย่างจึงขอกลับไปเอา   เขาจะตามไปก็ไม่ยอม   แล้วนางก็รีบไป   ปล่อยเขายืนอยู่ผู้เดียว

              

            ทันใดนั้นก็ปรากฏร่างหนึ่งเดินเร็วๆลงมาจากด้านบนเขา   ยินมองไม่ถนัดนัก   รู้แต่ว่าเขาเดินเร็วมาก 

ตรงขาที่สับกันดูเลือนจาง    ผิวพรรณเปล่งปลั่งไม่เหมือนผู้ชายทั่วไป   ทั้งทรงผมยังประหลาดไม่เคยเห็นที่ไหน

                            

                          “  เวยยิน  ”  อีกฝ่ายรู้จักชื่อเขา   เขามองชุดไหมสีแดงและรองเท้าหนังแล้วแน่ใจว่า  

คนผู้นี้ต้องตระกูลสูง   แต่เขาก็สัมผัสเชื้อพระวงศ์มาพอสมควร  แน่ใจว่าไม่เคยเห็น   ถ้าอย่างนั้นอาจเป็นตระกูล

ขุนนางหรือพวกเศรษฐีพ่อค้าที่ไหน

                            

                           “  เจ้ารู้จักชื่อข้า?  ”  ยินฉงน

                            

                            “  ข้าชื่อชาบูหลั่นตา   เป็นเพื่อนของฟู่เอ๋อ  ”

                           

                            “  นางไม่เคยบอกข้าสักนิดว่ามีเพื่อนชายด้วย  ”

                            

                            “  นางพูดมากไม่ได้ต่างหาก   เอาล่ะข้ามาที่นี่เพื่อมาตกลงกับเจ้า  ”

                            

                            “  อะไร?  ”

                            

                            “  เจ้าคงไม่รู้ตัวว่ายึดเวลาที่นางควรอยู่กับข้าไปเสียหมด   พอข้านัดเจอนางเจ้าก็มา

แทรก   แล้วนางก็มาไม่ได้ต้องอยู่กับเจ้าเพราะเกรงใจเจ้า   ที่ผ่านมาที่นิ่งข้าไม่อยากถือสาเพราะเจ้าไม่รู้    

ลองเลี่ยงเวลาแล้วแต่เจ้าก็มาตรงกันทุกที   ข้าเลยทนไม่ได้อีก   นางเป็นเพื่อนคนเดียวของข้า   ข้ามีแค่นาง  

ข้าเลยอยากมาบอกให้เจ้ารู้ว่าเจ้าทำข้าเดือดร้อนอย่างไรและอยากขอร้องช่วยมาเวลาใดเวลาหนึ่งเท่านั้น      

ได้ไหม   ถ้าไม่สะดวกเรื่องเวลาก็เว้นวันมาบ้าง   ข้ากับนางจะได้เจอกัน  ”

            

            ยินยืนขมวดคิ้วขณะฟังคำพูดนั้น   ไม่ค่อยเชื่อว่าคนๆนี้จะเป็นเพื่อนของฟู่หลานจริง   ทั้งนางยังไม่เคย

เล่าอะไรเกี่ยวกับคนผู้นี้ให้ฟังเลยแม้แต่น้อย   แต่ที่ฟังจากคำเรียกที่สนิทสนมแสดงว่าคงรู้จักจริง   แล้วเขา     

ก็นึกได้ว่าถ้าเป็นเพื่อนกันจริงๆทำไมต้องอยากเจอนางบ่อยๆ   ทำไมต้องกระวนกระวายมาคุยกับเขาทั้งที่เป็น

เพื่อนนางจะมาคุยทักทายต่อหน้าก็ได้   และทำไมต้องเจอโดยไม่มีเขาอยู่ด้วย   หรือบางทีชายคนนี้อาจเป็น   

คู่แข่งคนหนึ่งที่ใช้ความเป็นเพื่อนเข้ามาใกล้ชิดเอาใจนาง   เหมือนที่เขาทำอยู่

                              

                              “  ทำไมข้าต้องทำตามคำขอของเจ้าด้วย  ”

                              

                              “  อะไรนะ  ” 

                              

                              “  ในเมื่อเจ้าบอกว่าเป็นเพื่อนก็ไม่มีความจำเป็นต้องเจอนางบ่อย  ”

                              

                              “  เจ้าก็เป็นเพื่อนไม่จำเป็นต้องมาหานางขนาดนี้เหมือนกัน  ”

                              

                              “  แต่สำหรับข้าคงเกินเพื่อนไปเสียแล้ว  ”  ยินเย้ย

             

              ชาบูหลั่นตาถลึงตาใส่   เจ้านี่ช่างยั่วโมโหจริง

                             

                             “  ข้าไม่สนหรอกนะว่าเจ้าจะเป็นอย่างไร   แต่ต่อไปข้าก็จะมาทุกวัน   ถ้าเจ้าอยากเจอ

นางก็เสี่ยงเวลาเข้ามาเอา   เผื่อโชคดีจะไม่ตรงกับข้า   แต่ก็เป็นไปไม่ได้เพราะที่ผ่านมามันไม่มี  ”

             

             ประโยคสุดท้ายน้ำเสียงเยาะเย้ยยิ่งนัก   ยินยิ้มยั่ว   ชาบูหลั่นตาหมดความอดทน   ปราดเข้าไปหา  

ทันใดแสงโลหะวาบขึ้น   เทพมังกรชะงักงัน   มองดาบด้ามยาวในมือยินซึ่งชักขึ้นมากั้นขู่   ห่างจากลำคอ  

ของเขานิดเดียว

                              

                              “  อย่าเข้ามา  ”   ยินขู่ด้วยแววตากร้าว   เทพมังกรนิ่ง   ไม่แสดงท่าทีหวาดกลัว 

แม้แต่น้อย   กลับจ้องตอบด้วยสายตาน่ากลัวพอกัน

                              

                              “  ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเจ้าเป็นใครมาจากไหน   แต่อย่าเข้ามาถ้าไม่อยากเจ็บตัว  ”

             

             ยินนึกกระหยิ่มใจเมื่อไม่เห็นอีกฝ่ายตอบโต้อะไร  คงมีแต่สายตาโกรธเคืองเท่านั้น   แต่สายตาโจมตี

หรือจะสู้อาวุธในมือเขา

                              

                              “  คนชื่อยินที่สุภาพใจดีอย่างที่นางเล่า   คงเป็นแค่เรื่องจอมปลอมที่เจ้าเสแสร้งหวัง

ชนะใจนาง   ที่แท้เจ้ามันคนเห็นแก่ตัว!  ข้าจะบอกฟู่เอ๋อ   เตือนนางอย่ายุ่งกับเจ้า   คนหลอกลวง  ”

                              

                               “  แล้วคิดหรือว่านางจะเชื่อเจ้า   นางเกรงใจข้า   บ้านนางก็ยอมรับข้า   ถึงเจ้า   

จะรู้จักกับนางแต่ครอบครัวนางไม่รู้จัก   ไม่เคยเอ่ยถึง   เจ้ามันคนไร้ความหมาย  ”

                              

                               “  แล้วเจ้าจะได้รู้ว่าคำพูดของข้ามีอำนาจกับครอบครัวนางแค่ไหน  ”

                             

                               “  ข้าไม่สนใจ   ไม่อยากคุยกับคนอย่างเจ้าแล้ว   ฟู่เอ๋อหายไปนาน   ข้าจะไปดูว่า

นางเป็นอะไรหรือเปล่า  ”  ยินหันหลังกลับ  แล้วนึกได้  “  อ้อ  แล้ววันนี้คงเป็นอีกวันสินะที่เจ้านัดเจอกับนาง  

ข้าเห็นนางลุกลี้ลุกลนตั้งแต่เช้าแล้ว   แต่เสียใจด้วยเจ้ามันโชคร้ายมาตรงกับข้าอีก   แล้วนางก็เลือกที่จะอยู่กับ

ข้า   ”

                              

                                “  เจ้า!  ” 

             

             ยินยิ้มเย้ยหยันทิ้งท้าย   แล้วลงเขาไปอย่างน่าหมั่นไส้  ชาบูหลั่นตาฮึดฮัดอย่างไม่พอใจที่สุด

             

             ฟู่หลานตกใจและแปลกใจมากเมื่อจู่ๆยินก็ถามถึงชาบูหลั่นตา

                             

                             “  เมื่อครู่เขามาโวยวายกับข้า   ทะเลาะกันนิดหน่อย  ดูไม่พอใจมาก   เขาอ้าง    

เป็นเพื่อนเจ้า   จริงหรือ   ทำไมเจ้าหรือใครไม่เคยเล่า  ”

                              

                              “  ท่านไม่เคยถามข้าก็เลยไม่เคยเล่า  ”  นางตอบ  “  นายท่านคนนั้นน่าเห็นใจ

เพราะเขาไม่มีเพื่อนเลย   เขารักและห่วงข้ามาก   และเขายังเป็นผู้มีพระคุณช่วยเหลือครอบครัวข้าไว้เมื่อตอน

ลำบากมาก  ”

                              

                              “   เอาแต่ใจนัก   มิน่าถึงไม่มีเพื่อน  ”  เขาว่า  “  บุญคุณมันทดแทนไม่ยากหรอก  

เขาให้เจ้ามาเท่าไรข้าจะช่วยคืนให้หมด   เขาจะได้ไม่มาวุ่นวายกับเจ้าอีก  ”

            

              ฟู่หลานถอนหายใจยาวเมื่อรู้สึกว่ากำลังเจอเรื่องลำบากใจครั้งใหญ่

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา