L.M. lost me รักนี้ไม่มีนิยาม
-
เขียนโดย chizuru
วันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 23.05 น.
3 ตอน
0 วิจารณ์
6,153 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 17 เมษายน พ.ศ. 2556 00.09 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) หลีกหนี//ย้ำเติม//จุมพิษ2
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความซินPart
“ปั้งๆๆๆ”
ผมเคาะประตูอยู่หน้าห้องของชีโน่ด้วยอารมณ์ที่ยากจะบอกได้ว่าจะโกรธหรือห่วงมันดี ผมควรจะโกรธที่มันโดดไลฟืหลายวันติดแต่พอมาคิดได้ว่าที่มันเป็นแบบนี้ก็เพราะตัวผมเองที่ไปพูดให้กำลังใจมันในเรื่องของเยนแทนที่จะบอกให้มันตัดใจ.ความผิดก็ตกมาที่ผมทันที
“ห้าว~ดึกดื่นป่านนี้มาทำไม??”
ประตูถูกเปิดออก ผมดันชีโน่ที่ยืนดันประตูให้ถอยหลบแล้วเดินเข้าไปทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงไม่สนใจท่าทางสะลืมสะลือเหมือนเพิ่งตื่นนอนของมัน
“ยังไม่ตายอีกเหรอ”
ผมทักทายมันก่อนที่จะคว้าซองบุหรี่ขึ้นจากกระเป๋าเสื้อแล้วใช้ปากคาบขึ้นมา เพิ่งนึกได้ว่าไฟแช็คหมด
“มีไฟแช็คมั้ยของฉันหมด”
ชีโน่เดินไปหยิบไฟแช็คทรงคล้ายลูกโลกของวิเวียนโยนให้ผม
“อย่าทำผ้าปูที่นอนไห้มนะ”
พูดจบมันก็เดินมานั่งข้างๆผม ระหว่าที่สูบบุหรี่ความเงียบเกิดขึ้นชั่วขณะ ก็พอเข้าใจความรู้สึกของมันหรอกนะคงอยากถามหาเยน ผมสูดควันเข้าปอดระรอกสุดท้ายแล้วขยี้มันลงกับจานเขี่ยบุหรี่ที่หัวเตียง
“มันสบายดี”
ผมตอบในคำถามที่มันไม่ได้ถาม แววตาของความเจ็บปวดฉายขึ้นเต็มใบหน้าของมันอย่างชัดเจน แต่ถึงจะเจ็บปวดแค่ไหนการหนีความจริงแบบนี้ก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น ยิ่งจะทำให้มันอ่อแออลง ผมไม่ได้อยากทำร้ายจิตใจมันแต่ก็สมควรมีใครซักคนพูดเรียกสติขุดมันกลับมาสู้หน้ากับความจริง
“แกจะหนีความจริงไปถึงไหน”
ผมพูดกับมันอย่างเรียบเฉยแต่ความหมายของประโยคสั้นๆนี้ก้มากพอที่จะทำให้มันเงยหน้าขึ้นมองผมด้วยสายตาครุ่นคิดและเจ็บปวดระคลกัน
“แกบอกอยากเข้มแข็งจะได้ปกป้องคนที่รักได้ไม่ใช่รึไง แล้วไอ้ที่มาหมกตัวอยู่ในห้องไม่กล้าเผชิญหน้ากับความจริงมันเรียกว่าเข้มแข็งตรงไหน”
เหมือนคำพูดของผมจะไปสะกิดปากแผลของชีโน่ให้เปิดกว้าง ผมเห็นสีหน้าที่แสดงถึงความรูสึกหลากหลายและแววตาที่ซ่อนความเหงาเอาไว้ไม่มิด ผมสมควรพูดอะไรซักอย่างเพื่อปลอบใจมันรึปล่าวนะ หรือผมควรปล่อยให้มันได้คิดอะไรเองบ้าง แต่แล้วคำพูดที่ผมคิดจะพูดก็ถูกกลืนหายไปเพราะจู่ๆชีโน่ก็โถมตัวเขากอดผมดึงรั้งผมราวกับต้องการไออุ่น มือเรียวรั้งไหล่ผมให้แนบชิด มันทำให้ผมรับรู้ถึงความเหงาที่มีอยู่กลางอกของมัน เอาเถอะให้มันกอดก็ไม่ได้เสียหายอะไรหนิ
“ช่วยอะไรอย่างสิ”
เสียงที่มันร้องขอเต็มไปด้วยความเว้าวอนจนผมอดนึกสงสารไม่ได้ เอาเถอะหากเป็นสิ่งที่ผมทำได้ทำให้มันซักนิดคงไม่เสียหายหรอกจริงมั้ย?
“ท่าฉันทำได้นะ”
ผมยังพูดไม่จบดีแขนของชีโน่ก็เกี่ยวคอผมให้โน้มลง ริมฝีปากได้รูปสัมผัสแผ่วเบาลิ้นไล่เลียไปตามกลีบปากผมเชื้องช้า ในตอนแรกผมสะดุ้งตกใจเล็กน้องใช้ความพยายามอดทนกับความรู้สึกอยากขย้ำคนตรงหน้า ผมเข้าใจดีว่าที่มันทำไปเพียงแค่ความเหงาแต่คนอย่างผมก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่ไหนลองมาเจอแบบนี้เป็นใครก็ไม่มีทางทนได้ เมื่อความพยายามอดทนหมดลงเลือดที่เดือดพล่านในตัวทำให้ผมบดขยี้ริมฝีปากบางอย่างเร้าร้อนและขบเม้มเรียวปากนั้นอย่างดูดดื่มใช้ลิ้นชอนไชไปตามไรฟันเพื่อเก็บเกี่ยวความหอมหวาน ผมดึงเสื้อที่ตัวเองสวนใส่ให้พ้นตัว
อ้า~รู้ทั้งรู้ว่าผมควรหยุดอยู่แค่นี้แต่กลับห้ามตัวเองไม่อยู่ ผมไม่อยากแม้จะหยุดเพื่อหายใจ เหมือนชีโน่จะได้สติและพยายามเบนหน้าหนีแต่ผมก็ตามดักได้ทันและค่อยๆดันมันให้นอนราบลงกับเตียง
“อื้อ~”
เสียงร้องประท้วงให้หยุดดังขึ้นจากร่างใต้อาญัติแต่ผมกลับไม่สนใจที่จะหยุด มันมาถึงขั้นนี้แล้วถ้าผมต้องการใครก็หยุดมันไม่ได้
ทั้งที่จะขาดอากาศหายใจกันทั้งสองฝ่ายแล้วแท้ๆแต่ผมกลับเพิ่มความเร้าร้อนบดขยี้เรียวปากที่ชวนสัมผัสอย่างน่าหลงไหล ถึงตอนนี้เหมือนสติของผมมันได้กระเจิงไปเพราะความปราถนา มือของผมกำลังวุ่นวายกับการปลดกระดุมชุดนอนของมันทีละเม็ด ผมจำใจต้องต้องผละริมฝีปากออกเพียงชั่วนาทีเพื่อให้ร่างใต้อาญัติได้สูดอากาศหายใจบ้างและกลับไปบดเบียดเรียวปากนั้นอีกครั้งแต่ครั้งนี้เมื่อนิ้วผมสัมผัสกับกระดุมเม็ดสุดท้ายและกำลังจะปลดมันความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของผมก็เริ่มกลับมาทีละน้อย ผมรวบรวมแรงใจแล้วแนบชิดบดเบียดริมฝีปากขบเม้มครั้งสุดท้ายก่อนผละออกอย่างจำใจ ผมยันกายลุกขึ้นยืนพร้อมทั้งคว้าเอาเสื้อที่ตกอยู่ใต้เตียงขึ้นมาสวมระหว่างนั้นผมสังเกตเห็นใบหน้าแดงก่ำและอกที่สั่นกระเพื่อมขึ้นลงเมื่อหอบหายใจด้วยริมฝีปากแดงช้ำจากการจูบที่เผยอออกรับอากาศ ผมต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการมองภาพนั้นแล้วไม่กลับไปบนเตียงขย้ำเจ้าชีโน่
“ครั้งหน้าอย่าโดดไลฟ์อีกนะ”
ผมพูดขึ้นทำลายความเงียบแล้วหันหลังออกเดินแต่ก็ไปสะดุดตาเข้ากับขวดเหล้าสาเกที่ถูกวางไว้
“เหล้านี้ฉันขอถือเป็นค่าล้างปาก”
พูดจบผมก้เดินออกไปทิ้งให้มันนั่งอยู่คนเดียว...
“ปั้งๆๆๆ”
ผมเคาะประตูอยู่หน้าห้องของชีโน่ด้วยอารมณ์ที่ยากจะบอกได้ว่าจะโกรธหรือห่วงมันดี ผมควรจะโกรธที่มันโดดไลฟืหลายวันติดแต่พอมาคิดได้ว่าที่มันเป็นแบบนี้ก็เพราะตัวผมเองที่ไปพูดให้กำลังใจมันในเรื่องของเยนแทนที่จะบอกให้มันตัดใจ.ความผิดก็ตกมาที่ผมทันที
“ห้าว~ดึกดื่นป่านนี้มาทำไม??”
ประตูถูกเปิดออก ผมดันชีโน่ที่ยืนดันประตูให้ถอยหลบแล้วเดินเข้าไปทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงไม่สนใจท่าทางสะลืมสะลือเหมือนเพิ่งตื่นนอนของมัน
“ยังไม่ตายอีกเหรอ”
ผมทักทายมันก่อนที่จะคว้าซองบุหรี่ขึ้นจากกระเป๋าเสื้อแล้วใช้ปากคาบขึ้นมา เพิ่งนึกได้ว่าไฟแช็คหมด
“มีไฟแช็คมั้ยของฉันหมด”
ชีโน่เดินไปหยิบไฟแช็คทรงคล้ายลูกโลกของวิเวียนโยนให้ผม
“อย่าทำผ้าปูที่นอนไห้มนะ”
พูดจบมันก็เดินมานั่งข้างๆผม ระหว่าที่สูบบุหรี่ความเงียบเกิดขึ้นชั่วขณะ ก็พอเข้าใจความรู้สึกของมันหรอกนะคงอยากถามหาเยน ผมสูดควันเข้าปอดระรอกสุดท้ายแล้วขยี้มันลงกับจานเขี่ยบุหรี่ที่หัวเตียง
“มันสบายดี”
ผมตอบในคำถามที่มันไม่ได้ถาม แววตาของความเจ็บปวดฉายขึ้นเต็มใบหน้าของมันอย่างชัดเจน แต่ถึงจะเจ็บปวดแค่ไหนการหนีความจริงแบบนี้ก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น ยิ่งจะทำให้มันอ่อแออลง ผมไม่ได้อยากทำร้ายจิตใจมันแต่ก็สมควรมีใครซักคนพูดเรียกสติขุดมันกลับมาสู้หน้ากับความจริง
“แกจะหนีความจริงไปถึงไหน”
ผมพูดกับมันอย่างเรียบเฉยแต่ความหมายของประโยคสั้นๆนี้ก้มากพอที่จะทำให้มันเงยหน้าขึ้นมองผมด้วยสายตาครุ่นคิดและเจ็บปวดระคลกัน
“แกบอกอยากเข้มแข็งจะได้ปกป้องคนที่รักได้ไม่ใช่รึไง แล้วไอ้ที่มาหมกตัวอยู่ในห้องไม่กล้าเผชิญหน้ากับความจริงมันเรียกว่าเข้มแข็งตรงไหน”
เหมือนคำพูดของผมจะไปสะกิดปากแผลของชีโน่ให้เปิดกว้าง ผมเห็นสีหน้าที่แสดงถึงความรูสึกหลากหลายและแววตาที่ซ่อนความเหงาเอาไว้ไม่มิด ผมสมควรพูดอะไรซักอย่างเพื่อปลอบใจมันรึปล่าวนะ หรือผมควรปล่อยให้มันได้คิดอะไรเองบ้าง แต่แล้วคำพูดที่ผมคิดจะพูดก็ถูกกลืนหายไปเพราะจู่ๆชีโน่ก็โถมตัวเขากอดผมดึงรั้งผมราวกับต้องการไออุ่น มือเรียวรั้งไหล่ผมให้แนบชิด มันทำให้ผมรับรู้ถึงความเหงาที่มีอยู่กลางอกของมัน เอาเถอะให้มันกอดก็ไม่ได้เสียหายอะไรหนิ
“ช่วยอะไรอย่างสิ”
เสียงที่มันร้องขอเต็มไปด้วยความเว้าวอนจนผมอดนึกสงสารไม่ได้ เอาเถอะหากเป็นสิ่งที่ผมทำได้ทำให้มันซักนิดคงไม่เสียหายหรอกจริงมั้ย?
“ท่าฉันทำได้นะ”
ผมยังพูดไม่จบดีแขนของชีโน่ก็เกี่ยวคอผมให้โน้มลง ริมฝีปากได้รูปสัมผัสแผ่วเบาลิ้นไล่เลียไปตามกลีบปากผมเชื้องช้า ในตอนแรกผมสะดุ้งตกใจเล็กน้องใช้ความพยายามอดทนกับความรู้สึกอยากขย้ำคนตรงหน้า ผมเข้าใจดีว่าที่มันทำไปเพียงแค่ความเหงาแต่คนอย่างผมก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่ไหนลองมาเจอแบบนี้เป็นใครก็ไม่มีทางทนได้ เมื่อความพยายามอดทนหมดลงเลือดที่เดือดพล่านในตัวทำให้ผมบดขยี้ริมฝีปากบางอย่างเร้าร้อนและขบเม้มเรียวปากนั้นอย่างดูดดื่มใช้ลิ้นชอนไชไปตามไรฟันเพื่อเก็บเกี่ยวความหอมหวาน ผมดึงเสื้อที่ตัวเองสวนใส่ให้พ้นตัว
อ้า~รู้ทั้งรู้ว่าผมควรหยุดอยู่แค่นี้แต่กลับห้ามตัวเองไม่อยู่ ผมไม่อยากแม้จะหยุดเพื่อหายใจ เหมือนชีโน่จะได้สติและพยายามเบนหน้าหนีแต่ผมก็ตามดักได้ทันและค่อยๆดันมันให้นอนราบลงกับเตียง
“อื้อ~”
เสียงร้องประท้วงให้หยุดดังขึ้นจากร่างใต้อาญัติแต่ผมกลับไม่สนใจที่จะหยุด มันมาถึงขั้นนี้แล้วถ้าผมต้องการใครก็หยุดมันไม่ได้
ทั้งที่จะขาดอากาศหายใจกันทั้งสองฝ่ายแล้วแท้ๆแต่ผมกลับเพิ่มความเร้าร้อนบดขยี้เรียวปากที่ชวนสัมผัสอย่างน่าหลงไหล ถึงตอนนี้เหมือนสติของผมมันได้กระเจิงไปเพราะความปราถนา มือของผมกำลังวุ่นวายกับการปลดกระดุมชุดนอนของมันทีละเม็ด ผมจำใจต้องต้องผละริมฝีปากออกเพียงชั่วนาทีเพื่อให้ร่างใต้อาญัติได้สูดอากาศหายใจบ้างและกลับไปบดเบียดเรียวปากนั้นอีกครั้งแต่ครั้งนี้เมื่อนิ้วผมสัมผัสกับกระดุมเม็ดสุดท้ายและกำลังจะปลดมันความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของผมก็เริ่มกลับมาทีละน้อย ผมรวบรวมแรงใจแล้วแนบชิดบดเบียดริมฝีปากขบเม้มครั้งสุดท้ายก่อนผละออกอย่างจำใจ ผมยันกายลุกขึ้นยืนพร้อมทั้งคว้าเอาเสื้อที่ตกอยู่ใต้เตียงขึ้นมาสวมระหว่างนั้นผมสังเกตเห็นใบหน้าแดงก่ำและอกที่สั่นกระเพื่อมขึ้นลงเมื่อหอบหายใจด้วยริมฝีปากแดงช้ำจากการจูบที่เผยอออกรับอากาศ ผมต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการมองภาพนั้นแล้วไม่กลับไปบนเตียงขย้ำเจ้าชีโน่
“ครั้งหน้าอย่าโดดไลฟ์อีกนะ”
ผมพูดขึ้นทำลายความเงียบแล้วหันหลังออกเดินแต่ก็ไปสะดุดตาเข้ากับขวดเหล้าสาเกที่ถูกวางไว้
“เหล้านี้ฉันขอถือเป็นค่าล้างปาก”
พูดจบผมก้เดินออกไปทิ้งให้มันนั่งอยู่คนเดียว...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ