CurseSchool คำสาปโรงเรียนผี

9.8

เขียนโดย WinnerShadow

วันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 13.48 น.

  14 chapter
  23 วิจารณ์
  20.34K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 เมษายน พ.ศ. 2556 14.05 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) ช่วยใครไม่ได้

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

Chapter 5

Not help anyone.

 

 

            ตั้งแต่คาบเช้าที่มีเหตุเสียชีวิตของนักเรียนชาย 2 คน ก็เล่นเอาพวกผมเครียดกันไป จนตอนนี้พักกลางวัน พวกผมก็ทานอะไรไม่ลงกันเลย แถมยังเกิดขึ้นจากวิญญาณที่ผู้หญิงนั้น ที่มาเตือนเราไว้เมื่อวาน ตอนนี้พวกผมนั่งอยู่ในห้องเรียนที่มีเสียงของพวกเพื่อนในห้องกำลังนั่งกันเป็นกลุ่มๆ และคุยกันอย่างสนุก สวนพวกผมก็ทานได้แค่น้ำผลไม้กระป๋องและชาอู่หลงเท่านั้น

 

            พวกเรานั่งเงียบกันเหมือนไม่มีอะไรจะคุย แต่ถ้าเป็นเหมือนเมื่อก่อนพวกผมมักจะนั่งคุยพร้อมกับขนมปังที่ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อของโรงเรียน แต่ตอนนี้... มันไม่ใช่ พวกเรากำลังนั่งดื่มน้ำผลไม้และชาด้วยสีหน้าที่เครียดอย่างเห็นได้ชัด วันนี้ก็ดูฮินาตะจะแปลกๆ ไป เห็นเหม่อมาตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว แต่ผมก็สงสัยมาตั้งนานแล้วว่า ทำไมฮินาตะเหมือนไม่ใช่ฮินาตะในบางเวลา

 

            “นี่ พวกนายสามคนทำหน้าบอกบุญไม่รับเลยนะ”

 

            สาวแว่นผมยาวถึงแค่บ่า ดวงตาโตเดินมาทักพวกคลาวน์อย่างยิ้มแย้ม แต่พวกเขานั้นไม่ได้ยิ้มตอบเลยแม้แต่นิด ขนาดยูยะที่นับว่ายิ้มแทบจะตลอด ยังทำหน้าเครียดด้วยเลย

 

            “แล้วพวกนายไม่ทานอะไรเลยนะ ในฐานะที่เป็นรองหัวหน้า ก็คงต้องดูแลหัวหน้าห้องของเราให้ดีที่สุด แน่นอนว่าเพื่อนๆ ของฮินาตะคุงด้วยนะ”

            “....”

 

            พวกเขานั่งก้มหน้ากันไป เพราะตอนนี้รู้สึกไม่อยากพูดกับใครเลย ก่อนคลาวน์จะลุกออกไปพร้อมกระป๋องชาที่อยู่ในมือ และยูยะกับฮินาตะก็ลุกตามๆ กันไป พร้อมน้ำของตัวเอง

 

            “ขอโทษนะ ฮินะจัง พวกผมรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไร” ฮินาตะหันมาพูดด้วยใบหน้าที่เศร้าที่ก็ยังยิ้มให้เด็กสาวที่เข้ามาทัก

            “อะ..อืม ไม่เป็นไร” เด็กหญิงว่าพลางปัดมือไปมา

 

            พวกเขาทั้งสามคนเดินมาที่ลานนั่งพักของพวกนักกีฬาที่ซ้อมกันแล้วมาพัก มีม้านั่งให้เพียงตัวเดียว และข้างๆ ก็มีถังกระป๋องน้ำที่ซื้อจากเครื่องขายน้ำอัตโนมัติที่อยู่ฝั่งตรงข้ามสองเครื่อง ยูยะกับฮินาตะนั่งลงที่ม้านั่งด้วยความรู้สึกเศร้า เพราะต้องเข้าไปพัวพัน คลาวน์มองทั้งสองคนอย่างรู้สึกผิด ที่ทำให้เพื่อนคนสำคัญทั้งสองต้องมาเกี่ยวข้องกับเรื่องบ้ากับโรงเรียนที่เขารอดมาได้

 

            “ขอโทษพวกนายด้วยนะ ที่ต้องให้มาเกี่ยวน่ะ จริงๆ ฉันไม่อยากจะเรียนด้วยซ้ำ เพราะมันอาจจะเกิดเรื่องแบบนี้เมื่อไรก็ได้” คลาวน์พูดพลางยืนพิงกำแพง และมองขึ้นไปบนฟ้าที่มีไม่มีแดดเลยสักนิด นับว่าเป็นท้องฟ้าที่สดใสอย่างที่ยูยะบอก แต่ถ้าไม่เกิดเรื่องขึ้นคงจะดีกว่านี้

            “ไม่เอาน่า จริงๆ นายก็บอกฉันตั้งแต่ปีที่แล้วแล้วนิ ว่าไม่อยากมีเพื่อน แต่ฉันก็อยากจะเข้ามายุ่งกับนายเอง และเรื่องนี้ฉันก็อยากจะหยุดมันนะ”

            “ยูยะ” คลาวน์เรียกชื่อของเพื่อนที่ตอนนี้ยิ้มออกมาอย่างใจจริง

            “จริงๆ ฉันก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งหรอกนะ แต่พอนึกถึงพวกเพื่อนๆ ภายในห้องและเมกุมิจังที่ตายไป ฉันก็รู้สึกว่าไม่อยากเสียใครไปอีกแล้ว”

            “ฮินาตะ...”

            “ถึงฉันจะมองไม่เห็นวิญญาณเหมือนพวกนายสองคน แต่ฉันก็อยากจะหยุดเจ้าวิญญาณนั้น ถึงตอนนี้พวกเราจะไม่มีแผนหรือวิธีการหยุดเลย แต่ฉันก็อยากจะเป็นพลังให้พวกนายสองคนที่เป็นเพื่อนคนสำคัญนะ” ฮินาตะหันมายิ้มให้ยูยะและคลาวน์

            “ฮินาตะ นายนี่มันสุดยอดเลยนะเนี้ย” ยูยะพูดพลางกอดเพื่อนอย่างดีใจ

            “เบาๆ สิ มันเจ็บนะ”

 

            คลาวน์ยืนมองเพื่อนทั้งสอง ทั้งๆ ที่เมื่อกี้ยังนั่งเศร้าอยู่เลยแท้ๆ แต่ตอนนี้กลับยิ้มกันออกมาแล้วพูดเหมือนจะช่วยเขาอย่างเต็มที่นี่มัน...

 

            จะไม่ทำให้พวกนายเดือดร้อนเหรอ...?

 

            “อ๊าก! อย่าทำผม”

            เสียงคนร้องเหมือนทรมาณดังขึ้นที่ด้านหลังลานโล่งซึ่งมีอาคารเรียนของพวกเขากั้นอยู่ ทำให้พวกคลาวน์รีบวิ่งไปตามเสียงอย่างไม่ต้องนัดหมายเพราะคิดว่าวิญญาณนั้นเริ่มทำงานตามที่เตือนไว้แล้ว ซึ่งเป็นคนที่สุดท้ายที่มันจะเล่นงาน พวกคลาวน์วิ่งไป เพราะไม่ต้องการให้ใครตายอีก

            พวกคลาวน์มาหยุดที่กลุ่มรุ่นพี่ 5 คนที่กำลังรุมชกต่อยรุ่นน้อง ม.ต้น คนหนึ่งอย่างสนุกสนาน พร้อมหัวเราะเย้าะเย้ยอย่างได้ใจ ที่เด็กนั้นลงไปนอนกุมท้องเพราะโดนเตะ ที่หน้าของเด็กคนนั้นมีรอยบวมเพราะโดนชกอยู่ เขาร้องไห้ออกมาเพราะความเจ็บปวดที่โดนพวกรุ่นพี่ทำร้าย

 

            “เฮ้! พวกแกทำอะไรน่ะ” ยูยะโพล่งขึ้น ทำให้พวกรุ่นพี่ทั้งห้าหันมาทางพวกคลาวน์เป็นตาเดียว

            “เห้ย พวกแกจะร่วมด้วยเหรอวะ!? ไอ้เด็กเนี้ยไม่ตอบโต้เลย โครตจะสนุกอ่ะ ฮ่าฮ่า” รุ่นพี่คนหนึ่งในกลุ่ม ทรงผมตั้งขึ้นและยังเงาเพราะเยลที่แต่ง และยังหูที่เจาะตั้งเยอะ พูดพลางยิ้ม และเท้าที่เขี่ยตัวของเด็กรุ่นน้องคนนั้น และดูจะไปกระตุ้นต่อมโมโหของฮินาตะเข้าอย่างจัง

            “พวกแกทำบ้าอะไรว่ะ สนุกนักเหรอ ทำการทารุณเด็กคนนั้นน่ะ!!” ฮินาตะโพล่งขึ้นมาด้วยอารมณ์โมโหและตาที่จ้องเขม็ง ตัวคลาวฯกับยูยะสะดุ้งกันไปตามๆ กัน เพราะไม่คิดว่าฮินาตะที่ใจเย็นเหมือนเจ้าชายสงบอย่างเขา จะพูดกับรุ่นพี่ได้น่ากลัวขนาดนี้

            “เห้ย! ไอ้เด็กนี้! ข้าไปทำอะไรแกมาว่าความสนุกของพวกข้าว่ะ” รุ่นพี่อีกคนในกลุ่มพูดตอนนี้พวกรุ่นคงจะโกรธฮินาตะน่าดู เพราะพวกเขาจ้องมาทางเขาอย่างประสงค์ร้าย

            “ถ้าพวกแกจะเข้ามา ก็เอาเลยสิเว้ย!!” ฮินาตะพูดด้วยความโมโหอีกครั้ง ก่อนจะมีลมที่พัดมาอย่างแรง ทั้งๆ ที่ท้องฟ้ายังสว่างและสดใสอยู่เลยแท้ ฝุ่นผงที่พื้นสายพัดตามแรงจนพวกรุ่นพี่ที่ตกใจกับลมนี้ถึงกับหลับตาเพราะผงเข้าตา พวกคลาวน์กับยูยะกลับไม่รู้สึกอะไร เพราะพวกเขาไม่เห็นจะมีอะไรขึ้นเลยในรอบข้างของเขาทั้งสอง

            “เฮ้ย! นี่แกทำอะไรว่ะ!! โอ้ย..ฝุ่นเข้าตา” รุ่นพี่ผมตั้งพูดขึ้น

            “ถอยไปสิโว้ย!!” ฮินาตะพูด จนพวกรุ่นพี่เริ่มโมโห แต่ตากลับมองไม่เห็นเพราะฝุ่นเข้า ก่อนจะพูดสั่งให้เพื่อนๆ ในกลุ่มหนีไป เพราะลมที่พวกเขาเห็นไม่ใช่ลมที่คิดว่าจะหยุดง่ายๆ

            “เห้ย! รีบหนีเร็ว!!”

            “เออ!”

 

            พวกรุ่นพี่ทั้งห้าวิ่งไปพลางเอามือขยี้ตา ฮินาตะเดินไปทางเด็กผู้ชายที่นอนร้องไห้เพราะความเจ็บอย่างเงียบๆ และใบหน้าที่นิ่งแต่ในตาแฝงไปด้วยความเศร้า คลาวน์กับยูยะก็เดินตามอย่างงงๆ และยังคงตกใจกับอารมณ์โกรธของฮินาตะ

 

            “เป็นไงบ้าง แผลเยอะเลยนะ” ฮินาตะพูดกับเด็กผู้ชายด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แตกต่างจากคนเมื่อกี้อย่างสิ้นเชิง

            “ฮึก ผมไม่เป็นไร ฮึก หรอกครับ”

            “ไม่เป็นไรที่ไหนกัน แผลเยอะขนาดนี้ ยังไงเดี๋ยวพี่พาไปห้องพยาบาลดีกว่านะ” ฮินาตะพูด แล้วลูบหัวเด็กชายที่ร้องไห้อย่างน่าสงสาร

            “แต่พวกพี่ ฮึก ไม่ไปเรียนกันเหรอครับ?”

            “พี่ไม่เป็นไรหรอก เอ้า ขึ้นหลังพี่สิ”

            “ขะ..ขอบคุณมากๆ ครับ”

 

            เด็กชายขึ้นหลังของฮินาตะที่นั่งลงมาให้ขี่หลัง คลาวน์กับยูยะยิ้มให้กับความใจดีของฮินาตะอย่างภาคภูมิ แต่คลาวน์ก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่าเมื่อกี้ใช่ฮินาตะจริงๆ เหรอ?

 

            “พวกนายสองคนขึ้นห้องก่อนก็ได้นะ” ฮินาตะที่มีเด็กขี่หลังพูดขึ้นเมื่อเห็นพวกเขาทั้งสองยืนยิ้ม

            “ไม่เป็นไรๆ ไปไหนไปด้วยกัน จริงมั้ย? คลาวน์” ยูยะว่าพลางหันไปทางคลาวน์

            “อะ..อ่า”

 

            เมื่อฮินาตะได้ยินอย่างนั้นจึงยิ้มและเดินนำเพื่อนทั้งสองไปกับเด็กผู้ชายที่ยังคงมีน้ำตาอยู่คลาวน์กับยูยะเดินตามมาอย่างเงียบ แต่คลาวน์ก็ยังคงคิดต่อไปเรื่อยๆ และพยายามคิดย้อนกลับไปตอนที่ฮินาตะหัวเราะกับเคตอนอยู่บนดาดฟ้า และก็เริ่มสงสัยว่า ทั้งๆ ที่ฮินาตะมองไม่เห็นวิญญาณแล้วทำไมถึงพูดต่อจากเคในตอนนั้นได้ แถมยังหัวเราะอย่างที่ไม่เคยมาก่อนด้วย

 

 

ห้องพยาบาล

            ฮินาตะวางเด็กหนุ่มที่หยุดร้องไห้ไปลงบนเตียงในห้องพยาบาล และอาจารย์ที่อยู่ในห้องก็ทำแผลให้ ก่อนจะบอกกับพวกคลาวน์ว่ามีธุระขอตัวไปข้างนอกก่อน และยังบอกให้พาน้องคนนี้ไปส่งที่ห้องเพราะอาจจะเดินไม่ไหว กับแผลที่โดนเตะจนจุกที่ท้อง และยูยะก็เริ่มถามเด็กคนนี้ด้วยความสงสัย

 

            “แล้ว..ทำไมน้องถึงโดนพวกรุ่นพี่ทำร้ายแบบนั้นล่ะ”

            “ผมเพียงแค่เดินอยู่ในสนาม แล้วก็โดนพวกรุ่นพี่พวกนั้นใช้ให้ไปซื้อน้ำให้ แต่ผมดันซุ่มซ่ามทำหกไปแก้วหนึ่ง เลยโดนพวกพี่ๆ เขา...”

            “โหดร้ายเกินไปแล้ว” ยูยะพูด

            “ฉันไม่คิดว่าโรงเรียนเราจะมีรุ่นพี่เลวๆ แบบนั้นเลยนะเนี้ย” คลาวน์พูด

            “นี่” ฮินาตะเรียกเด็กคนนั้น

            “ครับ?”

            “ต่อไปนี้นะ ถ้านายโดนคนพวกนั้นทำร้ายอีก ให้เรียกหาพี่นะ เดี๋ยวพี่จะมาช่วยให้เร็วที่สุด เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวอีกแล้วล่ะ”

            “เอ๊ะ?” คลาวน์กับยูยะทำหน้างงกับสิ่งที่เพื่อนคนนี้พูด เพราะพวกเขาสองคนคิดว่า คนอย่างฮินาตะไม่น่าจะอาสาปกป้องเด็กผู้ชายที่โดนพวกรุ่นพี่ทำร้ายเลยแม้แต่นิดเดียว แต่เขาอาจจะมีเหตุผลจำเป็นก็ได้

            “พี่ชื่อ ฮินาตะ ถ้าน้องตกอยู่ในอันตรายก็เรียกพี่ได้ตลอดเลยนะ”

            “คะ..ครับ ผมชื่อ ชิมะ ผมขอบคุณพี่ๆ มากครับ” เด็กหนุ่มยิ้มอย่างเขินอาย แต่นั้นก็ทำให้คลาวน์กับยูยะยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ไปด้วย ที่เพื่อนคนนี้จะเอาจริงช่วยเด็ก แต่นั้นอาจจะเป็นความใจดีอีกอย่างของฮินาตะที่พวกเขาคาดไม่ถึงก็ได้

            และพวกฮินาตะก็พาเด็กที่ชื่อชิมะไปส่งที่ห้องเรียนของเขา เด็กคนนี้มีสีหน้าที่ดูดีขึ้น ผิดจากเมื่อกี้ที่ร้องไห้เลยล่ะ ฮินาตะก็ดูจะยิ้มอย่างดีใจที่ช่วยเด็กไว้ด้วย แต่เมื่อถึงห้องเรียน พวกเขาก็ตกใจกับห้องเรียนของชิมะคนนี้ ที่เมื่อพวกเด็กๆ ภายในห้องมองมาทางชิมะที่ปรากฏตัวด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ และเหมือนจะไม่ต้อนรับชิมะสักเท่าไรนัก

 

            “ขอบคุณที่มาส่งครับ” ชิมะพูดพลางยิ้ม

            “อะ..อืม ไม่เป็นไรแน่นะ เพื่อนๆ ของนาย...”

            “ไม่เป็นไรครับ ผมไม่เป็นไรแน่ๆ” ชิมะพูด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้มเมื่อเห็นฮินาตะมีสีหน้ากังวล เมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อนภายในห้องของเขา

            “เข้าใจแล้ว”

 

            ประตูห้องเรียนของชิมะปิดลงด้วยฝีมือของเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ก่อนพวกเขาทั้งสามจะเดินห่างจากห้องไป และตรงกลับห้องเรียนของพวกตน แต่เมื่อถึงห้องเรียนกลับไม่มีอาจารย์มาสอนสักที รองหัวหน้าที่ชื่อฮินะเดินตรงมาที่ทั้งสามคน พร้อมกับสายตาของเพื่อนทั้งห้องที่มองมาอย่างสงสัย

 

            “พวกฮินาตะคุงไปไหนมาเหรอ?”

            “พวกผมแค่ไปห้องพยาบาลมาน่ะ”

            “อ่อ ก็ว่าทำไมช้า แต่คาบต่อไปเรียนพละนะ รีบไปเตรียมกันได้แล้ว!” ฮินะพูด ก่อนจะหันไปทางเพื่อนทั้งห้องที่มองมาพอดี และพวกเพื่อนๆ ในห้องก็ลุกขึ้น พร้อมถุงชุดพละที่เตรียมกันมาเดินไปที่ห้องเปลี่ยนชุดที่แบ่งไว้สำหรับชายและหญิง

            เมื่อผ่านไปไม่นานทั้งสามคนก็ออกมา คลาวน์ที่อยู่ในชุดพละเสื้อยืดสีขาว และกางเกงพละยาวถึงเข่า ใบหน้าที่หล่อผิวขาวกับผมสีดำยาวถึงต้นคอของเขานั้นดูหล่อมากเลยทีเดียว พวกผู้หญิงภายในห้องที่ออกมาแล้วสี่ห้าคนหันมามองทางคลาวน์ด้วยสายตาปิ๊งๆ

            ส่วนยูยะก็ติดกิ๊บที่ผมหน้าสีทองตามสไตล์พวกน่าหล่อและขี้เล่นอย่างเขา อีกคนที่น่าหวานหล่ออย่างฮินาตะก็ไม่แพ้กับทั้งสองคน เมื่อเอากิ๊บยาวมาติดรวบผมขึ้นและจอนที่เหลือไว้นิดหน่อยนั้นก็เท่มากๆ จนเคที่ไม่รู้โผล่มาตอนไหนผิวปากอย่างตกใจกับความหล่อเท่ของทั้งสาม ผู้ชายหลายคนในห้องก็อิจฉากันไปกับความหล่อเท่นั้น

           

 

ในเวลาเรียนคาบพละที่สนามโรงเรียน

            ตอนนี้ทุกคนภายในห้องก็มารวมกันอยู่ที่สนามเพื่อเรียนกีฑากัน แต่นั้นก็ทำให้พวกผู้หญิงเดือดร้อนกับพวกผู้ชายที่ดูจะหื่นๆ กันทั้งนั้น เพราะการวิ่งจะเป็นการวิ่ง 5 คน โดยจะมีพวกที่นั่งดูอยู่ด้วย ถึงพวกผู้หญิงจะใส่กางเกงขายาวถึงเข่าเหมือนพวกผู้ชาย แต่ใช่ว่าร่างกายส่วนบนจะเหมือนกันนั้นเอง

 

            “กรี๊ดดด!!”

            เสียงผู้หญิงจากรุ่นน้องที่เรียนกันอยู่ข้างๆ กับกลุ่มและเสียงผู้หญิงภายในห้องดังขึ้นเมื่อคลาวน์ที่วิ่งเข้าเส้นชัยเป็นคนแรก และคนที่สองคือฮินาตะ คนที่สามคือยูยะนั้นเอง และเพื่อนผู้ชายภายในห้องอีกสองคนที่วิ่งตามมา

 

            “8.14 - 8.21 - 8.35 - 10.17 - 11.55” อาจารย์ผู้สอนบอกเวลาที่วิ่งได้ตามลำดับคนที่เข้าเส้นชัยจากก่อนไปทีหลัง พวกผู้หญิงยิ่งกรี๊ดด้วยความหลงที่คลาวฯนั้นวิ่งเข้าเป็นคนแรก และกรี๊ดให้กับความหล่อเท่ของฮินาตะกับยูยะ เช่นกัน

 

            “สมแล้วที่เป็นรุ่นพี่ริกเตอร์”

            “พวกรุ่นพี่สามคนนั้นเท่มากเลย”

            “อยากเป็นแฟนกับฮินาตะคุงจัง”

            “พี่ยูยะน่ารักเนอะ”

            “สมแล้วที่เป็นเพื่อนกันน่ะเนอะ”

 

            บทพูดถึงคนที่หลงมากมายวิ่งเข้าหาภายในหูของพวกคลาวน์เข้า จนทั้งสามคนถอนหายใจกับความคิดของพวกผู้หญิงที่หวังแต่คนหล่อๆ นั้น และการเรียนการสอนก็ดำเนินต่อไปอย่างปกติ และเสียงหอบของคนที่เรียนกลางสนามในตอนนี้ แต่ข้างสนามก็มีกลุ่มหมอกดำที่หัวเราะอย่างชอบใจเหมือนกำลังเย้อยั๋นอะไรสักอย่าง ก่อนจะหายไปเหมือนอากาศ

 

 

            พี่ฮินาตะ...

            เสียงของเด็กผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเป็นเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาในหัวของฮินาตะก่อนจะสะดุ้งตามเสียงของพวกคนที่อยู่ริมสนาม เมื่อมองไปตามเสียง ก็เห็นว่าคนพวกนั้นกำลังเงยหน้าไปบนดาดฟ้าอาคารเรียนด้วยความตกใจอะไรสักอย่าง ฮินาตะจึงมองตามไป โดยมีพวกคลาวน์มองตามไปด้วยความสงสัย

            และสิ่งที่เห็นก็ทำให้ฮินาตะรีบวิ่งไปทางอาคารนั้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหายเข้าไปในอาคาร คลาวน์กับยูยะที่ไม่รู้เรื่องเรียกฮินาตะอย่างตกใจ และพวกเขาก็มองไม่เห็นอะไรบนดาดฟ้าตามที่คนอื่นมองแล้วตกใจด้วย ทำไมล่ะ...

 

            “คลาวน์ ยูยะ ฉันว่าพวกนายตามฮินาตะไปดีกว่านะ หึหึ” เคโผล่ขึ้นมาและพูดขึ้น

            “เอ๊ะ?”

            “ถึงพวกนายไม่เห็น หึ แต่ฉันที่เป็นวิญญาณเห็นชัดเลย ว่ากำลังมีเด็กผู้ชายที่ดวงตาว่างเปล่ายืนอยู่ที่ขอบกั้นของดาดฟ้านั้นน่ะ” พอเคพูดจบ คลาวน์กับยูยะก็ตกใจก่อนจะรีบวิ่งตามฮินาตะไป แต่นั้นอาจจะสายไปแล้วก็ได้ พอรู้สึกตัวอีกทีก็เห็นเด็กคนนั้น เด็กที่ชื่อชิมะร่วงลงมาจากดาดฟ้า ก่อนจะมีเสียงกระแทกอย่างแรงและเลือดที่กระจายออกจากหัวเพราะแรงกระแทกจากความสูง 5 ชั้นของอาคาร

            คลาวน์กับยูยะตกใจหน้าซีด เพราะเมื่อกี้พวกเขาทั้งสองยังมองไม่เห็นใครบนดาดฟ้าเลยสักนิด และยังมีอีกอย่างที่ทำให้เขาตกใจ เมื่อไปที่ร่างของชิมะก็เห็นหมอกสีดำนั้นรอยออกมาพร้อมกับเสียงหัวเราะสะใจและบ้าคลั่งของดวงวิญญาณสีดำนั้น “ฮ่าฮ่าฮ่าๆๆ”

            “รีบตามฮินาตะขึ้นไปก่อน เดี๋ยววิญญาณนั้นฉันจัดการเอง” เคพูดเตือนสติ   ก่อนจะหายไปตามวิญญาณสีดำนั้น

 

 

ดาดฟ้า

          “แฮ่ก..แฮ่ก” เสียงหอบของคนทั้งสองที่วิ่งขึ้นมาเพราะความเหนื่อย ก่อนทั้งสองจะเงยหน้าขึ้นแล้วมองไปทางฮินาตะที่ยืนร้องออกมาเหมือนกำลังทรมาณ และมือทั้งสองข้างที่กุมหน้าปากอย่างบ้าคลั่ง

 

            “อ๊ากกก!!!”

            “ฮินาตะ!” คลาวน์วิ่งเข้าไปที่ตัวผมกับยูยะที่ตอนนี้ตกใจกับสิ่งที่เห็น เมื่อฮินาตะล้มลงไปสลบอยู่กับพื้นทั้งน้ำตาก่อนจะพึมพำออกมาด้วยเสียงที่แหบแห้งเพราะร้องออกมาเมื่อกี้ 

            “ฉัน..ช่วยใครไม่ได้...”


 

-------------------------------------------------------------------------------

 


เอาล่ะ! ตอนนี้ยาวหน่อยคับ พรุ่งนี้ผมอาจจะไม่ได้อัพนะคับ พอดีต้องไปทำเพื่อเพื่อนที่อาจจะจาก
กันแล้ว ก็เลยจะไปอัพวันมะรืน และจะเพิ่มความยาวของแต่ละตอนขึ้นมาด้วยคับ แน่นอนว่าคนที่
ติดตามกันในตอนนี้ต้องได้มันส์และลุ้นว่าต่อไปจะเป็นยังไงแน่ๆ คับ หึหึหึ

(ผมกัดการลดขนาดตัวหนังสือนิดหน่อย เพราะมันจะดูไม่สวยนะคับ^^)

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา