The Tale Of Lilian.
-
เขียนโดย ปรัสรา
วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 22.52 น.
6 session
0 วิจารณ์
9,390 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 8 เมษายน พ.ศ. 2556 14.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) SS.6
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ “เจ้าว่ายังไง เมื่อดูดวงกลางวันนี้ใช้ได้หรือเปล่า”
เซอนาร์ชกไหล่อีกฝ่ายเบาๆระหว่างกอดคอกันมางานเทศกาลประจำอาณาจักรช่วงหัวค่ำ โชคดีจริงที่บังเอิญตรงกันพอดี! ถ้าเขายังอยู่ที่อาณาจักรต้องไม่รู้เรื่องนี้แน่ ไหนจะขนมหวานๆกลมๆที่รสชาติอร่อยจนน้ำตาไหล ไหนจะน้ำผลไม้ที่กลิ่นหอมและนุ่มลิ้นเหมือนไวน์ แต่ไร้กลิ่นแอลกอลฮอลล์ หรือว่าจะเป็นไก่ย่างตัวตชโตหนังกรอบที่เขาซื้อมาแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นล่ะ รับรองว่าตอนกลับโรงแรมต้องแวะซื้อเพิ่มไว้กินเปนมื้อเช้าแน่...ส่วนตอนนี้ต้องกินอย่างละนิดละหน่อยสำหรับชิมของคาวหวานอื่นเพิ่มอีก!
สำหรับบุตรชายขุนนางที่นานๆทีจะออกมาเปิดหูเปิดตา มันอาจเป็นเรื่องน่าสนุกที่สุด ทว่า...สีหน้าของนักรบหนุ่มกลับเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ พวกเขาควรจะเจอเจ้าหญิงตั้งนานแล้ว อย่างน้อยจะได้พูดเรื่องโชคชะตาอะไรนั่นให้เข้าใจ ถ้าพวกนางหลอกลวงดังที่สงสัย เขาจะได้ทำผลงานและทำตามคำสั่งได้อย่างเรียบร้อย แต่ถ้านางมีหลักฐานน่าเชื่อถือหรือคำพูดแก้ตัวมากพอ เขาจะได้คุ้มครองจนถึงสถานที่ที่พวกนางต้องการจะไป ปัญหาคือมันอยู่ที่ไหนเท่านั้น...
รู้ตัวอีกที...เฮอลิออนพบว่าอีกฝ่ายยื่นห่อใส่ของกินจำนวนมากมาให้ โดยอีกครึ่งหนึ่งยังเหลืออยู่เต็มแขนเล็กทั้งสองข้าง รับรองได้ว่าเงินที่จ่ายไปต้องเทียบได้กับอาหารมื้อหนึ่ง อาจเป็นอาหารมื้อหรูกว่าปกติด้วยซ้ำ! แต่สิ่งที่รับรองได้ยิ่งกว่าคือเขาไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายจะกินหมดหรอกนะ
ชายหนุ่มลองหยั่งเชิงเบาๆ “คนที่ชอบข้าและข้าชอบ ต้องกินอาหารให้เหมาะสม ไม่ใช่ซื้อมาเยอะแยะมากไปหรอกนะ”
ร่างเล็กชะงักงันไปด้วยพลัน นี่คงไม่ได้หมายความว่าเขาตะกละหรอกนะ? ก่อนจะส่งเสียวเขียวใส่ด้วยใบหน้าแดงก่ำ ซึ่งอาจจะมาจากความโกรธหรือ...ประหม่า...ก็เป็นได้ อย่างน้อยในความคิดของคนมองมันคืออย่างหลังอย่างไม่ต้องสงสัย “ข้าไม่เคยอยากให้เจ้าชอบสักหน่อย!”
เสียงแห่งอดีตซึ่งเขากำลังพูดคุยกันดังขึ้นมาเป็นระลอก เจ้าจะรู้ได้ว่าเขารักเจ้า ถ้าเจ้าแสร้งกล่าวว่านางเหมือนนางในจินตนาการล่ะก็ นางจะอายม้วนต้วนเขินเลยล่ะ แต่สำหรับหญิงสาวที่ทำในสิ่งที่เจ้าเกลียด ให้เจ้าแสร้งบอกว่าคนที่เจ้าจะชอบต้องไม่ทำอย่างไรบ้าง บางคนที่ว่าง่ายอาจรีบยุติทันที แต่บางคนอาจปากแข็งกว่านั้น พวกนางจะดึงดันเถียงด้วยใบหน้าแดงซ่าน ถ้าเจ้าประทับจุมพิตในตอนนั้น นางจะยินดีกว่าอะไร แน่นอนว่าต้องมีบางคนที่เขินจนเผลอทำร้ายเจ้ารุนแรง แค่ดูว่านางดีใจหรือไม่ก็พอ ถ้านางแสดงความดีใจทางแววตา แปลว่านาง...หลง...รัก...เจ้า!
ให้มันได้อย่างนี้สิ! สิ่งที่นักทำนายแห่งลัทธิอัลโก้บอกมามันอาจหมายความถึงเจ้าหญิงก็ได้! เขาไม่ควรคิดเข้าข้างตนเองในรูปแบบแปลกๆเช่นนี้นะ แต่ว่า...แต่ว่าเขาอยากให้แน่ใจในการเดินทางครั้งนี้ ว่าคนที่ร่วมทางไปด้วยได้ตกหลุมรักเขาเข้าหรือเปล่า หัวหน้ากองเคยบอกไว้ หากผิดใจกับใครหรือกำลังเข้าใจแบบไหนให้รีบสอบถามเพื่อนในกองทันที เพราะการไม่แน่ใจทำให้ความสามัคคีลดน้อยลง หรืออาจเกิดปัญหาตามมาทีหลัง
แล้วเขาควรทำอย่างไรล่ะ? เดินเข้าไปถามเลยรึว่า...เจ้าชอบข้าไหม? ใครกันจะพูดออกมาตรงๆ! ยิ่งเป็นนิสัยอย่างเซอนาร์ยิ่งแล้วใหญ่ ทั้งหัวดื้อหัวรั้นแถมขี้เกียจ! ไม่สิ...อันหลังนี่ไม่เกี่ยวไปหน่อย แต่เรื่องหัวดื้อหัวรั้นน่าจะรวมอยู่ในประเภทคนปากแข็ง ฉะนั้น...ถามตรงๆต้องไม่ได้เรื่องแน่!
ถ้าเจ้าประทับจุมพิตในตอนนั้น นางจะยินดีกว่าอะไร แน่นอนว่าต้องมีบางคนที่เขินจนเผลอทำร้ายเจ้ารุนแรง แค่ดูว่านางดีใจหรือไม่ก็พอ ถ้านางแสดงความดีใจทางแววตา แปลว่านาง...หลง...รัก...เจ้า!
น่ะ...นั่นสินะ เขาล่วงเข้ามาในขอบเขตของการไม่แน่ใจในตัวคนปากแข็งแล้วนี่ แต่คราวนี้เป็นบุรุษเพศผู้ปากแข็งแทน ศาสตร์นี้ยังใช้ได้ไหมนะ? อาจจะได้ก็ได้! เจ้าตัวยืนยันมาเองว่ารู้ผลในสิบวินาทีแรก แม่นยำสูงจนเขาคาดว่าน่าจะเท่าๆกับคำทำนายลัทธิอัลโก้ นั่นสิ! ถ้าหน้าแดงแสดงแววตาเขินอายก็แปลว่านักบวชหญิงชราที่ว่านับว่าแน่จริง แต่ถ้าไม่...นั่นมันลัทธิลวงโลกโดยแท้ ดีแล้วที่เขานับถือคาลุม!
เขากระชากร่างข้างกายเข้ามาโดยไว “เอาล่ะ! เซอนาร์!”
“หืม?”
เสียง ‘หืม?’ ที่ว่าดังมาจากด้านหลังเขา ดูจากรูปการณ์แล้วคงเป็นคนที่เอื้อมมือดึงไหล่เขาไม่ผิดแน่ อ้าว? แล้วคนที่เขารวบเข้ามานี้...
“โฮ่โฮ่โฮ่! แก่ปูนนี้ข้าไม่คิดลักเพศแล้วล่ะ! โฮ่โฮ่โฮ่!” ...คือชายชราอารมณ์ดีที่สวมชุดแฟนซีเข้าร่วมกับพาเหรด ส่วนเซอนาร์ตัวจริงเดินออกไปซื้อของกินมาเพิ่มตั้งแต่สองวินาทีแรกที่เขาเหม่อแล้ว แถมยังเพิ่งกลับมายืนแทะของปิ้งอะไรสักอย่างนี่เอง นั่นทำให้เฮอลิออนปล่อยตาแก่ชุดขาวลงไปก้นจ้ำเบ้าโดยไว โชคดีจริงที่อีกฝ่ายเอาแต่กินจนไม่ได้มอง!
“อ้อ...เปล่า” เขารีบชูมือถือของกินโดยไว “แค่อยากรู้ว่าเจ้าจะให้ทำยังไง”
“เจ้าอยากกินก็เต็มที่เลย ‘ข้าไม่ตะกละหรืองกหรอก’ เพิ่งเข้าร้านเหรียญตราและกษาปณ์มาเมื่อกลางวันนี้เองนี่”
...เขาคิดไปเองหรือเปล่าว่าบางประโยคดูเน้นเหลือเกิน
ร้านเหรียญตราและกษาปณ์ทำหน้าที่โดยหลักคือรับฝากและถอนเงินโดยเฉพาะ มีมากมายทั่วทั้งดินแดนพอๆมากเท่าที่มนุษย์หรือนักเดินทางจะไปถึง โดยข้อมูลต่างๆจะมีอุปกรณ์บางชนิดคอยตรวจสอบว่าใช่เจ้าของเงินจริงหรือไม่ หรือว่าปัจจุบันเหลือเท่าไร ว่ากันว่าผู้สร้างร้านเหรียญตราและกษาปณ์คือจอมเวทที่ยากจนที่สุด ซึ่งพลิกมาร่ำรวยได้ในบั้นปลาย (ซึ่งไม่รู้จะจบตรงไหน หลายคนบอกว่าเขาเป็นอมตะ) อุปกรณ์ที่ใช้จึงเป็นเวทมนตร์ที่มีความแม่นยำทางการเงินสูงนั่นเอง
เฮอลิออนตัดสินใจหยิบอาหารย่างชนิดหนึ่งที่รู้ว่ามาจากเนื้อสัตว์ขึ้นมากินระหว่างเดินชมงาน อย่างน้อยเขารู้ว่ามันอร่อยจริงดังที่อีกฝ่ายคอยตาโตบ่อยๆ แต่สิ่งที่เหมือนกันระหว่างสหายร่วมชะตากรรมกับอาหารย่างคือ...เขาไม่รู้ว่ามันคิดอย่างไร!
“เอ้า...ชน!”
นักรบหนุ่มกระดกแก้วน้ำผลไม้ในมืออย่างกลุ้มๆ เขาจำได้ว่าตอนกลุ้มใจเรื่องปัญหาอะไรสักอย่างก็โดนเพื่อนร่วมกองลากไปดื่มเหมือนกัน เพียงแต่เขาได้รสชาติของไวน์จากน้ำผลไม้เท่านั้น ไม่ยักได้ความเมาอย่างที่คุ้นชิน สรุปว่ามันเป็นน้ำผลไม้ล้วนจริงๆงั้นหรือ...?
ส่วนบุตรชายท่านขุนนางที่ทุกคนคิดว่าต้องมีระเบียบเรียบร้อยตลอดเวลา ส่วนนักรบหนุ่มควรกักขฬะ ก็ได้นอนลงหงายหน้ากินขนมที่ซื้อมาเรียบร้อย ในขณะที่เฮอลิออนยังนั่งตัวตรงและกินอย่างมีมารยาทตลอดสามชั่วโมง
“เจ้า...ถ้าข้าคิดอะไรกับเจ้าหญิงลิเดเรียขึ้นมา?”
เฮอลิออนมั่นใจว่าตัวเองได้ยินเสียงอึกขึ้นมาจริงๆ นัยน์ตาของสหายร่วมชะตากรรมแสดงความขุ่นข้องขึ้นมากะทันหัน ก่อนจะกล่าวว่ามันไม่ใช่เรื่องฉลาดเลยในการรู้สึกแบบนั้น พวกนางไม่มีทางหันมาหลงใหลใครได้เลยตามหน้าที่ที่กำหนดมาตั้งแต่กำเนิด อนึ่ง...มันคงเป็นไปได้ถ้าพวกนางแค่ตั้งใจจะหลอกใช้ให้พวกเขาพาหนีไป หรืออย่างที่บอกว่ามันเป็นแผนการสกปรกอะไรสักอย่างหนึ่ง
ครั้งนักรบหนุ่มไม่โกรธหรือประทุษร้าย เนื่องจากเข้าใจแล้วว่าทำไมอีกฝ่ายถึงได้พยายามขัดขวางเขานัก ชายหนุ่มกระดกแก้วน้ำผลไม้รสชาติไวน์อึกใหญ่ ก่อนจะชูหราแด่พระจันทร์ระหว่างที่นั่งก๊งน้ำผลไม้กันริมระเบียง “ดื่มแด่การไม่มีรัก ตอนนี้ข้ายังไม่คิดจะรักใคร ส่วนใครที่รักข้า เกรงว่าเขาต้องตัดใจ”
“ไม่ใช่ว่านางจะรักเจ้าสักหน่อย” เซอนาร์ท้วงพลางชนแก้วกับอีกฝ่าย “ดื่มแด่การตัดใจ...จากอะไรหลายๆอย่าง”
ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่สองสหายร่วมชะตากรรมได้ผล็อยหลับๆไปคากองน้ำผลไม้นั่นเอง
ย้อนกลับไป เมื่อครั้งที่เพิ่งเริ่มงานขบวน
“เจ้าต้องเต้น ชูกลองขึ้นมาเหนือศีรษะและหมุน เอ้า!...ตีกลอง หมุนซ้าย...ตี หมุนขวา...ตี ดีมาก!”
สิ้นเสียงของครูฝึกการเต้นที่ควบคุมการซ้อมรอบสุดท้าย เมอไนเลี่ยนแทบสลัดชุดชาวเกาะที่ใส่กระโปรงใบไม้กับเสื้อที่ทำจากวัสดุคล้ายลายใบไม้ ช่อดอกไมโพกศีรษะและกลองในมือออกไปให้หมดในคราวเดียว เต้นบ้าเต้นบออะไรกันนี่ ไหนเจ้าหญิงตัวดีกล่าวว่าพวกนางจะได้เข้าร่วมการประลองเพื่อชิงของรางวัลเป็นเรือใบลำเล็กสำหรับครอบครัวไง! เต้นชาวเกาะแบบนี้ไม่เอานะ
สีหน้าของลิเดเรียดูเสียใจอยู่บ้างเหมือนกัน หากนักเต้นทุกคนไม่ต้องสวมหน้ากากใบไม้ล่ะก็ นางจะขอยกเลิกการเข้าแข่งขันครั้งนี้ ยกเรือใบให้คนอื่นแล้วนำเงินที่ควรจะประหยัดสำหรับค่าที่พักและอื่นๆ มาใช้ซื้อเรือน้อยล่องทะเลดีกว่า ถ้าไม่มีหน้ากาก...หากใครจำได้ว่านางเป็นเจ้าหญิงในประกาศจับ นอกจากจะนำความอับอายสู่แดนมนตรา ยังถูกตามล่าชิงเงินรางวัลอีก
เมอไนเลี่ยนเริ่มสงสัยเต็มทีว่า ‘แดนมนตรา’ เป็นอย่างไร อันที่จริง...นักรบหญิงเพิ่งนึกได้ว่านางควรมีเวทมนตร์สำหรับการปล้นชิงเรือใบบ้างสิ! แดนมนตรามันคืออะไรกันแน่ คงไม่ใช่แดนแห่งคนที่ใช้เวทมนตร์เฉพาะเก็บแอปเปิ้ลกับดีดพิณนางฟ้าหรอกนะ? ไม่เช่นนั้น...แพ้อาณาจักรทริสตันท์ไปก็ดี เผื่อประชาชนจะขยับตัวทำอะไรนอกจากร้องเพลงเต้นรำรื่นเริง เฮอะ!...แดนแห่งมนตรา!
“เจ้าต้องทำใจเย็นๆเข้าไว้ เมื่อได้เรือเมื่อไร เราจะล่องไปทางแม่น้ำสายต่างๆในอาณาจักรอีสเตอร์ เราปรึกษาหัวหน้านักเต้นมาแล้ว นางยืนยันมั่นเหมาะว่ามีทางที่เราสามารถออกสู่ทะเลได้ ไปยังอาณาจักรสครูเบลอร์ ที่นั่นเป็นเกาะเล็กๆแห่งหนึ่ง แต่พระราชาทรงยินดีที่จะให้ที่พักพิงแก่เราแน่ เพราะท่านเป็นท่านลุงแท้ๆของเราเอง” น้ำเสียงของผู้กล่าวช่างอบอุ่นชวนให้มั่นใจว่าทุกสิ่งจะราบรื่น แน่นอนว่าต้องไม่ใช่กับนักรบหญิง
หญิงสาวจำนวนหนึ่งหันมามองพวกเมอไนเลี่ยนซึ่งไม่ค่อยถอดหน้ากาก หรือมองใครตรงๆด้วยใบหน้าไร้การปิดบังนัก กระทั่ง...การทาสีใบหน้าเพื่อเป็นการตกแต่งให้เข้ากับชุดใบไม้จนใบหน้าเปี่ยมด้วยสีน้ำตาลกับสีเขียว หลายคนล้อเลียนคนตัวสูงว่าเป็นพวกต้นมะพร้าว ซึ่งเมอไนเลี่ยนเป็นหนึ่งในต้นมะพร้าวแคระก็ว่าได้ นางสูงประมาณร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร ในขณะที่ลิเดเรียสูงพอๆกัน แต่นางน่ารักและผูกอัธยาศัยกับคนทั่วไปได้ดีกว่าจึงรอดตัวไป
วูบหนึ่งที่เมอไนเลี่ยนนึกถึงคำของมูแอร์ เมื่อนางอยู่ในสวนดอกไม้ นางควรจะเก็บดาบเข้าฝักเพื่อชื่นชมกับสิ่งรอบกาย แต่อีกใจหนึ่งกลับเถียงโดยพลัน มนุษย์ก็เป็นเสียแบบนี้ ร่วมด้วยช่วยกันเฉพาะคนที่น่ารักน่าเอ็นดู ส่วนนางจะถูกล้อเลียนอย่างไร ใครคงไม่คิดว่าจะเสียใจหรืออับอาย!
หึ! แต่นางจะเป็นสนใจคำพูดไร้สาระของคนที่ไม่รู้จักทำไมกัน? นางยืนยันว่าตัวเองยังสามารถมีชีวิตรอดอย่างปกติสุขได้ โดยไม่ต้องทำตัวน่ารักแบบนั้น! เพราะความแข็งแกร่งนี้มิใช่หรือ? ที่ช่วยนางออกมาจากคุก พาเพื่อนร่วมชะตากรรมออกมาจากวัง แถมยังหนีมาได้จนถึงที่นี่!
มือที่เอื้อมมาแตะไหล่ของลิเดเรียทำให้นักรบหญิงตื่นขึ้นจากห้วงความคิด ฝ่ายนั้นยิ้มร่า “เรามาช่วยกันเต้นเถอะ เพราะงานนี้ต้องทำกันเป็นทีมนะ”
เมอไนเลี่ยนเต้นอย่างคล่องแคล่ว เพราะนักรบสามารถฟาดฟันศัตรูได้ตามจังหวะที่เหมาะสม การเต้นจึงคล่องแคล่วมากเป็นพิเศษ แค่มั่นใจว่าจะไม่มีอะไรผิดพลาดเท่านั้น
เห็นไหม... นางไม่จำเป็นต้องทำตัวหวานแหววแบบนั้นสักหน่อย!
เมื่อขบวนพาเหรดเริ่มต้น พวกนางขึ้นไปยังแท่นเคลื่อนขบวนซึ่งสามารถรองมองลงมาเห็นฝูงชนได้ ครั้งหนึ่งที่เมอไนเลี่ยนชี้ชวนให้เจ้าหญิงดูความบัดสีบัดเถลิงของคนที่น่าจะสวมชุดผู้ชายกับชายแก่ที่กำลังสวมชุดแฟนซี แม้ไม่แน่ใจว่าคนทั้งคู่เป็นผู้ชายจริงหรือไม่ แต่นางค่อนข้างมั่นใจว่าคงไม่ใช่ผู้หญิงแน่
“ไม่ค่อยเห็นหน้าตาเลย” ลิเดเรียพยายามชะโงกศีรษะไปดู “ช่างเถอะ วัฒนธรรมต่างกัน ที่นี่อาจเป็นเรื่องปกติก็ได้นะ เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม อย่าไปห้ามให้คนเขาว่าเลย”
“ก็นั่นน่ะสิ...”
มันถือเป็นเช้าวันใหม่ที่สดใสแต่ไม่ค่อยสดชื่นสำหรับเจ้าหญิงแห่งโชคชะตาทั้งสอง หลังเสร็จจากงานฉลองเต้นรำที่ขบวนนักเต้นไปจนสุดปลายทาง การแข่งขันได้เริ่มขึ้นและทุกคนเอาจริงเอาจัง พวกนางพบว่ามือฉมังต่างจากมือสมัครเล่นอย่างไร และพวกนั้นได้เรือใบไปครอง
อูย... ปวดเอว... รู้อย่างนี้ไม่ไปแข่งเสียก็ดีหรอก!
เมอไนเลี่ยนทำการสั่งอาหารให้ขึ้นไปเสิร์ฟบนห้องพัก แม้นี่จะไม่ใช่โรงแรมห้าดาวอะไรเพราะช่วงงานเทศกาลย่อมหาห้องว่างยาก แต่มันก็สามารถเรียกให้อาหารที่อร่อยที่สุดและแน่นอนว่าขึ้นชื่อที่สุดถูกนำมาเสิร์ฟถึงเตียงได้
ลิเดเรียยืนยันว่าตัวเองจะใช้บริการนวดคลายเส้น (แบบหนัก) ตามวัฒนธรรมท้องถิ่นชาวอีสเตอร์ ส่วนเมอไนเลี่ยนดัดตัวด้วยวิธีคลายกำเนื้อแบบนักรบ ซึ่งเคยเสนอให้ฝ่ายแรกหลายต่อหลายครั้ง แต่เจ้าหญิงไม่อาจทำให้ร่างกายโค้งสามร้อยหกสิบองศากลายเป็นวงกลมมนุษย์ได้จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นมุมกลับหรือมุมหงายก็เถอะก็เถอะ
ระหว่างที่กำลังนวดนั้นเอง เจ้าหญิงได้เริ่มเอ่ยขึ้นกับผู้ที่กำลังทำการ...หัก...ร่างกายนางด้วยแรงมหาศาล เอาล่ะ...นางเข้าใจแล้วว่าคนเรานอกเหนือจากนักรบหญิงผู้นั้นก็สามารถพับครึ่งร่างกายตัวเองได้เหมือนกัน! “เจ้าเคยเชื่อเรื่องพรหมลิขิตหรือโชคชะตาไหม?"
หญิงสาวในชุดสีเขียวอ่อนหัวเราะคิก “พรหมลิขิตหรือ? เกรงว่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะข้ากับเขา...”
“โอ๊ะ...ไม่ๆ ข้ากำลังหมายถึงพรหมลิขิตเรื่องอื่นน่ะ พรหมลิขิตที่ไม่ใช่ความรัก เรื่องชาติกำเนิดหรือเหตุผลในการเกิดมา...ทำนองนั้น” ลิเดเรียพยายามไม่ผูกใดตนเอง “เช่น...เจ้าเกิดมาด้วยฐานะสามัญชน แต่วันหนึ่งกลับกลายเป็นเจ้าหญิงในอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ มีชีวิตที่สามารถฝันถึงเจ้าชายได้ โดยไม่เป็นเรื่องเหลือบ่ากว่าแรงอะไร”
ในตอนนั้นเองที่ผู้กล่าววาจาเรื่องความใฝ่ฝันเริ่มสัมผัสถึงฝ่ามือที่ยึดไหล่สองข้างไว้ พร้อมเสียงอันเปี่ยมด้วยความเจ้าเล่ห์ นางอาจเป็นสามัญชนที่มีคนรักเป็นคนธรรมดา เป็นเพียงช่างขนมปังทั่วไปในอาณาจักรแห่งนี้ แต่ถ้าจับ ‘เจ้าหญิงซุกซน’ บางองค์ส่งคืนสู่ทริสตันท์ได้ เกรงว่าช่างขนมปังก็เป็นเศรษฐีได้เหมือนกัน รวมทั้งนางก็ไม่ต้องมาคอยทำงานให้เหนื่อยอีกต่อไป!
ลิเดเรียพยายามเงยหน้าขึ้นอย่างมากที่สุด จนพบว่าประกาศจับนางอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนี่เอง หากเพียงนางสนใจภาพท่ามกลางผนังที่วาดลายซับซ้อนลานตานี่สักหน่อยล่ะก็...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ