The Tale Of Lilian.
เขียนโดย ปรัสรา
วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 22.52 น.
แก้ไขเมื่อ 8 เมษายน พ.ศ. 2556 14.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) SS.1
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความด้วยฐานะของบุตรชายท่านเสานาบดีชั้นสูงแห่งราชอาณาจักร เขาสามารถเข้าเฝ้าเจ้าหญิงลิเดเรียได้อย่างง่ายดาย พร้อมหนีบเอาอัศวินคู่กัดมาด้วยอีกหนึ่ง
เสียงเพลงที่บรรเลงด้วยเครื่องสายซึ่งเจ้าหญิงนำมาจากแดนมนตราดังกังวาน แม้ยามหน้าห้องจะยืนหลับในกันไปหมดเพราะเสียงเพลงที่ว่าและประตูห้องไร้การล็อกพิเศษใดๆก็ตาม ดูเหมือนลิเดเรียยังคงนั่งบรรเลงดนตรีอยู่ในห้องอย่างสงบ ราวกับไม่เดือดเนื้อร้อนใจในฐานันดรที่กำลังเลื่อนขึ้นสู่การเป็นพระสนมในองค์ราชาเลยแม้แต่น้อย ถึงฝ่าบาทจะมีใบหน้าอันหล่อเหลาและพระชนมายุไม่มากนัก แต่สาวน้อยแสนสวยคนใดเล่า จึงต้องการเข้าพิธีเพื่อแต่งงานกับชายที่ตนไม่นึกรัก? ทั้งยังไม่ใช่ตำแหน่งราชินีด้วย
เสียงบรรเลงจากเครื่องสายแดนมนตรานั้นก้องลึกเข้าไปในใจของเฮอลิออน ราวกับนัยน์ตาแห่งอารมณ์ของนางลอยล่องอยู่เบื้องหน้า...นางกำลังรอ แต่นางกำลังใครกัน?
“เหม่ออะไรอยู่ เจ้าบื้อ?” เซอนาร์ดีดนิ้วตรงหน้าเรียกสติระหว่างส่งเสียงเคาะประตูอย่างมีมารยาท ซึ่งเสียงเคาะประตูนั้นส่งผลให้พวกทหารยามตื่นขึ้นพร้อมกับเสียงดนตรีที่หยุดลง ฝ่ายแรกรีบยืดกายตรงพลางทำหน้าขยันขันแข็งที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากโดนข้อหาบกพร่องต่อหน้าที่ขึ้นมาคงโทษหนักไม่ใช่เล่นเลยล่ะ
ประตูสีเทาอมฟ้าเปิดออกช้าๆ เผยร่างของอิสสตรีผู้มีเส้นผมสีทองจางและนัยน์ตาสีฟ้าอ่อน รอยยิ้มของนางแลดูเป็นมิตร ดูเผินๆแล้วไม่เจาะจงใครเป็นพิเศษ แต่เสือผู้หญิงตาไวอย่างเซอนาร์แอบเห็นนางสบตากับนักรบหนุ่มแวบหนึ่ง อย่านะ...สหายเอ๋ย ราชาของเราได้มีคำสั่งรุนแรงแน่ ถ้าเจ้ากล้าเอื้อมมือไปแตะว่าที่พระสนมแม้แค่ปลายเล็บมือนาง!
ลิเดเรียมองซ้ายขวาเพื่อให้มั่นใจว่าใครอื่นจะไม่เข้ามารบกวน นางลงกลอนประตูแน่นหนา ตรวจสอบหน้าต่างและทุกช่องทางที่เชื่อมต่อกับโลกภายนอก สีหน้าเร่งร้อนเช่นนี้ เมื่ออยู่บนใบหน้าอ่อนโยนยังนับว่าน่าเอ็นดูเลย บุตรชายขุนนางแอบส่งสายตาละห้อยไปเงียบๆ ผิดกับเฮอลิออน พวกเขาแค่จะมาทักทายพบปะเท่านั้น ไม่สิ...ต้องเรียกว่าเพื่อนเขาจะมาพบปะทักทายคนเดียวต่างหาก ส่วนตนนั้นโดนดึงเข้ามาเอี่ยวอย่างไม่มีเหตุผล
เจ้าหญิงแดนมนตรานั่งลงยังชุดรับแขกที่สร้างจากแก้วขุ่นและคริสตัลใสอย่างลงตัว ท่าทางผายมือของนางทำให้พวกเขานึกได้ว่าตัวเองควรนั่งเช่นกัน “ขออภัยกับความวุ่นวาย พวกท่านคงไม่ชินกับสิ่งเหล่านี้นัก เพียงแต่เราจำเป็นต้องแน่ใจว่าไม่มีใครเข้ามาที่นี่ โดยเฉพาะพระราชา”
เซอนาร์จิบชาเพียงเล็กน้อยระหว่างเอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้ “หรือบางทีอาจเป็นองค์ราชินี พระนางคงปฏิบัติไม่ดีกับท่านเท่าไหร่ หากมีใครพบว่าบุรุษเข้ามาในห้องท่านสองต่อสองจึงเป็นเรื่องร้ายแรง”
ลิเดเรียตาโต “อะไรนะคะ? โอ๊ะ...ไม่ใช่เช่นนั้นเลย พระนางไม่เคยเสด็จมาที่นี่หรอก” นางแก้พลางหันหน้ามาทางเฮอลิออส “ข้าเชื่อมั่นว่าเป็นพรหมลิขิตที่ทำให้เรามาพบกันเป็นแน่”
นักรบหนุ่มคล้ายส่งเสียงออกมาอึกหนึ่งราวกับคาดไม่ถึง ก่อนจะชี้ไปทางสหายข้างกาย “ได้โปรดเถิด ให้เขาเป็นพรหมลิขิตของข้าคนเดียวก็พอแล้ว อย่าให้ความวุ่นวายนำมาสู่ข้าอีกเลย”
เจ้าหญิงส่งเสียงโอ๊ะออกมาเบาๆเมื่อจ้องมองบุตรชายขุนนางด้วยสีหน้าคิดไปไกล ก่อนจะส่งเสียงโอ๊ะครั้งที่สองออกมาคล้ายยินดี ก่อนจะจบลงด้วยโอ๊ะที่สามเมื่อเห็นว่าคู่สนทนากำลังเข้าใจผิด คิดว่านางกำลังทอดสะพานให้อย่างตรงไปตรงมา แม้ผู้ที่เข้าใจผิดไม่ใช่เขาคนเดียวก็ตาม นางรีบปลดตะขอสร้อยจี้ที่สร้างขึ้นจากวัสดุใสคล้ายคริสตัล รูปร่างของมันคล้ายปริซึ่มแหลมที่แทงออกมาหลายต่อหลายแฉกจนดูเหมือนสะเปะสะปะไปหมด
สิ่งนั้นถูกอธิบายว่าเป็นของสำคัญในเพียงไรสำหรับโลกใบนี้ นางเรียกขานมันว่าเปลิกุรั่มหรือสร้อยคอแห่งความลับ เมื่อเจ้าหญิงแห่งสองดินแดนมาพานพบ นางจะสังหารกันและกันในท้ายที่สุด มีเพียงผู้เดียวที่จะได้ดำรงอยู่ต่อไปในโลกใบนี้ได้มีพลังกำเนิดขึ้นอีกครั้ง จากคำทำนายของผู้วิเศษแดนมนตรา พวกเขากล่าวว่าจุดเริ่มต้นแห่งการเยียวยาจะเริ่มต้น ณ อาณาจักรแห่งนี้ ทั้งที่พวกเขากำลังอยู่ในช่วงศึกสงคราม ราชันย์แดนมนตราจึงตัดสินใจสละอำนาจลง เพื่อส่งนางมาที่นี่ในฐานะบรรณาการและตำแหน่งพระสนมที่ได้รับการคุ้มครองอย่างสูง
นางจะต้องออกเดินทางไปจวบจนเวลาแห่งการเยียวยาสมบูรณ์ได้ตื่นขึ้น พร้อมกับเจ้าหญิงแห่งชะตากรรมอีกผู้หนึ่ง เจ้าหญิงแต่ละองค์จะมีอัศวินผู้พิทักษ์ที่จะช่วยให้ชีวิตของพวกนางดำรงอยู่ได้จนถึงตอนนั้น แน่นอนว่าจุดเด่นของเจ้าหญิงคือความแข็งแกร่งด้านฝีมือและการฟื้นฟูกายา ลิเดเรียมีร่างกายที่แข็งแกร่งต่อพิษและบาดแผลมาตั้งแต่เด็ก ผู้ที่อยู่อีกด้านของโชคชะตาคงจะมีฝีมือการต่อสู้ไม่น้อยเลยทีเดียว
เจ้าหญิงแดนมนตราเอื้อนเอ่ยขอให้นักรบหนุ่มลองยื่นแขนซ้ายออกมา ก่อนจะใช้เล็บวาดเป็นอักขระบางอย่างในท้ายที่สุด ดอกกุหลาบสีทองที่มีประกายระยิบระยับปรากฏขึ้น ณ ที่นั้น รูปร่างของมันเหมือนดอกตูมที่แขนขวาของบุตรชายขุนนางไม่มีผิด ติดตรงที่ฝ่ายนั้นเป็นสีน้ำเงินเข้มและแขนขวา
เซอนาร์สะดุ้งขึ้นมาเบาๆพลางมองสีหน้าตกตะลึงของสหายข้างกาย เขาแอบดึงแขนเสื้อด้านขวาลงอย่างแนบเนียน แต่ยังไม่พ้นสายตาว่องไวของเจ้าหญิงอยู่ดี นางคลี่ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร “เจ้าหญิงแต่ละองค์จะทราบเสมอว่าใครเป็นอัศวิน เมื่อท่านได้รับเลือกโดยสมบูรณ์เรียบร้อย แปลว่านางคงหาท่านพบแล้วสินะ?”
“ใช่! หาเขาเจอพอๆกับหาเจ้าเจอนั่นแหละ!” เสียงตะโกนจากหน้าต่างดังขึ้น ก่อนที่เท้าสวมเกราะของใครคนหนึ่งจะเตะมันเข้ามาโดยแรง “หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง หากไม่ใช่ข้าแต่เป็นคนอื่น ภารกิจลับของเราคงโดนโพนทะนาไปไกลเสียสามร้อยโยชน์แล้วมั้ง! ข้าล่ะอยากให้เวลากำเนิดมาถึงเดี๋ยวนี้เลยจริงๆ”
“เราต่างรู้ดีว่ามันช้าเท่าไหร่ยิ่งดี” ลิเดเรียลุกขึ้นพลางจับมือทั้งสองข้างเพื่อนร่วมชะตากรรม “ยินดีที่ได้พบ ข้ามีนามว่าลิเดเรียและเป็นผู้ครอบครองสร้อยคอแห่งความลับ”
“ข้าคือเมอไนเลี่ยนและข้ามีดาบ” นางยักไหล่กวนโทสะ พลางหันดาบไปทางอัศวินของตน “ถ้ารอความช่วยเหลือจากเจ้า โลกนี้คงเน่าไประหว่างที่ข้าถูกขัง!”
ก่อนที่ใครจะทันคาดคิด พวกเขาถูกยื่นข้อเสนอให้กลับไปสร้างแผนพา ‘ว่าที่พระสนมหนี’ ต้องเป็นคืนก่อนพิธีแต่งตั้งตำแหน่งเท่านั้น เพราะเจ้าหญิงทั้งสองต้องครองพรหมจรรย์เท่านั้น อาจฟังดูพิลึกกึกกือไปหน่อยสำหรับเซอนาร์ เพราะเขาเป็นเสือผู้หญิงตัวยงที่เคยมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับสาวน้อยมากหน้าหลายตา โดยไม่คาดฝันว่าวันหนึ่งชะตากรรมของโลกจะแขวนอยู่กับความบริสุทธิ์ของหญิงสาวสองคน!
“ขอบคุณสวรรค์ที่พวกนางอายุมากกว่าข้า...โดยเฉพาะเมอไนเลี่ยนที่ไม่มีตำแหน่งพระสนมพ่วงท้าย เดาได้เลยว่ายี่สิบสองทั้งคู่ ข้าแค่สิบเก้าเอง ส่วนเจ้ายี่สิบห้าก็จริง แต่ไม่นิยมปลูกต้นรักนานาประเภทนี่?”
เฮอลิออนรู้สึกไม่ชอบใจในประโยคเหล่านั้น เมอไนเลี่ยนอาจไม่มีตำแหน่งใดคุ้มครองเหมือนเจ้าหญิงแดนมนตรา แต่ใช่ว่านางต้องตกเป็นเบี้ยล่างของผู้ชายอย่างเขาเสียหน่อย นักรบหนุ่มรู้ดีและรู้มาตลอดว่าเพื่อนตนนั้นเคยใช้ชีวิตแบบมีข้าทาสกับผู้หญิงรายล้อมหน้าหลัง หากเป็นฝ่ายโดนครอบครองบ้างคงเข้าใจ รับรู้ว่ามันเจ็บปวดเพียงใดเมื่อตนเป็นฝ่ายตกเป็นรอง
เซอนาร์ไม่ทันสัมผัสถึงความขุ่นเคืองของผู้เป็นสหาย จึงพร่ำรำพันต่อไปว่าพวกนางแต่งนิทานไร้สาระขึ้นมาด้วยเรื่องบางอย่างแน่นอน อย่างเขาที่โดนประทับตราอะไรไม่รู้ อาจมาจากการที่นางหวังว่าจะได้เป็นภรรยาของทายาทตระกูลสูงศักดิ์แห่งราชอาณาจักร ส่วนเจ้าหญิงลิเดเรีย นางอาจต้องใจในตัวนักรบหนุ่มเข้าก็ได้ พวกสาวชั้นสูงที่หลงใหลในอัศวินขี่ม้าขาวที่พาหนีไปกับสายหมอกมีมากมาย นางอาจเป็นหนึ่งในนั้น!
“หุบปากเสียที! ถ้าเจ้าไม่คิดว่าพวกนางเป็นเจ้าหญิงแห่งโชคชะตาที่ต้องพิทักษ์ ข้าจะทำหน้าที่นั้นเองโดยสมบูรณ์ แล้วหากเจ้ากล่าววาจาหมิ่นอะไรอีก ข้าจะนำความไปกราบทูลพระราชาให้ทรงทราบ” เฮอลิออนกดเสียงต่ำ “รู้ใช่ไหมว่าข้าที่ปฏิบัติหน้าที่เคร่งครัดและได้รับพระราชทานการปูนบำเหน็จอยู่บ่อยครั้ง กับผู้ที่ขึ้นชื่อลือชาในเรื่องสกปรกมากมาย พระองค์จะฟังความด้านใครมากกว่ากัน”
สีหน้าของเซอนาร์อึ้งไปชั่วครู่ นัยน์ตาที่สลดลงชั่วคราวเมินไปทางอื่น เขายกไปป์ขึ้นสูบด้วยสีหน้าอึมครึม “คนไหนกันล่ะ”
คนไหนอะไรกัน...?
เขาตวัดปลายจมูกขึ้นสูงพลางส่งเสียงว่าร้าย “อย่าว่าแต่ข้าเลย...เจ้าเองก็เหมือนกันใช่ไหมล่ะ ข้าล่ะสงสัยจริงๆ ระหว่างนักรบสาวสุดเซ็กซี่กับเจ้าหญิงอ่อนหวาน แบบไหนน่ะที่เจ้าชอบ...”
เสียงกระชากคอเสื้อของบุตรชายขุนนางดังขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่หมัดถูกชะงักค้างไว้ในท่าเงื้อง่า แววตาของเซอนาร์ไร้สิ้นความเกรงกลัวใดๆและไม่แสดงอะไรออกมาทั้งนั้น นักรบหนุ่มไม่ได้คิดเรื่องสกปรกแบบนั้นสักนิด ตรงกันข้าม...การให้เกียรติสตรีก่อนอื่นใดคือสิ่งที่สุภาพบุรุษพึงกระทำ หากแต่การที่กำปั้นถูกเงื้อง่าค้างคาอยู่เช่นนี้เป็นเพราะอะไรบางอย่างในนัยน์ตานั้นมันแสดงออกมา เสมือนเป็นหมอกควันแห่งห้วงอารมณ์ แต่สุดท้าย...สหายที่เขาทั้งเป็นมิตรทั้งเกลียดชังก็ถูกต่อยอยู่ดี
เฮอลิออสถอยไปในท่าตั้งหลักเพราะเข้าใจว่าคนโดนชกต้องหันมาสู้ แต่ฝ่ายนั้นกลับยิ้วยั่วยุเพียงอย่างเดียว ความเป็นรองทั้งด้านฝีมือและพละกำลังสอนให้เขาเข้าใจว่าอย่าหาเรื่องทางต่อยเตะดีกว่า อนึ่ง...เขายังไม่มีอารมณ์เจ็บตัวตอนนี้
ท้ายที่สุด...นักรบหนุ่มเป็นฝ่ายถอยออกไปเอง
มีเสียงเล่าลือกันว่าทาสหญิงเผ่านักรบทำการแหกคุกกับพรรคพวกกลุ่มหนึ่ง พรรคพวกกลุ่มนั้นหนีหายเข้าไปในป่าบ้าง เร้นกายอยู่เมืองและเริ่มปรับสภาพเพื่อให้เข้ากับชาวเมือง บ้างก็ทำพอาชีพสุจริต บ้างก็ยอมรับว่าตนเองฝักใฝ่ในเส้นทางสายมืด ยอมกลายเป็นพวกนักฆ่าในตลาดใต้ดินหรือบาร์ชั้นต่ำ แหล่งซ่องสุมของคนที่ไม่อยู่ในแสงสว่างด้านอาชีพและความคิดนัก
แต่ปัญหาหลักของพระสนมกำลังก่อเกิด...เมื่อนางเป็นคนออกปากช่วยเมอไนเลี่ยนที่เกือบจะโดนทหารลากกลับสู่ที่คุมขังเหมือนเดิม พระสนมที่ได้จากการชนะสงครามกับทาสหญิงที่ถูกนำตัวมาแบบเดียวกัน บ้างก็ว่าพวกแดนมนตรากับเผ่านักรบอาจจะลอบจับมือกันเพื่อพลิกชัยชนะสู่ความแพ้พ่าย ยังดีที่บางคนยืนยันว่าเผ่าพวกนั้นบาดเจ็บเกินกว่าจะทำสงครามอีกครั้ง โดยเฉพาะเผานักรบที่ยืนหยัดสู้จนหยดสุดท้าย
ลิเดเรียคล้ายจะหน้าเสียไปวูบหนึ่ง หลังจากใช้พลังส่องดูความเคลื่อนไหวของกลุ่มอัศวินแห่งพรหมลิขิต แต่ครู่หนึ่งก็กลับมาสู่ปกติ เสียงหัวเราะหึๆของเพื่อนหญิงร่วมชะตากรรมดังขึ้นมาจากบนเตียงนุ่ม เสื้อผ้าของทาสหญิงสะอาดสะอ้านขึ้นโดยคำสั่งของว่าที่พระสนม ผู้ถูกจับต้องมองมากขึ้นเป็นพิเศษ
“เจ้าว่านักรบคนนั้นชอบเจ้าหรือข้ามากกว่ากันล่ะ?” เมอไนเลี่ยนลงมานั่งบิดตัวคล้ายโยคะบนเบาะนุ่มด้านล่าง ซึ่งเป็นคำถามที่ทำให้เจ้าหญิงหน้าเสียขึ้นมาอีกรอบ “ผู้ชายคิดได้แค่นั้นเอง พวกเขาไม่มีสมองอะไรมากไปกว่าเรื่องอย่างว่าหรอก เจ้าเป็นเจ้าหญิง คงยังไม่ชินเท่าไหร่ แต่การเดินทางเพื่อต้อนรับวันเวลาแห่งโชคชะตาคงใกล้มาเยือนแล้ว ทำใจเสียเถอะ พวกผู้ชายที่มีสมองเท่าเมล็ดถั่วคงเต็มไปหมด ข้าว่าที่มนุษย์เต็มโลกไปทั่วก็คงเพราะเหตุนี้ อ้อ...พวกนักรบจะปากว่ามือถึงหน่อย ส่วนพวกชนชั้นสูงสวมหน้ากากจะพูดดีกว่าเล็กน้อย แต่ปากว่ามือถึงเท่ากัน”
ผู้ถูกแนะนำค่อนข้างมั่นใจว่านี่ต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน นางเตรียมใจที่จะโดนไม่เชื่อตั้งแต่ต้น อันที่จริงนางพอจะมองแววตาไร้ความเชื่อถือของเซอนาร์ออก เพียงแต่ไม่คิดว่าเขาจะจิตอกุศลถึงป่านนี้ แต่บางทีมันคงไม่ดีแน่ หากว่าเพื่อนหญิงร่วมชะตากรรมกำลังรู้สึกไม่ดีกับอัศวินตัวเอง
ปัญหาคือเรื่องความเข้าใจผิดทำนองนี้สามารถแก้ไขกันได้ นางมั่นใจว่าการเดินทางอันยาวไกลต้องช่วยได้บ้าง ถึงบางคนที่เกลียดกันเป็นสิบปีจะยังคงเกลียดกันตั้งแต่ต้นจนจบการผจญภัย แต่ประเด็นหลักคือมันเล็กน้อยมาก หากเทียบกับเรื่องทางหนีทีไล่ในปราสาท ฝีมือของเมอไนเลี่ยนอาจจะดีพอสำหรับการแหกคุกทาส ทว่า...การพาพระสนมหนีออกจากปราสาท ไม่เพียงแต่ยากเย็นแสนเข็ญ ยังเสี่ยงต่ออันตรายที่จะเกิดขึ้นและพ่วงไปยังความปลอดภัยในชีวิตของเจ้าหญิงแห่งพรหมลิขิตด้วย ไม่ใช่ว่าใครจะมาทดแทนได้สักหน่อย แล้วยังอัศวินทั้งสองอีก ถ้าหนีตอนนี้จะพบกันอีกอย่างไร?
นักรบหญิงถูกกวนสมาธิดัดร่างกายด้วยสาเหตุนี้ นางขมวดคิ้วอย่างโมโหปนไม่สบอารมณ์สุดขีด ทำไมพวกนางยังต้องพึ่งนักรบที่มีแต่สมองสกปรกด้วย? หลายครั้งที่เมอไนเลี่ยนอดคิดไม่ได้ว่าพวกนั้นน่าจะไปชอบกันเอง แค่เปลี่ยนเพศหญิงเป็นชายมันจะมีปัญหาอะไรนักหนา!
“แปลว่าเจ้าอยากให้อัศวินของพวกเรารักกันเหรอ” ลิเดเรียส่งเสียงโอ๊ะออกมาเบาๆ ก่อนใบหน้าจะแดงระเรื่อขึ้นกะทันหัน “เรา...เราไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องเลวร้าย แต่เราเองยังอยากให้ฐานะของพวกเราบริสุทธิ์จนกว่าถึงเวลาแห่งชะตากรรม มันเกี่ยวพันกับความคงอยู่ของโลก”
สาวสวยผมดำยาวอยากจะเถียงว่านางแค่ประชด แต่อีกใจหนึ่งก็... “ใช่! เหตุผลนั่นถูกต้องเลย จะเกิดอะไรขึ้นก็ได้ถ้าพวกเราอยู่กันตามลำพัง แต่ถ้าอัศวินพวกนั้นหันไปชอบกันเอง” นางยักไหล่ “ไม่รู้สิ ความบริสุทธิ์ของเขาไม่เกี่ยวพันกับชะตาโลกนี่”
เสียงประกาศการมาเยือนของพระราชาทำให้เมอไนเลี่ยนรีบดีดร่างกายกลับสู่สภาพปกติ แล้วหลบไปซ่อนเสียตั้งแต่เนิ่นๆ นางเกลียดพวกชั้นสูง โดยเฉพาะพวกที่ตีเมืองใครมาได้ก็ชิงผู้หญิงสวยๆเมืองนั้นไป นางอยากรู้นักล่ะ ถ้าลิเดเรียกลายเป็นสาวหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ ราชาผู้อ้างว่า ‘ยกตำแหน่งเพื่อความเป็นปึกแผ่นด้านอำนาจ’ คนนี้ ยังจะอยากได้อำนาจเป็นปึกแผ่นที่ว่าอยู่หรือเปล่า...?
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจ้าหญิงแดนมนตราได้พบกับว่าที่สวามี ซึ่งนางเตรียมตัวเตรียมใจเต็มที่ในการหนีก่อนคืนพิธี แม้จะกล่าวว่าภารกิจเป็นความลับเพื่อไม่ให้ ‘อะไรบางอย่าง’ มุ่งหน้ามาขัดขวาง แต่กับพระราชาองค์นี้ พระองค์รู้เรื่องทุกอย่างดีแต่มีแววตาเหมือนกับเซอนาร์เปี๊ยบ โอ้...ไม่ใช่แววตาแบบที่สหายร่วมชะตากรรมบ่นอุบมาตลอดหรอก แต่เป็นแววตาไม่เชื่อถือไม่สนใจต่างหาก
เจ้าหญิงย่อกายเคารพพระองค์ตามธรรมเนียมปฏิบัติ หากแต่คำพูดกลับหนักแน่นไม่ย่อท้อ “เรายังยืนยันให้ท่านคิดทบทวนเรื่องพิธี เรายินดีรับฐานะพระสนมของพระองค์ แต่ในคืนเข้าหอ เราต้องการให้พระองค์อย่าแตะต้องเราได้หรือไม่?”
พระราชาทรงยิ้มรับแต่ตรัสเปลี่ยนเรื่องอย่างง่ายดาย ใจหนึ่งก็นึกนับถือหญิงสาวผู้นี้ว่าตั้งใจดีจริงแท้ กระทั่งพระองค์ยังหน่ายจะอธิบายว่ามันเป็นมากกว่านั้น หากนางมีบุตร...ไม่ว่าจะเป็นโอรสหรือสตรี โอกาสและความมั่นคงจะเพิ่มมากขึ้น
“ข้ายินดีให้สรรพสิ่งที่เจ้าต้องการ ว่าที่พระสนมข้า” องค์ราชาจากไปพร้อมทิ้งท้ายด้วยตจุมพิตที่หัตถ์ซ้ายของนาง โดยไม่รู้เลยว่าทหารยามจอมอู้สองคนนั้นจะหลับไปอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ใช่เสียงเพลงเสียงเครื่องสายใดอีกแล้ว เมอไนเลี่ยนมีวิธีง่ายกว่าในการใช้หลังมือกับต้นคอให้เป็นประโยชน์
“ถึงเวลาหนีแล้ว เจ้าหญิง เวลฃานี้ไม่มีเกี้ยวกับรถม้าหรูหราหรืออัศวินหรอก!” นางคำราม “เราไม่ได้อยู่บนหอคอยด้วย ผมข้าอาจจะไม่ยาวขนาดนั้น แต่รับรองว่าดาบคมพอจะพอเราหนีแน่”
ลิเดเรียพะว้าพะวง ไม่ใช่เรื่องความผิดอีกร้อยแปดประการที่จะตามมาทั้งนางและตัวนักรบสาว หรือว่าความเดือดร้อนของแดนมนตราที่เจ้าหญิงตัวประกันกึ่งบรรณาการได้หนีออกไปหรอก แต่นางจะทิ้งอัศวินพวกนั้นไปไม่ได้ พวกเขาเกิดมาเพื่อร่วมชะตากรรม สัญลักษณ์ที่แขนไม่ใช่สิ่งที่สร้างขึ้น พวกนาง ‘ปลุก’ มันต่างหาก หากหลีกหนีไปตอนนี้จะเจอกันอีกได้อย่างไร ใครจะคุ้มครองให้เจ้าหญิงทั้งสองได้อยู่รอดปลอดภัยจนถึงเวลาแห่งการเยียวยา!
“ปล่อยพวกนั้นไปเถอะ เราสองคนไม่มีผมยาวขนาดนั้นนะ ถึงมีหอคอยจริง เราก็ต้องหาทางลงมาเอง หมดยุคเทพนิยายแล้ว!” นักรบหญิงแทบคลั่ง “เจ้าจะอยู่ที่นี่เพื่อรอให้ราชาตัณหากลับคนนั้นมาพรากพลังเยียวยาโลกไป หรือว่าเสี่ยงกับการพลัดหลงกับอัศวินตัณหากลับที่ไม่รู้จะช่วยเราได้จริงไหมกันล่ะ?”
สาวสวยผมทองยาวอยากจะเถียงว่านางแค่ทำตามสิ่งที่ควรจะเป็น แต่อีกใจหนึ่งก็... “ใช่ เหตุผลนั่นถูกต้องเลย”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ