คิดถึง...
9.2
เขียนโดย TTkeanniyayf
วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 20.48 น.
9 session
24 วิจารณ์
15.91K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 4 เมษายน พ.ศ. 2556 20.04 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) ความบังเอิญ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้วมาวินทำหน้าที่ตามที่เขาสัญญาไว้กับเธอเมื่อคืนโดยการขับรถคันหรูของเขาพานับดาวมายังส่งยังตึกเรียนวิชาในเช้านี้ของเธอที่หมาวิทยาลัย เมื่อเธอก้าวลงจากรถสายตานับสิบคู่ของเพื่อนๆ พี่ๆ และรุ่นน้องมองมายังเธอเป็นตาเดียว นับดาวทั้งอายจนแทบอยากจะมุดลงดินหนีทั้งรำคาญสายตาของคนขี้อิจฉาริษยาทั้งหลายพวกนั้น แต่ที่ทำให้เธอยิ้มแก้มปริไม่สนสายตาใครเมื่อพี่ชายคนสนิทของเธอบอกว่าจะมารับพาเธอกลับบ้าน หัวใจดวงน้อยๆ พองโตเต้นแรงตึกตัก ใบหน้ามีสีแดงระเรื่อ เธอพยักหน้าตอบเขาน้อยๆ เป็นการตอบตกลงรับปากกับเขา
มือนุ่มของเธอยกขึ้นมาโบกไปมาเล็กน้อยพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้เขาและยืนมองจนรถของเขาไปไกลจนลับตา หญิงสาวหุบยิ้มลงทันทีและทำหน้านิ่งเหมือนปกติ จากนั้นสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะหมุนตัวหันหน้าเข้าหาตึกเรียนอย่างรวดเร็วและก้าวเดินเข้าไปในตัวอาคาร ขณะเดินเธอก้มหน้ามองพื้นไปตลอดทางเพื่อจะได้ไม่ต้องสบตาใครให้รำคาญใจ นับดาวเดินมาตามทางเรื่อยๆ เหลือเพียงอีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงห้องเรียนแต่ทว่ามีกลุ่มคนประมาณห้าคนเป็นผู้หญิงทั้งหมดยืนล้อมปิดทางเดินเธอไว้อยู่ทุกด้าน เธอพยายามจะเดินเลี่ยงไปอีกทางแต่ก็ไม่สามารถฝ่าวงล้อมนี้ไปได้จึงต้องเอ่ยให้พวกเธอหลีกทางไป
“หลีกทางหน่อยฉันจะเข้าเรียน” เธอพูดน้ำเสียงปกติแต่ทว่าสายตาของคนกลุ่มนั้นมองเธอเหมือนจะหาเรื่อง
“ทำไมต้องหลีก” หญิงสาวคนหนึ่งรุ่นเดียวกันกับเธอและยังอยู่ห้องเดียวกับเธออีกพูดขึ้นแล้วเข้ามาผลักไหล่เธอ
“พวกเธอทำอะไรกันน่ะ” หนุ่มหล่อตัวสูงผมดกดำปัดข้างขวัญใจของสาวหลายๆ คนในมหาวิทยาลัยเดินฝ่าวงล้อมเข้ามายืนอยู่ข้างนับดาวเพื่อนสาวคนสนิท
“ปีเตอร์” สาวๆ ทั้งห้าคนเรียกชื่อผู้มาใหม่พร้อมกันและไปรวมตัวกันอยู่ทางใดทางหนึ่ง
“ดาวมีอะไรกันรึเปล่า” เขาถามเพื่อนสาวด้วยความเป็นห่วงเพราะเขารู้จักนิสัยของพวกเธอทั้งห้าคนเป็นอย่างดี
“เปล่าจ้ะ เข้าห้องกันดีกว่านะ” เธอตอบและยิ้มให้เพื่อนหนุ่มด้วยความจริงใจ ซึ่งเขาเองก็พยักหน้ารับและยิ้มตอบเธอด้วยความจริงใจเช่นกัน
เมื่อทั้งสองคนเดินผ่านไปแล้วทั้งห้าสาวจิกสายตาใส่นับดาวและแอบด่าเธอในใจตามหลัง ด้วยความอิจฉาริษยาที่นับดาวมีพร้อมทุกอย่างแถมยังเรียนเก่งและที่สำคัญได้ใจผู้ชายที่เพียบพร้อมและนิสัยดีอย่างปีเตอร์ไปเต็มๆ ผิดกับพวกเธอที่ไม่ว่าจะทำอย่างไรหนุ่มปีเตอร์ก็ไม่เคยสนใจหรือหันมามองแม้แต่หางตา
บรรยากาศในห้องเรียนของนักศึกษาสาขาวิชาการประชาสัมพันธ์ปีสุดท้ายของการศึกษาวันนี้เต็มไปด้วยความวุ่นวายและเสียงพูดคุยเสียงซุบซิบนินทาเพิ่มมากขึ้นกว่าทุกวัน ไม่ใช่แค่เรื่องของนับดาวกับปีเตอร์และเพื่อนชายคนอื่นๆ เหมือนเช่นเคย แต่วันนี้พิเศษตรงที่มีวิทยากรหนุ่มรูปหล่อมาให้ความรู้และแนะนำเกี่ยวกับเรื่องการศึกษาของทุกคนว่าจะทำอย่างไรให้ประสบความสำเร็จในอนาคตเขาจึงเป็นที่สนใจของนักศึกษาสาวหลายๆ คน
อาจารย์ประจำภาคสาขาแนะนำชื่อและประวัติของวิทยากรหนุ่มคร่าวๆ แล้วหลังจากนั้นมานั่งร่วมกับนักศึกษาฟังสิ่งที่วิทยากรพูดอย่างตั้งใจ โดยเฉพาะนับดาวที่จดเอาแต่ใจความสำคัญจากวิทยากรหนุ่มลงสมุดโน๊ตเล่มเล็กของเธอแต่มีบ้างบางเวลาที่เธอเผลอมองเขาเหมือนตกอยู่ในภวังค์จนปีเตอร์เพื่อนหนุ่มที่นั่งข้างๆ ต้องคอยสะกิด เพื่อนสาวคนอื่นๆ ก็ไม่ต่างบ้างก็นั่งเพ้อกับเพื่อนไปต่างๆ นาๆ บางคนจ้องวิทยากรหนุ่มแบบเอาเป็นเอาตายหมายจะต้องครอบครองเขาให้ได้
ตลอดทั้งวันบนเวทีของวิยากรหนุ่มรูปหล่อเขาได้ทิ้งข้อคิดดีๆ ให้กับนักศึกษาทุกคนก่อนจะกล่าวขอบคุณและบอกลาไปพร้อมกับรอยยิ้ม ถึงแม้เขาจะก้าวขาออกมาจากห้องนานแล้วแต่ก็ยังมีนักศึกษาวิ่งตามเขามาเป็นขบวนขอถ่ายรูปบ้าง ขอเบอร์
โทรบ้างไปตามประสาสาวๆ ที่ชอบผู้ชายหล่อๆ แบบเขา วิทยากรหนุ่มยิ้มสู้ทั้งที่ในใจรำคาญเต็มทนเพราะไม่ชอบคนเยอะๆ แถม
ยังยืนล้อมเขาไว้อยู่แบบนี้อีก สายตาคมมองหาตัวช่วยแต่ไม่เห็นแม้แต่เงาของคนที่มองหา แต่เหมือนฟ้ามาโปรดคนที่เขานึกถึงและอยากพบมากที่สุดตอนนี้โทรเข้ามาทันเวลาพอดีก่อนที่เขาจะถูกสาวๆ กลืนไปทั้งตัว
“พี่รออยู่ตั้งนานกว่าจะโทรมา” วิทยากรหนุ่มขอตัวแล้วออกจากวงล้อมของสาวๆ มาทันทีและกดรับโทรศัพท์พร้อมกับกรอกเสียงติดน้อยใจไปตามสาย
“น้องดาวอยู่ไหนครับ” เขาถามพร้อมกับหันมองซ้ายมองขวาหาหญิงสาวและขณะในนั้นมีเสียงดังมาจากทางด้านหลังของเขาพร้อมกับร่างของเจ้าของเสียงยืนอยู่
“อยู่นี่ค่ะ” นับดาวดึงหน้าใส่เขาเพราะน้อยใจที่มาวินไม่บอกว่าตนนั้นจะมาเป็นวิทยากรให้กับสาขาให้เธอทราบก่อนล่วงหน้า
“ทำหน้าแบบนี้โกรธพี่หรอครับ” เขาหันมาเห็นสีหน้าของเธอก็พอจะเดาออกได้ว่าน้องสาวสุดที่รักของเขานั้นเป็นอะไร
“ก็มันน่าไหมล่ะค่ะ พี่วินจะมาเป็นวิทยากรที่สาขาของดาวแต่ไม่เห็นบอกกันสักคำดาวจะได้เตรียมตัวมาก่อนล่วงหน้า” เธอบอกเหตุผลกับเขาไปตามความคิด
“ก็พี่อยากจะเซอร์ไพรส์หนิครับ แต่ดาวก็ไม่เห็นต้องเตรียมตัวอะไรเลยนะเพราะพี่เห็นว่าน้องสาวของพี่ตั้งใจฟังที่พี่พูดสุดๆ เลย จริงไหมครับ” เขายิ้มกรุ้มกริ่มและมองตาเธอแต่ดวงตากลมของเธอวิ่งหลบหนีตาคมของเขา แก้มเนียนมีสีแดงอมชมพูขึ้นอ่อนๆ จากอาการเขินของเธอ
“ไม่ตอบแสดงว่าเป็นผู้ฟังที่ดี ^^” เขายิ้มจนตาหยีชอบในอาการของเธอที่แสดงออกอย่างไม่ปิดบัง
“เชิญครับ” มาวินแสดงความเป็นสุภาพบุรุษโดยการเปิดประตูรถให้นับดาว
“ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มให้เขาแบบขวยเขินและเข้าไปในรถหย่อนก้มลงนั่งบนเบาะนุ่ม ส่วนมาวินยืนรอปิดประตูรถให้เธอเสร็จแล้วเดินอ้อมไปอีกฝั่งแล้วทำหน้าที่เป็นคนขับพาเธอไปส่งถึงบ้าน
บรรยากาศของบ้านรัตนมหาสมบัติกุลช่วงเย็นของวันนี้ คุณกุสุมากับมีนาว่าที่ลูกสะใภ้ที่คุณหญิงหมายปองจับจองเอาไว้ให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนนั้นมานั่งรอเขากลับมาจากการทำงานอยู่ที่โต๊ะอาหารเป็นเวลานานพอสมควรแต่ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเขา ซึ่งตอนนี้เลยเวลาอาหารมานานจนกับข้าวที่อยู่บนโต๊ะเริ่มเย็นด้วยอุณหภูมิจากเครื่องปรับอากาศ คุณกุสุมาจึงไหว้วานให้มีนาช่วยโทรถามมาวินให้เธอว่าเขาจะกลับมาร่วมโต๊ะทานอาหารกับตนที่บ้านหรือไม่จะได้ไม่เสียเวลานั่งคอยเก้อ
“ตาวินว่าไงจ้ะหนูมีน” คุณกุสุมาถามหลังจากเห็นเธอวางสายเรียบร้อยแล้ว
“วินบอกว่าเค้าจะทานที่บ้านน้องดาวค่ะให้เราทานกันเลย” มีนาพูดตอบตามคำที่มาวินบอกทุกคำ แต่ก็ฝืนปากตนเองสุดๆ เมื่อต้องพูดชื่อของหญิงสาวอีกคนที่ตนไม่ชอบหน้า
“ดาวไหนนะ....ช่างเถอะจ้ะเราทานกันดีกว่านะอาหารเย็นหมดแล้ว แจนตักข้าวเลยจ้ะ” คุณกุสุมาไม่อยากให้มีนาคิดมากหรือไม่สบายใจจึงไม่คิดถามหาคำตอบว่าผู้หญิงที่ลูกชายอ้างว่าไปทานข้าวด้วยนั้นเป็นใคร
น้องดาว!! จิ๊ มีนาไม่พอใจแต่ไม่แสดงออกมาชัดเจน เพียงแค่เงียบและไม่พูดตอบกับคุณกุสุมาเหมือนเคย
อาหารมื้อเย็นผ่านพ้นไปนานหลายชั่วโมงแต่คุณกุสุมาและมีนาก็ยังมองไม่เห็นว่ามาวินจะกลับมาถึงบ้านเสียที อากาศเริ่มเย็นหนังตาก็เริ่มหย่อนคุณกุสุมาจึงขอตัวขึ้นห้องไปก่อนปล่อยให้มีนานั่งคอยมาวินอยู่ด้านล่างตามลำพัง มีนามองคุณกุสุมาจนสุดตาเมื่อเห็นว่าทางสะดวกเธอเอื้อมมือไปจะหยิบโทรศัพท์มากดเบอร์โทรหามาวินแต่ทันใดนั้นเขาก็เดินผ่านหน้าเธอไปโดยไม่หันมามองเธอแม้แต่หางตาทั้งที่ตรงที่เธอนั่งไม่ว่าใครจะเข้าหรือออกก็ต้องมองเห็น เธอจึงเรียกตะโกนชื่อเขาเสียงดังพอที่จะให้เขาหยุดเดินและหันมามองเธอ แต่ก็แค่เสี้ยววินาทีเท่านั้นแล้วเขาก็ก้าวเดินต่อไป
“วินค่ะเดี๋ยวก่อนสิค่ะ” มีนาเรียกมาวินไว้แต่เขาไม่สนใจเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของบ้าน ทำให้เธอต้องวิ่งตามหลังเขาไปถึงจะทันเวลาก่อนที่เขาจะเปิดประตูเข้าไปในห้อง
“วินค่ะเดี๋ยวสิเรามีเรื่องต้องคุยกันนะค่ะ” มีนามาหยุดยืนขวางประตูหน้าห้องของมาวิน
“เฮ้ออ -_-” เขาถอนหายใจเบาๆ และทำหน้าเซ็ง
“คุยอะไรครับ” มาวินหันหลังให้เธอและถามเธอน้ำเสียงเบื่อหน่าย
“คุณไปไหนมาค่ะถึงกลับมาป่านนี้” มีนายืนกอดอกน้ำเสียงแสดงความไม่พอใจ
“ผมว่าเราไม่ได้อยู่ในจุดที่คุณจะถามผมแบบนี้และด้วยน้ำเสียงแบบนี้นะครับคุณมีนา ช่วยกรุณาหลีกทางด้วยครับผมจะเข้าห้องไปพักผ่อน” มาวินไม่พอใจที่มีนาแสดงอาการออกนอกหน้าเหมือนก้าวก่ายชีวิตและเรื่องส่วนตัวของเขาแบบนี้
“ฉันเป็นคู่หมั้นของคุณนะทำไมฉันจะถามคุณไม่ได้” มีนาลืมตัวเผลอพูดขึ้นเสียงใส่เขา
“คู่หมั้น?” มาวินพูดทวนคำที่ตนเองได้ยินว่าไม่ได้หูฝาดไป
“ใช่ค่ะ คุณแม่คุณจะให้เราหมั้นกันเดือนหน้าแล้วแต่งงานทันทีที่คุณพร้อม” มีนาบอกสิ่งที่มาวินยังไม่เคยทราบมาก่อนให้เขารับรู้ไว้
“เฮอะ” เขาสบถออกมาอย่างหัวเสียและนึกสงสารตัวเองถ้าต้องแต่งงานแล้วทนอยู่กับผู้หญิงอย่างเธอจริงๆ
“นั้นเป็นเรื่องของคุณกับคุณแม่ผมอย่าเอาผมเข้าไปเกี่ยว ผมให้คุณได้มากที่สุดก็คือความเป็นเพื่อน ผมขอบอกคุณไว้ตรงนี้กรุณาอย่ายุ่งกับผมก่อนที่ผมจะเสียมารยาทกับคุณไปมากกว่านี้” สิ้นคำสุดท้ายมาวินดึงแขนมีนาให้ตัวเธอออกห่างจากประตูไปโดยที่เขาไม่ออกแรงมากแล้วแทรกตัวเข้าไปในห้องปิดประตูลงกลอนอย่างดี
“มาวินเปิดประตูออกมาคุยให้รู้เรื่องก่อนนะ วินค่ะ.....มาวิน” มีนาเคาะประตูเรียกเขาอยู่แบบนั้นแต่ก็ไร้ประโยชน์เมื่อเขาไม่ยอมเปิดประตูให้เธอ มีนายืนอยู่หน้าห้องมาวินสักพักก็คิดได้ว่าคนอย่างเขาไม่ควรออกตัวแรง เธอจึงเข้าห้องตนเองบ้างเพื่อไปสงบสติอารมณ์คิดหาวิธีเข้าหน้าเขาให้ติดในวันพรุ่งนี้
ทางด้านนับดาวหลังจากที่พี่ชายคนสนิทกลับไปเธอพาตัวเองมานอนดูดาวอยู่ที่เก้าอี้ตัวยาวบริเวณสระว่ายน้ำของบ้าน และยิ้มอย่างมีความสุขแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนจนพี่ชายของเธออย่างนทีเองยังแปลกใจที่น้องสาวของเขาเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้ แต่นั้นก็ไม่ทำให้นทีไม่ทราบถึงสาเหตุว่าทำไมนับดาวถึงมีความสุขมากมายได้เช่นนี้ เขาคิดว่าต้องเป็นเพื่อนหนุ่มสุดหล่อของเขาเป็นแน่เพราะตั้งแต่เด็กนับดาวก็ร้องจะหาแต่มาวิน พอเริ่มโตรู้เรื่องว่าอะไรเป็นอะไรแต่นั้นมาก็ติดต่อกับมาวินมาโดยตลอดจึงสนิทกันทั้งที่อยู่ห่างกันคนละประเทศ จนถึงปัจจุบันนี้ทั้งคู่ก็ดูจะสนิทสนมกันมากกว่าเดิมเพราะเช้าถึงเย็นถึงตั้งแต่วันแรกที่กลับมาแบบนี้ไม่สนิทกันนทีเองก็ไม่รู้จะพูดว่าอย่างไร
อีกอย่างที่นทีสัมผัสได้จากทั้งคู่เวลาอยู่ด้วยกันคืออาการหรือการแสดงออกต่างๆ ที่เขาพิจารณาดูแล้วไม่เหมือนพี่น้องที่ เพื่อนหรือคนรู้จักกันทั่วไปแน่นอน แต่นทีเองก็ยังไม่อยากตัดสินใครจากสายตาของตัวเองเกิดทั้งคู่ไม่ได้คิดแบบที่เขาคิดคนกลางแบบเขาก็ยากที่จะเลือกใครฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
“คิดถึงวินอยู่หรอน้องสาว” นทีเอ่ยแซวหลังจากที่เงียบอยู่นาน
“ค่ะ เอ้ย..ไม่ใช่ค่ะ ดาวแค่...นอนดูดาวเฉยๆ” เธอพูดปฏิเสธลิ้นพันกันแต่ก็ไม่ทันเสียแล้วเพราะรอยยิ้มของพี่ชายทำเอานับดาวเขินหน้าแดงเหมือนลูกมะเขือเทศสุก
มือนุ่มของเธอยกขึ้นมาโบกไปมาเล็กน้อยพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้เขาและยืนมองจนรถของเขาไปไกลจนลับตา หญิงสาวหุบยิ้มลงทันทีและทำหน้านิ่งเหมือนปกติ จากนั้นสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะหมุนตัวหันหน้าเข้าหาตึกเรียนอย่างรวดเร็วและก้าวเดินเข้าไปในตัวอาคาร ขณะเดินเธอก้มหน้ามองพื้นไปตลอดทางเพื่อจะได้ไม่ต้องสบตาใครให้รำคาญใจ นับดาวเดินมาตามทางเรื่อยๆ เหลือเพียงอีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงห้องเรียนแต่ทว่ามีกลุ่มคนประมาณห้าคนเป็นผู้หญิงทั้งหมดยืนล้อมปิดทางเดินเธอไว้อยู่ทุกด้าน เธอพยายามจะเดินเลี่ยงไปอีกทางแต่ก็ไม่สามารถฝ่าวงล้อมนี้ไปได้จึงต้องเอ่ยให้พวกเธอหลีกทางไป
“หลีกทางหน่อยฉันจะเข้าเรียน” เธอพูดน้ำเสียงปกติแต่ทว่าสายตาของคนกลุ่มนั้นมองเธอเหมือนจะหาเรื่อง
“ทำไมต้องหลีก” หญิงสาวคนหนึ่งรุ่นเดียวกันกับเธอและยังอยู่ห้องเดียวกับเธออีกพูดขึ้นแล้วเข้ามาผลักไหล่เธอ
“พวกเธอทำอะไรกันน่ะ” หนุ่มหล่อตัวสูงผมดกดำปัดข้างขวัญใจของสาวหลายๆ คนในมหาวิทยาลัยเดินฝ่าวงล้อมเข้ามายืนอยู่ข้างนับดาวเพื่อนสาวคนสนิท
“ปีเตอร์” สาวๆ ทั้งห้าคนเรียกชื่อผู้มาใหม่พร้อมกันและไปรวมตัวกันอยู่ทางใดทางหนึ่ง
“ดาวมีอะไรกันรึเปล่า” เขาถามเพื่อนสาวด้วยความเป็นห่วงเพราะเขารู้จักนิสัยของพวกเธอทั้งห้าคนเป็นอย่างดี
“เปล่าจ้ะ เข้าห้องกันดีกว่านะ” เธอตอบและยิ้มให้เพื่อนหนุ่มด้วยความจริงใจ ซึ่งเขาเองก็พยักหน้ารับและยิ้มตอบเธอด้วยความจริงใจเช่นกัน
เมื่อทั้งสองคนเดินผ่านไปแล้วทั้งห้าสาวจิกสายตาใส่นับดาวและแอบด่าเธอในใจตามหลัง ด้วยความอิจฉาริษยาที่นับดาวมีพร้อมทุกอย่างแถมยังเรียนเก่งและที่สำคัญได้ใจผู้ชายที่เพียบพร้อมและนิสัยดีอย่างปีเตอร์ไปเต็มๆ ผิดกับพวกเธอที่ไม่ว่าจะทำอย่างไรหนุ่มปีเตอร์ก็ไม่เคยสนใจหรือหันมามองแม้แต่หางตา
บรรยากาศในห้องเรียนของนักศึกษาสาขาวิชาการประชาสัมพันธ์ปีสุดท้ายของการศึกษาวันนี้เต็มไปด้วยความวุ่นวายและเสียงพูดคุยเสียงซุบซิบนินทาเพิ่มมากขึ้นกว่าทุกวัน ไม่ใช่แค่เรื่องของนับดาวกับปีเตอร์และเพื่อนชายคนอื่นๆ เหมือนเช่นเคย แต่วันนี้พิเศษตรงที่มีวิทยากรหนุ่มรูปหล่อมาให้ความรู้และแนะนำเกี่ยวกับเรื่องการศึกษาของทุกคนว่าจะทำอย่างไรให้ประสบความสำเร็จในอนาคตเขาจึงเป็นที่สนใจของนักศึกษาสาวหลายๆ คน
อาจารย์ประจำภาคสาขาแนะนำชื่อและประวัติของวิทยากรหนุ่มคร่าวๆ แล้วหลังจากนั้นมานั่งร่วมกับนักศึกษาฟังสิ่งที่วิทยากรพูดอย่างตั้งใจ โดยเฉพาะนับดาวที่จดเอาแต่ใจความสำคัญจากวิทยากรหนุ่มลงสมุดโน๊ตเล่มเล็กของเธอแต่มีบ้างบางเวลาที่เธอเผลอมองเขาเหมือนตกอยู่ในภวังค์จนปีเตอร์เพื่อนหนุ่มที่นั่งข้างๆ ต้องคอยสะกิด เพื่อนสาวคนอื่นๆ ก็ไม่ต่างบ้างก็นั่งเพ้อกับเพื่อนไปต่างๆ นาๆ บางคนจ้องวิทยากรหนุ่มแบบเอาเป็นเอาตายหมายจะต้องครอบครองเขาให้ได้
ตลอดทั้งวันบนเวทีของวิยากรหนุ่มรูปหล่อเขาได้ทิ้งข้อคิดดีๆ ให้กับนักศึกษาทุกคนก่อนจะกล่าวขอบคุณและบอกลาไปพร้อมกับรอยยิ้ม ถึงแม้เขาจะก้าวขาออกมาจากห้องนานแล้วแต่ก็ยังมีนักศึกษาวิ่งตามเขามาเป็นขบวนขอถ่ายรูปบ้าง ขอเบอร์
โทรบ้างไปตามประสาสาวๆ ที่ชอบผู้ชายหล่อๆ แบบเขา วิทยากรหนุ่มยิ้มสู้ทั้งที่ในใจรำคาญเต็มทนเพราะไม่ชอบคนเยอะๆ แถม
ยังยืนล้อมเขาไว้อยู่แบบนี้อีก สายตาคมมองหาตัวช่วยแต่ไม่เห็นแม้แต่เงาของคนที่มองหา แต่เหมือนฟ้ามาโปรดคนที่เขานึกถึงและอยากพบมากที่สุดตอนนี้โทรเข้ามาทันเวลาพอดีก่อนที่เขาจะถูกสาวๆ กลืนไปทั้งตัว
“พี่รออยู่ตั้งนานกว่าจะโทรมา” วิทยากรหนุ่มขอตัวแล้วออกจากวงล้อมของสาวๆ มาทันทีและกดรับโทรศัพท์พร้อมกับกรอกเสียงติดน้อยใจไปตามสาย
“น้องดาวอยู่ไหนครับ” เขาถามพร้อมกับหันมองซ้ายมองขวาหาหญิงสาวและขณะในนั้นมีเสียงดังมาจากทางด้านหลังของเขาพร้อมกับร่างของเจ้าของเสียงยืนอยู่
“อยู่นี่ค่ะ” นับดาวดึงหน้าใส่เขาเพราะน้อยใจที่มาวินไม่บอกว่าตนนั้นจะมาเป็นวิทยากรให้กับสาขาให้เธอทราบก่อนล่วงหน้า
“ทำหน้าแบบนี้โกรธพี่หรอครับ” เขาหันมาเห็นสีหน้าของเธอก็พอจะเดาออกได้ว่าน้องสาวสุดที่รักของเขานั้นเป็นอะไร
“ก็มันน่าไหมล่ะค่ะ พี่วินจะมาเป็นวิทยากรที่สาขาของดาวแต่ไม่เห็นบอกกันสักคำดาวจะได้เตรียมตัวมาก่อนล่วงหน้า” เธอบอกเหตุผลกับเขาไปตามความคิด
“ก็พี่อยากจะเซอร์ไพรส์หนิครับ แต่ดาวก็ไม่เห็นต้องเตรียมตัวอะไรเลยนะเพราะพี่เห็นว่าน้องสาวของพี่ตั้งใจฟังที่พี่พูดสุดๆ เลย จริงไหมครับ” เขายิ้มกรุ้มกริ่มและมองตาเธอแต่ดวงตากลมของเธอวิ่งหลบหนีตาคมของเขา แก้มเนียนมีสีแดงอมชมพูขึ้นอ่อนๆ จากอาการเขินของเธอ
“ไม่ตอบแสดงว่าเป็นผู้ฟังที่ดี ^^” เขายิ้มจนตาหยีชอบในอาการของเธอที่แสดงออกอย่างไม่ปิดบัง
“เชิญครับ” มาวินแสดงความเป็นสุภาพบุรุษโดยการเปิดประตูรถให้นับดาว
“ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มให้เขาแบบขวยเขินและเข้าไปในรถหย่อนก้มลงนั่งบนเบาะนุ่ม ส่วนมาวินยืนรอปิดประตูรถให้เธอเสร็จแล้วเดินอ้อมไปอีกฝั่งแล้วทำหน้าที่เป็นคนขับพาเธอไปส่งถึงบ้าน
บรรยากาศของบ้านรัตนมหาสมบัติกุลช่วงเย็นของวันนี้ คุณกุสุมากับมีนาว่าที่ลูกสะใภ้ที่คุณหญิงหมายปองจับจองเอาไว้ให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนนั้นมานั่งรอเขากลับมาจากการทำงานอยู่ที่โต๊ะอาหารเป็นเวลานานพอสมควรแต่ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเขา ซึ่งตอนนี้เลยเวลาอาหารมานานจนกับข้าวที่อยู่บนโต๊ะเริ่มเย็นด้วยอุณหภูมิจากเครื่องปรับอากาศ คุณกุสุมาจึงไหว้วานให้มีนาช่วยโทรถามมาวินให้เธอว่าเขาจะกลับมาร่วมโต๊ะทานอาหารกับตนที่บ้านหรือไม่จะได้ไม่เสียเวลานั่งคอยเก้อ
“ตาวินว่าไงจ้ะหนูมีน” คุณกุสุมาถามหลังจากเห็นเธอวางสายเรียบร้อยแล้ว
“วินบอกว่าเค้าจะทานที่บ้านน้องดาวค่ะให้เราทานกันเลย” มีนาพูดตอบตามคำที่มาวินบอกทุกคำ แต่ก็ฝืนปากตนเองสุดๆ เมื่อต้องพูดชื่อของหญิงสาวอีกคนที่ตนไม่ชอบหน้า
“ดาวไหนนะ....ช่างเถอะจ้ะเราทานกันดีกว่านะอาหารเย็นหมดแล้ว แจนตักข้าวเลยจ้ะ” คุณกุสุมาไม่อยากให้มีนาคิดมากหรือไม่สบายใจจึงไม่คิดถามหาคำตอบว่าผู้หญิงที่ลูกชายอ้างว่าไปทานข้าวด้วยนั้นเป็นใคร
น้องดาว!! จิ๊ มีนาไม่พอใจแต่ไม่แสดงออกมาชัดเจน เพียงแค่เงียบและไม่พูดตอบกับคุณกุสุมาเหมือนเคย
อาหารมื้อเย็นผ่านพ้นไปนานหลายชั่วโมงแต่คุณกุสุมาและมีนาก็ยังมองไม่เห็นว่ามาวินจะกลับมาถึงบ้านเสียที อากาศเริ่มเย็นหนังตาก็เริ่มหย่อนคุณกุสุมาจึงขอตัวขึ้นห้องไปก่อนปล่อยให้มีนานั่งคอยมาวินอยู่ด้านล่างตามลำพัง มีนามองคุณกุสุมาจนสุดตาเมื่อเห็นว่าทางสะดวกเธอเอื้อมมือไปจะหยิบโทรศัพท์มากดเบอร์โทรหามาวินแต่ทันใดนั้นเขาก็เดินผ่านหน้าเธอไปโดยไม่หันมามองเธอแม้แต่หางตาทั้งที่ตรงที่เธอนั่งไม่ว่าใครจะเข้าหรือออกก็ต้องมองเห็น เธอจึงเรียกตะโกนชื่อเขาเสียงดังพอที่จะให้เขาหยุดเดินและหันมามองเธอ แต่ก็แค่เสี้ยววินาทีเท่านั้นแล้วเขาก็ก้าวเดินต่อไป
“วินค่ะเดี๋ยวก่อนสิค่ะ” มีนาเรียกมาวินไว้แต่เขาไม่สนใจเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของบ้าน ทำให้เธอต้องวิ่งตามหลังเขาไปถึงจะทันเวลาก่อนที่เขาจะเปิดประตูเข้าไปในห้อง
“วินค่ะเดี๋ยวสิเรามีเรื่องต้องคุยกันนะค่ะ” มีนามาหยุดยืนขวางประตูหน้าห้องของมาวิน
“เฮ้ออ -_-” เขาถอนหายใจเบาๆ และทำหน้าเซ็ง
“คุยอะไรครับ” มาวินหันหลังให้เธอและถามเธอน้ำเสียงเบื่อหน่าย
“คุณไปไหนมาค่ะถึงกลับมาป่านนี้” มีนายืนกอดอกน้ำเสียงแสดงความไม่พอใจ
“ผมว่าเราไม่ได้อยู่ในจุดที่คุณจะถามผมแบบนี้และด้วยน้ำเสียงแบบนี้นะครับคุณมีนา ช่วยกรุณาหลีกทางด้วยครับผมจะเข้าห้องไปพักผ่อน” มาวินไม่พอใจที่มีนาแสดงอาการออกนอกหน้าเหมือนก้าวก่ายชีวิตและเรื่องส่วนตัวของเขาแบบนี้
“ฉันเป็นคู่หมั้นของคุณนะทำไมฉันจะถามคุณไม่ได้” มีนาลืมตัวเผลอพูดขึ้นเสียงใส่เขา
“คู่หมั้น?” มาวินพูดทวนคำที่ตนเองได้ยินว่าไม่ได้หูฝาดไป
“ใช่ค่ะ คุณแม่คุณจะให้เราหมั้นกันเดือนหน้าแล้วแต่งงานทันทีที่คุณพร้อม” มีนาบอกสิ่งที่มาวินยังไม่เคยทราบมาก่อนให้เขารับรู้ไว้
“เฮอะ” เขาสบถออกมาอย่างหัวเสียและนึกสงสารตัวเองถ้าต้องแต่งงานแล้วทนอยู่กับผู้หญิงอย่างเธอจริงๆ
“นั้นเป็นเรื่องของคุณกับคุณแม่ผมอย่าเอาผมเข้าไปเกี่ยว ผมให้คุณได้มากที่สุดก็คือความเป็นเพื่อน ผมขอบอกคุณไว้ตรงนี้กรุณาอย่ายุ่งกับผมก่อนที่ผมจะเสียมารยาทกับคุณไปมากกว่านี้” สิ้นคำสุดท้ายมาวินดึงแขนมีนาให้ตัวเธอออกห่างจากประตูไปโดยที่เขาไม่ออกแรงมากแล้วแทรกตัวเข้าไปในห้องปิดประตูลงกลอนอย่างดี
“มาวินเปิดประตูออกมาคุยให้รู้เรื่องก่อนนะ วินค่ะ.....มาวิน” มีนาเคาะประตูเรียกเขาอยู่แบบนั้นแต่ก็ไร้ประโยชน์เมื่อเขาไม่ยอมเปิดประตูให้เธอ มีนายืนอยู่หน้าห้องมาวินสักพักก็คิดได้ว่าคนอย่างเขาไม่ควรออกตัวแรง เธอจึงเข้าห้องตนเองบ้างเพื่อไปสงบสติอารมณ์คิดหาวิธีเข้าหน้าเขาให้ติดในวันพรุ่งนี้
ทางด้านนับดาวหลังจากที่พี่ชายคนสนิทกลับไปเธอพาตัวเองมานอนดูดาวอยู่ที่เก้าอี้ตัวยาวบริเวณสระว่ายน้ำของบ้าน และยิ้มอย่างมีความสุขแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนจนพี่ชายของเธออย่างนทีเองยังแปลกใจที่น้องสาวของเขาเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้ แต่นั้นก็ไม่ทำให้นทีไม่ทราบถึงสาเหตุว่าทำไมนับดาวถึงมีความสุขมากมายได้เช่นนี้ เขาคิดว่าต้องเป็นเพื่อนหนุ่มสุดหล่อของเขาเป็นแน่เพราะตั้งแต่เด็กนับดาวก็ร้องจะหาแต่มาวิน พอเริ่มโตรู้เรื่องว่าอะไรเป็นอะไรแต่นั้นมาก็ติดต่อกับมาวินมาโดยตลอดจึงสนิทกันทั้งที่อยู่ห่างกันคนละประเทศ จนถึงปัจจุบันนี้ทั้งคู่ก็ดูจะสนิทสนมกันมากกว่าเดิมเพราะเช้าถึงเย็นถึงตั้งแต่วันแรกที่กลับมาแบบนี้ไม่สนิทกันนทีเองก็ไม่รู้จะพูดว่าอย่างไร
อีกอย่างที่นทีสัมผัสได้จากทั้งคู่เวลาอยู่ด้วยกันคืออาการหรือการแสดงออกต่างๆ ที่เขาพิจารณาดูแล้วไม่เหมือนพี่น้องที่ เพื่อนหรือคนรู้จักกันทั่วไปแน่นอน แต่นทีเองก็ยังไม่อยากตัดสินใครจากสายตาของตัวเองเกิดทั้งคู่ไม่ได้คิดแบบที่เขาคิดคนกลางแบบเขาก็ยากที่จะเลือกใครฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
“คิดถึงวินอยู่หรอน้องสาว” นทีเอ่ยแซวหลังจากที่เงียบอยู่นาน
“ค่ะ เอ้ย..ไม่ใช่ค่ะ ดาวแค่...นอนดูดาวเฉยๆ” เธอพูดปฏิเสธลิ้นพันกันแต่ก็ไม่ทันเสียแล้วเพราะรอยยิ้มของพี่ชายทำเอานับดาวเขินหน้าแดงเหมือนลูกมะเขือเทศสุก
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ