RAUSANNE แทนใจรักในใจเธอ
9.3
เขียนโดย signorina
วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556 เวลา 09.37 น.
25 ตอน
0 วิจารณ์
29.19K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556 12.54 น. โดย เจ้าของนิยาย
10) ความใกล้ชิด
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ10
~ ความใกล้ชิด ~
เช้าวันต่อมา
แอลลิเซ่นตื่นขึ้นมาด้วยอาการงัวเงีย ในระหว่างที่กำลังทำผมที่หน้ากระจก เธอก็หวนนึกถึงเรื่องที่แคทธรินเล่าให้ฟังเมื่อวานนี้ เรื่องการคบหาอยู่กับสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลวินด์เซอร์ ซึ่งเธอไม่แน่ใจว่าจะใช้คำว่า เคยคบ หรือ ยังคบอยู่
อืม ใช่สิ แคทธรินกับโรวว์แซนต่างก็เรียนที่เดียวกัน ครอบครัวทั้งสองก็รู้จักสนิทสนมกัน ก็ไม่แปลกที่เขาจะคบกัน เธอคิด แล้วก็ถอดใจหันไปจดจ่อกับการทำผมต่อ
“แม่คะ วันนี้หนูขอผ่านอาหารเช้าไปนะ” แอลลิเซ่นเอ่ยขึ้นขณะที่กำลังก้าวลงมาตามขั้นบันได
“อ้าวหรอ ลูกน่าจะหยิบแซนด์วิชไปสักชิ้นนะ”
เธอหยุดคิดนิดหนึ่ง “อืม ก็ได้ค่ะ”
แอลลิเซ่นเอื้อมมือไปหยิบแซนด์วิช เปิดตู้เย็นคว้าไดเอทโค้กขึ้นมาได้ แล้วเดินออกไปยังประตูบ้าน เธอกัดแซนด์วิชไปคำใหญ่ แล้วเดินต่อไป มุ่งหน้าไปยังป้ายรอรถประจำทาง
เมื่อรถประจำทางมาจอดรับ เธอก้าวขึ้นไปบนรถ ขณะที่กวาดสายตามองหาที่นั่ง ตรงที่นั่งท้ายรถเธอก็เหลือบไปเห็นแมคซ์ แต่ตอนนี้ที่นั่งข้างๆ เขาเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่โรวว์แซน เธอเดินต่อไปหาที่นั่งว่างแถวกลางๆ เธอนั่งลง ในใจยังนึกสงสัยว่าวันนี้เขาหายไปไหน
รถแล่นไปไกลมากแล้ว จู่ๆ แมคซ์ก็โผล่หน้ามาหย่อนกายลงข้างๆ เธอ
เขายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ชอบกล
“หวัดดี” เขาทัก
“ว่าไง” แอลลิเซ่นยิ้มตอบ
“วันนี้โรวว์ มันขับรถไปเอง” เขาว่า
แอลลิเซ่นทำสีหน้าแปลกใจ
“เฮ้ ไม่เอาน่า แอลลี่ ฉันนึกว่าเราสนิทกันแล้วเสียอีก”
แล้วเขาก็พูดต่อ
“ก็เห็นอยู่ว่าเธอมองหาเขา นี่ไง ฉันมาตอบข้อสงสัยให้แล้ว”
แอลลิเซ่นหัวเราะ ส่ายหน้าให้กับความเจ้าเล่ห์ของแมคซ์
“โอเค ฉันแพ้แล้ว” เธอว่า ยังหัวเราะอยู่
รถกำลังเตรียมจอดที่ป้ายโรงเรียนเฮกซ์เตอร์ แมคซ์เอ่ยลา ก่อนจะลงไปเขาหันมาขยิบตาขวาให้เธอหนึ่งที เธอทำหน้าเชิดใส่ แล้วยิ้มออกมา
สิบนาทีต่อมารถก็หยุดจอดที่ป้ายโรงเรียนมัธยมเซนต์ฮาโมนี่
“เฮ้ แอลลี่ ทางนี้” มี กวักมือเรียกแอลลิเซ่นขณะที่เธอยืนอยู่ที่ประตูด้านข้างโรงเรียน
“มี เธอมายืนทำอะไรตรงนี้หล่ะ” แอลลิเซ่นว่า
“ก็มารอเธอนะสิ ฉันให้แมทมาส่งที่นี่เองแหละ”
แอลลิเซ่นนึกขึ้นได้
“อ้อ ฉันอยากทราบว่า นางสาวมี คอนเนอร์ ทำรายงานไปถึง…”
“…โอ้ยๆ จะรีบไปทำไม กำหนดส่งปลายเดือนนะไม่ใช่วันสองวันนี้” มี ท้วงขึ้นกลางคัน
“จ้าๆๆ แล้วฉันจะคอยดู วันที่เธอส่งรายงานไม่ทัน”
มียิ้มด้วยท่าทางแสนซุกซน แอลลิเซ่นยิ้มด้วยความเอือมระอา
ชั่วโมงวิชาภาษาอังกฤษ
มิสเตอร์เกลนกำลังบรรยายไปเรื่อยๆ ในหัวข้อเรื่องบุคคลสำคัญทางด้านภาษาและวรรณคดีอังกฤษ ขณะที่แอลลิเซ่นกับมีกำลังสนทนากันอย่างออกรส ด้วยความที่โชคเข้าข้างให้ทั้งคู่เลือกที่นั่งมุมห้อง ซึ่งอยู่นอกอาณาเขตสายตาของผู้สอน
“มี ฉันสงสัยว่าทำไมเธอกับแมทถึงไม่ไปเรียนที่เดียวกันซะหล่ะ แมทอาจจะย้ายมาเรียนที่นี่ หรือไม่เธออาจจะย้ายไปเรียนที่นั่นก็ได้นี่”
“อืม ก็ เป็นไอเดียของฉันเองแหละ”
แอลลิเซ่นเบิกตาขึ้น ประหลาดใจ
“ไอเดียหรอ” เธอว่า
“ใช่ ก็ ฉันแค่คิดว่า ถ้าทำอย่างนั้น ฉันคงจะดูเป็นเด็กสาววัยรักมากกว่าวัยรุ่นนะสิ ฉันกับแมทเลยตกลงกันว่าเราจะไม่เรียนที่เดียวกัน ไม่อยู่ด้วยกันตลอดเวลา แบบติดหนึบอะ เข้าใจใช่มั้ย”
แอลลิเซ่นพยักหน้า แล้วยิ้ม เธอเข้าใจแล้วและเธอก็ชอบไอเดียของมี
จู่ๆ นัยน์ตาของมี ก็ลุกวาวสดใสขึ้นมา
“เอ้ะ! แล้วเธอหล่ะ เมื่อวานนี้ไปบ้านเจ้าชายผมบลอนด์ของฉันมา เป็นไงบ้าง เล่ามาซะดีๆ” เธอแหย่
แอลลิเซ่นกำลังอ้าปากจะค้าน แล้วก็มีเสียงมิสเตอร์เกลนขัดขึ้น เขาจงใจกระแอมเสียงดัง
“มิสคอนเนอร์ ผมรู้ดีว่าคุณกับมิสซอว์เยอร์กำลังถกเถียงกันในหัวข้อเกี่ยวกับบุคคลสำคัญทางด้านภาษาและวรรณคดีอังกฤษที่เรากำลังเรียนกันอยู่ ไหนรบกวนคุณช่วยเอ่ยมาสักชื่อ ในบรรดาคนเหล่านั้น”
แอลลิเซ่นกลั้นหัวเราะไว้ แล้วกล่าวขอบคุณเขาในใจ
นาฬิกาบอกเวลาบ่ายสามโมง
โรวว์แซนนั่งขมวดคิ้วอยู่ในชั้นเรียน เขาหวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อเช้านี้
เมื่อวานนี้เขาขับรถไปไกลถึงอีกเมืองหนึ่ง นอกจากแมคซ์ที่เป็นเพื่อนสนิทแล้ว เขายังมีญาติผู้พี่อีกคนที่เป็นเสมือนพี่ชายของเขา... เอ็ดเวิร์ด
เอ็ดเวิร์ด วินด์เซอร์ เป็นลูกชายคนเดียวของเจนน่า วินด์เซอร์ ซึ่งเป็นน้องสาวของพ่อเขานั่นเอง เอ็ดเวิร์ดกำลังเรียนด้านกฎหมายระหว่างประเทศ ที่มหาวิทยาลัย ชื่อดังแห่งหนึ่งทางตอนเหนือของรัฐ โรวว์แซนมักจะไปเยี่ยมเขาอยู่บ่อยๆ และเมื่อคืนนี้ทั้งคู่ออกไปเที่ยวและดื่มกันหนักไปหน่อย โรวว์แซนก็เลยค้างคืนที่คอนโดสุดหรูของเขา
โรวว์แซนกลับเข้ามาที่บ้านเล็กเมื่อตอนเกือบสว่าง ทันทีที่เดินมาถึงเตียงเขาก็มุดตัวคลานเข้าไปนอนใต้ผ้าห่ม เขาเพิ่งจะเริ่มเข้าสู่ช่วงหลับลึกได้เพียงพักเดียว ประตูห้องนอนก็เปิดผางออกมา
“ยังนอนอยู่หรือ” เป็นเสียงทักทายที่ฟังดูคุ้นเคย
เขาพยายามเบิ่งตาให้เปิด แต่เปลือกตาก็ต่อต้านเขาเหลือเกิน
“เมื่อวานนี้ แอลลิเซ่นมาที่นี่ด้วย” แมคซ์ว่า
โรวว์แซนสะดุ้งลืมตาขึ้น แต่ก็พบว่าร่างกายเขายังเหนื่อยอ่อนเกินไป
แมคซ์พูดต่อ “ฉันไปเรียนก่อนนะ เย็นนี้เจอกัน”
โรวว์แซนยอมแพ้ให้ร่างกายไปก่อน และเมื่อเขาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เขาค่อยทำความเข้าใจกับประเด็นนี้ใหม่ เขาคิด
เขาถอนหายใจอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อจำได้ว่า แมคซ์พูดถึงเรื่องที่แอลลิเซ่นมาหาเขาที่นี่... ที่บ้านเล็ก เขายังคงสับสนว่าแอลลิเซ่นจะมาหาเขาได้อย่างไรกัน เธอมาทำไม มาที่บ้านเล็กเนี่ยนะ เขาคิด และตัดสินใจว่าหลังเลิกเรียนชั่วโมงนี้ เขาจะต้องไปหาแมคซ์เพื่อไขข้อข้องใจของเขาให้ได้
แอลลิเซ่นกำลังเดินอยู่กับมีหลังจากจบชั่วโมงเรียนวิชาคณิตศาสตร์ แล้วก็มีเสียงบีบแตรดังมาทางด้านหลัง
ปิ๊นน ปิ๊นนนน
แมททิวชะโงกหน้าออกมาทางหน้าต่างรถยนต์ แล้วเอ่ย
“สาวๆ ไปที่เฮกซ์เตอร์กันมั้ย วันนี้มีแข่งบาสเก็ตบอลด้วย”
มีตาลุกวาวเป็นประกาย ฉายแววความต้องการนั้นอย่างชัดเจน เธอหันมาหาแอลลิเซ่น
“ได้เลยทีม ไปไหนไปกัน” แอลลิเซ่นว่า
ทั้งสามคนเดินเข้าไปยังสนามแข่งบาสเก็ตบอลของโรงเรียนเฮกซ์เตอร์ในเวลาต่อมา ระหว่างทาง มีพล่ามไม่หยุดในหัวข้อเรื่องบาสเก็ตบอลล้วนๆ ไม่ว่าจะเป็น นักบาสเก็ตบอลในดวงใจเธอ ตลอดจนเทคนิคและสไตล์การเล่นของผู้เล่นนั้นๆ แมททิวพยักหน้าเป็นช่วงๆ ฟังเธอพล่ามด้วยความอดทน
แอลลิเซ่นเดินรั้งท้ายสองคนนั้นแล้วในตอนนี้ เธอไม่มีความถนัดหรือทักษะด้านกีฬาบาสเก็ตบอลเลย จู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งฟังคุ้นหู เอ่ยขึ้น
“เฮ้ สาวน้อยแอลลี่”
แมคซ์ นั่นเอง
“เฮ้... แมคซ์ นายมาทำอะไรอยู่ที่นี่หล่ะ แปลกมาก ! ” เธอยิงมุกใส่เขา
“โอ้ะโอ เก่งขึ้นนี่สาวน้อย” ทั้งสองหัวเราะ แมคซ์เอ่ยต่อ
“ไปก่อนนะ เฮกซ์เตอร์ขาดตัวจริงอย่างฉันไม่ได้” เขาแหย่
“ลุยเล้ย !! เฮกซ์เตอร์คงต้องหาอะไรมาคลุมหัวแน่คราวนี้” เธอยิ้มขำ
การแข่งขันดำเนินไปได้ครึ่งชั่วโมง แอลลิเซ่นผละออกมาสูดอากาศข้างนอกอยู่ครู่หนึ่ง เธอกำลังจะกลับเข้าไปข้างใน แล้วก็เห็นเขาเดินตรงมาทางนี้
อืม โรวว์แซน นั่นเอง
จู่ๆ แอลลิเซ่นก็มีความรู้สึกประหม่าขึ้นมาทันที ความรู้สึกวูบไหวแปลกๆ ในร่างกายแผ่ซ่านขึ้นมา
โรวว์แซนมองตรงไปที่เธอ แล้วยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ชวนให้หลงใหลเป็นที่สุด แล้วเขาก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่น่าฟัง สำเนียงแบบวินด์เซอร์
“เฮ้ แอลล์ มาดูแมคซ์แข่งหรือ”
“เอ่อ ก็ไม่เชิง ฉันไม่ค่อยถนัดเรื่องกีฬา เลยออกมาสูดอากาศข้างนอก”
โรวว์แซนมีท่าทางลังเลนิดหน่อย ก่อนเอ่ยขึ้น
“อืม สนใจไปเดินเล่นด้วยกันมั้ย ที่ๆ อากาศดีกว่านี้” เขาเอียงคอไปข้างหนึ่งพลางยิ้มยั่วยวน
แอลลิเซ่นยักไหล่ ปกปิดความประหม่าไว้อย่างมิดชิด “นำทางไปเลย”
ในตอนแรกโรวว์แซนตั้งใจว่าจะมาสอบถามแมคซ์เรื่องที่ตนสงสัยอยู่ แต่แล้วโชคก็เข้าข้างเมื่อเขาได้มาพบกับคำตอบด้วยตัวเอง
“เมื่อวาน ฉันไปที่บ้านคุณมา” เธอพยายามคัดสรรคำพูดแต่ก็ยังรู้สึกเหมือนเด็กปัญญาอ่อนพูดอยู่ดี
“เอ่อ ใช่ ผมขอโทษที่ไม่ได้อยู่ต้อนรับ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มมีเสน่ห์
“ไม่เป็นไรนี่ มีผู้หญิงตั้งหลายคนมายืนเรียงแถวต้อนรับพวกเรา” เธอแหย่ คราวนี้รู้สึกดีขึ้น
“อ่า ใช่ แต่ผมควรจะเป็นหนึ่งในนั้นนะ” เขาขำนิดๆ ทำเสียงคึกคัก
แอลลิเซ่นสังเกตว่า เขาเดินอยู่ข้างๆ เธอ กอดอกด้วยท่าทางผ่อนคลาย ยิ้มน้อยๆ กระจายอยู่ทั่วใบหน้า
เขาว่าต่อ “เอ่อ เมื่อสักครู่นี้คุณพูดว่า พวกเรา หรอ”
“ใช่ ฉันไปที่นั่นพร้อมลุงโคล แม่ของฉันและก็แคทธริน คุณก็รู้จักแล้วนี่”
โรวว์แซนเบิกตาโพลง เขาเข้าใจแล้ว เธอกับแม่เป็นสมาชิกใหม่ของครอบครัว วิลเลอรี่ บังเอิญเหลือเกิน เขาคิด
“อืม ก็ไม่เชิง” เขาเอ่ยต่อ
“แล้วแมคซ์พาคุณไปทำอะไรบ้าง”
ระหว่างที่เดินกันไปแอลลิเซ่นไม่ทันได้สังเกตหรือชมทัศนียภาพโดยรอบของเฮกซ์เตอร์ไฮสคูลเลย เธอมัวแต่ใจจดใจจ่ออยู่กับบทสนทนาตรงหน้า เอ่อ และใบหน้าของคนที่เดินอยู่ข้างๆ
“แมคซ์พาเราไปที่คอกม้า แคทธรินขอตัวไปขี่ม้า หลังจากนั้นเขาก็พาฉันไปที่บ้านเล็ก” เธอหยุดหันหน้ามามองเขา แล้วเอ่ยต่อ
“เขาได้เล่าถึงที่มาของชื่อ บ้านเล็ก ให้ฉันทราบแล้วด้วย”
โรวว์แซนหัวเราะเบาๆ อย่างเสนาะหู แอลลิเซ่นยิ้มกว้างขึ้น
ทั้งสองเดินคุยกันไปด้วยความเพลิดเพลิน โรวว์แซนก้มลงมองนาฬิกาข้อมือแล้วจึงพากันเดินวนกลับมายังสนามบาสเก็ตบอล ทันทีที่เดินมาถึงก็พบว่า การแข่งขันเพิ่งจบลง แมททิวกับมีเดินออกมาพอดี ทันทีที่มีพบว่าโรวว์แซนยืนแนบชิดอยู่ข้างๆ แอลลิเซ่น ตาของเธอเบิกโพลงด้วยความประหลาดใจ โรวว์แซนพยักหน้าแล้วส่งยิ้มให้เธอบางๆ เธอกระพริบตาถี่ๆ แล้วยิ้มออกมา แต่เป็นรอยยิ้มที่น่าขันจริงๆ
แอลลิเซ่นกลั้นใจไม่ให้หัวเราะออกมากับท่ายิ้มของมี
“เฮ้ โรวว์ นายรู้จักกันแล้วหรอ” แมททิวทัก
โรวว์แซนหันมามองหน้าแอลลิเซ่น แล้วหันมาพยักหน้าตอบ
“อ่อ ดีเลย งั้นเรากลับกันเลยดีมั้ย แอลลี่” แมททิวถามแอลลิเซ่น แล้วหันไปทางมี มียังคงจ้องหน้าโรวว์แซนอยู่
แมททิวสะกิดแขนเธอ “ว่าไง”
มีสะดุดกึก แล้วหันไปตอบ
“อ้อ เอ่อ โอเค กลับกันเลย”
“เอ่อ เดี๋ยวฉันไปส่งแอลลี่เอง” โรวว์แซนเอ่ยขึ้น
มีหันมายักคิ้วให้แอลลิเซ่นที่กำลังยืนตัวเกร็ง เม้มปากเป็นเส้นตรง
“อืม ก็ดีเหมือนกันนะ ฉันกับแมทจะได้ไปหาอะไรกินกันต่อ” มีว่า
แล้วทั้งสองคู่ก็แยกย้ายกันไปยังรถของตัวเอง ก่อนไปมียังอุตส่าห์หันมาขยิบตาให้แอลลิเซ่นหนึ่งทีและยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เมื่อไปถึงที่รถปอร์เช่สีดำของโรวว์แซน แอลลิเซ่นชะงักพลันนึกขึ้นได้ว่า แคทธรินขับรถปอร์เช่สีแดง !
เขาทั้งสองมีอะไรที่เหมือนกันหลายอย่างเหลือเกิน เธอคิด
แมคซ์วิ่งมาด้วยท่าทางเหนื่อยหอบ เหงื่อเปียกโชกเต็มใบหน้า
“เฮ้ บังเอิญจังนะ พวก” เขาทัก
“อ้าว แมคส์ นายกำลังมองหาอะไรไว้คลุมหัวอยู่รึเปล่า” แอลลิเซ่นแขวะเขา แล้วยักคิ้ว
“ใครว่าหล่ะ มีฉันอยู่ในทีม เฮกซ์เตอร์ไม่มีทางผิดหวังแน่” เขาค้อนเธอวงหนึ่งแล้วกอดอกในท่าผู้ชนะ
ตลอดทาง แมคซ์ยังคงเล่าอวดอ้างการทำคะแนนของเขา และวิจารณ์เทคนิคการเล่นของฝ่ายตรงข้ามอย่างสนุกปาก แอลลิเซ่นเหลือบมองโรวว์แซนเป็นช่วงๆ จังหวะหนึ่งที่เธอเหลียวมองไปแล้วสบกับนัยน์ตาสีเขียวคู่นั้นเข้าพอดี เธอรีบหันกลับมา รู้สึกถึงกระแสเลือดที่สูบฉีด ใบหน้าร้อนวูบวาบขึ้นมาทันที
รถแล่นมาจอดที่หน้าบ้านแล้ว แอลลิเซ่นก้าวลงจากรถ โรวว์แซนหันมายิ้มมุมปากทรงเสน่ห์ พยักหน้าเบาๆ หนึ่งที แอลลิเซ่นรู้สึกว่าท้องไส้ของเธอปั่นป่วนขึ้นมาซะอย่างนั้น แล้วรถก็ค่อยๆ เคลื่อนออกไป
ขณะที่เธอรวบรวมสติกลับมาและกำลังจะเดินเข้าบ้าน แต่แล้วก็หยุดเดินเพราะมีเสียงหนึ่งตะโกนเรียกเธอขึ้นมา
“เฮ้ แอลลี่ ทางนี้ๆ” แพททริคนั่นเอง
แอลลิเซ่นเดินไปยังขอบรั้วบ้านข้างๆ
“อ้อ ริค มีอะไรหรือ” เธอว่า
“คือว่าเดือนหน้าเขาจะมีงานประกวดภาพถ่ายประจำปี ผมอยากจะขอให้คุณมาเป็นแบบให้ผมหน่อย”
แอลลิเซ่นอ้าปากเล็กน้อย ทำหน้าแปลกใจ
“ฉันเนี่ยนะ ริค คุณหาคนอื่นไม่ได้แล้วหรือไง”
“ใครว่า ผมนึกถึงคุณเป็นคนแรกนะเนี่ย” เขายิ้มและใช้สายตาอ้อนวอน
เขาเอ่ยต่อ “เฮ้ ขอร้องเถอะ ได้โปรด”
“เฮ้อ!! คุณไม่ชนะการประกวดแน่ริค ฉันสาบานได้” เธอว่า
“ฮ่าๆๆ ขอบคุณมากแอลลี่ แล้วคอยดูกัน”
เธอยิ้มและส่ายหน้าไปพร้อมๆ กัน
~ ความใกล้ชิด ~
เช้าวันต่อมา
แอลลิเซ่นตื่นขึ้นมาด้วยอาการงัวเงีย ในระหว่างที่กำลังทำผมที่หน้ากระจก เธอก็หวนนึกถึงเรื่องที่แคทธรินเล่าให้ฟังเมื่อวานนี้ เรื่องการคบหาอยู่กับสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลวินด์เซอร์ ซึ่งเธอไม่แน่ใจว่าจะใช้คำว่า เคยคบ หรือ ยังคบอยู่
อืม ใช่สิ แคทธรินกับโรวว์แซนต่างก็เรียนที่เดียวกัน ครอบครัวทั้งสองก็รู้จักสนิทสนมกัน ก็ไม่แปลกที่เขาจะคบกัน เธอคิด แล้วก็ถอดใจหันไปจดจ่อกับการทำผมต่อ
“แม่คะ วันนี้หนูขอผ่านอาหารเช้าไปนะ” แอลลิเซ่นเอ่ยขึ้นขณะที่กำลังก้าวลงมาตามขั้นบันได
“อ้าวหรอ ลูกน่าจะหยิบแซนด์วิชไปสักชิ้นนะ”
เธอหยุดคิดนิดหนึ่ง “อืม ก็ได้ค่ะ”
แอลลิเซ่นเอื้อมมือไปหยิบแซนด์วิช เปิดตู้เย็นคว้าไดเอทโค้กขึ้นมาได้ แล้วเดินออกไปยังประตูบ้าน เธอกัดแซนด์วิชไปคำใหญ่ แล้วเดินต่อไป มุ่งหน้าไปยังป้ายรอรถประจำทาง
เมื่อรถประจำทางมาจอดรับ เธอก้าวขึ้นไปบนรถ ขณะที่กวาดสายตามองหาที่นั่ง ตรงที่นั่งท้ายรถเธอก็เหลือบไปเห็นแมคซ์ แต่ตอนนี้ที่นั่งข้างๆ เขาเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่โรวว์แซน เธอเดินต่อไปหาที่นั่งว่างแถวกลางๆ เธอนั่งลง ในใจยังนึกสงสัยว่าวันนี้เขาหายไปไหน
รถแล่นไปไกลมากแล้ว จู่ๆ แมคซ์ก็โผล่หน้ามาหย่อนกายลงข้างๆ เธอ
เขายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ชอบกล
“หวัดดี” เขาทัก
“ว่าไง” แอลลิเซ่นยิ้มตอบ
“วันนี้โรวว์ มันขับรถไปเอง” เขาว่า
แอลลิเซ่นทำสีหน้าแปลกใจ
“เฮ้ ไม่เอาน่า แอลลี่ ฉันนึกว่าเราสนิทกันแล้วเสียอีก”
แล้วเขาก็พูดต่อ
“ก็เห็นอยู่ว่าเธอมองหาเขา นี่ไง ฉันมาตอบข้อสงสัยให้แล้ว”
แอลลิเซ่นหัวเราะ ส่ายหน้าให้กับความเจ้าเล่ห์ของแมคซ์
“โอเค ฉันแพ้แล้ว” เธอว่า ยังหัวเราะอยู่
รถกำลังเตรียมจอดที่ป้ายโรงเรียนเฮกซ์เตอร์ แมคซ์เอ่ยลา ก่อนจะลงไปเขาหันมาขยิบตาขวาให้เธอหนึ่งที เธอทำหน้าเชิดใส่ แล้วยิ้มออกมา
สิบนาทีต่อมารถก็หยุดจอดที่ป้ายโรงเรียนมัธยมเซนต์ฮาโมนี่
“เฮ้ แอลลี่ ทางนี้” มี กวักมือเรียกแอลลิเซ่นขณะที่เธอยืนอยู่ที่ประตูด้านข้างโรงเรียน
“มี เธอมายืนทำอะไรตรงนี้หล่ะ” แอลลิเซ่นว่า
“ก็มารอเธอนะสิ ฉันให้แมทมาส่งที่นี่เองแหละ”
แอลลิเซ่นนึกขึ้นได้
“อ้อ ฉันอยากทราบว่า นางสาวมี คอนเนอร์ ทำรายงานไปถึง…”
“…โอ้ยๆ จะรีบไปทำไม กำหนดส่งปลายเดือนนะไม่ใช่วันสองวันนี้” มี ท้วงขึ้นกลางคัน
“จ้าๆๆ แล้วฉันจะคอยดู วันที่เธอส่งรายงานไม่ทัน”
มียิ้มด้วยท่าทางแสนซุกซน แอลลิเซ่นยิ้มด้วยความเอือมระอา
ชั่วโมงวิชาภาษาอังกฤษ
มิสเตอร์เกลนกำลังบรรยายไปเรื่อยๆ ในหัวข้อเรื่องบุคคลสำคัญทางด้านภาษาและวรรณคดีอังกฤษ ขณะที่แอลลิเซ่นกับมีกำลังสนทนากันอย่างออกรส ด้วยความที่โชคเข้าข้างให้ทั้งคู่เลือกที่นั่งมุมห้อง ซึ่งอยู่นอกอาณาเขตสายตาของผู้สอน
“มี ฉันสงสัยว่าทำไมเธอกับแมทถึงไม่ไปเรียนที่เดียวกันซะหล่ะ แมทอาจจะย้ายมาเรียนที่นี่ หรือไม่เธออาจจะย้ายไปเรียนที่นั่นก็ได้นี่”
“อืม ก็ เป็นไอเดียของฉันเองแหละ”
แอลลิเซ่นเบิกตาขึ้น ประหลาดใจ
“ไอเดียหรอ” เธอว่า
“ใช่ ก็ ฉันแค่คิดว่า ถ้าทำอย่างนั้น ฉันคงจะดูเป็นเด็กสาววัยรักมากกว่าวัยรุ่นนะสิ ฉันกับแมทเลยตกลงกันว่าเราจะไม่เรียนที่เดียวกัน ไม่อยู่ด้วยกันตลอดเวลา แบบติดหนึบอะ เข้าใจใช่มั้ย”
แอลลิเซ่นพยักหน้า แล้วยิ้ม เธอเข้าใจแล้วและเธอก็ชอบไอเดียของมี
จู่ๆ นัยน์ตาของมี ก็ลุกวาวสดใสขึ้นมา
“เอ้ะ! แล้วเธอหล่ะ เมื่อวานนี้ไปบ้านเจ้าชายผมบลอนด์ของฉันมา เป็นไงบ้าง เล่ามาซะดีๆ” เธอแหย่
แอลลิเซ่นกำลังอ้าปากจะค้าน แล้วก็มีเสียงมิสเตอร์เกลนขัดขึ้น เขาจงใจกระแอมเสียงดัง
“มิสคอนเนอร์ ผมรู้ดีว่าคุณกับมิสซอว์เยอร์กำลังถกเถียงกันในหัวข้อเกี่ยวกับบุคคลสำคัญทางด้านภาษาและวรรณคดีอังกฤษที่เรากำลังเรียนกันอยู่ ไหนรบกวนคุณช่วยเอ่ยมาสักชื่อ ในบรรดาคนเหล่านั้น”
แอลลิเซ่นกลั้นหัวเราะไว้ แล้วกล่าวขอบคุณเขาในใจ
นาฬิกาบอกเวลาบ่ายสามโมง
โรวว์แซนนั่งขมวดคิ้วอยู่ในชั้นเรียน เขาหวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อเช้านี้
เมื่อวานนี้เขาขับรถไปไกลถึงอีกเมืองหนึ่ง นอกจากแมคซ์ที่เป็นเพื่อนสนิทแล้ว เขายังมีญาติผู้พี่อีกคนที่เป็นเสมือนพี่ชายของเขา... เอ็ดเวิร์ด
เอ็ดเวิร์ด วินด์เซอร์ เป็นลูกชายคนเดียวของเจนน่า วินด์เซอร์ ซึ่งเป็นน้องสาวของพ่อเขานั่นเอง เอ็ดเวิร์ดกำลังเรียนด้านกฎหมายระหว่างประเทศ ที่มหาวิทยาลัย ชื่อดังแห่งหนึ่งทางตอนเหนือของรัฐ โรวว์แซนมักจะไปเยี่ยมเขาอยู่บ่อยๆ และเมื่อคืนนี้ทั้งคู่ออกไปเที่ยวและดื่มกันหนักไปหน่อย โรวว์แซนก็เลยค้างคืนที่คอนโดสุดหรูของเขา
โรวว์แซนกลับเข้ามาที่บ้านเล็กเมื่อตอนเกือบสว่าง ทันทีที่เดินมาถึงเตียงเขาก็มุดตัวคลานเข้าไปนอนใต้ผ้าห่ม เขาเพิ่งจะเริ่มเข้าสู่ช่วงหลับลึกได้เพียงพักเดียว ประตูห้องนอนก็เปิดผางออกมา
“ยังนอนอยู่หรือ” เป็นเสียงทักทายที่ฟังดูคุ้นเคย
เขาพยายามเบิ่งตาให้เปิด แต่เปลือกตาก็ต่อต้านเขาเหลือเกิน
“เมื่อวานนี้ แอลลิเซ่นมาที่นี่ด้วย” แมคซ์ว่า
โรวว์แซนสะดุ้งลืมตาขึ้น แต่ก็พบว่าร่างกายเขายังเหนื่อยอ่อนเกินไป
แมคซ์พูดต่อ “ฉันไปเรียนก่อนนะ เย็นนี้เจอกัน”
โรวว์แซนยอมแพ้ให้ร่างกายไปก่อน และเมื่อเขาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เขาค่อยทำความเข้าใจกับประเด็นนี้ใหม่ เขาคิด
เขาถอนหายใจอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อจำได้ว่า แมคซ์พูดถึงเรื่องที่แอลลิเซ่นมาหาเขาที่นี่... ที่บ้านเล็ก เขายังคงสับสนว่าแอลลิเซ่นจะมาหาเขาได้อย่างไรกัน เธอมาทำไม มาที่บ้านเล็กเนี่ยนะ เขาคิด และตัดสินใจว่าหลังเลิกเรียนชั่วโมงนี้ เขาจะต้องไปหาแมคซ์เพื่อไขข้อข้องใจของเขาให้ได้
แอลลิเซ่นกำลังเดินอยู่กับมีหลังจากจบชั่วโมงเรียนวิชาคณิตศาสตร์ แล้วก็มีเสียงบีบแตรดังมาทางด้านหลัง
ปิ๊นน ปิ๊นนนน
แมททิวชะโงกหน้าออกมาทางหน้าต่างรถยนต์ แล้วเอ่ย
“สาวๆ ไปที่เฮกซ์เตอร์กันมั้ย วันนี้มีแข่งบาสเก็ตบอลด้วย”
มีตาลุกวาวเป็นประกาย ฉายแววความต้องการนั้นอย่างชัดเจน เธอหันมาหาแอลลิเซ่น
“ได้เลยทีม ไปไหนไปกัน” แอลลิเซ่นว่า
ทั้งสามคนเดินเข้าไปยังสนามแข่งบาสเก็ตบอลของโรงเรียนเฮกซ์เตอร์ในเวลาต่อมา ระหว่างทาง มีพล่ามไม่หยุดในหัวข้อเรื่องบาสเก็ตบอลล้วนๆ ไม่ว่าจะเป็น นักบาสเก็ตบอลในดวงใจเธอ ตลอดจนเทคนิคและสไตล์การเล่นของผู้เล่นนั้นๆ แมททิวพยักหน้าเป็นช่วงๆ ฟังเธอพล่ามด้วยความอดทน
แอลลิเซ่นเดินรั้งท้ายสองคนนั้นแล้วในตอนนี้ เธอไม่มีความถนัดหรือทักษะด้านกีฬาบาสเก็ตบอลเลย จู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งฟังคุ้นหู เอ่ยขึ้น
“เฮ้ สาวน้อยแอลลี่”
แมคซ์ นั่นเอง
“เฮ้... แมคซ์ นายมาทำอะไรอยู่ที่นี่หล่ะ แปลกมาก ! ” เธอยิงมุกใส่เขา
“โอ้ะโอ เก่งขึ้นนี่สาวน้อย” ทั้งสองหัวเราะ แมคซ์เอ่ยต่อ
“ไปก่อนนะ เฮกซ์เตอร์ขาดตัวจริงอย่างฉันไม่ได้” เขาแหย่
“ลุยเล้ย !! เฮกซ์เตอร์คงต้องหาอะไรมาคลุมหัวแน่คราวนี้” เธอยิ้มขำ
การแข่งขันดำเนินไปได้ครึ่งชั่วโมง แอลลิเซ่นผละออกมาสูดอากาศข้างนอกอยู่ครู่หนึ่ง เธอกำลังจะกลับเข้าไปข้างใน แล้วก็เห็นเขาเดินตรงมาทางนี้
อืม โรวว์แซน นั่นเอง
จู่ๆ แอลลิเซ่นก็มีความรู้สึกประหม่าขึ้นมาทันที ความรู้สึกวูบไหวแปลกๆ ในร่างกายแผ่ซ่านขึ้นมา
โรวว์แซนมองตรงไปที่เธอ แล้วยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ชวนให้หลงใหลเป็นที่สุด แล้วเขาก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่น่าฟัง สำเนียงแบบวินด์เซอร์
“เฮ้ แอลล์ มาดูแมคซ์แข่งหรือ”
“เอ่อ ก็ไม่เชิง ฉันไม่ค่อยถนัดเรื่องกีฬา เลยออกมาสูดอากาศข้างนอก”
โรวว์แซนมีท่าทางลังเลนิดหน่อย ก่อนเอ่ยขึ้น
“อืม สนใจไปเดินเล่นด้วยกันมั้ย ที่ๆ อากาศดีกว่านี้” เขาเอียงคอไปข้างหนึ่งพลางยิ้มยั่วยวน
แอลลิเซ่นยักไหล่ ปกปิดความประหม่าไว้อย่างมิดชิด “นำทางไปเลย”
ในตอนแรกโรวว์แซนตั้งใจว่าจะมาสอบถามแมคซ์เรื่องที่ตนสงสัยอยู่ แต่แล้วโชคก็เข้าข้างเมื่อเขาได้มาพบกับคำตอบด้วยตัวเอง
“เมื่อวาน ฉันไปที่บ้านคุณมา” เธอพยายามคัดสรรคำพูดแต่ก็ยังรู้สึกเหมือนเด็กปัญญาอ่อนพูดอยู่ดี
“เอ่อ ใช่ ผมขอโทษที่ไม่ได้อยู่ต้อนรับ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มมีเสน่ห์
“ไม่เป็นไรนี่ มีผู้หญิงตั้งหลายคนมายืนเรียงแถวต้อนรับพวกเรา” เธอแหย่ คราวนี้รู้สึกดีขึ้น
“อ่า ใช่ แต่ผมควรจะเป็นหนึ่งในนั้นนะ” เขาขำนิดๆ ทำเสียงคึกคัก
แอลลิเซ่นสังเกตว่า เขาเดินอยู่ข้างๆ เธอ กอดอกด้วยท่าทางผ่อนคลาย ยิ้มน้อยๆ กระจายอยู่ทั่วใบหน้า
เขาว่าต่อ “เอ่อ เมื่อสักครู่นี้คุณพูดว่า พวกเรา หรอ”
“ใช่ ฉันไปที่นั่นพร้อมลุงโคล แม่ของฉันและก็แคทธริน คุณก็รู้จักแล้วนี่”
โรวว์แซนเบิกตาโพลง เขาเข้าใจแล้ว เธอกับแม่เป็นสมาชิกใหม่ของครอบครัว วิลเลอรี่ บังเอิญเหลือเกิน เขาคิด
“อืม ก็ไม่เชิง” เขาเอ่ยต่อ
“แล้วแมคซ์พาคุณไปทำอะไรบ้าง”
ระหว่างที่เดินกันไปแอลลิเซ่นไม่ทันได้สังเกตหรือชมทัศนียภาพโดยรอบของเฮกซ์เตอร์ไฮสคูลเลย เธอมัวแต่ใจจดใจจ่ออยู่กับบทสนทนาตรงหน้า เอ่อ และใบหน้าของคนที่เดินอยู่ข้างๆ
“แมคซ์พาเราไปที่คอกม้า แคทธรินขอตัวไปขี่ม้า หลังจากนั้นเขาก็พาฉันไปที่บ้านเล็ก” เธอหยุดหันหน้ามามองเขา แล้วเอ่ยต่อ
“เขาได้เล่าถึงที่มาของชื่อ บ้านเล็ก ให้ฉันทราบแล้วด้วย”
โรวว์แซนหัวเราะเบาๆ อย่างเสนาะหู แอลลิเซ่นยิ้มกว้างขึ้น
ทั้งสองเดินคุยกันไปด้วยความเพลิดเพลิน โรวว์แซนก้มลงมองนาฬิกาข้อมือแล้วจึงพากันเดินวนกลับมายังสนามบาสเก็ตบอล ทันทีที่เดินมาถึงก็พบว่า การแข่งขันเพิ่งจบลง แมททิวกับมีเดินออกมาพอดี ทันทีที่มีพบว่าโรวว์แซนยืนแนบชิดอยู่ข้างๆ แอลลิเซ่น ตาของเธอเบิกโพลงด้วยความประหลาดใจ โรวว์แซนพยักหน้าแล้วส่งยิ้มให้เธอบางๆ เธอกระพริบตาถี่ๆ แล้วยิ้มออกมา แต่เป็นรอยยิ้มที่น่าขันจริงๆ
แอลลิเซ่นกลั้นใจไม่ให้หัวเราะออกมากับท่ายิ้มของมี
“เฮ้ โรวว์ นายรู้จักกันแล้วหรอ” แมททิวทัก
โรวว์แซนหันมามองหน้าแอลลิเซ่น แล้วหันมาพยักหน้าตอบ
“อ่อ ดีเลย งั้นเรากลับกันเลยดีมั้ย แอลลี่” แมททิวถามแอลลิเซ่น แล้วหันไปทางมี มียังคงจ้องหน้าโรวว์แซนอยู่
แมททิวสะกิดแขนเธอ “ว่าไง”
มีสะดุดกึก แล้วหันไปตอบ
“อ้อ เอ่อ โอเค กลับกันเลย”
“เอ่อ เดี๋ยวฉันไปส่งแอลลี่เอง” โรวว์แซนเอ่ยขึ้น
มีหันมายักคิ้วให้แอลลิเซ่นที่กำลังยืนตัวเกร็ง เม้มปากเป็นเส้นตรง
“อืม ก็ดีเหมือนกันนะ ฉันกับแมทจะได้ไปหาอะไรกินกันต่อ” มีว่า
แล้วทั้งสองคู่ก็แยกย้ายกันไปยังรถของตัวเอง ก่อนไปมียังอุตส่าห์หันมาขยิบตาให้แอลลิเซ่นหนึ่งทีและยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เมื่อไปถึงที่รถปอร์เช่สีดำของโรวว์แซน แอลลิเซ่นชะงักพลันนึกขึ้นได้ว่า แคทธรินขับรถปอร์เช่สีแดง !
เขาทั้งสองมีอะไรที่เหมือนกันหลายอย่างเหลือเกิน เธอคิด
แมคซ์วิ่งมาด้วยท่าทางเหนื่อยหอบ เหงื่อเปียกโชกเต็มใบหน้า
“เฮ้ บังเอิญจังนะ พวก” เขาทัก
“อ้าว แมคส์ นายกำลังมองหาอะไรไว้คลุมหัวอยู่รึเปล่า” แอลลิเซ่นแขวะเขา แล้วยักคิ้ว
“ใครว่าหล่ะ มีฉันอยู่ในทีม เฮกซ์เตอร์ไม่มีทางผิดหวังแน่” เขาค้อนเธอวงหนึ่งแล้วกอดอกในท่าผู้ชนะ
ตลอดทาง แมคซ์ยังคงเล่าอวดอ้างการทำคะแนนของเขา และวิจารณ์เทคนิคการเล่นของฝ่ายตรงข้ามอย่างสนุกปาก แอลลิเซ่นเหลือบมองโรวว์แซนเป็นช่วงๆ จังหวะหนึ่งที่เธอเหลียวมองไปแล้วสบกับนัยน์ตาสีเขียวคู่นั้นเข้าพอดี เธอรีบหันกลับมา รู้สึกถึงกระแสเลือดที่สูบฉีด ใบหน้าร้อนวูบวาบขึ้นมาทันที
รถแล่นมาจอดที่หน้าบ้านแล้ว แอลลิเซ่นก้าวลงจากรถ โรวว์แซนหันมายิ้มมุมปากทรงเสน่ห์ พยักหน้าเบาๆ หนึ่งที แอลลิเซ่นรู้สึกว่าท้องไส้ของเธอปั่นป่วนขึ้นมาซะอย่างนั้น แล้วรถก็ค่อยๆ เคลื่อนออกไป
ขณะที่เธอรวบรวมสติกลับมาและกำลังจะเดินเข้าบ้าน แต่แล้วก็หยุดเดินเพราะมีเสียงหนึ่งตะโกนเรียกเธอขึ้นมา
“เฮ้ แอลลี่ ทางนี้ๆ” แพททริคนั่นเอง
แอลลิเซ่นเดินไปยังขอบรั้วบ้านข้างๆ
“อ้อ ริค มีอะไรหรือ” เธอว่า
“คือว่าเดือนหน้าเขาจะมีงานประกวดภาพถ่ายประจำปี ผมอยากจะขอให้คุณมาเป็นแบบให้ผมหน่อย”
แอลลิเซ่นอ้าปากเล็กน้อย ทำหน้าแปลกใจ
“ฉันเนี่ยนะ ริค คุณหาคนอื่นไม่ได้แล้วหรือไง”
“ใครว่า ผมนึกถึงคุณเป็นคนแรกนะเนี่ย” เขายิ้มและใช้สายตาอ้อนวอน
เขาเอ่ยต่อ “เฮ้ ขอร้องเถอะ ได้โปรด”
“เฮ้อ!! คุณไม่ชนะการประกวดแน่ริค ฉันสาบานได้” เธอว่า
“ฮ่าๆๆ ขอบคุณมากแอลลี่ แล้วคอยดูกัน”
เธอยิ้มและส่ายหน้าไปพร้อมๆ กัน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ