EXPLOSIVE BAND ระเบิดฝันสู่ดาว
9.7
เขียนโดย Yuren
วันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2556 เวลา 14.17 น.
5 บท
3 วิจารณ์
8,391 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 10 มีนาคม พ.ศ. 2556 23.27 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) บท 1 (ฉบับทำใหม่)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทหนึ่ง
ณ สวนสาธารณะแห่งหนึ่งในจังหวัด XXX ณ สวนสาธารณแห่งนี้ มีเหล่าผู้คน
ที่มีความฝันมารวมตัวกันเพื่อแสดงความสามารถของตัวเองที่มีอยู่ เพราะนี้คือ
งาน Open eye Open heart เปิดตาเท่ากับเปิดใจ ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดใน
ประเทศและยังมีหนุ่มน้อยคนหนึ่ง ซึ่งอยากเป็นนักดนตรี แต่ด้วยความกลัวใน
ฝันหรือเรียกง่ายว่า เจอข้าศึกแอบปอด ของเขาทำให้เขาได้แต่เดินดูในงาน
ครั้งนี้เท่านั้นและหนุ่มน้อยคนนั้นก็คือ…. "เฮ้อ ! มองไปทางไหนก็แต่พวกเปิด
หมวกทั้งนั้นเลยทั้งนั้นเลย นี้!!" "สันโดษมาดูอะไรนี้สิ"
"กวางเราบอกเธอแล้วใช้ไหมว่าอย่าเรียกชื่อนี้เรา" ผมพูดย้ำเตือนกวาง ฮาๆๆ
"ล้อเล่นน่าสันโดษ" "แนะยังจะเรียกอีก.." สงสัยละสิว่าผมกับผู้หญิงคนนี้เป็น
ใครกันผมชื่อสันโดษไม่รู้ว่าพ่อแม่ผมคิดชื่อนี้ขึ้นมาได้ยังไง..ไม่เคยคิดถึงตอน
โตเลยว่าผมจะโดนล้อว่าอะไรบ้าง เฮ้อ! เศร้า T-T และผู้หญิงที่ยืนยุข้างผมนั้นมีชื่อว่ากวางเธอเป็นน่ารัก
มากแต่…เป็นผู้หญิงที่ เรื่องมาก เอาแต่ใจ ขี้งก ขี้โมโห หลายคนคงนึกละสิ
ว่าที่เรามาเที่ยวด้วยกันอย่างนี้คงคิดว่าผมกับเขาเป็นแฟนละสิ ป่าวเลยเราเป็น
แค่เพื่อนกันนะผมคงไม่มีทางเอานางมารใจโฉดอย่างนี้มาเป็นแฟนหรอก
ฮาๆๆ และตอนนี้เราอสองคนยู่กันที่สวนสาธานะแห่งหนึ่งในเมือง XXX ซึ่งใน
วันนี้เป็นวันที่มีการเปิดหมวกมากมาย เปิดหมวกก็คือ การแสดงอะไรต่างๆ
นานา ให้ผู้คนที่ผ่านไปมาได้รับชม ถ้าผู้คนที่ผ่านไปมาชอบการแสดงนั้นๆ ก็
โยนเงินลงไปในสิ่งที่เราวางไว้ข้างหน้า และเมื่อกี้ที่กวางเรียกให้ผมดูก็คือ
วง เงินสะพัด แบน คงจะเป็นวงที่มาเล่นงานเปิดหมวกในครั้งนี้เหมือนกันแหละ
แต่ผมสงสัยอยู่อย่างหนึ่งว่า ไม่รู้ว่าชื่อวง เงินซะพัด แบนนั้นเป็นชื่อวงหรือเป็น
ซื่อที่เอาไว้อวดอ้างฐานะของวงนี้กันนั้นกันแน่ ฮาๆๆ และวงวงนี้เป็นวงรุ่นพี่ที่
มหาลัยของกวางที่กวางเคยเล่าให้ฟังนั้นเอง แถมในวงนั้นก็มีคนที่กวางแอบ
ชอบอยู่ ชื่อแคนเป็นผู้ชายที่ดูเซ่อมากๆ ผมฟู่ๆ กางเกงขาดๆๆ ยัยกวางมันชอบ
แบบเนี้ยรึเนี้ยพึ่งรุ ฮาๆๆ แต่หน้าเจ้าแคนมันก็หล่อนะ แต่น้อยกว่าผมหน่อย
ฮาๆๆ <เกิดอาการหลงตัวเอง> แถมเล่นกีตาร์ก็เก่งก็สมควรแล้วที่ยัยกวางมัน
จะชอบ เพราะยัยกวางนะมันชอบคนที่เล่นดนตรี เก่งๆ "เฮ้! นายสันเป็นอะไร
หรอยะเหม่อยุนั้นแหละนายไม่สบายป่าว" "ป่าวๆไม่ได้เหม่อ" <เสียงสูง>
"สันสันดูสิพี่ๆวง เงินเฟ้อ แบน เขาเล่นดนตรีได้เจ๋งสุดๆเลยอะ""หรอ!!"
ผมคิดในใจว่า โถ่ถ้าเจ๋งปานนี้มีค่ายดังๆมาจับเซ็นสัญญาไปแล้ว
<คิดด้วยความอิจฉา>
คอยดูเถอะสักวันเราจะตั้งวงที่เจ๋งกว่าวงนี้ขึ้นมาให้ดู
ผมกับกวางยืนดูวงรุ่นพี่ของกวางเล่นอยู่สักพักผมก็ทักกวางขึ้นมาว่า
"นี้กวางมั่วปลื้มยุนั้นแหละ จะไปหาไรกินกันได้ยังเนี้ยหิวจะตายอยู่แล้ว"
"แปปหนึ่งสิสันขอดูพวกพี่ๆเขาเล่นกันก่อนสิ"
"เออๆ" สุดท้ายผมก็ยืนดูพวกพี่ๆที่มหาลัยของกวางเขาเล่นกันต่อจนจบเพลง
ด้วยความหิวผมจนทนไม่ไหวผมจึงพูดเร่งกวางอีกรอบ
"ไปกันเถอะกวางหิวแล้ว"
"อื่ม! ก็ได้ ปะเริ่มหิวเหมือนกัน" และระหว่างเดินหาร้านอาหารกินกันอยู่นั้น
กวางก็เอาแต่พูดเรื่องวงเงินเฟ้อแบน ว่าชอบอย่างงั้น อย่างงู้นอย่างเงี้ย ผมก็รู้
น้อยใจไม่รู้เพราะอะไร เพราะว่าผมแอบชอบ กวางยุงั้นหรอ เลยทำให้รู้สึก
แปลกๆ เวลาที่กวางพูดถึงเรื่องผู้ชายคนอื่นเวลาอยู่กับผม คงไม่ใช้หรอกมั้งผม
คงคิดไปเองแหละ ฮาๆ และเราก็เดินมาได้สักพักก็เจอร้านอาหารตามสั่ง และ
กวางก็พูดขึ้นมา "สันเรากินร้านนี้กันเถอะ" "หะ!! นี้เธอจะกินร้านเขาไปเลยหรอ"
"ตลกเนอะนายสัน" กวางพูดและทำหน้านิ่ง
"กำซะงั้น ฮาๆๆโทษๆ กวางแต่เราไม่อยากกินร้านเนี้ย"
"ทำไมละสัน" ยัยกวางถามขึ้นด้วยตวามสงสัย "มันเหนื่อยนะ"
"เหนื่อยยังไงไม่เข้าใจ" "ก็มันต้องคอยตามสั้งอาหารอะ"
พอผมเล่นมุขจบกวางก็ทำหน้าอึ้งและพูดขึ้นว่า "ยังจะอุสาเล่นอีกเนอะ"
กวางพูดพร้อมทำหน้ากวนๆ
"เข้าไปกินข้าวดีกว่าเดี่ยวมุขฝืดๆของนายมันจะโผล่มามากกว่านี้"
"ฮาๆๆ ว่างั้นแหละเข้าไปหาข้าวกินกันดีกว่า"
ระหว่างที่เราสั้งอาหารไปแล้วและกำลังรออาหารทีสั่งกันอยู่นั้น
เราสองคนก็ได้พูดถึงเรื่องความฝันและอนาคตของกันและกันว่าถ้ามีโอกาส
ทำงานอยากจะทำงานอะไร กวางก็พูดถึงความฝันของตัวเอง
"ถ้าเราเรียนจบแล้วนะเราอยากจะเป็นแอร์โฮสเตส"
นี้พวกคุณรู้ไหมเวลาที่กวางพูดถึงความฝันของตัวเธอเองที่ไรน่ะ
เธอช่างดูน่ารักน่าหลงใหลซะเหลือเกิน
ทำให้เคลิ้มและนั้งฟังเธอไม่เบื่อเลยแหละฮาๆ เอ๋หรือว่าผมจะชอบเธอจริงๆนะ
บ้าไม่มีทางเป็นไปได้หรอก "สัน..สัน" กวางจับมือสันเขย่าพร้อมกับเรียกชื่อ
"หะๆ อะไรหรอ" "เป็นไรป่าวเห็นวันนี้เหม่อ บ๋อยบ่อย"
"ออ ไม่เป็นไร" ผมตอบแบบ อึ่นๆ
"เออ!กวางแล้วทำไมเธออยากเป็นแอร์ละ"
"ออ ก็เพราะเราไม่ อยากเป็นพัดลมไง" "หะ!!!"<ผมทำหน้าอึ่ง>
คิดไม่ถึงว่ายัยกวางจะกล้าเล่นมุขเสี่ยวๆอย่างเนี้ย
"ฮาๆๆ ล้อเล่นน่าที่เราอยากเป็นแอร์นะก็เพราะเราชอบสิ่งแปลกใหม่ที่ไม่เคย
พบเจอ และชอบที่จะได้รู้จักกับผู้คนเยอะๆ และอีกอย่างสำคัญมากเราอยากไป
ต่างประเทศฟรีๆนะ แถมได้ตังอีกด้วย ฮาๆๆ" กวางหัวเราะเหมือนกับว่าภูมิใจ
ในความงกของตัวเอง ฮาๆๆๆๆ
"คุณเธอนี้ช่างงกเหลือเกินเนอะ" สันพูดและทำหน้ายิ้มๆ
"เป็นธรรมดา นี้ยังไม่ชินกับอีกหรอนายสัน" กวางพูดโต้ตอบขึ้นมา
"หึหึ" ผมหัวเราะแบบกุมกิม กึกกึก แกรก แกรก(เสียงว่างจานข้าวนะคับบบบ)
"ข้าวมาแล้ว กินกันเถอะ" กวางพูดขึ้นมา
ระหว่างกินข้าวกันอยู่นั้น กวางพูดขึ้นมาว่า "เรายังไม่รู้เลยว่าอนาคตสันเลย
ตอนนี้สันอยากเป็นอะไรหรอ" "ออ หนูอยากเป็นตุ๊ดคะ" สันพูดและท่าทาง
หน้าตาสะดีดสะดิ้ง "จิงอะ" กวางทำหน้าอึ่งและพูดขึ้นด้วยความตกใจ
"บ้าพูดเล่นไปงั้นแหละ :)" สันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
"เฮ้อ! คอยโล่งหน่อยนึกว่าจริงๆ" กวางถอนหายใจและพูดด้วยความโล่งอก
"หรือว่าจะให้เขาเป็นจริงะฮ้าๆ" สันพูดด้วยเสียงแหลม และท่าสดีตสะดิ้ง
"เอาดีจริงๆได้และ" กวางพูดและทำหน้าบึ้งๆ
"ตลกนะความฝันของเราอะอยากฟังจริงๆหรอ"
"อยากฟังสิ นะนะบอกเราหน่อยนะ" <ทำหน้าตาบ๋องแบ๋ว>
"อย่าทำหน้าตาอย่างนั้นใส่เราสิ"
"อุ๋ย! สันหน้าแดง"
"อะอะ ยอมบอกแล้วก็ได้แต่ต้องสัญญาก่อนว่าไม่หัวเราะความฝันเรา"
"โอเค สัญญาๆ" กวางพูดพร้อมชูนิ้วขึ้นมาสามนิ้ว
"ความฝันเรานะอืม…" "อืมอะไรบอกมาสิรอลุ้นอยู่นะ" กวางพูดขึ้นด้วย
หน้าที่ลุ้นกับสิ่งที่ผมกำลังพูดมาก
"ฮาๆๆ เราอยากเป็นนักร้องอยากมีวงดนตรี"
"อุ๊บ!! ฮาๆๆๆๆ" กวางพยายามเก็บเสียงหัวเราะแต่ดันเก็บไม่อยู่
"ไหนสัญญาว่าจะไม่หัวเราะไง" สันพูดด้วยท่าทางโมโห
"ฮาๆๆๆ ขอโทษ ขอโทษ"
และสันก็ทำหน้าโกรธใส่กวาง
"โอ้ๆๆ อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิขอโทษ ขอโทษ ก็มันน่าตลกนี้น่า ก็เมื่อกี่ที่เรา
สองคนดูวงพี่แคนเล่นอะเราเห็นเหมือนว่าเธอจะไม่ชอบที่พวกพี่ๆเขาเล่นกันนี้
ก็เลยตลกอะ หรือว่าที่สันไม่ชอบที่พี่ๆเขาเล่นเพราะว่าสันอิจฉา>>>>>ละสิ"
ป่าว>>>>นะ ผมพูดด้วยเสียงสูงมาก
"เอาเถอะความฝันเราคงน่าตลกอยู่แล้วแหละ เพราะว่าเรานะคิดแต่เรื่องที่เป็น
ไปไม่ได้ เขาจึงเรียกว่าฝันไง ความฝันคือสิ่งที่ไม่มีวันเป็นจริงสำหรับเราไงละ"
ผมพูดขึ้นมาด้วยหน้าตาเศร้าๆ "สันถ้าคนเรานะฝันในสิ่งที่เป็นไปไม่
ได้แล้วคนเราจะฝันกันทำไมละ มันไม่มีหรอกความฝันที่เป็นไปไม่ได้ เพียงแต่
เธอเองนั้นแหละที่ไม่พยายามวิ่งตามฝันของตัวเอง แล้วก็มาดีแต่ตีโพยตีพาย
โทษว่า ความฝันคือสิ่งที่ไม่มีวันเป็นไปได้ เพราะมันคือความฝัน ถ้าเธอคิด
อย่างเนี้ยมันก็ไม่ทำให้อะไรดีขึ้นมาหรอก มันมีแต่จะทำให้เรื่องราวเต่างๆ มัน
แย่ลงต่างหากละ"
"โอ้ว! เธอพูดแบบเนี้ยเป็นด้วยหรอกวาง โคตรเท่เลยอะ"
ผมพูดขึ้นด้วยความอึ่งเพราะไม่คิดว่ายัยนี้จะพูดอย่างงี้กับเขาเป็นด้วยนะสิทำซะ
ผมทึ่งเชียว
"นี้!นายที่ฉันพูดไปเนี้ยไม่ได้หวังให้นายชมฉันหรอกนะ นายสันโดษที่
ฉันพูดนะกะว่าให้นายคิดได้ต่างหากละ กวางพูดออกมาด้วยหน้าจริงจัง โอเค"
"โอเค เข้าใจแล้วคับ ขอบคุณมากนะกวางที่พยายามพูดให้เราคิดได้ แต่เรา
มันตัวคนเดี่ยวนะ จะไปทำอะไรได้ เรียนก็ไม่ได้เรียน แถมยังใช้ชีวิตเรื่อยเปื้อย
ไปวันๆอีก" ผมพูดอย่างน้อยใจตัวเองมากๆ แล้วกวางก็พูดขัดขึ้นมา
"เฮ้! นายสันอย่าคิดอย่างสิ ยังมีเพื่อนคนนี้อยู่อีกทั้งคนนะ อย่าลืมสิและกวาง
น้อยผู้นี้แหละที่ จะมาช่วยให้ความฝันของนายเป็นจริงขึ้นมาเอง ฮาๆๆๆๆ"
กวางหัวเราะขึ่นอย่างกับนางมาร "ขอบใจมากนะกวาง เออ…แต่ว่าเธอจะช่วย
อะไรเราได้ละ???" สันพูด
"ก็ดูนายพูดเขาสิ ดูถูกกันมากเลยนะ คิดว่าพูดกับใครอยู่หะ"
"พูดกับคนบ้านะสิ" ผมยักคิ้วและทำหน้าตากวนบาทาใส่ยัยกวาง
ปุ้ง! เสียงกวางเอาถาดคุกกี้ตี้หัวผม
"โอ๊ย! เจ็บนะ เธอเอาถาดคุกกี้มาจากไหนเนี้ย นี้มันร้านอาหารตามสั้งนะ"
"ฮาๆๆๆ กวางหัวเราะ นี้!นายก็นี้มันนิยายที่ฉันเป็นนางเอกนะ ฉันอยากได้อะไร
คนเขียนก็เขียนตามใจนางเอกอย่างฉันสิย่ะ ฮาๆๆๆ"
<ล่ามมาถึงตูได้ไงฟะเนี้ย คนเขียนพูด>
"เอาเถอะช่างมันเถอะนายสัน พูดเรื่องของเราต่อดีกว่า นายอย่าลืมสิว่าฉันคือ
กวางน้อย ผู้ยิ่งใหญ่นะ ไม่มีอะไรที่กวางน้อยผู้นี้ทำไม่ได้หรอก" กวางพูดแล้ว
ยืดอกด้วยความภูมิใจ
"มีสิเยอะแยะเลยแหละ" สันพูดขึ้นและมองไปรอบๆร้าน
ปุ้งกวางเอาถาดคุกกี้ตีหัวผมอีกรอบ
"โอ๊ย! เจ็บนะเนี้ย เวลากินถาดคุ๊กกี้อย่าเอาข้าวมาฟาดสิ "
สันพูดขึ้นมาอย่างติดตลก "บ้า!พูดกันสลับแล้วกันแล้วนะนายสันฉันว่าไม่ได้ตี
นายแรงขนาดทำให้สมองนายกลับหรอกนะ" "ฮาๆๆ" สันหัวเราะ
เราก็นั้งกินข้าวกันไปสักพักใหญ่ๆ ผมก็เริ่มถามกวางว่า”กวางเราจะไปกัน
ยังได้ยัง”เพราะว่าเราสองคนนั้นมานั้งกันนานเกินไปซะแล้ว แถมยังส่งเสียงดัง
รบกวนจนเจ้าของร้านเขาเริ่มมองมาหลายรอบแล้วแหละ
แล้วเราสองคนก็มานั้งกันตั้งแต่บ่ายโมงครึ่งแล้วและตอนนี้ก็เป็นเวลาบ่ายสอง
โมงครึ่งเข้าไปแล้วละนั้งกันไปได้ไงเนี้ย ชั่วโมงเต็มๆ
"อื่ม! ฉันอิ่มและไปกันเถอะ แล้วเราจะไปไหนกันต่อดีละ" กวางถาม
"อืม…ไปร้านหนังสือกันไหม ฉันอยากจะไปซื้อหนังสือเล่มหนึ่งพอดีเลยนะ"
ผมชวนกวางไปร้านหนังสือต่อเพราะรู้ว่ากวางคงไม่อยากกลับบ้านตอนนี้หรอก
แล้วทั้งสองก็เดินออกมาจากร้านอาหารตามสั่งเพื่อมุ่ง
หน้าไปยังร้านหนังสือ Arena Book ที่อยู่ตางข้ามกับสถานีตำรวจ
"นี้!กวาง" "หะ! อะไรหรอ" กวางตอบที่สันเรียก
"เดี๋ยวถ้าเสร็จจากไปซื้อหนังสือเมื่อไรเดี่ยวเราเดินไปส่งเธอที่บ้านเองนะ"
สันพูด
"อืม! เพราะมันคงต้องเป็นอย่างงั้นอยู่แล้วแหละเพราะฉันคงไม่กลับบ้าน
คนเดี่ยวหรอกย่ะ" กวางมองหน้าสันแล้วก็ยิ้มให้สันอย่างขอบคุณ พอเห็นรอย
ยิ้มของกวางแล้วก็ทำให้ผมมีความสุขยังไม่รู้ ผมเองก็ยังไม่เข้าใจตัวเองเลย
ถึงผมจะไม่พูดบอกกวางว่าจะไปส่ง ยังไงผมก็ต้องไปส่งยัยนั้นอยู่ดีนั้นแหละ
เพราะผมรู้นิสัยของยัยนั้นดี ว่าขี้กลัวขนาดไหน คงไม่ยอมกลับบ้านคนเดียวอยู่
แล้วแหละ และอีกอยากบ้านของยัยกวางนั้นอยู่ไกลจากสวนสาธารนะพอตัวยุ
เหมือนกัน แล้วก็ยังเป็นคนละทิศคนละทางกับทางกลับบ้านของผมอีกด้วย
แถมแถวบ้านยัยกวางตอนกลางคืนนี้เปลี่ยวสุดๆเกินคำจะบรรยายอีกต่างหาก ที่
เราสองคนเดินกลับกันนั้น ที่จริงแล้วเราสองคนไม่อยากเดินกลับหรอก แต่
เพราะอะไรไม่รู้ที่ทำให้ผมเกิดคิดสับปะดนนึกสนุก อยากจะแกล้งให้ยัยกวางนั้น
เดินจนเมื่อยขาเล่น แต่…ฟ้าช่างเล่นตลกอะไรเช่นนี้ ไม่ใช้ยัยกวางนั้นเลยที่
โดนแกล้ง ผมต่างหากที่แกล้งตัวเองมากว่า เพราะยัยกวางดูเหมือนจะ
สนุกสนานมากกลับการเดินเล่นในครั้งนี้เหลือเกิน ไม่มีอาการทุกข์ร้อนอะไรทั้ง
นั้น ทั้งๆที่คิดจะแกล้งยัยนั้นแท้ๆ รู้งี้เอารถออกมาคงจะไม่เจอเรื่องอย่างนี้
หรอก ไม่น่าคิดจะแกล้งยัยนั้นเลย อย่างนี้นีเองที่เขาเรียกว่าเวรกรรมติดจรวด
แต่.. ปัญหามันไม่ใช้มีแค่นี้หรอก ปัญหามันอยู่ที่….ผมจะกลับบ้านยังไง
เนี้ยยยยยย T-T ใช้ผมมารถเมล์ ก็คงต้องกลับรถเมล์ แต่ปํญหามันก็อยู่ที่
รถเมล์อีกนั้นแหละ เพราะรถเมล์มันไม่วิ่งเข้าไปในซอยบ้านยัยกวางนะสิ เพราะ
มันวิ่งเฉพาะ ท่ารถเมล์ข้างนอกเท่านั้นเองนะสิ แถมป่านนี้วินมอไซค์คงกลับ
บ้านกันหมดแล้วละ ถึงจะมีวินมอไซค์ผมก็ไม่กล้าขึ่นหรอก คือตอนนี้มีทาง
เดี่ยวคือต้องเดินและก็เดินเท่านั้น ฮาๆๆๆ อยากจะหัวเราะทั้งน้ำตา แต่ตอนเดิน
ไปส่งยัยกวางมันไม่มีปัญหาอะไรหรอก แต่ปัญหามันอยู่ตอนที่ผมเดินกลับนะสิ
นี้แหละคือปัญหาใหญ่เลย ฮือๆT-T ผมกะเวลากลับกันไว้ว่าจะกลับกัน
ประมาณ 17.30 น. แต่ตอนเนี้ยมันเลยเวลาจนจะทุ่มอยู่แล้วเพราะตอนกิน
ข้าวเสร็จก็ประมาณบ่ายสองโมงครึ่งแล้ว และผมก็ยังชวนยัยกวางนั่นไปเดินหา
ซื้อหนังสือ music start ต่อที่ร้านหนังสือแถวๆสวนสาธารณะนั้นแหละ พอถึง
ร้านหนังสือเราก็เลือกซื้อเลือกอ่านหนังสือกันเพลิน แต่พอรู้ตัวอีกที่ก็ล้อไป
18.30 น.พูดแล้วก็เศร้าในความเซ่อซ่าของตัวเอง T-T และช่วงนี้ก็เป็นช่วง
หน้าหนาวซะด้วยเลยทำให้มืดเร็วขึ้นกว่าเดิมอีก ฮือๆ ทำไมเราต้องมาเผชิญ
โชคอันมากมายอย่างนี้ด้วนนี้ ฮาๆ อยากหัวเราะทั้งน้ำตาอีกแล้ว T-T
เฮ้อ!หลายคนคงไม่รู้ว่าจุดเริ่มต้นของความสนุกและความลำบากลำบน และ
ความเสี่ยว สุดๆ ในวันนี้ของผมหรอกคับ งั้น เดี่ยวผมจะเล่าให้ฟังเอง แต่คง
ต้องย้อนไปเมื่อเจ็ดชั่วโมงที่แล้ว
ณ สวนสาธารณะแห่งหนึ่งในจังหวัด XXX ณ สวนสาธารณแห่งนี้ มีเหล่าผู้คน
ที่มีความฝันมารวมตัวกันเพื่อแสดงความสามารถของตัวเองที่มีอยู่ เพราะนี้คือ
งาน Open eye Open heart เปิดตาเท่ากับเปิดใจ ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดใน
ประเทศและยังมีหนุ่มน้อยคนหนึ่ง ซึ่งอยากเป็นนักดนตรี แต่ด้วยความกลัวใน
ฝันหรือเรียกง่ายว่า เจอข้าศึกแอบปอด ของเขาทำให้เขาได้แต่เดินดูในงาน
ครั้งนี้เท่านั้นและหนุ่มน้อยคนนั้นก็คือ…. "เฮ้อ ! มองไปทางไหนก็แต่พวกเปิด
หมวกทั้งนั้นเลยทั้งนั้นเลย นี้!!" "สันโดษมาดูอะไรนี้สิ"
"กวางเราบอกเธอแล้วใช้ไหมว่าอย่าเรียกชื่อนี้เรา" ผมพูดย้ำเตือนกวาง ฮาๆๆ
"ล้อเล่นน่าสันโดษ" "แนะยังจะเรียกอีก.." สงสัยละสิว่าผมกับผู้หญิงคนนี้เป็น
ใครกันผมชื่อสันโดษไม่รู้ว่าพ่อแม่ผมคิดชื่อนี้ขึ้นมาได้ยังไง..ไม่เคยคิดถึงตอน
โตเลยว่าผมจะโดนล้อว่าอะไรบ้าง เฮ้อ! เศร้า T-T และผู้หญิงที่ยืนยุข้างผมนั้นมีชื่อว่ากวางเธอเป็นน่ารัก
มากแต่…เป็นผู้หญิงที่ เรื่องมาก เอาแต่ใจ ขี้งก ขี้โมโห หลายคนคงนึกละสิ
ว่าที่เรามาเที่ยวด้วยกันอย่างนี้คงคิดว่าผมกับเขาเป็นแฟนละสิ ป่าวเลยเราเป็น
แค่เพื่อนกันนะผมคงไม่มีทางเอานางมารใจโฉดอย่างนี้มาเป็นแฟนหรอก
ฮาๆๆ และตอนนี้เราอสองคนยู่กันที่สวนสาธานะแห่งหนึ่งในเมือง XXX ซึ่งใน
วันนี้เป็นวันที่มีการเปิดหมวกมากมาย เปิดหมวกก็คือ การแสดงอะไรต่างๆ
นานา ให้ผู้คนที่ผ่านไปมาได้รับชม ถ้าผู้คนที่ผ่านไปมาชอบการแสดงนั้นๆ ก็
โยนเงินลงไปในสิ่งที่เราวางไว้ข้างหน้า และเมื่อกี้ที่กวางเรียกให้ผมดูก็คือ
วง เงินสะพัด แบน คงจะเป็นวงที่มาเล่นงานเปิดหมวกในครั้งนี้เหมือนกันแหละ
แต่ผมสงสัยอยู่อย่างหนึ่งว่า ไม่รู้ว่าชื่อวง เงินซะพัด แบนนั้นเป็นชื่อวงหรือเป็น
ซื่อที่เอาไว้อวดอ้างฐานะของวงนี้กันนั้นกันแน่ ฮาๆๆ และวงวงนี้เป็นวงรุ่นพี่ที่
มหาลัยของกวางที่กวางเคยเล่าให้ฟังนั้นเอง แถมในวงนั้นก็มีคนที่กวางแอบ
ชอบอยู่ ชื่อแคนเป็นผู้ชายที่ดูเซ่อมากๆ ผมฟู่ๆ กางเกงขาดๆๆ ยัยกวางมันชอบ
แบบเนี้ยรึเนี้ยพึ่งรุ ฮาๆๆ แต่หน้าเจ้าแคนมันก็หล่อนะ แต่น้อยกว่าผมหน่อย
ฮาๆๆ <เกิดอาการหลงตัวเอง> แถมเล่นกีตาร์ก็เก่งก็สมควรแล้วที่ยัยกวางมัน
จะชอบ เพราะยัยกวางนะมันชอบคนที่เล่นดนตรี เก่งๆ "เฮ้! นายสันเป็นอะไร
หรอยะเหม่อยุนั้นแหละนายไม่สบายป่าว" "ป่าวๆไม่ได้เหม่อ" <เสียงสูง>
"สันสันดูสิพี่ๆวง เงินเฟ้อ แบน เขาเล่นดนตรีได้เจ๋งสุดๆเลยอะ""หรอ!!"
ผมคิดในใจว่า โถ่ถ้าเจ๋งปานนี้มีค่ายดังๆมาจับเซ็นสัญญาไปแล้ว
<คิดด้วยความอิจฉา>
คอยดูเถอะสักวันเราจะตั้งวงที่เจ๋งกว่าวงนี้ขึ้นมาให้ดู
ผมกับกวางยืนดูวงรุ่นพี่ของกวางเล่นอยู่สักพักผมก็ทักกวางขึ้นมาว่า
"นี้กวางมั่วปลื้มยุนั้นแหละ จะไปหาไรกินกันได้ยังเนี้ยหิวจะตายอยู่แล้ว"
"แปปหนึ่งสิสันขอดูพวกพี่ๆเขาเล่นกันก่อนสิ"
"เออๆ" สุดท้ายผมก็ยืนดูพวกพี่ๆที่มหาลัยของกวางเขาเล่นกันต่อจนจบเพลง
ด้วยความหิวผมจนทนไม่ไหวผมจึงพูดเร่งกวางอีกรอบ
"ไปกันเถอะกวางหิวแล้ว"
"อื่ม! ก็ได้ ปะเริ่มหิวเหมือนกัน" และระหว่างเดินหาร้านอาหารกินกันอยู่นั้น
กวางก็เอาแต่พูดเรื่องวงเงินเฟ้อแบน ว่าชอบอย่างงั้น อย่างงู้นอย่างเงี้ย ผมก็รู้
น้อยใจไม่รู้เพราะอะไร เพราะว่าผมแอบชอบ กวางยุงั้นหรอ เลยทำให้รู้สึก
แปลกๆ เวลาที่กวางพูดถึงเรื่องผู้ชายคนอื่นเวลาอยู่กับผม คงไม่ใช้หรอกมั้งผม
คงคิดไปเองแหละ ฮาๆ และเราก็เดินมาได้สักพักก็เจอร้านอาหารตามสั่ง และ
กวางก็พูดขึ้นมา "สันเรากินร้านนี้กันเถอะ" "หะ!! นี้เธอจะกินร้านเขาไปเลยหรอ"
"ตลกเนอะนายสัน" กวางพูดและทำหน้านิ่ง
"กำซะงั้น ฮาๆๆโทษๆ กวางแต่เราไม่อยากกินร้านเนี้ย"
"ทำไมละสัน" ยัยกวางถามขึ้นด้วยตวามสงสัย "มันเหนื่อยนะ"
"เหนื่อยยังไงไม่เข้าใจ" "ก็มันต้องคอยตามสั้งอาหารอะ"
พอผมเล่นมุขจบกวางก็ทำหน้าอึ้งและพูดขึ้นว่า "ยังจะอุสาเล่นอีกเนอะ"
กวางพูดพร้อมทำหน้ากวนๆ
"เข้าไปกินข้าวดีกว่าเดี่ยวมุขฝืดๆของนายมันจะโผล่มามากกว่านี้"
"ฮาๆๆ ว่างั้นแหละเข้าไปหาข้าวกินกันดีกว่า"
ระหว่างที่เราสั้งอาหารไปแล้วและกำลังรออาหารทีสั่งกันอยู่นั้น
เราสองคนก็ได้พูดถึงเรื่องความฝันและอนาคตของกันและกันว่าถ้ามีโอกาส
ทำงานอยากจะทำงานอะไร กวางก็พูดถึงความฝันของตัวเอง
"ถ้าเราเรียนจบแล้วนะเราอยากจะเป็นแอร์โฮสเตส"
นี้พวกคุณรู้ไหมเวลาที่กวางพูดถึงความฝันของตัวเธอเองที่ไรน่ะ
เธอช่างดูน่ารักน่าหลงใหลซะเหลือเกิน
ทำให้เคลิ้มและนั้งฟังเธอไม่เบื่อเลยแหละฮาๆ เอ๋หรือว่าผมจะชอบเธอจริงๆนะ
บ้าไม่มีทางเป็นไปได้หรอก "สัน..สัน" กวางจับมือสันเขย่าพร้อมกับเรียกชื่อ
"หะๆ อะไรหรอ" "เป็นไรป่าวเห็นวันนี้เหม่อ บ๋อยบ่อย"
"ออ ไม่เป็นไร" ผมตอบแบบ อึ่นๆ
"เออ!กวางแล้วทำไมเธออยากเป็นแอร์ละ"
"ออ ก็เพราะเราไม่ อยากเป็นพัดลมไง" "หะ!!!"<ผมทำหน้าอึ่ง>
คิดไม่ถึงว่ายัยกวางจะกล้าเล่นมุขเสี่ยวๆอย่างเนี้ย
"ฮาๆๆ ล้อเล่นน่าที่เราอยากเป็นแอร์นะก็เพราะเราชอบสิ่งแปลกใหม่ที่ไม่เคย
พบเจอ และชอบที่จะได้รู้จักกับผู้คนเยอะๆ และอีกอย่างสำคัญมากเราอยากไป
ต่างประเทศฟรีๆนะ แถมได้ตังอีกด้วย ฮาๆๆ" กวางหัวเราะเหมือนกับว่าภูมิใจ
ในความงกของตัวเอง ฮาๆๆๆๆ
"คุณเธอนี้ช่างงกเหลือเกินเนอะ" สันพูดและทำหน้ายิ้มๆ
"เป็นธรรมดา นี้ยังไม่ชินกับอีกหรอนายสัน" กวางพูดโต้ตอบขึ้นมา
"หึหึ" ผมหัวเราะแบบกุมกิม กึกกึก แกรก แกรก(เสียงว่างจานข้าวนะคับบบบ)
"ข้าวมาแล้ว กินกันเถอะ" กวางพูดขึ้นมา
ระหว่างกินข้าวกันอยู่นั้น กวางพูดขึ้นมาว่า "เรายังไม่รู้เลยว่าอนาคตสันเลย
ตอนนี้สันอยากเป็นอะไรหรอ" "ออ หนูอยากเป็นตุ๊ดคะ" สันพูดและท่าทาง
หน้าตาสะดีดสะดิ้ง "จิงอะ" กวางทำหน้าอึ่งและพูดขึ้นด้วยความตกใจ
"บ้าพูดเล่นไปงั้นแหละ :)" สันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
"เฮ้อ! คอยโล่งหน่อยนึกว่าจริงๆ" กวางถอนหายใจและพูดด้วยความโล่งอก
"หรือว่าจะให้เขาเป็นจริงะฮ้าๆ" สันพูดด้วยเสียงแหลม และท่าสดีตสะดิ้ง
"เอาดีจริงๆได้และ" กวางพูดและทำหน้าบึ้งๆ
"ตลกนะความฝันของเราอะอยากฟังจริงๆหรอ"
"อยากฟังสิ นะนะบอกเราหน่อยนะ" <ทำหน้าตาบ๋องแบ๋ว>
"อย่าทำหน้าตาอย่างนั้นใส่เราสิ"
"อุ๋ย! สันหน้าแดง"
"อะอะ ยอมบอกแล้วก็ได้แต่ต้องสัญญาก่อนว่าไม่หัวเราะความฝันเรา"
"โอเค สัญญาๆ" กวางพูดพร้อมชูนิ้วขึ้นมาสามนิ้ว
"ความฝันเรานะอืม…" "อืมอะไรบอกมาสิรอลุ้นอยู่นะ" กวางพูดขึ้นด้วย
หน้าที่ลุ้นกับสิ่งที่ผมกำลังพูดมาก
"ฮาๆๆ เราอยากเป็นนักร้องอยากมีวงดนตรี"
"อุ๊บ!! ฮาๆๆๆๆ" กวางพยายามเก็บเสียงหัวเราะแต่ดันเก็บไม่อยู่
"ไหนสัญญาว่าจะไม่หัวเราะไง" สันพูดด้วยท่าทางโมโห
"ฮาๆๆๆ ขอโทษ ขอโทษ"
และสันก็ทำหน้าโกรธใส่กวาง
"โอ้ๆๆ อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิขอโทษ ขอโทษ ก็มันน่าตลกนี้น่า ก็เมื่อกี่ที่เรา
สองคนดูวงพี่แคนเล่นอะเราเห็นเหมือนว่าเธอจะไม่ชอบที่พวกพี่ๆเขาเล่นกันนี้
ก็เลยตลกอะ หรือว่าที่สันไม่ชอบที่พี่ๆเขาเล่นเพราะว่าสันอิจฉา>>>>>ละสิ"
ป่าว>>>>นะ ผมพูดด้วยเสียงสูงมาก
"เอาเถอะความฝันเราคงน่าตลกอยู่แล้วแหละ เพราะว่าเรานะคิดแต่เรื่องที่เป็น
ไปไม่ได้ เขาจึงเรียกว่าฝันไง ความฝันคือสิ่งที่ไม่มีวันเป็นจริงสำหรับเราไงละ"
ผมพูดขึ้นมาด้วยหน้าตาเศร้าๆ "สันถ้าคนเรานะฝันในสิ่งที่เป็นไปไม่
ได้แล้วคนเราจะฝันกันทำไมละ มันไม่มีหรอกความฝันที่เป็นไปไม่ได้ เพียงแต่
เธอเองนั้นแหละที่ไม่พยายามวิ่งตามฝันของตัวเอง แล้วก็มาดีแต่ตีโพยตีพาย
โทษว่า ความฝันคือสิ่งที่ไม่มีวันเป็นไปได้ เพราะมันคือความฝัน ถ้าเธอคิด
อย่างเนี้ยมันก็ไม่ทำให้อะไรดีขึ้นมาหรอก มันมีแต่จะทำให้เรื่องราวเต่างๆ มัน
แย่ลงต่างหากละ"
"โอ้ว! เธอพูดแบบเนี้ยเป็นด้วยหรอกวาง โคตรเท่เลยอะ"
ผมพูดขึ้นด้วยความอึ่งเพราะไม่คิดว่ายัยนี้จะพูดอย่างงี้กับเขาเป็นด้วยนะสิทำซะ
ผมทึ่งเชียว
"นี้!นายที่ฉันพูดไปเนี้ยไม่ได้หวังให้นายชมฉันหรอกนะ นายสันโดษที่
ฉันพูดนะกะว่าให้นายคิดได้ต่างหากละ กวางพูดออกมาด้วยหน้าจริงจัง โอเค"
"โอเค เข้าใจแล้วคับ ขอบคุณมากนะกวางที่พยายามพูดให้เราคิดได้ แต่เรา
มันตัวคนเดี่ยวนะ จะไปทำอะไรได้ เรียนก็ไม่ได้เรียน แถมยังใช้ชีวิตเรื่อยเปื้อย
ไปวันๆอีก" ผมพูดอย่างน้อยใจตัวเองมากๆ แล้วกวางก็พูดขัดขึ้นมา
"เฮ้! นายสันอย่าคิดอย่างสิ ยังมีเพื่อนคนนี้อยู่อีกทั้งคนนะ อย่าลืมสิและกวาง
น้อยผู้นี้แหละที่ จะมาช่วยให้ความฝันของนายเป็นจริงขึ้นมาเอง ฮาๆๆๆๆ"
กวางหัวเราะขึ่นอย่างกับนางมาร "ขอบใจมากนะกวาง เออ…แต่ว่าเธอจะช่วย
อะไรเราได้ละ???" สันพูด
"ก็ดูนายพูดเขาสิ ดูถูกกันมากเลยนะ คิดว่าพูดกับใครอยู่หะ"
"พูดกับคนบ้านะสิ" ผมยักคิ้วและทำหน้าตากวนบาทาใส่ยัยกวาง
ปุ้ง! เสียงกวางเอาถาดคุกกี้ตี้หัวผม
"โอ๊ย! เจ็บนะ เธอเอาถาดคุกกี้มาจากไหนเนี้ย นี้มันร้านอาหารตามสั้งนะ"
"ฮาๆๆๆ กวางหัวเราะ นี้!นายก็นี้มันนิยายที่ฉันเป็นนางเอกนะ ฉันอยากได้อะไร
คนเขียนก็เขียนตามใจนางเอกอย่างฉันสิย่ะ ฮาๆๆๆ"
<ล่ามมาถึงตูได้ไงฟะเนี้ย คนเขียนพูด>
"เอาเถอะช่างมันเถอะนายสัน พูดเรื่องของเราต่อดีกว่า นายอย่าลืมสิว่าฉันคือ
กวางน้อย ผู้ยิ่งใหญ่นะ ไม่มีอะไรที่กวางน้อยผู้นี้ทำไม่ได้หรอก" กวางพูดแล้ว
ยืดอกด้วยความภูมิใจ
"มีสิเยอะแยะเลยแหละ" สันพูดขึ้นและมองไปรอบๆร้าน
ปุ้งกวางเอาถาดคุกกี้ตีหัวผมอีกรอบ
"โอ๊ย! เจ็บนะเนี้ย เวลากินถาดคุ๊กกี้อย่าเอาข้าวมาฟาดสิ "
สันพูดขึ้นมาอย่างติดตลก "บ้า!พูดกันสลับแล้วกันแล้วนะนายสันฉันว่าไม่ได้ตี
นายแรงขนาดทำให้สมองนายกลับหรอกนะ" "ฮาๆๆ" สันหัวเราะ
เราก็นั้งกินข้าวกันไปสักพักใหญ่ๆ ผมก็เริ่มถามกวางว่า”กวางเราจะไปกัน
ยังได้ยัง”เพราะว่าเราสองคนนั้นมานั้งกันนานเกินไปซะแล้ว แถมยังส่งเสียงดัง
รบกวนจนเจ้าของร้านเขาเริ่มมองมาหลายรอบแล้วแหละ
แล้วเราสองคนก็มานั้งกันตั้งแต่บ่ายโมงครึ่งแล้วและตอนนี้ก็เป็นเวลาบ่ายสอง
โมงครึ่งเข้าไปแล้วละนั้งกันไปได้ไงเนี้ย ชั่วโมงเต็มๆ
"อื่ม! ฉันอิ่มและไปกันเถอะ แล้วเราจะไปไหนกันต่อดีละ" กวางถาม
"อืม…ไปร้านหนังสือกันไหม ฉันอยากจะไปซื้อหนังสือเล่มหนึ่งพอดีเลยนะ"
ผมชวนกวางไปร้านหนังสือต่อเพราะรู้ว่ากวางคงไม่อยากกลับบ้านตอนนี้หรอก
แล้วทั้งสองก็เดินออกมาจากร้านอาหารตามสั่งเพื่อมุ่ง
หน้าไปยังร้านหนังสือ Arena Book ที่อยู่ตางข้ามกับสถานีตำรวจ
"นี้!กวาง" "หะ! อะไรหรอ" กวางตอบที่สันเรียก
"เดี๋ยวถ้าเสร็จจากไปซื้อหนังสือเมื่อไรเดี่ยวเราเดินไปส่งเธอที่บ้านเองนะ"
สันพูด
"อืม! เพราะมันคงต้องเป็นอย่างงั้นอยู่แล้วแหละเพราะฉันคงไม่กลับบ้าน
คนเดี่ยวหรอกย่ะ" กวางมองหน้าสันแล้วก็ยิ้มให้สันอย่างขอบคุณ พอเห็นรอย
ยิ้มของกวางแล้วก็ทำให้ผมมีความสุขยังไม่รู้ ผมเองก็ยังไม่เข้าใจตัวเองเลย
ถึงผมจะไม่พูดบอกกวางว่าจะไปส่ง ยังไงผมก็ต้องไปส่งยัยนั้นอยู่ดีนั้นแหละ
เพราะผมรู้นิสัยของยัยนั้นดี ว่าขี้กลัวขนาดไหน คงไม่ยอมกลับบ้านคนเดียวอยู่
แล้วแหละ และอีกอยากบ้านของยัยกวางนั้นอยู่ไกลจากสวนสาธารนะพอตัวยุ
เหมือนกัน แล้วก็ยังเป็นคนละทิศคนละทางกับทางกลับบ้านของผมอีกด้วย
แถมแถวบ้านยัยกวางตอนกลางคืนนี้เปลี่ยวสุดๆเกินคำจะบรรยายอีกต่างหาก ที่
เราสองคนเดินกลับกันนั้น ที่จริงแล้วเราสองคนไม่อยากเดินกลับหรอก แต่
เพราะอะไรไม่รู้ที่ทำให้ผมเกิดคิดสับปะดนนึกสนุก อยากจะแกล้งให้ยัยกวางนั้น
เดินจนเมื่อยขาเล่น แต่…ฟ้าช่างเล่นตลกอะไรเช่นนี้ ไม่ใช้ยัยกวางนั้นเลยที่
โดนแกล้ง ผมต่างหากที่แกล้งตัวเองมากว่า เพราะยัยกวางดูเหมือนจะ
สนุกสนานมากกลับการเดินเล่นในครั้งนี้เหลือเกิน ไม่มีอาการทุกข์ร้อนอะไรทั้ง
นั้น ทั้งๆที่คิดจะแกล้งยัยนั้นแท้ๆ รู้งี้เอารถออกมาคงจะไม่เจอเรื่องอย่างนี้
หรอก ไม่น่าคิดจะแกล้งยัยนั้นเลย อย่างนี้นีเองที่เขาเรียกว่าเวรกรรมติดจรวด
แต่.. ปัญหามันไม่ใช้มีแค่นี้หรอก ปัญหามันอยู่ที่….ผมจะกลับบ้านยังไง
เนี้ยยยยยย T-T ใช้ผมมารถเมล์ ก็คงต้องกลับรถเมล์ แต่ปํญหามันก็อยู่ที่
รถเมล์อีกนั้นแหละ เพราะรถเมล์มันไม่วิ่งเข้าไปในซอยบ้านยัยกวางนะสิ เพราะ
มันวิ่งเฉพาะ ท่ารถเมล์ข้างนอกเท่านั้นเองนะสิ แถมป่านนี้วินมอไซค์คงกลับ
บ้านกันหมดแล้วละ ถึงจะมีวินมอไซค์ผมก็ไม่กล้าขึ่นหรอก คือตอนนี้มีทาง
เดี่ยวคือต้องเดินและก็เดินเท่านั้น ฮาๆๆๆ อยากจะหัวเราะทั้งน้ำตา แต่ตอนเดิน
ไปส่งยัยกวางมันไม่มีปัญหาอะไรหรอก แต่ปัญหามันอยู่ตอนที่ผมเดินกลับนะสิ
นี้แหละคือปัญหาใหญ่เลย ฮือๆT-T ผมกะเวลากลับกันไว้ว่าจะกลับกัน
ประมาณ 17.30 น. แต่ตอนเนี้ยมันเลยเวลาจนจะทุ่มอยู่แล้วเพราะตอนกิน
ข้าวเสร็จก็ประมาณบ่ายสองโมงครึ่งแล้ว และผมก็ยังชวนยัยกวางนั่นไปเดินหา
ซื้อหนังสือ music start ต่อที่ร้านหนังสือแถวๆสวนสาธารณะนั้นแหละ พอถึง
ร้านหนังสือเราก็เลือกซื้อเลือกอ่านหนังสือกันเพลิน แต่พอรู้ตัวอีกที่ก็ล้อไป
18.30 น.พูดแล้วก็เศร้าในความเซ่อซ่าของตัวเอง T-T และช่วงนี้ก็เป็นช่วง
หน้าหนาวซะด้วยเลยทำให้มืดเร็วขึ้นกว่าเดิมอีก ฮือๆ ทำไมเราต้องมาเผชิญ
โชคอันมากมายอย่างนี้ด้วนนี้ ฮาๆ อยากหัวเราะทั้งน้ำตาอีกแล้ว T-T
เฮ้อ!หลายคนคงไม่รู้ว่าจุดเริ่มต้นของความสนุกและความลำบากลำบน และ
ความเสี่ยว สุดๆ ในวันนี้ของผมหรอกคับ งั้น เดี่ยวผมจะเล่าให้ฟังเอง แต่คง
ต้องย้อนไปเมื่อเจ็ดชั่วโมงที่แล้ว
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ