Calmesia นคราแห่งปีศาจ

8.3

เขียนโดย SunnyRain

วันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2556 เวลา 14.06 น.

  3 บท
  0 วิจารณ์
  6,794 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 มีนาคม พ.ศ. 2556 14.11 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) สี่ชมรมอภิมหึมามหาเพี้ยน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

“ไปกันเถอะเฟลอ ไปกรอกใบสมัครกัน”

เพื่อนใหม่ตัวดีที่สร้างปัญหาขั้นสุดยอด พยายามฉุดร่างไร้วิญญาณของเด็กหนุ่มที่สลดหดหู่ให้ลุกขึ้นตาม ด้วยรอยยิ้มไม่เดือดไม่ร้อนทุกข์แต่อย่างใด

รู้ตัวบ้างมั้ยว่านายสร้างปัญหามาให้ฉันแล้วยังมายิ้มอยู่ได้อีก ไอ้หน้าหล่อเอ๊ย!

เอ่อ แต่เขารู้สึกไปเองหรือเปล่านะว่ารอยยิ้มนั้นเปล่งแสงอบอุ่นเหลือเกิน

ใช่ เราต้องคิดไปเองแน่ๆ ทั้งเรื่องคนกระโดดขึ้นมาบนดาดฟ้า รองเท้าที่ทำให้พื้นคอนกรีตแตกเป็นหลุมอุกาบาต รวมถึงเรื่องที่เขามีเพื่อนด้วย...ทุกอย่างต้องเป็นแค่ฝัน เมื่อไรฝันประหลาดๆ แบบนี้จะจบซักทีนะ อยากรีบๆ ตื่นมาอ่านนิยายจัง...

เพี๊ยะ~!

จากฝ่ามืออรหันต์ของเอรูดี้ที่ประทับหน้าของเขาอย่างจังยืนยันได้แล้วว่า ที่เราคิดไปเองน่ะมันคือที่เราคิดว่าเราฝัน ทั้งที่โลกแห่งความเป็นจริงก็โหดร้ายอย่างที่มันเป็นอยู่เนี่ยแหละ

“เพื่อนนายเป็นลมไปแล้วหรือไง” เสียงของหญิงสาวคนเดิมดังขึ้นในโสตประสาทของเฟลอเซียล เสียงนั้นไม่ชัดเสมือนมีหน้ากากช่วยหายใจครอบปากไว้อยู่

“เปล่าหรอกครับ แค่ในนี้มันมืดมากไปหน่อยมองอะไรไม่ค่อยชัด รวมถึงอากาศที่ค่อนข้างอับเพื่อนผมก็เลยเวียนหัวนิดหน่อยน่ะครับ”

เอ่อ แถเข้าไปคุณเพื่อนใหม่...ฉันยังไม่ทันจะพูดอะไรเลยซักคำเลยนะ แล้วจะไม่พูดอีกแล้วด้วย

“งั้นหรอ รีซซี่เปิดม่านเปิดหน้าต่างทีสิ สมาชิกใหม่เราจะเป็นลมแล้ว”

“ค่ะ ประธาน” เด็กสาวอีกคนขานรับด้วยเสียงกังวานใสและไม่นานห้องที่มืดมิดก็สว่างขึ้น

เหล่าสองผู้พลัดหลงเข้ามาอยู่ในดงคนเพี้ยนก็มองเห็นทุกอย่างชัดเจนมากขึ้น คนที่คิดว่าเป็นประธานชมรม ตอนนี้เฟลอรู้แล้วล่ะว่าทำไมเสียงของเธอถึงไม่ชัดเหมือนใส่หน้ากากช่วยหายใจ

ก็เพราะชุดที่เธอใส่อยู่น่ะมันชุดของนักบินอวกาศ! แล้วก็ไม่ใช่แค่ชุดนะเธอยังใส่หมวกครอบนักบินมาด้วยจริงๆ เลยแหละ!

เข้าใจแล้วทำไมชมรมนี้ถึงติดอันดับหนึ่งในสี่ชมรมอภิมหึมามหาเพี้ยน

ดูจากประธานก็น่าจะรู้แล้วนะ...

“เอ่อ ประธานแต่งตัวอย่างนี้มาโรงเรียนอาจารย์ไม่ว่าอะไรหรอครับ คือผมเห็นประธานเดินไปเดินมาสภาพนี่ออกบ่อย เลยอดสงสัยไม่ได้” บัดนี้เอรูดี้ถึงคราวออกอาการอึนบ้างแล้ว

“เฮอะ เขาไม่เข้าใจก็ช่างเขาไปสิ ชุดนี้น่ะป้องกันสารกัมมันตรังสีจากUMAเชียวนะ ฉันต้องเข้าไปพัวพันกับพวกนั้นมากก็เลยต้องใส่ป้องกันเอาไว้ ลองอาจารย์คนไหนกล้าบังคับให้ถอดดูซิ ฉันจะสลบต่อหน้าให้โลกรับรู้ไปเลยว่าอาจารย์ ฆ่านักเรียน”

สารกัมมันตรังสี?

เรื่องมันชักจะเพี้ยนเข้าไปใหญ่แล้วนะเฮ้ย!

เอรูดี้ครุ่นคิดพร้อมกับพูดออกไปว่า ”ผมว่าถอดออกก่อนก็ได้นะครับแถวนี้ไม่มีUMAหรอกนะ เห็นเจ้านี้หน้าตาแปลกๆ ก็จริง แต่ก็ไม่ได้เป็นสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดหรอกนะครับ”

เฟลอเซียลตีแขนเพื่อนใหม่ไปทีหนึ่ง ก็ ’เจ้านี้’ ของเอรูดี้น่ะ ถึงจะไม่ได้ใส่แว่นตาแต่ก็ยังพอที่จะมองเห็นนะว่านิ้วนั้นชี้มาทางตัวเอง

“ไม่ได้หรอกค่ะ” แสงสว่างทำให้ทั้งสองมองเห็นสาวน้อยเจ้าของเสียงกังวานใสอย่างชัดเจน

เธอเป็นผู้หญิงที่น่ารักมากผมยาวหยักสีน้ำตาลอ่อนมอคค่าของเธอถูกรวบเป็นแกะต่ำสองข้าง สยายมาข้างหน้า ดวงหน้าของเธอขาวผุดผ่องแก้มป่องอย่างน่ารักน่าเอ็นดู ในมือถือลังเบียร์ที่มีรูเจาะไว้ในระนาบนอนเดียวกัน และรูข้างล่างเรียงลงไปอีกสองรู ฝาลังถูกตัดออก

นั้นก็เป็นเครื่องมือสำหรับค้นหาUMAด้วยหรือเปล่า?

เหมือนเฟลอเซียลจะรู้สึกไปเองที่เอรูดี้กับสาวน้อยแสนน่ารักคนนี้สบตากันแบบแปลกๆ ก่อนหญิงสาวผู้ถือลังกระดาษพูดต่ออย่างเก้อเขินว่า ”คือ...ประธานเขา...ถ้าถอดชุดออก...ก็จะ...เอ่อ คือแบบ...สลบไปจริงๆ เลยน่ะค่ะ” กว่าจะพูดมาถึงตรงนี้เธอคงจะลำบากไม่น้อยนะ

“เอ๋ ถ้าอย่างนั้นประธานก็เคยเจอUMAตัวจริงๆ แล้วหรอครับ” เอรูดี้ถามต่อ

“ยังไม่เจอ” ผู้สวมชุดนักบินอวกาศตอบอย่างทันที

ถ้ายังไม่เจอ คุณเธอก็ป่วยเป็นโรคประสาทอ่อนๆ แล้วล่ะ...

ในตอนนั้นเองขณะที่เอรูดี้เงียบไปตามกันกับเฟลอเซียล ไม่ใช่ว่าพูดไม่ออกแต่ไม่รู้จะพูดอะไรดี ประตูห้องชมรมก็ถูกเลื่อนออกพร้อมร่างของเด็กหนุ่มรูปร่างผอมบาง ผมยาวสีน้ำตาลเหมือนกับสาวน้อยคนนั้นถูกรวบไว้ด้านหลังรับกับใบหน้าคมสันอันน่าหลงใหลของเขา

“รีซซี่!” ผู้มาใหม่เอ่ยอย่างร้อนรน

สองหนุ่มผู้ซึ่งเกิดอาการเงียบเอฟเฟคครอบงำ มองการกระทำของเขาอยู่ตรงข้างประตู คนหล่อๆ แบบนี้เขามาทำอะไรกันนะ

“อ้าว มาพอดีเลยโฮเลสตัน นี้สมาชิกใหม่ของเรา” นักบินอวกาศเอ่ย

โฮเลสตันเหลือบมองสองหนุ่มผู้มาใหม่ แล้วก็สะบัดหน้าหนี พลางเดินไปหาสาวน้อยผมแกะพลางโอบตัวเธอและกุมมืออย่างถะนุถนอม

“รีซซี่ ให้ตายเถอะ ฉันไม่ได้เจอเธอมาเพียงสามนาทีที่ฉันไปซื้อกระดาษชำระให้ประธาน ใจฉันแทบจะขาดสะบั้นออกจากกันเลย ฉันไม่อยากจากเธอไปอีกแล้วนะที่รัก ต้องขอบคุณชมรมนี้ที่ทำให้เราได้อยู่ด้วยกันนะ”

“โฮลี่...คะ...คนอยู่เยอะนะ...อายเขา” รีซซี่ที่อยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มผู้หยอดคำหวานตอบอย่างเขินอาย

“โฮลี่กระดาษชำระฉันล่ะ” คำพูดของนักบินอวกาศดังขึ้นขัดแบบไม่รู้จักบรรยากาศเอาซะเลย

เฟลอเซียลซึ่งเงียบมานาน ยกมือขึ้นกะทันหัน ”ประธานครับห้องน้ำครับ ในนี้มีห้องน้ำมั้ยครับ”

“มีซิ อยู่มุมห้องทางซ้ายสวิตซ์ไฟอยู่ข้างหน้าต่าง”

ไม่รอช้าเด็กหนุ่มรีบลุกขึ้นยกมือปิดปากวิ่งเข้าห้องน้ำทันที

“อ้วก~”

ขณะนี้บุคคลทั้งห้องสี่คนต่างมองไปยังต้นเสียงเมื่อครู่จากห้องน้ำ...ถ้าทางน้องใหม่คงจะมีภูมิต้านทานด้านคำหวานซึ้งต่ำ

เมื่อมองจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเอรูดี้พอจะวิเคราะห์ออกมาเป็นข้อสันนิษฐานได้ว่า ประธานมนุษย์อวกาศคนนี้ต้องเป่าหูอะไรซักอย่างกับรีซซี่ให้เข้าชมรม แล้วก็ใช้เธอเป็นกับดักล่อให้โฮเลสตันเข้าตามมา

ก็ชมรมอย่างนี้จะมีใครอยากเข้าล่ะ

ให้ตายเถอะข้าวก็ยังไม่ได้กิน โดนลูกหลงศึกไล่ล่าด้วยรองเท้า ซวยมาเข้าชมรมเพี้ยนๆ แถมมาเจอคำพูดเลี่ยนๆ จนต้องอาเจียนอีก วันนี้มันวันถึงฆาตของราศีกันย์หรือไงเนี่ย

ผู้เคราะห์ร้ายที่สุดแห่งวันเดินออกมาด้วยสีหน้าหงุดหงิดพลางเอาผ้าเช็ดหน้าซับน้ำที่ติดอยู่บนใบหน้า

“เฟลออี้ เป็นไงบ้างหน้าเขียวเชียว” ยังจะมายิ้มอยู่ได้อีกหรอ พอมาคิดให้ดีๆ เรื่องซวยๆ ทั้งหมดนี้นายเป็นคนนำเข้าโดยตรงเลยนี้นา

“เฟลอเฉยๆ ก็ได้” เขาแก้

“เฟลออี้น่ารักกว่าเยอะเลย เอ๋ ทำหน้าบูดๆ งอนฉันรึไง”

“เปล่านี้” โกหกไปแบบไร้ซึ่งความเนียน

“ถ้าเปล่าทำไมหน้าบู้อย่างนั้นล่ะ โกหกได้ไม่เนียนเลยนะ”

“ใครจะไปแถได้เนียนเหมือนนายกันเล่า”

“ฮะๆ ถ้าฉันไม่แถเนียน บิลลี่คงจะไม่โกรธขนาดเอารองเท้าไล่ฟาดได้ทุกวันหรอกนะ” รูดี้ยิ้มอย่างสมภาคภูมิ

กวนประสาท...

กวนประสาทมาก ผู้ชายคนนี้มีความสามารถในการกระตุ้นต่อมโมโหได้อย่างน่านับถือ มิน่าถึงได้โดนไล่ฆ่าเอาเป็นเอาตายขนาดนั้น

“เอ้าๆ เลิกกัดกันเองได้แล้วเก็บแรงไว้กับUMAเถอะ นี้ใบสมัครกรอกให้ละเอียดนะ” รู้สึกว่าท่านประธานมนุษย์อวกาศคนนี้จะคลั่งไคล้UMAเยี่ยงพระเจ้ามาก ดูเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่น่าจะจดจำซักเท่าไรเลย

เฟลอเซียลกรอกไปก็อยากจะร้องไห้ไป ถ้าไม่ใช่ผู้ชายอายุ 15 ปี เชื่อเถอะเขาต้องทำอย่างที่เขาอยากทำอยู่แน่ โอ๊ย อะไรเนี้ยไม่ใส่แว่นตามองไม่ค่อยชัดเลย เพ้งจนกล้ามเนื้อตาจะทะลักออกมาแล้วเนี้ย

โถ ชีวิตเรานี้มันช่างอาภัพระดับยากจะพรรณนาจริงๆ ฮือๆ เอ๋ มีช่องให้กรอกเหตุผลที่เข้าชมรมด้วย ถ้าเขียนไปว่า ‘โดนรองเท้าไล่ต้อนจนต้องมาหลบอยู่ในห้อง แล้วก็โดนเพื่อนจอมแถลากเข้ามาโดยไร้ซึ่งความเต็มใจซักนิด’ จะได้มั้ย

ทำแบบนั้นมีหวังโดนตื้บ เขียนไปว่า ‘อยากลองสิ่งแปลกใหม่กับเพื่อนคนใหม่’ แล้วกัน เอ้ารีบลงชื่อ รีบส่งไป จบ! ไม่ใช่แค่กรอกจบ แต่จบชีวิตที่สงบสุขด้วย

“อืม ยินดีต้อนรับเอรูดี้กับ...อ่านว่าอะไรนี้ เฟลอเซียล...สู่ชมรมUMAฉันประธานชมรมชื่อเซรายย์ อยู่ม.ปลายปีหนึ่ง นับแต่นี้ฉันจะดูแลพวกนายเอง” หมวกอวกาศที่เธอครอบอยู่ทำให้ไม่รู้ว่าเธอยิ้มอยู่หรือเปล่า แต่น้ำเสียงเปล่งออกมาอย่างยินดี ถือว่ายิ้มแล้วกัน

เอรูดี้ยกมือขึ้นยิ้มเหมือนเด็กที่กำลังสงสัย “ประธานครับ ทำไมใบสมัครไม่มีให้เขียนนามสกุลล่ะครับ”

“ก็เพราะต่อจากนี้เราคือครอบครัวเดียวกัน จะไม่สนภูมิฐานเดิมแต่ใดทั้งสิ้น” เซรายย์ประกาศลั่น ตบหน้าอกอย่างภาคภูมิใจ “เพราะที่นี้เราจะถือกำเนิดในครอบครัวใหม่ภายใต้นามสกุลที่ว่าUMA”

เป็นนามสกุลที่เห่ยมาก...ว่าแต่ไอ้คำนั้นใช่เป็นนามสกุลได้ด้วยหรอ

“ดูจะไม่น่ายอมรับซักเท่าไร แต่ยินดีที่ได้รู้จักน้องใหม่ฉันชื่อโฮเลสตัน ส่วนนี้แฟนสาวแสนสวยรวยความน่ารักที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมา เธอคนนี้มีนามอันเพราะพริ้งว่า รีเซลล่า พวกเราก็อยู่ม.ต้น ปี 3เหมือนพวกนายน่ะแหละ”

ถ้าสองคนนี้เป็นแฟนกัน(จริงๆ มันน่าจะดูออกตั้งแต่ครั้งแรกแล้วล่ะ) แล้วไอ้การสบตาแบบแปลกๆ ระหว่างเธอกับเอรูดี้คืออะไรล่ะ เหลือบมองปฏิกิริยาเพื่อนใหม่หน่อยดีกว่า

เสมือนเอรูดี้จะรับรู้ถึงการเหลือบมองนั้น เขารีบยิ้มร่าไปทางรีเซลล่าทันที

“แหม เซลลี่นี้ก็น่ารักจริงๆ น่ะแหละ รักเดียวใจเดียวแบบนี้หายากในหมู่ผู้หญิงสวยๆ นะเนี้ย”

“ขอบคุณค่ะทะ...เอรูดี้” หญิงสาวยิ้มแล้วซุกใบหน้าลงในอ้อมอกของเด็กหนุ่มผู้เป็นที่รักของเธออย่างน่าเอ็นดู

“เอาล่ะ เราไร้สาระมามากพอแล้ว ฉันจะแถลงกิจกรรมของเดือนนี้ให้ฟังล่ะนะ” เซรายย์ทุบโต๊ะที่ตั้งอยู่กลางห้องเพื่อเรียกความสนใจจรากสมาชิก “เป็นข่าวลือกันทั่วเมืองว่า 3 มหาอำนาจเกิดการแตกหักภายในกันเอง ฉันว่าทุกคนน่าจะทราบเรื่องนี้กันแล้วนะ”

ทั้งห้องเงียบลงเป็นสัญญาณว่าพวกเขาเข้าใจแล้ว ยกเว้นเฟลอเซียล เขาค่อยๆ ยกมือขึ้นเหมือนกำลังสงสัยบางอย่างก่อนจะถามว่า ”คือ...ประธานครับผมไม่ทราบรายละเอียดมากนักน่ะครับ ถ้าเป็นไปได้ช่วยอธิบายให้ฟังหน่อยทีครับ”

“นี้นายไปหลบอยู่หลุมไหนในคาเมเซียมายะ บอกซิ เกิดสงครามปะทุขึ้นมาจริงๆ ที่นั้นจะเป็นหลุมหลบภัยชั้นยอดเลย” เซรายย์มองหน้าเด็กหนุ่มอย่างระอา

“เอ๋ จะมีสงครามอะไรกันหรอครับ”

เพื่อนจอมแถของเขาหัวเราะเบาๆ แล้วตบบ่าพรางพูดว่า ”ประธานเขาพูดถูกจริงๆ ไปมุดอยู่ในปล่องภูเขาไฟมาใช่มั้ย ใช่อาจจะเกิดสงครามจริงๆ น่ะแหละ สงครามครั้งนี้น่ากลัวมากเลยนะ ผู้คนต้องล้มตาย เมืองสรวงสวรรค์แห่งนี้ต้องถึงคราวล่มแน่ บ้านเมืองแตกแยกเป็นสามฝ่าย โอ้ช่างน่ากลัวจริงๆ “ มีแอตติ้งประกอบด้วย

โม้ชัดๆ...

“เอรูดี้พูดถูกแล้ว” อะไรนะประธาน! ไอ้คำพูดเกินจริงนั้นเนี้ยนะ “ถ้าอย่างนั้นฉันถามนายหน่อยเฟลอเซียล นายรู้อะไรเกี่ยวกับ 3 มหาอำนาจแห่งคาเมเซียบ้าง”

เด็กหนุ่มครุ่นคิดอยู่ครู่ พยายามเค้นเอาเรื่องราวที่รู้ออกมาอย่างเต็มกำลัง นี้คือผลเสียจากการตัดขาดจากโลกภายนอก เข้าสู่ดินแดนแห่งนิยายน่ะแหละ

“ก็รู้แค่ว่าเมืองนี้อยู่ในเกาะที่อุดมสมบูรณ์มากไม่ต้องพึ่งต่างประเทศเลย แล้วก็ไม่มีสัญญาผูกติดกับประเทศไหน อยู่อย่างเป็นเอกเทศน์” เฟลอเซียลเว้นช่วงเรียบเรียงข้อมูลแล้วพูดต่อว่า “ตอนที่มีศึกสงครามผนวกดินแดน เมืองนี้ไม่ถูกเหมาเข้ากับประเทศอื่นเพราะมี 3 มหาอำนาจสู้รบปกป้องซึ่งเปรียบแล้ว บัลลังก์สูงสุดเปรียบเสมือนพระราชา อำนาจสูงสุดคือนายกรัฐมนตรี ส่วนภาสูงสุดนั้นคือคนที่รวมทุกสิ่งในเมืองและสองอำนาจให้เป็นหนึ่งเดียว ใช่มั้ยล่ะครับ”

เอรูดี้ยิ้มพยักหน้ารับ “ใช่แล้ว และมีข่าวลือว่า 3 มหาอำนาจไม่ใช่มนุษย์สามัญธรรมดาทั่วไป! ที่บ้านเมืองอุดมสมบูรณ์นี้ก็เชื่อกันว่ามีเหล่าภูตข้ารับใช้ปีศาจของ 3 อำนาจนี้ดูแลทุกอย่างอยู่ บางตนก็พอรู้แล้วว่าเป็นปีศาจหรืออะไร แต่ทว่า 3 อำนาจนั้นกลับไม่เคยเผยตัวให้ใครเห็นแม้แต่ครั้งเดียว เลยไม่มีใครสามารถตีได้ว่าเขาเป็นใครกันแน่”

“ดังนั้น” เซรายย์ประกาศ “นี้คือโอกาส เราจะใช้ช่วงเวลาที่บ้านเมืองแตกแยกนี้เปิดโปงตัวตนที่แท้จริงของ 3 อำนาจนั้นซะ แล้วเราชมรมUMAก็จะได้รับการยอมรับอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นพวกเราทั้งห้าคนต้องไปพิสูจน์ความจริงกัน ว่า 3 อำนาจ คือUMA! ไม่เช่นนั้นก็ไม่อาจควบคุมปีศาจ และบ้านเมืองแห่งนี้ได้หรอก”

“เรามาพยายามด้วยกันนะรีซซี่ที่รักของฉัน”

เฟลอเซียลอยากจะอาเจียนอีกซักรอบ แต่เมื่อครั้งที่แล้วเล่นหมดไส้หมดพุงกันไปแล้วนี่นา ประมาณว่าอ้วกจนไม่มีอะไรจะอ้วกแล้วนั้นแหละ

“โฮลี่...อายเขาค่ะ” ฝ่ายหญิงนี้ก็ช่างขี้อายซะจริง แต่ก็ยังนัวเนียกันอยู่นั้นแหละ พวกเราเพิ่ง 15 เองนะ!

“งั้นเราจะมาหาเบาะแสกันคาบว่างสุดท้ายของวันนี้ อย่าเบี้ยวเด็ดขาด”

“ทำไมประธานต้องรีบขนาดนั้นด้วยล่ะครับ” เฟลอเซียลถามขึ้น

“ก็เราต้องแข่งกับอีกสามชมรมน่ะซิ เราจะต้องหาหลักฐาน ว่าท่านเหล่านั้นเป็นUMA เกย์ทับไอ้พวกสามชมรมที่เคยว่าพวกเราไงล่ะ”

เฟลอเซียลกลืนน้ำลายไปเอือกหนึ่ง สามชมรมคู่แข่งที่ว่าจะเป็นอื่นใดไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่อีกสามชมรมที่เหลือในสี่ชมรมอภิมหึมามหาเพี้ยน

1.ชมรมUMA

2.ชมรมภูตผีวิญญาณ

3.ชมรมค้นคว้ามนุษย์ต่างดาว

4.สัตว์ดึกดำบรรพ์คืนชีพ

แล้วไหงต้องมาแข่งกันสืบหาเรื่องของคนใหญ่คนโตขนาดนั้นเล่า พลาดทีหัวหลุดจากบ่าได้เลยนะ

“เอ๋ เฟลอเซียลหน้าซีดเชียว เป็นอะไรหรือเปล่าฉันไม่ยอมให้เพื่อนใหม่ของฉันคนนี้เป็นอะไรไปเด็ดขาด ฉันรู้นะว่านายคงจะเป็นกังวลกับเรื่องที่เราต้องเสี่ยงอันตรายไปฝ่าฟันอุปสรรคอันน่ากลัว ในดงที่มีชื่อว่า ‘ผู้มีอำนาจ’ นายคงจะกลัวว่าพลาดพลั้งไป ร่างกายของนายจะแหลกสลายกลายเป็นเถ้าถ่านซินะ โอ้เพื่อนรักอย่ากังวลไปเลย”

“แถอะไรน่ะ เอรูดี้ น่าคลื่นไส้”

แต่ประธานครับที่เอรูดี้เขาแถน่ะ ถูกเผงเลยนะครับ ถึงจะใช้คำพูดออกโอเวอร์ไปนิดก็เหอะ

เอรูดี้เอื้อมมือไปวางทับมือของเพื่อนใหม่ “ไม่ต้องกลัวหรอกเฟลอ มีฉันอยู่ด้วยไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้นแหละ”

ใบหน้าที่เคยยิ้มยียวนกวนบาทา บัดนี้เขาแสดงมันด้วยสีหน้าที่มุ่งมั่นดูน่าเชื่อถือยิ่งกว่าใครใดในโลก เสมือนคำพูดนั้นคือสัตยาแห่งพระราชา

ได้เจอกันเพียงไม่กี่นาที ทำไมนะ...ทำไมกัน

ทำไมเขาเห็นใบหน้ามุ่งมั่นนั้นแล้วกลับพร้อมที่จะเชื่อและฝากชีวิตไว้ใต้ความสง่าของสีหน้านั้นกันล่ะ

และเขาพร้อมที่จะก้าวไปโดยไร้ซึ่งความกลัวกับเขาคนนี้

“ถ้าอย่างนั้นประธานครับ ผมขอตัวไปทานข้าวก่อนนะครับพอดีมีเหตุสุดวิสัย ผมกับเฟลอยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย เหมือนขอทานที่หิวจนไส้จะขาดออกเป็นเสี่ยงๆ จนพยาธิสามารถกินเศษซากนั้นแทนอาหารได้เลยครับ”

“จะไปไหนก็ไป เถอะอย่ามาโอเวอร์แถวนี้”

“ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปล่ะนะครับ”

เด็กใหม่ทั้งสองคนโค้งลาทั้งประธานมนุษย์อวกาศอย่างนอบน้อม เช็คเส้นทางว่าปลอดภัยจากรองเท้าบินหรือยัง เมื่อมั่นใจก็ปราดออกจากห้องชมรมนรกนั้นทันที

“กลับห้องกันเถอะ” เอรูดี้พูดขึ้นขณะติดสปีดวิ่ง

“รูดี้อยู่ห้องไหนล่ะ”

“ห้องเดียวกับนายนั้นแหละ”

“อะไรนะ ทำไมฉันไม่รู้เรื่องเลยล่ะ นายอยู่ห้องเดียวกับฉันอย่างนั้นหรอ”

“ก็เฟลออี้มัวแต่สนใจนิยายน่ะซิ สิ่งรอบข้างเล็กๆ น้อยๆ อย่างเพื่อนร่วมห้อง หรือแม้กระทั่งเรื่องราวเกี่ยวกับผู้ปกครองคาเมเซียยังไม่รู้เลย ถามหน่อยเถอะนายอยู่ที่เมืองคาเมเซียนี้จริงๆ หรือเปล่า เอ๊ะ หรือว่านายตกลงมาพร้อมฝนดาวตกเมื่อครึ่งปีก่อน นายเป็นมนุษย์ต่างดาวงั้นหรอ”

“จะบ้าหรอฉันก็เป็นมนุษย์ธรรมดาเนี้ยแหละ แล้วก็อยู่ที่เมืองนี้มาตั้งแต่เกิดเลยด้วย”

“อย่างน้อยนายก็น่าจะหาข้อมูล หรือ พบปะผู้คนบ้างนะ”

“เคยแล้ว ไม่เอาแล้วด้วย น่าเบื่อจะตาย”

เอรูดี้หยุดเพียงแค่นั้น เมื่อเห็นสีหน้าที่ห่อเหี่ยวลงของเพื่อนใหม่ เอาไว้หลุดจากวิกฤตการณ์หนีการล่าสังหารของบิลลี่เมื่อไรแล้วค่อยคุยทีหลังแล้วกัน

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา