I'm not your playmate : กูไม่ใช่เพื่อนเล่นมึงครับ!

8.4

เขียนโดย Master

วันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2555 เวลา 14.16 น.

  25 บท
  18 วิจารณ์
  58.96K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

25) Other Side II [Non's Part] :: Question

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

Other Side II

Non Part’s :: Question… คำถาม

 

 

‘มึงเคยรู้จักบ้างมั้ย... การทำเพื่อใครสักคนน่ะ...’

 

เสียงคำพูดของผมก็ยังคงตอกย้ำตัวเองอยู่อย่างนั้น คำพูดที่พูดไปกับเพื่อนของตัวเองคนหนึ่ง เพียงเพื่อใครสักคนที่ผมแอบรักแล้ว ต่อให้การกระทำดังกล่าวมันน่าสมเพชแค่ไหน แต่ผมก็หลอกตัวเองไม่ได้จริงๆ ว่าไอ้การที่ตัวผมทำแบบนั้นไป ไม่ใช่เพราะผมทำเพื่อใคร

 

... แต่ทั้งหมดผมทำเพื่อตัวเอง

 

 

 

“เหมือนเดิม”

 

ผมสั่งบาร์เทนเดอร์ในผับแห่งหนึ่งที่ปกติแล้ว ผมไม่ค่อยชอบมาสักเท่าไหร่ คงเป็นเพราะมันไกลจากบ้านเกินไป แล้วส่วนมากทุกครั้งที่ผมมา ผมก็มาคนเดียวทุกครั้งไป หรือไม่บางครั้งก็มีไอ้เรียบร้อยคนหนึ่งพวกติดตัวมาด้วย

 

ไม่รู้มันเป็นพ่อผมหรือไง ตามติดดีจัง!!

 

ปกติ ผมจะดื่มพอเป็นพิธีให้หายเครียด หรือดื่มแก้เซ็ง คลายเหงาอะไรแบบนี้ แต่วันนี้อาจเป็นเพราะความผิดปกติบางอย่างทำให้ผมเลือกที่จะซดเอาๆ จนคนที่นั่งอยู่ด้านข้างต้องดึงแก้วออกจากมือบ่อยครั้งไป

 

“เมาอย่างกับหมาแล้วครับ”

 

“ยุ่งอะไรด้วยเล่า!” ผมหันไปตะคอกมันเบาๆ

 

กะอีแค่แดกๆๆๆเข้าไปให้กูลืมเรื่องอะไรสักอย่าง คุณมึงจะมายุ่งทำไมครับ!

 

“นนท์...”

 

“หนวกหูน่า! อะไรนักหนาน่ะ หา!”

 

“...”

 

เป็นอีกครั้ง ไม่สิ... ทุกครั้งที่ผมตวาดว่ามันเบาๆ มันจะยอมเงียบและหันกลับไปนั่งนิ่งเหมือนรูปปั้นอีกครั้ง โดยที่ตัวมันไม่แม้แต่จะสั่งอะไรดื่มแบบผม นั่งนิ่งเหมือนคนไม่มีตัวตนจนผมรู้สึกผิด ทั้งๆที่ถ้ามันไม่รู้จักผม ไม่ได้เข้ามากลุ่มบ้าๆบอๆเพราะผมลากมันเข้ามา ตอนนี้มันอาจจะนอนอยู่บ้าน หรืออ่านหนังสืออยู่ก็เป็นได้

 

มาถึงตรงนี้ก็คงไม่ต้องให้ผมบอกแล้วใช่ไหมครับว่าใครนั่งอยู่ตรงนี้...

 

“โทษทีว่ะ ฟอร์ด... หงุดหงิดมากไปหน่อย”

 

“ไม่เป็นไรครับ”

 

อาจเป็นเพราะผมกับฟอร์ดอยู่บ้านใกล้กัน และรู้จักกันมานานพอสมควร และมันมักจะเป็นคนที่เงียบๆไม่ค่อยสุงสิงกับใครมากเท่าไหร่ พอย้ายมาอยู่โรงเรียนเดียวกัน ผมเองก็ทนเห็นใครแกล้งมันไม่ได้เลยดึงมาอยู่กลุ่มเดียวกันซะ

 

เพราะเป็นแบบนั้น มันเลยต้องมานั่งอยู่ตรงนี้ และทำตัวเป็นพ่อผมกลายๆ

 

เหอะ! แต่ก็ดี เวลาผมเมาอย่างน้อยก็มีคนลากผมกลับบ้านด้วยแน่ๆ หายห่วงเรื่องต้องยั้งเอาไว้ไปในทันที

 

“ว่าแต่...ออกมาแบบนี้จะดีเหรอ”

 

“แล้วนนท์ออกมาแบบนี้ พ่อจะไม่เป็นห่วงเหรอครับ”

 

“หึ!”

 

ไม่ใช่ว่าความสัมพันธ์ของพ่อกับผมจะไม่ดีเท่าไหร่ แต่คงเป็นเพราะเราไม่ค่อยคุยกัน และความเข้าใจไม่ตรงกันอยู่บ่อยๆ เราสองพ่อลูกเลยเลิกยุ่งกันไปโดนปริยาย แต่ผมไม่ได้ทะเลาะกับพ่อหรอกนะ

 

ขนาดเมื่อวันก่อน ผมยังไปพูดกับพ่อ... เรื่องคนที่ผมชอบ

 

เรื่องมันก็ไม่มีอะไรหรอกครับ ก็แค่ว่าพ่ออยากหาคนที่จะมาดูๆกันไปให้ผม โดยที่ไม่ถามความเห็นผมสักคำ ผมเลยบอกพ่อไปว่ามีคนที่ชอบอยู่แล้ว และคนที่ผมชอบก็เป็นไอ้เก้า แม้ผมจะรู้ดีว่ามันไม่ชอบผม แต่ผมก็ยืมชื่อมันไปบอกพ่อ แล้วก็พามันไปให้พ่อดูตัว

 

แม้ว่าพ่อจะตกใจในตอนแรก แต่ด้วยการที่พ่อผมไม่ค่อยยุ่งอะไรกับผมมากอยู่แล้ว แถมพ่อยังไม่ค่อยอยากจะยุ่งกับผมสักเท่าไหร่ ท่านก็เลยแทบไม่ได้พูดอะไรออกมา แค่บอกผมประโยคเดียวว่า ‘ถ้าคิดว่าคนนี้ใช่แล้ว ฉันก็จะไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก ชีวิตใครก็ชีวิตมัน’

 

เจ็บครับ... ผมเลยบอกพ่อไปว่า ไอ้เก้ามันมีคนรักของมันอยู่แล้ว ผมมันก็แค่รักเขาข้างเดียว พ่อผมยิ้มครับ แล้วก็ไม่พูดเรื่องหาคู่ให้ผมอีก ผลออกมาเป็นแบบนี้ก็ถือว่าวิน-วินทั้งคู่ใช่ไหมครับ?

 

ผมเลยไม่ต่อความยาวสาวความยืดอีก...

 

กลับมาสู่เวลาปัจจุบันกันดีกว่า ย้อนอดีตมามากเกินไปแล้วครับ

 

ช่วงประมาณเกือบตีสองที่แน่นอนว่าบาร์นี้มันต้องปิดแล้ว ผมก็ค่อยๆเดินเซออกมาได้ด้วยการพยุงของไอ้คนด้านข้างที่ไม่พูดไม่จา ทำตัวน่าโมโหตั้งแต่เงียบไป

 

ทำไมมันไม่ยอมพูดกับผม? ทำไมมันต้องมานั่งอยู่ด้านข้าง? ...นั่นคือสิ่งที่ผมไม่รู้ และรำคาญมากด้วย

 

ผมจะไม่ปฏิเสธว่า พอมีฟอร์ดมานั่งอยู่ด้านข้างทำให้ใจของผมมันสงบลง ผมอยากจะพูดกับมัน แต่ก็ไม่รู้จะคุยอะไรกับมันดี

 

มันชอบอะไร? ชอบพูดเรื่องไหน? ชอบคุยกับใครเพราะอะไร... ผมก็ไม่รู้ทั้งนั้น แต่ถ้าเป็นเรื่องพวกนี้ของไอ้เก้า ทำไมผมต้องเสือกไปสนใจรู้เรื่องของมันด้วยก็ไม่รู้เนอะ

 

“เดี๋ยวก่อนสิ เรียกลุงคนขับก่อน”

 

“ไม่ต้องหรอก อึก...” ผมพยายามพูดให้เสียงปกติ ผมไม่ได้เมานะ แค่มึนๆเฉยๆ “รถจอดอยู่นี่ ขับกลับเองได้”

 

“ขับกลับเอง? เหอะ! นนท์ครับ นนท์บ้าหรือเปล่า อยากโดนพ่อเรียกเป่าเครื่องตรวจไง?” ดูนะครับ เวลามันพูดกับคนอื่นส่วนมากมักจะพูดดีๆเพราะๆเสมอ แต่ดูตอนนี้สิ เวลาพูดกับผมที่ไร กวนไปกวนมาทุกที!

 

“งั้นนายก็ขับสิ”

 

คิ้วมันผูกเป็นผมเลยครับเมื่อผมหยิบกุญแจยื่นส่งไปให้มัน ความจริงแล้ว ฟอร์ดร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงตั้งแต่เด็ก ก็เลยเรียนช้าไปปีหนึ่งเพื่อรักษาตัว ทีนี้มันก็ไปสอบใบขับขี่มาแล้วครับ ให้มันขับได้สบายหายห่วง

 

อ้อ! ส่วนที่นับได้ว่ามันเป็นพี่ผม แต่ผมไม่เคารพอ่ะ รุ่นเดียวกัน ใครจะทำไม แถมเรื่องนี้คนรู้ก็มีแค่ผม กับครอบครัวพวกเราแค่นั้นเองนี่เนอะ

 

ฟอร์ดรับกุญแจรถมาด้วยท่าทางขัดใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ขัดใจผมอะไร ก่อนที่จะพาเดินไปที่รถ แล้วลากผมในสภาพมึนเมาเข้ารถไป

 

“ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายนะ!” มันบอกก่อนที่จะสตาร์ทเครื่องยนต์และออกรถไปจากตรงนั้น

 

“ก็เห็นพูดแบบนี้ทุกทีอ่ะ” ผมปรับเบาะอีกฝั่งให้เป็นแบบนั่งกึ่งนอน

 

ดูเหมือนผมจะกึ่งหลับกึ่งตื่น ฟอร์ดเลยไม่ได้อยากพูดอะไรกับผมมากมาย (แม้ว่าปกติมันจะไม่ค่อยคุยกับผมอยู่แล้วก็เถอะ) ผมเลยเอื้มมือไปเปิดเพลงคลอเบาๆไม่ให้เงียบจนเกินไป

 

“เพลงเพราะเนอะ”

 

“อือ” มันตอบผม

 

“รู้ชื่อเพลงป่ะ?” แม้ว่าผมจะพยายามสร้างประเด็นแต่มันไม่ค่อยอยากพูดกับผมเลยให้ตายสิ

 

“ไม่ครับ”

 

“เหรอ” แล้วรถก็กลับไปเงียบอีกครั้ง

 

ผมไม่รู้หรอกว่ามันรู้ไหมว่าคนที่ชอบของผมเป็นใคร หรือว่าทำไมผมถึงหงุดหงิดจวนอยากจะฆ่าใครสักคน ผมไม่เคยพูดถึงเรื่องเก้าต่อหน้าใครแม้แต่มันก็ตาม เพราะที่จริงแล้ว คนในกลุ่มรู้แค่ว่าบ้านอยู่ใกล้กัน และผมสงสารมันเลยดึงมันเข้ามาในกลุ่ม แต่ไม่มีใครรู้ว่าผมกับผมสนิทกันขนาดไหน

 

“นี่ ผมถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ”

 

“หืม?” ผมหันไปปรายตามองเล็กน้อย “ถามมาสิ”

 

“ทำไมถึงทำตัวเหมือนคนอกหักแบบนั้นล่ะครับ”

 

“ก็เปล่า” คำพูดที่แสนจะแทงใจดำทำให้ผมไม่อยากจะตอบกลับไปเลยให้ตายเถอะ “ไม่ได้อกหัก เพราะยังไม่ได้สารภาพรักเลย”

 

“แพ้ตั้งแต่อยู่ในมุ้งเลยเหรอครับเนี่ย?”

 

“เปล่าสักกะหน่อย... ก็แค่อยากสนับสนุนให้คนไทยรักกันเท่านั้นเอง” ผมปล่อยมุขแป้กออกมา มันไม่ตลก แถมยังไม่ขำเสียด้วย นนท์จึงทำแค่เพียงหลับตาเงียบๆ

 

“นนทบุรี ศรีสยามชาติไทย!” อยู่ดีๆมันก็พูดชื่อเฟสผมขึ้นมา

 

“ห้ะ?”

 

“ผมเล่นเฟสแล้วนะ”

 

อย่า งงครับ อย่า งง ก็บอกแล้วไงว่ามันเป็นเด็กดีมาก มันเลยไม่ค่อยแตะต้องอุปกรณ์อิเลกทรอนิคสักเท่าไหร่ พอได้ยินมันพูดแบบนี้ผมแอบอึ้งไปนิดๆเหมือนกัน

 

“เพิ่งเปิดวันนี้”

 

“อือ” ฟอร์ดพยักหน้ารับ “แอดนนท์ไปแล้ว รับด้วยละ”

 

“ชื่อ?” แหม ผมมันฮอตครับ คนแอดเยอะแต่ผมไม่ค่อยรับเท่าไหร่

 

“ลองเดาดูเองสิครับ” แปลว่ามันไม่บอกครับ ผมก็ยิ้มรับ ไม่ได้ว่าอะไรต่อไป

 

“ผมแอดนนท์ไปคนแรกเลย”

 

“คนเดียวด้วยละสิ”

 

“อือ”

 

“งั้นเดี๋ยวพอรับแล้วจะบอกชื่อพวกไอ้จีนให้ล่ะกัน”

 

“ครับ” เหมือนบทสนทนาจะถูกตัดจบยังไงก็ไม่รู้ พวกเราเลยเงียบกันไปอีกครั้งหนึ่ง

 

“พูดเรื่องคนที่ชอบให้ฟังหน่อยได้ไหมครับ” ปกติมันสนใจเรื่องแบบนี้ที่ไหนกัน ฟอร์ดนึกคิดอะไรถึงพูดขึ้นมาว่ะเนี่ย แต่ด้วยความที่ผมเป็นเพื่อนที่ดีจึงตอบกลับไปแบบเพื่อนที่แสนดี

 

“ของแลกเปลี่ยน?”

 

“ที่ขับรถให้อยู่นี่ไงครับ”

 

“ชิ!” ผมเดาะลิ้นอย่างขัดใจ ยังไงก็ได้ว่ะ

 

“ว่าไงครับ” เร่งอีกๆ...

 

“ก็ไม่ไง... คนที่ชอบนะ อืม... จะว่าแปลกก็แปลก กวนตีน ปากไม่ตรงกับใจ ขี้น้อยใจ ชอบคิดไปเอง ติ๊งต๊องบ้าง จริงจังบ้าง แต่รวมๆแล้วก็คงจะ...น่ารักล่ะมั้ง”

 

“น่ารัก?”

 

“ไม่รู้สิ คนส่วนมากก็ว่ามันน่ารักนี่หน่า”

 

“เหรอ”

 

“แล้วฟอร์ดอ่ะ”

 

“ไม่รู้สิ ไม่มีมั้ง” รถติดไฟแดงยามค่ำคืนที่ไม่มีคน แต่มันก็ไม่ยอมฝ่าไฟแดงออกไป แต่ผมก็คิดว่ามันดีเหมือนกัน เพราะว่ามันหยุดอยู่อย่างนี้ มันก็เลยหันมาพูดกับผมได้

 

ถ้าหากเวลาหยุดอยู่ที่ตรงนี้คงจะดีไม่ใช่น้อย...

 

เฮ้ย! ผมคิดอะไรของผมว่ะนั่น เหอๆๆ ใจเย็นเพื่อนๆ เมาจนมึนมั่วไปหมดแล้วสิเรา...

 

“ไม่มีจริงๆนะเหรอ?” มันพยักหน้ารับ “แล้วคนที่ฟอร์ดชอบต้องเป็นแบบไหนล่ะ”

 

“อืม... ก็ต้องเป็นคนที่จริงจังล่ะมั้ง”

 

“จริงจัง?” เหอๆ อยากได้แฟนเป็นสาวมั่นสินะ?

 

“ไม่เชิงนะ แค่...เวลาเห็นคนที่ตั้งใจทำอะไรสักอย่างอย่างจริงจังแล้ว แม้แต่เป็นเรื่องที่ไร้สาระก็ดูมีเสน่ห์ดี ว่างั้นไหม?”

 

“คงงั้นมั้ง” แหม ผมจะไปรู้ได้ไงครับ คนเรามันคิดไม่เหมือนกัน สำหรับผมมันก็เฉยๆนะ “แล้วไงต่อ?”

 

“เอ... ไม่รู้สิ สำหรับผมแล้ว ผมชอบคนที่พูดง่ายๆ เข้าใจง่ายๆ ไม่งี่เง่า เข้าใจกันดีล่ะมั้ง เอาแบบว่าง่ายๆก็ผู้หญิงแบบที่ว่า ไม่ต้องมาตามจีบ ตามง้อ หรือนั่งเฝ้าดูแล เช้า กลางวัน เย็น เพราะคนเรามันโตๆกันแล้ว ดูแลตัวเองบ้างก็ได้”

 

“หืม?” ความคิดมันแปลกๆแต่ก็น่าสนใจดีนะครับ

 

“ก็แบบ คนที่บอกว่าอยากเป็นแฟนกันก็เป็นเลย แล้วค่อยๆมาปรับตัวหากันทีหลัง ชอบไม่ชอบยังไงก็ค่อยมาพูดกันอีกที”

 

ไฟเขียวแล้ว แต่มันออกรถไป โดยที่ใช้ความเร็วพุ่งให้เลยสามแยก แล้วชะลอรถให้ขับไปช้าๆทางด้านซ้ายของถนน ขับช้าๆ คุยกับผมไปพลาง ราวกับอยากถ่วงเวลาเอาไว้ ไม่อยากให้ถึงบ้าน

 

“แปลกจังเนอะ” ผมว่า

 

“ก็แหงสิครับ คนแบบนั้นมันมีที่ไหนกันละ”

 

“อือๆ” ผมพยักหน้าเห็นด้วย “แล้วอีกอย่างผู้หญิงสมัยนี้ก็ชอบให้มาตามง้อตามจีบอยู่แล้วด้วย”

 

“ผมก็ไม่ได้จำกันให้ต้องเป็นผู้หญิงอย่างเดียวนี่ครับ”

 

“ห้ะ?” เพื่อนผมมันเป็นพวกไบโอหรือไงกันละนั่น? (ไบโอ – ชอบทั้งสองเพศ)

 

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกน่า” มันตอบเหมือนรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่ “แค่... ถ้าหากว่าเป็นใครที่ไปกันได้ แล้วก็ชอบกันจริงๆก็ดีสินะ”

 

“ค่อยๆปรับตัวเข้าหากันเนี่ยนะ?”

 

“อื้อ”

 

“แล้วถ้าไม่รู้จักกันมาก่อน?”

 

“ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่” มันยิ้มกว้าง “ก็ลองทำความรู้จักกันไปเรื่อยๆก็ได้”

 

“ความคิดฟอร์ดนี่แปลกทุกรอบเลยเนอะ” ผมคลี่ยิ้มออกมาอย่างผ่อนคลาย “สบายใจดีจัง”

 

“ใช่ไหมล่ะ ใครๆก็ว่าผมแบบนั้นแหละ”

 

“...”

 

รถเงียบไปอีกครั้ง โดยที่ไม่รู้จะต่อบทสนทนายังไงดี แต่พอมองออกไปนอกหน้าต่างรถก็ทำให้ผมรู้ว่าอีกไม่นานก็จะถึงบ้านผมแล้ว

 

เวลาก็ใกล้จะหมดลงไปไปทุกที เสียงเพลงที่เปิดคลอเอาไว้ก็ไม่ได้ช่วยอะไรขึ้นมาแม้แต่น้อย

 

“นี่...”

 

“หืม?” ผมหันไปมองคนที่ขับรถมาตลอดอย่างมัน

 

“คิงเนี่ย แปลกดีนะ”

 

“หา?” แม้แต่เพื่อนที่คุยกันได้อย่างสนิทอย่างฟอร์ด ก็ยังจะชอบคิงหรือไงกัน คิงมันจะแย่งทุกอย่างของผมหรือไงกันนะ

 

ผมแอบคิดในใจ แต่ได้แค่ซ่อนความรู้สึกไม่พอใจเอาไว้

 

“ก็แปลกที่ไม่ยอมพูดอะไรสักอย่างตามใจคิดน่ะสิ”

 

“ก็คนเราไม่เหมือนนายนี่ ไม่มีใครที่พูดตามที่ตัวเองคิดออกมาทุกอย่างแบบฟอร์ดหรอก”

 

“ผมก็ไม่ได้พูดทุกอย่างตามที่ตัวเองคิดนะ!” เขาเถียงขึ้นมาเบาๆ ทำให้ผมได้รู้สึกว่าเพื่อนผมคนนี้ก็เหมือนคนธรรมดา ที่แหวได้ และเถียงเป็นเช่นกัน

 

“เหรอ”

 

“ใกล้ถึงบ้านแล้ว เตรียมตัวลงได้แล้วครับ พรุ่งนี้ผมจะเอารถมาคืนนะ”

 

“ไม่เห็นเป็นไรเลย เดี๋ยวเดินไปเอาเองก็ได้”

 

“ไม่เป็นไร” ฟอร์ดหันมายิ้มให้ พร้อมเข้าโค้งสุดท้ายก่อนที่จะถึงบ้านผม “พรุ่งนี้ ท่าทางจะแฮงก์ยาว”

 

“นั่นสิเนอะ ฮ่ะๆ”

 

“ว่าแต่...” นนท์ดูลังเลใจที่จะพูดออกมา

 

“อะไรเหรอ?”

 

“เรื่องนั้นผมพูดจริงนะ” นนท์ยิ้ม ทุกเรื่องที่ฟอร์ดพูดเป็นเรื่องจริงหมดแหละ เขาเชื่อ “เรื่องที่ว่า ถ้าหากอยากลองคบกับใคร ก็จะพูดอย่างเปิดเผย ไม่มาจีบอย่างอ้อมคอมหรอกนะ”

 

“อือ? แล้วไง?”

 

“นนท์เนี่ยนะ...” เสียงบ่นอะไรพึมพำที่จับใจความไม่ค่อยได้ ทำให้เขามึนงงเล็กน้อย

 

รถได้จอดนิ่งอยู่ที่หน้าบ้านแล้ว เขายังไม่ยอมลงจากรถ ฟอร์ดเองก็หันมาจ้องหน้าเขานิ่ง ไม่ได้พูดอะไร หรือไล่ให้เขาลงไป ก่อนที่เขาจะก้าวลงมาจนเกือบจะเดินหนีไปแล้ว ฟอร์ดก็ลดกระจกลงมา ถอนหายใจแล้วพูดออกมา ด้วยคำถามแปลกๆ

 

“นนท์น่ะ... ยังไม่มีคนที่คบด้วยใช่ไหม”

 

“ก็ใช่” เขาพยักหน้ารับ

 

“ถ้าอย่างนั้น...เราลอง...มาคบกันมั้ย?”

 

ประโยคสุดท้ายที่ทำให้เขาถึงกับตกตะลึง ไม่แม้แต่จะรอคำตอบ รถสีดำของเขาก็ออกตัวไปที่บ้านหลังถัดไป โดยที่ทิ้งให้คนที่ถูกถามยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น

 

หัวสมองที่จมอยู่กับความคิดเรื่องนี้ไม่ได้รู้ตัวว่าตัวเองเข้ามาในห้อง หรืออาบน้ำได้อย่างไร จนกระทั่งก่อนนอน เขาก็คิดอยู่เพียงแค่เรื่องเดียว...

 

คบกันไหม... นะเหรอ?

 

 

 

 

:: Talk ::

 

อุแหม่! ถ้านนท์ไม่มีคู่เขาคงเสียใจอ่ะเนอะ 555 //บทนี้กลับมาอย่างมึนๆ หายไปนานอีกแล้วสินะคะ...

ส่วนใครที่เป็นแฟนคลับนนท์แล้วสงสัยว่าฟอร์ดมาจากไหนก็ย้อนกลับไปประโยคที่ทำให้ไรท์ฟิน... (ไปดูที่พาร์ทที่หนึ่งของนนท์ ตอน About me นะค่ะ ท้ายๆเลย)

555 ไร้สาระที่สุด... พอเถอะ...

 

สุดท้ายก็ฝากเม้นท์ แล้วก็คูลกันเยอะๆด้วย ฝากบอกลูกบอกหลานกันด้วยนะแจ๊ะ

//รอคู่เมนกันต่อไป...

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา