ปีกนางฟ้า (Angel Wing)
-
2) - The Book Of Darkness II -
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความThe Book Of Darkness
II
คืนหนึ่งขณะปู่และรีฟอส กำลังฉลองวันเกิดครบรอบ 10 ปี ของรีฟอส อย่างมีความสุขอยู่ภายในบ้านหลังน้อยที่มีเพียงแต่แสงสว่างจากตะเกียงให้แสง สว่างและความอบอุ่น กลับมีกลุ่มชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งท่าทางเมามายไร้สติ บุกเข้ามาภายในบ้าน ทำลายข้าวของ ค้นหาทรัพย์สินมีค่า เมื่อปู่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ได้แต่พารีฟอสไปหลบที่มุมห้องแล้วโอบกอดรีฟอสไว้ด้วยท่าทางระวังภัย รีฟอสมองมือของปู่ที่โอบกอดตัวเองอยู่ ว่ามือของปู่นั้นสั่นเทา แต่ปู่ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือออกจากรีฟอส ขณะที่ผู้บุกลุกค้นหาทรัพย์สินมีค่าไม่เจอก็ตรงเข้ามาหาปู่ ฉุดลากตัวปู่ไป “ไอ้แก่ เงิน อยู่ไหน “เมื่อ ปู่ไม่ตอบพวกผู้บุกลุกจึงลงมือซ้อมปู่ รีฟอสมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมๆกับตะโกนเรียกชื่อปู่พร้อมกับน้ำตาที่ ไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง แต่พวกผู้บุกลุกก็ไม่ยอมหยุดมือ จับปู่มัดแล้วแขวนขึ้นบนคานของบ้านห้อยลงมา ทำการทรมาน รีฟอสจ้องมองปู่ที่ตนเองรัก และ เทิดทูน ถูกกลุ่มชายเหล่านั้นกระทำ ราว กับว่า ไม่ใช่ มนุษย์ เป็นเพียงแค่สิ่งของชิ้นหนึ่ง “มนุษย์นั้นยิ่งใหญ่ขนาดนั้นเลยหรือ มนุษย์นั้นน่าสรรเสริญขนานนั้นเลยหรือ มนุษย์นั้นมีสิทธ์อะไรในการพรากซะตาชีวิตของผู้อื่น”
รี ฟอสวิ่งเข้าไปหาปู่ที่ถูกมัดห้อยลงมาจากคานของบ้าน พร้อมๆกับจ้องมองปู่แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สับสน “ปู่จะต้องไม่ เป็นอะไรนะครับ ผมจะพาปู่ไปหาหมอ เดี๋ยวคุณปู่ก็หายแล้วครับ”
เมื่อปู่ได้ยินที่รีฟอสพูดเช่นนั้นก็ยิ้มขึ้นพร้อมๆกับยื่นมือมาเพื่อหมายจะสัมผัสใบ หน้าของ รีฟอส “ปู่มีความสุขนะ ที่ได้ใช้เวลาที่เหลืออยู่กับเจ้า รีฟอส” ปู่ พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงและรอยยิ้มที่มีแต่ความสุข เมื่อพูดจบมือที่หมายจะยื่นมาสัมผัสรีฟอส นั้นก็หมดแรงห้อยลงข้างกาย รีฟอสเห็นดังนั้นก็ ร้องตะโกนเรียกชื่อปู่ พูดซ้ำไปซ้ำมาเหมือนคนกับเสียสติ “เดี๋ยวปู่ก็หายแล้วครับ” “เราจะไปเที่ยวด้วยกันนะครับ” “ปู่อย่างนอนนานนะครับรีบๆตื่นนะครับ” รี ฟอสจ้องมองร่างของปู่ที่แน่นิ่ง ไร้ซึ่งวิญญาณ พร้อมๆกับภาพวันเวลาต่างๆที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับปู่ผุดขึ้นมาในความทรงจำ เหล่าผู้บุกลุกเมื่อเห็นภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าก็หัวเราะขึ้นมาอย่างสนุกสนาน เสมือนกับว่าเป็นเรื่องปกติ เมื่อรีฟอสได้ยินเสียงหัวเราะเหล่านั้น ก็ร้องตะโกนออกมา ดังๆ ก่อนที่ภาพเบื้องหน้ารีฟอสทั้งหลายจะมืดดับลง
“สิ่งที่เรารัก เราเคารพ เมื่อถึงเวลาที่ต้องสูญเสียไป ก็มิอาจหวนกลับคืนมาอีกคราว” หลัง จากผ่านเหตุการณ์นั้นมา รีฟอสก็มารู้สึกตัวขึ้นที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในตัวเมือง ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านของปู่พอสมควร รีฟอสถามถึงปู่ของเขาพยาบาลกลับยิ้มให้ “มีคนไปพบหนูนอนหมดสติ อยู่ด้านนอกตัวบ้าน ขณะที่บ้านกำลังถูกไฟไหม้” รีฟอสก็ถามต่อว่าปู่เขาอยู่ที่ไหน “ปู่ ของหนูรอ หนูหายดี แล้วจะมาเยี่ยม จ๊ะ” เมื่อ รีฟอสได้ยินคำตอบ ก็คลายสีหน้าที่กังวนลง แต่เพียงแค่ชั่วครู่เดียวเท่านั้น เมื่อรีฟอสนึกถึงเหตุการณ์ที่เขาต้องสูญเสียปู่ไป ก็ทำให้น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองข้างของเขา รีฟอสหวนนึกถึงภาพเก่าๆที่เขาเคยใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับปู่ ขณะที่น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้างของรีฟอสภายในจิตใจของของรีฟอสก็มีเพียง แต่ความเครียดแค้น ที่มีแต่กลุ่มชายเหล่านั้นที่ทำลายชีวิตของเขา หลัง จากรีฟอสรักษาตัวจนหายดี เขาก็ออกจากโรงพยาบาลในตัวเมือง กลับไปยังบ้านของเขาที่อาศัยอยู่กับปู่ เมื่อเขากลับมาถึงสภาพของบ้านที่เขาจดจำได้ในความทรงจำ กลับเหลือเพียงแต่ ตอไม้สีดำ และ เศษไม้ที่มอดดับแล้ว เมื่อรีฟอสเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้าก็ทรุดลงกับพื้นอย่างหมดแรง พร้อมๆกับภาพวาระสุดท้ายของปู่ผลุดขึ้นมาในความทรงจำ รีฟอสน้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้างของเขา หยดลงบนพื้นดิน พร้อมๆกับกำมือทั้งสองข้าง เมื่อนึกถึงภาพใบหน้าของชายเหล่านั้นที่ทำลายชีวิตของเขา
“ทุกสิ่ง ทุกอย่าง ล้วนมีคุณค่า ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีระยะเวลาของตัวมันเอง” รี ฟอสเฝ้าตามหากลุ่มชายเหล่านั้น เพื่อหวังจะล้างแค้น เขาตามหากลุ่มชายเหล่านั้นไปจนทั่ว รีฟอสหาเลี้ยงตนเองด้วยการขโมยของ และ รับจ้างทำงานผิดกฎหมายต่างๆเท่าที่เขาจะสามารถรับทำได้ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ มีหลายครั้งที่เขาโดนจับได้ และ โดนซ้อม ทุกๆวันของรีฟอสผ่านไปอย่างเงียบเหงา และไร้ซึ่งเสียงหัวเราะ มีเพียงแต่ความแค้นเป็นเพื่อน และ ความเศร้าเป็นมิตร เสมือนมีชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดายบนโลก มีหลายครั้งที่เขาคิดว่าถ้าหากตายไปก็คงได้พบกับปู่ของเขา จนกระทั้งเวลาผ่านไป รีฟอสได้พบกับชาย คนหนึ่ง ที่เมือง ราเทียน่าแห่งนี้ การพบกันของรีฟอส และชายที่ชื่อ “โรเว่น” ไม่ต่างอะไรไปจากการที่โชคซะตาขีดเส้นกำหนดไว้ โรเว่น ได้ อุดช่องว่างของหัวใจรีฟอส ทำให้
รีฟอส ยิ้ม และ หัวเราะได้อีกครั้ง แต่แล้วอยู่มาวันหนึ่ง โรเว่นก็ได้หายไปจากชีวิตของรีฟอส โดยเหลือทิ้งไว้เพียงแต่คำพูด “ทุกสิ่ง ทุกอย่าง ขึ้นอยู่กับ โชค และ ซะตา การพบกันย่อมมีการลาจาก และการลาจากย่อมมีการพรานพบ”ด้วยสีหน้าและร้อยยิ้มอันแสนอ่อนโยน สุดท้าย สายลมแห่ง ความเศร้า และ ความเหงา ก็หวนพัดกลับมาที่ รีฟอส อีกคราว ขณะ ที่รีฟอสกำลังหวนรำลึกถึงอดีตอยู่นั้น กลับมีเสียงทำให้รีฟอสตื่นขึ้นจากภวังค์ เป็นเสียงพ่อค้า แม่ขาย ที่เริ่มจับจองพื้นที่ข้างริมถนนเพื่อที่จะตั้งร้านขายของ ทำให้บรรยากาศภายในตัวเมืองที่เคยเงียบสงัด กลับมามีชีวิตชีวาอีกคราว รีฟอสนั่งจ้องมองสิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าตนเอง อย่างมีความสุข ถึงเขาจะไม่ค่อยชอบเมืองนี้สักเท่าไร แต่เขาก็ชอบผู้คนภายในเมืองนี้ เมื่อแสงแรกของดวงอาทิตย์สาดส่องข้ามาภายในตัวเมืองปลุกเมืองทั้งเมืองให้ ตื่นขึ้นจากราตรีอันมืดมิด พร้อมทั้งปลุกผู้คนภายในตัวเมืองให้ตื่นขึ้นจากนิทราอันเงียบสงัด ให้ออกมาจับจ่ายใช้สอย ร้านค้าต่างๆเริ่มเปิดให้บริการ สำหรับรีฟอสแล้วภาพที่กำลังดำเนินอยู่ เบื้องหน้าของเขาเปรียบเสมือนความสงบสุขของชีวิต ขณะที่รีฟอสกำลังจ้องมองสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่เบื้องหน้าตนเองอยู่นั้น ก็มีเสียงเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆส่งเสียงเรียกรีฟอสอยู่ข้างๆ “พี่ ค่ะๆ”รีฟอสหันมองที่มาของเสียงที่เรียกตนเอง เมื่อรีฟอสหันมาเด็กผู้หญิงก็ยิ้มให้ “มานั่งทำอะไรตรงนี้ ค่ะ” เด็กผู้หญิงพูดขึ้นพร้อมๆกับจ้องมองรีฟอส แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงสดใส “เดี๋ยว ไม่สบายเอานะ ค่ะ” เมื่อพูดจบก็ยิ้มให้กับรีฟอสด้วยท่าทางน่ารัก ไม่ทันที่รีฟอสจะทันได้ตอบอะไรกลับไป ก็มีเสียงเรียกดังขึ้นมาจากบริเวณไม่ไกลมากนัก “นาน่า กลับกันเถอะจ๊ะ” เมื่อได้ยินเสียงเรียกเด็กผู้หญิงก็หันกลับไปมองที่มาของเสียง “ค่า ม่าม้า จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะค่า”เมื่อเด็กผู้หญิงพูดจบก็หันกลับมาทางรีฟอส “งั้น บายบ่าย ค่าพี่ชาย”แล้วหันหลังวิ่งจากไป รีฟอสจ้องมองตามหลังของเด็กผู้หญิงที่กำลังวิ่งไปหาแม่ของตนเอง ก็ยิ้มขึ้นมา รี ฟอสลุกจากเก้าอี้ยาวที่นั่งอยู่เดินผ่านบริเวณถนนที่ทั้งสองข้างทางเต็มไป ด้วยร้านขายของ และ ลูกค้าที่มาจับจองชื้อของ รีฟอสเดินผ่านถนนเส้นนั้นมาจนถึงบริเวณจัตุรัสใจกลางตัวเมือง เมื่อเดินมาถึงบริเวณจัตุรัสก็เห็นผู้คนเดินผ่านไปผ่านมามากมาย แล้วมาหยุดยืนจ้องมองรูปปั้นรูปหนึ่ง เป็นรูปปั้นของเทพธิดาสององค์หันหลังชนกันและมือของเทพธิดาทั้งสองก็กุมอยู่ บริเวณอก นั้นคือรูปปั้นของ เทเรซ่า และ แคล์ ใต้ฐานของรูปปั้นมีสระน้ำขนาดเล็กล้อมรอบ และมี่ที่นั่งที่ถูกเกาะสลักด้วยหินอ่อนสีขาวล้อมรอบสระน้ำ เพื่อให้ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาได้นั่งพักผ่อน รีฟอสเดินผ่านบริเวณรูปปั้น เข้าไปในร้านขายขนมปังที่มีอยู่หลายร้านในบริเวณโดยรอบจัตุรัส แล้วเดินออกมาจากร้านขายขนมปังร้านหนึ่ง ในมือมีแก้วกาแฟและขนมปัง แล้วเดินตรงไปนั่งที่หินอ่อนที่อยู่ริมขอบสระน้ำของรูปปั้น พร้อมกับวางขนมปังลงข้างตัว แล้วค่อยๆยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ พร้อมกับมองผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาในบริเวณจัตุรัส ขณะรีฟอสกำลังนั่งดื่มกาแฟอยู่นั้น ก็มีเสียงเรียกของเด็กสาวดังขึ้น “ไง รีฟอส” รีฟอสหันมองที่มาของต้นเสียงที่เรียกชื่อตนเอง เมื่อเด็กสาวเห็นรีฟอสหันมองก็พูดต่อพร้อมๆกับเดินเข้ามาหา “มา ทำอะไรแถวนี้” รี ฟอสจ้องมองเด็กสาวที่กำลังเดินเข้ามาหาตนเอง เธอมีผมดำยาวสลวย ดวงตาสีฟ้ากลมโต ผิวขาว รูปร่างท่าทางน่ารัก ใส่เสื้อแขนยาวสีขาวประดับด้วยลูกไม้ตามปกคอและข้อแขน กระโปรงสีดำเป็นกลีบ ท่าทางคล่องตัว เมื่อเธอเดินมาถึงรีฟอสก็ถอนหายใจ
“เธอ เองหรอกหรอ เทียน่า”เด็กสาวยิ้มรับ “ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ” เมื่อพูดจบก็ยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ๆกับรีฟอสพร้อมๆกับพูดต่อด้วยน้ำเสียงสดใส
“ไม่ดีใจหรอที่เจอฉัน” รีฟอสมองสบตาคนพูดแล้วก้มหน้าลงทำท่าทางเหมือนจะหัวเราะ “เจอกันทุกวันนี่นะ” “จะให้ดีใจ” พร้อมๆกับยิ้มให้กับเทียน่า เมื่อได้ยินคำตอบของรีฟอสเทียน่าก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงงอนๆ “นายนี่มันไม่มีความโรแมนติกเอาชะเลย” รีฟอสไม่ทันฟังสิ่งที่ เทียน่าพูด “ว่าอะไรนะ เทียน่า” เทียน่ามองหน้ารีฟอสก่อนจะนั่งลงข้างๆรีฟอส “ไม่มีอะไรหรอก” เทียน่าหยิบขนมปังที่ว่างอยู่ออกแล้วยื่นให้กับรีฟอส แล้วนั่งลงแทนที่ขนมปัง “เห็นคุณแม่บอกว่า มีงานหรอคืนนี้” รีฟอสพยักหน้ารับ เทียน่าหันมอง รีฟอสแล้วถอนหายใจก่อนจะพูดต่อ “นาย นี่ ก็จริงๆเลย คุณแม่เขาอุสาแบ่งห้องให้อยู่” “แต่กลับไม่อยู่ไปอยู่บ้านไอ้หลังที่จะพังมิพังแหล่หลังนั้น” เมื่อเทียน่าพูดจบรีฟอสก็หันมองหน้าเด็กสาวผู้พูด “สำหรับฉันแล้วบ้านหลังนั้นมันมีความหมายมากกว่านั้น” เมื่อเทียน่าได้ยินคำตอบของรีฟอสก็ถอนหายใจ “เอาเถอะ ตามใจนายล่ะกัน” เมื่อพูดจบเทียน่าก็ลุกขึ้นแล้วทำท่าทางจะเดินจากไปก่อนที่เธอจะนึกอะไรบางอย่างออก “เกือบลืมแน่ะ คุณแม่ฝากมาบอกว่าช่วงนี้นายไม่ต้องมาช่วยงานที่ร้านก็ได้นะ” รีฟอสจ้องมองคนพูดด้วยท่าทางสงสัย “ทำไมล่ะ” เทียร่าเริ่มมีท่าทางรำคราญกับคนที่อยู่ตรงหน้า “ก็นายมีงานที่ต้องทำไม่ใช่หรอ” รีฟอสพยักหน้ารับ แล้วตอบกลับด้วยน้ำเสียงกวนๆ “จริง ดิ ลืมไปได้ไงนี่” เทีย น่าจ้องมองคนขี้เล่นที่อยู่ตรงหน้าเธอ ด้วยแววตาที่หงุดหงิด แล้วยกมือขึ้นเพื่อหวังจะทุบกบาลของคนขี้เล่นที่อยู่ตรงหน้าเธอ แต่ก่อนที่เธอจะทันได้จัดการคนขี้เล่นที่อยู่ตรงหน้าเธอ เสียงระฆังของหอนาฬิกา ที่อยู่ใกล้ๆกับบริเวณจัตุรัสก็ตีบอกเวลา ทำให้เทียน่านึกบางสิ่งบางอย่างออก “ตายแล้ว ลืมชื้อของให้คุณแม่เลย” พร้อมๆกับหันหลังวิ่งจากไป รีฟอสเห็นเช่นนั้นก็รีบพูดขึ้นมาทันที “รีบๆไป ถ้าช้ากว่านี้ เดี๋ยวมีคนเจ็บตัวแน่” เทียน่าหันมองรีฟอสด้วยแววตาเจ็บใจสุดๆก่อนจะตอบไปกลับด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิด “ฝากไว้ก่อนนะ รีฟอส” แล้วหันหลังเดินต่อไป แต่ก่อนที่เทียน่าจะเดินหายเข้าไปในฝูงชนที่เดินผ่านไปผ่านมา รีฟอสก็พูดขึ้นก่อน “รีบๆ มาเอาคืนล่ะ เดี๋ยวจะหมดอายุซะก่อน” ด้วย น้ำเสียงที่ดีใจ ที่สามารถแหย่เทียน่าได้สำเร็จ เมื่อเทียน่าเดินหายไปแล้วรีฟอสก็ยิ้มขึ้นพร้อมๆกับเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ด้วยสีหน้าเศร้าๆ แล้วพึมพำขึ้นกับตัวเอง “เวลาแห่งความสุขจะ อยู่กับเราได้อีกนานแค่ไหนนะ” ด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อย และเจ็บปวด ดวงอาทิตย์ลับลาขอบฟ้าจากไป ดวงจันกลมมนสีเหลืองขึ้นมาแทนที่ กลิ่นอายของยามราตรีเข้ามาปกคลุมท้องฟ้ายามราตรี และ ตัวเมือง รี ฟอสหันมอง หอนาฬิกาที่ตั้งเด่นสง่าอยู่บริเวณใกล้ๆกับจัตุรัส ที่กำลังตีบอกเวลา เสียงระฆัง ดังกังวานไปทั่งเมืองย้อมไปกับความมืดมิดของยามราตรี รีฟอสเดินเข้าไปในซอยเพื่อที่จะผ่านไปยังสถานที่นัดพบกับ คาราส เมื่อเดินมาถึงหน้าบาร์ ก็เดินเข้าไปที่หน้าประตู ทำท่าจะเคาะประตู แต่ประตูกลับถูกเปิดออกก่อนที่
รี ฟอสจะทันได้เคาะ เผยให้เห็น ใบหน้าของเจ้าของร้านที่มาเปิดประตู สีหน้าของเจ้าของร้านบ่งบอกถึงความไม่พอใจมากนักที่จะให้รีฟอสเข้ามาภายใน ร้านของตนเอง เจ้าของร้านหันมองไปทางโต๊ะที่คาราสนั่ง
อยู่ ก่อนจะหลบทางให้รีฟอสเดินเข้าไป “คาราส กำลังรอนายอยู่” รี ฟอสจึงเดินเข้าไปภายในร้าน สภาพภายในร้านไม่ต่างไปจากที่รีฟอสมาเมื่อคืนก่อน คือร้านปิดแล้ว และมีเพียงคาราสนั่งอยู่ที่โต๊ะเพียงคนเดียว รีฟอสเดินไปที่โต๊ะที่คาราสนั่งอยู่ เมื่อคาราสเห็นรีฟอสเดินเข้ามาก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง “นั่งลง ก่อนสิ” รีฟอสได้ยินเช่นนั้นก็ขยับเก้าอี้ออกแล้วนั่งลงตรงข้ามกับคาราส คาราสจ้องมองเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้าตนเอง “นายมา ตรงเวลาดี นี่” รี ฟอสมองสบตาคนพูด ซึ่งคาราสอยู่ในสภาพที่ไม่ต่างไปจากการเจอกันครั้งแรก หนวด เครา รุงรัง ใส่เสื้อโค้ดยาวสีดำ สภาพไม่ต่างอะไรไปจากคนอดหลับอดนอน ขณะที่คาราสกำลังจะพูดต่อนั้น เจ้าของร้านก็นำเครื่องดื่มมาเสริฟ แล้วเดินจากไป คาราสยื่นมือไปจับแก้วยกขึ้นดื่มพร้อมๆกับมืออีกข้างล้วงเข้าไปในกระเป๋า เสื้อโค้ดของเขา แล้วหยิบรูปถ่ายใบๆเล็กสีขาวดำใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าแล้วว่างลงบนโต๊ะ คาราสว่างแก้วลงแล้วเลื่อนรูปถ่ายไปใกล้ๆกับรีฟอส “นี่คือ ของที่นายต้อง ไปเอามา” พร้อมๆกับจ้องมองรีฟอส รี ฟอสหยิบรูปถ่ายขึ้นมามองในระดับสายตา สิ่งที่อยู่ในรูปถ่าย คือ ภาพของหนังสือ เล่นหนึ่งที่มีหน้าปกสีดำ ไม่มีตัวอักษร หรือ สัญลักษณ์ใดๆถูกเขียนอยู่บนหน้าปกของหนังสือ มีเพียงแต่สีดำสนิดเพียงอย่างเดียว แต่ที่หน้าแปลกกว่านั้น ก็คือ เมื่อรีฟอสจ้องมองหนังสือที่อยู่ภายในรูป เขาก็เกิดความรู้สึกคุ้นเคยขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เสมือนกับว่ารู้จักกับหนังสือเล่มนี้มาเป็นเวลานานแล้ว เสียงของคาราสปลุกรีฟอสให้ตื่นขึ้นจากภวังค์ “ฟังอยู่หรือ เปล่า” คาราสจ้องมองหน้าผู้สนทนาด้วย รีฟอสหยักหน้ารับ คาราสจึงพูดต่อ “พวก เรารู้เพียงแต่ ว่าหนังสือเล่นนี้อยู่ในเมืองนี้เท่านั้นเอง” “ส่วนรายละเอียดอื่นๆนั้นไม่ทราบ” รีฟอสจ้องมองรูปถ่ายที่อยู่ในมือ “กำหนด เวลาล่ะครับ” เมื่อคาราสได้ยินที่รีฟอสถามก็ขยับยิ้มขึ้นที่มุมปาก “ดูท่า ฉันจะเลือกคนไม่ผิดสินะ” รีฟอสยิ้มรับ “เร็ว ที่สุด ถ้าได้ของเมื่อไรให้มาที่ร้านนี้” รีฟอสหยักหน้ารับ แล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้ แต่ก่อนที่รีฟอสจะทันได้ลุกขึ้น คาราสก็พูดขึ้นซัดซะก่อน “ไม่ได้มีแต่ พวกเราหรอกนะที่ต้องการหนังสือเล่มนี้” รี ฟอสมองสบตาคนพูดแล้วยิ้มขึ้นบอกเป็นในๆว่าเขาเองก็พอจะเดาออก แล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินออกนอกร้านไป คาราสมองตามหลังเด็กหนุ่มที่กำลังเดินไปที่ประตูของร้าน รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคาราส หลัง จากรีฟอสคุยธุระกับคาราสเสร็จก็เดินออกมาจากบาร์ เดินผ่านตัวเมืองลงมา สภาพของตัวเมืองตอนนี้ มีพียงแต่แสงสว่างจากเสาตะเกียงตามท้องถนนให้แสงสว่างเมื่อ ดวงจันทร์ถูกหมู่เมฆยามราตรีบดบัง รีฟอสเดินผ่านจัตุรัสใจกลางเมืองลงมาเรื่อยๆจนมาถึงท้ายเมือง มีร้านชื่อ “Rabery Bar” ตั้งอยู่ บาร์ นี้แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นคล้ายๆกับบ้านสองชั้น ชั้นล่างสร้างด้วยอิฐ ส่วนชั้นสองถูกสร้างขึ้น ด้วยไม้ สำหรับ “Rabery Bar” แล้ว ตอนกลางวันจะเปิดเป็นร้าน อาหาร ส่วนตอนกลางคืนจะเปิดเป็นบาร์ รีฟอสรู้จักกับมาสเตอร์เจ้าของร้าน เพราะว่าโรเว่นเป็นลูกค้าประจำ ส่วนเทียน่าก็เป็นลูกสาวของมาสเตอร์ก็เลยมีโอกาสได้เจอกันบ่อยๆจนกลายเป็น เพื่อนสนิทกัน หลังจากที่โรเว่นหายตัวไป รีฟอสก็คอยมาช่วยงานที่ร้านอยู่ตลอด หลักๆแล้วเพราะเทียน่าบังคับให้มาเพราะไม่อยากให้รีฟอสต้องอยู่คนเดียว จนหลังๆกลับกลายเป็นว่ารีฟอสอาสามาช่วยงานที่ ร้านเองอยู่เป็นประจำ รี ฟอสเดินมาถึงบาร์ก็หยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูร้าน มองดูสภาพภายในร้านลอดผ่านบานหน้าต่างของประตู สภาพภายในร้านๆไม่ต่างไปจากปกติมากนัก มีเพียงลูกค้า 4 ถึง 5 คนกำลังนั่งดื่มอยู่ รีฟอสจึงเปิดประตูเข้าไปร้าน เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เทียน่าหันมาเห็นพอดี เทียน่าจึงรีบวิ่งเข้ามาทักทายรีฟอส “กะอยู่แล้วยังไง นายก็ต้องมา” รี ฟอสยิ้มรับพร้อมๆกับจ้องมองเทียน่าที่เข้ามาทักทายตนเอง เทียน่า อยู่ในชุด เสื้อสีขาวแขนยาว กระโปรงสีดำ ผมสีดำที่ยาวสลวยก็ถูกรวบไว้ด้านหลัง รีฟอสหันมองรอบๆร้านแล้วเดินไปนั้งที่เคาน์เตอร์บาร์ เทียน่าก็เดินตามหลังมา “จะดื่มอะไร มั้ยรีฟอส”รีฟอสส่ายหน้าแล้วหันมองรอบๆร้านอีกรอบ “มาสเตอร์ล่ะ เทียน่า” เมื่อได้ยินที่รีฟอสถามเทียน่าก็ทำสีหน้าครุ่นคิด “คุณแม่ หรอ น่าจะอยู่หลังร้านนะ” “เดี๋ยวฉันไปตามให้” ก่อนที่เทียน่าจะเดินไปรีฟอสก็พูดขึ้นขัดซะก่อน “ไม่เป็นไรเดี๋ยวฉันไปหาเอง” เทีย น่าหยักหน้ารับ รีฟอสลุกขึ้นจากเคาน์เตอร์เดินผ่านเดินด้านหลังเคาน์เตอร์ออกมาด้านหลังร้าน เมื่อเดินมาถึงหลังร้านก็เห็นมาสเตอร์กำลังวุ่นอยู่กับการจักการ ข้าวของ และ เครื่องดื่ม รีฟอสจึงรีบเดินเข้าไปช่วย เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วมาสเตอร์ก็เอ่ยขอบใจแล้วเอ่ยถามรีฟอสต่อ “มีอะไรหรอ จ๊ะ” เมื่อรีฟอสได้ยินที่มาสเตอร์ถามก็หยิบรูปถ่ายจากกระเป๋ากางเกงตนเองขึ้นมาแล้วยื่นให้มาสเตอร์ดู “มาสเตอร์พอจะรู้จัก หนังสือเล่มนี้หรือเปล่าครับ”
มาสเตอร์ ของบาร์แห่งนี้ นอกจะเปิดร้านแล้ว เบื้องหลังยังเป็นแหล่งค้าข่าวของคนภายใน เมือง และวงการใต้ดินอีกด้วย ผู้คนเบื้องหลังจะรู้จักบาร์แห่งนี้ในอีกชื่อ รังห่าน (Goose nest)
II
คืนหนึ่งขณะปู่และรีฟอส กำลังฉลองวันเกิดครบรอบ 10 ปี ของรีฟอส อย่างมีความสุขอยู่ภายในบ้านหลังน้อยที่มีเพียงแต่แสงสว่างจากตะเกียงให้แสง สว่างและความอบอุ่น กลับมีกลุ่มชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งท่าทางเมามายไร้สติ บุกเข้ามาภายในบ้าน ทำลายข้าวของ ค้นหาทรัพย์สินมีค่า เมื่อปู่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ได้แต่พารีฟอสไปหลบที่มุมห้องแล้วโอบกอดรีฟอสไว้ด้วยท่าทางระวังภัย รีฟอสมองมือของปู่ที่โอบกอดตัวเองอยู่ ว่ามือของปู่นั้นสั่นเทา แต่ปู่ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือออกจากรีฟอส ขณะที่ผู้บุกลุกค้นหาทรัพย์สินมีค่าไม่เจอก็ตรงเข้ามาหาปู่ ฉุดลากตัวปู่ไป “ไอ้แก่ เงิน อยู่ไหน “เมื่อ ปู่ไม่ตอบพวกผู้บุกลุกจึงลงมือซ้อมปู่ รีฟอสมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมๆกับตะโกนเรียกชื่อปู่พร้อมกับน้ำตาที่ ไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง แต่พวกผู้บุกลุกก็ไม่ยอมหยุดมือ จับปู่มัดแล้วแขวนขึ้นบนคานของบ้านห้อยลงมา ทำการทรมาน รีฟอสจ้องมองปู่ที่ตนเองรัก และ เทิดทูน ถูกกลุ่มชายเหล่านั้นกระทำ ราว กับว่า ไม่ใช่ มนุษย์ เป็นเพียงแค่สิ่งของชิ้นหนึ่ง “มนุษย์นั้นยิ่งใหญ่ขนาดนั้นเลยหรือ มนุษย์นั้นน่าสรรเสริญขนานนั้นเลยหรือ มนุษย์นั้นมีสิทธ์อะไรในการพรากซะตาชีวิตของผู้อื่น”
รี ฟอสวิ่งเข้าไปหาปู่ที่ถูกมัดห้อยลงมาจากคานของบ้าน พร้อมๆกับจ้องมองปู่แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สับสน “ปู่จะต้องไม่ เป็นอะไรนะครับ ผมจะพาปู่ไปหาหมอ เดี๋ยวคุณปู่ก็หายแล้วครับ”
เมื่อปู่ได้ยินที่รีฟอสพูดเช่นนั้นก็ยิ้มขึ้นพร้อมๆกับยื่นมือมาเพื่อหมายจะสัมผัสใบ หน้าของ รีฟอส “ปู่มีความสุขนะ ที่ได้ใช้เวลาที่เหลืออยู่กับเจ้า รีฟอส” ปู่ พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงและรอยยิ้มที่มีแต่ความสุข เมื่อพูดจบมือที่หมายจะยื่นมาสัมผัสรีฟอส นั้นก็หมดแรงห้อยลงข้างกาย รีฟอสเห็นดังนั้นก็ ร้องตะโกนเรียกชื่อปู่ พูดซ้ำไปซ้ำมาเหมือนคนกับเสียสติ “เดี๋ยวปู่ก็หายแล้วครับ” “เราจะไปเที่ยวด้วยกันนะครับ” “ปู่อย่างนอนนานนะครับรีบๆตื่นนะครับ” รี ฟอสจ้องมองร่างของปู่ที่แน่นิ่ง ไร้ซึ่งวิญญาณ พร้อมๆกับภาพวันเวลาต่างๆที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับปู่ผุดขึ้นมาในความทรงจำ เหล่าผู้บุกลุกเมื่อเห็นภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าก็หัวเราะขึ้นมาอย่างสนุกสนาน เสมือนกับว่าเป็นเรื่องปกติ เมื่อรีฟอสได้ยินเสียงหัวเราะเหล่านั้น ก็ร้องตะโกนออกมา ดังๆ ก่อนที่ภาพเบื้องหน้ารีฟอสทั้งหลายจะมืดดับลง
“สิ่งที่เรารัก เราเคารพ เมื่อถึงเวลาที่ต้องสูญเสียไป ก็มิอาจหวนกลับคืนมาอีกคราว” หลัง จากผ่านเหตุการณ์นั้นมา รีฟอสก็มารู้สึกตัวขึ้นที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในตัวเมือง ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านของปู่พอสมควร รีฟอสถามถึงปู่ของเขาพยาบาลกลับยิ้มให้ “มีคนไปพบหนูนอนหมดสติ อยู่ด้านนอกตัวบ้าน ขณะที่บ้านกำลังถูกไฟไหม้” รีฟอสก็ถามต่อว่าปู่เขาอยู่ที่ไหน “ปู่ ของหนูรอ หนูหายดี แล้วจะมาเยี่ยม จ๊ะ” เมื่อ รีฟอสได้ยินคำตอบ ก็คลายสีหน้าที่กังวนลง แต่เพียงแค่ชั่วครู่เดียวเท่านั้น เมื่อรีฟอสนึกถึงเหตุการณ์ที่เขาต้องสูญเสียปู่ไป ก็ทำให้น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองข้างของเขา รีฟอสหวนนึกถึงภาพเก่าๆที่เขาเคยใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับปู่ ขณะที่น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้างของรีฟอสภายในจิตใจของของรีฟอสก็มีเพียง แต่ความเครียดแค้น ที่มีแต่กลุ่มชายเหล่านั้นที่ทำลายชีวิตของเขา หลัง จากรีฟอสรักษาตัวจนหายดี เขาก็ออกจากโรงพยาบาลในตัวเมือง กลับไปยังบ้านของเขาที่อาศัยอยู่กับปู่ เมื่อเขากลับมาถึงสภาพของบ้านที่เขาจดจำได้ในความทรงจำ กลับเหลือเพียงแต่ ตอไม้สีดำ และ เศษไม้ที่มอดดับแล้ว เมื่อรีฟอสเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้าก็ทรุดลงกับพื้นอย่างหมดแรง พร้อมๆกับภาพวาระสุดท้ายของปู่ผลุดขึ้นมาในความทรงจำ รีฟอสน้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้างของเขา หยดลงบนพื้นดิน พร้อมๆกับกำมือทั้งสองข้าง เมื่อนึกถึงภาพใบหน้าของชายเหล่านั้นที่ทำลายชีวิตของเขา
“ทุกสิ่ง ทุกอย่าง ล้วนมีคุณค่า ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีระยะเวลาของตัวมันเอง” รี ฟอสเฝ้าตามหากลุ่มชายเหล่านั้น เพื่อหวังจะล้างแค้น เขาตามหากลุ่มชายเหล่านั้นไปจนทั่ว รีฟอสหาเลี้ยงตนเองด้วยการขโมยของ และ รับจ้างทำงานผิดกฎหมายต่างๆเท่าที่เขาจะสามารถรับทำได้ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ มีหลายครั้งที่เขาโดนจับได้ และ โดนซ้อม ทุกๆวันของรีฟอสผ่านไปอย่างเงียบเหงา และไร้ซึ่งเสียงหัวเราะ มีเพียงแต่ความแค้นเป็นเพื่อน และ ความเศร้าเป็นมิตร เสมือนมีชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดายบนโลก มีหลายครั้งที่เขาคิดว่าถ้าหากตายไปก็คงได้พบกับปู่ของเขา จนกระทั้งเวลาผ่านไป รีฟอสได้พบกับชาย คนหนึ่ง ที่เมือง ราเทียน่าแห่งนี้ การพบกันของรีฟอส และชายที่ชื่อ “โรเว่น” ไม่ต่างอะไรไปจากการที่โชคซะตาขีดเส้นกำหนดไว้ โรเว่น ได้ อุดช่องว่างของหัวใจรีฟอส ทำให้
รีฟอส ยิ้ม และ หัวเราะได้อีกครั้ง แต่แล้วอยู่มาวันหนึ่ง โรเว่นก็ได้หายไปจากชีวิตของรีฟอส โดยเหลือทิ้งไว้เพียงแต่คำพูด “ทุกสิ่ง ทุกอย่าง ขึ้นอยู่กับ โชค และ ซะตา การพบกันย่อมมีการลาจาก และการลาจากย่อมมีการพรานพบ”ด้วยสีหน้าและร้อยยิ้มอันแสนอ่อนโยน สุดท้าย สายลมแห่ง ความเศร้า และ ความเหงา ก็หวนพัดกลับมาที่ รีฟอส อีกคราว ขณะ ที่รีฟอสกำลังหวนรำลึกถึงอดีตอยู่นั้น กลับมีเสียงทำให้รีฟอสตื่นขึ้นจากภวังค์ เป็นเสียงพ่อค้า แม่ขาย ที่เริ่มจับจองพื้นที่ข้างริมถนนเพื่อที่จะตั้งร้านขายของ ทำให้บรรยากาศภายในตัวเมืองที่เคยเงียบสงัด กลับมามีชีวิตชีวาอีกคราว รีฟอสนั่งจ้องมองสิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าตนเอง อย่างมีความสุข ถึงเขาจะไม่ค่อยชอบเมืองนี้สักเท่าไร แต่เขาก็ชอบผู้คนภายในเมืองนี้ เมื่อแสงแรกของดวงอาทิตย์สาดส่องข้ามาภายในตัวเมืองปลุกเมืองทั้งเมืองให้ ตื่นขึ้นจากราตรีอันมืดมิด พร้อมทั้งปลุกผู้คนภายในตัวเมืองให้ตื่นขึ้นจากนิทราอันเงียบสงัด ให้ออกมาจับจ่ายใช้สอย ร้านค้าต่างๆเริ่มเปิดให้บริการ สำหรับรีฟอสแล้วภาพที่กำลังดำเนินอยู่ เบื้องหน้าของเขาเปรียบเสมือนความสงบสุขของชีวิต ขณะที่รีฟอสกำลังจ้องมองสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่เบื้องหน้าตนเองอยู่นั้น ก็มีเสียงเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆส่งเสียงเรียกรีฟอสอยู่ข้างๆ “พี่ ค่ะๆ”รีฟอสหันมองที่มาของเสียงที่เรียกตนเอง เมื่อรีฟอสหันมาเด็กผู้หญิงก็ยิ้มให้ “มานั่งทำอะไรตรงนี้ ค่ะ” เด็กผู้หญิงพูดขึ้นพร้อมๆกับจ้องมองรีฟอส แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงสดใส “เดี๋ยว ไม่สบายเอานะ ค่ะ” เมื่อพูดจบก็ยิ้มให้กับรีฟอสด้วยท่าทางน่ารัก ไม่ทันที่รีฟอสจะทันได้ตอบอะไรกลับไป ก็มีเสียงเรียกดังขึ้นมาจากบริเวณไม่ไกลมากนัก “นาน่า กลับกันเถอะจ๊ะ” เมื่อได้ยินเสียงเรียกเด็กผู้หญิงก็หันกลับไปมองที่มาของเสียง “ค่า ม่าม้า จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะค่า”เมื่อเด็กผู้หญิงพูดจบก็หันกลับมาทางรีฟอส “งั้น บายบ่าย ค่าพี่ชาย”แล้วหันหลังวิ่งจากไป รีฟอสจ้องมองตามหลังของเด็กผู้หญิงที่กำลังวิ่งไปหาแม่ของตนเอง ก็ยิ้มขึ้นมา รี ฟอสลุกจากเก้าอี้ยาวที่นั่งอยู่เดินผ่านบริเวณถนนที่ทั้งสองข้างทางเต็มไป ด้วยร้านขายของ และ ลูกค้าที่มาจับจองชื้อของ รีฟอสเดินผ่านถนนเส้นนั้นมาจนถึงบริเวณจัตุรัสใจกลางตัวเมือง เมื่อเดินมาถึงบริเวณจัตุรัสก็เห็นผู้คนเดินผ่านไปผ่านมามากมาย แล้วมาหยุดยืนจ้องมองรูปปั้นรูปหนึ่ง เป็นรูปปั้นของเทพธิดาสององค์หันหลังชนกันและมือของเทพธิดาทั้งสองก็กุมอยู่ บริเวณอก นั้นคือรูปปั้นของ เทเรซ่า และ แคล์ ใต้ฐานของรูปปั้นมีสระน้ำขนาดเล็กล้อมรอบ และมี่ที่นั่งที่ถูกเกาะสลักด้วยหินอ่อนสีขาวล้อมรอบสระน้ำ เพื่อให้ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาได้นั่งพักผ่อน รีฟอสเดินผ่านบริเวณรูปปั้น เข้าไปในร้านขายขนมปังที่มีอยู่หลายร้านในบริเวณโดยรอบจัตุรัส แล้วเดินออกมาจากร้านขายขนมปังร้านหนึ่ง ในมือมีแก้วกาแฟและขนมปัง แล้วเดินตรงไปนั่งที่หินอ่อนที่อยู่ริมขอบสระน้ำของรูปปั้น พร้อมกับวางขนมปังลงข้างตัว แล้วค่อยๆยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ พร้อมกับมองผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาในบริเวณจัตุรัส ขณะรีฟอสกำลังนั่งดื่มกาแฟอยู่นั้น ก็มีเสียงเรียกของเด็กสาวดังขึ้น “ไง รีฟอส” รีฟอสหันมองที่มาของต้นเสียงที่เรียกชื่อตนเอง เมื่อเด็กสาวเห็นรีฟอสหันมองก็พูดต่อพร้อมๆกับเดินเข้ามาหา “มา ทำอะไรแถวนี้” รี ฟอสจ้องมองเด็กสาวที่กำลังเดินเข้ามาหาตนเอง เธอมีผมดำยาวสลวย ดวงตาสีฟ้ากลมโต ผิวขาว รูปร่างท่าทางน่ารัก ใส่เสื้อแขนยาวสีขาวประดับด้วยลูกไม้ตามปกคอและข้อแขน กระโปรงสีดำเป็นกลีบ ท่าทางคล่องตัว เมื่อเธอเดินมาถึงรีฟอสก็ถอนหายใจ
“เธอ เองหรอกหรอ เทียน่า”เด็กสาวยิ้มรับ “ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ” เมื่อพูดจบก็ยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ๆกับรีฟอสพร้อมๆกับพูดต่อด้วยน้ำเสียงสดใส
“ไม่ดีใจหรอที่เจอฉัน” รีฟอสมองสบตาคนพูดแล้วก้มหน้าลงทำท่าทางเหมือนจะหัวเราะ “เจอกันทุกวันนี่นะ” “จะให้ดีใจ” พร้อมๆกับยิ้มให้กับเทียน่า เมื่อได้ยินคำตอบของรีฟอสเทียน่าก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงงอนๆ “นายนี่มันไม่มีความโรแมนติกเอาชะเลย” รีฟอสไม่ทันฟังสิ่งที่ เทียน่าพูด “ว่าอะไรนะ เทียน่า” เทียน่ามองหน้ารีฟอสก่อนจะนั่งลงข้างๆรีฟอส “ไม่มีอะไรหรอก” เทียน่าหยิบขนมปังที่ว่างอยู่ออกแล้วยื่นให้กับรีฟอส แล้วนั่งลงแทนที่ขนมปัง “เห็นคุณแม่บอกว่า มีงานหรอคืนนี้” รีฟอสพยักหน้ารับ เทียน่าหันมอง รีฟอสแล้วถอนหายใจก่อนจะพูดต่อ “นาย นี่ ก็จริงๆเลย คุณแม่เขาอุสาแบ่งห้องให้อยู่” “แต่กลับไม่อยู่ไปอยู่บ้านไอ้หลังที่จะพังมิพังแหล่หลังนั้น” เมื่อเทียน่าพูดจบรีฟอสก็หันมองหน้าเด็กสาวผู้พูด “สำหรับฉันแล้วบ้านหลังนั้นมันมีความหมายมากกว่านั้น” เมื่อเทียน่าได้ยินคำตอบของรีฟอสก็ถอนหายใจ “เอาเถอะ ตามใจนายล่ะกัน” เมื่อพูดจบเทียน่าก็ลุกขึ้นแล้วทำท่าทางจะเดินจากไปก่อนที่เธอจะนึกอะไรบางอย่างออก “เกือบลืมแน่ะ คุณแม่ฝากมาบอกว่าช่วงนี้นายไม่ต้องมาช่วยงานที่ร้านก็ได้นะ” รีฟอสจ้องมองคนพูดด้วยท่าทางสงสัย “ทำไมล่ะ” เทียร่าเริ่มมีท่าทางรำคราญกับคนที่อยู่ตรงหน้า “ก็นายมีงานที่ต้องทำไม่ใช่หรอ” รีฟอสพยักหน้ารับ แล้วตอบกลับด้วยน้ำเสียงกวนๆ “จริง ดิ ลืมไปได้ไงนี่” เทีย น่าจ้องมองคนขี้เล่นที่อยู่ตรงหน้าเธอ ด้วยแววตาที่หงุดหงิด แล้วยกมือขึ้นเพื่อหวังจะทุบกบาลของคนขี้เล่นที่อยู่ตรงหน้าเธอ แต่ก่อนที่เธอจะทันได้จัดการคนขี้เล่นที่อยู่ตรงหน้าเธอ เสียงระฆังของหอนาฬิกา ที่อยู่ใกล้ๆกับบริเวณจัตุรัสก็ตีบอกเวลา ทำให้เทียน่านึกบางสิ่งบางอย่างออก “ตายแล้ว ลืมชื้อของให้คุณแม่เลย” พร้อมๆกับหันหลังวิ่งจากไป รีฟอสเห็นเช่นนั้นก็รีบพูดขึ้นมาทันที “รีบๆไป ถ้าช้ากว่านี้ เดี๋ยวมีคนเจ็บตัวแน่” เทียน่าหันมองรีฟอสด้วยแววตาเจ็บใจสุดๆก่อนจะตอบไปกลับด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิด “ฝากไว้ก่อนนะ รีฟอส” แล้วหันหลังเดินต่อไป แต่ก่อนที่เทียน่าจะเดินหายเข้าไปในฝูงชนที่เดินผ่านไปผ่านมา รีฟอสก็พูดขึ้นก่อน “รีบๆ มาเอาคืนล่ะ เดี๋ยวจะหมดอายุซะก่อน” ด้วย น้ำเสียงที่ดีใจ ที่สามารถแหย่เทียน่าได้สำเร็จ เมื่อเทียน่าเดินหายไปแล้วรีฟอสก็ยิ้มขึ้นพร้อมๆกับเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ด้วยสีหน้าเศร้าๆ แล้วพึมพำขึ้นกับตัวเอง “เวลาแห่งความสุขจะ อยู่กับเราได้อีกนานแค่ไหนนะ” ด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อย และเจ็บปวด ดวงอาทิตย์ลับลาขอบฟ้าจากไป ดวงจันกลมมนสีเหลืองขึ้นมาแทนที่ กลิ่นอายของยามราตรีเข้ามาปกคลุมท้องฟ้ายามราตรี และ ตัวเมือง รี ฟอสหันมอง หอนาฬิกาที่ตั้งเด่นสง่าอยู่บริเวณใกล้ๆกับจัตุรัส ที่กำลังตีบอกเวลา เสียงระฆัง ดังกังวานไปทั่งเมืองย้อมไปกับความมืดมิดของยามราตรี รีฟอสเดินเข้าไปในซอยเพื่อที่จะผ่านไปยังสถานที่นัดพบกับ คาราส เมื่อเดินมาถึงหน้าบาร์ ก็เดินเข้าไปที่หน้าประตู ทำท่าจะเคาะประตู แต่ประตูกลับถูกเปิดออกก่อนที่
รี ฟอสจะทันได้เคาะ เผยให้เห็น ใบหน้าของเจ้าของร้านที่มาเปิดประตู สีหน้าของเจ้าของร้านบ่งบอกถึงความไม่พอใจมากนักที่จะให้รีฟอสเข้ามาภายใน ร้านของตนเอง เจ้าของร้านหันมองไปทางโต๊ะที่คาราสนั่ง
อยู่ ก่อนจะหลบทางให้รีฟอสเดินเข้าไป “คาราส กำลังรอนายอยู่” รี ฟอสจึงเดินเข้าไปภายในร้าน สภาพภายในร้านไม่ต่างไปจากที่รีฟอสมาเมื่อคืนก่อน คือร้านปิดแล้ว และมีเพียงคาราสนั่งอยู่ที่โต๊ะเพียงคนเดียว รีฟอสเดินไปที่โต๊ะที่คาราสนั่งอยู่ เมื่อคาราสเห็นรีฟอสเดินเข้ามาก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง “นั่งลง ก่อนสิ” รีฟอสได้ยินเช่นนั้นก็ขยับเก้าอี้ออกแล้วนั่งลงตรงข้ามกับคาราส คาราสจ้องมองเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้าตนเอง “นายมา ตรงเวลาดี นี่” รี ฟอสมองสบตาคนพูด ซึ่งคาราสอยู่ในสภาพที่ไม่ต่างไปจากการเจอกันครั้งแรก หนวด เครา รุงรัง ใส่เสื้อโค้ดยาวสีดำ สภาพไม่ต่างอะไรไปจากคนอดหลับอดนอน ขณะที่คาราสกำลังจะพูดต่อนั้น เจ้าของร้านก็นำเครื่องดื่มมาเสริฟ แล้วเดินจากไป คาราสยื่นมือไปจับแก้วยกขึ้นดื่มพร้อมๆกับมืออีกข้างล้วงเข้าไปในกระเป๋า เสื้อโค้ดของเขา แล้วหยิบรูปถ่ายใบๆเล็กสีขาวดำใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าแล้วว่างลงบนโต๊ะ คาราสว่างแก้วลงแล้วเลื่อนรูปถ่ายไปใกล้ๆกับรีฟอส “นี่คือ ของที่นายต้อง ไปเอามา” พร้อมๆกับจ้องมองรีฟอส รี ฟอสหยิบรูปถ่ายขึ้นมามองในระดับสายตา สิ่งที่อยู่ในรูปถ่าย คือ ภาพของหนังสือ เล่นหนึ่งที่มีหน้าปกสีดำ ไม่มีตัวอักษร หรือ สัญลักษณ์ใดๆถูกเขียนอยู่บนหน้าปกของหนังสือ มีเพียงแต่สีดำสนิดเพียงอย่างเดียว แต่ที่หน้าแปลกกว่านั้น ก็คือ เมื่อรีฟอสจ้องมองหนังสือที่อยู่ภายในรูป เขาก็เกิดความรู้สึกคุ้นเคยขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เสมือนกับว่ารู้จักกับหนังสือเล่มนี้มาเป็นเวลานานแล้ว เสียงของคาราสปลุกรีฟอสให้ตื่นขึ้นจากภวังค์ “ฟังอยู่หรือ เปล่า” คาราสจ้องมองหน้าผู้สนทนาด้วย รีฟอสหยักหน้ารับ คาราสจึงพูดต่อ “พวก เรารู้เพียงแต่ ว่าหนังสือเล่นนี้อยู่ในเมืองนี้เท่านั้นเอง” “ส่วนรายละเอียดอื่นๆนั้นไม่ทราบ” รีฟอสจ้องมองรูปถ่ายที่อยู่ในมือ “กำหนด เวลาล่ะครับ” เมื่อคาราสได้ยินที่รีฟอสถามก็ขยับยิ้มขึ้นที่มุมปาก “ดูท่า ฉันจะเลือกคนไม่ผิดสินะ” รีฟอสยิ้มรับ “เร็ว ที่สุด ถ้าได้ของเมื่อไรให้มาที่ร้านนี้” รีฟอสหยักหน้ารับ แล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้ แต่ก่อนที่รีฟอสจะทันได้ลุกขึ้น คาราสก็พูดขึ้นซัดซะก่อน “ไม่ได้มีแต่ พวกเราหรอกนะที่ต้องการหนังสือเล่มนี้” รี ฟอสมองสบตาคนพูดแล้วยิ้มขึ้นบอกเป็นในๆว่าเขาเองก็พอจะเดาออก แล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินออกนอกร้านไป คาราสมองตามหลังเด็กหนุ่มที่กำลังเดินไปที่ประตูของร้าน รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคาราส หลัง จากรีฟอสคุยธุระกับคาราสเสร็จก็เดินออกมาจากบาร์ เดินผ่านตัวเมืองลงมา สภาพของตัวเมืองตอนนี้ มีพียงแต่แสงสว่างจากเสาตะเกียงตามท้องถนนให้แสงสว่างเมื่อ ดวงจันทร์ถูกหมู่เมฆยามราตรีบดบัง รีฟอสเดินผ่านจัตุรัสใจกลางเมืองลงมาเรื่อยๆจนมาถึงท้ายเมือง มีร้านชื่อ “Rabery Bar” ตั้งอยู่ บาร์ นี้แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นคล้ายๆกับบ้านสองชั้น ชั้นล่างสร้างด้วยอิฐ ส่วนชั้นสองถูกสร้างขึ้น ด้วยไม้ สำหรับ “Rabery Bar” แล้ว ตอนกลางวันจะเปิดเป็นร้าน อาหาร ส่วนตอนกลางคืนจะเปิดเป็นบาร์ รีฟอสรู้จักกับมาสเตอร์เจ้าของร้าน เพราะว่าโรเว่นเป็นลูกค้าประจำ ส่วนเทียน่าก็เป็นลูกสาวของมาสเตอร์ก็เลยมีโอกาสได้เจอกันบ่อยๆจนกลายเป็น เพื่อนสนิทกัน หลังจากที่โรเว่นหายตัวไป รีฟอสก็คอยมาช่วยงานที่ร้านอยู่ตลอด หลักๆแล้วเพราะเทียน่าบังคับให้มาเพราะไม่อยากให้รีฟอสต้องอยู่คนเดียว จนหลังๆกลับกลายเป็นว่ารีฟอสอาสามาช่วยงานที่ ร้านเองอยู่เป็นประจำ รี ฟอสเดินมาถึงบาร์ก็หยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูร้าน มองดูสภาพภายในร้านลอดผ่านบานหน้าต่างของประตู สภาพภายในร้านๆไม่ต่างไปจากปกติมากนัก มีเพียงลูกค้า 4 ถึง 5 คนกำลังนั่งดื่มอยู่ รีฟอสจึงเปิดประตูเข้าไปร้าน เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เทียน่าหันมาเห็นพอดี เทียน่าจึงรีบวิ่งเข้ามาทักทายรีฟอส “กะอยู่แล้วยังไง นายก็ต้องมา” รี ฟอสยิ้มรับพร้อมๆกับจ้องมองเทียน่าที่เข้ามาทักทายตนเอง เทียน่า อยู่ในชุด เสื้อสีขาวแขนยาว กระโปรงสีดำ ผมสีดำที่ยาวสลวยก็ถูกรวบไว้ด้านหลัง รีฟอสหันมองรอบๆร้านแล้วเดินไปนั้งที่เคาน์เตอร์บาร์ เทียน่าก็เดินตามหลังมา “จะดื่มอะไร มั้ยรีฟอส”รีฟอสส่ายหน้าแล้วหันมองรอบๆร้านอีกรอบ “มาสเตอร์ล่ะ เทียน่า” เมื่อได้ยินที่รีฟอสถามเทียน่าก็ทำสีหน้าครุ่นคิด “คุณแม่ หรอ น่าจะอยู่หลังร้านนะ” “เดี๋ยวฉันไปตามให้” ก่อนที่เทียน่าจะเดินไปรีฟอสก็พูดขึ้นขัดซะก่อน “ไม่เป็นไรเดี๋ยวฉันไปหาเอง” เทีย น่าหยักหน้ารับ รีฟอสลุกขึ้นจากเคาน์เตอร์เดินผ่านเดินด้านหลังเคาน์เตอร์ออกมาด้านหลังร้าน เมื่อเดินมาถึงหลังร้านก็เห็นมาสเตอร์กำลังวุ่นอยู่กับการจักการ ข้าวของ และ เครื่องดื่ม รีฟอสจึงรีบเดินเข้าไปช่วย เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วมาสเตอร์ก็เอ่ยขอบใจแล้วเอ่ยถามรีฟอสต่อ “มีอะไรหรอ จ๊ะ” เมื่อรีฟอสได้ยินที่มาสเตอร์ถามก็หยิบรูปถ่ายจากกระเป๋ากางเกงตนเองขึ้นมาแล้วยื่นให้มาสเตอร์ดู “มาสเตอร์พอจะรู้จัก หนังสือเล่มนี้หรือเปล่าครับ”
มาสเตอร์ ของบาร์แห่งนี้ นอกจะเปิดร้านแล้ว เบื้องหลังยังเป็นแหล่งค้าข่าวของคนภายใน เมือง และวงการใต้ดินอีกด้วย ผู้คนเบื้องหลังจะรู้จักบาร์แห่งนี้ในอีกชื่อ รังห่าน (Goose nest)
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ