Wolf Moon Mafia นักล่าหัวใจ ของยัยมาเฟีย
10.0
2) เจอกันอีกครั้ง .เริ่มแผน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“นี่โอโตะเมื่อไรจะมา ฉันยืนรอจนเมื่อยขาแล้วเนี่ย” ฉันพูดอย่างอารมณ์เสียกับชูริ
“เขาบอกว่ากำลังจะถึงแล้ว” ชูริพูดกับฉันเมื่อวางจากโทรศัพท์แล้ว
ตอนนี้ฉันกับชูริยืนอยู่แถวหน้าโรงหนัง มีผู้คนเดินไปเดินมามากมายแต่ว่ามีคนกลุ่มๆหนึ่งที่เดินผ่านพวกเราสองคนต้องพากันหันมามองเป็นแถว ตอนแรกก็คิดว่ามองยัยชูริเพราะยัยนี่น่ารักกว่าฉันแถมสวยด้วย แต่ทว่ามันไม่ใช่เมื่อมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาจากกลุ่มเพื่อนๆเดินมาหาพวกฉัน ฉันเลยถอยห่างเพราะคิดว่าเด็กหนุ่มคนนั้นจะขอถ่ายรูปกับชูริแต่ที่ไหนได้ ก็กลับเป็นฉันที่ถูกจับตัวไปถ่ายรูปคนนี่คนนั้น และนี่แหละเป็นสาเหตุที่ฉันอยากเข้าโรงหนังเต็มทนเพราะเหนื่อยจากการถ่ายรูปด้วยการดึกและลาก -*-
ฉันและชูริรอโอโตะกันแค่ 15 นาที แต่ฉันกลับรู้สึกว่าการรอเพียงแค่ 15 นาทีมันโคตรแสนลำบากมากมายก่ายกองจริงๆ -*-
“นั้นไงๆ ซุรุโอโตะมาแล้ว” ชูริดึงฉันออกจากกลุ่มนักศึกษาที่มาขอถ่ายรูปและชี้ไปทางด้านหน้าโรงหนัง
ตอนนี้เธอรู้ไหมชูริเธอได้กลายเป็นจอมมารที่ขัดขวางกับการถ่ายรูปของพวกนักศึกษาไปที่เรียบร้อยแล้วนะตอนนี้
วันนี้โอโตะแต่งตัวเท่นะ(ฉันไม่ได้คิดอะไรกับหมอนี่นะ) เขาใส่เสื้อเชิ้ตสีเขียวขี้ม้ากับกางเกงยีนสีดำ ถึงเป็นเสื้อผ้าธรรมดาแต่ก็ทำให้เขาดูดีได้นะ เพราะสาวๆมองกันเป็นแถวเลยละ -.-;;
“นี่ เร่งฉันจังนะ” เขารีบวิ่งมาหาฉันกับชูริ หมอนี่จัดได้ว่าหล่อใช้ได้นะ เขามีผมสีดำธรรมชาติ ดวงตาสีน้ำตาล จมูกโด่ง ริมฝีบางเพรียวบาง และผิวขาวนั้นอีก >., < (เอ่อ...อย่างที่พูดไว้ฉันไม่ได้คิดอะไรนะ)
“ก็ยัยซุรุมันถูกพวกเด็กหนุ่มแย่งกันถ่ายรูปน่ะสิ” โอโตะหันไปตามทางนิ้วเรียวยาวของชูริชี้ โอโตะเลยบางอ๋อ
โอโตะหันมาพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์มีเลศนัย
“แหม๋ เนื้อหอมกับเด็กๆจังนะ จะกินหญ้าอ่อนเหรอ” ว่าแล้วไง ล้อฉันซะงั้นและยัยชูริก็หัวเราะคิกคักอีก
“โอ๊ะ ฉันแค่ล้อเล่นเอง” โอโตะรีบยกมือมาลูบแขนทันที ตอนที่ฉันยกกำปั้นขึ้นทุ่มไหล่เขา
ที่ฉันสนิทกันกับโอโตะเพราะแม่เราสองคนสนิทกันเพราะท่านทั้งสองคนเป็นเพื่อนกันเลยทำให้ฉันรู้จักกับโอโตะตั้งแต่ยังแบเบาะและพอฉันรู้จักและสนิทกับชูริก็แนะนำทั้งคู่ให้รู้จัก แต่ฉันไม่รู้ว่าทั้งสองคนสนิทกันตอนไหนและรักกันตอนไหน แต่พอรู้ตัวก็ตอนปี 1 น่ะ
“เอาละพอแค่นี้ก่อนละกันนะ รีบไปดูหนังกันเถอะเดี๋ยวหนังเริ่มฉายก่อน”ชูริรีบมาควงแขนแฟนตัวเองทันทีและลากเข้าไปในโรงหนัง และฉันถูกลากจากเด็กคนหนึ่งไปถ่ายรูปด้วยแต่ว่าชูริกลับมากระชากฉันไปอีกและรีบเดินเข้าไปโรงหนัง โอ๊ย...ฉันว่าแขนฉันยาวแล้วนะ ฉันไม่อยากแขนยาวกว่านี่อีกอ่ะ T__T
# เค #
ตุ้บ ผวะ ฟุบ เสียงทุ้มตัวของชายคนหนึ่งกระแทกกับเบาะโฟม
“โอ๊ย เมื่อไรฉันจะทุ้มแกได้ว่ะ” ทุคิระ มาโคตะ เพื่อนของเคตะ
“ชาติหน้าแหละ” เคตะลุกขึ้นยืน
“โห่ แต่ฉันอยากเอาชาตินี่ว่ะ” มาโคตะลุกขึ้น
“แกก็ฝึกเยอะๆสิ” เคหันไปเอาผ้าที่ลูกน้องของเขาเอามาให้
“แต่ฉันฝึกมาเยอะแล้วนะเว้ย” มาโคตะพูดพลางเช็คหน้าไปด้วย
“นั้นก็ฝึกต่อไป” และเคตะก็เดินออกไปจากห้องฝึก
มาโคตะมองตามหลังก่อนจะดื่มน้ำที่ลูกน้องของเขาเอามาให้และเดินตามไป
“นี้แกจะไปไหนเปล่าว่ะ” ทั้งสองเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องน้ำส่วนตัวของเคตะในโรงฝึก
“เปล่า ทำไมว่ะ”
“จะชวนแกไปดูหนัง” เคตะถึงกับชะงักและมองเพื่อนอย่างผวา
“เฮ้ยๆ อย่าพึ่งคิดไปไกล ฉันชายทั้งแท่งนะเว้ย ที่บอกว่าชวนฉันไม่ได้ชวนแค่แกคนเดียวนะเว้ย แฟนฉันก็ไป” มาโคตะพูดอย่างนั้นทำให้เคโล่งอกไปได้เกินครึ่ง
“เออๆ ฉันไปก็ได้ วันนี้งานก็ไม่มี”
“จริงดิ” มาโคตะพูดพลางปิดล็อกเกอร์
(-_-)(_ _)(-_-)
“นั้นไปตอนนี้แหละว่ะ มันก็ใกล้เวลาที่ฉันนัดไว้ด้วยสิ” และทั้งสองก็เดินออกไปพร้อมกัน
# โรงหนัง #
“ที่รัก” เอาอีกแล้วไงคู่นี้ -_-
“ไงจ้ะ ที่รักทำไมมาช้าจังเลย” สาสากาชิ พารู แฟนสาวของไอ่โคตะ
ผมขอบอกไว้ก่อนนะเวลาคู่นี้มาเจอกันทีไร ผมอยากจะอ้วกทุกที ก็ทั้งคู้จู่จี่กันอย่างน้ำตาลเรียกพี่เลยละ
“ขอโทษทีนะ ที่มาช้าเดียวเราเข้าไปตอนนี้เลยละกัน ไปเร็วเพื่อน” โคโตะพูดกับพารูก่อนจะมาคุยกับผมที่ยืนดูคู่นี้จู่จี่กันอยู่
แต่เดียวก่อนนะ...เอ๊ะ ข้างหน้าตรงนั้นมีอะไรกันทำไมคนเยอะผิดปกติ
“ที่รักทำไมตรงนั้นคนเยอะจังเลยอ่า” เอาอีกและ พอสักที่ได้ไหมคำว่าที่รักเนี่ย
“ไม่รู้สิ”
“เดี๋ยวฉันไปดูให้” ผมอาสาไปดูเหตุการณ์ให้ทั้งสองคน และผมก็ได้ยินเสียงของคาโตะตามหลังมาว่า ‘เออ ฝากด้วยนะเว้ย’ เออ ฝากแล้วอยากลืมเอามาคืนละ
ผมเดินแทรกผู้คนที่ยืนออกันตรงหน้าโรงหนังบางคนก็กรี๊ดพอเห็นผมเข้า เฮอ ผมละเซ็งกับความหน้าตาของผม จะไปไหนมาไหนต้องมีเสียงกรี๊ดทุกที
ผมเดินแทรกมาเรื่อยจนถึงตรงกลางและผมก็เห็นคนพวกนี้กำลังแย่งถ่ายรูปกันกับหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งเธอหันหลังให้ เอ๋...เธอเป็นดารารึไงว่ะ แต่ว่าทำไมใจของผมถึงเต้นอย่างแปลกๆ หลังจากมองอยูนานก่อนที่ผมจะเดินกลับไปหาคู่หวานแต่ต้องเปลี่ยนใจเมื่อหญิงสาวคนนั้นหันข้างมา ถึงหันข้างแต่ผมยังจำใบหน้าของเธอได้ดี ซุรุ...
ไม่รู้ทำไมผมจึงมองเธออยู่อย่างนั้นโดนไม่ขยับไปไหน ผมขอบอกว่าวันนี้เธอแต่งตัวจากที่ผมเคยเห็นตอนแรกที่พบเธอ เธอดูดีมากในเสื้อหลากสไตล์แต่ไม่ใช้โทนดำที่เธอชอบใส่(จากปากของพ่อเธอเล่ามานะ) ผมมองเธอนานเท่าไรก็ไม่รู้แต่ผมถึงกับแทบจะออกมาไม่ทันก็ตอนที่เธอดันมองมาทางผมและถูกใครก็ไม่รู้กระชากออกจากกลุ่มคนนั้น แต่ผมไม่สนใจแหละ
“สงสัยดารามาว่ะ”
“จริงเหรอใครมาละ” เอาแล้วไงโรคบ้าดารามาแล้ว -_-;
“นี้ๆ พอเลย ลืมแล้วเหรอว่าฉันอยู่ตรงนี้ทั่งคน” ไอ่นี้ก็ขี้งอนเก่งซะ -_-; เฮอ
“เอ๋ เหมือนเราจะเห็นอะไรแวบๆในฝูงคนในตอนนั้นนะ” ฉันพูดกับตัวเองในโรงหนังเบาๆ พอฉันคิดไปอีกก็ส่ายหัวทันทีรู้สึกปวดหัวและ สนใจหนังดีกว่า
ระหว่างที่ซุรุกำลังดูหนังและกินข้าวโพดขั้วไป เคตะและเพื่อนของเขาก็เข้ามา เคตะเลือกนั่งใกล้กับซุรุแต่ซุรุนั้นไม่รู้ตัวหรือพูดง่ายๆว่าเธอไม่สนใจ เคตะเขาปล่อยให้เพื่อนสวีทกันไปเขาเลยมาสนที่จอใหญ่ด้านหน้าทันที
ระหว่างที่หนังฉายไปเรื่อยๆทั้งสองคนจะรู้ไม่ว่า เรื่องราวในหนังนั้นมันสอดคล้องกับชีวิตจริงของทั้งสอง
“เฮอ หนังวันนี่เนี่ยสนุกจังเลยเนอะ เศร้าด้วย” เฮอ เพื่อนฉันชักจะอินกับหนังแล้วสิ
“นั้นสิ ไว้วันหลังเรามาดูด้วยกันนะ” โอโตะพูดพร้อมโอบไหล่ชูริ
“ถ้าพวกเธอมาจะดูหนังแบบนี้นะ ฉันขอบาย” ฉันขอพูดก่อนล่วงหน้านะ
“ทำไมเหรอ” โอโตะหันมาถาม
“โอโตะไม่น่าถามเลย อย่างซุรุเนี่ยนะจะดูขอพวกนี้เป็นอ่ะ” ชูริพูดแทรกขึ้นมา
“เออ ใช่”
“เฮอ นั้นฉันขอตัวกลับก่อนแล้วกัน” ฉันขอตัวจากคู่รักคู่นี้ทันที ถ้าฉันอยู่นะมีหวังได้อ้วกแน่ๆ
ระหว่างทางที่เดินฉันก็แวะเข้าร้านนู้น ร้านนี่ วันนี้อยากซื้ออะไรติดไม้ติดมือบ้างอ่ะ ฉันเดินเข้ามาในร้านหนึ่งซึ่งร้านก็แนวๆสไตล์หวานหน่อย แต่ดูๆก็ไม่เหมาะกับฉันหรอกดูไปนั้นแหละ -.-
พอฉันดูเสร็จแล้วฉันก็เลือกซื้อ 2-3 ตัว และออกมาจากร้านทันที แต่ว่าพึ่งออกมาได้ไม่กี่ก้าวตัวฉันก็ลงไปจำม่ำอยู่กับพื้นซะอย่างงั้น
“โอ๊ยย” อ๊ากก ก้นช้านนนนน!!!
“เป็นอะไรไฃมั๊ยครับ” เป็นสิย่ะ เจ็บมากด้วย TT^TT ดะ...เดี๋ยวก่อนเมื่อกี้...เสียงคุ้นๆแฮะ
ฉันเงยหน้าขึ้นมาก็เจอกับ...
# ณ ในออฟฟิต แห่งหนึ่ง #
“เตรียมเรื่องไว้เรียบร้อยรึยัง ชิสึโร” เสียงชายคนหนึ่งพูดขึ้น
“ครับ เรียบร้อยแล้วครับ” ยูสาคะ ชิสึโร เลขาส่วนตัวของชายปริศนาคนนั้น
“ดี...นั้นเริ่มจัดการตามแผนได้เลย”
“ครับ” ชิสึโรโค้งตัวและเผยให้เห็นสายตาที่ดูมีเล่ย์นัย
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นและตามมาด้วยเสียงเอี๊ยดแอ๊ดของประตู และมีชายท่าทางน่ากลัวเดินเข้ามา
“คนพร้อมแล้วครับนาย”
“ดี...นั้นพวกแกไปได้เลย”
“ครับนาย” เขาโค้งตัวให้ก่อนจะเดินออกไปตามคำสั่งของนายของเขา
พอสิ้นเสียงประตูชายปริศนาก็หัวเราะเสียงดังอย่างกับผู้มีชัย
# ห้าง #
“นาย/เธอ” ฉันและเขาร้องประสานเสียงกัน อ๊ากกก ทำไมต้องเป็นนายนี้ด้วยเนี่ยยย! TT^TT วันแรกฉันเจอหน้านายก็พอแล้วนะ ทำไมพระเจ้าถึงให้ได้มาเจออีกละเนี่ย ฮือๆ
“เธอมาทำอะไรที่นี้…” เขาหยุดพูดก่อนจะหันไปมองร้านที่ฉันพึ่งออกมา
“และคนอย่างเธอช้อปเป็นกับเขาด้วยเหรอ และมาซื้อเสื้อหวานๆแบบนี้อีก” อร่ายยย ดูถูกมากไปแล้วนะย่ะ
ฉันลุกขึ้นพรวกทันที แต่ลืมไปว่ายังเจ็บที่ก้นอยู่เลยร้องออกมาและหาที่รีบยึดไว้ทันที แต่นายนี้หาว่าฉัน...
“นี่...เธอจะอ่อนฉันเหรอไง แค่ล้มแค่นี้ถึงกับต้องร้องเลยเหรอไง”
“ฉันเป็นผู้หญิงนะย่ะ ไม่ใช่นาย!! อีตาบ้า เคตะ!!”
“อ้าวจำชื่อฉันได้ด้วย”
“อย่ามากวนประสาทฉันนะ!!!” ฉันตะโกนด่าใส่อีตาบ้านี่เสียงดัง ทำให้คนที่อยู่บริเวณนี่หันมามองเราอย่างสนใจ
“ฮึ่ม” ฮึ้ยย!! ยัง ยังมาทำหน้ากวนๆอีก แม่ทนไม่ไหวและนะ!!!
ปัง!!
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
#>. อัพแล้วนะค่ะ ไม่รู้นานไปรึเปล่าน่า อิๆ ไม่นานไปหรอก(แน่จั๊ย?!) ตอนที่ 2 นี้อาจมีให้งงบ้างเพราะมันหักมุมนะ ยังไงก็อ่านให้สนุกและเข้าใจด้วยเน้อ
ปล. เนื้อเรื่องอาจมีตกหล่นบ้างก็ขออภัยด้วยนะ และเม้น โหวตกันหน่อยนะค่ะ เพื่อที่จะเป็นกำลังใจที่จะให้ไรเตอร์ได้แต่งต่อไปนะ
ขอบคุณค่ะ
“เขาบอกว่ากำลังจะถึงแล้ว” ชูริพูดกับฉันเมื่อวางจากโทรศัพท์แล้ว
ตอนนี้ฉันกับชูริยืนอยู่แถวหน้าโรงหนัง มีผู้คนเดินไปเดินมามากมายแต่ว่ามีคนกลุ่มๆหนึ่งที่เดินผ่านพวกเราสองคนต้องพากันหันมามองเป็นแถว ตอนแรกก็คิดว่ามองยัยชูริเพราะยัยนี่น่ารักกว่าฉันแถมสวยด้วย แต่ทว่ามันไม่ใช่เมื่อมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาจากกลุ่มเพื่อนๆเดินมาหาพวกฉัน ฉันเลยถอยห่างเพราะคิดว่าเด็กหนุ่มคนนั้นจะขอถ่ายรูปกับชูริแต่ที่ไหนได้ ก็กลับเป็นฉันที่ถูกจับตัวไปถ่ายรูปคนนี่คนนั้น และนี่แหละเป็นสาเหตุที่ฉันอยากเข้าโรงหนังเต็มทนเพราะเหนื่อยจากการถ่ายรูปด้วยการดึกและลาก -*-
ฉันและชูริรอโอโตะกันแค่ 15 นาที แต่ฉันกลับรู้สึกว่าการรอเพียงแค่ 15 นาทีมันโคตรแสนลำบากมากมายก่ายกองจริงๆ -*-
“นั้นไงๆ ซุรุโอโตะมาแล้ว” ชูริดึงฉันออกจากกลุ่มนักศึกษาที่มาขอถ่ายรูปและชี้ไปทางด้านหน้าโรงหนัง
ตอนนี้เธอรู้ไหมชูริเธอได้กลายเป็นจอมมารที่ขัดขวางกับการถ่ายรูปของพวกนักศึกษาไปที่เรียบร้อยแล้วนะตอนนี้
วันนี้โอโตะแต่งตัวเท่นะ(ฉันไม่ได้คิดอะไรกับหมอนี่นะ) เขาใส่เสื้อเชิ้ตสีเขียวขี้ม้ากับกางเกงยีนสีดำ ถึงเป็นเสื้อผ้าธรรมดาแต่ก็ทำให้เขาดูดีได้นะ เพราะสาวๆมองกันเป็นแถวเลยละ -.-;;
“นี่ เร่งฉันจังนะ” เขารีบวิ่งมาหาฉันกับชูริ หมอนี่จัดได้ว่าหล่อใช้ได้นะ เขามีผมสีดำธรรมชาติ ดวงตาสีน้ำตาล จมูกโด่ง ริมฝีบางเพรียวบาง และผิวขาวนั้นอีก >., < (เอ่อ...อย่างที่พูดไว้ฉันไม่ได้คิดอะไรนะ)
“ก็ยัยซุรุมันถูกพวกเด็กหนุ่มแย่งกันถ่ายรูปน่ะสิ” โอโตะหันไปตามทางนิ้วเรียวยาวของชูริชี้ โอโตะเลยบางอ๋อ
โอโตะหันมาพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์มีเลศนัย
“แหม๋ เนื้อหอมกับเด็กๆจังนะ จะกินหญ้าอ่อนเหรอ” ว่าแล้วไง ล้อฉันซะงั้นและยัยชูริก็หัวเราะคิกคักอีก
“โอ๊ะ ฉันแค่ล้อเล่นเอง” โอโตะรีบยกมือมาลูบแขนทันที ตอนที่ฉันยกกำปั้นขึ้นทุ่มไหล่เขา
ที่ฉันสนิทกันกับโอโตะเพราะแม่เราสองคนสนิทกันเพราะท่านทั้งสองคนเป็นเพื่อนกันเลยทำให้ฉันรู้จักกับโอโตะตั้งแต่ยังแบเบาะและพอฉันรู้จักและสนิทกับชูริก็แนะนำทั้งคู่ให้รู้จัก แต่ฉันไม่รู้ว่าทั้งสองคนสนิทกันตอนไหนและรักกันตอนไหน แต่พอรู้ตัวก็ตอนปี 1 น่ะ
“เอาละพอแค่นี้ก่อนละกันนะ รีบไปดูหนังกันเถอะเดี๋ยวหนังเริ่มฉายก่อน”ชูริรีบมาควงแขนแฟนตัวเองทันทีและลากเข้าไปในโรงหนัง และฉันถูกลากจากเด็กคนหนึ่งไปถ่ายรูปด้วยแต่ว่าชูริกลับมากระชากฉันไปอีกและรีบเดินเข้าไปโรงหนัง โอ๊ย...ฉันว่าแขนฉันยาวแล้วนะ ฉันไม่อยากแขนยาวกว่านี่อีกอ่ะ T__T
# เค #
ตุ้บ ผวะ ฟุบ เสียงทุ้มตัวของชายคนหนึ่งกระแทกกับเบาะโฟม
“โอ๊ย เมื่อไรฉันจะทุ้มแกได้ว่ะ” ทุคิระ มาโคตะ เพื่อนของเคตะ
“ชาติหน้าแหละ” เคตะลุกขึ้นยืน
“โห่ แต่ฉันอยากเอาชาตินี่ว่ะ” มาโคตะลุกขึ้น
“แกก็ฝึกเยอะๆสิ” เคหันไปเอาผ้าที่ลูกน้องของเขาเอามาให้
“แต่ฉันฝึกมาเยอะแล้วนะเว้ย” มาโคตะพูดพลางเช็คหน้าไปด้วย
“นั้นก็ฝึกต่อไป” และเคตะก็เดินออกไปจากห้องฝึก
มาโคตะมองตามหลังก่อนจะดื่มน้ำที่ลูกน้องของเขาเอามาให้และเดินตามไป
“นี้แกจะไปไหนเปล่าว่ะ” ทั้งสองเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องน้ำส่วนตัวของเคตะในโรงฝึก
“เปล่า ทำไมว่ะ”
“จะชวนแกไปดูหนัง” เคตะถึงกับชะงักและมองเพื่อนอย่างผวา
“เฮ้ยๆ อย่าพึ่งคิดไปไกล ฉันชายทั้งแท่งนะเว้ย ที่บอกว่าชวนฉันไม่ได้ชวนแค่แกคนเดียวนะเว้ย แฟนฉันก็ไป” มาโคตะพูดอย่างนั้นทำให้เคโล่งอกไปได้เกินครึ่ง
“เออๆ ฉันไปก็ได้ วันนี้งานก็ไม่มี”
“จริงดิ” มาโคตะพูดพลางปิดล็อกเกอร์
(-_-)(_ _)(-_-)
“นั้นไปตอนนี้แหละว่ะ มันก็ใกล้เวลาที่ฉันนัดไว้ด้วยสิ” และทั้งสองก็เดินออกไปพร้อมกัน
# โรงหนัง #
“ที่รัก” เอาอีกแล้วไงคู่นี้ -_-
“ไงจ้ะ ที่รักทำไมมาช้าจังเลย” สาสากาชิ พารู แฟนสาวของไอ่โคตะ
ผมขอบอกไว้ก่อนนะเวลาคู่นี้มาเจอกันทีไร ผมอยากจะอ้วกทุกที ก็ทั้งคู้จู่จี่กันอย่างน้ำตาลเรียกพี่เลยละ
“ขอโทษทีนะ ที่มาช้าเดียวเราเข้าไปตอนนี้เลยละกัน ไปเร็วเพื่อน” โคโตะพูดกับพารูก่อนจะมาคุยกับผมที่ยืนดูคู่นี้จู่จี่กันอยู่
แต่เดียวก่อนนะ...เอ๊ะ ข้างหน้าตรงนั้นมีอะไรกันทำไมคนเยอะผิดปกติ
“ที่รักทำไมตรงนั้นคนเยอะจังเลยอ่า” เอาอีกและ พอสักที่ได้ไหมคำว่าที่รักเนี่ย
“ไม่รู้สิ”
“เดี๋ยวฉันไปดูให้” ผมอาสาไปดูเหตุการณ์ให้ทั้งสองคน และผมก็ได้ยินเสียงของคาโตะตามหลังมาว่า ‘เออ ฝากด้วยนะเว้ย’ เออ ฝากแล้วอยากลืมเอามาคืนละ
ผมเดินแทรกผู้คนที่ยืนออกันตรงหน้าโรงหนังบางคนก็กรี๊ดพอเห็นผมเข้า เฮอ ผมละเซ็งกับความหน้าตาของผม จะไปไหนมาไหนต้องมีเสียงกรี๊ดทุกที
ผมเดินแทรกมาเรื่อยจนถึงตรงกลางและผมก็เห็นคนพวกนี้กำลังแย่งถ่ายรูปกันกับหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งเธอหันหลังให้ เอ๋...เธอเป็นดารารึไงว่ะ แต่ว่าทำไมใจของผมถึงเต้นอย่างแปลกๆ หลังจากมองอยูนานก่อนที่ผมจะเดินกลับไปหาคู่หวานแต่ต้องเปลี่ยนใจเมื่อหญิงสาวคนนั้นหันข้างมา ถึงหันข้างแต่ผมยังจำใบหน้าของเธอได้ดี ซุรุ...
ไม่รู้ทำไมผมจึงมองเธออยู่อย่างนั้นโดนไม่ขยับไปไหน ผมขอบอกว่าวันนี้เธอแต่งตัวจากที่ผมเคยเห็นตอนแรกที่พบเธอ เธอดูดีมากในเสื้อหลากสไตล์แต่ไม่ใช้โทนดำที่เธอชอบใส่(จากปากของพ่อเธอเล่ามานะ) ผมมองเธอนานเท่าไรก็ไม่รู้แต่ผมถึงกับแทบจะออกมาไม่ทันก็ตอนที่เธอดันมองมาทางผมและถูกใครก็ไม่รู้กระชากออกจากกลุ่มคนนั้น แต่ผมไม่สนใจแหละ
“สงสัยดารามาว่ะ”
“จริงเหรอใครมาละ” เอาแล้วไงโรคบ้าดารามาแล้ว -_-;
“นี้ๆ พอเลย ลืมแล้วเหรอว่าฉันอยู่ตรงนี้ทั่งคน” ไอ่นี้ก็ขี้งอนเก่งซะ -_-; เฮอ
“เอ๋ เหมือนเราจะเห็นอะไรแวบๆในฝูงคนในตอนนั้นนะ” ฉันพูดกับตัวเองในโรงหนังเบาๆ พอฉันคิดไปอีกก็ส่ายหัวทันทีรู้สึกปวดหัวและ สนใจหนังดีกว่า
ระหว่างที่ซุรุกำลังดูหนังและกินข้าวโพดขั้วไป เคตะและเพื่อนของเขาก็เข้ามา เคตะเลือกนั่งใกล้กับซุรุแต่ซุรุนั้นไม่รู้ตัวหรือพูดง่ายๆว่าเธอไม่สนใจ เคตะเขาปล่อยให้เพื่อนสวีทกันไปเขาเลยมาสนที่จอใหญ่ด้านหน้าทันที
ระหว่างที่หนังฉายไปเรื่อยๆทั้งสองคนจะรู้ไม่ว่า เรื่องราวในหนังนั้นมันสอดคล้องกับชีวิตจริงของทั้งสอง
“เฮอ หนังวันนี่เนี่ยสนุกจังเลยเนอะ เศร้าด้วย” เฮอ เพื่อนฉันชักจะอินกับหนังแล้วสิ
“นั้นสิ ไว้วันหลังเรามาดูด้วยกันนะ” โอโตะพูดพร้อมโอบไหล่ชูริ
“ถ้าพวกเธอมาจะดูหนังแบบนี้นะ ฉันขอบาย” ฉันขอพูดก่อนล่วงหน้านะ
“ทำไมเหรอ” โอโตะหันมาถาม
“โอโตะไม่น่าถามเลย อย่างซุรุเนี่ยนะจะดูขอพวกนี้เป็นอ่ะ” ชูริพูดแทรกขึ้นมา
“เออ ใช่”
“เฮอ นั้นฉันขอตัวกลับก่อนแล้วกัน” ฉันขอตัวจากคู่รักคู่นี้ทันที ถ้าฉันอยู่นะมีหวังได้อ้วกแน่ๆ
ระหว่างทางที่เดินฉันก็แวะเข้าร้านนู้น ร้านนี่ วันนี้อยากซื้ออะไรติดไม้ติดมือบ้างอ่ะ ฉันเดินเข้ามาในร้านหนึ่งซึ่งร้านก็แนวๆสไตล์หวานหน่อย แต่ดูๆก็ไม่เหมาะกับฉันหรอกดูไปนั้นแหละ -.-
พอฉันดูเสร็จแล้วฉันก็เลือกซื้อ 2-3 ตัว และออกมาจากร้านทันที แต่ว่าพึ่งออกมาได้ไม่กี่ก้าวตัวฉันก็ลงไปจำม่ำอยู่กับพื้นซะอย่างงั้น
“โอ๊ยย” อ๊ากก ก้นช้านนนนน!!!
“เป็นอะไรไฃมั๊ยครับ” เป็นสิย่ะ เจ็บมากด้วย TT^TT ดะ...เดี๋ยวก่อนเมื่อกี้...เสียงคุ้นๆแฮะ
ฉันเงยหน้าขึ้นมาก็เจอกับ...
# ณ ในออฟฟิต แห่งหนึ่ง #
“เตรียมเรื่องไว้เรียบร้อยรึยัง ชิสึโร” เสียงชายคนหนึ่งพูดขึ้น
“ครับ เรียบร้อยแล้วครับ” ยูสาคะ ชิสึโร เลขาส่วนตัวของชายปริศนาคนนั้น
“ดี...นั้นเริ่มจัดการตามแผนได้เลย”
“ครับ” ชิสึโรโค้งตัวและเผยให้เห็นสายตาที่ดูมีเล่ย์นัย
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นและตามมาด้วยเสียงเอี๊ยดแอ๊ดของประตู และมีชายท่าทางน่ากลัวเดินเข้ามา
“คนพร้อมแล้วครับนาย”
“ดี...นั้นพวกแกไปได้เลย”
“ครับนาย” เขาโค้งตัวให้ก่อนจะเดินออกไปตามคำสั่งของนายของเขา
พอสิ้นเสียงประตูชายปริศนาก็หัวเราะเสียงดังอย่างกับผู้มีชัย
# ห้าง #
“นาย/เธอ” ฉันและเขาร้องประสานเสียงกัน อ๊ากกก ทำไมต้องเป็นนายนี้ด้วยเนี่ยยย! TT^TT วันแรกฉันเจอหน้านายก็พอแล้วนะ ทำไมพระเจ้าถึงให้ได้มาเจออีกละเนี่ย ฮือๆ
“เธอมาทำอะไรที่นี้…” เขาหยุดพูดก่อนจะหันไปมองร้านที่ฉันพึ่งออกมา
“และคนอย่างเธอช้อปเป็นกับเขาด้วยเหรอ และมาซื้อเสื้อหวานๆแบบนี้อีก” อร่ายยย ดูถูกมากไปแล้วนะย่ะ
ฉันลุกขึ้นพรวกทันที แต่ลืมไปว่ายังเจ็บที่ก้นอยู่เลยร้องออกมาและหาที่รีบยึดไว้ทันที แต่นายนี้หาว่าฉัน...
“นี่...เธอจะอ่อนฉันเหรอไง แค่ล้มแค่นี้ถึงกับต้องร้องเลยเหรอไง”
“ฉันเป็นผู้หญิงนะย่ะ ไม่ใช่นาย!! อีตาบ้า เคตะ!!”
“อ้าวจำชื่อฉันได้ด้วย”
“อย่ามากวนประสาทฉันนะ!!!” ฉันตะโกนด่าใส่อีตาบ้านี่เสียงดัง ทำให้คนที่อยู่บริเวณนี่หันมามองเราอย่างสนใจ
“ฮึ่ม” ฮึ้ยย!! ยัง ยังมาทำหน้ากวนๆอีก แม่ทนไม่ไหวและนะ!!!
ปัง!!
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
#>. อัพแล้วนะค่ะ ไม่รู้นานไปรึเปล่าน่า อิๆ ไม่นานไปหรอก(แน่จั๊ย?!) ตอนที่ 2 นี้อาจมีให้งงบ้างเพราะมันหักมุมนะ ยังไงก็อ่านให้สนุกและเข้าใจด้วยเน้อ
ปล. เนื้อเรื่องอาจมีตกหล่นบ้างก็ขออภัยด้วยนะ และเม้น โหวตกันหน่อยนะค่ะ เพื่อที่จะเป็นกำลังใจที่จะให้ไรเตอร์ได้แต่งต่อไปนะ
ขอบคุณค่ะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ