Wolf Moon Mafia นักล่าหัวใจ ของยัยมาเฟีย
10.0
1) ซุรุ - เค
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ปัง ปัง !!
เสียงปืนดังไปทั่วในโรงยิม ลูกกระสุนถูกยิงเข้าเป้าทุกนัด หญิงสาวลุกขึ้นจากที่กำบังมือข้างหนึ่งจับไกปืนไว้แน่นอีกมือหนึ่งหยิบแว่นตาสีชาออก เผยให้เห็นใบหน้าได้ชัดเจน
หญิงสาวเดินออกมาจากสนามฝึกยิงปืนและถอดแว่นตาให้กับชายคนหนึ่งที่อยู่ใกล้เธอ และมีคนหนึ่งยื่นน้ำกับผ้าขนหนูผืนเล็กมาให้หญิงสาว
“คุณหนูครับ คุณท่านเรียกครับ” เสียงชายหนุ่มดังมาจากทางออกของโรงยิม หญิงสาวพยักหน้ารับและบอกส่งไปก่อนจะกระดกน้ำไปอึกใหญ่
หญิงสาวเดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับชายตามมา 2 คน หญิงสาวเดินเข้ามานั่งในห้องนั่งเล่นสไตล์ยุโรป โดยนั่งฝั่งตรงข้ามกับชายรุ่นพ่อคนหนึ่ง
“ช่วงนี้เป็นไงบ้าง” ชายตรงหน้าถาม
“ก็ดีค่ะ” หญิงสาวตอบ
“แล้วเรื่องกิจการละ บริษัทเป็นไงบ้าง”
“ยอดขายก็เพิ่มขึ้นค่ะ” หญิงสาวตอบก่อนจะนั่งเอาหลังพิงกับโซฟาพร้อมกับนั่งไขว่ห้าง
“แล้วเรื่องนั้นละ”
“เรื่องไหนค่ะ” หญิงสาวถามทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าเรื่องอะไร
“การกวาดล้าง...” ชายตรงหน้าพูดเสียงแผ่ว
“เรื่องนั้น...” หญิงสาวก้มหน้าพักหนึ่งก่อนจะพูดขึ้น “ก็คิดไว้แล้วค่ะ”
//ซุรุวันนี้ว่างไหม// ชูริถามฉันทางโทรศัพท์ระหว่างที่ฉันเดินขึ้นมาบนห้อง
“ทำไมเหรอ”
// ฉันอยากให้เธอมาช้อปเป็นเพื่อนฉันหน่อยน่ะ //
“เธอก็ช้อปคนเดียวได้นี่น่า” ตามจริงฉันขี้เกียจที่จะเดินไปเดินมาและต้องคอยเธอเลือกซื้อของด้วย
“และเธอก็รู้นี่ ว่าฉันไม่ชอบการช้อปแบบพวกผู้หญิงนะ” ฉันเดินเข้าในห้องและตรงดิ่งไปที่นอนทันที
// แต่เธอก็ผู้หญิงนี่ -_- หรือว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิง O.O! // เฮ้อ ถ้ายัยนี่อยู่ตรงหน้าฉันละก็ รับรองเลยว่าฉันได้บีบคอหล่อนแน่ -_-
// เอาน่านะ เป็นเพื่อนฉันหน่อยนะซุรุ จ้า~ // ชูริอ้อนทันที เฮ้อพอเจอลูกอ้อนของยัยนี่ทีไรต้องยอมทุกทีสิน่า -_-;
“อ่า ได้ๆ เดี๋ยวฉันไป”
// เย้!! ขอบใจนะ แกเป็นเพื่อนที่ฉันรักที่สู้ดดดดเล้ยยย \^0^/ // เฮ้อ ฉันละป่วยกับเพื่อนของฉันจริงๆ -_-;
// เอาเป็นว่าเจอกันในอีกครึ่งชั่วโมงนะ ที่ห้างเดิมนะจ้ะ บาย //
“อืม บาย เดี๋ยวเจอกัน” เฮ้อ น่าเบื่อจริงๆเลย ฉันโยนโทรศัพท์ลงบนที่นอนแสนหนานุ่มก่อนจะกระเด้งตัวไปห้องน้ำทันที อยากน้อยตอนนี้ก็ไม่มีอะไรทำ ไปข้างนอกดีกว่า
หลังจากออกจากบ้านมาแล้วฉันก็สั่งบอดี้การ์ดส่วนตัวของฉันว่าไม่ต้องตามมา และบอกคนขับรถให้ไปที่ฉันนัดเจอกับชูริ
พอมาถึงคนขับรถเปิดประตูลงไปก่อนจะอ้อมมาเปิดประตูให้ ฉันก้าวลงมาจากรถก็เห็นผู้หญิงผมสีน้ำตาลยาวลอนแต่ว่าเธอรวบเป็นหางม้าแบบเอียงข้างและแต่งตัวสบายๆ เสื้อกล้ามสีแดงสวมทับด้วยเสื้อแจ็คเก็ตยีนสีน้ำเงินแขนตุ๊กตา กางเกงเลคกิ้งลายจุดสีขาว รองเท้าบูทหนังสีน้ำตาล กับกระเป๋าใบน้อยสีชมพูที่เธอพายมาด้วย พอดิบพอดี แต่ฉันว่ามันไม่สบายแล้วละ-_-;
“นายกลับไปก่อน แล้วฉันจะโทรตาม” ฉันหันไปสั่งคนขับรถที่อยู่ข้างหลัง
“ครับคุณหนู” คนขับรถโค้งตัวให้ก่อนจะเดินอ้อมเข้าไปในรถและขับออกไป
ฉันเริ่มก้าวเดินหลังจากที่ยืนอยู่ตรงนั้นนาน ชูริที่ยืนรออยู่ก็หันมาเจอฉันพอดีดูเหมือนยัยนี่จะตกใจกับชุดที่ฉันใส่นะ
ฉันเลือกใส่เสื้อกล้ามหลายทางสีดำขาวข้างในสวมทับด้วยเสื้อแขนยาวสีเขียวอ่อน กางเกงหนังสีดำ รองเท้าบูทส้นสั้นสีขาว และแว่นตากันแดดสีขาว ขอบอกว่านานทีฉันจะใส่เสื้อพวกนี้ เพราะ...ถ้าจะให้ฉันใส่ละก็...ต้องโทนขาวดำแบบมาเฟียอยู่แล้ว แต่ว่าแต่งตัวแบบนั้นก็อาจจะดูฉันเป็นคนเถื่อนขึ้นมา และส่วนใหญ่ก็มักใส่โทนขาวดำไม่ว่าจะไปไหนมาไหน
ระหว่างทางที่ฉันเดิน ผู้คนที่เดินส่วนไปมาต่างก็หันมองมาที่ฉันเป็นตาเดียว แม้กระทั่งเด็กน้อยตัวกะเปี๊ยก -_- และบางคนที่ถือของพะลุงพะลังถึงกับสะดุด และพนักงานในห้างก็ด้วย เดินไปชนคนอื่นซะงั้น
“ว้าว นี้ซุรุฉันไม่คิดเลยว่าแกจะใส่เสื้อพวกนี้” ชูริเดินเข้ามาหาฉัน
“ปกติแกชอบใส่เสื้อโทนขาวดำนี้ วันนี้มาแปลก แต่ก็นานๆทีจะได้ใส่เสื้อแบบนี้บ้าง แต่แบบนี้...”และยัยนี่ก็จับฉันหมุน โอ๊ย เวียนหัวแล้ว
“แกใส่ก็ดูดีนะ เห็นเรียวขาอันยาวของแกได้ชัดแจ๋วเลย” ชูริพูดพลางหมุนตัวฉัน
“โอ๊ย พอแล้วหน่า ฉันเวียนหัวไปหมดแล้ว” ฉันรีบร้องห้ามทันที ถ้าไม่รีบห้ามตอนนี้ฉันได้เป็นลมก่อนจะได้ไปช้อปเป็นเพื่อนยัยนี่แน่
“อุ๊ย โทษที นั้นรีบไปกันเถอะฉันมีของที่อยากซื้อเยอะเลย” และชูริก็ลากฉันเข้าไปในห้างทันทีในขณะที่ฉันยังมึนอยู่เลย
ชูริลากฉันเข้าร้านนั้น ร้านนี่ ร้านโน้น ส่วนใหญ่ก็เป็นเครื่องแต่งกายสำหรับผู้หญิง ชูริเป็นเพื่อนที่ฉันสนิทด้วยตั้งแต่มหาลัยปี 1 จนตอนนี้เราก็จบการศึกษา ชูริเปิดกิจการร้านอาหารเล็กๆใกล้บ้านเธอเพราะเธอชื่นชอบในการทำอาหาร ส่วนฉันเป็นบริษัทเกี่ยวกับด้านการออกแบบ การสร้าง และแฟชั่น ตามจริงแฟชั่นนี่ฉันอาจไม่เหมาะกับฉัน แต่ฉันก็ชอบในการแต่งตัวอยู่บ้าง เมื่อก่อนชูริเป็นคนที่เงียบ แต่งตัวทั่วไปแบบเรียบๆ แต่พอจบการศึกษานะ เธอกลับเปลี่ยนไปเมื่อได้เจออะไรใหม่ๆ ชูริแต่งตัวเก่งขึ้น พูดมากขึ้น ร่าเริงมากขึ้น และฉันก็รู้สึกดีด้วยนะ ไม่ต้องให้เงียบไปตลอด เป็นแบบนี้ดีแล้ว
อ้อ เกือบลืมไป ชูริรู้ด้วยว่าฉันเป็นมาเฟีย เพราะมาเฟียทุกคนไม่ต้องการเปิดตัวตน(แต่ใครรู้ละก็...ถึงแก่ความตาย!! แต่ชูริเป็นข้อยกเว้น) แต่ที่ชูริรู้ก็เพราะเกิดเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น ชูริถูกรุ่นพี่ที่เป็นนักศึกษาในมหาลัยเดียวกันจับตัวไปเพื่อหวังจะข่มขืน แต่โชคดีที่ฉันไปช่วยไว้ทันพร้อมกับบอดี้การ์ดคนอื่น และชูริก็ตกใจมากเมื่อเห็นฉันมาช่วยเธอพร้อมกับคนใส่เสื้อดำทั้งตัวและเห็นฉันต่อสู้ด้วย และนั้นฉันก็เลยตัดสินใจบอกความลับของตนเองให้ชูริรู้ แต่ว่าเธอกลับไม่สะทกสะท้านอะไร แต่กลับยิ้มออกมาเหมือนกับว่า...
ไม่ว่าฉันจะเป็นอะไร ฉันก็เป็นเพื่อนที่เธอรักที่สุด...
หลังจากที่ช้อปกันจนเหนื่อยแล้ว ฉันและชูริก็มานั่งกินอาหารในร้านแห่งหนึ่งในห้าง
“เฮ้อ ช้อปจนเหนื่อยเลย” ที่เหนื่อยน่ะ ฉันต่างหากละ -*-
“เธอไม่ซื้ออะไรหน่อยเหรอ”
“ไม่อ่ะ”
ติ๊ด ติ๊ด เสียงโทรศัพท์ของชูริดังขึ้น เธอรีบหันไปรับโทรศัพท์ทันที และขอตัวไปคุยโทรศัพท์ข้างนอก ฉันเอาหลังพิงกับเก้าอี้และมองผู้คนในร้านไปเรื่อยอย่างคนที่ไม่มีอะไรทำ สักพักชูริก็เดินเข้ามาและมานั่งที่เดิมของเธอ
“โอโตะโทรมาละสิ” ฉันพูดอย่างรู้ทัน สาราตะ โอโตะ แฟนหนุ่มของชูริ เป็นผู้กองบัญชาการตำรวจแห่งญี่ปุ่น ตอนแรกโอโตกะจะมาจับแก๊งมาเฟียของฉัน แต่ว่าก่อนหน้านั้นชูริได้เป็นแฟนของโอโตะแล้ว พอเธอรู้เรื่องก็รีบมาห้ามทันทีและบอกเรื่องราวทั้งหมด โอโตะเลยไม่คิดจะจับแก๊งมาเฟียของฉันอีกเลย
“แหม๋ รู้ทัน” ชูริยิ้มอย่างเขินๆ
เราสองคนเดินออกมาจากห้าง ชูริขอตัวแยกกลับก่อนแต่ว่าฉันรู้ทันนะเลยแซวไปลูกใหญ่เลย หลังจากที่แซวชูริเสร็จเธอก็ขอตัวไป รถสปอร์ตสีดำวิ่งมาจอดตรงหน้าฉันหลังจากที่ชูริเดินจากฉันไปไม่กี่ก้าว
คนขับรถรีบเดินลงมาเปิดประตูให้ฉัน ฉันก้าวเข้าไปในรถพร้อมกับหายใจหนักๆออกมา
“ช้อปกับชูริเหนื่อยกว่าฝึกต่อสู้สักอีก”
“นั้นสินะ ลูกของเราจะได้สนิทกันด้วย...อ้าวซุรุมานี่หน่อย” ชิคคาริ คิโคโตะ พ่อของซุรุ
ซุรุกำลังเดินผ่านหน้าห้องรับแขกแต่โดนผู้เป็นพ่อเรียกไว้ก่อน ซุรุเดินเข้าไปในห้องโดยมีพ่อบ้านเปิดประตูให้ สายตาของเธอมองแขกผู้มาเยือน 2 ท่านด้วยแววตานิ่งเฉย
“นี่ ซุรุลูกสาวฉันเอง ซุรุนี่อาโกโทะ และหลานชายเคตะ” พ่อแนะนำตัวแขกผู้มาเยือน
แขกทั้ง 2 หันไปทักทายซุรุพร้อมกัน ซุรุโค้งตัวตามมารยาทให้กับแขกทั้งสอง
“ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันชื่อชิคคาริ ซุรุ”
“ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันชื่อโอคามิ เคตะ”
“นั้นให้เด็กลองคุยกันดีไหมจะได้สนิทกันมากขึ้นด้วย” อาโกโทะพูดและหันไปถามความคิดกับเพื่อนของตน
“นั้นสินั้นเราไปคุยกันข้างนอกตามประสาเพื่อนเก่าละกัน” คิโคโตะลุกขึ้นก่อนจะเดินออกไปและตามด้วยอาโกโทะ
เฮ้อ...ทำไมคุณพ่อต้องให้มานั่งคุยกับผู้ชายคนนี้ด้วยนะ แต่...พอลองดูดีๆก็หน้าตาก็ใช้ได้นะ ผมสีน้ำเงินเข้มจนเกือบดำเข้าคู่กับดวงตาสีดำสนิทชวนน่าหลงใหล จมูกโด่งได้รูป ดวงตาคมเข้ม ริมฝีปากเพรียวบาง ผอมสูง และท่าทางเฉยชาด้วยแฮะ และส่วนสูงของเขาที่วัดด้วยสายตาอันแหลมคมของฉันแล้วน่าจะราวๆ 180 ขึ้นก็ได้
“เอ่อ...นั้นเชิญคุณเคตะนั่งก่อนค่ะ” ฉันผายมือเชิงให้เขานั่งโซฟากำมะหยี่สีครีม และเขาก็ทำตามอย่างว่าแต่ไปนั่งอีกฝั่งตรงข้ามกับฉันและนั่งท่าไขว่ห้าง
เฮ้อ...ตอนนี้ไม่รู้จะพูดเรื่องไรดี ก็ฉันคุยกับใครไม่ค่อยเก่งสักด้วยสิ
“เอ่อ...” จะเอาเรื่องไหนมาพูดละ และนายเคตะเนี่ยก็ไม่หยุดมองฉันสักทีตั้งแต่ฉันเข้ามาแล้วนะ
“งานอดิเรกของคุณชอบทำอะไรเหรอค่ะ” ถามแบบนี้คงได้ใช่ไหม ไม่ธรรมดาใช่ไหม -_-;;
“ไม่ต้องเป็นทางการก็ได้”
(-.-??)
“พูดกับฉันใช้แทนด้วยนายไม่เอาคุณ มันทางการเกินไป ฉันไม่ชอบ และอย่าพูดคำลงท้าย” เขาบอกอย่างเฉยชา ย่ะ ก็ได้ทำตาใจนายละกัน(เปลี่ยนเร็วทัน(-.-;))
“งานอดิเรกของนายชอบทำอะไรเหรอ” ฉันถามเขาอีกรอบ
“ส่วนใหญ่ซ้อมศิลปะการต่อสู้ และยิงปืน และพอว่างก็ทำงาน” ก็เหมือนกับฉันนี่หว่า แต่เวลาว่างของฉันหลังจากการฝึกซ้อมก็ไปนอนแช่ในห้องนอน=.=;
“แล้วเธอละ”
“เอ๊ะ”
“งานอดิเรกของเธอชอบทำอะไรเหรอ” เขาถามกลับ แล้วฉันจะให้ฉันตอบยังไงฉันเป็นผู้หญิงนะ แต่เอาเถอะตอบออกไปนายนี่คงไม่คิดอะไรมั่ง
“ฉันก็เหมือนกับนาย”
“นั้นเหรอ” เขายิ้มด้วยละ โอ๊ย ตายแล้วคนที่เฉยชายิ้มเป็นด้วยเหรอนี่พึ่งรู้นะเนี่ย และยิ้มแบบเจ้าเล่ห์งั้นหมายความว่ายังไงย่ะ-*-
“แต่เธอเป็นผู้หญิงนะ มีงานอดิเรกแบบนั้นเหรอ”
“ถึงฉันจะเป็นผู้หญิง แต่ฉันก็ไม่ให้ใครมาขมขี่ฉันหรอกนะ”
"เหรอ" เขายักคิ้วใส่ฉันละ โอ๊ยเริ่มจะหมดความอดทนแล้วนะ
พรึ่บ!!!
ฉันลุกขึ้นพรวกทันทีและจ้องเขม็งนายเคตะมือข้างลำตัวของฉันกำหมัดไว้แน่นจนเล็บขบและมือสั่น แต่คนข้างหน้าไม่ยักจะสะเทือนเลย
"อ้าว คุยกันเสร็จแล้วเหรอ" โชคดีนะที่พ่อเข้ามาก่อนไม่งั้นได้รื้อทำห้องใหม่แน่
"หนูซุรุ เป็นไรเหรอ ไม่สบายเหรอเปล่า" เพื่อนของพ่อถามฉัน
ฉันหันไปทันทีและเพื่อนของพ่อฉันถึงกับสะดุ้ง และบอกไป(แบบไม่ตรงกับใจเล้ยยย)
"เปล่าค่ะ สบายดี หนูขอตัวนะค่ะ" ฉันพูดเสร็จก็รีบออกมาทันที ไม่อยากอยู่นานกว่านี้ เพราะฉันอาจจะฆ่าใครก่อนก็ได้ แต่ต้องเป็นหทอนั่นเป็นอันดับแรก
"พวกแก ไปเอาคนมาฝึกคาราเต้กับฉันเร็วๆเข้า" ฉันตะโกนใส่บอดี้การ์ดของฉันทันที ถึงพวกนั้นจะยังงงกับอาการของฉันแต่ก็ทำตามแต่โดยดี ลองดูสิใครชักช้านะแม่จะยิงหัวกระจุนเลยคอยดูสิ!!
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ปล. เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกของไรเตอร์นะค่ะ ถ้าไม่สนุกหรือตกหล่นยังไงก็ขออภัยด้วยนะค่ะ แต่ยังไงก็ขอฝากนิยายเรื่องนี้ไว้ในอ้อมกอดของรีดเดอร์ทุกคนนะ มาเม้น มาโหวต มาคุยกันได้นะค่ะ
เสียงปืนดังไปทั่วในโรงยิม ลูกกระสุนถูกยิงเข้าเป้าทุกนัด หญิงสาวลุกขึ้นจากที่กำบังมือข้างหนึ่งจับไกปืนไว้แน่นอีกมือหนึ่งหยิบแว่นตาสีชาออก เผยให้เห็นใบหน้าได้ชัดเจน
หญิงสาวเดินออกมาจากสนามฝึกยิงปืนและถอดแว่นตาให้กับชายคนหนึ่งที่อยู่ใกล้เธอ และมีคนหนึ่งยื่นน้ำกับผ้าขนหนูผืนเล็กมาให้หญิงสาว
“คุณหนูครับ คุณท่านเรียกครับ” เสียงชายหนุ่มดังมาจากทางออกของโรงยิม หญิงสาวพยักหน้ารับและบอกส่งไปก่อนจะกระดกน้ำไปอึกใหญ่
หญิงสาวเดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับชายตามมา 2 คน หญิงสาวเดินเข้ามานั่งในห้องนั่งเล่นสไตล์ยุโรป โดยนั่งฝั่งตรงข้ามกับชายรุ่นพ่อคนหนึ่ง
“ช่วงนี้เป็นไงบ้าง” ชายตรงหน้าถาม
“ก็ดีค่ะ” หญิงสาวตอบ
“แล้วเรื่องกิจการละ บริษัทเป็นไงบ้าง”
“ยอดขายก็เพิ่มขึ้นค่ะ” หญิงสาวตอบก่อนจะนั่งเอาหลังพิงกับโซฟาพร้อมกับนั่งไขว่ห้าง
“แล้วเรื่องนั้นละ”
“เรื่องไหนค่ะ” หญิงสาวถามทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าเรื่องอะไร
“การกวาดล้าง...” ชายตรงหน้าพูดเสียงแผ่ว
“เรื่องนั้น...” หญิงสาวก้มหน้าพักหนึ่งก่อนจะพูดขึ้น “ก็คิดไว้แล้วค่ะ”
//ซุรุวันนี้ว่างไหม// ชูริถามฉันทางโทรศัพท์ระหว่างที่ฉันเดินขึ้นมาบนห้อง
“ทำไมเหรอ”
// ฉันอยากให้เธอมาช้อปเป็นเพื่อนฉันหน่อยน่ะ //
“เธอก็ช้อปคนเดียวได้นี่น่า” ตามจริงฉันขี้เกียจที่จะเดินไปเดินมาและต้องคอยเธอเลือกซื้อของด้วย
“และเธอก็รู้นี่ ว่าฉันไม่ชอบการช้อปแบบพวกผู้หญิงนะ” ฉันเดินเข้าในห้องและตรงดิ่งไปที่นอนทันที
// แต่เธอก็ผู้หญิงนี่ -_- หรือว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิง O.O! // เฮ้อ ถ้ายัยนี่อยู่ตรงหน้าฉันละก็ รับรองเลยว่าฉันได้บีบคอหล่อนแน่ -_-
// เอาน่านะ เป็นเพื่อนฉันหน่อยนะซุรุ จ้า~ // ชูริอ้อนทันที เฮ้อพอเจอลูกอ้อนของยัยนี่ทีไรต้องยอมทุกทีสิน่า -_-;
“อ่า ได้ๆ เดี๋ยวฉันไป”
// เย้!! ขอบใจนะ แกเป็นเพื่อนที่ฉันรักที่สู้ดดดดเล้ยยย \^0^/ // เฮ้อ ฉันละป่วยกับเพื่อนของฉันจริงๆ -_-;
// เอาเป็นว่าเจอกันในอีกครึ่งชั่วโมงนะ ที่ห้างเดิมนะจ้ะ บาย //
“อืม บาย เดี๋ยวเจอกัน” เฮ้อ น่าเบื่อจริงๆเลย ฉันโยนโทรศัพท์ลงบนที่นอนแสนหนานุ่มก่อนจะกระเด้งตัวไปห้องน้ำทันที อยากน้อยตอนนี้ก็ไม่มีอะไรทำ ไปข้างนอกดีกว่า
หลังจากออกจากบ้านมาแล้วฉันก็สั่งบอดี้การ์ดส่วนตัวของฉันว่าไม่ต้องตามมา และบอกคนขับรถให้ไปที่ฉันนัดเจอกับชูริ
พอมาถึงคนขับรถเปิดประตูลงไปก่อนจะอ้อมมาเปิดประตูให้ ฉันก้าวลงมาจากรถก็เห็นผู้หญิงผมสีน้ำตาลยาวลอนแต่ว่าเธอรวบเป็นหางม้าแบบเอียงข้างและแต่งตัวสบายๆ เสื้อกล้ามสีแดงสวมทับด้วยเสื้อแจ็คเก็ตยีนสีน้ำเงินแขนตุ๊กตา กางเกงเลคกิ้งลายจุดสีขาว รองเท้าบูทหนังสีน้ำตาล กับกระเป๋าใบน้อยสีชมพูที่เธอพายมาด้วย พอดิบพอดี แต่ฉันว่ามันไม่สบายแล้วละ-_-;
“นายกลับไปก่อน แล้วฉันจะโทรตาม” ฉันหันไปสั่งคนขับรถที่อยู่ข้างหลัง
“ครับคุณหนู” คนขับรถโค้งตัวให้ก่อนจะเดินอ้อมเข้าไปในรถและขับออกไป
ฉันเริ่มก้าวเดินหลังจากที่ยืนอยู่ตรงนั้นนาน ชูริที่ยืนรออยู่ก็หันมาเจอฉันพอดีดูเหมือนยัยนี่จะตกใจกับชุดที่ฉันใส่นะ
ฉันเลือกใส่เสื้อกล้ามหลายทางสีดำขาวข้างในสวมทับด้วยเสื้อแขนยาวสีเขียวอ่อน กางเกงหนังสีดำ รองเท้าบูทส้นสั้นสีขาว และแว่นตากันแดดสีขาว ขอบอกว่านานทีฉันจะใส่เสื้อพวกนี้ เพราะ...ถ้าจะให้ฉันใส่ละก็...ต้องโทนขาวดำแบบมาเฟียอยู่แล้ว แต่ว่าแต่งตัวแบบนั้นก็อาจจะดูฉันเป็นคนเถื่อนขึ้นมา และส่วนใหญ่ก็มักใส่โทนขาวดำไม่ว่าจะไปไหนมาไหน
ระหว่างทางที่ฉันเดิน ผู้คนที่เดินส่วนไปมาต่างก็หันมองมาที่ฉันเป็นตาเดียว แม้กระทั่งเด็กน้อยตัวกะเปี๊ยก -_- และบางคนที่ถือของพะลุงพะลังถึงกับสะดุด และพนักงานในห้างก็ด้วย เดินไปชนคนอื่นซะงั้น
“ว้าว นี้ซุรุฉันไม่คิดเลยว่าแกจะใส่เสื้อพวกนี้” ชูริเดินเข้ามาหาฉัน
“ปกติแกชอบใส่เสื้อโทนขาวดำนี้ วันนี้มาแปลก แต่ก็นานๆทีจะได้ใส่เสื้อแบบนี้บ้าง แต่แบบนี้...”และยัยนี่ก็จับฉันหมุน โอ๊ย เวียนหัวแล้ว
“แกใส่ก็ดูดีนะ เห็นเรียวขาอันยาวของแกได้ชัดแจ๋วเลย” ชูริพูดพลางหมุนตัวฉัน
“โอ๊ย พอแล้วหน่า ฉันเวียนหัวไปหมดแล้ว” ฉันรีบร้องห้ามทันที ถ้าไม่รีบห้ามตอนนี้ฉันได้เป็นลมก่อนจะได้ไปช้อปเป็นเพื่อนยัยนี่แน่
“อุ๊ย โทษที นั้นรีบไปกันเถอะฉันมีของที่อยากซื้อเยอะเลย” และชูริก็ลากฉันเข้าไปในห้างทันทีในขณะที่ฉันยังมึนอยู่เลย
ชูริลากฉันเข้าร้านนั้น ร้านนี่ ร้านโน้น ส่วนใหญ่ก็เป็นเครื่องแต่งกายสำหรับผู้หญิง ชูริเป็นเพื่อนที่ฉันสนิทด้วยตั้งแต่มหาลัยปี 1 จนตอนนี้เราก็จบการศึกษา ชูริเปิดกิจการร้านอาหารเล็กๆใกล้บ้านเธอเพราะเธอชื่นชอบในการทำอาหาร ส่วนฉันเป็นบริษัทเกี่ยวกับด้านการออกแบบ การสร้าง และแฟชั่น ตามจริงแฟชั่นนี่ฉันอาจไม่เหมาะกับฉัน แต่ฉันก็ชอบในการแต่งตัวอยู่บ้าง เมื่อก่อนชูริเป็นคนที่เงียบ แต่งตัวทั่วไปแบบเรียบๆ แต่พอจบการศึกษานะ เธอกลับเปลี่ยนไปเมื่อได้เจออะไรใหม่ๆ ชูริแต่งตัวเก่งขึ้น พูดมากขึ้น ร่าเริงมากขึ้น และฉันก็รู้สึกดีด้วยนะ ไม่ต้องให้เงียบไปตลอด เป็นแบบนี้ดีแล้ว
อ้อ เกือบลืมไป ชูริรู้ด้วยว่าฉันเป็นมาเฟีย เพราะมาเฟียทุกคนไม่ต้องการเปิดตัวตน(แต่ใครรู้ละก็...ถึงแก่ความตาย!! แต่ชูริเป็นข้อยกเว้น) แต่ที่ชูริรู้ก็เพราะเกิดเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น ชูริถูกรุ่นพี่ที่เป็นนักศึกษาในมหาลัยเดียวกันจับตัวไปเพื่อหวังจะข่มขืน แต่โชคดีที่ฉันไปช่วยไว้ทันพร้อมกับบอดี้การ์ดคนอื่น และชูริก็ตกใจมากเมื่อเห็นฉันมาช่วยเธอพร้อมกับคนใส่เสื้อดำทั้งตัวและเห็นฉันต่อสู้ด้วย และนั้นฉันก็เลยตัดสินใจบอกความลับของตนเองให้ชูริรู้ แต่ว่าเธอกลับไม่สะทกสะท้านอะไร แต่กลับยิ้มออกมาเหมือนกับว่า...
ไม่ว่าฉันจะเป็นอะไร ฉันก็เป็นเพื่อนที่เธอรักที่สุด...
หลังจากที่ช้อปกันจนเหนื่อยแล้ว ฉันและชูริก็มานั่งกินอาหารในร้านแห่งหนึ่งในห้าง
“เฮ้อ ช้อปจนเหนื่อยเลย” ที่เหนื่อยน่ะ ฉันต่างหากละ -*-
“เธอไม่ซื้ออะไรหน่อยเหรอ”
“ไม่อ่ะ”
ติ๊ด ติ๊ด เสียงโทรศัพท์ของชูริดังขึ้น เธอรีบหันไปรับโทรศัพท์ทันที และขอตัวไปคุยโทรศัพท์ข้างนอก ฉันเอาหลังพิงกับเก้าอี้และมองผู้คนในร้านไปเรื่อยอย่างคนที่ไม่มีอะไรทำ สักพักชูริก็เดินเข้ามาและมานั่งที่เดิมของเธอ
“โอโตะโทรมาละสิ” ฉันพูดอย่างรู้ทัน สาราตะ โอโตะ แฟนหนุ่มของชูริ เป็นผู้กองบัญชาการตำรวจแห่งญี่ปุ่น ตอนแรกโอโตกะจะมาจับแก๊งมาเฟียของฉัน แต่ว่าก่อนหน้านั้นชูริได้เป็นแฟนของโอโตะแล้ว พอเธอรู้เรื่องก็รีบมาห้ามทันทีและบอกเรื่องราวทั้งหมด โอโตะเลยไม่คิดจะจับแก๊งมาเฟียของฉันอีกเลย
“แหม๋ รู้ทัน” ชูริยิ้มอย่างเขินๆ
เราสองคนเดินออกมาจากห้าง ชูริขอตัวแยกกลับก่อนแต่ว่าฉันรู้ทันนะเลยแซวไปลูกใหญ่เลย หลังจากที่แซวชูริเสร็จเธอก็ขอตัวไป รถสปอร์ตสีดำวิ่งมาจอดตรงหน้าฉันหลังจากที่ชูริเดินจากฉันไปไม่กี่ก้าว
คนขับรถรีบเดินลงมาเปิดประตูให้ฉัน ฉันก้าวเข้าไปในรถพร้อมกับหายใจหนักๆออกมา
“ช้อปกับชูริเหนื่อยกว่าฝึกต่อสู้สักอีก”
“นั้นสินะ ลูกของเราจะได้สนิทกันด้วย...อ้าวซุรุมานี่หน่อย” ชิคคาริ คิโคโตะ พ่อของซุรุ
ซุรุกำลังเดินผ่านหน้าห้องรับแขกแต่โดนผู้เป็นพ่อเรียกไว้ก่อน ซุรุเดินเข้าไปในห้องโดยมีพ่อบ้านเปิดประตูให้ สายตาของเธอมองแขกผู้มาเยือน 2 ท่านด้วยแววตานิ่งเฉย
“นี่ ซุรุลูกสาวฉันเอง ซุรุนี่อาโกโทะ และหลานชายเคตะ” พ่อแนะนำตัวแขกผู้มาเยือน
แขกทั้ง 2 หันไปทักทายซุรุพร้อมกัน ซุรุโค้งตัวตามมารยาทให้กับแขกทั้งสอง
“ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันชื่อชิคคาริ ซุรุ”
“ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันชื่อโอคามิ เคตะ”
“นั้นให้เด็กลองคุยกันดีไหมจะได้สนิทกันมากขึ้นด้วย” อาโกโทะพูดและหันไปถามความคิดกับเพื่อนของตน
“นั้นสินั้นเราไปคุยกันข้างนอกตามประสาเพื่อนเก่าละกัน” คิโคโตะลุกขึ้นก่อนจะเดินออกไปและตามด้วยอาโกโทะ
เฮ้อ...ทำไมคุณพ่อต้องให้มานั่งคุยกับผู้ชายคนนี้ด้วยนะ แต่...พอลองดูดีๆก็หน้าตาก็ใช้ได้นะ ผมสีน้ำเงินเข้มจนเกือบดำเข้าคู่กับดวงตาสีดำสนิทชวนน่าหลงใหล จมูกโด่งได้รูป ดวงตาคมเข้ม ริมฝีปากเพรียวบาง ผอมสูง และท่าทางเฉยชาด้วยแฮะ และส่วนสูงของเขาที่วัดด้วยสายตาอันแหลมคมของฉันแล้วน่าจะราวๆ 180 ขึ้นก็ได้
“เอ่อ...นั้นเชิญคุณเคตะนั่งก่อนค่ะ” ฉันผายมือเชิงให้เขานั่งโซฟากำมะหยี่สีครีม และเขาก็ทำตามอย่างว่าแต่ไปนั่งอีกฝั่งตรงข้ามกับฉันและนั่งท่าไขว่ห้าง
เฮ้อ...ตอนนี้ไม่รู้จะพูดเรื่องไรดี ก็ฉันคุยกับใครไม่ค่อยเก่งสักด้วยสิ
“เอ่อ...” จะเอาเรื่องไหนมาพูดละ และนายเคตะเนี่ยก็ไม่หยุดมองฉันสักทีตั้งแต่ฉันเข้ามาแล้วนะ
“งานอดิเรกของคุณชอบทำอะไรเหรอค่ะ” ถามแบบนี้คงได้ใช่ไหม ไม่ธรรมดาใช่ไหม -_-;;
“ไม่ต้องเป็นทางการก็ได้”
(-.-??)
“พูดกับฉันใช้แทนด้วยนายไม่เอาคุณ มันทางการเกินไป ฉันไม่ชอบ และอย่าพูดคำลงท้าย” เขาบอกอย่างเฉยชา ย่ะ ก็ได้ทำตาใจนายละกัน(เปลี่ยนเร็วทัน(-.-;))
“งานอดิเรกของนายชอบทำอะไรเหรอ” ฉันถามเขาอีกรอบ
“ส่วนใหญ่ซ้อมศิลปะการต่อสู้ และยิงปืน และพอว่างก็ทำงาน” ก็เหมือนกับฉันนี่หว่า แต่เวลาว่างของฉันหลังจากการฝึกซ้อมก็ไปนอนแช่ในห้องนอน=.=;
“แล้วเธอละ”
“เอ๊ะ”
“งานอดิเรกของเธอชอบทำอะไรเหรอ” เขาถามกลับ แล้วฉันจะให้ฉันตอบยังไงฉันเป็นผู้หญิงนะ แต่เอาเถอะตอบออกไปนายนี่คงไม่คิดอะไรมั่ง
“ฉันก็เหมือนกับนาย”
“นั้นเหรอ” เขายิ้มด้วยละ โอ๊ย ตายแล้วคนที่เฉยชายิ้มเป็นด้วยเหรอนี่พึ่งรู้นะเนี่ย และยิ้มแบบเจ้าเล่ห์งั้นหมายความว่ายังไงย่ะ-*-
“แต่เธอเป็นผู้หญิงนะ มีงานอดิเรกแบบนั้นเหรอ”
“ถึงฉันจะเป็นผู้หญิง แต่ฉันก็ไม่ให้ใครมาขมขี่ฉันหรอกนะ”
"เหรอ" เขายักคิ้วใส่ฉันละ โอ๊ยเริ่มจะหมดความอดทนแล้วนะ
พรึ่บ!!!
ฉันลุกขึ้นพรวกทันทีและจ้องเขม็งนายเคตะมือข้างลำตัวของฉันกำหมัดไว้แน่นจนเล็บขบและมือสั่น แต่คนข้างหน้าไม่ยักจะสะเทือนเลย
"อ้าว คุยกันเสร็จแล้วเหรอ" โชคดีนะที่พ่อเข้ามาก่อนไม่งั้นได้รื้อทำห้องใหม่แน่
"หนูซุรุ เป็นไรเหรอ ไม่สบายเหรอเปล่า" เพื่อนของพ่อถามฉัน
ฉันหันไปทันทีและเพื่อนของพ่อฉันถึงกับสะดุ้ง และบอกไป(แบบไม่ตรงกับใจเล้ยยย)
"เปล่าค่ะ สบายดี หนูขอตัวนะค่ะ" ฉันพูดเสร็จก็รีบออกมาทันที ไม่อยากอยู่นานกว่านี้ เพราะฉันอาจจะฆ่าใครก่อนก็ได้ แต่ต้องเป็นหทอนั่นเป็นอันดับแรก
"พวกแก ไปเอาคนมาฝึกคาราเต้กับฉันเร็วๆเข้า" ฉันตะโกนใส่บอดี้การ์ดของฉันทันที ถึงพวกนั้นจะยังงงกับอาการของฉันแต่ก็ทำตามแต่โดยดี ลองดูสิใครชักช้านะแม่จะยิงหัวกระจุนเลยคอยดูสิ!!
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ปล. เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกของไรเตอร์นะค่ะ ถ้าไม่สนุกหรือตกหล่นยังไงก็ขออภัยด้วยนะค่ะ แต่ยังไงก็ขอฝากนิยายเรื่องนี้ไว้ในอ้อมกอดของรีดเดอร์ทุกคนนะ มาเม้น มาโหวต มาคุยกันได้นะค่ะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ