Dive into LOVE
2) Dive Round 2 : สาวไทยบ้า ๆ สองนาง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความDive Round 2 : สาวไทยบ้า ๆ สองนาง
คาบบ่ายวันนั้น เธอหายตัวไปอย่างเงียบ ๆ จากคลาสเรียน แม้ว่าจะเป็นวิชาที่มีหน่วยกิตถึง 3 หน่วย กิตก็ตาม จะไปสนอะไรล่ะ ในเมื่อเธอคว้ามันไว้แล้ว ความสำเร็จอันเป็นผลพวงจากความพยายามอันยิ่งใหญ่ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาของ เธอ คนที่เพิ่งคว้าความสำเร็จมาหมาด ๆ ยิ้มร่าอยู่ในร้านกาแฟ นั่งดูดคาปูชิโน่ปั่นอย่างสบายอารมณ์ เอาน่า รางวัลชีวิตเล็ก ๆ น้อย ๆ เธอบอกกับตัวเอง ขณะที่กำลังเพ้อพกลอยอารมณ์อยู่คนเดียวในห้างดังนั้น ก็มีสายเรียกเข้าจากเพื่อนสนิทดังขึ้น เธอยิ้มแก้มปริแล้วสไลด์รับสาย
" แกอยู่ไหนอ่ะ ไม่มาเรียนรึไง หายไปตั้งแต่กลางวัน " ปลายสายส่งเสียงมุบมิบ เหมือนว่าจะแอบอาจารย์โทรมา
" ตอนนี้อยู่เซ็นทรัลอ่ะ ไม่มีอารมณ์เรียนแล้ว " เธอตอบกลับขณะเปิดอีเมลล์นั้นอีกครั้ง เพื่อย้ำความมั่นใจ
" เฮ้ย แล้วเรื่องนั้นเป็นไงบ้าง "
" ฮะฮะฮ่า ฉัน.."
พูดยังไม่ทันจบประโยค ปลายสายก็หวีดเสียงร้องเท่าที่คนแอบโทรศัพท์ในห้องเรียนจะพึงกระทำได้
" กรี๊สสสสส รออยู่นั่นเลยนะ อีก 20 นาที ฉันขับรถไปหา "
นานา หญิงสาวผู้ที่ถือว่ากำลังมีความสุขที่สุดในประเทศไทยตอนนี้ กำลังเข้าล็อกอินสไกป์เพื่อบอกข่าวดีแก่คนๆ หนึ่ง ที่เป็นกำลังใจแก่เธอมาโดยตลอด ทำให้เธอได้คว้าทุนการศึกษาฟรีเต็มจำนวนนี้ได้ แต่ก็เป็นไปตามคาด เขาไม่ได้ออนไลน์อยู่ในขณะนี้ ใช่ล่ะสิ นี่มันเวลานอนของเขาชัดๆ
ทุนที่เธอได้รับ คือทุนเต็มจำนวนเพื่อศึกษาต่อระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยพลีมัธ (Plymouth University) แม้ ว่าจะไม่ได้เป็นมหาวิทยาลัยที่อยู่กลางกรุงลอนดอน และไม่ได้เป็นมหาวิทยาลัยอันดับต้น ๆ ของโลกก็ตาม แต่เธอสนใจเสียเมื่อไรล่ะ ในเมื่อจุดประสงค์ของเธอคือก้าวมาที่นี่เท่านั้น เป้าหมายชัดเจนประหนึ่งเอาปากกามาร์กเกอร์มาขีดบนแผนที่ไว้แล้วก็ไม่ปาน
เรื่องที่น่ากลุ้มใจตอนนี้ก็คือ การไขว่คว้าหาทุนการศึกษานี้ เธอปิดไว้เป็นความลับ ไม่ได้บอกใครแม้สักคน แม้สักคนเดียว อ้อ ยกเว้นเจ็ท เพื่อนสาวของเธอ ที่สนิทกันมาเสียตั้งแต่มัธยมต้น เพราะหากเธอคิดจะเก็บเรื่องนี้ไว้คนเดียวจริงๆ ล่ะก็ จะต้องอกแตกตายแน่ สิ่งที่บอกว่าน่ากลุ้มใจนี้ก็คือ ใช่ มันเป็นทุนเรียนปริญญาตรี และตอนนี้เธอก็กำลังเรียนอยู่ระดับปริญญาตรีไง ใช่ ฟังไม่ผิดหรอก นั่นหมายความว่าเธอจะต้องซ้ำ 1 ปี ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่พ่อแม่และน้า จะอยากได้ยินแน่นอน
ประมาณ 25 นาที หลังจากนั้น เจ็ท ก็มาปรากฎกายตรงหน้าเธอ สาวหน้าเอเชียค่อนไปทางจีน ซึ่งมีรูปหน้าที่ต้องบอกว่าโหงวเฮ้งดีเหลือเกินตามฉบับคนจีนว่าไว้ แต่งหน้าที่ต้องถือว่าจัดกว่านานามาก (เพราะนานาชอบแต่งหน้าแบบโนเมคอัพ - เมคอัพ) แต่ เครื่องสำอางค์ก็ส่งให้เครื่องหน้าดูโดดเด่น และน่ามอง เจ็ทนั่งลงตรงข้ามนานา แล้ววางกระเป๋าไว้ข้าง ๆ ตัว พร้อมกับสูดหายใจลึก ก่อนเอ่ยถามเพื่อนสาวที่กำลังนั่งยิ้มอย่างเพ้อฝัน อย่างเป็นสัญญาณเตือนให้กลับสู่โลกความเป็นจริง
" แกทำได้ใช่ไหม " สาวหน้าหมวยตั้งประโยคคำถาม ที่ดูเหมือนจะได้รับคำตอบจากการตีความสีหน้าคนจะตอบได้อยู่แล้วโดยไม่ต้องถามก็ตาม
นานา ไม่พูดอะไร แต่เปิดอีเมลล์ฉบับนั้นได้เพื่อนสาวดู เจ็ทกวาดสายตาอ่านอย่างรวดเร็ว แล้วก็คว้ามือนานามาบีบไว้ ก่อนจะกรีดร้องออกมาพร้อมกัน จนผู้คนในร้าน ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติหันมามอง
" แกมันที่สุดเลยว่ะ ฉันงี้ไม่รู้จะพูดอะไรเลย "
เจ็ท กล่าวกับเพื่อนสนิท ซึ่งอยู่ๆ ตอนนี้ก็เหมือนมีก้อนสะอื้นมาจุกอยู่ที่คอ บอกตามตรงก็คือ เธอไม่อยากอยู่ห่างจากเพื่อนคนนี้เลยสักครั้งเดียว นานาคือเพื่อนที่สนิทกันมานาน แต่การจะรั้งความฝันเพื่อนไว้นั้น ย่อมเป็นไปไม่ได้ และเรื่องนี้ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีเสียด้วยสิ มีแต่ต้องยินดีกับเพื่อนเท่านั้น
" โอ้ย ฉันไม่รู้จะบรรยายอารมณ์ตอนนี้ออกมายังไงแล้วเจ็ท มันไม่รู้จะพูดว่าอะไร " นานาพูดกับเพื่อนสนิท มือก็กำลังแรเงาธง UK
" แล้วแกตอบรับไปแล้วใช่ไหม "
" ภายในห้านาทีหลังจากช็อกอยู่คนเดียวในบรรณสารล่ะ " นานาแรเงาส่วนพื้นหลังใกล้จะเสร็จแล้ว
เจ็ทสูดหายใจยาว นานาเพื่อนของเธอคนนี้ เป็นคนตัดสินใจอะไรรวดเร็ว นี่ขนาดยังไม่บอกพ่อกับแม่ ยังอุตส่าห์ตอบรับไปแล้วนะเนี่ย
" แล้วแกต้องบินเมื่อไหร่ "
" เปิดเทอมกันยาล่ะ " นานาตอบขณะตัดเส้นธงให้ชัดเจนขึ้น
" เร็วมาก นี่มิถุนา สิงหา กันยา เฮ้ย เดือนกว่า ๆ เองเหรอ " เจ็ทร้องขึ้น
" ใช่ดิแก นี่ฉันยังวางแผนไม่ถูกเลย ว่าจะทำอะไรก่อนหลังดี แต่พูดก็พูดเถอะ ฉันเตรียมพาสปอร์ตกับขอวีซ่าไว้นานแล้ว บ้าดีไหมล่ะ "
นานาหัวเราะคิกคัก ชายหนุ่มโต๊ะอื่นที่แอบมองเธอมานานจากโต๊ะรอบ ๆ เป็นอันต้องพลอยอมยิ้มไปด้วย
" บ้าสุด ๆ ประสาทด้วย "
เจ็ท พูดขึ้น แล้วหัวเราะไปกับเพื่อนสาวที่ดูเหมือนจะตั้งความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ในตอนแรก และเธอก็เคยบอกกับนานาไปแล้วว่าความคิดเธอมันบ้าสิ้นดี แต่พอมาตอนนี้ ไอ้ความฝันบ้า ๆ นั่นกลับเป็นจริงขึ้นมา จนเหมือนเป็นก้อนเนื้อที่กลิ้งไปทับเส้นไมเกรนในสมอง ทำให้เธอต้องปวดหัวจี๊ด
" แก อังกฤษเชียวนะอังกฤษ โอย ตลอดชีวิตนี้ไม่รู้จะหาเงินจากไหนไปเรียนที่นั่น พ่อกับแม่ต้องขายสมบัติมาส่งฉันเรียนแน่นอน ฮะฮะ แต่วันนี้ฉันทำได้แล้วเจ็ท แล้วที่ดียิ่งกว่านั้น ดียิ่งกว่าอะไรทั้งหมดก็คือ พลีมัธ ที่ ๆ สุดสวาทขาดใจฉันเรียนอยู่ไงล่ะ ฉันต้องหยิกตัวเองหลายครั้งให้รู้สึกตัวว่านี่ไม่ใช่ฝันไปใช่ไหม นี่มันเกิดขึ้นจริง ๆ ใช่ไหม วันนี้ฉันทำสำเร็จแล้วเจ็ท ฮือ "
คน บ่อน้ำตาตื้นโผเข้ากอดเพื่อนรักอย่างคนที่ดีใจจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ฝ่ายเพื่อนสาวที่ทำหน้าที่ผ้าเช็ดหน้าจำเป็นนั้นก็ลูบไหล่บางอย่างอ่อนโยน ทั้งที่ตัวเองก็อยากจะร้องไห้เต็มแก่ จนสุดท้ายก็กลั้นสายน้ำไม่ให้ไหลออกจากดวงตาไว้ไม่ได้ ปล่อยโฮกันกลางร้านกาแฟ จนพนักงานและแขกรอบ ๆ ต้องหันมามองด้วยท่าทางเงอะงะ ระคนทำตัวไม่ถูก
บ่าย วันนั้น สองสาว เจ็ทและนานา พากันช็อปปิ้งปลดปล่อยอารมณ์ ทั้งของไร้สาระ และของที่จำเป็นถ้าต้องไปอยู่ที่โน่นตั้งหลายปี นานาเกลี้ยกล่อมให้เจ็ทมาเรียนเป็นเพื่อนเธอด้วยที่โน่น แต่ก็โดนเจ็ทตอกกลับความบ้าของเธอ เรื่องนี้พ่อแม่เจ็ทต้องสับเละแน่นอน ย้ายที่เรียนไปทั่วแบบนี้ นักเกลี้ยกล่อมมือสมัครเล่นเมื่อเห็นว่าคงเกลี้ยกล่อมไม่สำเร็จ ก็เลยเปลี่ยนแผนมาปลอบใจเพื่อนสาวแทน โดยการบอกว่าจะติดต่อให้บ่อยที่สุด และคงจะได้เจอกันเวลาที่เธอปิดเทอม หรือกลับมาต่อวีซ่านั่นเอง ซึ่งมันอาจทำให้เจ็ทดีใจขึ้นมาหน่อย แต่ก็ยังละความเศร้าออกไปจากใจไม่ได้อยู่ดี
Plymouth เป็นเมืองๆ หนึ่งอยู่ทางอังกฤษตอนใต้ เป็นที่ๆ นานากำลังจะบินไปเรียนที่นั่นค่ะ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถค้นหาเพิ่มเติมได้นะคะ เป็นเมืองที่น่าอยู่เมืองหนึ่งเลยทีเดียว
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ