เสน่หา มายาลวง
5) สเน่หาหรือมายา NC 18+ (ขอนิดนึงค่ะ)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“มายา” เสียงพร่ำเพ้อของปฏิพัตรยังคงดังไม่หยุด ศลินญาเริ่มคิดหนักหากจะมีอะไรเกิดขึ้นต่อจากนี้เธอจะทำยังไงดี แต่ถ้าสิ่งที่จะเกิดขึ้นเธอเต็มใจก็คงไม่แปลกอะไรถ้าจะทำตามสิ่งที่หัวใจเรียกร้อง เธอหลงรักปฏิพัตรมานานหลายปี เรียกได้ว่าแอบเก็บความรู้สึกไว้โดยตลอด แอบอิจฉาเมื่อเห็นเขาคลอเคลียอยู่กับมายาเพื่อนรักตลอดเวลา แล้วนี่เป็นโอกาสดีไม่ใช่หรือที่เธอจะขออิงแอบแนบชิดกับเขาสักครั้ง แค่ครั้งเดียวเท่านั้น เธอคิด
ปฏิพัตรเมาขาดสติคิดว่าเพื่อนสาวตรงหน้าเป็นมายาสุดที่รักที่เขาอยากจะกกกอดไว้ให้ได้นานที่สุด อยากจะครอบครองทั้งหัวใจและร่างกายตลอดไป ไม่อยากสูญเสียให้ใครทั้งนั้น ปฏิพัตรยังจูบศลินญาอย่างเร่าร้อนเหมือนเดิมไม่มีทีท่าว่าจะเลิกง่ายๆ ในเมื่อเธอเป็นได้แค่ภาพมายาของเพื่อนรักก็คงต้องปล่อยให้เขาชื่นชมให้สมใจ เธอจึงนอนนิ่งแล้วเือื้อมือไปโอบกอดรอบคอของอีกฝ่ายไว้หลวมๆ หลังจากที่เขาปล่อยข้อมือออกจากการขึงไว้ก่อนหน้านี้ให้เป็นอิสระ
ศลินญายอมโอนอ่อนผ่อนตามรสจูบที่ร้อนแรงของเขาด้วยความรู้สึกแปลกใหม่ เสียวซ่านอย่างที่ไม่เคยได้รับมาก่อน เพียงแค่นี้ก็ทำให้ร่างกายอ่อนระทวยลงเรื่อยๆ เหมือนวิญญาณจะออกจากร่างให้ได้ ความหวาบหวิวเกิดขึ้นตลอดเวลาเมื่อปลายลิ้นอุ่นกวัดพันลิ้นที่อ่อนประสบการณ์ของเธออยู่นาน มือหนาเลื่อนสำรวจเรือนร่างไปทั่วทุกตารางนิ้วอย่างโหยหา ชายหนุ่มพรมจูบเรื่อยลงมาจนถึงยอดปทุมทั้งสองก่อนจะถอดชุดเดรสของเธอออกอย่างง่ายดาย สัมผัสที่นุ่มนวลทำให้ร่างบางสะท้านเยือก หน้าแดงซ่านด้วยทั้งความอายเพราะนอกจากไม่เคยต้องมือชายใดมาก่อนแล้วยังไม่เคยเปลือยกายให้ใครเห็นเลยแม้สักครั้ง ด้วยอารมณ์ที่ถูกปลุกเร้าจากชายหนุ่มตลอดเวลา ความต้องการบวกกับฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้ชายหนุ่มไม่รอช้าที่จะตักตวงความสุขจากเรือนกายของคนที่อยู่ภายใต้ร่างทันที เขาคอยเคล้นคลึงยอดปทุมงามไว้ในมืออย่างทนุทนอม ปากหนาไล้เลียมาตามหน้าทองแบนราบที่หอมหวานชวนพิศมัยยิ่งนัก มันช่างขาวนวลน่ามองยิ่งกว่าทุกครั้งที่เขาสำรวจร่างกายของมายาทุกครั้งที่มีอะไรกัน หลังจากเวียนวนอยู่ที่หน้าท้องงามอยู่สักพักและสำรวจความพร้อมกับกลีบกุหลาบสีหวานที่อยู่ใจกลางร่างกายของเธอแล้วก็พบว่าน้ำหวานกำลังไหลรินคอยเชิญชวนให้แมลงอย่างเขาเข้าไปเชยชมเพื่อดูดดื่มน้ำหวานได้ดั่งใจ ไม่รอช้าชายหนุ่มจึงรีบถอดเสื้อผ้าทุกชิ้นทั้งของเขาและเธอออกโดยเร็วพลันแล้วขึ้นคร่อมร่างงามไว้อีกครั้งอย่างถือสิทธิ
ปฏิพัตรครางในลำคอเล็กน้อยก่อนจะนำพาความเป็นชายเคลื่อนหาดอกไม้งามอย่างช้าๆ ก็ต้องพบกับความคับแน่นของอีกฝ่าย และเมื่อเขาเดินหน้าไปอีกระยะก็รู้สึกสัมผัสได้ถึงเส้นใยบางๆ ที่เขาไม่เคยพบมาก่อนกับมายา พร้อมทั้งแรงจิกจากเล็บที่โอบกอดหลังของเขาอยู่แสดงถึงความเจ็บปวดไม่น้อยที่เขาทำแบบนี้ ชายหนุ่มหยุดความเคลื่อนไหวแล้วค่อยๆ ปรือตามองหญิงตรงหน้าให้ชัดเจนมากขึ้น ม่านตาทำงานหนักขึ้นสองเท่าเมื่อความเมาและแสงสลัวในห้องทำให้ภาพตรงหน้าไม่ค่อนชัดเจน แต่เมื่อใช้เวลาเพ่งพินิจสักพักภาพของมายาคนรักก็ค่อยๆ เลือนหายไปกลายเป็นหน้าของศลินญาเพื่อนสาวคนสนิททันที แววตาเศร้าหมองของเธอพร้อมหยาดน้ำใสๆ ที่ไหลจากขอบตาทั้งสองบ่งบอกว่าเธอเจ็บปวดและเสียใจไม่น้อยกับสิ่งที่เขากำลังกระทำอยู่ตอนนี้ เมื่อตั้งสติได้เขาตื่นตกใจมากจน ความเมาแทบสร่างทันที แต่ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วเขาจะหยุดได้อย่างไร ความคิดเห็นแก่ตัวกับอารมณ์หิวกระหายเกิดขึ้นมาขัดแย้งกับความรู้สึกผิดชอบชั่วดีทันที
“ตาล โอมขอโทษ” ปฏิพัตรก้มลงกระซิมข้างๆ หูของเพื่อนสาวทันทีอย่างสำนึกผิด เมื่อพูดจบชายหนุ่มก็เริ่มเคลื่อนกายเข้าหาดอกไม้งามไปอย่างช้าๆ อีกครั้งเพราะกลัวอีกฝ่ายจะเจ็บแล้วไม่น่าประทับใจสำหรับครั้งแรกของเธอ เขาขยับไปจนแนบสนิทแล้วค่อยๆ เคลื่อนสะโพกช้าๆ แต่ด้วยความคับแน่นของเพื่อนสาวทำให้ปวดหนึบไปทั้งแก่นกาย สร้างความสุขไปอีกแบบเพราะเธอยังบริสุทธิอยู่เขาจึงต้องนิ่มนวลให้มากขึ้นกับทุกสัมผัส เมื่อทุกอย่างเข้าที่แล้วก็เริ่มกดสะโพกไปช้าๆ และเริ่มถี่รัวขึ้นเรื่อยๆ จนร่างบางสะท้านเยือกเหมือนกำลังวิ่งมาราธอนก็ไม่ปาน ความเจ็บบวกกับความเสียวซ่านผสมปนเปจนแยกไม่ออก เสียงร้องครางอย่างไม่ตั้งใจหลุดออกจากปากงามเบาๆ เป็นระยะจนในที่สุดร่างบางก็กระตุกเกร็ง สติเหมือนหลุดลอยออกจากร่างไปในทุ่งกว้างแสนเวิ้งว้างสุดลูกตาอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อน ปฏิพัตรที่ทับตัวอยู่ก็ผละลงจากร่างบางมานอนอยู่ข้างๆ ทันทีเมื่อถึงจุดหมายปลายทางเป็นที่เรียบร้อย ด้วยเหงื่อที่โซมกาย
“โอมขอโทษนะ” เขาจุมพิตเบาๆ ที่แก้มนวลอีกครั้งอย่างแผ่วเบา แต่ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมานอกจากเสียงสะอื้นเบาๆ จนความเงียบครอบงำลงในที่สุด เขาโอบกอดร่างบางไว้แนบอกเพื่อปลอบประโลมความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เขาเป็นคนพรากพรหมจรรย์ของเพื่อนสาวไป ปฏิพัตรโอบกอดร่างงามให้กระชับมากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นการตอกย้ำว่าตอนนี้สติของเขากลับมาครบถ้วนดีแล้ว และสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนข้างๆ มันไม่ใช่ความฝัน เขาจะต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาให้สัญญากับอีกฝ่ายด้วยการโอบกอดที่แสนอบอุ่นนั่นอย่างมั่นคงและนิ่มนวล
แสงแดดยามเช้าสาดส่องมากระทบกระจกใสข้างห้องนอน อากาศภายนอกสดใสดี เสียงนกร้องก่อนออกหากินเป็นเวลาที่บ่งบอกว่ายังเช้าอยู่มากนัก ศลินญากระพริบตาเพื่อปรับแสงม่านตาให้ชินกับแสงที่ส่องเข้ามา หยาดน้ำตาใสๆ ยังคงรินแต่ไม่มีเสียงสะอื้นหลุดออกมาแม้แต่น้อย เมื่อให้นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เธอพยายามขยับกายที่เจ็บปวดลุกขึ้นอย่างช้าๆ เพื่อไม่ให้คนข้างๆ ที่กำลังหลับสนิทรู้สึกตัว ร่องรอยเลือดสีจางๆ และความเจ็บปวดกลางกายสาวบ่งบอกว่ามันคือความจริงไม่ใช่ความฝัน เมื่อลงจากเตียงได้แล้วศลินญาก็รีบคว้าเสื้อผ้าตรงไปห้องน้ำที่อยู่ห้องถัดไปทันที เมื่อสายน้ำรดหลั่งจากฝักบัวสร้างความสดชื่นให้ร่างกายได้ไม่น้อย แต่สำหรับความบอบช้ำทางจิตใจยากเกินที่จะหาสิ่งใดมาเยียวยา ศลินญารีบอาบน้ำและสวมใส่เสื้อผ้าทันที เมื่อออกมาจากห้องน้ำแล้วก็มุ่งออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ ทันทีโดยไม่คิดจะกล่าวลาคนที่หลับสนิทอยู่บนเตียงนอนตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย เธอไม่ต้องการให้เขารับผิดชอบใดๆ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเธอใจง่ายเอง ศลินญาคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นไปตลอดทาง ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บปวด น้ำตาเริ่มรินไหลอาบสองแก้มนวลอีกครั้ง ไม่อายแม้แต่น้อยกับสายตาของโชเฟอร์แท็กซี่ที่มองกระจกหลัง แต่ก็ไม่มีคำพูดใดๆ สอบถามออกมาเขายังคงทำหน้าที่สารถีไปส่งเธอตามจุดหมายปลายทางตามที่ว่าจ้างไป ป่านนี้บุษบาจะเป็นห่วงเธอมากแค่ไหนกันที่เธอหายไปทั้งคืนแบบนี้ โทรศัพท์แบตก็หมดไม่สามารถติดต่อได้ ทำไมเธอต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วยศลินญา
ปฏิพัตรขยับกายเพื่อจะกอดร่างนุ่มนิ่มที่อยู่ข้างกาย แต่ก็พบแค่ความว่างเปล่า เขาลืมตาขึ้นก็พบว่าศลินญาหายไปแล้ว คงเหลือไว้แต่ร่องรอยเลือดสีจางๆ เปื้อนอยู่กลางที่นอนเพื่อบ่งบอกว่าเรื่องเมื่อคืนเขาทำอะไรลงไป มันคือความจริง เขาเมาถึงขนาดไม่ควบคุมสติของตัวเองเลยจนต้องหักหาญน้ำใจเพื่อนสาวคนสนิทได้ เขาทำได้อย่างไรกัน ทำไมเขาเลวจริงๆ คิดพร้อมขบกรามแน่นทันที หลังจากนิ่งไปอยู่นาน ชายหนุ่มจึงตัดสินใจลุกไปอาบน้ำทันทีเพื่อเตรียมจะเข้าไปหาศลินญาที่บ้านเช่า เขาต้องเคลียร์เรื่องนี้ เขาต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น
รถยนต์คันหรูขับมาจอดหน้าบ้านเช่าไม้สองชั้นขนาดเล็ก แวดล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ดูเป็นส่วนตัว ปฏิพัตรกดออดหน้าบ้านสองสามทีบุษบาก็วิ่งมาเปิดประตูด้วยใบหน้าดีใจกึ่งแปลกใจที่วันนี้เพื่อนชายมาหาถึงบ้านเลย ทั้งที่ร้อยวันพันปีไม่เคยนึกจะมาเยี่ยมเยียน
“ลมอะไรหอบมาถึงนี่จ๊ะโอม” บุษบาทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้มหลังเปิดประตูให้ชายหนุ่มเข้ามาแล้ว
“เอ่อ...” ปฏิพัตรอึดอัดเล็กน้อยที่จะถามหาเพื่อนสาวอีกคน จนบุษบารู้ว่าเขาจะถามอะไรทันทีเมื่อสังเกตท่าทางของอีกฝ่ายที่ดูร้อนรนพิลึก
“ตาลกลับมาแล้ว เห็นบอกว่าเมื่อวานไปนอนค้างกับมายามา มีไรกันหรือเปล่า” บุษบาตอบตามที่เพื่อนสาวบอกไว้หลังจากที่กลับมาถึงบ้านเมื่อเช้า
“อืม..คือจะมาหาตาลน่ะ มีเรื่องจะคุยด้วย พอดีตาลแยกตัวไปกับมายาก่อนเลยไม่ได้คุยกันเรื่องทัวน์ที่จะมาลงอาทิตย์หน้า” ปฏิพัตรตอบถูๆ ไถๆ ไป กลัวเพื่อนสาวจะจับผิดได้ว่าเกิดอะไรขึ้น นี่ถ้าบุษบารู้ว่าเขาทำอะไรกับเพื่อนคนสนิทของหล่อนคงโดนฆ่าตายแน่ๆ เพราะบุษบารักเพื่อนคนนี้มากมายเหลือเกิน
“งั้นเดี๋ยวไปตามให้นะ โอมนั่งรออยู่นี่ก่อนล่ะกัน”
“ขอบใจนะ” บุษบาหายขึ้นไปข้างบนสักพักก็ลงมาพร้อมกับร่างบางของใครอีกคนที่เขาอยากเจอ หัวใจเริ่มเต้นแรงเมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ทำไมหล่อนทำท่าทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยล่ะ เขาคิด
“หวัดดีโอม มีธุระไรหรอ” ศลินญาเอ่ยทักโดยเลี่ยงที่จะสบตากับชายหนุ่มไปตรงๆ กลัวว่าใจจะสั่นไหวแล้วอดร้องไห้ออกมาไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้น
“คือ...” ปฏิพัตรหันไปหาบุษบาอย่างจงใจว่าขออยู่กันสองคนได้หรือไม่ แต่ก็กลัวจะเสียมารยาทเลยไมได้เอ่ยออกไปตรงๆ
“งั้นเดี๋ยวเราไปหาอะไรมาให้ทานก่อนนะ” บุษบาพูดขึ้นอย่างรู้ความหมาย สองคนนี้ต้องมีอะไรแน่นอนถึงอยากจะคุยกันสองต่อสองแบบนี้ รอให้เขากลับไปก่อนก็ได้แล้วค่อยไล่บี้เอากับเพื่อนสาวล่ะกัน บุษบายิ้มอย่างมีเลศนัยทันทีเมื่อเดินออกจากห้องรับแขกไป ปฏิพัตรสบตาเพื่อนสาวอย่างมีสำนึกในความผิดที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นตรงไหนดี เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเขาเมาไม่ได้สติจนนึกว่าศลินญาเป็นมายา มันไม่น่าเกิดขึ้นเลย
“ตาล เรื่องที่เกิดขึ้น...”
“ไม่เป็นไร ตาลลืมไปหมดแล้ว” ศลินญาตัดบททันทีเพราะไม่อยากพูดถึงเรื่องเจ็บปวดแบบนี้อีกแล้ว เธอไม่ได้ต้องการให้เขามารับผิดชอบ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเธอก็ใจง่ายเหมือนกัน เขาไม่ได้ผิดสักหน่อยจะมาพูดถึงมันอีกทำไม
“แต่โอมอยากรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ นะ” เขายังไม่ยอมลดละความพยายาม เขาเป็นผู้ชายพอ ทำผิดก็ต้องยอมรับผิดสิ
“ว่าแต่โอมมีธุระเรื่องทัวน์ไม่ใช่หรอ” อยู่ๆ ก็เปลี่ยนเรื่องทันทีแบบไม่ทันตั้งตัว “เป็นแค่ข้ออ้างเท่านั้นล่ะตาล โอมคิดทบทวนมาดีแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นโอมจะรับผิดชอบ โอมจะขอดูแลตาลตลอดไปได้มั้ย” ปฏิพัตรกุมมือของอีกฝ่ายไว้แน่นเพื่อเป็นการบ่งบอกความตั้งใจที่เขาจะทำ
“เรื่องที่เกิดขึ้นเพราะโอมไม่ได้ตั้งใจ แล้วอีกอย่างตาลก็ใจง่ายเองที่ไม่ขัดขืน” ศลินญาตอบด้วยแววตาเศร้าหมองลง เขาต้องการรับผิดชอบทำไม และเรื่องทุกอย่างก็ไม่ได้เกิดจากความรักของเขาด้วย “แต่...”
“ถ้าโอมมีธุระแค่นี้ ตาลขอตัวนะ” ศลินญาตัดบทแล้วเดินหนีทันที ประจวบกับบุษบากลับเข้ามาด้วยข้าวของพะรุงพะรังเหมือนรู้จังหวะว่าเพื่อนต้องการจะหนีจากแขกที่ไม่ได้รับเชิญคนนี้
“อ้าว! ตาลรีบไปไหน ทานข้าวกันก่อนสิ”
“ตาลปวดหัว ขอตัวละกันนะ” ศลินญายิ้มเนือยๆ ให้เพื่อนแล้วเดินเลี่ยงขึ้นห้องทันที บุษบามองตามด้วยแววตาสงสัยแต่ก็ไม่อยากซักไซร้อะไรเพื่อนทั้งสองมากนัก
“โอม อยู่ทานข้าวก่อนนะ”
“ไม่ล่ะ ไว้มื้อเย็นแล้วกันนะ พอดีโอมมีประชุมด่วนน่ะ” ปฏิพัตรตอบรับ แต่ในใจมีแผนที่จะจัดการคนดื้อรั้นไว้เรียบร้อย ไว้คืนนี้ก่อนเขาจะทำให้เจ้าตัวยอมแต่โดยดี ชายหนุ่มยิ้มกับตัวเองแล้วเดินออกไปด้วยแผนการณ์ที่เตรียมไว้อย่างแยบยล ความรู้สึกตอนนี้บอกไม่ถูกว่าชายหนุ่มรู้สึกอย่างไร บางครั้งก็รู้สึกหวั่นไหวเมื่ออยู่ใกล้ศลินญา แต่เมื่อนึกถึงมายาหญิงอันเป็นที่รักแล้วก็ให้รู้สึกว่าไม่สามารถมีใครมาทดแทนได้ ต่อจากนี้ไปเขาจะทำยังไงกับหัวใจดี จะจมปรักกับรักที่ไม่มีวันหวนคืน หรือจะเริ่มต้นใหม่กับเพื่อนสาวคนสนิทดี ยิ่งคิดก็ยิ่งสับสนเหลือเกิน
***โอมจะเลือกใครดีหนอ ช่วยกันลุ้น ช่วยกันเชียร์คู่นี้หน่อยนะคะ ว่าจะให้เป็นยังไงต่อไป ตอนหน้าจะเริ่มเปิดตัวคู่ปรับของมะนาวแล้ว อย่าลืมติดตามกันต่อนะคะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ