เสน่หา มายาลวง
4) โลกมันกลม 2
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบรรยากาศยามเย็นบริเวณคุ้มขันโตกที่จัดให้แขกนั่งพื้นตามสไตน์ล้านนาเป็นที่คึกคักกับแขกที่เลือกมาทานอาหารที่นี่ ไม่แค่อาหารเหนือที่อร่อยถูกปากแล้ว แต่ยังมีการแสดงดนตรีพื้นเมืองของวงดนตรีชื่อดังที่เจ้าของคุ้มขันโตกได้จ้างมาด้วยราคาที่แพงหากแต่ก็แลกกับฝีมือการเล่นดนตรีที่ไพเราะเพราะพริ้งก็สมกับราคากันอย่างลงตัว ร้านนี้อยู่ไม่ไกลจากตีนดอยสุเทพมากนักจึงทำให้บรรยากาศโดยรอบค่อนข้างจะเย็นสบายเพราะมีต้นไม้ขึ้นหนาแน่นตลอดแนวถนนรอบๆ ร้าน เหมาะกับการมาทานอาหารกับครอบครัวหรือคนพิเศษ และแน่นอนด้วยบรรยากาศแบบนี้นี่เองที่ทำให้ศลินญาหน้าแดงขึ้นมาเมื่อกำลังคิดเพ้อฝันว่าได้มาดินเนอร์กับเพื่อนชายในฝันทั้งๆ ที่แค่มานัดทานข้าวตามประสาเพื่อนที่ไม่เจอกันนานเสียมากกว่า จนคนตรงข้ามต้องทักขึ้นมาด้วยความแปลกใจ
“ตาลเป็นไรครับ นั่งหน้าแดงเชียว” ปฏิพัตรถามขึ้นเมื่ออยู่ๆ เพื่อนสาวก็นั่งหน้าแดงขึ้นมาเสียเฉยๆ
“เอ่อ... อากาศคงร้อนมั้งคะ” ศลินญาตอบกลบเกลื่อนด้วยความเขินอาย ทั้งๆ ที่ความจริงอากาศกำลังเย็นสบายเสียด้วยซ้ำ
“อืมครับ แล้วตาลเป็นไกด์อยู่ที่นี่นานหรือยังครับ” เขาถามต่อระหว่างรออาหารจากบริกรที่พึ่งจะรับออเดอร์ไป
“ก็ตั้งแต่เรียนจบค่ะ คุณอาขอให้ตาลกับมะนาวไปช่วยน่ะคะ”
“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมลูกทัวร์บริษัทนี้ถึงเยอะตลอด เพราะมีไกด์สวยๆ อย่างตาลคอยดูแลอยู่นี่เอง” ปฏิพัตรชมเพื่อนสาวจากใจ และให้รู้สึกใจหวิวอย่างประหลาดทันทีเมื่อสบตากับเพื่อนสาวตรงหน้า
“ชมแบบนี้ก็เขินแย่สิโอม ตาลคนเดิมน่ะแหละ” ศลินญาหน้าแดงมากกว่าเดิมเมื่อโดนเขาชมต่อหน้าแบบนี้ แต่ยังไม่ทันได้คุยอะไรไปมากกว่านี้ก็มีเสียงอันคุ้นเคยร้องทักศลินญามาแต่ไกล
“ยัยตาล” มายานั่นเอง หล่อนเดินควงกับหนุ่มลูกครึ่งที่เป็นทั้งผู้จัดการส่วนตัวและเป็นผู้จัดการหัวใจคนล่าสุดอยู่ตอนนี้เข้ามาหาคนทั้งคู่ที่โต๊ะอย่างดีใจ
“อ้าว! มายา มาได้ไงเนี่ย”
“ฉันมาแจกการ์ดแต่งงานให้คุณพิชัยเจ้าของร้านจ๊ะ อื้ม! เจอตัวก็ดีเลย ฉันฝากเชิญตาลกับมะนาวด้วยเลยนะ ช่วงนี้งานละครเยอะเลยไม่ค่อยมีเวลาไปหาพวกแกสองคน โทษทีนะ” มายาตอบรับเพื่อนสาวไป
“นี่จ๊ะ ทอมว่าที่เจ้าบ่าวของฉันเอง” มายาแนะนำชายหนุ่มลูกครึ่งมาดเท่ห์ข้างกายให้เพื่อนสาวรู้จัก
“ทอมคะ นี่ตาลเพื่อนสนิทของมายาค่ะ และนี่... “ หล่อนชะงักไปเล็กน้อยเมื่อสบตากับคนรักเก่า
“เอ่อ นี่โอมเพื่อนของมายาเหมือนกันค่ะ” หล่อนหันไปยิ้มหวานให้แฟนหนุ่มทันทีเพราะไม่อยากสบตากับคนตรงหน้านาน กลัวความรู้สึกบางอย่างจะแล่นเข้ามาในอกเสียเหลือเกิน
“สวัสดีครับทุกคน ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” ทอมตอบรับด้วยรอยยิ้มอย่างมีไมตรีให้คนทั้งสอง
“เช่นกันค่ะ/ครับ” ทั้งคู่ตอบรับพร้อมกัน
“หวัดดีจะโอม สบายดีใช่มั้ย” มายาทักทายปกติโดยพยายามไม่สบตากับอดีตคนรักเก่า เพราะความรู้สึกบางอย่างทำให้เกิดสงสารเขาขึ้นมาเมื่อนึกย้อนถึงตอนที่บอกเลิกเขาไป
“ครับ สบายดี” ปฏิพัตรตอบรับสั้นๆ พร้อมแววตาเจ็บปวดที่เห็นคนรักเก่าเดินโอบกอดกับแฟนใหม่มาเชิญให้ไปร่วมงานแต่งงานกันถึงที่ นี่มันจะเย้ยกันมากไปหรือเปล่า ทำไมโลกมันกลมจนต้องทำให้เขาเจอภาพความเจ็บปวดซ้ำแบบนี้ด้วย เขาคิด
“ตาล แกอย่าบอกนะว่ากำลัง...” มายาชี้นิ้วไปที่ปฏิพัตรด้วยแววตาคำถามอย่างงงๆ เพราะตลอดเวลาไม่เคยรู้เลยว่าเพื่อนสาวจะสนใจใครเลยนอกจากเรื่องเรียนและเรื่องทำงาน และปฏิพัตรก็พึ่งจะเลิกกับเธอได้ไม่นานทำไมถึงได้มาคบหากับเร็วแบบนี้
“ครับ เราคบกันอยู่” ปฏิพัตรตอบรับทันทีเมื่อคำถามยังไม่ทันจบลง พร้อมกับสังเกตสีหน้าและแววตาของคนถามดูว่าจะยังพอมีเหลือเยื่อใยต่อกันบ้างมั้ย แต่เปล่าเลย มีแต่สายตาที่ว่างเปล่าเท่านั้นที่ส่งกลับมา สิ่งที่คนทั้งสองแสดงออกมานั้นศลินญารับรู้ได้ตลอดว่าปฏิพัตรไม่เคยลืมเพื่อนของเธอเลยแม้แต่น้อย แล้วคนอย่างอย่างเธอจะมีโอกาสได้เยียวยารักษาแผลใจให้กับคนที่เธอรักมาตลอดบ้างไหม ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บปวด
“โอมยินดีด้วยนะที่มายากำลังจะแต่งงาน ขอให้มีความสุขมากๆ นะครับ สัญญาว่าโอมกับตาลจะไปเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวให้แน่นอน” ปฏิพัตรพูดขึ้นพร้อมเอื้อมไปกุมมือของศลินญาเอาไว้เพื่อยืนยันว่าเขากำลังคบกับเพื่อนสาวคนนี้อยู่จริงๆ โดยที่ศลินญาก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะรู้ว่าความรู้สึกของผู้ชายตรงหน้าเป็นยังไง คงไม่ต่างอะไรไปจากเธอเหมือนกัน
“ดีใจด้วยนะ หวังว่าโอมคงดูแลเพื่อนมายาได้อย่างดีล่ะ” มายาตอบรับอย่างจริงใจ แต่ก็ให้รู้สึกใจหายพิกล
“ฉันไปก่อนนะตาลเดี๋ยวต้องไปที่อื่นต่ออีกหลายที่ แล้วเจอกันวันหลังนะ บ๊าย บายจ๊ะ” มายาลาทั้งสองคนแล้วเดินจูงมือทอมออกไปจากโต๊ะทันทีโดยมีสายตาของใครบางคนมองตามหลังอย่างเจ็บปวด เหมือนคนหัวใจกำลังแหลกสลาย โลกทั้งโลกกำลังจะพังทลายลงตรงหน้าไม่มีผิด
“ทำไมโอมต้องพูดไปแบบนั้นล่ะ” ศลินญาถามขึ้นพร้อมชักมือออกจากการเกาะกุมของเพื่อนชายหลังจากคล้อยหลังเพื่อนสาวไปแล้ว
“โอมขอโทษนะ ตาลโกรธหรือเปล่า” เขาถามกลับเพราะกลัวหญิงสาวจะโกรธเอาที่ถือวิสาสะจับมือไปเมื่อกี้
“ไม่ค่ะ แต่....” เสียงเงียบไปในลำคอ ศลินญาหลุบตาต่ำลงมองมือตัวเองที่ผสานกันอยู่บนตัก
“ช่างเถอะค่ะ มันผ่านไปแล้ว” หล่อนตัดบททันทีเมื่อบริกรยกอาหารที่สั่งไว้ก่อนหน้านี้มาเสริฟ
“น้องครับ พี่ขอบรั่นดีสักขวดเพิ่มนะครับ” คืนนี้ขอดึ่มฉลองให้กับความเจ็บปวดสักวัน หวังว่าคนตรงหน้าจะไม่ว่าอะไร เขาเงยหน้าขึ้นสบตาศลินญาเป็นเชิงขออนุญาต และเธอก็พยักหน้าน้อยๆ เป็นเชิงตอบรับ
หลังจากได้สิ่งที่ชายหนุ่มต้องการแล้วก็ไม่มีเสียงสนทนาจากคนทั้งสองอีกเลยอยู่นาน บรั่นดีแก้วแล้วแก้วเล่าถูกส่งลงลำคอของชายหนุ่มไปไม่หยุดพัก แม้แต่อาหารที่สั่งไว้ก่อนหน้านี้เขาก็แทบจะไม่ได้แตะต้องมัน จนในที่สุดผลของการไม่เคยดื่มของมึนเมาก็ทำให้ชายหนุ่มล้มฟุบคาโต๊ะทันทีเมื่อบรั่นดีหมดไปครึ่งขวด เป็นเหตุให้ศลินญาต้องขอให้เด็กในร้านมาช่วยพยุงไปส่งที่รถ โชคดีที่เขาจอดรถไว้ไม่ไกลจากทางเข้าร้านมากนักไม่งั้นคงต้องเหนื่อยแย่เพราะชายหนุ่มตัวสูงใหญ่เหลือเกิน
ศลินญาขับรถของปฏิพัตรไปส่งเขาที่คอนโด และก็โชคดีอีกนั่นแหละที่เธอรู้จักเพราะเขาบอกเธอตอนที่คุยกันในรถขาไปว่าคอนโดของเขาอยู่ใกล้กับร้านอาหารที่ไปทานด้วย จึงใช้เวลาไม่นานมากที่จะมาส่งเขา หลังจากที่ถามไถ่เลขห้องพักจากประชาสัมพันธ์หน้าคอนโดเรียบร้อย เธอก็พยุงร่างหนักอึ้งของชายหนุ่มขึ้นลิฟมายังชั้นที่สิบห้าทันที และตรงไปยังห้องที่อยู่ถัดจากลิฟไม่ไกลมากนัก เมื่อพามาส่งที่เตียงกว้างและจัดการวางท่าที่คิดว่าเขาจะนอนสบายมากที่สุดเรียบร้อยหล่อนก็ลุกจะกลับทันที เพราะนี่ก็เริ่มจะดึกแล้ว กลัวว่าบุษบาเพื่อนรักจะเป็นห่วง แต่ยังไม่ทันได้เดินพ้นเตียงเลยก็มีมือหนามาฉุดข้อมือของศลินญาไว้ ทำให้ล้มลงไปนอนอยู่ข้างๆ ชายหนุ่มทันที ด้วยความตกใจเธอรีบแกะมือเขาออกเป็นพัลวัน แต่ก็ช้าไปเสียแล้วเมื่อเขาลุกขึ้นมาทับร่างบางไว้เพื่อไม่ให้หนีไปไหน พร้อมกับกดมือทั้งสองข้างของเธอไว้เหนือหัวบนเตียงนุ่มทันที
“อย่าทิ้งโอมไปนะมายา” ปากที่พร่ำเพ้อเรียกหามายาเพื่อนสนิทของเธอทำให้แววตาของเธอเศร้าหมองลงทันที แต่เขาไม่พูดเปล่าเขาก็โน้มหน้ามาจุมพิตกับเรียวปากบางของเธอทันที เขาจูบเบาสลับหนักหน่วงเป็นช่วงๆ ลงไปโดยคิดว่ามายาสาวคนรักอยูตรงหน้าแล้ว เขาต้องการเธอมากเหลือเกิน อยากจะเป็นเจ้าของเรือนกายที่น่าทนุทนอมที่เคยกกกอดอีกสักครั้ง แต่สิ่งที่เขากำลังกระทำอยู่กลับไม่ใช่คนที่คิดเลยแม้แต่น้อย
“อ่อยอ้ะ” ศลินญาดิ้นขลุกขลักอยู่ใต้ร่างหนาของเพื่อนชายอย่างลำบาก รู้สึกอึดอัดและแปลกๆ กับรสจูบที่เขามอบให้ เธอส่งเสียงอู้อี้ไม่เป็นภาษา นัยตาตาเบิกโพลงกับสิ่งที่เขาทำ เธอไม่เคยต้องมือชายใดเลย และนี่เป็นจูบแรกของเธอด้วย ยิ่งคิดก็ยิ่งหน้าแดงขึ้นเรื่อยๆ หล่อนออกแรงทั้งหมดที่มีพยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดของเขา แต่ยิ่งดิ้นเขาก็ยิ่งจูบเธอหนักหน่วงขึ้นอีกเรื่องๆ ยิ่งเป็นการเร่งเพลิงที่กำลังลุกไหม้ในกายของชายหนุ่มให้โหมกระพือทันทีโดยไม่รู้ตัว
“อย่าทิ้งโอมไปมายา โอมรักมายานะ” เสียงโหยหาคนรักเก่าดังไม่ขาดสาย ทำให้นัยน์ตาของศลินญาเริ่มร้อนผ่าวด้วยน้ำตาที่เอ่อออกมา หลายปีมาแล้วเขายังคงรักมั่นเพื่อนคนนี้ของเธอมาตลอด ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บปวดเหลือเกิน
*** ตายแล้วโลกกลมไม่พอ ยังเป็นรักสามเศร้าที่ไม่ลงตัวเอาเสียเลย ตาโอมก็เมาไม่ได้สติแล้วนี่อีก ลูกตาลผู้น่าสงสารจะรอดมั้ยเนี่ย ติดตามตอนต่อไปนะเพื่อนๆ ฝากเป็นกำลังใจให้ด้วยนะจร๊ะทุกคน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ