The Match Maker เจ้าเเม่สื่อรัก

0.7

เขียนโดย Nera

วันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2555 เวลา 19.08 น.

  2 ตอน
  1 วิจารณ์
  5,430 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) อดีตชายในฝัน ปัจจุบันนายจอมยุ่ง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

1

อดีตชายในฝัน ปัจจุบันนายจอมยุ่ง

~ตืดๆ ตืดๆๆๆ~

“ฮัลโหล ว่าไงจ้ะ” ฉันรับโทรศัพท์เสียงระรื่น ก็หวานใจโทรหานี่ อิอิ

[คิดถึงจัง เที่ยงนี้กินข้าวด้วยกันนะ เดี๋ยวฉันไปรับที่บริษัท]

“คงไม่ได้หรอกเจแปน พอดีฉันติดลูกค้าน่ะ ไว้วันหลังแล้วกันนะ” ฉันใช้น้ำเสียงออดอ้อนไว้ก่อน

[ได้ไง เมื่อวานเธอก็บอกติดลูกค้า วันนี้ก็อีกเหรอ?]เจแปนถามเสียงห้วน จ้ะ ฉันตอบในใจ

“อื้อ โทษทีนะ พอดีลูกค้าไม่ค่อยมีเวลาว่างน่ะ เลยนัดกันตอนที่เค้าสะดวก”ฉันอธิบาย

[ไม่รู้ล่ะ ถ้าเธอไม่ไปกินข้าวกับฉันวันนี้ มีเรื่องแน่] เสียงปลายสายยังคงดังมาด้วยความไม่พอใจ

“แต่นายเข้าใจฉันบ้างสิ ฉันก็ต้องทำงานของฉันนะ เอาไว้ว่างเราค่อยกินข้าวด้วยกันก็ได้นี่” ฉันพยายามอธิบายอีก

[เธอไม่ต้องมาพูดเลยนะ รอเธอว่างชาติหน้าคงได้กินข้าวด้วยกันหรอก ไม่ต้องหาอะไรมาอธิบายทั้งนั้นน่ะ ฉันบอกว่าเที่ยงนี้ก็ต้องเที่ยงนี้ ไม่งั้น เธอเจอดีแน่] [ติ๊ด!!!]

“เดี๋ยวสิเจแปน! เดี๋ยวก่อน ยังคุยกันไม่รู้เรื่องเลย” ฉันตะโกนใส่มือถือทั้งๆที่รู้ว่าปลายสายตัดไปแล้ว น่าเจ็บใจจริงๆเจแปนนะเจแปน ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมกลายเป็นแบบนี้ไปได้ คบกันตอนแรกๆเค้ายังดูเข้าใจอะไรง่ายๆ ไม่เรียกร้องอะไรมากมายและเข้าใจงานของฉันว่าฉันต้องให้เวลากับมันมากแค่ไหน ซึ่งบางครั้งก็อาจจะไม่มีเวลาให้เค้ามากนัก แต่เดี๋ยวนี้สิ เขาเรียกร้องจากฉันหนักข้อขึ้นทุกวัน เมื่อก่อนตอนว่างค่อยนัดเจอกัน พอตอนนี้ว่างไม่ว่างถ้าเค้าอยากเจอฉันก็จะโทรมาหาพูดจาวางอำนาจบังคับแบบนี้อยู่บ่อยๆ ถ้าไปช้าก็โดนทำโทษอ่ะนะ (เช่นหอมแก้มอะไรเทือกนี้ อย่าคิดมากๆ) แต่มันก็นั่นแหละ จากผู้ชายในฝันที่แสนดีของฉันตอนนี้กลายเป็นคนเอาแต่ใจอยากได้อะไรต้องได้และยุ่งกับฉันแทบทุกเรื่องเลย เฮ้อ มัวแต่จับคู่ให้คนอื่น คู่ตัวเองจะแย่เข้าสักวัน คิดแล้วก็น่าหวั่นใจจริงๆ

11.30 นาที ฉันโทรนัดคุณอังเดร เกรสัน ออกมาเจอก่อนกำหนด เกรงใจเขาเหมือนกันแต่มันก็ช่วยไม่ได้นี่นะ ฉันนั่งรอคุณเกรสัน ที่ร้านอาหารอิตาเลี่ยน

ไม่นานคุณเกรสันก็เดินเข้ามานั่งลงตรงข้ามกับฉันด้วยชุดสูทสีเทา เขาเป็นนักธุรกิจ ฐานะดีดูภูมิฐาน หน้าตาหล่อเหลา สูงเกือบราว 185- 190 เลยทีเดียว แต่ที่ไม่มีแฟนน่าจะเป็นความที่บ้างานเกินไป และไม่เชื่อใจคนอื่นนัก ประมาณว่ากลัวคนที่เข้ามาหวังแต่อยากได้สิ่งที่เขามีอยู่เท่านั้น ซึ่งฉันก็งงเหมือนกัน ว่าถ้ากลัวขนาดนั้นจะไว้ใจคนที่ฉันแนะนำให้ได้เหรอ? แต่ก็อย่างว่าหลายวันมานี้ฉันต้องออกมาทานข้าวกับเขาเพื่อที่จะคุยกันเรื่องหาคู่ให้เขานี่แหละ แต่เขาว่างเฉพาะตอนเที่ยงๆเวลาทานข้าวเท่านั้น นอกนั้นก็ทำแต่งานกับงาน ซึ่งมาคิดๆดูแล้วถ้าฉันเป็นแฟนเขาฉันคงรับไม่ได้เหมือนกัน

“สวัสดีครับคุณเค้ก มานานแล้วเหรอครับ?” คุณเกรสันนั่งลงพลางยิ้มให้

“สวัสดีค่ะ ฉันเพิ่งมา ขอโทษจริงๆน่ะค่ะที่ต้องรบกวนคุณก่อนเวลานัด พอดีฉันมีธุระด่วนจริงๆ”

“ช่างเถอะครับ เดี๋ยวผมค่อยกลับไปเร่งทีหลังก็ได้ ยังไงก็ต้องมาทานข้าวพร้อมคุณก่อน”คุณเกรพูดพลางอมยิ้ม เอ่อ ฉันว่าเขาพูดแปลกๆอยู่นะ

“คือผมหมายถึงต้องคุยธุระของผมน่ะครับ ผ่านมาหลายวันแล้วก็ยังไม่ถึงไหนเลย”ก็แน่ล่ะ วันล่ะไม่ถึงชั่วโมง แล้วตอนทานข้าวเนี่ยคุณก็บอกว่าไม่ชอบพูดก็เลยไม่พูด ทานข้าวเสร็จก็ปาเข้าไปเที่ยงกว่า เหลือแค่สามสิบนาที คุยกันไม่เท่าไหร่คุณก็บอกว่าต้องรีบกลับไปทำงานต่อ แล้วบอกให้ค่อยคุยกันวันหลัง แบบนี้ฉันก็แย่สิ ต้องมานั่งกินข้าวเป็นเพื่อนคุณทุกวันๆงานก็ไม่คืบหน้าอะไรเลย

“อ๋อค่ะ” ฉันยิ้มแห้งๆให้เขา

“คุณเค้กสั่งอะไรมาทานรึยังครับ”

“ยังค่ะ”

“งั้นผมเดินไปสั่งให้แล้วกัน คุณเค้กทานอะไรดีครับ”คุณเกรลุกขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“ฉันเอาเป็นพิซซ่าทะเลก็ได้ค่ะ”ฉันเลือกสั่งเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยแทนที่จะเป็นอาหารจานหลัก เพราะต้องไปทานกับเจแปนต่ออ่ะนะ

“ได้ครับ งั้นรอสักครู่นะครับ”

“ค่ะ” ฉันนั่งกอดอกทบทวนความคิดตัวเองนิดหน่อย เวลา 30 นาทีที่ต้องนั่งทานข้าวและคุยเรื่องงานกับคุณเกรจะพอไหมนะ ถึงแม้ว่าเขาจะบอกเอาไว้ว่าไม่ชอบคุยอะไรตอนทานข้าว แต่เห็นทีฉันต้องทำเป็นลืมไปบ้างแล้วล่ะ (ที่ผ่านมาจำเป็นเพราะต้องการเอาใจลูกค้าแฮะๆ)

“มาแล้วครับ อาหารจานอร่อย”คุณเกรเดินกับมาพร้อมกับจานอาหารใบใหญ่สองจาน จานหนึ่งวางลงตรงหน้าฉัน และอีกจานตรงหน้าเขา ของฉันที่รู้ๆเป็นพิซซ่าทะเลหน้าตาหน้าทานเชียว ส่วนของคุณเกรเป็นสเต็กเนื้อวัวไม่ก็เนื้อแกะแหละ ฉันว่า

“ทานกันเลยดีกว่าครับ จะได้รีบคุยธุระ” คุณเกรพูด ฉันพยักหน้าน้อยๆให้เขา แต่ไม่ต้องรีบทานหรอกค่ะ เพราะฉันจะไม่รอจนคุณทานข้าวเสร็จหรอก ฉันจะคุยมันตอนนี้แหละ

“คุณเกรสันค่ะ ฉันขออนุญาตว่าเรื่องงานของเราเลยก็แล้วกันนะค่ะ”

“...”คุณเกรยังเคี้ยวอาหารอยู่

“คือฉันลองวิเคราะห์ดูแล้ว คุณเกรต้องการผู้หญิงที่ เหมาะสมกับคุณและที่สำคัญไม่เห็นแก่เงินใช่ไหมคะ?” “ครับ”คุณเกรตอบอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ สงสัยจะเคืองฉันแล้ว เพราะเขาไม่ชอบทานไปด้วยคุยไปด้วย

“คือ ฉันเกรงว่าเราจะหาผู้หญิงแบบนั้นไม่ได้ค่ะ” ฉันรีบพูด

“หมายความว่าไงครับ หาไม่ได้ มันไม่มีผู้หญิงแบบนั้นใช่ไหมครับ ผู้หญิงที่ไม่เห็นแก่เงินน่ะ” คุณเกรถึงกับวางมีดวางส้อมลงมองหน้าฉันตาขวาง

“ผมนึกอยู่แล้วเชียว ผู้หญิงมันก็แบบนี้ทุกคนนั่นแหละ”

“เดี๋ยวสิค่ะ ฉันไม่ได้หมายความว่าหยั่งงั้น” ฉันลุกขึ้นรีบไปขวางหน้าเขาไว้ เพราะเขาทำท่าจะเดินหนีซะหยั่งงั้น ลืมนึกไปว่าในประวัติเขาตอนอายุ25 เคยโดนผู้หญิงคนหนึ่งหลอกสูญเงินไปเป็นจำนวนมาก เลยไม่คิดจะชอบผู้หญิง มาจนตอนนี้พอจะมีความรู้สึกดีๆกับผู้หญิงขึ้นมาบ้าง คนอายุ29 ที่หน้าที่การงานดี อย่างเขาผู้หญิงที่ไหนได้รู้จักก็ต้องชอบ แต่ที่ฉันหมายถึงว่าไม่มีผู้หญิงที่เขาต้องการฉันหมายถึงว่า......

“แล้วหมายความว่าไง?” เขาหันมาเขย่าตัวฉันจนหัวสั่นหัวคลอน ท่าจะจี้จุดเขาจนอารมณ์คุกรุ่นไปมากเลย ยัยเค้กเอ๊ย “คือฉันหมายถึงไม่มีผู้หญิงคนไหน ที่เหมาะสมกับคุณ หมายถึงรับคุณได้น่ะค่ะ” ฉันพูดไปตามตรง

“หมายความว่าไง รับผมไม่ได้ ผมมีอะไรให้รับไม่ได้ ผมไม่หล่อรึไง?” เขาพูดเสียงดังคล้ายตวาด จนโต๊ะข้างๆหันมามอง “เปล่าค่ะ แต่ก็มีหลายอย่างที่คุณบกพร่องอย่างมากถ้าหากคุณจะมีแฟนคุณจำเป็นต้องเปลี่ยนค่ะ” ฉันพูดพลางดึงคุณเกรกลับมานั่งลงที่เดิม

“อะไรครับ?”เขาขมวดคิ้วถาม เริ่มใช้น้ำเสียงเป็นปกติขึ้น

“คุณทำงานหนักเกินไป อาจไม่มีเวลาให้คนรัก คุณขี้ระแวงเกินไปอาจทำให้เธอคิดได้ว่าคุณไม่ไว้ใจเธอ เมื่อคุณไม่ไว้ใจเธอก็หมายถึงคุณไม่อาจรักเธอได้ และเธอก็จะไม่รักคนที่ไม่ไว้ใจเธอแน่ๆค่ะ” ฉันอธิบาย และหวังว่าเขาจะเข้าใจนะ

“เรื่องเวลาผมเข้าใจแล้วก็น่าจะเปลี่ยนได้ครับ แต่เรื่องความไว้ใจผมไม่แน่ใจ มันต้องใช้เวลาครับ”คุณเกรบอกด้วยสีหน้าเรียบแต่แฝงไปด้วยความหนักใจ

“ค่ะ ฉันเข้าใจ เริ่มจากวันนี้ ฉันขอให้คุณทำตัวให้ว่างที่สุด เวลาว่างก็อยู่กับตัวเองให้มากๆ ลองคิดดูว่าต้องการผู้หญิงแบบไหนจริงๆ หรือถ้าคิดไม่ออกจริงๆว่าจะอยู่กับผู้หญิงแบบไหนแล้วมีความสุข ฉันจะแนะนำให้คุณรู้จักกับผู้หญิงหลายๆแบบ เพื่อคุณจะได้คุณตัดสินใจได้ แต่มันขึ้นอยู่กับว่าคุณจะปรับเปลี่ยนสิ่งที่ฉันบอกได้เมื่อไหร่ และต้องแน่ใจด้วยว่าคุณปรับเปลี่ยนมันแล้วน่ะคะ”

“เข้าใจแล้วครับ ขอบคุณจริงๆสำหรับคำแนะนำ”คุณเกรพูดพลางยื่นมือออกมา

“ด้วยความยินดีค่ะ” ฉันยืนมือไปสัมผัสมืออุ่นๆหนาๆของเขา จู่ๆเขาก็เอามืออีกข้างมากุมมือฉันไว้ เราสบตากันก่อนที่ฉันจะรู้สึกว่าเขามองฉันแปลกๆ ยิ่งวันนี้ยิ่งแปลกมากๆ เหมือนเขาคิดอะไรกับฉันยังไงก็ไม่รู้

“ถ้าฉันมีคนที่น่าจะเหมาะกับคุณฉันจะรีบติดต่อมาทันทีนะค่ะ วันนี้ฉันต้องขอตัวก่อน” ฉันรีบพูดพลางชักมือกลับ แต่มันก็เหมือนกับว่าเขาพยายามรั้งเอาไว้

“เอ่อ คะครับ ขอบคุณมากๆจริงๆ”คุณเกรลุกขึ้นยืน ฉันเผยยิ้มให้เขาก่อนนะขอตัวกลับ

“เดี๋ยวครับ”คุณเกรคว้ามือฉันกระชากให้หันกลับไปเผชิญหน้ากับเขา

“คะ?”

“ผมจะนัดพบคุณบ้างได้ไหมครับ?”

“คะ?”ฉันงงค่ะ นัดพบฉันทำไม? นี่เขาคงไม่ได้คิดอะไรกับฉันใช่ไหมเนี่ย โอย คนสวยจะเป็นลม

“คือ ผมหมายถึง ถ้าผมมีเรื่องแบบคือ ไม่เข้าใจ มีปัญหาหัวใจนะครับ”

“อ๋อ ถ้าเป็นเรื่องนั้นก็ได้เลยค่ะเค้กยินดีให้คำแนะนำเต็มที่” ฉันยิ้มหวานให้เขา แล้วก็ได้เวลาขอตัวกลับซักที กลายเป็นว่าวันนี้ฉันไม่ได้กินเจ้าพิซซ่าหน้าทะเลนั่นเลยค่ะ แอบเสียดายเหมือนกันเพราะร้านนี้อาหารอิตาเลี่ยนอร่อยมาก แต่ก็ช่างมันเถอะค่ะ รอทานพร้อมเจแปนก็ได้ พูดถึงเจแปน ฉันรีบล้วงกระเป๋าถือเอามือถือออกมาเปิดเครื่อง ปิดเครื่องไว้เพราะกลัวรบกวนเวลาคุยกับลูกค้าน่ะ แย่แล้ว!!! ข้อความเตือนว่าเจแปนโทรมาหาฉัน เกือบสิบสาย ตายแน่ฉัน งือๆๆๆไม่อยากจะคิดเลยค่าๆๆๆๆๆๆ

~ตืดๆ ตืดๆๆๆ~ ฉันสะดุ้งโหยง ตกใจจนเกือบทำมือถือหลุดมือ คิดถึงเจแปนไม่ทันไรเค้าก็โทรมา เหมือนรับรู้ได้เลยว่าฉันบ่นถึง

“ฮะ...”

[อยู่ไหน ฉันมารอเธอที่บริษัทนานสองนาน โทรไปก็ไม่รับ ทำแบบนี้หมายความว่าไง? ฮ่ะ!] นั่นไงล่ะ ด่ามาเลย ไม่ต้องเอามือถือแนบหูก็ได้ยินเสียงชัดแจ๋ว

“ขะขอโทษนะ ฉันมาคุยกับลูกค้าน่ะ”

[กินข้าวแล้วล่ะสิ!!!] เจแปนใช้เสียงเหี้ยม

“เปล่าๆ ยังไม่กิน รอนายอยู่” ฉันรีบพูดก่อนที่เขาจะโมโหไปมากกว่านี้ แล้วรีบโบกแท็กซี่กลับบริษัทอย่างด่วนจี๋

[รีบๆกลับมาสิ จะได้ไปกินอะไรกัน] จ้าๆรีบอยู่ๆ ฉันเพิ่งจะรู้ว่าฉันคุยกับอีตาเกรสันไปเกือบ ชั่วโมงเมื่อเห็นนาฬิกาในรถแท็กซี่

“ขับเร็วหน่อยค่ะ ฉันรีบ” ฉันเร่ง

“ได้ครับ” แท็กซี่รับคำแล้วรีบเร่งความเร็ว

“ไปบริษัทจัดหาคู่ ใช่ไหมครับ”

“ค่ะ รีบเลย” ฉันวางหูไปนานแล้วล่ะค่ะ พอรถหยุดฉันก็รีบจ้ำไปที่รถเฟอร์รารี่คันงามสีน้ำเงินเข้มของเจแปนที่จอดอยู่หน้าบริษัททันที

“เผื่อจะมาได้นะ” เขาหันมาแขวะ วันนี้เขาใส่เสื้อผ้าแฟชั่นสบายๆ ดูแล้วเหมือนนายแบบหลุดออกมาจากนิตยสารแฟชั่นญี่ปุ่น เขาใส่ชุดแนวๆนั้นเลยน่ะสิ คงกลัวคนไม่รู้ว่าตัวเองเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น แม้แต่ชื่อก็บ่งบอกซะขนาดนั้น

“มานั่งนี่มา”เจแปนตบหน้าขาตัวเองเบาๆแล้วยิ้มกริ่ม จะให้ฉันไปนั่งตักนายเนี่ยนะ ไม่มีทางอ่ะ (เขาเอาคนขับรถมาด้วย) “มาสิ อายอะไรกัน” เจแปนขยับเข้ามาเอามือมาโอบรอบเอวฉัน ตอนนี้รถออกไปวิ่งเอื่อยๆที่ถนนเรียบร้อย

“ฉันนั่งตรงนี้ดีแล้ว” ฉันแว้ดใส่ ยังจะเอาอะไรอีกล่ะ ก็ฉันนั่งอยู่เบาะข้างๆใกล้แค่นี้เอง ฉันแอบบ่น

“เค้ก บอกให้มานั่งนี่ไง”เจแปนขึ้นเสียงด้วยความไม่พอใจที่ฉันขัดใจ

“ก็บอกว่าไม่ไง ไม่เข้าใจเหรอ นั่งตักนาย น่าอึดอัดจะตาย” ฉันแว้ดใส่อย่างไม่ยอม

“งั้นนอนก็ได้” เจแปนไม่รอช้าเขาเกี่ยวเอวฉันดึงไป ฉันเลยจำเป็นต้องนอนบนตักเขาอย่างเสียไม่ได้ น่าโมโหจริงๆ คนอะไรก็ไม่รู้

“ท่าทางเธอจะเหนื่อยมากหลับไปเลยก็ได้นะ เดี๋ยวถึงแล้วฉันจะปลุก” เจแปนพูดด้วยรอยยิ้ม ก็แน่ล่ะ สมใจแล้วนิเจแปนก้มลงสบตาฉัน ฉันเลยหลับตาหนีหน้าซะเลย หลับก็ได้ สบายดีเหมือนกัน ฉันอมยิ้มน้อยๆ เจแปนเป็นคนน่ารักมากนะ ถ้าเขาลดความเอาแต่ใจลงจะยิ่งน่ารักมากกว่านี้

“แล้วพร้อมจะรับการลงโทษรึยัง?” เจแปนพูดเสียงแผ่ว ฉันลืมตาขึ้นด้วยความฉงนทันที สิ่งที่เห็นคือริมฝีปากเจแปนใกล้เข้ามาด้วยความรวดเร็ว สัมผัสถึงความรู้สึกอุ่นๆอยู่ที่ริมฝีปาก รู้เลยว่าเขาทำอะไรกับฉัน

คนนิสัยไม่ดี กลายเป็นคนชอบฉวยโอกาสไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ การกระทำของเจแปนทำเอาความคิดฉันเตลิดไปหมด รู้สึกงงๆ ความคิดกระเจิดกระเจิง เขาไล่เล็มตามริมฝีปากอ่อนนุ่มของฉันลิ้นก็กวาดไปทั่ว ฉันพยายามเอาลิ้นตัวเองหลบแต่มันก็ไม่เป็นอุปสรรค์อะไรเลย เจแปนเอาลิ้นมารัดดึงลิ้นฉันได้อย่างง่ายๆและแทนที่ฉันจะผลักเขาออกให้พ้น มือฉันกลับขยุ้มเสื้อด้านหน้าเขาเอาไว้แน่น จนเขาถอนจูบอันเร่าร้อนนี้ออก

“รู้สึกดีจัง” เจแปนพร่ำด้วยเสียงแหบพร่า ขณะที่ฉันทั้งอายทั้งโกรธ แล้วรีบลุกขึ้นจากตักเขาทันที เจแปนรีบตะครุบตัวฉันไว้

“เค้กครับ ไม่โกรธใช่ไหม” เขาพูดสีหน้าอ้อนๆ

“โกรธ มากกก!ฉันขึ้นเสียงพลางทำหน้ามุ่ย

“ก็แค่จูบเอง เค้ก! เราเป็นแฟนกันนะ ที่จูบเนี่ยก็เพราะว่ารักมากกกก”จ้าๆๆแต่เรื่องอะไรมาจูบฉันต่อหน้าคนอื่นล่ะ

“ไม่ต้องมาพูดเลย ถ้าคราวหน้าทำแบบนี้อีกฉันจะไม่พูดกับนายแล้ว” ฉันหันหน้าหนี

“อย่าพูดหยั่งงั้นสิ ถ้าเธอไม่พูดกับฉันฉันก็แย่สิ ดีกันนะคนดีนะๆๆๆ” แจแปนดึงฉันเข้าไปกอด

“ไม่!” ฉันพูดเสียงดังฟังชัด จริงๆเพียงต้องการแกล้งเขาเท่านั้น

“ไม่เหรอ ไม่ก็ต้องโดนแบบนี้” เจแปนพูดด้วยแววตาวาบวาม

ว๊าย!! ปล่อยยนะ!! เจแปนผลักฉันนอนลงกับเบาะรถ ตัวเขาทับฉันอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน ริมฝีปากเขาเริ่มซุกไซ้ตามไรผม ระเรื่อยมาตามคาง แก้ม ลดต่ำลงมาหยุดที่ซอกคอ

“ปล่อยนะเจแปน ไม่งั้นฉันโกรธจริงๆด้วย” ฉันกรีดร้องเบาๆ (เพราะอายคนขับรถ) แต่เจแปนยังคงซุกไซ้ซอกคออยู่อย่างไม่สะทกสะท้านในคำขู่ของฉัน

“ฉะฉันพูดจริงนะ หยุดเดี๋ยวนี้” ฉันอยากเสียงดังแล้วล่ะ แต่มันดันดังแบบแผ่วปลายซะงั้น ตอนนี้ฉันมีความรู้สึกไหววูบแปลกๆ ความรู้สึกต่อต้านเริ่มหดหายไปกลายเป็นความเรียกร้องมากกว่า มันอะไรกันเนี่ย!!!

เจแปนฝังริมฝีปากขบเนื้อฉันที่ซอกคอจนฉันเจ็บแปลบๆและยังไม่ยอมหยุด

“หยุดนะ ไม่งั้นเราเลิกกัน ได้ยินไหมเจเรา..อุ้บ..อื้อ..”แทนที่เจแปนจะเป็นคนหยุดกลับกลายเป็นฉัน เจแปนครอบครองริมฝีปากฉันทันทีที่ฉันขู่ว่าฉันจะเลิกกับเขา ฉันดิ้นเพื่อต่อต้านแต่ยิ่งดิ้นแรงกดก็ยิ่งเพิ่มขึ้น จนฉันเจ็บริมฝีปากไปหมด แต่ไม่นานแรงกดรุนแรงก็กลายมาเป็นจูบที่อ่อนหวาน อ้อยอิ่ง และปลอบขวัญ ลิ้นอุ่นๆยังคงรุกไล้กวาดเอาความหอมหวาน เนิ่นนานจนฉันไม่มีเรี่ยวแรงที่จะต่อต้านอีกต่อไปแล้ว เขาจึงค่อยๆปล่อยริมฝีปากฉันให้เป็นอิสระ

“เจอแบบนี้เธอยังจะกล้าเลิกกับฉันอีกไหม” เจแปนลุกขึ้นแล้วดึงตัวฉันลุกตาม บอกตามตรงว่าฉันอยากตบหน้าเขาแรงๆมากนักแต่กลัวว่าเขาจะลงโทษฉันแบบเมื่อกี้อีก

“...” เลยได้แต่นิ่ง เจแปนเอามือมาลูบริมฝีปากเจ็บระบมของฉัน

“เจ็บรึเปล่า?” ยังมีหน้ามาถาม ฉันเงยหน้าสบสายตาอาฆาตใส่เขาแทนคำตอบ

“ใครใช้ให้เธอขัดขืนล่ะ” เจแปนพูดพลางดึงฉันเข้าไปกอดไว้

“นี่ฉันผิดเหรอ?” ฉันกระชากเสียง

“ฉันผิดเอง คราวหลังฉันจะไม่ทำอะไรรุนแรงกับเธอแบบนี้อีก”เจแปนพูดพลางทำหน้าสำนึกผิด

“ปล่อยได้แล้ว ฉันอึดอัด” ฉันกัดฟันพูดก่อนจะผละออกจากอ้อมอกอดเขาด้วยอารมณ์คุกรุ่น

“ไปบ้านฉันกัน”เจแปนฉีกยิ้ม บ้านเหรอ ทำไมจู่ๆจะให้ฉันไปบ้านล่ะ ฉันไปอยากไปบ้านนายมันหนาว (เพราะอยู่ในบริเวณสโนว์แลนด์ที่เต็มไปด้วยหิมะ)

“ฉันจะกลับบริษัท มีงานต้องทำ ไม่ว่าง”ฉันพูดด้วยน้ำเสียงเจือความโมโหอยู่

“ไม่ได้! เธอต้องไปหาพ่อฉันที่บ้าน ท่านอยากเจอว่าที่ลูกสะใภ้”เจแปนพูดด้วยสายตาเป็นประกาย

“ว่าไงนะ?”ฉันอุทานเสียงหลง

“พ่อฉันอยากเจอเธอ เราจะไปกินข้าวกับท่าน”เจแปนล้มตัวลงหนุนตักฉันบ้างเขาหลับตาพริ้มพร้อมกับรอยยิ้มแสนสุข แต่อย่าหวังว่าฉันจะก้มลงจูบนาย ไม่มีทาง

“โอ้ย!!เค้กเบา!! ฮ่าๆๆฉันเอามือบีบจมูกเขาดึงขึ้น หมั่นเขี้ยวจริงๆๆสมน้ำหน้า

รถยังคงวิ่งไปเรื่อยๆแต่ความรู้สึกของฉันเริ่มกล้าๆกลัวๆ ฉันกำลังจะไปพบพ่อแฟน ได้ยินมาว่าท่านเป็นคนญี่ปุ่น เจแปนเคยโม้ให้ฟังอีกว่าต้นตระกูลเขาเป็นยากุซ่าด้วย แรกๆฉันก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งนะ แต่ตอนนี้ฉันเชื่อสนิทเลยล่ะ ทำไมนะเหรอ ก็เพราะเวลาไปไหนมาไหนเจแปนจะมีบอดี้การ์ดสัญชาติญี่ปุ่นติดตามไปด้วยเสมอเลย ตอนนี้ก็นิ่งหน้านิ่งอยู่หน้ารถ คนนึงขับคนนึงนั่งข้างๆ เจแปนเป็นหนุ่มลูกครึ่งหน้าตาดี พ่อเค้าเป็นญี่ปุ่นส่วนแม่เป็นอังกฤษ ส่วนสูงก็ราว 185 เห็นจะได้หน้าตาค่อนไปทางญี่ปุ่นรึเปล่านะฮ่ะ จมูกโด่งผิวขาวเหลือง แต่นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลเหมือนพระเอกการ์ตูน ยิ่งตอนหลับเนี่ยน่ารัก เพราะไม่มีพิษสงอะไร ผิดกับตอนตื่นลิบลับฮ่าๆๆๆ แอบเม้าท์เค้าซะหน่อย

>>>>>>>>>โปรดติดตามตอนต่อไปด้วยนะค่ะ ^^ <<<<<<<<<<<

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา