ภูติแห่งดินแดนผู้พิทักษ์

3.3

เขียนโดย AsurAngLe

วันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2555 เวลา 12.22 น.

  4 ตอน
  10 วิจารณ์
  8,691 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) ก้าวสู่ดินแดนผู้พิทักษ์

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
 
 
 
 
"แม่คะทำไมตู้นี่ มันหนักขนาดนี้หล่ะคะเนี่ย" เมื่อถึงวันย้ายข้าวของเข้าหมู่้บ้าน หัวหน้าหมู่บ้านได้ส่งรถบรรทุก
 
มาช่วยขนของ เรนเองก็กำลังวุ่นวายอยู่กับตู้ใบใหญ่อยู่ "รอก่อนซิลูก... เรนของใหญ่ๆเราค่อยขอให้พี่ๆในหมู่บ้าน
 
มาช่วยขนก็ได้นี่ลูก" มาเรียทำท่าทางปาดเหงื่อที่ไหลอยู่บนใบหน้าของเธอ มาเรียเธอเหนื่อยกับการขนของจน
 
ทำให้มีอาการหอบเล็กน้อย บ้านของพวกเขานั้นถึงจะหลังเล็กแต่ของใช้ภายในบ้านก็เยอะแยะจนต้องหาคนมา
 
ช่วยขนย้าย
 
ณ ฝั่งดินแดนผู้พิทักษ์ "คุณชาโด้ทางเราอยากจะขอร้องคุณให้อยู่ทำภารกิจต่อมันเป็นภารกิจที่อันตรายมาก
 
ดิฉันจะอนุญาตให้คุณพาคนรู้จักมาพักอาศัยและดูแลเด็กๆแทนคุณได้" หัวหน้าหน่วยงานพยายามพูดเกลี้ยกล่อม
 
ให้ชาโด้ยอมรับทำภารกิจ "อะไรกันครับ.. คุณน่าจะเข้าใจแล้วนะ ที่ผมมาเนี่ยเพื่อที่จะอนุญาตจากทางหน่วยงาน
 
ที่จะออกไปเยี่ยมครอบครอบเท่านั้น แล้วเรื่องนี้มันไปเกี่ยวอะไรกับคำขอของผมกันหล่ะครับ" ชาโด้ตีสีหน้า
 
ตึงเครียด และยังเข้าไม่เ้ข้าใจว่าทางหน่วยงานขอร้องให้เขาทำภารกิจอะไรกันแน่ "ดิฉันจะอนุญาตคุณก็ต่อเมื่อคุณ
 
ตอบตกลงที่จะรับทำภารกิจครั้งนี้เท่านั้น มีผู้ถูกเลือกและประชากรธรรมดาที่ตกเป็นเหยื่อการฆาตกรรมที่โหดร้าย
 
คุณต้องไปจัดการเขาซะ ลองกลับไปคิดดูให้ดีๆ และดิฉันจะรอฟังคำตอบนะคะ" เจนนิเฟอร์หัวหน้าหน่วยงาน
 
ภารกิจหันหลังให้กับเขาและเดินเข้าประตูที่อยู่ไม่ไกลมากนักจากตรงที่เธอและเขายืนอยู่
 
(คนตายงั้นหรอ ให้คนมาแทนงั้นหรอ เอาเปรียบจังนะหัวหน้าหน่วยงานเนี่ย เฮ้อ!....) ชาโด้กลับบ้าน
 
มานั่งทำหน้ากลุ้มใจ บ้านของเขาที่อยู่ภายในโซนเป็นบ้านที่เขาสร้างเองไม่เล็กมากแต่ก็ไม่ใหญ่เหมาะกับการอยู่
 
ร่วมกันได้สามหรือสี่คน "ชั่งเถอะ..ได้เวลาดูแลเด็กๆแล้ว" ชาโด้เปิดประตูบ้านของเขาออกไปพร้อมกับถุงลูกกวาด
 
คละสี เขาเดินตรงไปยังดอกไม้ดอกแรกตรงหน้าเขาดอกสีชมพูอ่อน "ไงเด็กๆลุงเอาลูกวาดมาให้ ยื่นมือออกมารับ
 
ลูกกวาดซะซิ" ชาโด้ยืนพูดกับดอกไม้นั้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอ่อนโยน "หนูขอแค่เม็ดเดียวคะ" เด็กที่อยู่ในดอกไม้
 
สีชมพูนั้นยื่นออกมาเพียงแขนข้างนึงแบมือรับลูกกวาดจากชาโด้ แต่ขณะที่ชาโด้กำลังถอนมือออกนั้นเด็กคนนั้น
 
ได้คว้ามือเขาไว้ "กลุ้มใจเรื่องอะไรหรือปล่าวคะ สีหน้าคุณดูเหมือนว่าจะฝืนๆยิ้มนะคะ" จีจี้ถามเขาด้วยความ
 
เป็นห่้วง "ไม่มีอะไรหรอกกินลูกกวาดที่ลุงให้ไปซะนะ ขอบใจมากที่เป็นห่วง" ชาโด้ยังคงยิ้มอยู่อย่างนั้นแม้เขา
 
จะมองไม่เห็นใบหน้าของเด็กคนนั้น "หนูกำลังจะเจอกับผู้ถูกเลือกแล้ว หนูมีความรู้สึกว่าเขาอยู่ใกล้มากๆและคราว
 
นี้เขาคงตั้งใจที่จะมารับหนูจริงๆ" หลังจากที่เธอพูดจบก็ทำท่าดีอกดีใจอยู่ภายในดอกไม้นั้นทำให้ดอกไม้เปล่งแสง
 
และกรีบก็พริ้วไหวไปมาตามอารมณ์ของเด็ก "ดีใจด้วยนะ ลุงต้องไปดูแลเด็กๆคนอื่นๆแล้ว" ชาโด้กำลังจะเดินต่อ
 
ไปยังดอกไม้อีกสามดอกไม้ยังคงเหลืออยู่ ในที่นี้เคยมีดอกไม้ทั้งหมดห้าดอก มีดอกไม้สี ชมพู ฟ้า เหลือง ม่วง  
 
และเขียว ทุกดอกต่างเป็นสีอ่อนๆทั้งนั้น จีจี้ปล่อยมือเขาเพื่อให้เขาเดินต่อไปยังดอกอื่นๆ แสงนั้นยังคงระยิบระยับ
 
อยู่ซักพัก ชาโด้เดินแจกลูกกวาดให้กับเหล่าเด็กๆทั้งสี่คนเรียบร้อยแล้ว เขาก็เดินมานั่งตรงม้านั่งที่เขาทำไว้ เด็กๆ
 
ยังคงคุยกันผ่านกรีบดอกไม้พวกนั้น (ฉันควรจะรับภารกิจดีหรือเปล่านะ มาเรีย เรน พ่อหน่ะคิดถึงพวกเธอทั้งสอง
 
คนมากเลยนะ) ชาโด้ยังคงนั่งคิดต่อไป
 
"บ้านใหม่" ชายหนุ่มรูปร่างกำยำหลายคนกำลังช่วยกันขนของเข้าบ้านใหม่ของพวกเขา ขณะที่เรนเอง
 
กำลังตะลึงกับบ้านใหม่ของเธอความใหญ่โตของบ้านนั้นทำให้เธอหลุดปากพูดออกมาอย่างตกใจ บ้านที่เพื่อนของ
 
มาเรียยกให้พวกเขา หลังจากที่เขาถูกหัวหน้างานสั่งย้ายให้ไปทำงานอีกประเทศนีน่าเพื่อนของมาเรียจึงตัดสินใจ
 
ยกบ้านหลังนี้ให้พวกเขา "มาเรีย ขอโทษนะวันนี้ฉันต้องไปแล้วหล่ะ ฉันมาบอกเธอก่อนกลัวเธอจะเข้าใจผิดว่าฉัน
 
ทิ้งเธอไปโดยไม่บอกเธอซักคำ บ้านหลังนี้ฉันยกให้เธอแล้วนะ ถ้าฉันทิ้งไ้ว้แบบนี้บ้านก็คงร้างเพราะงั้นฉันถึง
 
ยกให้เธอถือซะว่าบ้านเป็นตัวแทนของฉันแล้วกันนะ" นีน่าเธอเป็นห่วงมาเรียอย่างมากเพราะตั้งแต่ที่ชาโด้หายไป
 
เธอก็ดูแลมาเรียมาตลอด "ไปเถอะนีน่าไม่ต้องห่วงฉันหรอก ฉันหน่ะอยากจะขอบคุณเธอมากๆเลยที่ทุกวันเธอ
 
ดูแลพวกเรามาตลอด ถึงฉันจะพูดว่าไม่อยากจะรบกวนเธอก็เถอะนะ แต่ฉันคงพูดแบบนั้นออกไปไม่ไ้ด้ คุณชาโด้
 
ดันมาหายตัวไปซะเฉยๆแบบนี้ เธอคงจะลำบากเพราะฉันมามากพอควรแล้ว ต้องขอบคุณและต้องขอโทษด้วย
 
ที่ทำให้ลำบากอยู่เสมอเลย" มาเรียก้มหน้าแทนคำขอบคุณและเสียใจที่ต้องรบกวนเพื่อนของเธอเรื่อยมา
 
"เธอไม่เคยรบกวนฉันเลยมาเรีย เพื่อนรักอย่างเธอหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว ฉันไปหล่ะนะ" นีน่าสวมกอดมาเรียทั้ง
 
น้ำตา "คุณหนูครับได้เวลาไปขึ้นเครื่องแล้วครับ" พ่อบ้านส่วนตัวของนีน่าเตือนเธอเรื่องเวลา "ไม่อยากไปเลยอ่ะ
 
แล้วใครจะดูแลเธอหล่ะมาเรีย ฮื้อ~~~~" นีน่าเธอเกาะแขนของมาเรียเพื่อนของเธอไว้แน่นทำท่าทางเหมือน
 
กับว่าจะไม่มีพรุ่งนี้อีกแล้ว "คุณหนูครับ" พ่อบ้านพยายามลากตัวนีน่าออกเขาแกะมือของนีน่าออกจากแขนของ
 
มาเรียสำเร็จและได้ลากตัวนีน่าขึ้นรถขับออกไป มาเรียเธอมองตามรถคันนั้นอย่างใจหาย "คุณแม่คะ คุณน้าคนนั้น
 
ซินะคะที่ให้แม่ยืมเงินใช้จนทุกวันนี้" เรนยืนมองด้านหลังของรถคันนั้นที่เพิ่งออกตัวไปได้ไม่ไกล "เขาไม่ได้ให้แม่
 
ยืมหรอกลูก นีน่าเพื่อนแม่หน่ะเธอเป็นคนมีฐานะ เธอให้้เงินแม่โดยไม่คิดจะเอาคืนเลยซักครั้ง แม่หน่ะเคยเอาเงิน
 
เก็บส่วนที่ออมไว้ไปคืนเขาแล้วหนนึงแต่ก็ถูกนีน่านั่นหล่ะแง่งอนใส่จนแม่เองก็รู้สึกไม่สบายใจ นีน่าเป็นเพื่อนคน
 
แรกของแม่เป็นคนที่ดีที่สุดไม่น้อยไปกว่าพ่อเลยหล่ะ" มาเรียยืนยิ้มให้เรนเธอยังคงนึกถึงวันวานที่นีน่าคอยดูแล
 
เธออย่างกับไข่ในหิน "หนูเสียดายจังเลย รู้สึกผิดต่อคุณน้าด้วยยังไม่ทันได้ขอบคุณเลย หนูเห็นคุณแม่พูดคุย
 
กับเขาอยู่เลยไม่กล้าเข้าไปแทรก แย่จังนะคะไปซะแล้ว" เรนทำหน้ารู้สึกผิดหวัง "เราเข้าบ้านไปจัดของเถอะลูก"
 
มาเรียจูงมือเรนเดินมาที่บริเวณหน้าประตูบ้าน พวกเธอก้มโค้งคนที่มาช่วยเธอขนของ เธอขอบคุณพวกเขาด้วย
 
กิริยาที่งามอย่างมาก คนงานโค้งรับอย่างงุนงงมาเรียเธอก้มขอบคุณพวกเขาโดยที่ไม่รู้ว่านีน่านั้นจ่ายค่าขนของครั้ง
 
นี้ให้เธอไว้เรียบร้อยแล้ว หลังจากขนของเสร็จพวกเขาก็ขับรถบรรทุกที่จอดอยู่บ้านแล่นออกไป  ใกล้ๆบ้านของ
 
มาเรียกับเรนนั้นมีเด็กสาวคนนึงย้ายเข้ามาอยู่ เธอจะมาพักอาศัยในหมู่บ้านใหม่นี้เพียงลำพังเท่านั้น
 
"มิ้นนี่ แม่ไม่ปลื้มเลยนะลูกที่หนูหนีพวกเราออกไปซื้อบ้านอยู่คนเดียวแบบนี้หนะ" แม่ของมินนี่ เธอโทรมาบ่นเขา
 
ยัยลูกสาวจอมยุ่งของเธอ "ป๊าใจร้ายมากคะ ทั้งๆที่หนูไม่ได้ทำอะไรผิดแท้ๆก็มาดุด่าว่ากล่าวกันแบบนี้ แรกๆหนู
 
ก็พอจะเข้าใจนะคะแต่ช่วงนี้ป๊าเปลี่ยนไปเยอะมากเลย แม่เองก็เข้าข้างป๊า หนูว่าหนูอยู่คนเดียวดีกว่าแม่ไม่ต้อง
 
มาสนใจหนูหรอก" มินนี่พูดอย่างแง่งอนใ่ส่แม่ของเธอ "แล้วหนูจะอยู่ยังไงมินนี่ หนูจะไม่ลำบากหรอใครจะหาข้าว
 
หายาให้กินและยิ่งหนูขี้เหงาแบบนี้ แม่เป็นห่วงนะ จะให้แม่ไปอยู่เป็นเพื่อนหนูไหมลูก" เจล่าพยายามกล่อมให้
 
มินนี่ยอมให้เธอไปอยู่ด้วยเพราะเธอเองก็เป็นห่วงมินนี่มากมายเหลือเกิน "ไม่ต้องคะ หนูจะจ้างคนมาเป็นคนรับใช้
 
่ส่วนตัว" มินนี่พูดจบก็วางสายการสนทนาด้วยอารมณ์หงุดหงิด "เดี๋ยวมินนี้~~~ ลูกจ้างผู้หญิงหรือผู้ชายหะลูก
 
ตู๊ด...ตู๊ด...ตู๊ด...ตู๊ด..." สายถูกตัดไปก่อนที่เจล่าจะพูดจบ เจล่าเธอกุมขมับของเธออย่างตึงเครียด
 
"ปล่อยให้ลูกอยู่คนเดียวบ้างเถอะเจล่า" สามีของเธอทำหน้าเหมือนกับชินนิสัยของลูกสาวจอมยุ่งของเขาแล้ว
 
"ที่ลูกต้องไปจากอ้อมอกของฉันมันก็เป็นเพราะคุณนั่นหล่ะ คุณชาลส์" เจล่าลุกหนีจากตรงที่เธอนั่งคุยโทรศัพท์
 
เมื่อครู่นี้ "อะไรกันไม่ใช่ความผิดผมซักหน่อยก็ยัยหนูเธอพูดมากจนผมปวดหัว และผมก็ไม่ได้ไล่ลูกด้วย ยัยหนู
 
เธอไปของเธอเอง" ชาลส์ทำสีหน้าและคำพูดเหมือนปัดความผิดทั้งหมด เจล่ายิ่งได้ยินที่ชาลส์พูดแบบนั้นมันยิ่ง
 
ทำให้เธอโกรธมากขึ้นเธอรีบเดินจ้ำฝีเท้าออกจากที่นั้นทันที
 
 
 
 
(ตอนต่อไปต้องเปลี่ยนประวัติของมินนี่เพื่อให้เนื้อเรื่องเดินต่อได้คะ ขอโทษนะคะที่อัพช้าตอนต่อไปจะรีบอัพให้นะคะ ทำเนื้อเรื่องไว้เรียบร้อยแล้ว)

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา