ภูติแห่งดินแดนผู้พิทักษ์
3) ก้าวสู่ดินแดนผู้พิทักษ์
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
"แม่คะทำไมตู้นี่ มันหนักขนาดนี้หล่ะคะเนี่ย" เมื่อถึงวันย้ายข้าวของเข้าหมู่้บ้าน หัวหน้าหมู่บ้านได้ส่งรถบรรทุก
มาช่วยขนของ เรนเองก็กำลังวุ่นวายอยู่กับตู้ใบใหญ่อยู่ "รอก่อนซิลูก... เรนของใหญ่ๆเราค่อยขอให้พี่ๆในหมู่บ้าน
มาช่วยขนก็ได้นี่ลูก" มาเรียทำท่าทางปาดเหงื่อที่ไหลอยู่บนใบหน้าของเธอ มาเรียเธอเหนื่อยกับการขนของจน
ทำให้มีอาการหอบเล็กน้อย บ้านของพวกเขานั้นถึงจะหลังเล็กแต่ของใช้ภายในบ้านก็เยอะแยะจนต้องหาคนมา
ช่วยขนย้าย
ณ ฝั่งดินแดนผู้พิทักษ์ "คุณชาโด้ทางเราอยากจะขอร้องคุณให้อยู่ทำภารกิจต่อมันเป็นภารกิจที่อันตรายมาก
ดิฉันจะอนุญาตให้คุณพาคนรู้จักมาพักอาศัยและดูแลเด็กๆแทนคุณได้" หัวหน้าหน่วยงานพยายามพูดเกลี้ยกล่อม
ให้ชาโด้ยอมรับทำภารกิจ "อะไรกันครับ.. คุณน่าจะเข้าใจแล้วนะ ที่ผมมาเนี่ยเพื่อที่จะอนุญาตจากทางหน่วยงาน
ที่จะออกไปเยี่ยมครอบครอบเท่านั้น แล้วเรื่องนี้มันไปเกี่ยวอะไรกับคำขอของผมกันหล่ะครับ" ชาโด้ตีสีหน้า
ตึงเครียด และยังเข้าไม่เ้ข้าใจว่าทางหน่วยงานขอร้องให้เขาทำภารกิจอะไรกันแน่ "ดิฉันจะอนุญาตคุณก็ต่อเมื่อคุณ
ตอบตกลงที่จะรับทำภารกิจครั้งนี้เท่านั้น มีผู้ถูกเลือกและประชากรธรรมดาที่ตกเป็นเหยื่อการฆาตกรรมที่โหดร้าย
คุณต้องไปจัดการเขาซะ ลองกลับไปคิดดูให้ดีๆ และดิฉันจะรอฟังคำตอบนะคะ" เจนนิเฟอร์หัวหน้าหน่วยงาน
ภารกิจหันหลังให้กับเขาและเดินเข้าประตูที่อยู่ไม่ไกลมากนักจากตรงที่เธอและเขายืนอยู่
(คนตายงั้นหรอ ให้คนมาแทนงั้นหรอ เอาเปรียบจังนะหัวหน้าหน่วยงานเนี่ย เฮ้อ!....) ชาโด้กลับบ้าน
มานั่งทำหน้ากลุ้มใจ บ้านของเขาที่อยู่ภายในโซนเป็นบ้านที่เขาสร้างเองไม่เล็กมากแต่ก็ไม่ใหญ่เหมาะกับการอยู่
ร่วมกันได้สามหรือสี่คน "ชั่งเถอะ..ได้เวลาดูแลเด็กๆแล้ว" ชาโด้เปิดประตูบ้านของเขาออกไปพร้อมกับถุงลูกกวาด
คละสี เขาเดินตรงไปยังดอกไม้ดอกแรกตรงหน้าเขาดอกสีชมพูอ่อน "ไงเด็กๆลุงเอาลูกวาดมาให้ ยื่นมือออกมารับ
ลูกกวาดซะซิ" ชาโด้ยืนพูดกับดอกไม้นั้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอ่อนโยน "หนูขอแค่เม็ดเดียวคะ" เด็กที่อยู่ในดอกไม้
สีชมพูนั้นยื่นออกมาเพียงแขนข้างนึงแบมือรับลูกกวาดจากชาโด้ แต่ขณะที่ชาโด้กำลังถอนมือออกนั้นเด็กคนนั้น
ได้คว้ามือเขาไว้ "กลุ้มใจเรื่องอะไรหรือปล่าวคะ สีหน้าคุณดูเหมือนว่าจะฝืนๆยิ้มนะคะ" จีจี้ถามเขาด้วยความ
เป็นห่้วง "ไม่มีอะไรหรอกกินลูกกวาดที่ลุงให้ไปซะนะ ขอบใจมากที่เป็นห่วง" ชาโด้ยังคงยิ้มอยู่อย่างนั้นแม้เขา
จะมองไม่เห็นใบหน้าของเด็กคนนั้น "หนูกำลังจะเจอกับผู้ถูกเลือกแล้ว หนูมีความรู้สึกว่าเขาอยู่ใกล้มากๆและคราว
นี้เขาคงตั้งใจที่จะมารับหนูจริงๆ" หลังจากที่เธอพูดจบก็ทำท่าดีอกดีใจอยู่ภายในดอกไม้นั้นทำให้ดอกไม้เปล่งแสง
และกรีบก็พริ้วไหวไปมาตามอารมณ์ของเด็ก "ดีใจด้วยนะ ลุงต้องไปดูแลเด็กๆคนอื่นๆแล้ว" ชาโด้กำลังจะเดินต่อ
ไปยังดอกไม้อีกสามดอกไม้ยังคงเหลืออยู่ ในที่นี้เคยมีดอกไม้ทั้งหมดห้าดอก มีดอกไม้สี ชมพู ฟ้า เหลือง ม่วง
และเขียว ทุกดอกต่างเป็นสีอ่อนๆทั้งนั้น จีจี้ปล่อยมือเขาเพื่อให้เขาเดินต่อไปยังดอกอื่นๆ แสงนั้นยังคงระยิบระยับ
อยู่ซักพัก ชาโด้เดินแจกลูกกวาดให้กับเหล่าเด็กๆทั้งสี่คนเรียบร้อยแล้ว เขาก็เดินมานั่งตรงม้านั่งที่เขาทำไว้ เด็กๆ
ยังคงคุยกันผ่านกรีบดอกไม้พวกนั้น (ฉันควรจะรับภารกิจดีหรือเปล่านะ มาเรีย เรน พ่อหน่ะคิดถึงพวกเธอทั้งสอง
คนมากเลยนะ) ชาโด้ยังคงนั่งคิดต่อไป
"บ้านใหม่" ชายหนุ่มรูปร่างกำยำหลายคนกำลังช่วยกันขนของเข้าบ้านใหม่ของพวกเขา ขณะที่เรนเอง
กำลังตะลึงกับบ้านใหม่ของเธอความใหญ่โตของบ้านนั้นทำให้เธอหลุดปากพูดออกมาอย่างตกใจ บ้านที่เพื่อนของ
มาเรียยกให้พวกเขา หลังจากที่เขาถูกหัวหน้างานสั่งย้ายให้ไปทำงานอีกประเทศนีน่าเพื่อนของมาเรียจึงตัดสินใจ
ยกบ้านหลังนี้ให้พวกเขา "มาเรีย ขอโทษนะวันนี้ฉันต้องไปแล้วหล่ะ ฉันมาบอกเธอก่อนกลัวเธอจะเข้าใจผิดว่าฉัน
ทิ้งเธอไปโดยไม่บอกเธอซักคำ บ้านหลังนี้ฉันยกให้เธอแล้วนะ ถ้าฉันทิ้งไ้ว้แบบนี้บ้านก็คงร้างเพราะงั้นฉันถึง
ยกให้เธอถือซะว่าบ้านเป็นตัวแทนของฉันแล้วกันนะ" นีน่าเธอเป็นห่วงมาเรียอย่างมากเพราะตั้งแต่ที่ชาโด้หายไป
เธอก็ดูแลมาเรียมาตลอด "ไปเถอะนีน่าไม่ต้องห่วงฉันหรอก ฉันหน่ะอยากจะขอบคุณเธอมากๆเลยที่ทุกวันเธอ
ดูแลพวกเรามาตลอด ถึงฉันจะพูดว่าไม่อยากจะรบกวนเธอก็เถอะนะ แต่ฉันคงพูดแบบนั้นออกไปไม่ไ้ด้ คุณชาโด้
ดันมาหายตัวไปซะเฉยๆแบบนี้ เธอคงจะลำบากเพราะฉันมามากพอควรแล้ว ต้องขอบคุณและต้องขอโทษด้วย
ที่ทำให้ลำบากอยู่เสมอเลย" มาเรียก้มหน้าแทนคำขอบคุณและเสียใจที่ต้องรบกวนเพื่อนของเธอเรื่อยมา
"เธอไม่เคยรบกวนฉันเลยมาเรีย เพื่อนรักอย่างเธอหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว ฉันไปหล่ะนะ" นีน่าสวมกอดมาเรียทั้ง
น้ำตา "คุณหนูครับได้เวลาไปขึ้นเครื่องแล้วครับ" พ่อบ้านส่วนตัวของนีน่าเตือนเธอเรื่องเวลา "ไม่อยากไปเลยอ่ะ
แล้วใครจะดูแลเธอหล่ะมาเรีย ฮื้อ~~~~" นีน่าเธอเกาะแขนของมาเรียเพื่อนของเธอไว้แน่นทำท่าทางเหมือน
กับว่าจะไม่มีพรุ่งนี้อีกแล้ว "คุณหนูครับ" พ่อบ้านพยายามลากตัวนีน่าออกเขาแกะมือของนีน่าออกจากแขนของ
มาเรียสำเร็จและได้ลากตัวนีน่าขึ้นรถขับออกไป มาเรียเธอมองตามรถคันนั้นอย่างใจหาย "คุณแม่คะ คุณน้าคนนั้น
ซินะคะที่ให้แม่ยืมเงินใช้จนทุกวันนี้" เรนยืนมองด้านหลังของรถคันนั้นที่เพิ่งออกตัวไปได้ไม่ไกล "เขาไม่ได้ให้แม่
ยืมหรอกลูก นีน่าเพื่อนแม่หน่ะเธอเป็นคนมีฐานะ เธอให้้เงินแม่โดยไม่คิดจะเอาคืนเลยซักครั้ง แม่หน่ะเคยเอาเงิน
เก็บส่วนที่ออมไว้ไปคืนเขาแล้วหนนึงแต่ก็ถูกนีน่านั่นหล่ะแง่งอนใส่จนแม่เองก็รู้สึกไม่สบายใจ นีน่าเป็นเพื่อนคน
แรกของแม่เป็นคนที่ดีที่สุดไม่น้อยไปกว่าพ่อเลยหล่ะ" มาเรียยืนยิ้มให้เรนเธอยังคงนึกถึงวันวานที่นีน่าคอยดูแล
เธออย่างกับไข่ในหิน "หนูเสียดายจังเลย รู้สึกผิดต่อคุณน้าด้วยยังไม่ทันได้ขอบคุณเลย หนูเห็นคุณแม่พูดคุย
กับเขาอยู่เลยไม่กล้าเข้าไปแทรก แย่จังนะคะไปซะแล้ว" เรนทำหน้ารู้สึกผิดหวัง "เราเข้าบ้านไปจัดของเถอะลูก"
มาเรียจูงมือเรนเดินมาที่บริเวณหน้าประตูบ้าน พวกเธอก้มโค้งคนที่มาช่วยเธอขนของ เธอขอบคุณพวกเขาด้วย
กิริยาที่งามอย่างมาก คนงานโค้งรับอย่างงุนงงมาเรียเธอก้มขอบคุณพวกเขาโดยที่ไม่รู้ว่านีน่านั้นจ่ายค่าขนของครั้ง
นี้ให้เธอไว้เรียบร้อยแล้ว หลังจากขนของเสร็จพวกเขาก็ขับรถบรรทุกที่จอดอยู่บ้านแล่นออกไป ใกล้ๆบ้านของ
มาเรียกับเรนนั้นมีเด็กสาวคนนึงย้ายเข้ามาอยู่ เธอจะมาพักอาศัยในหมู่บ้านใหม่นี้เพียงลำพังเท่านั้น
"มิ้นนี่ แม่ไม่ปลื้มเลยนะลูกที่หนูหนีพวกเราออกไปซื้อบ้านอยู่คนเดียวแบบนี้หนะ" แม่ของมินนี่ เธอโทรมาบ่นเขา
ยัยลูกสาวจอมยุ่งของเธอ "ป๊าใจร้ายมากคะ ทั้งๆที่หนูไม่ได้ทำอะไรผิดแท้ๆก็มาดุด่าว่ากล่าวกันแบบนี้ แรกๆหนู
ก็พอจะเข้าใจนะคะแต่ช่วงนี้ป๊าเปลี่ยนไปเยอะมากเลย แม่เองก็เข้าข้างป๊า หนูว่าหนูอยู่คนเดียวดีกว่าแม่ไม่ต้อง
มาสนใจหนูหรอก" มินนี่พูดอย่างแง่งอนใ่ส่แม่ของเธอ "แล้วหนูจะอยู่ยังไงมินนี่ หนูจะไม่ลำบากหรอใครจะหาข้าว
หายาให้กินและยิ่งหนูขี้เหงาแบบนี้ แม่เป็นห่วงนะ จะให้แม่ไปอยู่เป็นเพื่อนหนูไหมลูก" เจล่าพยายามกล่อมให้
มินนี่ยอมให้เธอไปอยู่ด้วยเพราะเธอเองก็เป็นห่วงมินนี่มากมายเหลือเกิน "ไม่ต้องคะ หนูจะจ้างคนมาเป็นคนรับใช้
่ส่วนตัว" มินนี่พูดจบก็วางสายการสนทนาด้วยอารมณ์หงุดหงิด "เดี๋ยวมินนี้~~~ ลูกจ้างผู้หญิงหรือผู้ชายหะลูก
ตู๊ด...ตู๊ด...ตู๊ด...ตู๊ด..." สายถูกตัดไปก่อนที่เจล่าจะพูดจบ เจล่าเธอกุมขมับของเธออย่างตึงเครียด
"ปล่อยให้ลูกอยู่คนเดียวบ้างเถอะเจล่า" สามีของเธอทำหน้าเหมือนกับชินนิสัยของลูกสาวจอมยุ่งของเขาแล้ว
"ที่ลูกต้องไปจากอ้อมอกของฉันมันก็เป็นเพราะคุณนั่นหล่ะ คุณชาลส์" เจล่าลุกหนีจากตรงที่เธอนั่งคุยโทรศัพท์
เมื่อครู่นี้ "อะไรกันไม่ใช่ความผิดผมซักหน่อยก็ยัยหนูเธอพูดมากจนผมปวดหัว และผมก็ไม่ได้ไล่ลูกด้วย ยัยหนู
เธอไปของเธอเอง" ชาลส์ทำสีหน้าและคำพูดเหมือนปัดความผิดทั้งหมด เจล่ายิ่งได้ยินที่ชาลส์พูดแบบนั้นมันยิ่ง
ทำให้เธอโกรธมากขึ้นเธอรีบเดินจ้ำฝีเท้าออกจากที่นั้นทันที
(ตอนต่อไปต้องเปลี่ยนประวัติของมินนี่เพื่อให้เนื้อเรื่องเดินต่อได้คะ ขอโทษนะคะที่อัพช้าตอนต่อไปจะรีบอัพให้นะคะ ทำเนื้อเรื่องไว้เรียบร้อยแล้ว)
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ