แค้นรักจอมราชันด์แห่งทะเลทราย
เขียนโดย เจ้าฟ้าหญิงคาสซานดร้า
วันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2555 เวลา 11.10 น.
4) บทที่ 4 ความรู้สึกที่ประดังมา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 4 ความรู้สึกที่ประดังมา
“อัลรีน่า ข้ามีเรื่องสำคัญจะบอกกับเจ้า” ฟาโรห์ตรัสบอกขณะนอนอยู่ข้างๆ ราชินีคนงามบนเตียงนอนอันหรูหรา ซึ่งบนเตียงนั้นเป็นเตียงที่ดูใหญ่อลังการจริงๆ เพราะว่าทั้งหมดทำด้วยทองคำ รอบๆ เตียงจะมีรูปสลักของเทพีฮาธอร์ปรากฏอยู่ นางผู้เป็นเทพีแห่งความรักและเมื่อมาประดับอยู่บนพระแท่นบรรทมขององค์ราชินีแห่งอียิปต์แล้ว ก็จะทำให้ฟาโรห์เสด็จเข้ามาหาบ่อยรวมทั้งพระนางจะเป็นที่รักกว่าชายาน้อยของฟาโรห์เสียด้วยซ้ำ
“ฟาโรห์ ทรงจะบอกอะไรแก่อัลรีน่าเพคะ” พระราชินีตรัสถามพระสวามี
"ข้าจะบอกว่า ประมาณเดือนหน้า ข้าจะต้องออกไปรบกับกษัตริย์แห่งฮิสไทล์ มันมีนามว่าอิสมิล" ฟาโรห์ตรัสตาวาว เมื่อมองจากสายพระเนตรอันลุกโชนแล้ว มันเหมือนเต็มไปด้วยเปลวเพลิงแห่งความมรณะ ที่สามารถแผดเผาไปทั่วทั้งอียิปต์และทุกๆ ที่ในโลกแห่งนี้ได้ จึงทำให้พระราชินีอัลรีน่าที่ประทับนอนอยู่ข้างๆ ทรงเกิดอาการหวาดกลัวทันที
"แต่ท่านพี่ น้องไม่อยากให้ท่านพี่ไปรบ อย่าไปเลยนะเพค่ะ ไปแล้วท่านพี่อาจจะเป็นอันตราย" ด้วยความที่มีสายเลือดในแบบพี่น้องอยู่แล้ว พระราชินีจึงอาจจะเผลอเรียกคำว่า ‘พี่กับน้อง’ ออกมาบ้างด้วยอาการที่อาจจะมีเคอะเขินเล็กน้อย
"ไม่เป็นไรหรอก อีกอย่าง ข้าถนัดการรบ ไม่มีคำว่าพ่ายแพ้เป็นแน่นอน เจ้าวางใจได้" ฟาโรห์ตรัสออกมาโดยไม่รู้ตัวเลยว่า จะมีสิ่งใดเกิดขึ้นในสนามรบนั้นบ้าง จนพระราชินีอัลรีน่าเกิดอาการเป็นห่วง นางจึงคิดหนทางเพื่อที่จะช่วยองค์ฟาโรห์ ผู้เป็นที่รัก ซึ่งและแล้วนางก็คิดออก มันเป็นวิธีที่เสี่ยงมาก เพราะนางจะลองเข้าไปล้วงลับอิสมิล โดยการปลอมตัวเข้าไปเป็นสนมของอิสมิล กษัตริย์ฮิสไทล์ผู้หล่อเหลานั่นเอง
ท่ามกลางที่ประชุมใหญ่ของห้องประชุมแห่งฟาโรห์แห่งอียิปต์และเหล่าขุนนาง องค์ฟาโรห์คาลิคผู้เป็นประมุขสูงสุดทรงประทับนั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะประชุม ซึ่งมีบรรดาขุนนางทั้งหลายทั้งระดับต่ำและระดับสูงต่างก็ร่วมกันอยู่ด้วย
“เราในฐานะประมุขของพวกเจ้าและชนชาวอียิปต์ทุกคน เรามีเรื่องจะบอกพวกเจ้าว่า ในการรบที่ฮิสไทล์ เราจำต้องไปรบด้วยตนเอง แต่เพราะว่าเราเห็นลู่ทางดี เราจึงจะส่งหญิงสาวของเราไปให้กษัตริย์ฮิสไทล์” เมื่อฟาโรห์ตรัสจบ ขุนนางคนนึงที่ฟังอยู่เงียบๆ ก็เริ่มเปิดปากเอ่ยถามออกมาทันที
“แล้วฝ่าบาทจะทรงทำเช่นไรต่อไป จะให้หญิงคนนั้นลอบปลงพระชนม์กษัตริย์ฮิสไทล์หรือ?”
“หึ อย่างเราไม่ลอบทำอะไรลอบกัดแบบนั้นหรอก” ขุนนางคนเดิมไม่กล้าถามคำถามต่อไปเพราะเมื่อเขาจ้องไปทางสายพระเนตรฟาโรห์แล้ว ก็ทำให้รู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก แต่ในขณะเดียวกันอีกมุมนึง ซึ่งเป็นมุมมืด ที่ตรงนั้น องค์ราชินีอัลรีน่าทรงยืนซ่อนอยู่เพื่อฟังว่าฟาโรห์จะส่งใครไป เพื่อที่นางจะได้ไปตามหาหญิงคนนั้นและไปแทนนางเอง
“แล้วหญิงคนนั้นมีนามว่าอันใดพะยะคะ” วิเซียร์อาเมนเมทเรเอ่ยถามขึ้น
“นางมีนามว่า อาซีซา พระสนมองค์โปรดของข้าเอง” ฟาโรห์ตรัสตาวาว จนทำให้พระราชินีอัลรีน่าสะดุ้งเล็กน้อย เพราะอาซีซาคือหนึ่งในสนมคนโปรดขององค์ฟาโรห์ นางจึงแสยะยิ้มทันที พลางพูดกับตนเอง “ที่แท้ นังสนมชั้นต่ำนางนี้ก็ตกกระป๋องเสียแล้ว จนฟาโรห์ต้องส่งไปบำเรอองค์กษัตริย์ฮิสไทล์” แต่เพราะนางกำลังยิ้มกับความคิดของตนอยู่ จึงไม่ทันได้สังเกตเห็นว่า มีทหารคนนึงเดินเข้ามาทางที่นางหลบอยู่พอดี นางตกใจเล็กน้อยจึงเผลอถอยหลังชนแจกันข้างๆ กันหล่นแตกทันที ทำให้บรรดาขุนนางที่เข้าประชุมร่วมกับฟาโรห์หันมามองกันเป็นตาเดียว
องค์ราชินีทรงหันไปมองทางบรรดาขุนนาง โดยเฉพาะองค์ฟาโรห์ นางเห็นสายพระเนตรที่ดูกริ้วของพระองค์ ทำให้องค์ราชินีอัลรีน่าทรงทำพระพักต์เป็นสีเผือกทันที นางมองด้วยสายพระเนตรตัดพ้อด้วยความเสียพระทัยอยู่ในใจ แม้ตอนนี้นางจะมีจิตใจอันอ่อนแอ แต่นางก็ยังมีความกล้าหาญที่จะพูดด้วยน้ำเสียงที่ส่อแววทรงอำนาจอยู่ “อืม ข้าแค่ต้องการจะมาช่วยพระสวามีในการออกว่าราชกิจก็แค่นั้น เพราะว่าข้าเป็นองค์ราชินี!” หลังสิ้นเสียงทรงอำนาจที่ดูแล้วเปรียบดุจมีอำนาจจริงๆ จึงทำให้พวกบรรดาขุนนางทั้งหลายรีบลุกขึ้นแล้วทำความเคารพองค์ราชินีทันทีด้วยความเกรงกลัวในสุรเสียงของนางเล็กน้อย
ฟาโรห์ทรงหันไปมองทันทีกับท่าทีแปลกๆ ของพระราชินีแห่งพระองค์ “เจ้ามีเรื่องอะไรก็ว่ามา”
“ไม่มีอะไรมากหรอกเพคะ อัลรีน่าห่วงท่านนะ เลยมาดู เห็นว่ากันว่าจะทรงไปรบ ข้าในฐานะพระราชินีแห่งท่านเกิดอาการเป็นห่วงขึ้นมา เลยรีบมาช่วยท่านในการหารือนะเพคะ” พระราชินีกล่าวด้วยความเป็นห่วงจริงๆ
“ข้าไม่ต้องการหรอก อีกอย่าง นี่ไม่ใช่เรื่องของผู้หญิงหรือเรื่องของที่ราชินีแห่งอียิปต์จะมาก้าวก่าย!” องค์ฟาโรห์คาลิคตรัสด้วยสุรเสียงที่เกรี้ยวกราด จึงทำให้พระราชินีแห่งพระองค์เกิดอาการตัวสั่นทันทีด้วยความตกพระทัยอย่างหนัก
“ก็ได้เพคะ แต่หากฝ่าบาทต้องการให้หม่อมฉันช่วยสิ่งใด โปรดบอกหม่อมฉันได้เสมอ… หม่อมฉันยินดีจะช่วยพระองค์เต็มที่ แม้พระองค์จะไม่ต้องการก็ตาม…..” นางผู้ที่ไม่สามารถทนเสียงที่เกรี้ยวกราดของชายที่รักได้ จึงได้รีบขอตัวออกจากห้องนั้นทันทีด้วยความอายและความเสียพระทัยอย่างหนัก นางคิดแต่ว่า เหตุใดทำไมสามีของตนจะต้องขับไล่ตนเองออกไปจากห้องอย่างกับหมูกับหมา เหมือนตัวนางไม่ใช่เมียเลยด้วยซ้ำ หรือว่านางไม่ดีพอหรือไร ไม่ดีพอเท่ากับฟารีดานั่นใช่ไหม….. และแม้สิ่งที่ฟาโรห์ทรงตรัสออกมาจะเป็นการทำร้ายจิตใจอย่างแรง แต่พระองค์ก็ไม่อยากให้พระราชินี ผู้ที่เป็นทั้งภรรยาร่วมชีวิตและน้องสาวของพระองค์ต้องมาเสี่ยงอันตรายกับการรบครั้งนี้ แม้จะทรงไม่รัก แต่ว่าอย่างน้อยนางก็เป็นพระญาติคนนึงที่พระองค์ทรงเหลืออยู่ พระญาติที่เฝ้ารักพระองค์มาตั้งแต่วัยเยาวน์….
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ