คดีร้าย พ่ายพิศวาส (สำนักพิมพ์ simplybook ตีพิมพ์)
3) จี้ locket คล้องใจ 100%
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ตอน ที่ 3 จี้ locket คล้องใจ
“ ว่ายังไง! เจอยัยพิณไหม! ”
หลังจากให้นายสันขับรถตู้ออกไปตระเวนหาพศิกาเป็นเวลาหลายชั่วโมง นายสันก็กลับมาพร้อมสีหน้าลำบากใจ
“ ไม่เจอครับคุณพศ แต่... เพื่อนที่ผมให้ช่วยออกตามหา เห็นมันบอกว่าเจอรถสีชมพูคันเล็กจอดอยู่ที่ปากทางเข้าไร่ไกลจากที่นี่ไม่ น้อย ชื่อไร่อะไรไม่รู้ แต่พอกลับไปดูอีกครั้งก็ไม่เจอแล้วครับ ”
“ ยัยพิณ! ”
ด้วยเพราะกุลพัทธ์ จัดการให้พวกคนงานเข็นรถพศิกากลับเข้ามาไว้ในบ้านก่อนจะเป็นที่จับสังเกตของ คนที่สัญจรผ่านไปมานั่นเอง แต่เมื่อสุรพศได้ฟังถ้อยคำของลูกน้อง มืออันหยาบกร้านก็กดลงบนหน้าอกอย่างแรง ความเจ็บปวดอันมหาศาลพุ่งเข้ามาจุกอกจนเขาตั้งรับไม่ทัน และทรุดล้มลงกับพื้นในที่สุด
“ คุณพศ! ”
นายสันวิ่งเข้ามารับ ร่างสุรพศไว้ทันท่วงที โดยมีนายศรวิ่งเข้ามาหาด้วยสีหน้าท่าทางตกใจพอสมควร
“ ให้ผมพาไปโรงพยาบาลไหมครับ คุณพศสีหน้าไม่ดีเลย ”
นายศรกล่าวด้วยความเป็นห่วงนาย แต่สุรพศกลับพยายามพยุงตัวเองขึ้นนั่ง แล้วเอ่ยขึ้นช้าๆ
“ ไม่! ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้นจนกว่าจะรู้ว่า ยัยพิณปลอดภัย ”
“ ไอ้สัน! พาคุณพศไปนั่งที่โซฟาก่อนเร็ว ”
นายสันรับคำ ทั้งสองช่วยกันพยุงร่างของผู้เป็นนายไปนั่งที่เก้าอี้โซฟา อาการโรคหัวใจกำเริบเพราะแรงกดดันภายนอกเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆตามลำดับ แต่ในใจก็ยังไม่วายร้อนรุ่มด้วยความเป็นห่วงแก้วตาดวงใจของเขา
“ พิณกลับมาแล้วค่ะคุณพ่อ! ”
เสียงดั่งสวรรค์ดังขึ้นด้านหลังพวกเขา ทั้งสามหันไปมองพร้อมกัน สุรพศอุทานออกมาด้วยความดีใจ
“ ยัยพิณ! ”
พศิกาวิ่งเข้ามาสวมกอดผู้เป็นพ่อ สุรพศกอดตอบบุตรสาวด้วยความดีใจ ความกังวลมลายหายไปจนหมดสิ้นเมื่อเห็นแก้วตาดวงใจกลับมาในสภาพสมบูรณ์ ปลอดภัยเช่นนี้
สายตาที่เอาแต่จ้องบุตรสาวเริ่มหันไปมองคนที่ยืนนิ่งอยู่ด้านหลัง พศิการู้ได้ถึงความสงสัยที่อัดแน่นอยู่ภายใต้ดวงตาของท่าน เธอจึงตอบให้เสร็จสรรพ
“ เขาช่วยพิณไว้ค่ะพ่อ ”
“ ช่วย? มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมลูกถึงกลับมาพร้อมผู้ชายคนนี้ ”
นันทิพัฒน์รู้ดีว่ามันถึงเวลาแล้วที่เขาต้องพูดความจริง แต่... คงไม่จริงทั้งหมด เขาขอหยิบยกเอาความจริงมาพูดเพียงบางส่วน อย่างน้อย... ก็เพื่อความสบายใจและ... เขาจะได้ไม่ถูกลูกปืนเป่าหัวด้วย ชายหนุ่มหันไปมองผู้ชายอีกสองคนที่ยืนขนาบข้างบิดาพศิกา นันทิพัฒน์เห็นปืนพกพาเหน็บไว้ที่เอว เขาแอบกลืนน้ำลายด้วยความหวาดเสียว เขารู้ว่าพศิกาเป็นลูกสาวนายตำรวจ ก็จากตอนที่รถมาจอดที่หน้าบ้านเธอ แล้วเห็นป้ายชื่อบ้านนั่นแหละ จึงเห็นยศศักดิ์ตำรวจเต็มสองตา ‘ พล.ต.ท. สุรพศ พัตร์พิมล ’
ชายหนุ่มจึงยิ่งต้องลอบกลืนน้ำลายทันทีที่รู้ว่าเขานั้นต้องหาข้ออธิบายให้ สมเหตุสมผลมากแค่ไหน ถึงจะสามารถออกจากบ้านหลังนี้ไปได้อย่างปลอดภัย ยิ่งเห็นสายตาของสุรพศจ้องเขม็งมาที่เขาอย่างคาดคั้นจะเอาคำตอบมากแค่ไหน ใจเขายิ่งร้อนรุ่มมากเท่านั้น นันทิพัฒน์สูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ ผมต้องขอโทษแทนพวกคนงาน ของผมด้วยนะครับที่ก่อเรื่องเข้าทำให้เกิดความวุ่นวายใหญ่โต ”
คิ้วหนาของสุรพศยิ่ง ขมวดเข้าหากันเป็นปม มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ยิ่งมองไปที่ร่างน้อยของบุตรสาว เห็นเสื้อผ้ามีความผิดปกติไม่เหมือนเดิม เส้นประสาทที่ปากเขาก็ยิ่งกระดิกด้วยความพิโรธ
“ เกิดอะไรขึ้นกับลูกสาวผม กรุณาเล่ามาให้ละเอียด ”
ยิ่งได้ยินเสียงตะคอก คาดคั้น เขายิ่งต้องทำใจให้เป็นปกติ เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นนี้
“ รถคุณพิณเสียระหว่าง ทาง เธอจึงต้องจอดรถแล้วลงมามองหาคนขอความช่วยเหลือ แต่บริเวณนั้นเปลี่ยวมาก พวกคนงานขี้ยาของผมเกิดเดินผ่านมาเห็นเธอเข้าพอดี จึงคิดจะ... ขืนใจเธอ แต่โชคดีที่น้องชายผมเห็นเข้าเธอจึงปลอดภัย แต่คุณพิณสลบไปก่อน ผมจึงรอเธอฟื้นแล้วพากลับมาส่งบ้านครับ ”
จริงตามที่เขาพูดทุก ประการ แต่คำว่าละเอียดของสุรพศ นันทิพัฒน์ก็ขอเล่าอย่างละเอียดเท่าที่เขาเล่าได้ บางอย่างเขาขอปิดเป็นความลับ หวังว่าท่านคงไม่ว่าอะไร
“ จริงหรือเปล่าพิณ! ”
เมื่อฟังคำอธิบายของ นันทิพัฒน์จบ เขาจึงหันไปถามบุตรสาว พศิกาที่กำลังนั่งกอดบิดาอยู่จึงตอบเสียงสั่น
“ ค่ะพ่อ เป็นความจริงค่ะ ”
สุรพศจ้องมองลึกลงไปในดวงตาของบุตรสาว ครั้นเห็นแววตาจริงจัง ไม่ได้หลบตาเขาอย่างมีพิรุษ เขาจึงพยักหน้าเบาๆอย่างเหนื่อยใจ มือที่โอบกอดบุตรสาวแน่นมากยิ่งขึ้นด้วยความหวงแหน
“ ขอบคุณมากที่ช่วยพา ยัยพิณมาส่งบ้าน... ยัยพิณ... ไปพักผ่อนเถอะลูก วันนี้ลูกเจออะไรมาเยอะแล้ว พักงานสักวันนะ ”
“ ค่ะพ่อ ”
พศิกาตอบเสียงแผ่ว นันทิพัฒน์เห็นว่าสถานการณ์เริ่มคลายลงให้เขาได้พอมีที่หายใจบ้างแล้ว ชายหนุ่มจึงรู้ตัวว่าถึงเวลากลับบ้านของตนเองเสียที
“ เรื่องรถของคุณพิณ ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมจะจัดการให้แล้วส่งคืนภายในสองสามวันนี้ ส่วนเรื่องคนงานที่ทำร้ายคุณพิณ ผมจะจัดการลงโทษอย่างสาสมแน่นอน ”
ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ มีแต่การพยักหน้าให้เท่านั้น
“ สัน! ส่งแขกให้ฉันด้วยนะ ”
“ ได้ครับคุณพศ ”
นายสันรับคำก่อนจะหัน มาผายมือให้ชายหนุ่ม นันทิพัฒน์ชำเลืองมองพศิกา เห็นหญิงสาวหันมามองเขาแวบนึง ก่อนจะรีบหลบตาเมื่อเห็นว่าเขากำลังจ้องเธออยู่ ชายหนุ่มแอบอมยิ้มก่อนจะเดินออกไปจากบ้าน เท่านั้นแหละ พศิกาจึงมีโอกาสหันกลับมามองเขาอีกครั้ง พลันคิดหมั่นไส้อย่างไม่รู้สาเหตุ
เชอะ! ทำเป็นเสียงหล่อใส่คุณพ่อเธอ ไม่รู้ดีหรือร้ายที่เขาไม่ถูกคุณพ่อลั่นปืนใส่หัว แต่ยังไงก็ตาม วันนี้เธอก็ปวดหัวเหลือเกินกับสิ่งที่เกิดขึ้น หวังว่าตื่นขึ้นพรุ่งนี้ ความหวาดกลัวจากเหตุการณ์ร้ายๆมากมายในวันนี้จะมลายหายไปกับสายลม เธอหวังว่า... จะเป็นเช่นนั้น
ไม่เพียงแต่พศิกาที่วิตกกังวลกับเรื่องที่เกิดขึ้น นันทิ พัฒน์เองก็เพิ่งรู้สึกโล่งอก เป่าปากถอนหายใจออกมาดังๆได้ก็ตอนที่เขาก้าวเข้ามาเหยียบในห้องนอนตัวเอง แล้ว ศีรษะหนักๆวางทับมือใหญ่ที่ซ้อนกันไว้ ดวงตาคมเหม่อมองไปไกลแสนไกลด้วยหลากหลายความรู้สึก เขามองเห็นแต่หน้าเรียวสวยของพศิกาวนเวียนไปมาอยู่ในหัวสมองของเขา
ไม่สิ... นี่เขาคิดอะไรอยู่... ทำไมถึงรู้สึกแปลกๆกับผู้หญิงที่พบกันเพียงวันเดียว ทำไมจึงเกิดความรู้สึกดีกับเธอ ยามที่ได้คุยกันเพียงไม่ถึงวัน ยามที่พบหน้าไม่ถึง 24 ชั่วโมง
ไม่หรอก... เขาคงแค่สงสารเธอที่หญิงสาวต้องมาพบเหตุการณ์เลวร้ายตลอดทั้งวัน เขาคงไม่ได้มีความรู้สึกดีกับหญิงสาวที่เจอหน้ากันไม่ถึงหนึ่งวันเต็มๆหรอก มันคง... น่า ขำถ้าเป็นเรื่องจริง
ความคิดในภวังค์มลายหายไปเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูอย่างแรง คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน ใครมาหาเขาค่ำมืดป่านนี้
“ ใครน่ะ! ”
ไม่มีเสียงตอบรับ แต่กลับรัวมือใส่ประตูไม่ยั้ง จนคนฟังในห้องทนไม่ไหว เขาลุกพรวดออกไปเปิดทันใด แต่ไม่วายมีความรอบคอบ หยิบแจกันใบเล็กที่พร้อมเขวี้ยงใส่ศีรษะคนแปลกหน้ายามวิกาล แต่เมื่อประตูเปิดออก กลับพบว่าคนตรงหน้าคือ...
กุลพัทธ์!!!
“ พ่อเรียกพบแก! ”
“ อายุทธเรียกพบฉัน กลางดึกแบบนี้น่ะหรือ ”
เขาหรี่ตาถามอย่างแปลกใจ
“ หลังอาหารเช้าวัน พรุ่งนี้ แกไปพบพ่อที่ห้องด้วย ”
พูดจบกุลพัทธ์ก็หมุนตัวเดินออกไป เหมือนจะบอกความหมายนัยๆว่า ถ้าไม่มีธุระอะไรคงไม่มาพบหน้าเขา นันทิพัฒน์ยักไหล่อย่างไม่แคร์ พวกเขาทั้งสองต่างคนต่างอยู่ เพราะต่างรู้ดีอยู่แก่ใจว่าไม่ชอบหน้ากันเท่าไหร่ การเกลียดขี้หน้ากันอย่างเปิดเผย พิยุทธก็ทราบดี หากแต่เขาไม่ว่าอะไร เพียงแต่อย่ามาทะเลาะกันให้เขาเห็นเป็นพอแล้ว
ว่าแต่... อายุทธเรียกพบเขาด้วยเรื่องอะไรกัน หรือจะเกี่ยวข้องกับ... ผู้หญิงคนนั้น!!!
รถยนต์คันหรูพุ่งทะยานเข้ามาจอด ชิดริมรั้วบ้านพศิกา รวิภาสก้าวลงมาจากรถ ก่อนจะหันมองรอบตัวบ้านด้วยความร้อนรน นายสันและนายศรเดินแกมวิ่งเข้ามาหาแขกหนุ่มยามวิกาล ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ มาพบใครครับ ”
“ ผมมาหาน้องพิณ เธอกลับมาหรือยัง ”
“ กลับมาแล้วครับ คุณพิณอยู่ด้านใน เชิญครับ ”
นายสันตอบก่อนจะผายมือ เชื้อเชิญชายหนุ่ม เขาก้มตัวแสดงความขอบคุณก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปด้านในบ้านก็พบสุรพศนั่งอ่าน หนังสือพิมพ์อยู่ เมื่อชายวัยกลางคนเห็นรวิภาส เขาก็ลุกขึ้นยืนทันทีก่อนจะยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“ มาหายัยพิณใช่ไหม! ”
“ ครับ เธอกลับมานานหรือยังครับคุณอา ”
“ สักสามสี่ชั่วโมงได้ แล้วล่ะ จะคุยกับยัยพิณใช่ไหม อาจะได้ขึ้นไปเรียกให้ ”
พูดจบเขาก็วางหนังสือ พิมพ์ลงทำท่าจะเดินขึ้นบันไดไป แต่ชายหนุ่มกลับรั้งเอาไว้ก่อน
“ เอ่อ... ไม่ต้องก็ได้ครับ แค่เห็นว่าเธอปลอดภัยผมก็สบายใจ ไม่รบกวนแล้วดีกว่า ”
เขาไม่อยากให้เธอต้อง ลงมา เพราะหายไปทั้งวัน อาจเกิดเรื่องอะไรไม่ดีขึ้นทำให้เธอไม่สบายใจและยังหวาดผวาอยู่ ชายหนุ่มรอให้ถึงวันพรุ่งนี้แล้วเขาค่อยถามเธอก็ยังไม่สาย
แต่เมื่อร่างที่กำลังหันหลังกลับ ต้องชะงักเท้าเพราะได้ยินเสียงหวานคุ้นหูจากด้านหลัง
“ พี่รัส! ”
“ น้องพิณ... ”
เขาพึมพำอย่างดีใจที่เธอลงมาหาเขา พศิกายิ้มหวานเดินมาหาพี่ชายแสนดี
“ มีอะไรคะถึงมาที่ บ้านเสียดึกเชียว ”
“ พี่แค่มาดูว่าน้องพิณถึงบ้านอย่างปลอดภัยหรือยัง ”
รวิภาสยกมือขึ้นลูบ ศีรษะหญิงสาวอย่างเอ็นดู ผู้หญิงที่เขาเฝ้ามองมานาน เมื่อหายไปทั้งวันเขาย่อมร้อนรนอยู่แล้ว แต่ในเมื่อเธอกลับมาอย่างปลอดภัยและมายืนยิ้มอยู่ตรงหน้าเขาได้ ชายหนุ่มก็สุขใจแล้ว
“ ขอบคุณพี่รัสมากนะคะที่เป็นห่วง พิณไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ แค่รถเสียระหว่างทาง เลยต้องจัดการเรื่องรถอยู่นาน เพราะแถวที่รถเสียไม่มีคนสัญจรผ่านไปมาเลย ”
เธอไม่อยากเล่าหมด เพราะไม่อยากให้พี่ชายแสนดีต้องเป็นกังวลไปมากกว่านี้ แค่ที่เขาบึ่งรถมาหายามวิกาลเพราะความเป็นห่วง เธอก็ซาบซึ้งใจมากพอแล้ว
“ แค่เห็นน้องพิณ ปลอดภัยพี่ก็อุ่นใจแล้วล่ะ พรุ่งนี้ไม่ว่าจะมีธุระอะไร พี่จะไม่ปล่อยให้น้องพิณขับรถไปเองอีกแล้ว วันพรุ่งนี้พี่จะมารับน้องพิณไปทำงานเอง ”
“ ค่ะพี่รัส อย่าติดธุระอะไรกะทันหันอีกแล้วกัน ”
เธอพูดติดตลก มือใหญ่นั้นยิ่งยีหัวเธออย่างแสนรัก เขามีความสุขที่ได้คุยกับเธอทุกวัน แค่ได้มองห่างๆ แต่ใกล้กันแบบนี้ เขาก็พอใจแล้ว เรื่องหัวใจ มันบังคับกันไม่ได้ เขาจะค่อยๆซึมซับความห่วงใย ความหวังดี ที่กลั่นกรองมาจากหัวใจเขาถ่ายทอดให้เธอทีละน้อย จนกว่าเธอ... จะรับรักเขาสักวัน
รวิภาสไปแล้ว แต่ในดงมืดข้างพุ่มไม้หนานั้น มีชายชุดดำสองคนกำลังทำอะไรบางอย่าง ก่อนผลุบหายไปจากอาณาบริเวณบ้านของพศิกา ราวกับว่า... ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เช้าวันรุ่งขึ้น บรรยากาศบนโต๊ะอาหารของบ้านธนกฤติเงียบเชียบเหมือนเคย ไม่มีการพูดคุย มีแต่เสียงกระทบกันของช้อนส้อมเท่านั้น เมื่อพิยุทธทานข้าวเสร็จ เขารวบช้อนเข้าหากันก่อนจะถามกวิสรา
“ กิจการสปา ไปได้ด้วยดีไหมยัยวิ ”
“ ช่วงนี้ลูกค้าเยอะค่ะคุณพ่อ ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับเข้าหน้าร้อนหรือเปล่า คนถึงอยากมาผ่อนคลายกันด้วยสปาหลากหลายรูปแบบของร้านวิ ”
กวิสราพูดยิ้มๆด้วย ความภูมิใจ กุลพัทธ์อดแซวไม่ได้
“ ลูกค้าเยอะที่ไหน ตอนพี่ไปยังนับคนได้เลย ”
หญิงสาวค้อนพี่ชายตา เขียว ก่อนจะเถียงให้คนฟังได้เจ็บใจ
“ ที่ลูกค้าน้อยวัน นั้นไม่ใช่เพราะร้านวิหรอกค่ะ แต่เป็นเพราะหน้ามหาโจรอย่างพี่กรไปโผล่ให้ลูกค้าวีไอพีของวิเห็นต่างหาก เขาถึงได้รีบวิ่งออกจากร้านแทบไม่ทัน ”
“ ยัยวิ! นี่แกหาว่าฉันหน้าเหมือนโจรหรือ ”
กุลพัทธ์แยกเขี้ยวใส่ ก่อนโถมร่างตนเข้าหาน้องสาวทำท่าจะบีบคอให้หายแค้น แต่มีหรือที่หญิงสาวจะอยู่ให้โง่ เธอรีบวิ่งออกจากห้องอาหารทันที ทั้งๆที่ข้าวก็ยังไม่หมดจาน กุลพัทธ์ไม่ได้ตามไป แม้จะได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของน้องสาวก็ตาม พิยุทธส่ายหน้าอย่างเอือมระอา ก่อนจะหันมาทำหน้าเครียดใส่นันทิพัฒน์ เขาไม่พูดอะไร หากแต่วางผ้าเช็ดปากไว้บนโต๊ะแล้วเดินออกจากห้องอาหารไป นันทิพัฒน์ปรายตามองกุลพัทธ์แวบนึง ก่อนจะลุกตามพิยุทธออกไป กุลพัทธ์เห็นแล้วก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ เขากัดฟันพูดออกมาอย่างฉุนเฉียว
“ พ่อเรียกพบมันเรื่อง อะไรกันแน่! ”
“ มีเรื่อง อะไรหรือครับอายุทธ ”
นันทิพัฒน์ถามเสียง สุภาพ พลางนั่งลงหน้าท่าน ชายวัยกลางคนหันมาก่อนจะถอนหายใจแล้วพูดขึ้นช้าๆ
“ แกจำผู้หญิงคนเมื่อ วานได้ไหม ”
“ จำได้ครับ อามีอะไรหรือเปล่า ”
เขาถามอย่างสงสัยใคร่ รู้ มันเกี่ยวข้องกับเธอจริงๆ
“ เมื่อวานฉันให้นัก สืบไปสืบประวัติคนที่บ้านนั้นทั้งหมด จึงรู้ว่าพ่อเธอเป็นคนคุมคดีค้าไม้เถื่อนที่เรากำลังทำกันอยู่ ”
“ นี่อาสะกดรอยตามผม! ”
เขาเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอ ใจ เมื่อรู้ว่าพิยุทธส่งนักสืบสะกดรอยตามเขาตอนชายหนุ่มไปส่งหญิงสาวที่บ้าน
“ ถ้าไม่ทำอย่างนั้นฉันก็ ไม่มีวันรู้ว่าพ่อของนังผู้หญิงคนนั้นที่แท้แล้วก็กำลังหารือจับกุมพวกเรา อยู่น่ะสิ ”
พิยุทธพูดพลางส่งจี้รูปหัวใจของพศิกาให้ชายหนุ่ม เมื่อเขาเปิดออกก็เห็นภาพนายตำรวจซึ่งก็คือพ่อของพศิกา และหญิงสาวยืนเคียงคู่กอดกันด้วยรอยยิ้ม
“ จากที่ให้นักสืบไปสืบมา เมื่อวาน นายตำรวจคนนั้นก็คือพ่อของนังเด็กนั่น ชื่อ พล.ต.ท.สุรพศ พัตร์พิมล ส่วนนังผู้หญิงที่มาสลบอยู่บ้านเราชื่อพศิกา พัตร์พิมล แกไปส่งเธอมาที่บ้าน คงรู้ก่อนแล้วสินะ ”
“ แล้วไงครับ ผมบอกไว้ตรงนี้เลยนะครับอาว่าผมไม่มีวันฆ่าใคร ”
เขาพูดเสียงหนักแน่น แววตามุ่งมั่นปรากฏให้พิยุทธเห็น คนมองยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ ฉันไม่ได้ให้แกไปฆ่า ใคร แค่อยากวานให้ช่วยทำอะไรให้หน่อยก็เท่านั้น ”
“ อะไรครับ! ”
เขาถามสั้นๆ พลางตีหน้านิ่ง
“ แกใช้นัง ผู้หญิงคนนั้นเป็นเครื่องมือในการเค้นเอาข้อมูลของพวกตำรวจเกี่ยวกับคดีค้า ไม้เถื่อนมาให้ฉัน ”
“ แล้วทำไมต้องเป็นผม! ”
คำถามสั้นเช่นเคย ชายหนุ่มถามอย่างจริงจัง คนที่ไม่ใช่สายเลือดแท้ๆอย่างเขาทำไมต้องรับงานนี้ ทำไมท่านถึงไม่ให้ลูกในไส้ตัวเองไปทำ
“ ไอ้กรนิสัยมันเป็นยังไง ใครๆก็รู้ ฉันไม่มีวันไปเสี่ยงกับมันหรอก แต่ถ้าเป็นแกฉันก็ยังพอไว้ใจได้ว่าจะไม่ทำเสียเรื่อง ”
“ ผมขอปฏิเสธ อาก็รู้ว่าผมไม่ชอบทำอะไรแบบนี้ โดยเฉพาะการหลอกลวงคนอื่น ”
เขาพูดจบก็เดินไปที่ ประตูเตรียมออกจากห้อง เสียงทรงพลังดังขึ้น
“ หยุดนะไอ้นน! ”
นันทิพัฒน์ถอนหายใจก่อนจะหันกลับมาทั้งตัว
“ ผมขอเถอะครับอา อย่าบังคับในสิ่งที่ผมไม่อยากทำ ”
“ ถ้ามันไม่อยากทำ ผมทำให้ก็ได้ครับพ่อ ”
ประตูห้องเปิดออกพร้อมเสียงประกาศกร้าว กุลพัทธ์เดินเข้ามาด้วยหน้าถมึงทึง ที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เอง เขาแอบยืนฟังหน้าประตูห้องตั้งนานจนทนไม่ไหว ในเมื่อมันไม่อยากทำ เขาก็จะทำเอง ทำไมต้องให้เด็กกำพร้าอย่างมันมาทำงานนี้ด้วย เขาเต็มใจอย่างยิ่งที่จะทำมากกว่า
“ แกน่ะหรือจะทำได้ ”
พิยุทธพูดน้ำเสียงไม่ เชื่อใจ
“ โธ่! พ่อครับ ทำไมต้องให้ไอ้เด็กกำพร้าอย่างมันมาทำงานนี้ให้พ่อด้วย ผมก็อยู่ทั้งคน ผมทำให้ก็ได้ ”
“ ให้เชื่อใจคนอย่างแก ฉันสู้เชื่อใจคนอย่างมันไม่ดีกว่าหรือไง ”
กุลพัทธ์หน้าเสีย เขาเห็นนันทิพัฒน์ลอบยิ้มอย่างสะใจ เท่านั้นเลือดหนุ่มก็เดือดพล่าน หน้าแตกยังไม่พอ ยังถูกเยาะทางสีหน้าอีก ความอดทนจึงขาดผึง เขากระโจนเข้าใส่ ก่อนจะกระชากเสื้อนันทิพัฒน์เข้ามาหาตัวด้วยความโกรธจัด
“ แกเยาะฉันหรือห๊ะไอ้ นน! ”
“ ไอ้กร! หยุดเดี๋ยวนี้นะ ”
พิยุทธห้ามเสียงแข็ง ทำไมสองคนนี้อยู่ด้วยกันทีไรเป็นต้องกัดกันทุกที จะมีสักวันไหมที่เขาเห็นมันสองคนจับมือสัมพันธไมตรี คงไม่มีวันนั้น
“ ก็ไอ้บ้านี่มันเยาะ ผม! ”
กุลพัทธ์กัดฟันพูด แค่พ่อให้มันทำงานนี้แทนที่จะเป็นเขาก็เสียหน้ามากพออยู่แล้ว มันยังทำหน้าเยาะใส่เขาให้เสียเชิงชายอีก แบบนี้เขายอมไม่ได้!!!
“ พอสักที! นน! อาขอแค่สองเดือน ทำงานนี้ให้ฉันหน่อย เค้นเอาข้อมูลจากพวกตำรวจมาให้มากที่สุด ขอเพียงในสองเดือนนี้ที่เราทำธุรกิจไม้กับลูกค้ารายใหญ่แล้วหลบสายตำรวจได้ ทุกครั้งเป็นพอ ต่อจากนั้นฉันจะไม่ยุ่งกับชีวิตส่วนตัวของแกอีกเลย ”
นันทิพัฒน์ลังเล แต่เมื่อเห็นกุลพัทธ์จ้องหน้าเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เขาจึงยิ้มเยาะอีกครั้ง ก่อนจะตอบตกลงพิยุทธ
“ ตกลงครับ แต่แค่สองเดือนเท่านั้น หลังสองเดือน ผมจะกลับไปใช้ชีวิตตามปกติของผมตามเดิม ”
ชายหนุ่มสะบัดมือกุล พัทธ์ออกอย่างแรงก่อนจะเดินออกไป กุลพัทธ์เห็นความหยิ่งยโสของนันทิพัฒน์แล้วยิ่งโมโหโกรธา มันเป็นแค่เด็กกำพร้าคนนึง แต่มันกล้ายิ้มเยาะใส่เขา
“ พ่อ! ทำไมพ่อหักหน้าผมอย่างนี้ ”
เขาโพล่งใส่บิดาไม่ ยั้งด้วยความโกรธจัด โกรธที่ถูกบิดาหักหน้าจนพังยับไม่มีชิ้นดี โกรธที่มันทำอะไรเหนือกว่าเขาทุกอย่าง ทำไมเขาไม่เคยเด่นกว่ามัน จะมีอะไรไหมที่เขาเด่นกว่ามันบ้าง
“ แกก็เลิกหิ้วผู้หญิง เข้าโรงแรมไม่ซ้ำหน้า เลิกใช้เงินฟุ่มเฟือย แล้วหันมาช่วยงานฉันอย่างจริงจังสักทีสิ อย่าใช้ตำแหน่งผู้ช่วยจอมปลอมของแกอาศัยเงินใช้ไปวันๆอย่างสิ้นเปลือง เผื่อฉันจะหันมาไว้ใจคนอย่างแกบ้าง ”
ผู้ เป็นบิดาพูดไม่ไว้หน้าก่อนจะเดินออกจากห้องไปอีกคน ทิ้งให้ชายหนุ่มกัดฟันกำมือแน่นอยู่ในห้องตามลำพัง ด้วยความโกรธแค้นคนที่มันทำให้เขาต้องถูกบิดาว่าเสียๆหายๆ โดยไม่ได้ดูตัวเองเลยว่าเขานั่นแหละที่เป็นสาเหตุทำให้บิดาไม่ไว้วางใจมาก แค่ไหน
นันทิพัฒน์เดินดุ่มๆออกจากห้องทำงานของพิยุทธได้ไม่นาน กวิสราที่แอบหลบมุมอยู่ก็ลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก ด้วยเพราะเธอนั่งยองๆแอบฟังอยู่เป็นเวลานานนั่นเอง แต่ความที่อยู่ไกล แม้จะอิงหูเข้ากับกำแพงเพื่อดักฟังมากแค่ไหน สุดท้าย เธอก็ได้เพียงแต่ข้อสรุปที่ว่า...
พ่อให้พี่นนไปหาผู้หญิงคนเดิมกับที่เธอสลบอยู่บ้านเราเมื่อวานนี้ แต่... ด้วยเพราะเหตุผลใดนั้น เธอก็ไม่อาจจับใจความได้ทัน หากแต่ความสงสัยในใจ กวิสราก็ไม่เคยทิ้งให้กังวลใจในหัวสมอง นิสัยเธอคือไม่ยอมแพ้และไม่ยอมใคร ในเมื่อมีปริศนา เธอก็ต้องแก้ หญิงสาวแอบเดินตามนันทิพัฒน์ไปเงียบๆ พบว่าเขาไปหยุดยืนอยู่ที่หน้ารถตนเอง
นันทิพัฒน์ถอนหายใจ ที่เขารับปากอาว่าจะช่วย เหตุผลบ้าบอส่วนหนึ่ง ก็คืออยากเห็นสีหน้าคนแพ้อย่างกุลพัทธ์เท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆเขาก็ไม่อยากหลอกลวงใคร โดยเฉพาะลูกสาวนายตำรวจอย่างพศิกา
เขากับเธอไม่รู้จักกันมาก่อน แล้วเขาจะทำร้ายเธอได้ยังไง คิดแล้วก็กังวลยิ่งนัก แต่หากเขาปฏิเสธและเดินออกมา อายุทธคงไม่รามือเท่านี้แน่ พิยุทธอยากได้อะไรก็ต้องได้ เรื่องนี้เขารู้ดี เขาหวังแต่เพียงว่าสองเดือนนี้ มันจะผ่านไปเร็วเหมือนสองวัน เขาหวังเช่นนั้น...
มือใหญ่เปิดจี้ออกอีกครั้ง ครั้นเห็นหน้าเรียวสวยยิ้มแย้มด้วยความสุข เขายิ่งรู้สึกผิดลึกๆ แต่ของสำคัญแบบนี้เขาไม่อยากเก็บไว้ คงต้องไปคืนเธอด้วยตัวเอง คิดแล้วนันทิพัฒน์ก็ก้าวขึ้นรถของตนเองทันที ก่อนที่รถจะพุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว โดยมีกวิสราแอบขับรถตามไปห่างๆ เธออยากรู้เหลือเกิน ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกันแน่ แล้วพี่ นนไปหาเธอทำไม
รถของนันทิพัฒน์ขับเคลื่อนเข้ามาจอดหน้าบ้านพศิกา เขากวาดตามองรอบตัวบ้านอีกครั้ง เมื่อคืนวานยังเห็นไม่ชัด เพราะค่ำคืนอันมืดสนิท แต่วันนี้เขาเห็นบรรยากาศรอบๆชัดเต็มสองตา จึงเพิ่งสังเกตเห็นว่าบ้านหญิงสาวตกแต่งประดับประดาด้วยไม้ดอกไม้ประดับรอบ ตัวบ้าน กลางบ้านมีน้ำพุขนาดย่อมตั้งอยู่ น้ำพุพุ่งทะยานออกมาจากหินอ่อนรูปหัวใจสีเลือดหมูอันสวยงาม เห็นแล้วรื่นรมย์ใจอย่างบอกไม่ถูก ตัวบ้านแม้ไม่ใหญ่มากนัก แต่เขารู้ดีว่าฐานะเธอดีเพียงใด ไม่อย่างนั้นบ้านคงไม่สวยเจิดจรัสเช่นนี้หรอก
พศิกานั่งรอรวิภาสที่ห้องนั่งเล่น แต่ฟ้าช่างเป็นใจ ทำให้หญิงสาวเดินออกมารับลมที่หน้าบ้าน พลันสายตาเหลือบไปเห็นรถยนต์สีสวยจอดอยู่ อะไรก็ไม่แปลกประหลาดใจเท่าผู้ชายที่ก้าวลงมาจากรถ เป็นคนเดียวกับผู้ชายที่มาส่งเธอเมื่อวานนี้ หญิงสาวเดินดุ่มๆไปหาทันใด
“ มาทำอะไรคะ! ”
เธอถามเสียงเรียบ นันทิพัฒน์ถอดแว่นตาดำออก เผยให้เห็นหน้าคมเข้มชนิดที่ทำให้คนมองหัวใจละลาย แต่ใช้ไม่ได้กับเธอ นันทิพัฒน์ระบายยิ้มอย่างเป็นมิตร แต่หญิงสาวกลับอยากรู้จุดประสงค์ที่เขาบึ่งมาหาเธอถึงบ้านมากกว่า
“ มาถึงทั้งทีกลับต้อน รับเหมือนผมเป็นคนแปลกหน้ายังไงยังงั้น ”
“ บอกธุระของคุณมาดี กว่า ถ้าไม่มีธุระอะไร คุณคงไม่มาถึงหน้าบ้านตำรวจ ”
เธอเน้นคำว่า ‘ ตำรวจ ’ ชัดถ้อยชัดคำ ชายหนุ่มเผลอลอบกลืนน้ำลาย ก่อนจะทำสีหน้าปกติ และยิ้มให้ด้วยรอยยิ้มพราวเสน่ห์
“ ถ้าผมไม่มีธุระอะไร แล้วผมมาหาคุณไม่ได้หรือ ”
คำพูดกวนประสาทของเขา ทำเอาเธอเดือดจัด คนเขาก็ต้องทำมาหากิน ไมได้มีเวลามายืนคุยไร้สาระกับคนเจ้าเล่ห์ไม่น่าไว้ใจเช่นเขา
“ ถ้าคุณต้องการจะมาทำตัว ไร้สาระหน้าบ้านฉันเช้าๆอย่างนี้คุณก็กลับไปดีกว่า ฉันจะเข้าบ้านแล้ว! ”
เธอหมุนตัวเดินกลับไป หากแต่ชายหนุ่มไม่ได้เข้าไปรั้งตัวหรือดึงมือเธอไว้ เขาทำเพียงแค่พูดขึ้นประโยคหนึ่ง
“ สงสารจังไอ้จี้ locket สวยๆที่เจ้าของมันไม่ต้องการ แต่ไม่เป็นไร ผมเก็บเอาไว้ก็ได้ บางทีอาจจะนอนหลับฝันดีถ้าเห็นหน้าใครบางคนในจี้นี้ ”
สัญชาตญาณบางอย่างทำ ให้พศิกาก้มลงมองลำคอระหงของตนโดยอัตโนมัติ ดวงตาหวานเบิกกว้าง คุณพระช่วย! อารามตกใจกับเหตุการณ์เมื่อวาน ทำให้เธอลืมสำรวจอะไรไปสิ่งหนึ่ง นั่นคือจี้ locket สี เงินรูปหัวใจที่เธอรักมากที่สุด เธอเก็บรูปที่ถ่ายกับบิดาไว้ในจี้แสนสวยนั่น ตอนนี้มันไม่อยู่กับตัวเธอแล้ว แสดงว่าตอนนี้มันอยู่กับ...
“ นี่คุณขโมยของของฉันหรือ! ”
............................................................................................................................................................
- หุหุ เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆแล้วน้า ฝากนิยายเรื่องนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยค่ะ รู้แค่ว่ากุลพัทธ์ไม่ถอดใจหรือรามือง่ายๆแน่ จะเอาคืนพระเอกยังไง เรามารอดูกันดีกว่า แล้วคุณนนจะรับมือได้ไหมน้า ภัยรอบตัวเสียขนาดนี้
พระเอกนี่ก็ช่างเจ้าเล่ห์ได้ใจ ยังอุตส่าห์ไปกวนน้องพิณถึงหน้าบ้าน 'ตำรวจ' ได้อีก หุหุ ช่างไม่กลัวตายเสียนี่กระไร
เอาล่ะ! อ่านคู่แรกไปหนำใจพอแล้วหรือยังเอ่ย พร้อมจะอ่านการมาพบกันอย่างแสนจะ 'สวยงาม' ของคู่สองแล้วยังน้า (ย้ำ! สวยงามนะเออ หุหุ) น้องวิกับพี่รัสพร้อมจะให้คุณผู้อ่านได้ลุ้นไปกับความรักพร้อมรอยยิ้มด้วย ความเขินไปกับความน่ารักและ... อะไรนั้น ไปลุ้นเองนะ ^_____^ รับรองความน่ารักและ... อะไรบางอย่าง คิกๆ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ