คดีร้าย พ่ายพิศวาส (สำนักพิมพ์ simplybook ตีพิมพ์)

-

วันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2555 เวลา 17.38 น.

  5 ตอน
  1 วิจารณ์
  10.85K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) กำมือโจร 100%

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
 
ตอนที่ 2 กำมือโจร
     เสียงโทรศัพท์มือถือที่กรีดร้องไม่หยุด ทำให้สุรพศซึ่งเพิ่งจะเตรียมตัวออกจากบ้านไปทำงาน ถึงกลับหยุดชะงัก นายศรวิ่งเข้ามาหาก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือพศิกาส่งให้สุรพศ เขาหยิบมาดูปลายสาย ก่อนจะถอนใจแรงๆ
     “ นายรัสโทรเข้ามือถือยัยพิณ ลูกคนนี้สะเพร่าจริงๆ ลืมมือถือไว้ที่บ้านเสียอย่างนั้น ”
     เขาส่ายหน้าในความไม่รอบคอบของบุตรสาว โดยยังไม่รู้ถึงเหตุการณ์ร้ายๆที่เกิดขึ้นกับพศิกา สุรพศกดรับสายของรวิภาสก่อนจะคุยด้วยตนเอง
     “ ฮัลโหล! น้องพิณหรือ! ”
     น้ำเสียงของรวิภาสร้อนใจยิ่งนัก แต่เสียงที่ตอบกลับไม่ใช่เสียงที่เขารอคอย
     “ ไม่ใช่ยัยพิณหรอก นี่อาเอง ”
     “ อ้าว! คุณอาพศ ทำไม... ”
     “ ยัยพิณลืมมือถือไว้ มีอะไรหรือ ทำไมอยู่ดีๆถึงโทรเข้ามือถือลูกสาวอา ยัยพิณไม่ได้ทำงานอยู่ที่รีสอร์ทรึ? ”
     เขาถามอย่างสงสัยแกม ร้อนใจ เพราะหากพศิกาทำงานอยู่ที่รีสอร์ทจริง รวิภาสไม่มีทางโทรเข้ามาที่มือถือเธอแบบนี้
     “ ไม่นี่ครับคุณอา หลังจากที่ผมทำธุระเสร็จตอนเช้า ผมก็รีบเดินไปหาเขาที่ล็อบบี้ แต่ผมกลับไม่พบตัวน้องพิณ พอสอบถามพนักงานที่เป็นเพื่อนกับเขา กลับได้รับคำตอบว่าน้องพิณยังไม่ได้เข้ารีสอร์ทมาทำงานตั้งแต่เช้าเลย ”
     “ รัสว่าอะไรนะ! เป็นความจริงหรือ ”
     สุรพศอุทานออกมาด้วยความตกใจยิ่งนัก เขารู้สึกชาวาบไปทั้งร่างเมื่อเห็นว่าบุตรสาวคนเดียวหายไป ที่ทำงานก็ไม่อยู่ แล้วเธอไปไหน เธอหายไปไหน!
     “ นี่แสดงว่าน้องพิณออกจากบ้านตั้งแต่เช้าแล้วใช่ไหมครับ ”
     “ ใช่! ทีแรกอาจะให้นายสันขับรถตู้ไปส่งที่ รีสอร์ท แต่ยัยพิณเขาปฏิเสธ เขาต้องการจะขับรถของตัวเองไปทำงาน อาก็เลยตามใจเขา ”
     รวิภาสร้อนรุ่มดั่งไฟ เผา เธอหายไปไหน! ทำไมเธอไม่มาทำงาน ยิ่งติดต่อไม่ได้โดยตรงเพราะลืมเอามือถือไป ใจเขาก็ยิ่งไม่อยู่กับเนื้อกับตัวด้วยความเป็นห่วงคนที่ตนรัก
     “ ผมจะลองให้พนักงานขับรถของรีสอร์ทออกตามหาดู ถ้าได้เรื่องเมื่อไหร่ผมจะโทรกลับมาบอกคุณอาทันที ”
     “ ได้! อาฝากด้วยนะรัส ”
     รวิภาสวางสายไปแล้ว แต่จิตใจของผู้เป็นพ่ออย่างสุรพศก็อดใจหายไม่ได้ ลูกสาวเขาหายไปทั้งคน เขามีลูกสาวเพียงคนเดียว ขออย่าให้เธอเป็นอะไรไปเลย
     “ เกิดอะไรขึ้นครับคุณพศ! ”    นายสันและนายศรเข้ามาถามพร้อมกัน สุรพศจึงตอบน้ำเสียงเคร่งขรึม
     “ ยัยพิณหายตัวไป ”
     “ คุณพิณหายตัวไป! ”
     สองหนุ่มอุทานพร้อมกัน สุรพศพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะเดินเซซังไปนั่งที่เก้าอี้โซฟา มืออันหยาบกร้านยกขึ้นลูบใบหน้าด้วยท่าทางเครียดๆ เสียงถอนหายใจที่ดังไม่หยุดทำให้นายสันและนายศรเข้าไปคุกเข่าลงข้างๆนายตน เอง
     “ ให้พวกเราช่วยออก ตามหาคุณพิณดีไหมครับ ”
     “ ก็ดีเหมือนกัน ศร! แกโทรไปบอกลูกน้องฉันทีว่าวันนี้ขอยกเลิกการประชุมก่อน สัน! แกเอารถตู้ออกตามหาคุณพิณให้ทั่ว ได้เรื่องเมื่อไหร่ รีบโทรรายงานฉันทันที ”
     “ ครับคุณพศ! ”
     นายสันวิ่งออกไปทันที ส่วนนายศรก็รีบกดโทรตามคำสั่ง สุรพศถอนหายใจอีกครั้ง ใช่ว่าเขาอยากจะให้เรื่องส่วนตัวมาทำให้งานเสียซะเมื่อไหร่ แต่เขาไม่มีกะจิตกะใจจะเรียกประชุมลูกน้องจริงๆ หากเขาไปตอนนี้ ในใจของผู้เป็นพ่อคนหนึ่ง คงมีแต่ลูกสาวเท่านั้น คนที่เขาทั้งหวง ทั้งห่วงยิ่งกว่าชีวิตตนเอง เมื่อแก้วตาดวงใจหายไปทั้งคน ผู้เป็นพ่ออย่างเขายิ่งต้องกังวลมากอยู่แล้วเป็นธรรมดา
 
     “ จะเอายังไงกับเธอดีครับ พ่อ ”
     กุลพัทธ์ถามผู้เป็นบิดาเสียงเครียด เมื่ออยู่ในห้องทำงานสองคน พิยุทธหันไปมองรอบตัว เมื่อเห็นว่าไม่มีใคร เขาจึงพูดขึ้นช้าๆ
     “ เธอเป็นลูกสาวนายตำรวจ... ”    
     “ พ่อว่าอะไรนะครับ! ”
     ชายหนุ่มโพล่งขึ้นด้วย ความตกใจ ยัยนั่นเป็นลูกสาวนายตำรวจอย่างนั้นหรือ
     “ จี้ locket นี่ห้อยอยู่ที่คอเธอ มีรูปเธอและคาดว่าน่าจะเป็นบิดาเธออยู่ในชุดเครื่องแบบตำรวจยืนคู่กัน ”
     พิยุทธถือจี้ locket ของพศิกาเปิดให้กุลพัทธ์ดูประกอบ ดวงตาคมเบิกกว้างเมื่อรู้ว่าเป็นความจริง
     “ แบบนี้ก็ยิ่งปล่อยเอาไว้ไม่ได้สิครับพ่อ ไม่ต้องรอให้เธอตื่นหรอก เดี๋ยวผมสั่งให้ไอ้พวกคนงานลากเธอไปเก็บที่ท้ายป่าเอง ถ้านอกอาณาเขตเราแล้ว ไม่มีใครรู้หรอกว่าเป็นฝีมือพวกเรา ”
     กุลพัทธ์พูดเสียงเหี้ยม แต่พิยุทธกลับตะคอกลูกชายเสียงดัง
     “ ทำอย่างนั้นไม่ได้ ยิ่งเธอเป็นลูกสาวนายตำรวจ เราจะทำอะไรบุ่มบ่ามแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด ”
     “ แต่พ่อครับ เธอเกี่ยวข้องกับตำรวจ ถ้าเธอเกิดรู้เรื่องที่เราค้าไม้ผิดกฎหมายจริงๆ เราไม่ซวยกันหมดหรือครับพ่อ ”
     “ ฉันว่าเธอคงไม่รู้ เรื่องที่เราค้าไม้หรอก เพียงแต่... อาจจะหวาดกลัวไอ้คนงานหน้าโจรพวกนั้น ก็เลยทำตัวมีพิรุษอยู่ปากทางเข้าไร่ แล้วพวกมันก็เลยเข้าใจผิดเอา เพราะถ้าเธอเข้าไปเห็นเราขนไม้กันจริงๆล่ะก็ ป่านนี้คงตายด้วยลูกกระสุนไปนานแล้ว คนของเรากระจอกซะที่ไหน ไม่ได้บ้ากามเห็นผู้หญิงเป็นไม่ได้เหมือนไอ้คนงานที่เราให้ไปออกเวรตรวจเสีย เมื่อไหร่ ”
     คำพูดจี้ใจนั้น กระทบไปถึงบางคนที่กำลังยืนฟังอยู่ เขาเห็นด้วยกับคำพูดของผู้เป็นพ่อ มันก็จริง! ถ้าเธอเข้าไปถึงด้านใน คงไม่มีวันหนีออกมาถึงด้านนอกได้ คงกลายเป็นศพไปแล้ว เธอคงตกใจกลัวพวกคนงานที่มีทั้งมีด และหน้าอย่างกับโจรที่ตระเวนตรวจแถวปากทางเข้าไร่เสียมากกว่า
     “ แล้วจะเอายังไงครับพ่อ จะขังเธอไว้ที่นี่ถึงเมื่อไหร่ ”
     “ รอให้เธอตื่นขึ้นมาก่อน แกค่อยมารายงานฉัน แล้วฉันจะสั่งลงไปเองว่าต้องให้ทำยังไงต่อไป ”
     “ ครับพ่อ ”
     เขารับคำอย่างเสียไม่ได้ หญิงสาวคนนั้นช่างโชคดีนัก เพราะเข้ามาถึงดงเสือ ยังได้รับความปราณีจากบิดาเขา หากเขาเป็นใหญ่ที่นี่เสียเอง เขาคงไม่ปล่อยให้เธอหลุดรอดไปได้แน่!     ร่างบางเริ่มมีการ เคลื่อนไหวร่างกายเล็กน้อย ขนตางามงอนกระตุกไหว กระพริบถี่ขึ้นลงอย่างเร็ว มือบางยกขึ้นกุมศีรษะ พศิกาลืมตาขึ้นช้าๆ แล้วหันมองรอบตัวด้วยความหวาดระแวง ด้วยเพราะสติสุดท้ายก่อนจะหมดสติไปจากการกระทำของชายชั่วทั้งสองนั้น คือเธอกำลังเสียเปรียบและตกอยู่ในอันตราย แล้วนี่... แล้วนี่มันที่ไหนกัน!!!
     “ อ้าว! ตื่นแล้วหรือคุณ ”
     พศิกาหันไปมองต้นเสียง นันทิพัฒน์ถามเสียงอ่อนโยนพลางเดินเข้าไปหาเธอใกล้ๆ แต่หญิงสาวกลับถอยหนีอย่างหวาดหวั่น
     “ อย่าเข้ามานะ! ที่นี่ที่ไหน แล้วคุณทำอะไรฉัน ”
     “ ใจเย็นๆสิ ผมยังไม่ทันทำอะไรคุณเลยนะ ”
     เขากางมือออกแสดงความบริสุทธิ์ใจ แต่มีหรือ คนที่เพิ่งผ่านมรสุมร้ายของชีวิตมาหยกๆอย่างพศิกาจะเชื่อคำพูดของผู้ชายแปลก หน้า เธอก้มลงสำรวจร่างกายตนเอง แต่แล้วดวงตาหวานก็ต้องเบิกกว้าง เมื่อเห็นเสื้อเปิดออกจนเห็นไหล่บอบบางเต็มสองตา กระดุมเสื้อหลุดไปถึงสองเม็ด หญิงสาวเงยหน้าขึ้น ก่อนรวบเสื้อเข้าหากันแล้วถอยไปชิดริมขอบเตียง
     “ นี่น่ะหรือที่คุณบอกว่าไม่ ได้ทำอะไรฉัน ไอ้คนเลว! คุณมันเลวจริงๆ ”     “ อ้าว! คุณ! ผมบอกว่าไม่ได้ทำอะไรก็ไม่ ได้ทำอะไรไง จะมาว่ากันเสียๆหายๆแบบนี้ผมไม่ยอมนะคุณ ไอ้ที่คุณเห็นว่าเสื้อคุณมันเป็นแบบนั้น ก็เพราะไอ้พวกคนงานบ้ากามข้างนอกมันจะขืนใจคุณตั้งแต่แรก แต่... ก็โชคดีที่มีคนไปเห็นเข้าก่อนเลยพามาไว้ที่ห้องนี้ รอจนคุณฟื้นนั่นแหละ แต่ก็ไม่คิดเลยว่าจะมาด่ากันฉอดๆๆแบบนี้ ”
     เขาเดินเข้ามาหยุดยืนติดขอบเตียง หญิงสาวเริ่มคลายมือออกจากเสื้อ แล้วถามด้วยยังไม่หายระแวงสงสัย
     “ คุณเป็นใคร! ”
     “ ผมเป็นเจ้าของสวนมังคุดและพักอาศัยอยู่ที่นี่ พูดง่ายๆก็คือที่นี่คือบ้านผม ”
     “ บ้านของคุณ? ”
     เธอทวนคำงงๆอย่างไม่ หายสงสัย ชายหนุ่มจึงถอนหายใจแล้วกล่าวขึ้นสั้นๆ
     “ ใช่! นี่เป็นห้องพักคนงานหญิง มีอะไรสงสัยต้องการถามอีกไหมครับคุณผู้หญิง ”
     “ ฉะ... ฉันต้องการกลับบ้าน ”
     พศิกาบอกความต้องการของตัวเองเสียงสั่น ชายหนุ่มถอนหายใจ แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรออกไป เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
     “ อ้าว! คุณฟื้นแล้วหรือคะ ”
     กวิสราเอ่ยขึ้นอย่างดีใจเมื่อเห็นคนที่ตนช่วยไว้ไม่เป็นอะไรแล้ว ดังที่เคยห่วง พร้อมเดินเข้ามาหาใกล้ๆ นันทิพัฒน์เห็นพศิกาทำหน้างุนงงจึงเอ่ยขึ้น
     “ เธอเป็นน้องสาวผมเองชื่อกวิสรา หรือจะเรียกสั้นๆว่ายัยวิก็ได้ เธอช่วยคุณไว้จากไอ้พวกคนงานสองคนนั่น ”
     “ ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยฉันไว้ ตกลงว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ช่วยเล่าให้ฉันฟังอีกทีได้ไหม ”
     พศิกาเอ่ยขอบคุณก่อนจะถามอย่างสงสัย คนนึงพูด อีกคนก็ตอบ ทำเอาเธอมึนงงไปหมดแล้ว
     “ เมื่อกี้นี้ฉันไปถาม ไอ้พวกคนงานสองคนนั่นมาแล้วค่ะ พวกมันยอมรับสารภาพว่าเห็นคุณเดินอยู่คนเดียว แถมเป็นที่เปลี่ยว ท่าทางน่าสงสัยเลยจะเดินเข้าไปถามว่าเป็นใครมาจากไหน แต่พวกนิสัยผู้ชายมันก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ พวกมันจะทำมิดีมิร้ายกับคุณ โชคดีที่พี่ชายฉันเข้าไปเห็นก่อน เลยช่วยคุณออกมา แต่เห็นว่าคุณสลบจึงพามาพักที่ห้องพักคนงานหญิงนี่ค่ะ ”
     “ พี่ชายคุณ? ผู้ชายคนนี้ใช่ไหมคะ ”
     พศิกากล้าๆกลัวๆชี้มือไปที่นันทิพัฒน์ ซึ่งเขายักไหล่แสดงตัวว่าไม่ใช่เขา กวิสราจึงอธิบายอีกครั้ง
     “ ไม่ใช่ค่ะ พี่นนเขาเป็นพี่ชายต่างสายเลือดของฉัน แต่พี่ชายแท้ๆของฉันคือ... ”
     “ คุณวิ! คุณวิ! ญา ตามหาเสียตั้งนาน มาอยู่ที่นี่เอง ”
     เสียงของญารัตน์ดังขึ้นด้านหลังของพวกเขา กวิสราหันไปมองตามเสียง ก่อนที่เธอจะถามผู้ช่วยสาวด้วยความสงสัย
     “ มีอะไรจ๊ะ เรียกซะเสียงดังลั่นบ้านเชียว ”
     “ ลูกค้าที่สปาอยากพบน่ะค่ะ ”
     ด้วยเพราะหญิงสาวเปิดสปาเป็นของตัวเองอยู่ที่ปากทางเข้าซอยหน้า ถนนใหญ่ ซึ่งอยู่ใกล้บ้าน แต่เป็นร้านที่ดูหรูและใหญ่พอสมควร ทั้งนี้เป็นธุรกิจของเธอเองที่ไม่มีใครเข้าไปก้าวก่าย และปล่อยให้เธอดูแลบริหารเองตามลำพัง
     “ ลูกค้าอยากพบฉันทำไมจ๊ะ ”
     “ ญาก็ไม่ทราบค่ะ พอลูกค้าใช้บริการเสร็จก็ขอพบเจ้าของสปาทันที ญาเลยรีบขับรถกลับมาตามคุณวินั่นแหละค่ะ ”
     “ โอเคจ๊ะ ถ้าอย่างนั้นออกไปรอข้างนอกก่อนนะ แล้วฉันจะตามไปทีหลัง ”
     “ ได้ค่ะคุณวิ ”
     ผู้ช่วยสาวเดินออกไปแล้ว กวิสราจึงหันมามองพศิกาด้วยสีหน้าที่เป็นมิตร
     “ เมื่อกี้นี้เราคุยกันถึงไหนแล้วนะ อ้อ! ฉัน เล่าทุกอย่างให้เธอฟังหมดแล้ว หวังว่าเธอคงคลายความกังวลได้แล้วนะ ส่วนพวกคนงานสองคนที่มันทำร้ายเธอ ฉันจะจัดการสั่งสอนเองไม่ให้มันทำชั่วๆแบบนั้นกับใครได้อีก ”
     “ ขอบคุณมากนะคะ ”
     พศิกาเอ่ยขอบคุณอย่างจริงใจ กวิสราจึงรีบตัดบทเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา
     “ เดี๋ยวฉันให้พี่นนไปส่งเธอที่บ้านนะ ”
     “ ไม่ได้หรอกครับคุณวิ ”
     นันทิพัฒน์ไม่ได้เป็นคนพูดประโยคนี้ แต่คนที่พูดคือ ภาโยค ลูกน้องคนสนิทของกุลพัทธ์ที่เพิ่งเดินเข้ามาหลังได้ยินประโยคของนายสาว
     “ ทำไมจะไม่ได้! เราไม่มีสิทธิ์กักตัวเธอไว้ที่นี่นะนายโย ”     “ แต่นายสั่งไว้ว่าต้องรอให้ คุณยุทธอนุญาตก่อน ผู้หญิงคนนี้ถึงจะสามารถออกไปได้ ”
     “ ว่าไงนะ! ”
     กวิสราไม่อยากเชื่อคำพูดของภาโยคแม้แต่น้อยนิด เพียงเพราะผู้หญิงคนนี้เข้ามาในอาณาเขตของบ้านเรา ก็ต้องทำเสียเป็นเรื่องใหญ่โต เธอไม่เข้าใจ!
     “ พี่นน! วิฝากเธอด้วยนะคะ อย่าให้ใครทำอะไรเธอได้เด็ดขาด วิจะไปถามคุณพ่อให้รู้เรื่อง คุณพ่อไม่มีสิทธิ์ทำอะไรแบบนี้! ”
     พูดจบเธอก็เดินดุ่มๆออกไปจากห้องโดยมีเสียงของนันทิพัฒน์ตะโกนตาม ไป ชายหนุ่มถอนหายใจเสียงดัง ภาโยคก้มหัวให้ผู้เป็นนาย ก่อนจะเดินออกไปคุมเชิงที่หน้าห้อง เขาจึงได้แต่หันมาพูดกับพศิกาอย่างเหนื่อยใจ
     “ คุณคงต้องอยู่ที่นี่ไปก่อนนะ เห็นทีการจะได้กลับบ้านคงไม่ง่ายแล้ว ”
     “ แต่ฉันจะกลับบ้าน! พวกคุณไม่มีสิทธิ์มากักขังฉันไว้แบบนี้นะ ”
     พศิกาโต้เสียงแข็ง กลับมีแต่ความเงียบเกิดขึ้นภายในห้อง ชายหนุ่มไม่มองหน้าเธอ เพราะเขาไม่รู้จะพูดอะไรกับเธอต่อ สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดคือยืนคุ้มครองเธออยู่ในห้องเช่นนี้จนกว่ากวิสราจะกลับ มา เพราะการจะขัดคำสั่งพิยุทธ ปล่อยเธอให้เป็นอิสระก่อนที่พิยุทธจะอนุญาตนั้นเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ด้วยเพราะรู้ดีว่าไม่มีใครสามารถขัดคำสั่งผู้เป็นใหญ่ของที่นี่ได้นั่นเอง
 
     กวิสราเดินดุ่มๆออกมาจากห้องพักคนงานหญิง เธอไม่วายบอกคนงานแถวนั้นให้เดินไปบอกญารัตน์ว่าให้ขับรถกลับไป ก่อน แล้วเธอจะรีบตามไปให้เร็วที่สุด จากนั้นหญิงสาวจึงตรงไปที่ห้องทำงานของผู้เป็นบิดาทันที
     ประตูห้องทำงานเปิดออกอย่างแรง กุลพัทธ์ซึ่งนั่งใกล้ๆบิดาหันขวับมามอง ก็เห็นร่างน้องสาวเดินดุ่มๆมาที่โต๊ะทำงานของพิยุทธแล้ว
     “ เห็นไอ้โยมันมา รายงานว่าเธอฟื้นแล้วใช่ไหม ”
     “ ใช่ค่ะ และเธอก็ควรได้กลับบ้านตัวเองเสียที ”
     หญิงสาวพูดเสียงหนักแน่น แต่กุลพัทธ์กลับเผลอหลุดปากโพล่งออกมา
     “ ไม่ได้นะ! พี่... ”
     “ ไอ้กร! ”
     พิยุทธปรามทั้งสายตา ทั้งน้ำเสียง กุลพัทธ์จำต้องสงบปากสงบคำ กวิสราไม่อยากสนใจท่าทางมีพิรุษของพี่ชายอีก เธอห่วงผู้หญิงคนนั้นมากกว่า
     “ ว่าไงคะพ่อ วิต้องการคำตอบ ทำไมพ่อต้องกักตัวเธอไว้ด้วย เพียงเพราะเธอเข้ามาในอาณาเขตเราแค่นี้หรือคะ วิไม่เข้าใจ! ”
     “ คือ... พ่อ... ”
     พิยุทธพูดอะไรไม่ออก เขาไม่อยากให้ลูกสาวซึ่งเป็นแก้วตาดวงใจต้องด่างพล้อยเพราะอาชีพทุจริตของ เขา แค่ให้ลูกชายตัวดีมาร่วมทำงานนี้ด้วยเขาก็ลำบากใจจะแย่อยู่แล้ว เขาไม่อยากให้ลูกสาวรู้ว่าพ่อคนนี้ทำอาชีพอะไร แล้วขัดต่อกฎหมายบ้านเมืองมากแค่ไหน ในที่สุดคำพูดที่จุกตรงคอก็ค่อยๆพูดขึ้นช้าๆอย่างใจเย็น     “ วิสั่งให้ใครก็ได้พาเธอไป ส่ง ”
     “ พ่อ! ”
     กุลพัทธ์โพล่งเสียงดัง แต่พิยุทธส่งสายดุมาหาลูกชาย เขาจึงทำได้เพียงกระแทกเท้าปึงปังออกจากห้องไปอย่างฉุนเฉียว ส่วนกวิสราก็ได้แต่ยิ้มดีใจ
     “ ขอบคุณค่ะคุณพ่อ วิจะรีบไปบอกพี่นนให้พาเธอไปส่งทันทีค่ะ ”
     หญิงสาววิ่งออกจากห้องไปอย่างเริงร่า จึงไม่ได้ยินเสียงถอนหายใจของผู้เป็นพ่อ พิยุทธนั่งลงที่เก้าอี้โซฟาตัวเดิม แล้วเอามือขึ้นมากุมไว้อย่างใช้ความคิด เรื่องมันยังไม่จบเพียงเท่านี้หรอก เขาปล่อยผู้หญิงคนนั้นไปก็จริง แต่เด็กคนนั้นจะต้องเป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้เขารอดพ้นจากเงื้อมือของ ตำรวจ มุมปากของพิยุทธกระตุกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เมื่อแผนการอันชั่วร้ายลอยวนเวียนอยู่ในหัวสมองของเขา     นันทิพัฒน์ยังคงยืนรอน้องสาวตัวเองอยู่ในห้อง ชาย หนุ่มเดินออกมาดูที่หน้าห้องพัก ก็ประจวบเหมาะกับที่เธอกลับมาพอดี
     “ อายุทธว่ายังไง! ”
     “ ไม่มีปัญหาอะไรแล้วค่ะ พ่อคงเข้าใจผิดคิดว่าเธอเข้ามาขโมยอะไร แต่ตอนนี้พ่อคงคิดได้แล้วเลยฝากให้วิมาบอกพี่นนว่าให้พาเธอไปส่งที วิไปก่อนนะคะ ต้องรีบไปพบลูกค้าแล้ว ฝากเธอด้วยนะคะพี่นน ”
     กวิสราสั่งทิ้งท้ายเป็นชุดก่อนจะรีบวิ่งออกไป ชายหนุ่มได้แต่ถอนใจอย่างโล่งอก เขาพอจะเข้าใจ อายุทธคงไม่อยากให้ยัยวิสงสัยจึงยอมปล่อยเธอไป แต่ก็ยังไม่วายนึกสังหรณ์แปลกๆ และเป็นห่วงหญิงสาวลึกๆ เพราะเขาคิดว่า... เรื่องอาจยังไม่จบลงเพียงเท่านี้ก็ได้
     “ เดี๋ยวผมจะไปส่งคุณที่บ้าน ”
     นันทิพัฒน์อาสาอย่างจริงใจ แต่พศิกายังไม่ไว้ใจเขา เธอยังถอยเว้นระยะห่างไม่กล้าเข้าใกล้จนชายหนุ่มนึกรำคาญใจ ทำไมเขาต้องมายุ่งวุ่นวายกับชีวิตของเธอ ซึ่งเป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้ด้วย
     “ คุณพาฉันออกไปจากดงเสือดงโจรนี่ก็พอแล้ว จากนั้นฉันจะหาทางกลับบ้านเอง ”
     คำพูดของเธอทำเอาชายหนุ่มนึกขำออกมาอย่างเสียไม่ได้ พศิกาหน้าแดงด้วยความอายผสมความโกรธ ทำไมเขาต้องหัวเราะเธอด้วย!
     “ คุณหัวเราะฉันทำไม! ”
     หญิงสาวถามตาเขียวเสียงเขียว ชายหนุ่มจึงกลั้นหัวเราะแล้วพูดขึ้นสั้นๆ
     “ คุณไม่ไว้ใจผม? ”
     “ ก็แน่ล่ะสิ ฉันไม่รู้จักคุณมาก่อน ถึงคุณจะบอกว่าเป็นเจ้าของไร่มังคุด ใหญ่โตมาจากไหน แต่ฉันก็ไม่มีทางไว้ใจคนอย่างคุณ! ”
     นันทิพัฒน์นึกหมั่นไส้เธอขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ เขาเดินเข้าไปใกล้อย่างไม่รู้ตัว ส่งผลให้หญิงสาวต้องก้าวลงจากเตียงแล้วถอยไปชิดติดริมผนังห้อง
     “ นี่คุณถอยไปเลยนะ จะทำอะไรน่ะ! ”     “ แค่อยากดูหน้าผู้หญิงปากเก่งใกล้ๆก็เท่านั้นเอง ”
     ชายหนุ่มเดินไปถึงตัว เธอ ก่อนจะก้มหน้าลงมาใกล้ๆ ลมหายใจแทบจะรดหน้ากันอยู่แล้ว ถ้าไม่มีเสียงหญิงสาวร้องขึ้นเสียก่อน
     “ อย่าทำอะไรบ้าๆนะ! ”
     “ ก็คุณเห็นผมเป็นคน ไม่ดี เห็นว่าผมเป็นคนไม่น่าไว้ใจ ผมก็เลยจะทำตามที่คุณเห็นว่าผมเป็นแบบนั้นยังไงล่ะ แล้วมันผิดตรงไหน ”
     “ โอเคๆ ฉันยอมแล้ว! คุณไปส่งฉันที่บ้านก็ได้ ”
     เธอพูดทั้งที่หลับตาปี๋ ลูกคุณหนูอย่างเธอเคยเข้าใกล้ผู้ชายคนไหนมากขนาดนี้มาก่อนเสียเมื่อไหร่ ความใกล้ชิดครั้งแรกทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหว เมื่อลืมตาขึ้นมาแล้วยังเห็นเขาอยู่ใกล้ไม่ถึงคืบ เธอยิ่งใจอ่อนยวบ รู้สึกเหมือนจะเป็นลมไปเสียเดี๋ยวนี้
     “ ยอมแต่แรกก็จบ ไม่เห็นต้องเล่นตัวเลยคุณ ผมเองก็มีงานทำเหมือนกันนะ ไม่ได้มีเวลามาเล่นกับคุณได้ตลอดทั้งวัน ”
     เธอเจ็บใจกับคำพูดของเขา แต่มันก็จริงอยู่ไม่น้อย หญิงสาวคล้อยตามครึ่งไม่คล้อยตามครึ่ง เพราะถึงยังไงก็ตามเธอก็ไม่เคยเชื่อใจคนแปลกหน้าอยู่แล้ว     พศิกานั่งรถของนันทิ พัฒน์ออกมาจากบ้านเขา ระหว่างทางเธอก็อดอุทานไม่ได้
     “ ตายแล้ว! ”
     “ มีอะไรคุณ! ”
     ชายหนุ่มจอดรถทันใด ก่อนจะหันมาถามด้วยสีหน้าตกอกตกใจ เธอเป็นอะไร!
     “ ฉันลืมเจ้ามินิพิ้งค์เอาไว้ได้ยังไงกัน ”
     “ มินิพิ้งค์? ”
     เขาทวนชื่องงๆ เธอหมายถึงใครกัน?
     “ คุณหมายถึงใคร? ”
     “ รถของฉัน! ตอนเกิดเรื่องฉันทิ้งรถไว้ที่ปากทางเข้าไร่ เพราะมันดันน้ำมันหมดระหว่างทาง โอย! แล้วฉันจะทำ ยังไงดีล่ะเนี่ย ”
     เธอกุมมือบางไว้ที่ ศีรษะอย่างปวดหัว ชายหนุ่มพอเข้าใจ เขาจึงพูดขึ้นช้าๆ
     “ เดี๋ยวผมพาคุณไปส่งที่บ้านก่อน จากนั้นผมจะโทรเรียกคนงานให้จัดการรถของคุณเอาไปส่งคืนให้ แบบนี้โอเคไหม! ”
     พศิกาพยักหน้าตอบรับ แผ่วเบา ก่อนจะพิงพนักเบาะอย่างหมดแรง วันนี้มันวันอะไรของเธอกันแน่นะ
     “ คุณอยู่กับใครน่ะ ”
     “ พ่อค่ะ ”
     เธอตอบสั้นๆ ชายหนุ่มรู้สึกชาขึ้นมาทันใด ไม่ใช่อะไร เพราะเขาคงต้องหาเหตุผลมาอธิบายพ่อของหญิงสาว ก่อนจะไม่ได้กลับมาด้วยสภาพ ปกติ.............................................................................................................................................................     -  ย้ำ!!! สภาพปกติ ก็รู้กันอยู่อ่ะนะว่าคุณพ่อเธอเป็นใคร อิอิ พระเอกตายหยังเขียดไหมเนี่ย เรามาส่งพี่นนขึ้นเขียงกันดีกว่า โฮะๆๆ ^0^// ติดตามตอนต่อไปกันได้จ้า มันจะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ขอฝากเรื่องนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ ^^

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา