You are my hope.เจ้าเท่านั้น ที่ข้าจะรอ yaoi
10.0
12) บทที่12
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ จุนฟื้นขึ้นการหลับใหลหรือพูดให้ถูกคือการสลบ เขามองไปรอบๆศาลเจ้าฟุมิเนเนะ ทั้งที่สภาพก็เหมือนเดิมแต่เหมือนมีอะไรแปลกไป...
จริงสิ! พวกมาซารุล่ะ จิเสะด้วย! เขาจำได้ลางๆว่ามาซารุพยามทำลายยันต์ประหลาดของจิเสะ แล้วจากนั้นก็มีแสงระเบิดสีฟ้า เอ...แล้วต่อจากนั้น ต่อจากนั้นมันยังไงกันล่ะ?
เสียงเอะอะโวยวายของใครบางคนดังแถวบันไดศาลเจ้า หรือว่าจะเป็นพวกมาซารุ! เด็กหนุ่มรีบวิ่งไปทางนั้นทันที เพียงแต่เขาเกือบหลบเข้าประตูไม่ทันเมื่อพบว่ามีแต่คนแปลกหน้ายืนถือดาบรายล้อมมาซารุอยู่
นะ...นี่มันอะไรกัน ทำไมมาซารุซังถึงโดนอันธพาลหาเรื่องกันนะ แล้วการแต่งตัวที่ย้อนยุคซะขนาดนี้ แก๊งยากูซ่าก็มียูนิฟอร์มแนวนั้นกันแล้วรึไง!
เอาแต่คิดไปก็ไร้ประโยชน์ จุนรีบวิ่งไปหยิบก้อนหินเท่าที่จะหาได้แล้วหอบมาวางไว้ใกล้เท้า เตรียมตัวทำสงครามปาหิมะหินกับพวกแก๊งยากูซ่าพิลึกพิลั่นนั่น!
เมื่อพวกคนประหลาดโดนขว้างหินใส่เต็มเหนี่ยวจนสลบไปแล้วสามคนติดๆ พวกที่เหลือรีบวิ่งเข้ามาหาจุนทันที เปิดโอกาสให้มาซารุทำร้ายจากทางด้านหลัง
"หันหลังให้ศัตรูคือคนผิด" ร่างในชุดกิโมโนกล่าวเย็นชาแล้วหันดาบไปทางเด็กหนุ่มด้วยท่าทางเฉียบคม "เจ้าเป็นใคร"
"เดี๋ยว...เดี๋ยวสิ มาซารุซัง! นี่ผมเอง...จุนไง"
"ข้าไม่รู้จัก ถ้าเป็นมิตรก็บอกมาแต่ถ้าเป็นศัตรูก็หยิบดาบขึ้นมาประลองกัน"
จุนกระพริบตาปริบๆพยามเช็ดหน้ากับแขนเสื้อเพราะคิดว่าหน้าของเขาอาจเปื้อนดินตอนที่นอนสลบอยู่จนอีกฝ่ายจำไม่ได้ แต่ถึงจะเช็ดจนหน้าแดงแสบร้อนไปหมดเพราะแรงเสียดสี มาซารุก็ไม่ได้ลดดาบลงเลย
ในที่สุด เขาก็ต้องหยุดการกระทำและยอมรับความจริงว่ามาซารุจำเขาไม่ได้จริงๆและตัดสินใจถามหาจิเสะกับจินเนะ สองคนนั้นคงไม่ได้โดนระเบิดสีฟ้าประหลาดจนความจำเสื่อมไปด้วยหรอกนะ?
"ข้าไม่รู้จักอยู่ดี" มาซารุเผยสีหน้างุนงงหลังมองชุดของจุนอยู่นาน "แต่เจ้าคงไม่ใช่ศัตรูสินะ ขอบใจที่ช่วยข้าไว้ อ๊ะ..."
เด็กหนุ่มซามูไรตกใจไม่น้อยเมื่อโดนวิ่งเข้ามากอด ทั้งที่ความจริงแล้ว ตัวของจุนเองก็เ่ช่นกัน ในแง่ที่ว่าร่างกายที่เย็นเฉียบของมาซารุมันกลับอุ่นขึ้นคล้ายคนปกติ
อย่างไรก็ดี สิ่งที่เขาจำได้ก่อนสลบก็คือความเจ็บแปลกๆที่เกิดขึ้นบนใบหน้าและคำด่าสั้นๆเบาๆ
"เสียมารยาท"
"อูย..."
จุนรู้สึกเหมือนใบหน้าตนเองมาอาการเจ็บเหมือนโดนชกมาหมาดๆ ความเจ็บนี่ไม่ใช่จะหายกันได้ง่ายๆ ถึงจะมีลูกประคบเป็นสมุนไพรชั้นดีแค่ไหนก็ตาม...
ลูกประคบสมุนไพร!?
เขาลุกพรวดเดียวจนจมูกกับกระแทกกับมาซารุจนร้องโอดโอยไปด้วยกันทั้งคู่ บุตรชายขุนนางในปราสาทใหญ่แห่งนี้ถึงจะเลือดขึ้นหน้าแต่ก็ระงับอารมณ์ได้เพราะเข้าใจว่ามันเป็นอุบัติเหตุ
"ขอโทษทีนะ มาซารุซัง"
อีกฝ่ายถอนหายใจยาว ยกสำรับอาหารที่มีหน้าตาชวนกินมาให้อีกฝ่าย ดูจากดวงจันทร์ทางประตูที่เปิดไว้เพื่อรับลมแล้ว นี่คงเป็นเวลาใกล้เที่ยงคืนเต็มที มิน่าล่ะ เด็กหนุ่มถึงรู้สึกหิวจนไส้กิ่ว
ถึงจะรู้สึกแปลกๆที่แววตาของมาซารุจ้องเขามาอย่างคนแปลกหน้าก็ตาม แต่ความหิวก็ชนะเกินกว่าที่เขาจะทำอะไรไปได้นอกจากกินอาหาร
"อร่อย! ยังอร่อยเหมือนเดิมเลย เขาว่ากันว่าคนความจำเสื่อมจะไม่ฝีมือตกในเรื่องที่คุ้นชินนี่คงจะจริง"
ร่างในชุดกิโมโนค่อยๆเผยยิ้มออกมาให้เห็นเป็นครั้งแรกจากตอนที่จุนฟื้นในศาลเจ้าฟุมิเนเนะ ถึงจะทำเขาเจ็บตัวไปบ้างแต่ก็ดูเป็นมิตร ช่างโชคดีที่เขาตั้งสติ ไม่ได้ฟันดาบลงไปอย่างไม่แยกมิตรศัตรูเพราะความไม่ไว้ใจ
อย่างไรก็ตาม เขาออกจากแคลงใจในคำพูดที่บอกว่าอร่อยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน อาหารมื้อนั้นเกิดจากการที่เขาแอบย่องเข้าไปในครัว ซึ่งน้อยครั้งที่เขาจะลงมือปรุงอาหารเอง แล้วจุนบอกว่าเคยกินได้อย่างไร
ทั้งนี้ทั้งนั้น ที่เขาต้องย่องเข้าครัวเป็นเพราะแอบนำจุนมาไว้ในห้อง เนื่องจากไม่อยากให้พบกับพวกคนในตำหนักใหญ่คาจิ ซึ่งมีพวกผู้หลักผู้ใหญ่จอมจุกจิกทั้งหลายอาศัยอยู่ได้ล่วงรู้
ส่วนที่นี่คือห้องนอนของมาซารุซึ่งอยู่ในไกลจนสุดเขตแดน ตำหนักคาเสะ ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาเป็นพิเศษตามคำขอของมาซารุหลังจากทนความวุ่นวายในตำหนักคาจิไม่ไหว
"คาเมซากิ จุน ครับ!" เด็กหนุ่มขอบคุณสำหรับอาหารเสร็จก็แนะนำตัว "ถ้าเธอลืมผมไปก็มาเริ่มต้นกันใหม่ได้ คราวนี้ผมจะดูแลเธอจนกว่าความทรงจำจะกลับคืนมาเอง"
เด็กหนุ่มตั้งใจจะพาไปรื้อฟื้นความทรงจำที่ศาลเจ้าฟุมิเนเนะ ถึงไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหนก็ตามที แต่ก็อาจเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของศาลเจ้าก็ได้ ก็ที่นั่นออกจะใหญ่โต เขาเดินดูแค่บางส่วนเท่านั้นเองนี่
เมื่อมีคนมาพูดด้วยนำเสียงที่หนักแน่นพร้อมทั้งจับมือทั้งสองไว้ มาซารุก็อดคิดไปไม่ได้ เริ่มลังเลว่าตกลงตนลืมใครไปจริงๆหรือเปล่า
อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายมีนามสกุล มาซารุก็เดาสุ่มเอาว่าคงจะมีอำนาจอยู่ไม่น้อย ก็ในญี่ปุ่นยุคนี้การที่ใครมีนามสกุลก็ถือว่าเป็นคนใหญ่คนโต หรือไม่ก็คงเป็นพวกพ่อค้ามั่งมีอย่างแน่นอน
มาซารุเอ่ย "เอาล่ะ คาเมซากิซัง..."
"เรียกผมว่าจุนเหมือนเดิมเถอะ ฟังจนติดหูแล้วล่ะ"
ร่างในชุดกิโมโนพูดอย่างอึดอัด "จุน เจ้าคงไม่ใช่คนแถวนี้ใช่ไหม แล้วมาทำอะไรที่เมืองนี้กันหรือ"
"ผม...ผมอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิดนะ ว่าแต่แถวนี้ที่ว่ามันแถวไหนกันนะ"
มาซารุประเมินสภาพของเด็กหนุ่มอยู่ในใจ ไม่มีย่ามสักใบหรือของมีค่า ถ้าไม่หนีออกจากบ้านมาอย่างกระทันหันก็คงเป็นพวกอยากเสี่ยงโชค หรืออาจหลงทางมาก็ได้ ใครจะรู้ และถ้าหากคิดจากฐานะที่อาจโดนลอบทำร้าย ไม่แน่ว่าอาจจะโดนพวกปองร้ายจองเล่นงานจนหนีซัดเซมาที่นี่
เมื่อคิดไปว่าจุนคงร่อนเร่พเนจรมาเรื่อย เขาก็มีท่าทีอ่อนโยนขึ้น "ที่นี่คือเมืองเอโดะ เจ้ามาจากไหน หาทางกลับไปถูกรึเปล่า"
โชคดีที่ถึงแม้จุนจะไม่เก่งเรื่องประวัติศาสตร์นัก แต่เรื่องที่เอโดะ เมืองหลวงของญี่ปุ่นในสมัยก่อนถูกเปลี่ยนชื่อเป็นโตเกียวภายหลังนั้นก็พอจะรู้บ้างหรอก
"ผมไม่ได้มาจากไหน ผมอยู่ที่โตเกียว...เอโดะนี่เหมือนกัน เธอจำอะไรไม่ได้เลยเหรอ ทั้งเรื่องแข่งขันเคนโด้ แข่งขันชงชา น้องสาวจอมยุ่งจินเนะ แล้วก็...จิเสะ"
มาซารุลังเล "ข้า..."
จุนโพล่งขึ้นมาอย่างดีใจ "จำได้เหรอ!"
"เปล่า" ร่างในชุดกิโมโนส่ายหน้า "ข้าแค่จะบอกว่าข้าชอบการร่วมชมแข่งขันพิธีชงชาเท่านั้น"
เมื่อเห็นจุนทำหน้าสลดไป มาซารุก็อดรู้สึกผิดขึ้นมาไม่ได้และเข้าไปปลอบอย่างเห็นใจ ปลอบไปปลอบมา จุนก็เริ่มเล่าให้ฟังว่าเขากับมาซารุพบกันได้อย่างไร แน่นอน สำหรับมาซารุแล้วเรื่องเล่าเหล่านั้นช่างเป็นอะไรที่เหลือเชื่อสุดๆ
แต่พอมองแววตาที่จริงจังของจุน เขาก็เริ่มจะเชื่อว่ามันอาจมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น หลังเงียบกันไปทั้งคู่หลังเรื่องเล่าจบ มาซารุก็ถอนหายใจ
"แปลว่า...เจ้าได้พบข้าในอีกหลายร้อยปีข้างหน้า?"
เด็กหนุ่มพยักหน้าอย่างหงอยๆแล้วชะงักกึก สะดุดใจกับคำพูดนั้น ปกติต้องเป็น 'พบเมื่อหลายร้อยปีก่อน' ไม่ใช่ 'พบในอีกหลายร้อยปีข้างหน้า' นี่!? จุนคิดไปคิดมาถึงเรื่องต่างๆ การสวมชุดของแก๊งยากูซ่า ผิวสัมผัสของมาซารุและการที่อีกฝ่ายจำอะไรไม่ได้เลย...
เมื่อได้ข้อสรุปแปลกๆผสมกับความคิดต่างๆ จุนเกือบจะวิ่งออกไปเพื่อดูบ้านเมืองให้ชัดๆว่าเขาย้อนอดีตมาจริงๆหรือเปล่า ถ้ามาซารุไม่ดึงตัวไว้ได้ซะก่อน
"ใจเย็นๆ...จุน!" มาซารุเรียกชื่อเขาเสียงดัง "ตั้งสติก่อนสิ"
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพยามตั้งสติแบบที่อีกฝ่ายบอก ก่อนจะตะโกนอีกครั้ง "ผมอยู่ในยุคเฮย์เซย์ ไม่ใช่ยุคเอโดะจริงๆใช่ไหม! ...อั้ก!"
มาซารุทุบต้นคอเด็กหนุ่มอีกครั้งแล้วพาไปที่ฟูกนอนของตนในอีกห้องอย่างรวดเร็ว ประจวบเหมาะกับประตูที่เปิดกว้างมียามเฝ้าปราสาทจำนวนหนึ่งที่วิ่งมาหาต้นเสียงโวยวายตามที่มาซารุคาดการณ์ไว้
"นายน้อย ปลอดภัยดีไหมขอรับ!"
ร่างในชุดกิโมโนขมวดคิ้วน้อยๆแล้วกล่าวด้วยเสียงที่กังวล "เกิดอะไรขึ้น มีคนบุกเข้ามาเหรอ คนที่ตำหนักคาจิเป็นไงบ้าง ท่าน...ท่านพ่อท่านแม่ล่ะ"
พวกเขามองหน้ากันเลิ่กลั่กเมื่อเห็นอาการของนายน้อยที่เป็นกังวลปนไม่รู้เรื่องอะไรเลย ทั้งที่ต้นเสียงก็มาจากทางนี้แน่นอนนี่นา แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าหากมาซารุปลอดภัยดี ต้นเสียงนั่นอาจไม่ใช่ที่นี่ พวกยามเฝ้าปราสาทแจ้งสถานการณ์และเรื่องของตำหนักคาจิตามที่มาซารุถามมา
ร่างในชุดกิโมโนแตะอกเบาๆแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอกพร้อมยิ้มออกมานิดๆ แต่เมื่อมองพวกนั้นเดินห่างออกไป ใบหน้าที่กังวลก็เข้ามาแทนที่ มองไปทางห้องที่จุนนอนหลับอยู่ด้วยความรู้สึกว้าวุ่น
ตกลงแล้ว...ข้าจะต้องทำยังไงกับเจ้าต่อไปดีนะ จะให้เจ้าอยู่ที่นี่หรือผลักไสเจ้าไปที่อื่นกัน?
"เจ้าจะเอาคนไม่มีหัวนอนปลายเท้ามาเป็นโคชูได้ยังไงกัน!"
จุนมองถ้วยชาที่สั่นไหวเพราะแรงทุบที่โต๊ะไม้แล้วสะดุ้ง รีบก้มหน้างุดไม่กล้ามองท่านมารุสึเกะ บิดาของมาซารุซึ่งตอนนี้กำลังทำหน้าเกรี้ยวกราด
โคชูเป็นตำแหน่งที่ไม่ได้ให้ใครก็ได้มาเป็น ถึงจุนจะไม่ได้ดูเหยาะแหยะไม่เอาไหนก็ตาม แต่ก็ไม่ได้ดูเป็นคนที่แข็งแกร่งอะไรขนาดนั้น มาซารุแอบร่ำร้องในใจให้เขาช่วยทำท่าแข็งกล้าขึ้นมาสักหน่อยเถอะ!
"นี่! เจ้ามองพื้นอะไรอยู่ได้! ตกลงอยากเป็นโคชูของลูกข้าจริงๆรึเปล่า"
มารุสึเกะเสียงเข้่ม มองจุนซึ่งเหลือบไปหามาซารุแล้วพยักหน้าให้เขาด้วยความรู้ึสึกหงุดหงิด ท่าทางเหมือนไม่เข้าใจสถานการณ์นี่มันอะไรกัน หลังที่พิจารณาอยู่นาน ท่านผู้นำตระกูลสูงสุดก็ส่งเสียงเย้ยหยันขึ้นมา
"น้ำหน้าอย่างเจ้าจะเก่งได้สักแค่ไหนกันเชียว ถ้าเจ้าทำบางสิ่งให้ข้าได้ล่ะก็ ข้าจะยอมให้เจ้าเป็นโคชูของบุตรชายข้าก็ได้"
จุนเงยหน้าขึ้นมาอย่างดีใจ "จริงหรือครับ...ขอรับ!"
"ข้าไม่ได้ยกบุตรชายให้เจ้า อย่ามาทำหน้าดีใจไม่เข้าเรื่อง! สิ่งที่ข้าจะให้ทำนี้มันทั้งยากทั้งเป็นไปไม่ได้ มันก็คือ..."
ท่านมารุสึเกะจัดการให้จุนอยู่ในห้องพร้อมกับปากกาและน้ำหมึกโดยสั่งห้ามทุกคนไม่ให้เข้าไปเด็ดขาด และแน่นอนว่าความไม่ไว้ใจได้แผ่มาถึงมาซารุซึ่งถูกคุมตัวไว้กับท่านมารุสึเกะเอง
ร่างบอบบางในชุดกิโมโนถึงดื่มน้ำชาอย่างเงียบๆ ฟังคนในตระกูลพากันพูดถึงเรื่องความเป็นไปไม่ได้และพากันหัวเราะ
ยกเว้นผู้หนึ่ง...ท่านหญิงอาสึสะ ว่าที่คู่หมั้นต่างวัยของเขาซึ่งอายุห่างกันห้าหกปี
นางได้ขออนุญาติพามาซารุไปเดินเล่นที่สวนเพื่อหลีกหนีการเย้ยหยันทั้งหลายที่พวกผู้ใหญ่พา่กันแสดงออกมา ในความจริงนางก็ถือเป็นผู้ใหญ่ แต่ในขณะเดียวกันก็เข้าใจมาซารุดี
"ทำไมถึงต้องยึดติดกับเด็กหนุ่มผู้นั้นขนาดนี้เล่า" ท่านหญิงอาสึสะเอ่ยขึ้นไม่เข้าใจด้วยสีหน้าที่เอ็นดูขณะเดินเล่นที่สวนดอกไม้ "เขามีอะไรพิเศษหรือไร"
"จุนนะเหรอ ความจริงถ้าไม่รวมเรื่องเล่าของเขา ข้าเองก็คิดว่าคงเป็นคนมีน้ำใจที่ช่วยข้าตามธรรมดาทั่วไป"
ท่านหญิงขมวดคิ้ว น้ำใจ?
มาซารุเล่าเรื่องที่ศาลเจ้าและเรื่องในตำหนักคาเสะเมื่อคืนให้ท่านหญิงฟังอย่างละเอียด พวกเขาไม่มีความลับปิดบังต่อกันเพราะเห็นกันมาตั้งแต่เล็ก นางก็เปรียบได้ดั่งพี่สาวของมาซารุเลยทีเดียว
ท่านหญิงฟังเรื่องราวไปก็ยิ่งทำหน้าเหลือเชื่อกับเหตุการณ์เหล่านั้น แต่นางรู้ว่ามาซารุไม่ได้โกหก เพียงแต่เด็กหนุ่มผู้นั้นจะมาลวงหลอกเขาหรือเปล่าเท่านั้นเอง
อย่างไรก็ตาม อาสึสะยกมือขึ้นป้องปากยามหัีวเราะั
"เจ้าึยึดมั่นในความรักยาวนานถึงหลายร้อยปีเชียวหรือนี้ นับเป็นนิมิตหมายอันดีเยี่ยม"
มาซารุไม่เข้าใจ นิมิตหมายอย่างไรกัน
"ก็นิมิตหมายที่เจ้าและข้าไม่ได้ครองคู่กันอย่างแน่นอนแล้วนะสิ ใช่ว่าข้ารังเกียจรังงอน เพียงแต่ให้แต่งงานกับเด็กน้อยที่ข้าพบมาตั้งแต่เยาว์วัย เห็นทีจะฝืนใจกันไปมากทีเดียว"
จริงสิ! พวกมาซารุล่ะ จิเสะด้วย! เขาจำได้ลางๆว่ามาซารุพยามทำลายยันต์ประหลาดของจิเสะ แล้วจากนั้นก็มีแสงระเบิดสีฟ้า เอ...แล้วต่อจากนั้น ต่อจากนั้นมันยังไงกันล่ะ?
เสียงเอะอะโวยวายของใครบางคนดังแถวบันไดศาลเจ้า หรือว่าจะเป็นพวกมาซารุ! เด็กหนุ่มรีบวิ่งไปทางนั้นทันที เพียงแต่เขาเกือบหลบเข้าประตูไม่ทันเมื่อพบว่ามีแต่คนแปลกหน้ายืนถือดาบรายล้อมมาซารุอยู่
นะ...นี่มันอะไรกัน ทำไมมาซารุซังถึงโดนอันธพาลหาเรื่องกันนะ แล้วการแต่งตัวที่ย้อนยุคซะขนาดนี้ แก๊งยากูซ่าก็มียูนิฟอร์มแนวนั้นกันแล้วรึไง!
เอาแต่คิดไปก็ไร้ประโยชน์ จุนรีบวิ่งไปหยิบก้อนหินเท่าที่จะหาได้แล้วหอบมาวางไว้ใกล้เท้า เตรียมตัวทำสงครามปาหิมะหินกับพวกแก๊งยากูซ่าพิลึกพิลั่นนั่น!
เมื่อพวกคนประหลาดโดนขว้างหินใส่เต็มเหนี่ยวจนสลบไปแล้วสามคนติดๆ พวกที่เหลือรีบวิ่งเข้ามาหาจุนทันที เปิดโอกาสให้มาซารุทำร้ายจากทางด้านหลัง
"หันหลังให้ศัตรูคือคนผิด" ร่างในชุดกิโมโนกล่าวเย็นชาแล้วหันดาบไปทางเด็กหนุ่มด้วยท่าทางเฉียบคม "เจ้าเป็นใคร"
"เดี๋ยว...เดี๋ยวสิ มาซารุซัง! นี่ผมเอง...จุนไง"
"ข้าไม่รู้จัก ถ้าเป็นมิตรก็บอกมาแต่ถ้าเป็นศัตรูก็หยิบดาบขึ้นมาประลองกัน"
จุนกระพริบตาปริบๆพยามเช็ดหน้ากับแขนเสื้อเพราะคิดว่าหน้าของเขาอาจเปื้อนดินตอนที่นอนสลบอยู่จนอีกฝ่ายจำไม่ได้ แต่ถึงจะเช็ดจนหน้าแดงแสบร้อนไปหมดเพราะแรงเสียดสี มาซารุก็ไม่ได้ลดดาบลงเลย
ในที่สุด เขาก็ต้องหยุดการกระทำและยอมรับความจริงว่ามาซารุจำเขาไม่ได้จริงๆและตัดสินใจถามหาจิเสะกับจินเนะ สองคนนั้นคงไม่ได้โดนระเบิดสีฟ้าประหลาดจนความจำเสื่อมไปด้วยหรอกนะ?
"ข้าไม่รู้จักอยู่ดี" มาซารุเผยสีหน้างุนงงหลังมองชุดของจุนอยู่นาน "แต่เจ้าคงไม่ใช่ศัตรูสินะ ขอบใจที่ช่วยข้าไว้ อ๊ะ..."
เด็กหนุ่มซามูไรตกใจไม่น้อยเมื่อโดนวิ่งเข้ามากอด ทั้งที่ความจริงแล้ว ตัวของจุนเองก็เ่ช่นกัน ในแง่ที่ว่าร่างกายที่เย็นเฉียบของมาซารุมันกลับอุ่นขึ้นคล้ายคนปกติ
อย่างไรก็ดี สิ่งที่เขาจำได้ก่อนสลบก็คือความเจ็บแปลกๆที่เกิดขึ้นบนใบหน้าและคำด่าสั้นๆเบาๆ
"เสียมารยาท"
"อูย..."
จุนรู้สึกเหมือนใบหน้าตนเองมาอาการเจ็บเหมือนโดนชกมาหมาดๆ ความเจ็บนี่ไม่ใช่จะหายกันได้ง่ายๆ ถึงจะมีลูกประคบเป็นสมุนไพรชั้นดีแค่ไหนก็ตาม...
ลูกประคบสมุนไพร!?
เขาลุกพรวดเดียวจนจมูกกับกระแทกกับมาซารุจนร้องโอดโอยไปด้วยกันทั้งคู่ บุตรชายขุนนางในปราสาทใหญ่แห่งนี้ถึงจะเลือดขึ้นหน้าแต่ก็ระงับอารมณ์ได้เพราะเข้าใจว่ามันเป็นอุบัติเหตุ
"ขอโทษทีนะ มาซารุซัง"
อีกฝ่ายถอนหายใจยาว ยกสำรับอาหารที่มีหน้าตาชวนกินมาให้อีกฝ่าย ดูจากดวงจันทร์ทางประตูที่เปิดไว้เพื่อรับลมแล้ว นี่คงเป็นเวลาใกล้เที่ยงคืนเต็มที มิน่าล่ะ เด็กหนุ่มถึงรู้สึกหิวจนไส้กิ่ว
ถึงจะรู้สึกแปลกๆที่แววตาของมาซารุจ้องเขามาอย่างคนแปลกหน้าก็ตาม แต่ความหิวก็ชนะเกินกว่าที่เขาจะทำอะไรไปได้นอกจากกินอาหาร
"อร่อย! ยังอร่อยเหมือนเดิมเลย เขาว่ากันว่าคนความจำเสื่อมจะไม่ฝีมือตกในเรื่องที่คุ้นชินนี่คงจะจริง"
ร่างในชุดกิโมโนค่อยๆเผยยิ้มออกมาให้เห็นเป็นครั้งแรกจากตอนที่จุนฟื้นในศาลเจ้าฟุมิเนเนะ ถึงจะทำเขาเจ็บตัวไปบ้างแต่ก็ดูเป็นมิตร ช่างโชคดีที่เขาตั้งสติ ไม่ได้ฟันดาบลงไปอย่างไม่แยกมิตรศัตรูเพราะความไม่ไว้ใจ
อย่างไรก็ตาม เขาออกจากแคลงใจในคำพูดที่บอกว่าอร่อยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน อาหารมื้อนั้นเกิดจากการที่เขาแอบย่องเข้าไปในครัว ซึ่งน้อยครั้งที่เขาจะลงมือปรุงอาหารเอง แล้วจุนบอกว่าเคยกินได้อย่างไร
ทั้งนี้ทั้งนั้น ที่เขาต้องย่องเข้าครัวเป็นเพราะแอบนำจุนมาไว้ในห้อง เนื่องจากไม่อยากให้พบกับพวกคนในตำหนักใหญ่คาจิ ซึ่งมีพวกผู้หลักผู้ใหญ่จอมจุกจิกทั้งหลายอาศัยอยู่ได้ล่วงรู้
ส่วนที่นี่คือห้องนอนของมาซารุซึ่งอยู่ในไกลจนสุดเขตแดน ตำหนักคาเสะ ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาเป็นพิเศษตามคำขอของมาซารุหลังจากทนความวุ่นวายในตำหนักคาจิไม่ไหว
"คาเมซากิ จุน ครับ!" เด็กหนุ่มขอบคุณสำหรับอาหารเสร็จก็แนะนำตัว "ถ้าเธอลืมผมไปก็มาเริ่มต้นกันใหม่ได้ คราวนี้ผมจะดูแลเธอจนกว่าความทรงจำจะกลับคืนมาเอง"
เด็กหนุ่มตั้งใจจะพาไปรื้อฟื้นความทรงจำที่ศาลเจ้าฟุมิเนเนะ ถึงไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหนก็ตามที แต่ก็อาจเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของศาลเจ้าก็ได้ ก็ที่นั่นออกจะใหญ่โต เขาเดินดูแค่บางส่วนเท่านั้นเองนี่
เมื่อมีคนมาพูดด้วยนำเสียงที่หนักแน่นพร้อมทั้งจับมือทั้งสองไว้ มาซารุก็อดคิดไปไม่ได้ เริ่มลังเลว่าตกลงตนลืมใครไปจริงๆหรือเปล่า
อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายมีนามสกุล มาซารุก็เดาสุ่มเอาว่าคงจะมีอำนาจอยู่ไม่น้อย ก็ในญี่ปุ่นยุคนี้การที่ใครมีนามสกุลก็ถือว่าเป็นคนใหญ่คนโต หรือไม่ก็คงเป็นพวกพ่อค้ามั่งมีอย่างแน่นอน
มาซารุเอ่ย "เอาล่ะ คาเมซากิซัง..."
"เรียกผมว่าจุนเหมือนเดิมเถอะ ฟังจนติดหูแล้วล่ะ"
ร่างในชุดกิโมโนพูดอย่างอึดอัด "จุน เจ้าคงไม่ใช่คนแถวนี้ใช่ไหม แล้วมาทำอะไรที่เมืองนี้กันหรือ"
"ผม...ผมอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิดนะ ว่าแต่แถวนี้ที่ว่ามันแถวไหนกันนะ"
มาซารุประเมินสภาพของเด็กหนุ่มอยู่ในใจ ไม่มีย่ามสักใบหรือของมีค่า ถ้าไม่หนีออกจากบ้านมาอย่างกระทันหันก็คงเป็นพวกอยากเสี่ยงโชค หรืออาจหลงทางมาก็ได้ ใครจะรู้ และถ้าหากคิดจากฐานะที่อาจโดนลอบทำร้าย ไม่แน่ว่าอาจจะโดนพวกปองร้ายจองเล่นงานจนหนีซัดเซมาที่นี่
เมื่อคิดไปว่าจุนคงร่อนเร่พเนจรมาเรื่อย เขาก็มีท่าทีอ่อนโยนขึ้น "ที่นี่คือเมืองเอโดะ เจ้ามาจากไหน หาทางกลับไปถูกรึเปล่า"
โชคดีที่ถึงแม้จุนจะไม่เก่งเรื่องประวัติศาสตร์นัก แต่เรื่องที่เอโดะ เมืองหลวงของญี่ปุ่นในสมัยก่อนถูกเปลี่ยนชื่อเป็นโตเกียวภายหลังนั้นก็พอจะรู้บ้างหรอก
"ผมไม่ได้มาจากไหน ผมอยู่ที่โตเกียว...เอโดะนี่เหมือนกัน เธอจำอะไรไม่ได้เลยเหรอ ทั้งเรื่องแข่งขันเคนโด้ แข่งขันชงชา น้องสาวจอมยุ่งจินเนะ แล้วก็...จิเสะ"
มาซารุลังเล "ข้า..."
จุนโพล่งขึ้นมาอย่างดีใจ "จำได้เหรอ!"
"เปล่า" ร่างในชุดกิโมโนส่ายหน้า "ข้าแค่จะบอกว่าข้าชอบการร่วมชมแข่งขันพิธีชงชาเท่านั้น"
เมื่อเห็นจุนทำหน้าสลดไป มาซารุก็อดรู้สึกผิดขึ้นมาไม่ได้และเข้าไปปลอบอย่างเห็นใจ ปลอบไปปลอบมา จุนก็เริ่มเล่าให้ฟังว่าเขากับมาซารุพบกันได้อย่างไร แน่นอน สำหรับมาซารุแล้วเรื่องเล่าเหล่านั้นช่างเป็นอะไรที่เหลือเชื่อสุดๆ
แต่พอมองแววตาที่จริงจังของจุน เขาก็เริ่มจะเชื่อว่ามันอาจมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น หลังเงียบกันไปทั้งคู่หลังเรื่องเล่าจบ มาซารุก็ถอนหายใจ
"แปลว่า...เจ้าได้พบข้าในอีกหลายร้อยปีข้างหน้า?"
เด็กหนุ่มพยักหน้าอย่างหงอยๆแล้วชะงักกึก สะดุดใจกับคำพูดนั้น ปกติต้องเป็น 'พบเมื่อหลายร้อยปีก่อน' ไม่ใช่ 'พบในอีกหลายร้อยปีข้างหน้า' นี่!? จุนคิดไปคิดมาถึงเรื่องต่างๆ การสวมชุดของแก๊งยากูซ่า ผิวสัมผัสของมาซารุและการที่อีกฝ่ายจำอะไรไม่ได้เลย...
เมื่อได้ข้อสรุปแปลกๆผสมกับความคิดต่างๆ จุนเกือบจะวิ่งออกไปเพื่อดูบ้านเมืองให้ชัดๆว่าเขาย้อนอดีตมาจริงๆหรือเปล่า ถ้ามาซารุไม่ดึงตัวไว้ได้ซะก่อน
"ใจเย็นๆ...จุน!" มาซารุเรียกชื่อเขาเสียงดัง "ตั้งสติก่อนสิ"
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพยามตั้งสติแบบที่อีกฝ่ายบอก ก่อนจะตะโกนอีกครั้ง "ผมอยู่ในยุคเฮย์เซย์ ไม่ใช่ยุคเอโดะจริงๆใช่ไหม! ...อั้ก!"
มาซารุทุบต้นคอเด็กหนุ่มอีกครั้งแล้วพาไปที่ฟูกนอนของตนในอีกห้องอย่างรวดเร็ว ประจวบเหมาะกับประตูที่เปิดกว้างมียามเฝ้าปราสาทจำนวนหนึ่งที่วิ่งมาหาต้นเสียงโวยวายตามที่มาซารุคาดการณ์ไว้
"นายน้อย ปลอดภัยดีไหมขอรับ!"
ร่างในชุดกิโมโนขมวดคิ้วน้อยๆแล้วกล่าวด้วยเสียงที่กังวล "เกิดอะไรขึ้น มีคนบุกเข้ามาเหรอ คนที่ตำหนักคาจิเป็นไงบ้าง ท่าน...ท่านพ่อท่านแม่ล่ะ"
พวกเขามองหน้ากันเลิ่กลั่กเมื่อเห็นอาการของนายน้อยที่เป็นกังวลปนไม่รู้เรื่องอะไรเลย ทั้งที่ต้นเสียงก็มาจากทางนี้แน่นอนนี่นา แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าหากมาซารุปลอดภัยดี ต้นเสียงนั่นอาจไม่ใช่ที่นี่ พวกยามเฝ้าปราสาทแจ้งสถานการณ์และเรื่องของตำหนักคาจิตามที่มาซารุถามมา
ร่างในชุดกิโมโนแตะอกเบาๆแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอกพร้อมยิ้มออกมานิดๆ แต่เมื่อมองพวกนั้นเดินห่างออกไป ใบหน้าที่กังวลก็เข้ามาแทนที่ มองไปทางห้องที่จุนนอนหลับอยู่ด้วยความรู้สึกว้าวุ่น
ตกลงแล้ว...ข้าจะต้องทำยังไงกับเจ้าต่อไปดีนะ จะให้เจ้าอยู่ที่นี่หรือผลักไสเจ้าไปที่อื่นกัน?
"เจ้าจะเอาคนไม่มีหัวนอนปลายเท้ามาเป็นโคชูได้ยังไงกัน!"
จุนมองถ้วยชาที่สั่นไหวเพราะแรงทุบที่โต๊ะไม้แล้วสะดุ้ง รีบก้มหน้างุดไม่กล้ามองท่านมารุสึเกะ บิดาของมาซารุซึ่งตอนนี้กำลังทำหน้าเกรี้ยวกราด
โคชูเป็นตำแหน่งที่ไม่ได้ให้ใครก็ได้มาเป็น ถึงจุนจะไม่ได้ดูเหยาะแหยะไม่เอาไหนก็ตาม แต่ก็ไม่ได้ดูเป็นคนที่แข็งแกร่งอะไรขนาดนั้น มาซารุแอบร่ำร้องในใจให้เขาช่วยทำท่าแข็งกล้าขึ้นมาสักหน่อยเถอะ!
"นี่! เจ้ามองพื้นอะไรอยู่ได้! ตกลงอยากเป็นโคชูของลูกข้าจริงๆรึเปล่า"
มารุสึเกะเสียงเข้่ม มองจุนซึ่งเหลือบไปหามาซารุแล้วพยักหน้าให้เขาด้วยความรู้ึสึกหงุดหงิด ท่าทางเหมือนไม่เข้าใจสถานการณ์นี่มันอะไรกัน หลังที่พิจารณาอยู่นาน ท่านผู้นำตระกูลสูงสุดก็ส่งเสียงเย้ยหยันขึ้นมา
"น้ำหน้าอย่างเจ้าจะเก่งได้สักแค่ไหนกันเชียว ถ้าเจ้าทำบางสิ่งให้ข้าได้ล่ะก็ ข้าจะยอมให้เจ้าเป็นโคชูของบุตรชายข้าก็ได้"
จุนเงยหน้าขึ้นมาอย่างดีใจ "จริงหรือครับ...ขอรับ!"
"ข้าไม่ได้ยกบุตรชายให้เจ้า อย่ามาทำหน้าดีใจไม่เข้าเรื่อง! สิ่งที่ข้าจะให้ทำนี้มันทั้งยากทั้งเป็นไปไม่ได้ มันก็คือ..."
ท่านมารุสึเกะจัดการให้จุนอยู่ในห้องพร้อมกับปากกาและน้ำหมึกโดยสั่งห้ามทุกคนไม่ให้เข้าไปเด็ดขาด และแน่นอนว่าความไม่ไว้ใจได้แผ่มาถึงมาซารุซึ่งถูกคุมตัวไว้กับท่านมารุสึเกะเอง
ร่างบอบบางในชุดกิโมโนถึงดื่มน้ำชาอย่างเงียบๆ ฟังคนในตระกูลพากันพูดถึงเรื่องความเป็นไปไม่ได้และพากันหัวเราะ
ยกเว้นผู้หนึ่ง...ท่านหญิงอาสึสะ ว่าที่คู่หมั้นต่างวัยของเขาซึ่งอายุห่างกันห้าหกปี
นางได้ขออนุญาติพามาซารุไปเดินเล่นที่สวนเพื่อหลีกหนีการเย้ยหยันทั้งหลายที่พวกผู้ใหญ่พา่กันแสดงออกมา ในความจริงนางก็ถือเป็นผู้ใหญ่ แต่ในขณะเดียวกันก็เข้าใจมาซารุดี
"ทำไมถึงต้องยึดติดกับเด็กหนุ่มผู้นั้นขนาดนี้เล่า" ท่านหญิงอาสึสะเอ่ยขึ้นไม่เข้าใจด้วยสีหน้าที่เอ็นดูขณะเดินเล่นที่สวนดอกไม้ "เขามีอะไรพิเศษหรือไร"
"จุนนะเหรอ ความจริงถ้าไม่รวมเรื่องเล่าของเขา ข้าเองก็คิดว่าคงเป็นคนมีน้ำใจที่ช่วยข้าตามธรรมดาทั่วไป"
ท่านหญิงขมวดคิ้ว น้ำใจ?
มาซารุเล่าเรื่องที่ศาลเจ้าและเรื่องในตำหนักคาเสะเมื่อคืนให้ท่านหญิงฟังอย่างละเอียด พวกเขาไม่มีความลับปิดบังต่อกันเพราะเห็นกันมาตั้งแต่เล็ก นางก็เปรียบได้ดั่งพี่สาวของมาซารุเลยทีเดียว
ท่านหญิงฟังเรื่องราวไปก็ยิ่งทำหน้าเหลือเชื่อกับเหตุการณ์เหล่านั้น แต่นางรู้ว่ามาซารุไม่ได้โกหก เพียงแต่เด็กหนุ่มผู้นั้นจะมาลวงหลอกเขาหรือเปล่าเท่านั้นเอง
อย่างไรก็ตาม อาสึสะยกมือขึ้นป้องปากยามหัีวเราะั
"เจ้าึยึดมั่นในความรักยาวนานถึงหลายร้อยปีเชียวหรือนี้ นับเป็นนิมิตหมายอันดีเยี่ยม"
มาซารุไม่เข้าใจ นิมิตหมายอย่างไรกัน
"ก็นิมิตหมายที่เจ้าและข้าไม่ได้ครองคู่กันอย่างแน่นอนแล้วนะสิ ใช่ว่าข้ารังเกียจรังงอน เพียงแต่ให้แต่งงานกับเด็กน้อยที่ข้าพบมาตั้งแต่เยาว์วัย เห็นทีจะฝืนใจกันไปมากทีเดียว"
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ