แผนลับพ่ายรัก
-
1) เริ่มแผน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“ อะไรนะคะแม่!! เพื่อนแม่ แม่ก็ช่วยสิคะ จะมาให้เอมช่วยได้ไงล่ะ หมั้นนะคะไม่ใช่แค่เดินจับมือ”
น้ำเสียงที่หลุดจากปากจิ้มลิ้มเคลือบลิปมันสีอ่อน บวกกับดวงตาที่เคยรีได้รูปสวยบัดนี้มันโตเหลือกขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ ทำให้ นางสิวรรณนีย์ พีระโสภาค รู้ว่าตัวเองพูดตรงเกินไปจนทำให้ลูกสาวสุดรักของนางนั้นตกใจ นางสาว สิปานันท์ พีระโสภาค หรือ ชะเอม บุตรสาวอายุ ๒๔ ปี จบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงพอควร เธอเลือกที่จะเรียนเกี่ยวกับศิลปะ เพราะเธอชอบมาก ออกจะติสไปสักหน่อยอารมณ์ร้อน ขี้วีน จนหนุ่มๆที่คิดจะจีบเธอหายเงียบไปหมดเพราะปากสาวเจ้านั้นเหลือร้าย ข้อนี้คนใกล้ชิดเธอรู้ดีที่สุด
จนผู้เป็นแม่กลัวว่าลูกสาวจะขึ้นคานทอง!
“แม่ก็บอกให้พี่พลูช่วยสิ” หญิงสาวเถียง
“บ้าเหรอยัยเอม!! จะให้พลูช่วยได้ยังไงกันล่ะ พี่พลูแกเป็นผู้ชายนะ” ผู้เป็นแม่เอือมกับนิสัยเถียงไปข้างๆของลูกสาว
“ผู้ชายแล้วไงค่ะ...ก็ให้แต่งหญิงไปสิ” ยังเถียงด้วยความมีเหตุผลของตัวเองต่อไป
“นั่นสิ...เอ๊ะ!!จะบ้าหรอพี่แกจะได้มาถอนหงอกแม่เอาสิ”
“พลู” ที่พูดถึงก็คือ นาย สิปาณัฐ พีระโสภาค หรือ ชะพลู บุตรชายอายุ ๒๘ ปี จบโทบริหาร มีบริษัทส่งออกสินค้ารายใหญ่ของประเทศ มีชื่อเสียง และเป็นหนุ่มโสดเนื้อหอม สาวๆจ้องจะจับกันเป็นแถวๆ แต่ชายหนุ่มเพียงแค่เล่นๆ เพราะเจ้าตัวมีนิสัยกระล่อน เจ้าชู้ อยู่บ้านก็อ้อนแม่ สนิทกับน้องสาว...
“แล้วแม่จะยอมให้ลูกสาวสวยๆของแม่คนนี้ไปหมั้นกับใครก็ไม่รู้ที่ไม่ใช่หนุ่มเกาหลีได้ไงถ้าถูกเค้าลวนลาม เอมจะทำยังไงล่ะค้าา...”
หญิงสาวออดอ้อนมารดา
“ก็ยอมเค้าไปสิ...เอ้ย!! คือแม่หมายความว่า...เค้าคงไม่ทำแบบนั้นหรอกน่าก็แค่หมั้นปลอมๆ” นางว่าไม่จริงจังนัก เพราะต้องการให้เป็นอย่างนั้น...
“ใครจะไปรู้ลูกสาวแม่คนนี้ยิ่งสวยๆอยู่ด้วย ผู้ชายมันไว้ใจได้ที่ไหนค่ะ...โอ๊ยย” หญิงสาวว่าแบบชมตัวเองพร้อมทำท่าทางประกอบว่าสวยขนาดไหน ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนเธอเคยอ้วน แต่เมื่อเข้าในรั้วมหาวิทยาลัยหญิงสาวก็ลดจนตอนนี้ใครๆ ก็อิจฉาหุ่นของเธอที่ไม่มีคราบของคนเคยอ้วนเลย มารดาเห็นแล้วหมั่นไส้จนต้องเอามะเหงกไปทักทายหัวของหญิงสาว
“ให้มันน้อยๆหน่อย ทำอย่างกับว่าแม่ไม่รู้นิสัยเราอย่างนั้นน่ะ” นางรู้ว่าลูกสาวนางไม่เคยยอมใคร และเอาแต่ใจขนาดไหน
“ก็ได้ค่ะ”หญิงสาวก็อยากรู้ว่านายคนนั้นที่แม่ว่าจะขี้เหร่ขนาดไหน แต่ไม่ว่าจะแรงแค่ไหนยัยเอมคนนี้ก็จัดได้ทั้งนั้นแหละ...หญิงสาวให้กำลังใจตัวเอง
“ลูกสาวแม่นี่...น่ารักจริงๆเลย” นางพูดออกมาอย่างดีใจที่สุด เพราะการจับคู่ให้ลูกสาวโดยมีเขยที่ตนหมายตามันมีความสุข นางกลัวลูกสาวจะขึ้นคานเพราะหญิงสาวมันห้าวเกินหญิงเหลือเกิน เพราะตั้งแต่สามีเสียชีวิตโดยการนอนหลับไปเฉยๆนางก็สอนลูกทั้งสองคนให้เข้มแข็งทันโลกเพื่อเป็นเกราะป้องกันตัวเอง ซึ่งลูกทั้งสองก็เชื่อฟังเป็นอย่างดี
“แม่คะ เดี๋ยวเอมจะไปสังสรรค์กับเพื่อนหน่อยนะคะ ไม่ดึกหรอกค่ะเดี๋ยวยัยโสภาขาาา จะมารับ” หญิงสาวลากเสียงชื่อเพื่อนเกือบสาวและเกือบสวยของเธอ ที่เธอสนิทสนมแต่ไม่กลมกลืน...เพื่อยืนยันให้มารดาทราบ
“เดี๋ยวโทรให้ตาพลูไปรับ ตอนกลับด้วยนะ” นางพูดบอกเพราะความเป็นห่วง ความจริงไม่อยากให้ไปแต่ด้วยลูกสาวโตแล้วควรปล่อยบ้าง ลูกจะได้ไม่เครียด
“ค่ะ” หญิงสาวรับคำ แล้วก็ขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
เมื่อเห็นลูกสาวเดินขึ้นไปแล้ว นางก็รีบโทรบอกข่าวดีให้กับเพื่อนสนิททราบทันที
ว่าไงสำเร็จมั้ย
เสียงปลายสายรีบรับอย่างตื่นเต้น
“ระดับฉันแล้วเคยพลาดเหรอ” น้ำเสียงยอตัวเองให้เพื่อนฟัง
“นี่เธอแน่ใจนะว่าลูกชายเธอจะไม่ฆ่าลูกสาวฉันน่ะภา” น้ำเสียงติดเข้มขึ้นนิดๆ
นี่...ลูกชายฉันไม่ร้ายขนาดนั้นหรอก...มั้ง
“อ้าว!! ทำไมพูดแบบไม่ค่อยมั่นใจเลยล่ะ” เริ่มหงุดหงิด
ก็...ตอบรับแบบส่งๆน่ะสิ แต่ฉันไม่ยอมหรอกจะต้องจับหมั่นให้ได้
พูดอย่างหมายมั่น
“อืม...เร็วหน่อยนะเดี๋ยวยัยเอมเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาล่ะแย่แน่ทีนี้”
จ้า...ฉันจะพยายาม
“อ้อ! แค่นี้นะยัยเอมลงมาแล้ว” หลังจากวางโทรศัพท์แล้วก็นั่งตามปกติ เพื่อไม่ให้ลูกสาวสงสัย ซึ่งก็เป็นไปตามนั้น
ปี้มๆๆ ปี้มๆๆ ปี้มๆๆ
“เอมไปแล้วนะคะแม่”
“จ๊ะ ไปเถอะแม่รำคาญเสียงแตร”
“ค่ะๆ”
หญิงสาวอยู่ในชุดกางเกงขาสั้นโชว์เรียวขาขาวสวยเสื้อแขนกุดสีส้มสวยเซอๆผมยาวดำรวบมวยไว้ปล่อยผมหน้าม้ารุ่ยร่ายล้อมใบหน้าสวย ริมฝีปากแต้มลิปมันสีส้มใสสีโปรดบางๆแต่เพียงแค่นั้นกลับทำให้เธอดูมีเสน่ห์ได้..ร่างสวยรีบเดินไปหาต้นเสียงที่น่ารำคาญนั้นทันที รถเต่าสีขาวน่ารักต่างจากคนขับจอดเทียบอยู่หน้ารั้วบ้านพร้อมทั้งบีบแตรเสียงสนั่นทำให้หญิงสาวต้องกึ่งเดินกึ่งวิ่งทันที
“นี่ยัยโสโครกแกจะบีบไปให้ชาวบ้านแถวนี้เค้าเอาอึมาขว้างหน้าไม่สวยของแกรึไงฮะ” หญิงสาวตะโกนใส่พร้อมชื่อเพิ่งตั้ง
“อ๊ายย...โสภาย่ะ โสภา ยัยบ้า ฉันกลัวแกไม่ได้ยินต่างหากย่ะ” เพื่อนเกือบสาวเถียง จริงๆแล้ว โสภาก็คือ นายโสภาค หิริวงค์ เรียนคณะเดียวกับหญิงสาว ร่างใหญ่ๆ ผิวคล้ำๆแต่งหญิงตลอดเว...และพร้อมลุยกับเธอตลอดเว...เช่นกัน
“อิบ้า” ถือว่าไม่ใช่คำที่ไม่สุภาพ เพราะทุกคนคุ้นกับคำนี้ตลอดเว...
ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
“นี่ๆๆทุกคนเงียบก่อน...” เสียงแหลมๆของหญิงสาวคนหนึ่งตะโกนกลบเสียงเพลงที่คน ๗ คน ที่กำลังพูดถึงศิลปินเกาหลีแดนกิมจิกันอย่างเมามันส์ เพราะไม่ได้เจอกันนานเป็นปีก็ว่าได้ พอเจอกันที่ก็ไม่อยากหยุดพูดเพราะเหตุการณ์ที่แต่ละคนประสบพบเจอนั้นล้วนเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นทั้งนั้น...
“พวกแกว่ายัยชะเอมอะ มันจะมีแฟนรึยังฮะ” หัวข้อสนทนานี้ที่ มะนาว สาวเปรี้ยวพูดขึ้นสยบความคิดที่กำลังบรรเจิดของสาวแท้ ๔ คน และสาวเทียม ๓ คน ได้อย่างดีเยี่ยมเชียวล่ะ
“ฉันว่ายัง...เอมมันอ้วนนะ” ป๋อ สาวเทียมคนที่ ๑ พูดขึ้น
“บ้าเหรอ! คนอ้วนขี้เหร่กว่ามันยังมีแฟนเลยนะ” พิชชี่ สาวเทียมคนที่ ๒ เถียง
“เออใช่พิชชี่พูดถูก” กิ๊ฟ เพื่อนสาวที่เคยสนิทกับ สิปานันท์ มากที่สุดคนหนึ่งเสริมต่อ
“ไม่แน่นะ วันนี้ยัยเอมมันอาจควงหนุ่มมาอวดพวกเราก็ได้” แตง เพื่อนสาวอีกคนพูดให้ทุกคนหวังและคิดเพิ่มอีก คิดเพิ่มในที่นี้หมายความว่า สิปานันท์ จะพาแฟนมารึเปล่า ถ้าพามาก็ดีสิ อะไรประมาณนี้ล่ะ
“โอ๊ยยย พวกแกจะมาคิดกันก่อนให้ปวดเศียรกันทำไมฮ้า รอมันมาก็....จบชิส์” นนท์ สาวเทียมร่างใหญ่คนที่ ๓ ที่ปากเสียที่สุดในกลุ่มพูดขึ้นอย่างรำคาญ เอ๊ะ! แต่เวลานี้รู้สึกยัยนี่มันมีเหตุผลที่สุดอะ
“อืมใช่” อุ้ย สาวแท้ที่พูดน้อยที่สุดและสั้นที่สุดพูดเบาๆ
เอี๊ยดดดดดดดดด
“โห...ยัยโสมมแกไม่เบรกซะให้ฉันพุ่งออกไปนอกรถเลยล่ะ” สิปานันท์ประชด พร้อมชื่อใหม่ และเปิดประตูรถออก
“ปากอย่างแกเนี่ย..ฉันไม่เสียใจเลยที่ทำอย่างตะกี้นี้น่ะ” โสภาประชดกลับบ้าง
“ไปเหอะป่านนี้เป็นขี้ปากพวกชะนีพวกค่างนั้นแย่แล้ว” โสภาว่าและรีบจูงมือสิปานันท์เดินเข้าไป ห้องเหมาจ่าย
“ห้องไหนฮะโส...” สิปานันท์ถามขึ้น มองรอบๆแล้วร้านนี้ก็บรรยากาศใช้ได้ บริเวณรอบร้านมีต้นไม้น้อยใหญ่มากมาย ภายในมีห้องอาหารเหมาเป็นห้องติดกัน สามารถเก็บเสียงได้ไม่ว่าคุณจะเสียงดังขนาดไหน
“นั่นสิ...เอ๊ะ!ห้องนี้แหละ”พูดพลางจูงมือหญิงสาวเดินไปหน้าห้องและเปิดประตูห้องที่ว่านั้นออกและดึงให้หญิงสาวโผล่หน้าเข้าไปก่อน
“เฮ้ยย” สิปานันท์ยังไม่ทันตั้งตัวที่ถูกดันเข้าไปก่อนร้องออกมา
ภาพชายหญิงที่กำลังดูดปากกันอยู่ที่โซฟาตัวใหญ่ทำให้หญิงสาวตะลึงและเงียบอยู่กับที่ จนโสภาโผล่แทรกข้างๆเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็เฉยเพราะคิดว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ หญิงสาวที่มาด้วยดันร่างเขาออก ชายหนุ่มหันมามองแล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นน้องสาวยืนตะลึงงันอยู่
“พี่...พลู...” สิปานันท์ครางชื่อพี่ชายตัวเอง แบบไม่ได้สติ เธอตกใจเพราะเธอไม่รู้ว่าพี่ชายเธอเจ้าชู้ซู่ซ่าขนาดนี้ พี่เธอ...เป็นด้วยหรอเนี่ย หญิงสาวถามตัวเองในใจ
“เอม มาที่นี่ได้ยังไง” ชายหนุ่มถาม อาการตกใจไม่มีแล้ว เพราะถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา
“เอ่อ...เอม...เอ่อ” สติของสิปานันท์ยังไม่กลับคืนดีคิดอะไรไม่ออก จนโสภาต้องตอบแทนให้ว่ามางานสังสรรค์กันระหว่างเพื่อนๆ และบอกให้ชายหนุ่มรอรับเอมกลับด้วย จากนั้นก็ดึงมือหญิงสาว แรงดึงทำให้สติเธอกลับคืนมาหญิงสาวสะบัดมือออกจากมือของโสภาและเดินกลับมายังห้องที่พี่ชายอยู่และ...ด้วยเธอหวงพี่ชายมากทำห็เธอคิดอะไรบ้าๆออกมาได้ และพร้อมที่จะทำเสมอ...
“พี่ชะพลูขา...พี่มากับใครค่ะเนี่ย! แล้วเอมล่ะ” สิปานัฐ อึงกับการกระทำของน้องสาวจึงไม่ได้ตอบอะไรออกไป
“นี่!! เธอเป็นใครยะฮะ กล้ามากนะที่มายุ่งกับแฟนฉัน รู้มั้ยว่าจะเจอกับอะไร”จบคำพร้อมสะบัดมือไปที่หน้าของหญิงผู้เคราะห์ร้ายทันที
“มันต้องเจออย่างงี้ไงล่ะ ฉันรู้ว่าหน้าเธอมันด้านไม่เจ็บหรอก ไม่เห็นร้องสักเอะเลยนี่” พูดจบโสภาก็บอกว่าเดี๋ยวจัดการเองให้เธอคุยกับพี่ชายไปเหอะ พูดจบก็ลากนางชะนีออกไป
“พี่พลูของฉันก็ไม่ธรรมดาเหมือนกันนะเนี่ย จุ๊ๆ จุ๊ๆ”
สิปานันท์พูดขึ้นพร้อมส่ายศรีษะไปมาหลังจากที่โสภาออกไป
“ฉันเป็นผู้ชายนะ ไม่ใช่กระเทยไอ้น้องบ้า! เฮ้อ” พูดติดโมโหที่น้องสาวมาขัดจังหวะแล้วถอนหายใจ ถ้าเป็นคนอื่นต่อยไปแล้ว...
“อ้าว! หรอ เอมคิดมาตลอดว่ามีพี่สาวซะด้วยสิ”
“พอเลย พูดกับแกแล้วฉันประสาทจะกิน” ชายหนุ่มบ่น เพราะ ความกวนประสาทของน้องสาว
“ฉันไม่แปลกใจเล้ย...ที่แกไม่มีแฟนกับเค้าสักที” สิปาณัฐว่าตามความเป็นจริง
“เอมจะหมั้นอยู่วันสองวันนี่แหละค่ะ” หญิงสาวพูดเสียงจริงจัง จนคนเป็นพี่จับอารมณ์ไม่ถูก
“เหรอ ก็ดีสิ......ฮะ!! อะไรนะ พูดจริงหรอ หน้าอย่างแกเนี่ยนะ”
“ทำไม ยังไงเอมก็สวยกว่ายัยปลาไหลคนเมื่อกี้ของพี่แหละน่า เอมมั่นใจ”
“เออๆ เพื่อนแกอยู่ห้องไหนล่ะเดี๋ยวพี่ไปส่ง” ชายหนุ่มตัดบท เบื่อจะพูด
“เดี๋ยวยัยโสคงมา พี่ไปกับเอมด้วยห้ามไปไหน แม่บอกให้กับพร้อมพี่ชะพลู”
“แกจะเรียกฉันเต็มยศทำไมฮะ”ชายหนุ่มไม่ชอบให้ใครเรียกชื่อเล่นเต็มๆ เขารู้สึกว่ามันขัดหูชอบกล
“แล้วจะทำไมค่ะ พี่ชะพลู” สิปานันท์ลากเสียงยั่วโมโห
“ยัยเอม” สิปาณัฐเริ่มอารมณ์ขึ้น
“ขา เรียกทำไมคะชะพลู” ยังไม่หยุด
“หืม!”ชายหนุ่มลุกยืนเตรียมขย้ำคอน้องสาว แต่โสภาคเข้ามาพอดี
“ไปกันได้แล้วเพื่อนสาว พี่พลูสุดหล่อ”
เมื่อเข้าไปถึงในงานทุกคนก็ต้องตกตะลึง ในความหล่อของพี่ชายสุดหล่อของเธอโดยไม่สนใจเธอซักนิด โดยเฉพาะพวกเกือบสาวทั้งหลายแหล่ จนพี่พลูของเธอเร่งอยากกลับบ้านแทบไม่ทัน เมื่อพี่ชายมาด้วยหญิงสาวจึงดื่มหนักเป็นพิเศษหน่อยเพราะรู้ว่ายังไงก็กลับบ้านปลอดภัย...หายห่วง แต่ไอ้ที่ว่าดื่มหนักก็ป็นแค่ไวน์รสผลไม้ แค่สามแก้วก็ทำให้เธอลืมโลกได้แล้วสำหรับสาวคออ่อนอย่างเธอ...
และในที่สุด...
“ไป กลับได้แล้วเอม”
“บาย น้าา เปื้อนๆ คิกๆ”
“โธ่ รู้ว่าตัวเองคออ่อนยังซัดซะเยอะ ยัยน้องบ้าเอ้ย!” ชายหนุ่มบ่นอย่างหัวเสีย ขณะพยุงน้องสาวเข้าไปในรถ และกลับไปนั่งที่ เพื่อเป็นสารถีต่อ
“อา รายยย อ้ายยยพี่บ้า...อึก”
“เมาแล้วเละจริงๆ ยังมีหน้ามาตอกกลับฉันอีก”
“พี่..ช้าาาปู!!”
“ชะพลูโว๊ยยย ช้าปูอะไรของแก เอ๊ะ...เมามันยังเรียกฉันเต็มยศอีก แกล้งหรือเปล่าวะ”
“ฮ้าววววว...” เสียงสุดท้ายก่อนถึงบ้านที่ทำให้หญิงสาวเงียบไปตลอดทาง
“อ้าว ทำไมกลับไวนักล่ะตาพลู แล้วน้องเมาหรอลูก” มารดาถามเสียงเป็นห่วงเป็นใย เมื่อเห็นสิปาณัฐอุ้มน้องสาวเข้าบ้าน
“ครับแม่ น้องเมา เดี๋ยวผมพาขึ้นไปนอนก่อนนะครับ”
“ไปเถอะลูก”
บันไดไม้วาววับที่กั้นระหว่างชั้นล่างกับชั้นบน ถูกชายหนุ่มเหยียบขึ้นไปที่ละขั้นๆ จนมาถึงประตูห้องสีส้มสดใสสีโปรดของหญิงสาว จึงเอื้อมมือบิดประตูเข้าไป ห้องสวยโทนสีส้มให้ความสดใสเมื่อไฟถูกเปิดให้สว่างขึ้นมา สิปาณัฐอุ้มร่างน้องสาวเดินไปวางที่เตียงกว้างเรียบรื่นสีโอรสอย่างเบามือ แล้วถอยหลังมองหน้าน้องสาว
“ไอ้คนนั้นมันจะดูแลเธอได้ดีเหมือนพี่ชายคนนี้หรือเปล่าน้า...ยัยเอม”
ติชมกันหน่อยนะคะ ^^
น้ำเสียงที่หลุดจากปากจิ้มลิ้มเคลือบลิปมันสีอ่อน บวกกับดวงตาที่เคยรีได้รูปสวยบัดนี้มันโตเหลือกขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ ทำให้ นางสิวรรณนีย์ พีระโสภาค รู้ว่าตัวเองพูดตรงเกินไปจนทำให้ลูกสาวสุดรักของนางนั้นตกใจ นางสาว สิปานันท์ พีระโสภาค หรือ ชะเอม บุตรสาวอายุ ๒๔ ปี จบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงพอควร เธอเลือกที่จะเรียนเกี่ยวกับศิลปะ เพราะเธอชอบมาก ออกจะติสไปสักหน่อยอารมณ์ร้อน ขี้วีน จนหนุ่มๆที่คิดจะจีบเธอหายเงียบไปหมดเพราะปากสาวเจ้านั้นเหลือร้าย ข้อนี้คนใกล้ชิดเธอรู้ดีที่สุด
จนผู้เป็นแม่กลัวว่าลูกสาวจะขึ้นคานทอง!
“แม่ก็บอกให้พี่พลูช่วยสิ” หญิงสาวเถียง
“บ้าเหรอยัยเอม!! จะให้พลูช่วยได้ยังไงกันล่ะ พี่พลูแกเป็นผู้ชายนะ” ผู้เป็นแม่เอือมกับนิสัยเถียงไปข้างๆของลูกสาว
“ผู้ชายแล้วไงค่ะ...ก็ให้แต่งหญิงไปสิ” ยังเถียงด้วยความมีเหตุผลของตัวเองต่อไป
“นั่นสิ...เอ๊ะ!!จะบ้าหรอพี่แกจะได้มาถอนหงอกแม่เอาสิ”
“พลู” ที่พูดถึงก็คือ นาย สิปาณัฐ พีระโสภาค หรือ ชะพลู บุตรชายอายุ ๒๘ ปี จบโทบริหาร มีบริษัทส่งออกสินค้ารายใหญ่ของประเทศ มีชื่อเสียง และเป็นหนุ่มโสดเนื้อหอม สาวๆจ้องจะจับกันเป็นแถวๆ แต่ชายหนุ่มเพียงแค่เล่นๆ เพราะเจ้าตัวมีนิสัยกระล่อน เจ้าชู้ อยู่บ้านก็อ้อนแม่ สนิทกับน้องสาว...
“แล้วแม่จะยอมให้ลูกสาวสวยๆของแม่คนนี้ไปหมั้นกับใครก็ไม่รู้ที่ไม่ใช่หนุ่มเกาหลีได้ไงถ้าถูกเค้าลวนลาม เอมจะทำยังไงล่ะค้าา...”
หญิงสาวออดอ้อนมารดา
“ก็ยอมเค้าไปสิ...เอ้ย!! คือแม่หมายความว่า...เค้าคงไม่ทำแบบนั้นหรอกน่าก็แค่หมั้นปลอมๆ” นางว่าไม่จริงจังนัก เพราะต้องการให้เป็นอย่างนั้น...
“ใครจะไปรู้ลูกสาวแม่คนนี้ยิ่งสวยๆอยู่ด้วย ผู้ชายมันไว้ใจได้ที่ไหนค่ะ...โอ๊ยย” หญิงสาวว่าแบบชมตัวเองพร้อมทำท่าทางประกอบว่าสวยขนาดไหน ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนเธอเคยอ้วน แต่เมื่อเข้าในรั้วมหาวิทยาลัยหญิงสาวก็ลดจนตอนนี้ใครๆ ก็อิจฉาหุ่นของเธอที่ไม่มีคราบของคนเคยอ้วนเลย มารดาเห็นแล้วหมั่นไส้จนต้องเอามะเหงกไปทักทายหัวของหญิงสาว
“ให้มันน้อยๆหน่อย ทำอย่างกับว่าแม่ไม่รู้นิสัยเราอย่างนั้นน่ะ” นางรู้ว่าลูกสาวนางไม่เคยยอมใคร และเอาแต่ใจขนาดไหน
“ก็ได้ค่ะ”หญิงสาวก็อยากรู้ว่านายคนนั้นที่แม่ว่าจะขี้เหร่ขนาดไหน แต่ไม่ว่าจะแรงแค่ไหนยัยเอมคนนี้ก็จัดได้ทั้งนั้นแหละ...หญิงสาวให้กำลังใจตัวเอง
“ลูกสาวแม่นี่...น่ารักจริงๆเลย” นางพูดออกมาอย่างดีใจที่สุด เพราะการจับคู่ให้ลูกสาวโดยมีเขยที่ตนหมายตามันมีความสุข นางกลัวลูกสาวจะขึ้นคานเพราะหญิงสาวมันห้าวเกินหญิงเหลือเกิน เพราะตั้งแต่สามีเสียชีวิตโดยการนอนหลับไปเฉยๆนางก็สอนลูกทั้งสองคนให้เข้มแข็งทันโลกเพื่อเป็นเกราะป้องกันตัวเอง ซึ่งลูกทั้งสองก็เชื่อฟังเป็นอย่างดี
“แม่คะ เดี๋ยวเอมจะไปสังสรรค์กับเพื่อนหน่อยนะคะ ไม่ดึกหรอกค่ะเดี๋ยวยัยโสภาขาาา จะมารับ” หญิงสาวลากเสียงชื่อเพื่อนเกือบสาวและเกือบสวยของเธอ ที่เธอสนิทสนมแต่ไม่กลมกลืน...เพื่อยืนยันให้มารดาทราบ
“เดี๋ยวโทรให้ตาพลูไปรับ ตอนกลับด้วยนะ” นางพูดบอกเพราะความเป็นห่วง ความจริงไม่อยากให้ไปแต่ด้วยลูกสาวโตแล้วควรปล่อยบ้าง ลูกจะได้ไม่เครียด
“ค่ะ” หญิงสาวรับคำ แล้วก็ขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
เมื่อเห็นลูกสาวเดินขึ้นไปแล้ว นางก็รีบโทรบอกข่าวดีให้กับเพื่อนสนิททราบทันที
ว่าไงสำเร็จมั้ย
เสียงปลายสายรีบรับอย่างตื่นเต้น
“ระดับฉันแล้วเคยพลาดเหรอ” น้ำเสียงยอตัวเองให้เพื่อนฟัง
“นี่เธอแน่ใจนะว่าลูกชายเธอจะไม่ฆ่าลูกสาวฉันน่ะภา” น้ำเสียงติดเข้มขึ้นนิดๆ
นี่...ลูกชายฉันไม่ร้ายขนาดนั้นหรอก...มั้ง
“อ้าว!! ทำไมพูดแบบไม่ค่อยมั่นใจเลยล่ะ” เริ่มหงุดหงิด
ก็...ตอบรับแบบส่งๆน่ะสิ แต่ฉันไม่ยอมหรอกจะต้องจับหมั่นให้ได้
พูดอย่างหมายมั่น
“อืม...เร็วหน่อยนะเดี๋ยวยัยเอมเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาล่ะแย่แน่ทีนี้”
จ้า...ฉันจะพยายาม
“อ้อ! แค่นี้นะยัยเอมลงมาแล้ว” หลังจากวางโทรศัพท์แล้วก็นั่งตามปกติ เพื่อไม่ให้ลูกสาวสงสัย ซึ่งก็เป็นไปตามนั้น
ปี้มๆๆ ปี้มๆๆ ปี้มๆๆ
“เอมไปแล้วนะคะแม่”
“จ๊ะ ไปเถอะแม่รำคาญเสียงแตร”
“ค่ะๆ”
หญิงสาวอยู่ในชุดกางเกงขาสั้นโชว์เรียวขาขาวสวยเสื้อแขนกุดสีส้มสวยเซอๆผมยาวดำรวบมวยไว้ปล่อยผมหน้าม้ารุ่ยร่ายล้อมใบหน้าสวย ริมฝีปากแต้มลิปมันสีส้มใสสีโปรดบางๆแต่เพียงแค่นั้นกลับทำให้เธอดูมีเสน่ห์ได้..ร่างสวยรีบเดินไปหาต้นเสียงที่น่ารำคาญนั้นทันที รถเต่าสีขาวน่ารักต่างจากคนขับจอดเทียบอยู่หน้ารั้วบ้านพร้อมทั้งบีบแตรเสียงสนั่นทำให้หญิงสาวต้องกึ่งเดินกึ่งวิ่งทันที
“นี่ยัยโสโครกแกจะบีบไปให้ชาวบ้านแถวนี้เค้าเอาอึมาขว้างหน้าไม่สวยของแกรึไงฮะ” หญิงสาวตะโกนใส่พร้อมชื่อเพิ่งตั้ง
“อ๊ายย...โสภาย่ะ โสภา ยัยบ้า ฉันกลัวแกไม่ได้ยินต่างหากย่ะ” เพื่อนเกือบสาวเถียง จริงๆแล้ว โสภาก็คือ นายโสภาค หิริวงค์ เรียนคณะเดียวกับหญิงสาว ร่างใหญ่ๆ ผิวคล้ำๆแต่งหญิงตลอดเว...และพร้อมลุยกับเธอตลอดเว...เช่นกัน
“อิบ้า” ถือว่าไม่ใช่คำที่ไม่สุภาพ เพราะทุกคนคุ้นกับคำนี้ตลอดเว...
ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
“นี่ๆๆทุกคนเงียบก่อน...” เสียงแหลมๆของหญิงสาวคนหนึ่งตะโกนกลบเสียงเพลงที่คน ๗ คน ที่กำลังพูดถึงศิลปินเกาหลีแดนกิมจิกันอย่างเมามันส์ เพราะไม่ได้เจอกันนานเป็นปีก็ว่าได้ พอเจอกันที่ก็ไม่อยากหยุดพูดเพราะเหตุการณ์ที่แต่ละคนประสบพบเจอนั้นล้วนเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นทั้งนั้น...
“พวกแกว่ายัยชะเอมอะ มันจะมีแฟนรึยังฮะ” หัวข้อสนทนานี้ที่ มะนาว สาวเปรี้ยวพูดขึ้นสยบความคิดที่กำลังบรรเจิดของสาวแท้ ๔ คน และสาวเทียม ๓ คน ได้อย่างดีเยี่ยมเชียวล่ะ
“ฉันว่ายัง...เอมมันอ้วนนะ” ป๋อ สาวเทียมคนที่ ๑ พูดขึ้น
“บ้าเหรอ! คนอ้วนขี้เหร่กว่ามันยังมีแฟนเลยนะ” พิชชี่ สาวเทียมคนที่ ๒ เถียง
“เออใช่พิชชี่พูดถูก” กิ๊ฟ เพื่อนสาวที่เคยสนิทกับ สิปานันท์ มากที่สุดคนหนึ่งเสริมต่อ
“ไม่แน่นะ วันนี้ยัยเอมมันอาจควงหนุ่มมาอวดพวกเราก็ได้” แตง เพื่อนสาวอีกคนพูดให้ทุกคนหวังและคิดเพิ่มอีก คิดเพิ่มในที่นี้หมายความว่า สิปานันท์ จะพาแฟนมารึเปล่า ถ้าพามาก็ดีสิ อะไรประมาณนี้ล่ะ
“โอ๊ยยย พวกแกจะมาคิดกันก่อนให้ปวดเศียรกันทำไมฮ้า รอมันมาก็....จบชิส์” นนท์ สาวเทียมร่างใหญ่คนที่ ๓ ที่ปากเสียที่สุดในกลุ่มพูดขึ้นอย่างรำคาญ เอ๊ะ! แต่เวลานี้รู้สึกยัยนี่มันมีเหตุผลที่สุดอะ
“อืมใช่” อุ้ย สาวแท้ที่พูดน้อยที่สุดและสั้นที่สุดพูดเบาๆ
เอี๊ยดดดดดดดดด
“โห...ยัยโสมมแกไม่เบรกซะให้ฉันพุ่งออกไปนอกรถเลยล่ะ” สิปานันท์ประชด พร้อมชื่อใหม่ และเปิดประตูรถออก
“ปากอย่างแกเนี่ย..ฉันไม่เสียใจเลยที่ทำอย่างตะกี้นี้น่ะ” โสภาประชดกลับบ้าง
“ไปเหอะป่านนี้เป็นขี้ปากพวกชะนีพวกค่างนั้นแย่แล้ว” โสภาว่าและรีบจูงมือสิปานันท์เดินเข้าไป ห้องเหมาจ่าย
“ห้องไหนฮะโส...” สิปานันท์ถามขึ้น มองรอบๆแล้วร้านนี้ก็บรรยากาศใช้ได้ บริเวณรอบร้านมีต้นไม้น้อยใหญ่มากมาย ภายในมีห้องอาหารเหมาเป็นห้องติดกัน สามารถเก็บเสียงได้ไม่ว่าคุณจะเสียงดังขนาดไหน
“นั่นสิ...เอ๊ะ!ห้องนี้แหละ”พูดพลางจูงมือหญิงสาวเดินไปหน้าห้องและเปิดประตูห้องที่ว่านั้นออกและดึงให้หญิงสาวโผล่หน้าเข้าไปก่อน
“เฮ้ยย” สิปานันท์ยังไม่ทันตั้งตัวที่ถูกดันเข้าไปก่อนร้องออกมา
ภาพชายหญิงที่กำลังดูดปากกันอยู่ที่โซฟาตัวใหญ่ทำให้หญิงสาวตะลึงและเงียบอยู่กับที่ จนโสภาโผล่แทรกข้างๆเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็เฉยเพราะคิดว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ หญิงสาวที่มาด้วยดันร่างเขาออก ชายหนุ่มหันมามองแล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นน้องสาวยืนตะลึงงันอยู่
“พี่...พลู...” สิปานันท์ครางชื่อพี่ชายตัวเอง แบบไม่ได้สติ เธอตกใจเพราะเธอไม่รู้ว่าพี่ชายเธอเจ้าชู้ซู่ซ่าขนาดนี้ พี่เธอ...เป็นด้วยหรอเนี่ย หญิงสาวถามตัวเองในใจ
“เอม มาที่นี่ได้ยังไง” ชายหนุ่มถาม อาการตกใจไม่มีแล้ว เพราะถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา
“เอ่อ...เอม...เอ่อ” สติของสิปานันท์ยังไม่กลับคืนดีคิดอะไรไม่ออก จนโสภาต้องตอบแทนให้ว่ามางานสังสรรค์กันระหว่างเพื่อนๆ และบอกให้ชายหนุ่มรอรับเอมกลับด้วย จากนั้นก็ดึงมือหญิงสาว แรงดึงทำให้สติเธอกลับคืนมาหญิงสาวสะบัดมือออกจากมือของโสภาและเดินกลับมายังห้องที่พี่ชายอยู่และ...ด้วยเธอหวงพี่ชายมากทำห็เธอคิดอะไรบ้าๆออกมาได้ และพร้อมที่จะทำเสมอ...
“พี่ชะพลูขา...พี่มากับใครค่ะเนี่ย! แล้วเอมล่ะ” สิปานัฐ อึงกับการกระทำของน้องสาวจึงไม่ได้ตอบอะไรออกไป
“นี่!! เธอเป็นใครยะฮะ กล้ามากนะที่มายุ่งกับแฟนฉัน รู้มั้ยว่าจะเจอกับอะไร”จบคำพร้อมสะบัดมือไปที่หน้าของหญิงผู้เคราะห์ร้ายทันที
“มันต้องเจออย่างงี้ไงล่ะ ฉันรู้ว่าหน้าเธอมันด้านไม่เจ็บหรอก ไม่เห็นร้องสักเอะเลยนี่” พูดจบโสภาก็บอกว่าเดี๋ยวจัดการเองให้เธอคุยกับพี่ชายไปเหอะ พูดจบก็ลากนางชะนีออกไป
“พี่พลูของฉันก็ไม่ธรรมดาเหมือนกันนะเนี่ย จุ๊ๆ จุ๊ๆ”
สิปานันท์พูดขึ้นพร้อมส่ายศรีษะไปมาหลังจากที่โสภาออกไป
“ฉันเป็นผู้ชายนะ ไม่ใช่กระเทยไอ้น้องบ้า! เฮ้อ” พูดติดโมโหที่น้องสาวมาขัดจังหวะแล้วถอนหายใจ ถ้าเป็นคนอื่นต่อยไปแล้ว...
“อ้าว! หรอ เอมคิดมาตลอดว่ามีพี่สาวซะด้วยสิ”
“พอเลย พูดกับแกแล้วฉันประสาทจะกิน” ชายหนุ่มบ่น เพราะ ความกวนประสาทของน้องสาว
“ฉันไม่แปลกใจเล้ย...ที่แกไม่มีแฟนกับเค้าสักที” สิปาณัฐว่าตามความเป็นจริง
“เอมจะหมั้นอยู่วันสองวันนี่แหละค่ะ” หญิงสาวพูดเสียงจริงจัง จนคนเป็นพี่จับอารมณ์ไม่ถูก
“เหรอ ก็ดีสิ......ฮะ!! อะไรนะ พูดจริงหรอ หน้าอย่างแกเนี่ยนะ”
“ทำไม ยังไงเอมก็สวยกว่ายัยปลาไหลคนเมื่อกี้ของพี่แหละน่า เอมมั่นใจ”
“เออๆ เพื่อนแกอยู่ห้องไหนล่ะเดี๋ยวพี่ไปส่ง” ชายหนุ่มตัดบท เบื่อจะพูด
“เดี๋ยวยัยโสคงมา พี่ไปกับเอมด้วยห้ามไปไหน แม่บอกให้กับพร้อมพี่ชะพลู”
“แกจะเรียกฉันเต็มยศทำไมฮะ”ชายหนุ่มไม่ชอบให้ใครเรียกชื่อเล่นเต็มๆ เขารู้สึกว่ามันขัดหูชอบกล
“แล้วจะทำไมค่ะ พี่ชะพลู” สิปานันท์ลากเสียงยั่วโมโห
“ยัยเอม” สิปาณัฐเริ่มอารมณ์ขึ้น
“ขา เรียกทำไมคะชะพลู” ยังไม่หยุด
“หืม!”ชายหนุ่มลุกยืนเตรียมขย้ำคอน้องสาว แต่โสภาคเข้ามาพอดี
“ไปกันได้แล้วเพื่อนสาว พี่พลูสุดหล่อ”
เมื่อเข้าไปถึงในงานทุกคนก็ต้องตกตะลึง ในความหล่อของพี่ชายสุดหล่อของเธอโดยไม่สนใจเธอซักนิด โดยเฉพาะพวกเกือบสาวทั้งหลายแหล่ จนพี่พลูของเธอเร่งอยากกลับบ้านแทบไม่ทัน เมื่อพี่ชายมาด้วยหญิงสาวจึงดื่มหนักเป็นพิเศษหน่อยเพราะรู้ว่ายังไงก็กลับบ้านปลอดภัย...หายห่วง แต่ไอ้ที่ว่าดื่มหนักก็ป็นแค่ไวน์รสผลไม้ แค่สามแก้วก็ทำให้เธอลืมโลกได้แล้วสำหรับสาวคออ่อนอย่างเธอ...
และในที่สุด...
“ไป กลับได้แล้วเอม”
“บาย น้าา เปื้อนๆ คิกๆ”
“โธ่ รู้ว่าตัวเองคออ่อนยังซัดซะเยอะ ยัยน้องบ้าเอ้ย!” ชายหนุ่มบ่นอย่างหัวเสีย ขณะพยุงน้องสาวเข้าไปในรถ และกลับไปนั่งที่ เพื่อเป็นสารถีต่อ
“อา รายยย อ้ายยยพี่บ้า...อึก”
“เมาแล้วเละจริงๆ ยังมีหน้ามาตอกกลับฉันอีก”
“พี่..ช้าาาปู!!”
“ชะพลูโว๊ยยย ช้าปูอะไรของแก เอ๊ะ...เมามันยังเรียกฉันเต็มยศอีก แกล้งหรือเปล่าวะ”
“ฮ้าววววว...” เสียงสุดท้ายก่อนถึงบ้านที่ทำให้หญิงสาวเงียบไปตลอดทาง
“อ้าว ทำไมกลับไวนักล่ะตาพลู แล้วน้องเมาหรอลูก” มารดาถามเสียงเป็นห่วงเป็นใย เมื่อเห็นสิปาณัฐอุ้มน้องสาวเข้าบ้าน
“ครับแม่ น้องเมา เดี๋ยวผมพาขึ้นไปนอนก่อนนะครับ”
“ไปเถอะลูก”
บันไดไม้วาววับที่กั้นระหว่างชั้นล่างกับชั้นบน ถูกชายหนุ่มเหยียบขึ้นไปที่ละขั้นๆ จนมาถึงประตูห้องสีส้มสดใสสีโปรดของหญิงสาว จึงเอื้อมมือบิดประตูเข้าไป ห้องสวยโทนสีส้มให้ความสดใสเมื่อไฟถูกเปิดให้สว่างขึ้นมา สิปาณัฐอุ้มร่างน้องสาวเดินไปวางที่เตียงกว้างเรียบรื่นสีโอรสอย่างเบามือ แล้วถอยหลังมองหน้าน้องสาว
“ไอ้คนนั้นมันจะดูแลเธอได้ดีเหมือนพี่ชายคนนี้หรือเปล่าน้า...ยัยเอม”
ติชมกันหน่อยนะคะ ^^
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ