Celebrity Corny
-
2) Last Friday night
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ เตียงยวบลงตามแรงการนั่งของฉัน ใจสับสนและยังคงตื่นตระหนกอยู่กับเหตุการณ์ที่ผ่านไปเมื่อครู่ เถอะน่า แฮนนา ที่นี่มันแอลเอนะ ไม่ใช่เชเยนบ้านเธอ การเห็นหนุ่มสาวทำอะไรแบบนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับที่นี่ ใครๆเค้าก็คงไม่สนใจประเพณีโบร่ำโบราณรักนวลสงวนตัวหรอกน่า! ระหว่างที่กำลังทำใจให้เย็นลง เจคก็โผล่หน้าเข้ามาพอดี
"โว้! ห้องสวยไม่เบานิ่ สีฟ้าด้วย ถูกใจเธอเลยล่ะสิ"
"แต่ยังไงฉันก็ชอบห้องที่ฉันอยู่ที่เชเยนมากกว่า"ฉันลุกขึ้นจากเตียง หันไปวุ่นวายกับกระเป๋าเสียผ้าเพื่อกลบเกลื่อนสีหน้าตื่นตระหนกของฉัน
"เถอะน่า แฮนนา ฉันรู้ว่าเราจะต้องคิดถึงที่นั่น แต่แอลเอก็คงจะทำให้เราหลงรักได้ไม่ยากหรอก เชื่อฉันเถอะ เธอก็แค่ต้องปรับตัวนิดหน่อยเท่านั้น"
"แหงสิ เธอไม่มีปัญหา อยู่ที่ไหนก็ได้อยู่แล้วนี่ ขนาดโดนจับมัดกับต้นไม้ไว้ตั้งแต่เช้ายันเย็น ก็ยังไม่บ่นซ้ากกกคำ!"ฉันอดแซวเขาไม่ได้ เจคทำหน้านิ่วเหมือนกำลังโดนผูกไว้กับต้นไม้จริงๆ
"อย่าพูดถึงมันอีกเลยแฮนนา เรื่องนั้นจะตามหลอกหลอนฉันไปตลอดชีวิต เฮ้ ฉันหิวแล้วล่ะ บนเครื่องห่วยๆนั่นเสริ์ฟแต่น้ำกับขนมปังกรอบ เราไปหาอะไรกินกันเถอะ"เจคเข้ามากอดคอฉันเหมือนที่เคยทำเวลาต้องการจะอ้อนให้ฉันทำอะไรซักอย่าง
"ฉันไม่อยากไปไหนหรอก เหนื่อยจะตาย อีกอย่างมันมืดแล้วเรายังไม่ชินกับแถวๆนี้ ออกไปข้างนอกคงหาทางกลับไม่ถูก"
"แต่ฉันหิวนี่!!!"เจคทำท่าเหมือนเด็กไม่พอใจเวลาที่อยากได้ของเล่นหลายๆอย่าง
"ก็สั่งพิซซ่าสิ หาเบอร์จากนิตยสารก็ได้ ไม่เห็นต้องออกไปข้างนอกให้ลำบาก"
"แต่เรากำลังอยู่ในเมืองนางฟ้านะ ที่นี่เจริญกว่าเชเยนแล้วฉันก็อยากเห็นอะไรเจริญหูเจริญตามั่ง! เดินไปใกล้ๆนี่ก็ได้ ไม่หลงหรอกน่า นะๆออกไปข้างนอกกัน"
"แต่ฉันเหนื่อยนะ แล้วก็ง่วงมากๆด้วย"
"เดี๋ยวค่อยกลับมานอนก็ได้ ตามหลักการใช้ชีวิต เธอควรจะหาอะไรใส่ท้องก่อนนอน เพราะไม่งั้นเธอจะฝันว่าท้องร้องทั้งคืน เชื่อเถอะ ฉันก็เคยเป็นมาแล้ว"เจคโกหกเหมือนฉันเป็นเด็กอนุบาล
"เอาล่ะๆ ก็ได้ๆ ไปก็ได้ แต่ต้องรีบกลับนะ ฉันอยากนอน"ในที่สุดฉันก็ต้องยอมเขาเพราะทนคำรบเร้าไม่ไหว จนได้สินะแฮนนา!
เราสองคนเปิดประตูรั้วมหัศจรรย์นั่นโดยกดหมายเลขบนรีโมตที่ป้าเบ็ธให้ฉันมาพร้อมกับพวงกุญแจ ก่อนเดินออกไปตามท้องถนนที่มีแต่แสงไฟข้างทาง บ้านบางหลังดูเหมือนไม่มีคนอยู่ มันมืดและเงียบจนน่ากลัว เราเดินตรงมาเรื่อยๆหลายบล๊อค หวังจะได้เจอร้านจานด่วนที่เปิด 24 ชัวโมงซักร้าน ท้องของฉันมันเริ่มประท้วงแล้วล่ะ แล้วดูเหมือนคำประท้วงนั่นจะได้ผล แสงไฟของร้านพิซซ่าสว่างมาจากทางซ้ายมือ พวกเราไม่รีรอ รีบหาทางข้ามถนนตรงไปยังร้านพิซซ่านั่นทันที มันเป็นร้านขนาดย่อม มี 2 ชั้น ป้ายชื่อร้าน Papa John's ส่องสว่างไสว ฉันอดคิดถึงลุงกับป้าไม่ได้เมื่อได้กลิ่นขนมปังกระเทียมอบหอมกลุ่นจากเตา
"ฉันเริ่มจะหลงรักที่นี่เข้าซะแล้วล่ะแฮนนา"เจคทำตามีเลศนัยขณะที่กำลังมองผ่านฉันไปข้างหลัง สาวผม บลอนด์อีกแล้วสินะ ฉันหันไปมองเล็กน้อย ดูท่าสาวเจ้าก็สนใจเจคเหมือนกัน
"ผู้หญิง บลา บลา บลา น่าเบื่อจริง เธอต้องเรียนรู้ที่จะคิดเรื่องอื่นบ้างแล้วล่ะ อย่างแคลคูลัสเป็นไง อย่างน้อยทำให้ได้ C ก็ยังดี"
"พูดถึงแคลคูลัส โรงเรียนที่นี่คงเจ๋งน่าดูแฮะ มีแต่สาวสวยๆ ทีมฟุตบอลเจ๋งๆแน่นอน!"
"ฉันกำลังพูดถึงเรื่องเรียนอยู่นะ อีก 2 ปีก็ต้องเข้ามหาลัย'แล้ว เธอคิดไว้รึยังว่าจะเข้าที่ไหน?"
"นั่นมันอีกตั้ง 2 ปีนะแฮนนา ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องนี้หรอก แต่ตอนนี้มันเป็นเวลาล่าเหยื่อต่างหาก"ว่าแล้วเขาก็ลุกเดินไปหาสาวผมทองนั่น เข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมลุงกับป้าถึงได้บ่นปวดหัวทุกวัน!
หลังจากที่เราอิ่ม (และเจคได้คุย แลกทวิตเตอร์กับแม่สวาคนนั้นแล้ว) พวกเราก็เดินกลับทางเดิมอย่างเชื่องช้าเพราะทั้งอิ่มและทั้งเหนื่อยเกินกว่าจะก้าวเท้าไหว ระหว่างทางเจคคุยไม่หยุดปากในขณะที่เปลือกตาของฉันรั้นจะปิดลงให้ได้ทุกเมื่อ เมื่อเรามาถึงที่พัก (ฉันยังไม่อยากเรียกว่าบ้านของเราหรอกนะ) พลันก็หันไปเห็นบ้านข้างๆเปิดไฟสว่างจ้า ทั้งไฟจากสนามหญ้าและไฟรอบๆบ้าน เหมือนว่าเจ้าของบ้านกำลังจะมีปาร์ตี้ยังไงยังงั้น
"เฮ้ เค้ามีอะไรกันน่ะ ไปดูกันหน่อยมันแฮนนา"เจคทำท่าสนอกสนใจขึ้นมาทันที
"ฉันขอผ่าน นี่มัน 4 ทุ่มแล้ว ฉันไม่สนหรอกว่าใครจะทำอะไร เรารีบเข้าบ้านกันเถอะน่า"ฉันบังคับแกมผลักเขาให้เดินผ่านรั้วเข้าไป เจคยังไม่ละความพยายาม เขาวิ่งไปส่องตรงกำแพงเตี้ยๆ มองดูผู้คนมากมายที่เดินเข้าออกบ้านหลังนั้น
"งั้นฉันเข้าบ้านก่อนนะ ราตรีสวัสดิ์"ยังไม่ทันจบประโยค ลูกฟุตบอล (อเมริกันฟุตบอล) ก็พุ่งมาจากทางไหนไม่รู้ มาตกอยู่ตรงหน้าฉันพอดี ฉันหยิบมันขึ้นก่อนมองหาที่มาของมัน
"เฮ้! ขอโทษนะ พอดีออกแรงมากไปหน่อย"เสียงชายหนุ่มดังมาจากบ้านข้างๆ เขาวิ่งเหยาะๆเข้ามาทางเจคก่อนหยุดที่กำแพงเตี้ยๆนั่น ฉันออกแรงขว้างกลับไปให้เขา ก่อนเดินเข้าไปหาเช่นกัน อย่างน้อยฉันก็ควรจะมีมารยาทที่ดีกับเพื่อนใหม่ซะหน่อย
"พวกนายเพิ่งมาอยู่ใหม่หรอ? แล้วป้าแก่ๆคนนั้นล่ะ?"ชายหนุ่มคนนี้ไม่ใช่คนที่ฉันเห็นเมื่อตอนหัวค่ำ เขาเตี้ยกว่าเจคนิดหน่อย ผมสีทอง หน้าตาหล่อเหลา (ฉันชักเริ่มสงสัยซะแล้วว่า ที่นี่มีแต่พิมพ์แบบนี้รึไงกันนะ ผมทองและที่สำคัญหน้าตาดี!) ใส่แจ๊กเก๊ตกีฬาของโรงเรียน สงสัยจะเป็นสมาชิกทีมฟุตบอล
"พวกเราเป็นหลานของเขาน่ะ เพิ่งย้ายมาจากไวโอมิ่ง"เจคตอบด้วยท่าทีที่เป็นมิตร เห็นได้ชัดว่าเจคเลือกจะใช้คำว่ารัฐไวโอมิ่ง มากกว่าเมืองเชเยน เพราะไม่อยากเสียเวลาอธิบายว่าเมืองเชเยนอยู่ส่วนไหนของอเมริกา บางคนยังคิดด้วยซ้ำว่าเชเยนเป็นจังหวัดหนึ่งของชิลี!
"แอลเอยินดีต้อนรับนะ! ฉันชื่อไมค์ ไมค์ โคลฟี่ แต่เรียกไมค์ก็ได้"ชายหนุ่มว่าก่อนส่งมือมาให้เจคกับฉันเป็นการทักทาย
"เจค ส่วนนี่น้องสาวฉัน แฮนนา"เจคแนะนำกลับเช่นกัน ท่าทางสองคนนี่จะเข้ากันได้ดีนะ
"เฮ้...เรากำลังมีปาร์ตี้น่ะ ถ้าพวกนายไม่ว่าอะไร จะมาร่วมกับเราก็ได้นะ"ไมค์ส่งยิ้มเจ้าเสน่ห์มาทางฉัน ก่อนหันไปทำท่าชักชวนเจค
"เอาสิ ฉันกำลังเบื่อๆพอดี มาด้วยกันสิแฮนนา เธอคงไม่คิดจะอยู่บ้านคนเดียวในคืนวันเสาร์แบบนี้หรอกนะ"
"คิดสิ ขอบคุณที่ชวนนะไมค์ แต่พวกเราไม่ไปหรอก"
"เฮ้ เธอไม่ไปก็อย่าเอาฉันเข้าไปเกี่ยวสิ ฉันไม่ปฏิเสธคำชวนของเพื่อนใหม่หรอกน่า อีกอย่างเราควรจะทำตัวให้เป็นมิตรกับเพื่อนบ้านเข้าไว้นะ"
"แต่ไม่ใช่เวลานี้ที่ฉันต้องการนอน ฉันเหนื่อยมาทั้งวันแล้วนะ เธอจะไปก็ไปเถอะ แต่อย่าไปทำอะไรขายหน้าเข้าล่ะ ฉันไม่อยากให้ตระกูลไรส์เป็นข่าวหน้าหนึ่งของ Los Angeles Times"
"เธอน่าจะมากับเรานะ เจ้าของบ้านไม่ว่าอะไรหรอก ฉันนี่แหละเพื่อนซี้เค้าเลย!"พอพูดถึงเจ้าของบ้านก็ทำให้ฉันฉุกคิดถึงเรื่องเมื่อตอนหัวค่ำทันที เจ้าของตาสีฟ้าคู่นั้นสินะที่เป็นเจ้าของบ้าน
"ไม่ดีกว่า ฉันเพิ่งเดินทางมาถึง อยากจะพักผ่อนมากกว่าน่ะ ขอตัวก่อนนะ ราตรีสวัสดิ์"เจคส่งยิ้มให้ฉันก่อนโดดข้ามรั้วไปหาไมค์ ชายหนุ่มทั้งสองเดินเคียงกันจากไป
แต่แล้วฉันก็รู้สึกว่าตัวเองโง่เง่าสิ้นดีเพราะกุญแจบ้านทั้งพวงอยู่กับเจคน่ะสิ! พระเจ้าคงต้องการให้ฉันไปยุ่งย่ามกับปาร์ตี้คนรวยนั่นแน่ๆ เอาล่ะฉันมีทางเลือกสองทาง คือหนึ่งนั่งรอเจคเหมือนรอดูปลาวาฬที่จะโผล่ขึ้นเหนือน้ำโดยที่เราคาดเดาไม่ได้ว่ามันจะโผล่ขึ้นมาเมื่อไหร่ และสองบุกเข้าไปในบ้านหลังนั้นเลย ถึงใจฉันจะบอกว่าควรนั่งรอดีกว่า แต่เปลือกตาที่กำลังจะปิดลงให้ได้นั้นสั่งฉันให้กระโดดข้ามรั้วนั่น แล้วไปเอากุญแจจากเจคมาซะ เพราะเปลือกตาต้องการการพักผ่อนแล้ว
ผู้คนมากมายเดินผ่านฉันอย่างรีบร้อนเข้าไปในบ้านหลังนั้น ยิ่งเข้าใกล้เสียงเพลงจังหวะแด๊นซ์ก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ และผู้คนก็หนาแน่นเต็มทางเดินซึ่งหากคำนวณจากสายตาแล้ว 40 เปอร์เซ็นเป็นคนผมทอง ที่เหลือลงมาเป็นพวกผมน้ำตาลอ่อนไปจนถึงเข้ม และมีแต่ฉันคนเดียวที่มีผมสีน้ำตาลเข้มจัดจนเกือบดำ หากมองลงมาจากด้านบน ฉันคงเป็นจุดเด่นที่สุดของงาน! ฉันประหม่าขณะที่กำลังเดินผ่านทางเดินเข้ามา แต่ก็พยายามทำใจดีสู้เสือและตั้งสติสอดส่องหาเจค คนที่ทำให้ฉันต้องเข้ามาที่นี่จนได้!
ใจหนึ่งก็กลัวจะเจอกับชายตาสีฟ้าคนนั้น ก็เขาเป็นเจ้าของบ้านนี่ ถึงคนจะเยอะแต่ก็มีโอกาสตั้ง 60 เปอร์เซ็นที่จะเจอเขาจังๆ และแล้วการคาดเดาของฉันก็แม่นเสียยี่งกว่าถูกล๊อตโต้ ขณะที่กำลังหันไปอีกทางฉันก็ชนเข้ากับชายคนหนึ่งพอดี เครื่องดื่มจากแก้วในมือของเขาหกใส่ฉันเสียจนเกือบหมด และเมื่อฉันหันไปสบตาเขาก็พบว่านั่นคือตาสีฟ้าสดใสที่ฉันกังวลมาตลอด!!!
"โอ๊ะ! ขอโทษนะ คุณเป็นอะไรมั้ย???"เสียงนุ่มๆนั่นทำเอาฉันตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะ กว่าจะรู้ตัวก็ถูกเขาเรียกเอาหลายที
"คุณไม่เป็นอะไรนะ บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า? นิ่งไปหลายวินาทีเลย"เขาทำท่ายิ้มๆ เหมือนจะหัวเราะ เป็นวินาทีที่หน้าของฉันร้อนพอจะทอดไข่ได้สุกพอดี
"เอ่อ ฉัน.....ฉัน โอเค...ค่ะ"
"แต่คุณเปียกไปหมดเลยนะ มาเถอะ ผมจะพาไปล้างตัว กลิ่นวอดก้านี่คงไม่หอมนักใช่มั้ย ฮะฮะ"เขาหัวเราะน้อยๆก่อนพาฉันเดินไปทางห้องครัว ที่นั่นเงียบสงบ มีเพียงแต่เราสองคนเท่านั้น เขาส่งผ้าชุบน้ำให้ฉันก่อนพิงตัวกับเคาร์เตอร์ครัว
"คุณมาอยู่ใหม่ใช่มั้ย? ผมพบเจค พี่ชายคุณแล้วล่ะ คุณก็คงจะเป็นแฮนนาสินะ"
"เอ่อ ค่ะ เอ้อ เจคอยู่ไหน คือฉันจะมาเอากุญแจบ้านน่ะ ไม่ได้ตั้งใจจะเข้ามาทำลายปาร์ตี้คุณนะ"ฉันพยายามพูดติดตลก อย่างน้อยมันน่าจะควบคุมสติฉันได้บ้าง
"เขาฝากผมมาให้คุณน่ะ พอดีผมบอกเขาไปว่าอยากเห็นหน้าคุณก็เลยอาสาเอามาให้เอง"ห๊ะ? อะไรนะ? ถ้าหูฉันไม่ฝาด เค้าพูดว่าอยากเห็นหน้าฉันอย่างงั้นหรอ?????
"เอ่อ คุณอย่าคิดว่าผมโรคจิตนะ ผมก็แค่อยากทำความรู้จักกับเพื่อนบ้านเท่านั้น"เขาแก้ทันควัน ก่อนที่ฉันจะจินตนาการอะไรไปมากกว่านี้
"อ๋อ ค่ะ แน่อยู่แล้ว ฮะฮะฮะ"ยัยแฮนนาเฉิ่มเบอะเอ๊ยยยย
"ผม ฟิน พัคเกอร์"เขาส่งมือมาให้ฉันเป็นการทักทาย ใจฉันเต้นแรงมากขึ้นเมื่อต้องจับมือเขาตอบ และก็คงไม่ต้องบอกสินะว่าฉันชื่อแฮนนา
"เอ่อ คือ..เรื่องเมื่อตอนหัวค่ำน่ะ คือฉัน..."คงจะฟังดูโง่ๆถ้าฉันบอกว่าไม่รู้ไม่เห็นฉากรักสวีทเร่าร้อนนั่น
"ไม่เป็นไรหรอก ผมต่างหากที่ต้องขอโทษที่ทำอะไรไม่เรียบร้อย อย่างน้อยปิดม่านซักหน่อยก็น่าจะดี"เขาทำท่าไม่ใส่ใจแล้วหัวเราะหน่อยๆ
"ถึงยังไงก็ตาม ฉันก็ควรจะขอโทษ ที่มอง คือจริงๆฉันก็มองไปเรื่อย ไม่ได้คิดอะไรเลยค่ะ"ฟินเม้มปากแล้วมองฉันก่อนตัดสินใจส่งกุญแจให้ฉัน
"ท่าทางคุณดูเหนื่อยๆนะ ไปพักผ่อนเถอะ ผมไม่กวนคุณแล้ว อ้อ ออกทางประตูครัวก็ได้นะ เดินไปเรื่อยๆจะเจอประตูเก่าๆที่ทะลุไปบ้านคุณได้น่ะ คุณคงไมไปฟ้องคุณนายฟิกกินส์หรอกนะว่าผมแอบค้นพบประตูลับนั่น ตอนนั้นผมแค่ 7 ขวบเอง"
"ฉันคงไม่เสียค่าโทรไปไมอามี่หรอกค่ะ คุณวางใจเถอะ"ฟินยิ้มให้ฉันก่อนเดินออกไป คงเหลือแต่รอยยิ้มน่ารักนั่นในสมองของฉัน ฉันอาจจะหลงเคลิ้ม แต่ก็คงจะไม่เพ้อพอที่จะคิดฝันไปไกลกว่านั้น แฮนนา เธอกับเค้านะมันอยู่กันคนละโลก เค้าอยู่ในโลกเพลงฮิตติดชาร์จ ส่วนเธอน่ะใช้ชีวิตอยู่กับโลกของเพลง country เชยๆ!!
.................................to be continued
"โว้! ห้องสวยไม่เบานิ่ สีฟ้าด้วย ถูกใจเธอเลยล่ะสิ"
"แต่ยังไงฉันก็ชอบห้องที่ฉันอยู่ที่เชเยนมากกว่า"ฉันลุกขึ้นจากเตียง หันไปวุ่นวายกับกระเป๋าเสียผ้าเพื่อกลบเกลื่อนสีหน้าตื่นตระหนกของฉัน
"เถอะน่า แฮนนา ฉันรู้ว่าเราจะต้องคิดถึงที่นั่น แต่แอลเอก็คงจะทำให้เราหลงรักได้ไม่ยากหรอก เชื่อฉันเถอะ เธอก็แค่ต้องปรับตัวนิดหน่อยเท่านั้น"
"แหงสิ เธอไม่มีปัญหา อยู่ที่ไหนก็ได้อยู่แล้วนี่ ขนาดโดนจับมัดกับต้นไม้ไว้ตั้งแต่เช้ายันเย็น ก็ยังไม่บ่นซ้ากกกคำ!"ฉันอดแซวเขาไม่ได้ เจคทำหน้านิ่วเหมือนกำลังโดนผูกไว้กับต้นไม้จริงๆ
"อย่าพูดถึงมันอีกเลยแฮนนา เรื่องนั้นจะตามหลอกหลอนฉันไปตลอดชีวิต เฮ้ ฉันหิวแล้วล่ะ บนเครื่องห่วยๆนั่นเสริ์ฟแต่น้ำกับขนมปังกรอบ เราไปหาอะไรกินกันเถอะ"เจคเข้ามากอดคอฉันเหมือนที่เคยทำเวลาต้องการจะอ้อนให้ฉันทำอะไรซักอย่าง
"ฉันไม่อยากไปไหนหรอก เหนื่อยจะตาย อีกอย่างมันมืดแล้วเรายังไม่ชินกับแถวๆนี้ ออกไปข้างนอกคงหาทางกลับไม่ถูก"
"แต่ฉันหิวนี่!!!"เจคทำท่าเหมือนเด็กไม่พอใจเวลาที่อยากได้ของเล่นหลายๆอย่าง
"ก็สั่งพิซซ่าสิ หาเบอร์จากนิตยสารก็ได้ ไม่เห็นต้องออกไปข้างนอกให้ลำบาก"
"แต่เรากำลังอยู่ในเมืองนางฟ้านะ ที่นี่เจริญกว่าเชเยนแล้วฉันก็อยากเห็นอะไรเจริญหูเจริญตามั่ง! เดินไปใกล้ๆนี่ก็ได้ ไม่หลงหรอกน่า นะๆออกไปข้างนอกกัน"
"แต่ฉันเหนื่อยนะ แล้วก็ง่วงมากๆด้วย"
"เดี๋ยวค่อยกลับมานอนก็ได้ ตามหลักการใช้ชีวิต เธอควรจะหาอะไรใส่ท้องก่อนนอน เพราะไม่งั้นเธอจะฝันว่าท้องร้องทั้งคืน เชื่อเถอะ ฉันก็เคยเป็นมาแล้ว"เจคโกหกเหมือนฉันเป็นเด็กอนุบาล
"เอาล่ะๆ ก็ได้ๆ ไปก็ได้ แต่ต้องรีบกลับนะ ฉันอยากนอน"ในที่สุดฉันก็ต้องยอมเขาเพราะทนคำรบเร้าไม่ไหว จนได้สินะแฮนนา!
เราสองคนเปิดประตูรั้วมหัศจรรย์นั่นโดยกดหมายเลขบนรีโมตที่ป้าเบ็ธให้ฉันมาพร้อมกับพวงกุญแจ ก่อนเดินออกไปตามท้องถนนที่มีแต่แสงไฟข้างทาง บ้านบางหลังดูเหมือนไม่มีคนอยู่ มันมืดและเงียบจนน่ากลัว เราเดินตรงมาเรื่อยๆหลายบล๊อค หวังจะได้เจอร้านจานด่วนที่เปิด 24 ชัวโมงซักร้าน ท้องของฉันมันเริ่มประท้วงแล้วล่ะ แล้วดูเหมือนคำประท้วงนั่นจะได้ผล แสงไฟของร้านพิซซ่าสว่างมาจากทางซ้ายมือ พวกเราไม่รีรอ รีบหาทางข้ามถนนตรงไปยังร้านพิซซ่านั่นทันที มันเป็นร้านขนาดย่อม มี 2 ชั้น ป้ายชื่อร้าน Papa John's ส่องสว่างไสว ฉันอดคิดถึงลุงกับป้าไม่ได้เมื่อได้กลิ่นขนมปังกระเทียมอบหอมกลุ่นจากเตา
"ฉันเริ่มจะหลงรักที่นี่เข้าซะแล้วล่ะแฮนนา"เจคทำตามีเลศนัยขณะที่กำลังมองผ่านฉันไปข้างหลัง สาวผม บลอนด์อีกแล้วสินะ ฉันหันไปมองเล็กน้อย ดูท่าสาวเจ้าก็สนใจเจคเหมือนกัน
"ผู้หญิง บลา บลา บลา น่าเบื่อจริง เธอต้องเรียนรู้ที่จะคิดเรื่องอื่นบ้างแล้วล่ะ อย่างแคลคูลัสเป็นไง อย่างน้อยทำให้ได้ C ก็ยังดี"
"พูดถึงแคลคูลัส โรงเรียนที่นี่คงเจ๋งน่าดูแฮะ มีแต่สาวสวยๆ ทีมฟุตบอลเจ๋งๆแน่นอน!"
"ฉันกำลังพูดถึงเรื่องเรียนอยู่นะ อีก 2 ปีก็ต้องเข้ามหาลัย'แล้ว เธอคิดไว้รึยังว่าจะเข้าที่ไหน?"
"นั่นมันอีกตั้ง 2 ปีนะแฮนนา ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องนี้หรอก แต่ตอนนี้มันเป็นเวลาล่าเหยื่อต่างหาก"ว่าแล้วเขาก็ลุกเดินไปหาสาวผมทองนั่น เข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมลุงกับป้าถึงได้บ่นปวดหัวทุกวัน!
หลังจากที่เราอิ่ม (และเจคได้คุย แลกทวิตเตอร์กับแม่สวาคนนั้นแล้ว) พวกเราก็เดินกลับทางเดิมอย่างเชื่องช้าเพราะทั้งอิ่มและทั้งเหนื่อยเกินกว่าจะก้าวเท้าไหว ระหว่างทางเจคคุยไม่หยุดปากในขณะที่เปลือกตาของฉันรั้นจะปิดลงให้ได้ทุกเมื่อ เมื่อเรามาถึงที่พัก (ฉันยังไม่อยากเรียกว่าบ้านของเราหรอกนะ) พลันก็หันไปเห็นบ้านข้างๆเปิดไฟสว่างจ้า ทั้งไฟจากสนามหญ้าและไฟรอบๆบ้าน เหมือนว่าเจ้าของบ้านกำลังจะมีปาร์ตี้ยังไงยังงั้น
"เฮ้ เค้ามีอะไรกันน่ะ ไปดูกันหน่อยมันแฮนนา"เจคทำท่าสนอกสนใจขึ้นมาทันที
"ฉันขอผ่าน นี่มัน 4 ทุ่มแล้ว ฉันไม่สนหรอกว่าใครจะทำอะไร เรารีบเข้าบ้านกันเถอะน่า"ฉันบังคับแกมผลักเขาให้เดินผ่านรั้วเข้าไป เจคยังไม่ละความพยายาม เขาวิ่งไปส่องตรงกำแพงเตี้ยๆ มองดูผู้คนมากมายที่เดินเข้าออกบ้านหลังนั้น
"งั้นฉันเข้าบ้านก่อนนะ ราตรีสวัสดิ์"ยังไม่ทันจบประโยค ลูกฟุตบอล (อเมริกันฟุตบอล) ก็พุ่งมาจากทางไหนไม่รู้ มาตกอยู่ตรงหน้าฉันพอดี ฉันหยิบมันขึ้นก่อนมองหาที่มาของมัน
"เฮ้! ขอโทษนะ พอดีออกแรงมากไปหน่อย"เสียงชายหนุ่มดังมาจากบ้านข้างๆ เขาวิ่งเหยาะๆเข้ามาทางเจคก่อนหยุดที่กำแพงเตี้ยๆนั่น ฉันออกแรงขว้างกลับไปให้เขา ก่อนเดินเข้าไปหาเช่นกัน อย่างน้อยฉันก็ควรจะมีมารยาทที่ดีกับเพื่อนใหม่ซะหน่อย
"พวกนายเพิ่งมาอยู่ใหม่หรอ? แล้วป้าแก่ๆคนนั้นล่ะ?"ชายหนุ่มคนนี้ไม่ใช่คนที่ฉันเห็นเมื่อตอนหัวค่ำ เขาเตี้ยกว่าเจคนิดหน่อย ผมสีทอง หน้าตาหล่อเหลา (ฉันชักเริ่มสงสัยซะแล้วว่า ที่นี่มีแต่พิมพ์แบบนี้รึไงกันนะ ผมทองและที่สำคัญหน้าตาดี!) ใส่แจ๊กเก๊ตกีฬาของโรงเรียน สงสัยจะเป็นสมาชิกทีมฟุตบอล
"พวกเราเป็นหลานของเขาน่ะ เพิ่งย้ายมาจากไวโอมิ่ง"เจคตอบด้วยท่าทีที่เป็นมิตร เห็นได้ชัดว่าเจคเลือกจะใช้คำว่ารัฐไวโอมิ่ง มากกว่าเมืองเชเยน เพราะไม่อยากเสียเวลาอธิบายว่าเมืองเชเยนอยู่ส่วนไหนของอเมริกา บางคนยังคิดด้วยซ้ำว่าเชเยนเป็นจังหวัดหนึ่งของชิลี!
"แอลเอยินดีต้อนรับนะ! ฉันชื่อไมค์ ไมค์ โคลฟี่ แต่เรียกไมค์ก็ได้"ชายหนุ่มว่าก่อนส่งมือมาให้เจคกับฉันเป็นการทักทาย
"เจค ส่วนนี่น้องสาวฉัน แฮนนา"เจคแนะนำกลับเช่นกัน ท่าทางสองคนนี่จะเข้ากันได้ดีนะ
"เฮ้...เรากำลังมีปาร์ตี้น่ะ ถ้าพวกนายไม่ว่าอะไร จะมาร่วมกับเราก็ได้นะ"ไมค์ส่งยิ้มเจ้าเสน่ห์มาทางฉัน ก่อนหันไปทำท่าชักชวนเจค
"เอาสิ ฉันกำลังเบื่อๆพอดี มาด้วยกันสิแฮนนา เธอคงไม่คิดจะอยู่บ้านคนเดียวในคืนวันเสาร์แบบนี้หรอกนะ"
"คิดสิ ขอบคุณที่ชวนนะไมค์ แต่พวกเราไม่ไปหรอก"
"เฮ้ เธอไม่ไปก็อย่าเอาฉันเข้าไปเกี่ยวสิ ฉันไม่ปฏิเสธคำชวนของเพื่อนใหม่หรอกน่า อีกอย่างเราควรจะทำตัวให้เป็นมิตรกับเพื่อนบ้านเข้าไว้นะ"
"แต่ไม่ใช่เวลานี้ที่ฉันต้องการนอน ฉันเหนื่อยมาทั้งวันแล้วนะ เธอจะไปก็ไปเถอะ แต่อย่าไปทำอะไรขายหน้าเข้าล่ะ ฉันไม่อยากให้ตระกูลไรส์เป็นข่าวหน้าหนึ่งของ Los Angeles Times"
"เธอน่าจะมากับเรานะ เจ้าของบ้านไม่ว่าอะไรหรอก ฉันนี่แหละเพื่อนซี้เค้าเลย!"พอพูดถึงเจ้าของบ้านก็ทำให้ฉันฉุกคิดถึงเรื่องเมื่อตอนหัวค่ำทันที เจ้าของตาสีฟ้าคู่นั้นสินะที่เป็นเจ้าของบ้าน
"ไม่ดีกว่า ฉันเพิ่งเดินทางมาถึง อยากจะพักผ่อนมากกว่าน่ะ ขอตัวก่อนนะ ราตรีสวัสดิ์"เจคส่งยิ้มให้ฉันก่อนโดดข้ามรั้วไปหาไมค์ ชายหนุ่มทั้งสองเดินเคียงกันจากไป
แต่แล้วฉันก็รู้สึกว่าตัวเองโง่เง่าสิ้นดีเพราะกุญแจบ้านทั้งพวงอยู่กับเจคน่ะสิ! พระเจ้าคงต้องการให้ฉันไปยุ่งย่ามกับปาร์ตี้คนรวยนั่นแน่ๆ เอาล่ะฉันมีทางเลือกสองทาง คือหนึ่งนั่งรอเจคเหมือนรอดูปลาวาฬที่จะโผล่ขึ้นเหนือน้ำโดยที่เราคาดเดาไม่ได้ว่ามันจะโผล่ขึ้นมาเมื่อไหร่ และสองบุกเข้าไปในบ้านหลังนั้นเลย ถึงใจฉันจะบอกว่าควรนั่งรอดีกว่า แต่เปลือกตาที่กำลังจะปิดลงให้ได้นั้นสั่งฉันให้กระโดดข้ามรั้วนั่น แล้วไปเอากุญแจจากเจคมาซะ เพราะเปลือกตาต้องการการพักผ่อนแล้ว
ผู้คนมากมายเดินผ่านฉันอย่างรีบร้อนเข้าไปในบ้านหลังนั้น ยิ่งเข้าใกล้เสียงเพลงจังหวะแด๊นซ์ก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ และผู้คนก็หนาแน่นเต็มทางเดินซึ่งหากคำนวณจากสายตาแล้ว 40 เปอร์เซ็นเป็นคนผมทอง ที่เหลือลงมาเป็นพวกผมน้ำตาลอ่อนไปจนถึงเข้ม และมีแต่ฉันคนเดียวที่มีผมสีน้ำตาลเข้มจัดจนเกือบดำ หากมองลงมาจากด้านบน ฉันคงเป็นจุดเด่นที่สุดของงาน! ฉันประหม่าขณะที่กำลังเดินผ่านทางเดินเข้ามา แต่ก็พยายามทำใจดีสู้เสือและตั้งสติสอดส่องหาเจค คนที่ทำให้ฉันต้องเข้ามาที่นี่จนได้!
ใจหนึ่งก็กลัวจะเจอกับชายตาสีฟ้าคนนั้น ก็เขาเป็นเจ้าของบ้านนี่ ถึงคนจะเยอะแต่ก็มีโอกาสตั้ง 60 เปอร์เซ็นที่จะเจอเขาจังๆ และแล้วการคาดเดาของฉันก็แม่นเสียยี่งกว่าถูกล๊อตโต้ ขณะที่กำลังหันไปอีกทางฉันก็ชนเข้ากับชายคนหนึ่งพอดี เครื่องดื่มจากแก้วในมือของเขาหกใส่ฉันเสียจนเกือบหมด และเมื่อฉันหันไปสบตาเขาก็พบว่านั่นคือตาสีฟ้าสดใสที่ฉันกังวลมาตลอด!!!
"โอ๊ะ! ขอโทษนะ คุณเป็นอะไรมั้ย???"เสียงนุ่มๆนั่นทำเอาฉันตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะ กว่าจะรู้ตัวก็ถูกเขาเรียกเอาหลายที
"คุณไม่เป็นอะไรนะ บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า? นิ่งไปหลายวินาทีเลย"เขาทำท่ายิ้มๆ เหมือนจะหัวเราะ เป็นวินาทีที่หน้าของฉันร้อนพอจะทอดไข่ได้สุกพอดี
"เอ่อ ฉัน.....ฉัน โอเค...ค่ะ"
"แต่คุณเปียกไปหมดเลยนะ มาเถอะ ผมจะพาไปล้างตัว กลิ่นวอดก้านี่คงไม่หอมนักใช่มั้ย ฮะฮะ"เขาหัวเราะน้อยๆก่อนพาฉันเดินไปทางห้องครัว ที่นั่นเงียบสงบ มีเพียงแต่เราสองคนเท่านั้น เขาส่งผ้าชุบน้ำให้ฉันก่อนพิงตัวกับเคาร์เตอร์ครัว
"คุณมาอยู่ใหม่ใช่มั้ย? ผมพบเจค พี่ชายคุณแล้วล่ะ คุณก็คงจะเป็นแฮนนาสินะ"
"เอ่อ ค่ะ เอ้อ เจคอยู่ไหน คือฉันจะมาเอากุญแจบ้านน่ะ ไม่ได้ตั้งใจจะเข้ามาทำลายปาร์ตี้คุณนะ"ฉันพยายามพูดติดตลก อย่างน้อยมันน่าจะควบคุมสติฉันได้บ้าง
"เขาฝากผมมาให้คุณน่ะ พอดีผมบอกเขาไปว่าอยากเห็นหน้าคุณก็เลยอาสาเอามาให้เอง"ห๊ะ? อะไรนะ? ถ้าหูฉันไม่ฝาด เค้าพูดว่าอยากเห็นหน้าฉันอย่างงั้นหรอ?????
"เอ่อ คุณอย่าคิดว่าผมโรคจิตนะ ผมก็แค่อยากทำความรู้จักกับเพื่อนบ้านเท่านั้น"เขาแก้ทันควัน ก่อนที่ฉันจะจินตนาการอะไรไปมากกว่านี้
"อ๋อ ค่ะ แน่อยู่แล้ว ฮะฮะฮะ"ยัยแฮนนาเฉิ่มเบอะเอ๊ยยยย
"ผม ฟิน พัคเกอร์"เขาส่งมือมาให้ฉันเป็นการทักทาย ใจฉันเต้นแรงมากขึ้นเมื่อต้องจับมือเขาตอบ และก็คงไม่ต้องบอกสินะว่าฉันชื่อแฮนนา
"เอ่อ คือ..เรื่องเมื่อตอนหัวค่ำน่ะ คือฉัน..."คงจะฟังดูโง่ๆถ้าฉันบอกว่าไม่รู้ไม่เห็นฉากรักสวีทเร่าร้อนนั่น
"ไม่เป็นไรหรอก ผมต่างหากที่ต้องขอโทษที่ทำอะไรไม่เรียบร้อย อย่างน้อยปิดม่านซักหน่อยก็น่าจะดี"เขาทำท่าไม่ใส่ใจแล้วหัวเราะหน่อยๆ
"ถึงยังไงก็ตาม ฉันก็ควรจะขอโทษ ที่มอง คือจริงๆฉันก็มองไปเรื่อย ไม่ได้คิดอะไรเลยค่ะ"ฟินเม้มปากแล้วมองฉันก่อนตัดสินใจส่งกุญแจให้ฉัน
"ท่าทางคุณดูเหนื่อยๆนะ ไปพักผ่อนเถอะ ผมไม่กวนคุณแล้ว อ้อ ออกทางประตูครัวก็ได้นะ เดินไปเรื่อยๆจะเจอประตูเก่าๆที่ทะลุไปบ้านคุณได้น่ะ คุณคงไมไปฟ้องคุณนายฟิกกินส์หรอกนะว่าผมแอบค้นพบประตูลับนั่น ตอนนั้นผมแค่ 7 ขวบเอง"
"ฉันคงไม่เสียค่าโทรไปไมอามี่หรอกค่ะ คุณวางใจเถอะ"ฟินยิ้มให้ฉันก่อนเดินออกไป คงเหลือแต่รอยยิ้มน่ารักนั่นในสมองของฉัน ฉันอาจจะหลงเคลิ้ม แต่ก็คงจะไม่เพ้อพอที่จะคิดฝันไปไกลกว่านั้น แฮนนา เธอกับเค้านะมันอยู่กันคนละโลก เค้าอยู่ในโลกเพลงฮิตติดชาร์จ ส่วนเธอน่ะใช้ชีวิตอยู่กับโลกของเพลง country เชยๆ!!
.................................to be continued
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ