only you แค่เธอเท่านั้นที่ฉันจะรัก
9.3
เขียนโดย Solize
วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2554 เวลา 22.13 น.
3 ตอน
9 วิจารณ์
8,163 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2559 22.07 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) It's Just A Beginning
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ “เฮ้อ~ เหนื่อยชะมัด!”ไอออนบ่นก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียงข้างๆฉันหลังจากที่จัดข้าวของเครื่องใช้ต่างๆนาๆของฉันจนเสร็จ (ฉันเป็นคนสั่ง หมอนี่เป็นคนทำ)
“เอาล่ะ หมดหน้าที่ของนายแล้ว เชิญ”ฉันผายมือไปที่ประตูแทนการออกปากไล่
“พอใช้งานเสร็จก็ไล่เลยนะ รู้ซะบ้างสินี่มันห้องของใคร -_-”
“ก็แค่เคยเป็นของนาย ตอนนี้มันเป็นของฉันแล้ว เพราะงั้น เชิญ”ฉันไล่หมอนี่อีกครั้งก่อนที่เราจะเถียงกันยืดยาวอีกเป็นรอบที่สอง(รอบแรกคือเรื่องห้อง หมอนี่จะให้ฉันไปอยู่ห้องรับแขกล่ะ แล้วเรื่องอะไรฉันจะยอม! เราเลยเถียงกันยกใหญ่ และแน่นอนฝ่ายที่ชนะต้องเป็นฉันอยู่แล้วล่ะ ฉันจึงได้ห้องนี้มาโดยปริยาย)
ไอออนลุกขึ้นมามองฉันอย่างเหนื่อยใจ ก่อนจะเดินออกไปจากห้องอย่างไม่อยากจะเถียงต่อ แน่ล่ะเถียงไปก็ไม่ชนะอยู่แล้ว และดูเหมือนหมอนี่จะไม่อยากเถียงด้วย ก็มีความผิดติดตัวนี่นาจะกล้าพูดอะไรมาก
แล้วนี่ดูสีห้องสิมันจะดาร์กไปไหนเนี่ย ทาซะทึบเชียว นี่ฉันต้องมาลงมือปฏิวัติห้องนี้ใหม่ใช่มัยเนี่ย -_-ฉันมองไปรอบๆห้องที่ทาด้วยสีน้ำเงินทึบๆนี่อย่างเหนื่อยใจ ห้องนี้ใช่ว่าจะแย่หรอกนะ ทั้งโต๊ะ ตู้ เตียง เฟอนิเจอร์ต่างๆก็ถูจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ ห้องก็สะอาดสะอ้าดจนไม่น่าเชื่อว่านี่จะเป็นห้องของผู้ชายห่ามๆอย่างไอออน แต่ที่ไม่สบอารมณ์ก็มีเพียงไอ้สีห้องนี่แหละ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะต้องให้ไอออนจัดการอะไรซักอย่างกับมันซะแล้วสิ
ครืด~
ฉันเดินไปเปิดหน้าต่างรับลมเย็นๆที่พัดเข้ามา นี่ก็เกือบจะตีหนึ่งแล้วแต่ฉันยังไม่รู้สึกง่วงเลย อาจจะเป็นเพราะว่ายังปรับเวลายังได้มั้ง ฉันปีนขึ้นไปนั่งบนขอบหน้าต่างแล้วทอดสายตามองออกไปในความมืดมิด ปล่อยให้สายลมเย็นๆพัดผ่านไปเหมือนไม่สะทกสะท้านต่อความเหน็บหนาว ฉัน...เพียงแค่อยากให้ความรู้สึกเยือกเย็นนี้ย้ำเตือนว่าฉันมาที่นี่เพราะอะไร
‘...แล้วอย่าลืมขอบคุณฉันให้มากๆด้วยล่ะ’คำพูดของไอออนที่พูดกับฉันตอนที่มาถึงที่นี่ดังขึ้นมาในหู แต่ก็ต้องขอบคุณอย่างที่หมอนี่ว่านั่นแหละ เพราะเขาทำให้ฉันเข้าใกล้เป้าหมายได้อย่างไม่ยากเย็น ที่เหลือก็แค่เก็บเกี่ยวเอาความรู้สึกดีๆที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ให้มากที่สุดเท่าที่คนอย่างฉันจะทำได้ก่อนที่นาฬิกาจะหยุดเดินก็พอ
เคร้ง!
ฉันทิ้งกระทะลงในอ่างล้างจานทันทีหลังจากที่ทอดไข่ดาวฟองสุดท้ายเสร็จ (แอบแค้นมันนิดนึงที่ทำให้นิ้วฉันพองตอนบังเอิญไปจับตรงขอบกระทะ)นี่ฉันตั้งใจจะทำตัวเป็นผู้อาศัยที่ดีด้วยการทำอาหารเช้าให้เชียวนะเนี่ย
“ตื่นแต่เช้าดีนี่”เสียงเข้มๆแต่กวนๆนั่นไม่ต้องหันไปดูก็รู้ว่าใคร “กลับมาคราวนี้เธอทำให้ฉันแปลกใจหลายอย่างเลยนะ ไม่นึกเลยว่าเธอจะทำอาหารเป็นด้วย”
“วันนี้วันศุกร์ เป็นเวรทำอาหารของฉันตอนที่อยู่ที่นู่น”
“ท่าทางเอเธนซอล์จะได้ผลแฮะ ที่ทำให้เธอเป็นผู้เป็นคนได้ขนาดนี้ ^^” ฉันตวัดตาขุ่นๆไปมองไอออนที่นั่งเท้าคางที่ตรงเคาเตอร์บาร์หน้าครัว ยังกล้าพูดเรื่องนี้อีกนะยะ -*-
“ถ้าคิดว่าที่นั่นดีขนาดนั้นจะไปอยู่ด้วยกันมั๊ยล่ะ เดี๋ยวฉันจะบอกซิสเตอร์ให้จัดห้องพิเศษไว้ต้อนรับนายโดยเฉพาะ เอาแบบห้องทึบไม่เห็นเดือนเห็นตะวันเลยมะ หรือจะเอาแบบกรงกรงแล้วมีโซ่ล่ามดีล่ะที่นั่นมีห้องพิเศษหลายแบบให้นายเลือกเลยล่ะ^^”
“-*-”
“นะ นี่เธอเป็นพวก SM เหรอ!”--->เฮซอง
“ถึงขนาดจะล่ามโซ่เพื่อนฉันเลยเหรอยัยบ้า ยัยซาดิสซ์!”--->ฮิเดกิ
ฉันกับไอออนหันไปมองแขกไม่ได้รับเชิญสองคนที่มาแอบได้ยินที่เราพูดกัน ฉันจะดีใจมากถ้าพวกนี้จะช่วยพิจารณาคำพูดของพวกเราใหม่อีกสักรอบ -*-
“ว่าแต่เธอเป็น Sหรือเป็นM -?-”--->เฮซอง
ยังมีหน้ามาถามอีกเจ้านี่ -#-
“เอะอะอะไรกันแต่เช้าวะ”ลีจุนบ่นขณะที่เดินลงมาจากบันไดด้วยสีหน้าเซ็งๆกับเรียวเจที่ทำหน้าเบื่อโลกอยู่ข้างๆ ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ในชุดที่ดูดีเหมือนเมื่อคืนแต่ออร่าความหล่อของพวกเขาก็ยังไม่เคยจางไปเลยแม้แต่นิด
ฉันจ้องมองเรียวเจด้วยหัวใจที่สั่นไหว เรือนผมสีแดงสดที่ซอยสไลด์อย่างเก๋ไก๋ถูกเขาใช้มือขยี้เป็นทรงแบบง่ายๆ ใบหน้าเรียวสวยกับจมูกที่โด่งรับกับใบหน้าเป็นอย่างดีที่ดูคล้ายผู้หญิงนั่นถูกทาบทับด้วยดวงตาเรียวคมสีดำสนิทที่แสนจะเย็นชา และเพราะความแตกต่างที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวนี่เองที่ทำให้เขามีเสน่ห์ลึกลับอย่างบอกไม่ถูก ริมฝีปากยักลึกสีแดงสดนั่นเหยียดเป็นเส้นตรงเล็กน้อยเมื่อสายตาของเขาหันมามองฉัน
“นี่ลีจุน ฉันว่าเราไล่ยัยนี่ออกไปดีกว่ามั๊ย ฉันไม่ชอบอยู่ร่วมบ้านกับคนไม่ปกติ”ฉันละสายตาจากเรียวเจแล้วหันไปมองฮิเดกิทันที
“หมายความว่าไงที่ว่าไม่ปกติ”
“ยัยนี่เป็นพวก SMล่ะ” ---->เฮซอง
“ใช่ๆพวกเราได้ยินยัยนี่พูดกับไอออนว่าจะจับหมอนี่ใส่กรงแล้วใช้โซ่ล่ามไว้ ถ้าไม่เชื่อฟังล่ะก็จะใช้แส้ตีด้วยล่ะ”
“O[]O”ลีจุนดูอึ้งไปเลยเมื่อฮิเดกิพูดจบ แม้แต่เรียวเจที่ทำเมินใส่ฉันเมื่อกี้ยังหันมามองแบบไม่อยากจะเชื่ออีกต่างหากนะ เจ้าพวกนี้นี่พูดแบบนี้ได้ไงฉันเสียหายนะ!
“มะ ไม่ใช่นะ จะบ้าเหรอฉันไม่ได้พูดแบบนั้นซะหน่อย พวกนายคิดไปเองทั้งนั้น”ฉันปฏิเสธอย่างเอาเป็นเอาตายแล้วหันไปข่มขู่ไอออนทางสายตาให้ช่วยแก้ต่างให้ด้วยก่อนที่ลีจุนกับเรียวเจจะเข้าใจผิดไปมากกว่านี้!
“พวกแกนี่สอดรู้สอดเห็นจริงๆว่ะ ไม่เคยมีใครบอกพวกแกรึไงว่าการแอบฟังคนอื่นเขาคุยกันน่ะเป็นเรื่องที่เสียมารยาท -_-” ไอออนพูดจบก็เดินเข้ามาในครัว แล้วนำจานอาหารเช้าที่ฉันทำไว้ไปวางที่โต๊ะอาหาร “วันนี้ตอนสามโมงมีงานไม่ใช่เหรอมัวยืนบื้ออยู่ได้มากินข้าวสิวะ”รู้สึกว่าแกจะช่วยได้มากเลยนะ (-*-)
พวกนั้นหันไปมองหน้ากันนิดนึงก่อนจะเดินมาที่โต๊ะอาหาร นี่สรุปว่าสุดท้ายแล้วฉันก็ยังคงเป็นยัยบ้ากามอยู่สินะ
“ว่าแต่สาวSM จะให้พวกเราเรียกเธอว่าไงดีล่ะ แต่ฉันว่า SMก็น่ารักดีนะ ความหมายดีอีกด้วย ฉันชอบนะ” ---> เฮซอง
“แต่ฉันว่าวิปริตก็ดีนะ” ---> ฮิเดกิ
ถ้าคิดว่าดีก็เก็บไว้ตั้งชื่อให้ลูกแกสิ! อยากจะตรอกกลับด้วยประโยคนี้เหลือเกินแต่ก็คงจะทำได้แค่คิด เพราะว่าถ้าหากว่าฉันต้องการที่จะอยู่ที่นี่ต่อไปการที่รู้จักเจียมเนื้อเจียมตัวนั้นเป็นเรื่องที่ดีที่สุด โดยเฉพาะกับนายฮิเดกิ ถ้าไม่จำเป็นอย่าไปเถียงกับเขาเลย
“เมื่อวานฉันเองก็เพลียๆยังไม่ได้ถามชื่อเธอเลยนี่นา แล้วเธอชื่ออะไรล่ะ” ---> ลีจุน
“ไม่ว่าเมื่อไร่ฉันก็ยังใช้ชื่อ โซฮยอนเหมือนเดิมค่ะ^^”
“อืม โซฮยอน?” ---> ฮิเดกิ
“เหมือนเคยได้ยินที่ไหนน้า” ---> เฮซอง
“นั่นสิ” ---> ลีจุน
ตึก!
เรียวเจวางแก้วกาแฟที่ไอออนชงให้ลงบนโต๊ะอย่างแรง เพียงเท่านั้นก็เรียกสายตาทั้งสามคู่ที่พยายามคุ่นคิดถึงชื่อของฉันอยู่ได้เป็นอย่างดี
“...!!!” พวกเขามองเรียวเจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันมาเบิกตากว้างใส่ฉัน
“ยะ อย่าบอกนะว่าเธอคือ ยูโซฮยอน!” ---> ลีจุน
“ค่ะ ^^”
“เฮ้ย!!!”พวกนั้นตะโกนขึ้นมาพร้อมกัน ก่อนจะมองหน้าฉันสลับกับหน้าบอกบุญไม่รับของเรียวเจไปมา (^^) <<< (- - ) ~ ( - -) >>> (-*-) ขวับๆๆ
“ไม่อยากเชื่อนี่เธอคือยัยโซฮยอนที่ชอบวิ่งตามไอ้เรียวเจต้อยๆเมื่อตอนนั้นเหรอเนี่ย!” ฮิเดกิพูดก่อนจะมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าไปมา
“โอ้โห ดูเธอเปลี่ยนไปมากเลยนะเนี่ย เมื่อก่อนเห็นตัวเตี้ยๆน่ารักๆ ไม่นึกเลยว่าพอโตขึ้นจะสวยเซ็กซี่ขนาดนี้ ♥_♥” เฮซองบอกพร้อมกับจ้องหน้าอกของฉันไม่วางตา จนฉันต้องยกถาดเสิร์ฟอาหารขึ้นมาปิดไว้ อีตานี่ยังชีกอไม่เปลี่ยนเลยนะ ☹
“นั่นน่ะสิ ฉันจำแทบไม่ได้เลย”
“ฉันว่าฉันก็เหมือนเดิมนะค่ะ ที่พวกพี่จำไม่ได้อาจเป็นเพราะลืมฉันไปแล้วมากกว่า” ฉันหันไปพูดกับลีจุนคนที่ดูจะปกติ สติสตางค์ดีกว่าใครๆ
“โอ๊ย! ใครจะไปลืมเธอลงว่ะ ก็เล่นวิ่งแจ้นเสนอหน้ามาให้เห็นทุกวันขนาดนั้น ถึงไม่อยากจำก็ทำไม่ได้หรอก” ฮิเดกิบอกด้วยประโยคที่ดูจะเสียดสีนิดนึง และฉันก็คงจะคิดว่าหมอนี่คิดอย่างที่พูดจริงๆถ้าหากว่าฉันไม่เคยรู้จักเขามาก่อน ฮิเดกิออกจะเป็นคนที่ชอบพูดอะไรตรงๆ หลายครั้งที่คำพูดของเขาอาจจะทำร้ายคนฟังโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัวมันเป็นโรคประจำตัวที่แก้ยังไงก็แก้ไม่หายซะทีและตอนนี้ก็คงยังเหมือนเดิม
เมื่อก่อนตอนที่ฉันรู้จักกับ Princeห ใหม่ๆฉันก็นึกว่าพวกเขาเป็นพวกหยิ่งยโสโอหังอย่างที่คนเขาลือจริงๆ ซึ่งมันก็ใช่จริงๆนั่นแหละ -_-ี แต่นั่นมันมีไว้ใช้กับคนที่พวกเขาไม่อยากจะสนิทชิดเชื้อด้วยเท่านั้น ซึ่งตอนแรกฉันเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกัน แต่คงเป็นเพราะความมุ่งมั่นพยายามและตั้งใจจริงในการเอาชนะใจเรียวเจของฉันก็ได้มั้งที่ทำให้พวกเขาเปลี่ยนทัศนคติเกี่ยวกับฉันใหม่
พวกเขาเริ่มเปิดใจให้กับฉันมากขึ้นๆ จนเริ่มสนิทกัน เวลาจะไปเที่ยวที่ไหนก็มักชวนฉันไปด้วยเสมอๆ พวกเขาสามคนดีกับฉันมาก คอยช่วยเหลือหาช่องทางให้ฉันกับเรียวเจได้อยู่ด้วยกันบ่อยๆเพราะพวกเขาเองก็อยากให้เรียวเจเปิดใจให้กับใครสักคนเหมือนกัน และเพราะความใจดีของพวกนี้นี่เองทำให้ฉันถูกพวกสาวกของ Princes เขม่นและลงไม้ลงมือตบตีบ่อยๆ แต่ฉันไม่สนหรอก ไม่ว่าใครจะมองยังไงก็ช่างขอแค่ให้ฉันได้อยู่ข้างๆเรียวเจฉันก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น แต่ปัญหามันไม่ได้อยู่ตรงนั้นน่ะสิ! ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันทั้งๆที่ฉันรักเขามากขนาดนี้แท้ๆแต่ทำไมเขาถึงไม่ยอมเปิดใจให้ฉันสักทีเลยนะ ทุกครั้งที่ฉันพยายามจะอยู่ใกล้เขาก็เหมือนจะมีมือที่มองไม่เห็นดึงเราให้ออกห่างกันทุกที เหมือนกับว่ามีกำแพงที่มองไม่เห็นอยู่ตรงกลางระหว่างฉันกับเรียวเจทำให้ฉันไม่สามารถเข้าไปในโลกส่วนตัวของเขาได้เลย
“โดยเฉพาะไอ้เรียวหน้ามันหงิกงอมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว สงสัยมันคงจะจำเธอได้ตั้งแต่เห็นครั้งแรกแล้วมั้ง”
“เรื่องไอ้เรียวเอาไว้ก่อน ว่าแต่เธอล่ะหายไปไหนมาตั้งสามปีแน่ะ” --->ลีจุน
“เอ่อ คือว่าเรื่องงานของครอบครัวมีปัญหานิดหน่อยน่ะค่ะ พวกเราเลยต้องย้ายกลับไปอยู่ที่อเมริกาเหมือนเดิม”
“แหม จะไปก็ไม่ล่ำลากันเลยนะ พวกเราก็พากันเป็นห่วงแทบแย่ที่จู่ๆเธอก็หายไปอย่างนั้น”--->เฮซอง
“ขอโทษค่ะ ที่จริงฉันก็กะว่าจะมาบอกลาเหมือนกันแต่วันนั้นพวกพี่ดูยุ่งๆก็เลยไม่ได้พูด” ฉันบอกพร้อมกับนึกไปถึงเหตุการณ์วันนั้น วันที่ฉันได้เจอกับพวกเขาเป็นครั้งสุดท้าย และก็เกือบจะเป็นวันสุดท้ายของชีวิตฉันด้วย
“ที่จริงก็ไม่ได้ยุ่งอะไรหรอกนะ ปกติก็เห็นเธอชอบมาหาแต่ไอ้เรียวพวกเราเลยไม่อยากยุ่ง” --->ฮิเดกิ
“ทุกวันมักจะเห็นเธอมาป้วนเปี้ยนใกล้ๆตลอด พอไม่เจอแล้วก็ดูเหงาๆไปเลยน้า” เฮซองพูดยิ้มๆ “ขนาดไอ้เรียวเองยัง โอ๊ย! อะไรว่ะ” เฮซองพูดยังไม่ทันจบประโยคด้วยซ้ำก็ร้องโอดโอยขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“นี่มันก็สายมากแล้วนะ ฉันว่าพวกแกรีบไปเตรียมตัวไปทำงานดีกว่า” เรียวเจที่เงียบมาตลอดตั้งแต่เริ่มเรื่องพูดขึ้นพร้อมกับส่งสายตาอำมหิตไปให้เฮซอง ฉันว่าสาเหตุที่ทำให้เฮซองร้องโอดโอยต้องมาจากหมอนี่แน่ๆ
“สายบ้าอะไรว่ะนี่มันเพิ่งจะเจ็ดโมงเอง งานเริ่มเก้าโมงต่างหากยังเหลือเวลาอีกเยอะ”
“ไม่พูดก็ไม่มีใครด่าบรรพบุรุษแกหรอกนะไอ้ฮิเดะ!”
“อะไรวะพูดแค่นี้ต้องโกรธด้วย ^^” ฮิเดกิร้องตามหลังเรียวเจที่เดินตึงตังออกไปจากบริเวณโต๊ะอาหารอย่างยิ้มๆ
“เธอบอกว่าครอบครัวของเธออยู่ที่อเมริกา แล้วทำไมถึงรู้จักกับไอออนได้ล่ะ เกี่ยวข้องกันยังไง?” ลีจุนถามอย่างสงสัย แต่ว่าจะเข้าประเด็นไปไหนคะเพ่! ฉันยังไม่ได้คิดเรื่องนี้เตรียมไว้เลยนะ
“โอ้ย! ไอ้ลีจุนแกนี้ก็ช่างถามมาได้นะ ไม่มีหัวคิดเอาซะเล้ย~ ถึงขนาดจะหนีตามกันไปขนาดนี้จะเป็นอะไรไปไม่ได้เลยนอกจาก...” ฮิเดกิทำหน้าตาขึงขัง ก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้ฉันอยากเอาถาดฟาดหัวหมอนี่สักสี่ห้าที “เมียเก็บ! ชัวร์ป้าบ!”
ผั๊วะ!
“เฮ้ย! เจ็บนะเฟ้ย!” ฮิเดกิโวยวายทันทีที่โดนไอออนเอาหนังสือพิมพ์ฟาดหัว ฉันก็ว่าสมควรโดนล่ะ คิดมาได้นะ -_-
“จะเจ็บมากกว่านี้อีกถ้าแกยังไม่หยุดคิดอะไรทุเรศๆแบบนี้!”
“อะไรวะ ล้อเล่นแค่นี้เองทำไมต้องโกรธด้วยวะ ไอ้คนใจร้าย ไม่พูดด้วยแล้ว งอน!” ฮิเดกิทำแก้มป่องแล้วเชิดหน้าใส่ไอออนเหมือนเด็กๆเวลาโกรธใคร (-_-) หมอนี่มีหน้าตาที่น่ารักมากๆอยู่แล้วยิ่งมาทำท่าทางแบบนี้มันยิ่งน่ารักเข้าไปใหญ่ จนฉันอยากที่จะเอื้อมมือไปหยิกแก้มป่องๆนั่นให้หายหมั่นเขี้ยวจัง><<
“แคะขี้หูออกแล้วฟังให้ดี ยัยนี่น่ะเป็นน้องสาวของฉัน ไม่ได้เป็นเมียกงเมียเก็บอย่างที่พวกแกเข้าใจ”
“น้องสาวอะไรวะ ดูหน้าก็รู้แล้วว่าคนล่ะสปีชี่ย์”
“ใช่ อีกอย่างแกเป็นคนอิตาเลียนไม่ใช่เหรอวะ เท่าที่ฉันรู้จักยัยนี่มาเธอมีเชื้อสายอเมริกัน ถึงหน้าจะเอเชียจ๋าก็เหอะ” ฮิเดกิรีบเสริมทัพกับเฮซองทันที ได้ข่าวว่างอนอยู่ไม่ใช่เหรอ (-_-)
“ ขี้จุ๊อ๊ะเปล่า ไอออน” ---> เฮซอง
“ไอ้ขี้จุ๊” ---> ฮิเดกิ
“เอ้อ! จะขี้อะไรก็ช่างฉันเถอะ พวกแกรู้ไว้แค่ว่ายัยนี่เป็นน้องสาวของฉันก็พอแล้ว -*-”รู้สึกว่าไอออนจะเริ่มหงุดหงิดกับความกวนแบบไร้ขอบเขตของเจ้าพวกนี้แล้ว ฉันเองก็ด้วย -*-
“แหม มามุกเดียวกับไอ้ลีจุนเลยนะแก ตอนเปิดตัวก็บอกว่าเป็นแค่น้องสาวงี้แหละ แต่สุดท้ายเป็นไงน้องสาวทำพิษชีวิตเลยรันทดอยู่อย่างนี้ไง ฮ่าๆ” ฮิเดกิหัวเราะชอบใจเมื่อเห็นหน้าของลีจุนเริ่มสลดลงเรื่อยๆ ฉันเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องราวที่หมอนี่พูดหรอกนะ แต่ฉันคิดว่ามันต้องเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมากแน่ๆที่ทำให้ลีจุนผู้เคร่งขรึมแสดงอาการเศร้าสร้อยได้ถึงขนาดนี้
แต่ที่ฉันไม่เข้าใจเลยก็คือทำไมเรื่องโศกเศร้าของลีจุนถึงกลายเป็นเรื่องโจ๊กสำหรับหมอนี่นะ หรือฮิเดกิจะถือคติที่ว่า ‘ความทุกข์ของเพื่อนคือความสุขของเรา’กัน -*- ไม่ได้แล้ว ฉันต้องรู้เรื่องนี้ให้ได้เลย เพราะฉันเองก็ถือคติที่ว่า ‘เรื่องของชาวบ้านคืองานของเรา’เหมือนกัน!
“เฮ้ ฮิเดะฉันเองก็ชักอยากมีน้องสาวขึ้นมากับเขาแล้วสิ เราไปหากันมั๊ย เผื่อไอ้ลีจุนจะให้เราเอาเข้าบ้านบ้าง^^”
“ไปสิๆฉันเองก็มีน้องสาวอยู่คนนึงเหมือนกันแต่ยัยนั่นทำตัวอย่างกับแม่ฉันแน่ะ ถ้าหาใหม่ได้ฉันอยากได้แบบสวย เซ็กซี่ ขี้อ้อน เอาไว้นอนกอดเล่นเหมือนกัน >-<”
“ลองเอาเข้ามาดูสิ ฉันจะไล่ทั้งพี่ทั้งน้องออกจากบ้านไปเลยคอยดู!”
“ไอ้คนใจร้าย! ทีไอออนทำไมแกถึงยอมวะ”
“ก็มันคนละเหตุผลกับแกนี่ เอาล่ะ! ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่ไว้กอดน้องสาวของพวกแกก็จงจบเรื่องนี้ได้แล้ว ฉันชักจะรำคาญแล้วนะ!” ก่อนที่เจ้าพวกนี้จะพูดเรื่องไร้สาระยืดเยื้อไปหลายหน้ากระดาษ ลีจุนจึงเข้าโหมดโหดจบปัญหาไป เป็นอันว่าเคลียร์กันไปแล้วเรื่องน้องสาว แต่เดี๋ยวก่อนอย่าพึ่งเคลียร์ได้เปล่า ฉันจำได้ว่ายังได้ไม่ออกความเห็นอะไรเลยนะยะ!
“เอาล่ะ หมดหน้าที่ของนายแล้ว เชิญ”ฉันผายมือไปที่ประตูแทนการออกปากไล่
“พอใช้งานเสร็จก็ไล่เลยนะ รู้ซะบ้างสินี่มันห้องของใคร -_-”
“ก็แค่เคยเป็นของนาย ตอนนี้มันเป็นของฉันแล้ว เพราะงั้น เชิญ”ฉันไล่หมอนี่อีกครั้งก่อนที่เราจะเถียงกันยืดยาวอีกเป็นรอบที่สอง(รอบแรกคือเรื่องห้อง หมอนี่จะให้ฉันไปอยู่ห้องรับแขกล่ะ แล้วเรื่องอะไรฉันจะยอม! เราเลยเถียงกันยกใหญ่ และแน่นอนฝ่ายที่ชนะต้องเป็นฉันอยู่แล้วล่ะ ฉันจึงได้ห้องนี้มาโดยปริยาย)
ไอออนลุกขึ้นมามองฉันอย่างเหนื่อยใจ ก่อนจะเดินออกไปจากห้องอย่างไม่อยากจะเถียงต่อ แน่ล่ะเถียงไปก็ไม่ชนะอยู่แล้ว และดูเหมือนหมอนี่จะไม่อยากเถียงด้วย ก็มีความผิดติดตัวนี่นาจะกล้าพูดอะไรมาก
แล้วนี่ดูสีห้องสิมันจะดาร์กไปไหนเนี่ย ทาซะทึบเชียว นี่ฉันต้องมาลงมือปฏิวัติห้องนี้ใหม่ใช่มัยเนี่ย -_-ฉันมองไปรอบๆห้องที่ทาด้วยสีน้ำเงินทึบๆนี่อย่างเหนื่อยใจ ห้องนี้ใช่ว่าจะแย่หรอกนะ ทั้งโต๊ะ ตู้ เตียง เฟอนิเจอร์ต่างๆก็ถูจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ ห้องก็สะอาดสะอ้าดจนไม่น่าเชื่อว่านี่จะเป็นห้องของผู้ชายห่ามๆอย่างไอออน แต่ที่ไม่สบอารมณ์ก็มีเพียงไอ้สีห้องนี่แหละ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะต้องให้ไอออนจัดการอะไรซักอย่างกับมันซะแล้วสิ
ครืด~
ฉันเดินไปเปิดหน้าต่างรับลมเย็นๆที่พัดเข้ามา นี่ก็เกือบจะตีหนึ่งแล้วแต่ฉันยังไม่รู้สึกง่วงเลย อาจจะเป็นเพราะว่ายังปรับเวลายังได้มั้ง ฉันปีนขึ้นไปนั่งบนขอบหน้าต่างแล้วทอดสายตามองออกไปในความมืดมิด ปล่อยให้สายลมเย็นๆพัดผ่านไปเหมือนไม่สะทกสะท้านต่อความเหน็บหนาว ฉัน...เพียงแค่อยากให้ความรู้สึกเยือกเย็นนี้ย้ำเตือนว่าฉันมาที่นี่เพราะอะไร
‘...แล้วอย่าลืมขอบคุณฉันให้มากๆด้วยล่ะ’คำพูดของไอออนที่พูดกับฉันตอนที่มาถึงที่นี่ดังขึ้นมาในหู แต่ก็ต้องขอบคุณอย่างที่หมอนี่ว่านั่นแหละ เพราะเขาทำให้ฉันเข้าใกล้เป้าหมายได้อย่างไม่ยากเย็น ที่เหลือก็แค่เก็บเกี่ยวเอาความรู้สึกดีๆที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ให้มากที่สุดเท่าที่คนอย่างฉันจะทำได้ก่อนที่นาฬิกาจะหยุดเดินก็พอ
เคร้ง!
ฉันทิ้งกระทะลงในอ่างล้างจานทันทีหลังจากที่ทอดไข่ดาวฟองสุดท้ายเสร็จ (แอบแค้นมันนิดนึงที่ทำให้นิ้วฉันพองตอนบังเอิญไปจับตรงขอบกระทะ)นี่ฉันตั้งใจจะทำตัวเป็นผู้อาศัยที่ดีด้วยการทำอาหารเช้าให้เชียวนะเนี่ย
“ตื่นแต่เช้าดีนี่”เสียงเข้มๆแต่กวนๆนั่นไม่ต้องหันไปดูก็รู้ว่าใคร “กลับมาคราวนี้เธอทำให้ฉันแปลกใจหลายอย่างเลยนะ ไม่นึกเลยว่าเธอจะทำอาหารเป็นด้วย”
“วันนี้วันศุกร์ เป็นเวรทำอาหารของฉันตอนที่อยู่ที่นู่น”
“ท่าทางเอเธนซอล์จะได้ผลแฮะ ที่ทำให้เธอเป็นผู้เป็นคนได้ขนาดนี้ ^^” ฉันตวัดตาขุ่นๆไปมองไอออนที่นั่งเท้าคางที่ตรงเคาเตอร์บาร์หน้าครัว ยังกล้าพูดเรื่องนี้อีกนะยะ -*-
“ถ้าคิดว่าที่นั่นดีขนาดนั้นจะไปอยู่ด้วยกันมั๊ยล่ะ เดี๋ยวฉันจะบอกซิสเตอร์ให้จัดห้องพิเศษไว้ต้อนรับนายโดยเฉพาะ เอาแบบห้องทึบไม่เห็นเดือนเห็นตะวันเลยมะ หรือจะเอาแบบกรงกรงแล้วมีโซ่ล่ามดีล่ะที่นั่นมีห้องพิเศษหลายแบบให้นายเลือกเลยล่ะ^^”
“-*-”
“นะ นี่เธอเป็นพวก SM เหรอ!”--->เฮซอง
“ถึงขนาดจะล่ามโซ่เพื่อนฉันเลยเหรอยัยบ้า ยัยซาดิสซ์!”--->ฮิเดกิ
ฉันกับไอออนหันไปมองแขกไม่ได้รับเชิญสองคนที่มาแอบได้ยินที่เราพูดกัน ฉันจะดีใจมากถ้าพวกนี้จะช่วยพิจารณาคำพูดของพวกเราใหม่อีกสักรอบ -*-
“ว่าแต่เธอเป็น Sหรือเป็นM -?-”--->เฮซอง
ยังมีหน้ามาถามอีกเจ้านี่ -#-
“เอะอะอะไรกันแต่เช้าวะ”ลีจุนบ่นขณะที่เดินลงมาจากบันไดด้วยสีหน้าเซ็งๆกับเรียวเจที่ทำหน้าเบื่อโลกอยู่ข้างๆ ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ในชุดที่ดูดีเหมือนเมื่อคืนแต่ออร่าความหล่อของพวกเขาก็ยังไม่เคยจางไปเลยแม้แต่นิด
ฉันจ้องมองเรียวเจด้วยหัวใจที่สั่นไหว เรือนผมสีแดงสดที่ซอยสไลด์อย่างเก๋ไก๋ถูกเขาใช้มือขยี้เป็นทรงแบบง่ายๆ ใบหน้าเรียวสวยกับจมูกที่โด่งรับกับใบหน้าเป็นอย่างดีที่ดูคล้ายผู้หญิงนั่นถูกทาบทับด้วยดวงตาเรียวคมสีดำสนิทที่แสนจะเย็นชา และเพราะความแตกต่างที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวนี่เองที่ทำให้เขามีเสน่ห์ลึกลับอย่างบอกไม่ถูก ริมฝีปากยักลึกสีแดงสดนั่นเหยียดเป็นเส้นตรงเล็กน้อยเมื่อสายตาของเขาหันมามองฉัน
“นี่ลีจุน ฉันว่าเราไล่ยัยนี่ออกไปดีกว่ามั๊ย ฉันไม่ชอบอยู่ร่วมบ้านกับคนไม่ปกติ”ฉันละสายตาจากเรียวเจแล้วหันไปมองฮิเดกิทันที
“หมายความว่าไงที่ว่าไม่ปกติ”
“ยัยนี่เป็นพวก SMล่ะ” ---->เฮซอง
“ใช่ๆพวกเราได้ยินยัยนี่พูดกับไอออนว่าจะจับหมอนี่ใส่กรงแล้วใช้โซ่ล่ามไว้ ถ้าไม่เชื่อฟังล่ะก็จะใช้แส้ตีด้วยล่ะ”
“O[]O”ลีจุนดูอึ้งไปเลยเมื่อฮิเดกิพูดจบ แม้แต่เรียวเจที่ทำเมินใส่ฉันเมื่อกี้ยังหันมามองแบบไม่อยากจะเชื่ออีกต่างหากนะ เจ้าพวกนี้นี่พูดแบบนี้ได้ไงฉันเสียหายนะ!
“มะ ไม่ใช่นะ จะบ้าเหรอฉันไม่ได้พูดแบบนั้นซะหน่อย พวกนายคิดไปเองทั้งนั้น”ฉันปฏิเสธอย่างเอาเป็นเอาตายแล้วหันไปข่มขู่ไอออนทางสายตาให้ช่วยแก้ต่างให้ด้วยก่อนที่ลีจุนกับเรียวเจจะเข้าใจผิดไปมากกว่านี้!
“พวกแกนี่สอดรู้สอดเห็นจริงๆว่ะ ไม่เคยมีใครบอกพวกแกรึไงว่าการแอบฟังคนอื่นเขาคุยกันน่ะเป็นเรื่องที่เสียมารยาท -_-” ไอออนพูดจบก็เดินเข้ามาในครัว แล้วนำจานอาหารเช้าที่ฉันทำไว้ไปวางที่โต๊ะอาหาร “วันนี้ตอนสามโมงมีงานไม่ใช่เหรอมัวยืนบื้ออยู่ได้มากินข้าวสิวะ”รู้สึกว่าแกจะช่วยได้มากเลยนะ (-*-)
พวกนั้นหันไปมองหน้ากันนิดนึงก่อนจะเดินมาที่โต๊ะอาหาร นี่สรุปว่าสุดท้ายแล้วฉันก็ยังคงเป็นยัยบ้ากามอยู่สินะ
“ว่าแต่สาวSM จะให้พวกเราเรียกเธอว่าไงดีล่ะ แต่ฉันว่า SMก็น่ารักดีนะ ความหมายดีอีกด้วย ฉันชอบนะ” ---> เฮซอง
“แต่ฉันว่าวิปริตก็ดีนะ” ---> ฮิเดกิ
ถ้าคิดว่าดีก็เก็บไว้ตั้งชื่อให้ลูกแกสิ! อยากจะตรอกกลับด้วยประโยคนี้เหลือเกินแต่ก็คงจะทำได้แค่คิด เพราะว่าถ้าหากว่าฉันต้องการที่จะอยู่ที่นี่ต่อไปการที่รู้จักเจียมเนื้อเจียมตัวนั้นเป็นเรื่องที่ดีที่สุด โดยเฉพาะกับนายฮิเดกิ ถ้าไม่จำเป็นอย่าไปเถียงกับเขาเลย
“เมื่อวานฉันเองก็เพลียๆยังไม่ได้ถามชื่อเธอเลยนี่นา แล้วเธอชื่ออะไรล่ะ” ---> ลีจุน
“ไม่ว่าเมื่อไร่ฉันก็ยังใช้ชื่อ โซฮยอนเหมือนเดิมค่ะ^^”
“อืม โซฮยอน?” ---> ฮิเดกิ
“เหมือนเคยได้ยินที่ไหนน้า” ---> เฮซอง
“นั่นสิ” ---> ลีจุน
ตึก!
เรียวเจวางแก้วกาแฟที่ไอออนชงให้ลงบนโต๊ะอย่างแรง เพียงเท่านั้นก็เรียกสายตาทั้งสามคู่ที่พยายามคุ่นคิดถึงชื่อของฉันอยู่ได้เป็นอย่างดี
“...!!!” พวกเขามองเรียวเจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันมาเบิกตากว้างใส่ฉัน
“ยะ อย่าบอกนะว่าเธอคือ ยูโซฮยอน!” ---> ลีจุน
“ค่ะ ^^”
“เฮ้ย!!!”พวกนั้นตะโกนขึ้นมาพร้อมกัน ก่อนจะมองหน้าฉันสลับกับหน้าบอกบุญไม่รับของเรียวเจไปมา (^^) <<< (- - ) ~ ( - -) >>> (-*-) ขวับๆๆ
“ไม่อยากเชื่อนี่เธอคือยัยโซฮยอนที่ชอบวิ่งตามไอ้เรียวเจต้อยๆเมื่อตอนนั้นเหรอเนี่ย!” ฮิเดกิพูดก่อนจะมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าไปมา
“โอ้โห ดูเธอเปลี่ยนไปมากเลยนะเนี่ย เมื่อก่อนเห็นตัวเตี้ยๆน่ารักๆ ไม่นึกเลยว่าพอโตขึ้นจะสวยเซ็กซี่ขนาดนี้ ♥_♥” เฮซองบอกพร้อมกับจ้องหน้าอกของฉันไม่วางตา จนฉันต้องยกถาดเสิร์ฟอาหารขึ้นมาปิดไว้ อีตานี่ยังชีกอไม่เปลี่ยนเลยนะ ☹
“นั่นน่ะสิ ฉันจำแทบไม่ได้เลย”
“ฉันว่าฉันก็เหมือนเดิมนะค่ะ ที่พวกพี่จำไม่ได้อาจเป็นเพราะลืมฉันไปแล้วมากกว่า” ฉันหันไปพูดกับลีจุนคนที่ดูจะปกติ สติสตางค์ดีกว่าใครๆ
“โอ๊ย! ใครจะไปลืมเธอลงว่ะ ก็เล่นวิ่งแจ้นเสนอหน้ามาให้เห็นทุกวันขนาดนั้น ถึงไม่อยากจำก็ทำไม่ได้หรอก” ฮิเดกิบอกด้วยประโยคที่ดูจะเสียดสีนิดนึง และฉันก็คงจะคิดว่าหมอนี่คิดอย่างที่พูดจริงๆถ้าหากว่าฉันไม่เคยรู้จักเขามาก่อน ฮิเดกิออกจะเป็นคนที่ชอบพูดอะไรตรงๆ หลายครั้งที่คำพูดของเขาอาจจะทำร้ายคนฟังโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัวมันเป็นโรคประจำตัวที่แก้ยังไงก็แก้ไม่หายซะทีและตอนนี้ก็คงยังเหมือนเดิม
เมื่อก่อนตอนที่ฉันรู้จักกับ Princeห ใหม่ๆฉันก็นึกว่าพวกเขาเป็นพวกหยิ่งยโสโอหังอย่างที่คนเขาลือจริงๆ ซึ่งมันก็ใช่จริงๆนั่นแหละ -_-ี แต่นั่นมันมีไว้ใช้กับคนที่พวกเขาไม่อยากจะสนิทชิดเชื้อด้วยเท่านั้น ซึ่งตอนแรกฉันเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกัน แต่คงเป็นเพราะความมุ่งมั่นพยายามและตั้งใจจริงในการเอาชนะใจเรียวเจของฉันก็ได้มั้งที่ทำให้พวกเขาเปลี่ยนทัศนคติเกี่ยวกับฉันใหม่
พวกเขาเริ่มเปิดใจให้กับฉันมากขึ้นๆ จนเริ่มสนิทกัน เวลาจะไปเที่ยวที่ไหนก็มักชวนฉันไปด้วยเสมอๆ พวกเขาสามคนดีกับฉันมาก คอยช่วยเหลือหาช่องทางให้ฉันกับเรียวเจได้อยู่ด้วยกันบ่อยๆเพราะพวกเขาเองก็อยากให้เรียวเจเปิดใจให้กับใครสักคนเหมือนกัน และเพราะความใจดีของพวกนี้นี่เองทำให้ฉันถูกพวกสาวกของ Princes เขม่นและลงไม้ลงมือตบตีบ่อยๆ แต่ฉันไม่สนหรอก ไม่ว่าใครจะมองยังไงก็ช่างขอแค่ให้ฉันได้อยู่ข้างๆเรียวเจฉันก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น แต่ปัญหามันไม่ได้อยู่ตรงนั้นน่ะสิ! ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันทั้งๆที่ฉันรักเขามากขนาดนี้แท้ๆแต่ทำไมเขาถึงไม่ยอมเปิดใจให้ฉันสักทีเลยนะ ทุกครั้งที่ฉันพยายามจะอยู่ใกล้เขาก็เหมือนจะมีมือที่มองไม่เห็นดึงเราให้ออกห่างกันทุกที เหมือนกับว่ามีกำแพงที่มองไม่เห็นอยู่ตรงกลางระหว่างฉันกับเรียวเจทำให้ฉันไม่สามารถเข้าไปในโลกส่วนตัวของเขาได้เลย
“โดยเฉพาะไอ้เรียวหน้ามันหงิกงอมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว สงสัยมันคงจะจำเธอได้ตั้งแต่เห็นครั้งแรกแล้วมั้ง”
“เรื่องไอ้เรียวเอาไว้ก่อน ว่าแต่เธอล่ะหายไปไหนมาตั้งสามปีแน่ะ” --->ลีจุน
“เอ่อ คือว่าเรื่องงานของครอบครัวมีปัญหานิดหน่อยน่ะค่ะ พวกเราเลยต้องย้ายกลับไปอยู่ที่อเมริกาเหมือนเดิม”
“แหม จะไปก็ไม่ล่ำลากันเลยนะ พวกเราก็พากันเป็นห่วงแทบแย่ที่จู่ๆเธอก็หายไปอย่างนั้น”--->เฮซอง
“ขอโทษค่ะ ที่จริงฉันก็กะว่าจะมาบอกลาเหมือนกันแต่วันนั้นพวกพี่ดูยุ่งๆก็เลยไม่ได้พูด” ฉันบอกพร้อมกับนึกไปถึงเหตุการณ์วันนั้น วันที่ฉันได้เจอกับพวกเขาเป็นครั้งสุดท้าย และก็เกือบจะเป็นวันสุดท้ายของชีวิตฉันด้วย
“ที่จริงก็ไม่ได้ยุ่งอะไรหรอกนะ ปกติก็เห็นเธอชอบมาหาแต่ไอ้เรียวพวกเราเลยไม่อยากยุ่ง” --->ฮิเดกิ
“ทุกวันมักจะเห็นเธอมาป้วนเปี้ยนใกล้ๆตลอด พอไม่เจอแล้วก็ดูเหงาๆไปเลยน้า” เฮซองพูดยิ้มๆ “ขนาดไอ้เรียวเองยัง โอ๊ย! อะไรว่ะ” เฮซองพูดยังไม่ทันจบประโยคด้วยซ้ำก็ร้องโอดโอยขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“นี่มันก็สายมากแล้วนะ ฉันว่าพวกแกรีบไปเตรียมตัวไปทำงานดีกว่า” เรียวเจที่เงียบมาตลอดตั้งแต่เริ่มเรื่องพูดขึ้นพร้อมกับส่งสายตาอำมหิตไปให้เฮซอง ฉันว่าสาเหตุที่ทำให้เฮซองร้องโอดโอยต้องมาจากหมอนี่แน่ๆ
“สายบ้าอะไรว่ะนี่มันเพิ่งจะเจ็ดโมงเอง งานเริ่มเก้าโมงต่างหากยังเหลือเวลาอีกเยอะ”
“ไม่พูดก็ไม่มีใครด่าบรรพบุรุษแกหรอกนะไอ้ฮิเดะ!”
“อะไรวะพูดแค่นี้ต้องโกรธด้วย ^^” ฮิเดกิร้องตามหลังเรียวเจที่เดินตึงตังออกไปจากบริเวณโต๊ะอาหารอย่างยิ้มๆ
“เธอบอกว่าครอบครัวของเธออยู่ที่อเมริกา แล้วทำไมถึงรู้จักกับไอออนได้ล่ะ เกี่ยวข้องกันยังไง?” ลีจุนถามอย่างสงสัย แต่ว่าจะเข้าประเด็นไปไหนคะเพ่! ฉันยังไม่ได้คิดเรื่องนี้เตรียมไว้เลยนะ
“โอ้ย! ไอ้ลีจุนแกนี้ก็ช่างถามมาได้นะ ไม่มีหัวคิดเอาซะเล้ย~ ถึงขนาดจะหนีตามกันไปขนาดนี้จะเป็นอะไรไปไม่ได้เลยนอกจาก...” ฮิเดกิทำหน้าตาขึงขัง ก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้ฉันอยากเอาถาดฟาดหัวหมอนี่สักสี่ห้าที “เมียเก็บ! ชัวร์ป้าบ!”
ผั๊วะ!
“เฮ้ย! เจ็บนะเฟ้ย!” ฮิเดกิโวยวายทันทีที่โดนไอออนเอาหนังสือพิมพ์ฟาดหัว ฉันก็ว่าสมควรโดนล่ะ คิดมาได้นะ -_-
“จะเจ็บมากกว่านี้อีกถ้าแกยังไม่หยุดคิดอะไรทุเรศๆแบบนี้!”
“อะไรวะ ล้อเล่นแค่นี้เองทำไมต้องโกรธด้วยวะ ไอ้คนใจร้าย ไม่พูดด้วยแล้ว งอน!” ฮิเดกิทำแก้มป่องแล้วเชิดหน้าใส่ไอออนเหมือนเด็กๆเวลาโกรธใคร (-_-) หมอนี่มีหน้าตาที่น่ารักมากๆอยู่แล้วยิ่งมาทำท่าทางแบบนี้มันยิ่งน่ารักเข้าไปใหญ่ จนฉันอยากที่จะเอื้อมมือไปหยิกแก้มป่องๆนั่นให้หายหมั่นเขี้ยวจัง><<
“แคะขี้หูออกแล้วฟังให้ดี ยัยนี่น่ะเป็นน้องสาวของฉัน ไม่ได้เป็นเมียกงเมียเก็บอย่างที่พวกแกเข้าใจ”
“น้องสาวอะไรวะ ดูหน้าก็รู้แล้วว่าคนล่ะสปีชี่ย์”
“ใช่ อีกอย่างแกเป็นคนอิตาเลียนไม่ใช่เหรอวะ เท่าที่ฉันรู้จักยัยนี่มาเธอมีเชื้อสายอเมริกัน ถึงหน้าจะเอเชียจ๋าก็เหอะ” ฮิเดกิรีบเสริมทัพกับเฮซองทันที ได้ข่าวว่างอนอยู่ไม่ใช่เหรอ (-_-)
“ ขี้จุ๊อ๊ะเปล่า ไอออน” ---> เฮซอง
“ไอ้ขี้จุ๊” ---> ฮิเดกิ
“เอ้อ! จะขี้อะไรก็ช่างฉันเถอะ พวกแกรู้ไว้แค่ว่ายัยนี่เป็นน้องสาวของฉันก็พอแล้ว -*-”รู้สึกว่าไอออนจะเริ่มหงุดหงิดกับความกวนแบบไร้ขอบเขตของเจ้าพวกนี้แล้ว ฉันเองก็ด้วย -*-
“แหม มามุกเดียวกับไอ้ลีจุนเลยนะแก ตอนเปิดตัวก็บอกว่าเป็นแค่น้องสาวงี้แหละ แต่สุดท้ายเป็นไงน้องสาวทำพิษชีวิตเลยรันทดอยู่อย่างนี้ไง ฮ่าๆ” ฮิเดกิหัวเราะชอบใจเมื่อเห็นหน้าของลีจุนเริ่มสลดลงเรื่อยๆ ฉันเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องราวที่หมอนี่พูดหรอกนะ แต่ฉันคิดว่ามันต้องเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมากแน่ๆที่ทำให้ลีจุนผู้เคร่งขรึมแสดงอาการเศร้าสร้อยได้ถึงขนาดนี้
แต่ที่ฉันไม่เข้าใจเลยก็คือทำไมเรื่องโศกเศร้าของลีจุนถึงกลายเป็นเรื่องโจ๊กสำหรับหมอนี่นะ หรือฮิเดกิจะถือคติที่ว่า ‘ความทุกข์ของเพื่อนคือความสุขของเรา’กัน -*- ไม่ได้แล้ว ฉันต้องรู้เรื่องนี้ให้ได้เลย เพราะฉันเองก็ถือคติที่ว่า ‘เรื่องของชาวบ้านคืองานของเรา’เหมือนกัน!
“เฮ้ ฮิเดะฉันเองก็ชักอยากมีน้องสาวขึ้นมากับเขาแล้วสิ เราไปหากันมั๊ย เผื่อไอ้ลีจุนจะให้เราเอาเข้าบ้านบ้าง^^”
“ไปสิๆฉันเองก็มีน้องสาวอยู่คนนึงเหมือนกันแต่ยัยนั่นทำตัวอย่างกับแม่ฉันแน่ะ ถ้าหาใหม่ได้ฉันอยากได้แบบสวย เซ็กซี่ ขี้อ้อน เอาไว้นอนกอดเล่นเหมือนกัน >-<”
“ลองเอาเข้ามาดูสิ ฉันจะไล่ทั้งพี่ทั้งน้องออกจากบ้านไปเลยคอยดู!”
“ไอ้คนใจร้าย! ทีไอออนทำไมแกถึงยอมวะ”
“ก็มันคนละเหตุผลกับแกนี่ เอาล่ะ! ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่ไว้กอดน้องสาวของพวกแกก็จงจบเรื่องนี้ได้แล้ว ฉันชักจะรำคาญแล้วนะ!” ก่อนที่เจ้าพวกนี้จะพูดเรื่องไร้สาระยืดเยื้อไปหลายหน้ากระดาษ ลีจุนจึงเข้าโหมดโหดจบปัญหาไป เป็นอันว่าเคลียร์กันไปแล้วเรื่องน้องสาว แต่เดี๋ยวก่อนอย่าพึ่งเคลียร์ได้เปล่า ฉันจำได้ว่ายังได้ไม่ออกความเห็นอะไรเลยนะยะ!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ