Teaching love and lie สอนรักสอนร้าย by class G

9.8

เขียนโดย minipepper

วันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2554 เวลา 16.48 น.

  1 ตอน
  8 วิจารณ์
  4,794 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) 1

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
1
ณ โรงเรียนเอซีซี เวลา17.30น.
“อาจารย์ขา~” ฉันที่อยู่ในเรือนกระจกที่ปลูกสวนผักของโรงเรียนมัธยมปลายเอซีซีแค่เพียงคนเดียวร้องเรียกหาเจ้ากรรมนายเวรด้วยเสียงที่ยานมากๆ
เพราะอะไรน่ะเหรอ??...ก็เพราะอาจารย์ทัศนีย์ที่ฉันบอกว่าเป็นเจ้ากรรมนายเวรนี่สิ หาว่าพวกฉันทั้ง6คนรวมฉันด้วย ไปใช้ลิฟต์ของโรงเรียนโดยไม่จำเป็นซึ่งผิดกฎแสนเข้มงวดของโรงเรียนน่ะสิ...
ก็เมื่อตอนเช้าพวกฉันมาแล้วไม่เห็นอาจารย์หรือนักเรียนสักคน ก็เลยขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้น3 แต่พอเปิดลิฟต์มาก็เจอ อ.ทัศนีย์ยืนจังก้าอยู่หน้าลิฟต์น่ะสิ
เอาล่ะๆ ยอมรับก็ได้ว่าฉันทำผิดจริงๆ...แต่ทำไมฉันถึงโดนลงโทษอยู่คนเดียวล่ะ?
 
ย้อนกลับไปตอนที่พวกฉันโดนเรียกมาได้สักพักแล้ว
“ทำไมถึงไม่มีใครคิดจะบอกครูเลยฮะ ว่านี่มันอะไรกัน กฎก็บอกไว้แล้วนี่นาว่านักเรียนจะใช้ลิฟต์ได้ก็ต่อเมื่ออาศัยมากับอาจารย์หรือเฉพาะเวลาจำเป็นเท่านั้น..แล้วนี่มันอะไรกัน!” ใช่แล้วล่ะ อ.ทัศนีย์แกเป็นอาจารย์ที่โหดมากๆ แต่แทบจะไม่มีคนที่โดนลงโทษด้วยคำสั่งของเค้าเลย เพราะว่าคำพูดคำนี้ต่อไปนี้นี่ล่ะ...
“บอกครูมาซิ ว่าพวกเธอคิดว่าตัวเองผิดมั้ย ถ้าไม่ผิดครูจะปล่อยไปเลย ฮะ! สิรีลักษณ์” อ.ทัศนีย์ชอบที่จะทดสอบสามัญสำนึกของนักเรียน แต่นักเรียนโรงเรียนนี้ ยกตัวอย่างได้เลย
เช่นคนแรกที่ถูกถาม ยัยซี
“ไม่นี่ค่ะ” :s
“อนุชนา”คนที่2 ยัยนา
“หนูคิดว่าไม่ค่ะ” :D
“ลภาลัย”คนที่3 ยัยเบล
“ไม่ค่ะ” :o
“อรอนงค์”คนที่4 ยัยอร
“ไม่หรอกมั้งคะ” ^^
“กุลฐิดา”คนที่5 ยัยกุล
“อืมมม..หนูว่า...ไม่ค่ะ” =_=
“ฮันเนสตี้”
และคนสุดท้าย ฉันเองแหละ
ลืมบอกไปสินะ ว่าฉันเป็นลูกครึ่งน่ะ ชื่อเต็มๆก็คือฮันเนสตี้ ฟีลอน มิฟฟิน เรียกสั้นๆก็เนส ชื่อของฉันจะแปลกจากคนอื่นเพราะฉันเป็นลูกครึ่งและอีกอย่างคือ ชื่อของฉันน่ะ ตั้งเพื่อจุดประสงค์ที่พ่อแม่คงคิดว่าอาจจะได้ผลนิดหน่อย
แต่อยากจะบอกว่าสิ่งนี้น่ะ มันกลายเป็นปัญหาทั้งชีวิตของฉันไปโดยปริยาย
“ค่ะ หนูทำผิดกฎ”
แงๆ เอาอีกแย้วง่า~ ฉันไม่เคยโกหกได้สักทีนึง
“ยัยเนส!”
ทุกคนพร้อมใจกันตะคอกใส่หน้าฉัน
“ดี งั้นวันนี้ก็อยู่ช่วยงานครูจนกว่าจะเสร็จ”
“ค่ะ” ฉันรับคำแต่โดยดีทั้งๆที่อยากจะร้องไห้เสียให้ได้
“พวกเธอกลับไปที่ห้องได้แล้ว อีก10นาทีเขาจะเริ่มงานวิชาการประจำปีกันแล้ว”
“ค่ะ” พวกเราทุกคนรับคำแล้วเดินออกมาด้วยความเร็วสูง
“ทุกทีเลยสิยัยเนส ชาติไหนแกจะโกหกได้ยะ” ยัยกุลหันมาพูดกับฉันอย่างไม่สบอารมณ์
“ไม่มีทางอ่ะแก ยิ่งเกลียดๆคนกะล่อนอยู่ด้วย”
“งั้นแกก็คงโดนอ.ทัศนีย์ใช้งานไปทั้งชาติแหละ ป่ะ ไปเล่นโดมิโน่กินตังค์กันเหอะ เมื่อวานได้ตั้ง50บาท” และแล้วยัยซีจอมเค็มสมชื่อ(ซี=ทะเล=เค็มมาก)ก็ชวนไปเล่นการพนันรูปแบบใหม่ที่ฮิตกันไปทั่วคลาสCของพวกเรา…เฮ้อ!
ย้อนกลับมา ณ ปัจจุบัน
“มีอะไร” เจ้ากรรมนายเวรเจ้าเก่าเจ้าเดิม( อ.ทัศนีย์ ) เดินมาหาฉันตามเสียงเรียกร้อง
“งานเสร็จแล้วค่ะ หนูกลับได้แล้วใช่มั้ยคะ”
อ.ทัศนีย์หันไปมองที่แปลงผักซ้ายทีขวาทีเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วน
“อืม ไปได้”
“ขอบคุณค่ะ” ฉันรีบขอบคุณอย่างขอไปทีแล้วพยายามก้าวเท้าเดินให้เร็วมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะฉันเจออ.ทัศนีย์จนขยาดแล้วล่ะ แล้วโดยปกติคลาสcที่ฉันได้อยู่จะเป็นคลาสที่ปล่อยเร็วกว่าชาวบ้านชาวเมืองเขา
ถ้าให้อธิบายก็คือ ในโรงเรียนเอซีซีของฉันซึ่งสอบเข้ายากมากๆนี้ จะแบ่งนักเรียนเป็นคลาสตามความถนัดทั้งหมดก็มี6คลาส คือ...
1.คลาสa จะเป็นพวกเด็กที่เก่งเรื่องการเรียนซึ่งสังเกตได้โดย:นักเรียนบางจะสวมแว่นหนาเตอะ แต่ว่าบางคนที่สวมแว่นธรรมดาหรือไม่ได้สวมก็จะมีหนังสือเรียนติดมืออยู่ตลอดเวลา
ดังนั้นถ้าคุณเข้ามาในเอซีซีแล้วเจอหนังสือหล่นอยู่ ให้คุณลองเอาไปวางไว้แถวคลาสa เดี๋ยวเจ้าของเขาก็มาหยิบไปเองแหละ
2.คลาสb จะเป็นพวกเก่งเรื่องดนตรี ซึ่งสังเกตุได้โดย:กว่า90%จะเสียบหูฟังโดยที่อาจารย์ไม่กล้าบ่นเพราะเอือมระอาและนักเรียนทั้งคลาสจะนั่งกระดิกนิ้วบ้าง ผิวปากบ้าง ร้องเพลงบ้างหรือบางคนก็จะลุกออกมาเต้นในเวลาว่าง
ดังนั้นเวลาอยู่ในเอซีซีคุณไม่ต้องตกใจว่าคนที่คุณเห็นว่าหลับตาเคลื่อนไหวร่างกายไปมานั้น เป็นคนบ้าหรือเปล่า
3.คลาสc จะเป็นพวกเก่งด้านการวาดภาพ ซึ่งสังเกตได้โดย:เวลาว่างๆหลายๆคนจะนั่งจดจ่อกับอะไรสักอย่างอาจจะเป็นธรรมชาติหรืออะไรก็ตามแต่ที่ฮิตที่สุดก็คือหน้าของคนหน้าตาดีๆ
ดังนั้นถ้าคุณเข้ามาในเอซีซีแล้วถูกจ้องหน้าอย่างไม่ละสายตา ก็จงภูมิใจเสียเถิด ที่คุณหน้าตาดี แล้วก็ไม่ต้องคิดว่าคนที่คุณเห็นว่ากำลังจ้องอะไรอย่างหมกมุ่นนี้เป็นคนโลกส่วนตัวสูง เขาก็แค่สมาธิสูงเท่านั้นแหละ
4.คลาสd จะเป็นพวกเก่งด้านกีฬาความเร็ว ซึ่งสังเกตได้โดย: เวลาที่ปล่อยลงมากินข้าว เหล่านักเรียนคลาสนี้จะวิ่งกันไปโรงอาหารอย่างกับหนีไฟ
ดังนั้นถ้าคุณมาเอซีซีในเวลาพักเที่ยงก็ให้พยายามเดินริมฟุตบาทไว้ซะ ถ้าไม่อยากถูก สหบาทาเหยียบติดดิน
5.คลาสe จะโดดเด่นกันด้านกีฬาที่ใช้แรง ซึ่งสังเกตได้โดย: เวลาเข้าแถวพวกป่าเถื่อนเหล่านี้มักจะมองหาคนที่ไม่ชอบหน้าแล้วเดินไปกระแทกออกจากแถวแล้วเข้าแทรกแทน หรือถ้ากล้าพอไปดูแถวๆหลังตึกจะเห็นพวกนี้มาทำอะไรที่ป่าเถื่อนสุดๆ
                ดังนั้นถ้าคุณมาเอซีซี ขอให้คุณเลี่ยงการไปเยี่ยมเยือนที่ด้านหลังตึก และอย่าทำอะไรน่าหมั่นไส้หรือไม่เข้าตาพวกขี้โมโหเลย ถ้าคุณยังอยากรักษาชีวิตของตัวเองน่ะนะ
6.คลาสf จะเป็นพวกเก่งในการท่องหรือพูดทั้งกลอนและอะไรต่างๆนาๆ รวมไปถึงการแต่งกาพย์กลอนด้วยเช่นกัน ซึ่งสังเกตได้โดย: คนเหล่านี้จะปากจัดเอามากๆ ด่าได้เป็นชม.โดยไม่ต้องหยุดคิดอะไรเลย อย่าริไปเถียงเชียว แม่จะท่องยาวยิ่งกว่าบทสรภัญญะเสียอีก
ดังนั้นถ้าคุณมาเอซีซีล่ะก็ พยายามพูดให้ดีๆไว้ เพราะถ้าเจอพวกคลาสfด่าล่ะก็ ไม่มีใครช่วยหยุดได้หรอก
และสุดท้าย คลาสน่าหมั่นไส้แห่งปี คือ คลาสg จะเป็นคลาสที่รวบรวมพวกที่เก่งมากกว่า3ด้านมาไว้ด้วยกันซึ่งอย่างน้อยจะต้องมีเกรดเฉลี่ย4.00ทุกปี ถ้าต่ำกว่านั้นก็จะถูกย้ายไปคลาสอื่นๆแทน ซึ่งสังเกตได้โดย: พวกนี้จะดูดีไปเสียทุกเวลาเวลาที่เดินผ่านมารัศมีจะเปล่งปลั่งชนิดที่ทำให้ต้องหันไปมองทุกที( เว่อร์ไปมั้ย )
ดังนั้นถ้าคุณมาเอซีซี มันไม่แปลกเลยที่คุณจะเหลียวหลังจนคอเคล็ดเพื่อไปมองเพศตรงข้ามบางคน อย่างน้อยมันก็แสดงให้เห็นว่า คุณยังปกติดีอยู่
พวกคลาสgจะมีด้วยกัน10คน ตอนนี้มีที่ลาออกไปเมื่อเทอมก่อน1คน เหลือเพียง ชาย5 หญิง4
ฉันเดินออกมาจนถึงที่หน้าห้องICT(ห้องคอมฯ)เพื่อจะหยิบกระเป๋าหิ้วที่เบาหวิวซึ่งอยู่ในห้องนั้น ฉันเดินเข้าไปบิดลูกบิดประตู แต่แล้วก็ต้องชะงักกึกไปทันที เมื่อจู่ๆโรงเรียนที่ไม่น่าจะมีคนเหลืออยู่แล้วแห่งนี้กลับ...
“เราเลิกกันเหอะ” เสียงของชายแปลกหน้าดังขึ้นจากด้านข้างอาคารเรียนที่ฉันอยู่ ทำเอาฉันที่ค่อนข้างอยากรู้อยากเห็นไม่ใช่น้อยต้องเงี่ยหูฟังทันที
“ทำไมล่ะไลน์ นาย..นายเป็นอะไรไป นี่มันวันครบรอบของเราเลยนะ นายกำลังล้อเล่นใช่มั้ย” เสียงหญิงสาวปริศนาดังมาจากที่เดียวกัน
“ไม่ ฉันไม่ได้ล้อเล่น ขอโทษนะ แต่เธอน่ะ..มันจู้จี้น่าเบื่อน่ารำคาญสิ้นดี”
“ไม่เอานะ! ฉัน..ฉันรักนายมากเลยนะไลน์ ขอร้องล่ะ ช่วยบอกทีว่านี่มันเรื่องโกหกใช่มั้ย..จริงสินะ นายชอบโกหกออกบ่อยนี่นา ใช่มั้ย ไลน์”
 “บอกว่าไม่ก็ไม่สิ ฉันตัดสินใจเด็ดขาดแล้วนี่นา เลิกยุ่งกับฉันสักที”
“ถ้านายไป ฉันจะฆ่าตัวตาย!”
ฉันที่ยืนฟังบทสนทนามานานต้องอึ้งไปชั่วขณะเมื่อได้ยินคำพูดนี้ออกจากปากของหญิงสาว
“เชิญ” แต่อึ้งกว่าเดิมเมื่อไอ้ผู้ชายไร้หัวใจนี่ตอบกลับมาด้วยเสียงเย็นชา
“เฮอะ ไม่กลัวก็ตามใจ งั้นถ้าฉันไปบอกคนอื่นเรื่องที่นายมันเป็นพวกโกหกกะล่อนมากเกินบรรยายล่ะ คิดว่าพวกเค้าจะยอมมองนายในแง่ดีงั้นเหรอไงกัน ฮึ”
“ขนาดเธอรู้เธอก็ยังพยายามยื้อฉํนไว้เลยนี่นา คนอื่นน่ะ เค้าใจกว้างกว่าเธอเยอะแยะเลยล่ะ”
“นี่...นาย”
“ทำไม ถ้าพูดอะไรไม่ออกก็ไม่ต้องพูดหรอกนะ ฉันจะกลับซะที”
หลังจากจบประโยคนั้นฉันก็ได้ยินทั้งเสียงฝีเท้าและเสียงเรียกน่ารำคาญจากปากของหญิงสาวที่เพิ่งจะถูกทิ้งสดๆร้อนๆเท่านั้น
เสียงฝีเท้านั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ และมาหยุดที่....ด้านหลังของฉัน
เมื่อรู้ตัวอย่างนั้นฉันก็รีบหันตัวและหน้ากลับไปโดยสัญชาตญาณ
“เธอ...” ชายหนุ่มผู้มีดวงตาสีเทาและผมสีโอลต์โรสตัดผมซอยสั้นถึงต้นคอ เดินเข้ามาและคงจะงงที่เจอกับแขกไม่ได้รับเชิญอย่างฉัน
“เธอเป็นใครน่ะ!?” ยังไม่ทันที่ผู้ชายคนนั้นจะเอ่ยถามอะไร เสียงแหลมเจาะแก้วหูก็ดังขึ้นแทน
“เอ่อ..ฉัน ฉันก็..” ฉันตะกุกตะกักชะมัดเลยแฮะ จะตอบว่าไงดีล่ะ อยากจะโกหกบอกว่ามาหยิบกระเป๋าแล้วก็บังเอิญได้ยินพวกเค้าคุยกันเมื่อกี้เท่านั้นเองงั้นเหรอ
อ๊ากกก ทำไงดี ฉันโกหกไม่ได้ง่า~
“แฟนใหม่ฉันไง ที่ฉันอยากเลิกกับเธอก็เพราะคนนี้ด้วยนั่นแหละ”
จู่ๆชายคนที่อยู่ใกล้ตัวก็ถือวิสาสะโอบไหล่ของฉันแล้วยังพูดเรื่องมั่วๆซั่วๆซะอีก
“อะไรกัน! ฉันไม่ได้เป็นแฟนคุณซะหน่อย”
ด้วยความซื่อสัตย์ ฉันเผลอโพล่งออกไปทันทีด้วยความฉุนเฉียวพร้อมหันหน้าไปจ้องชายผู้ถือวิสาสะคนนี้ซะเขม็ง
“โอ๋ๆๆ นี่เนสยังโกรธไลน์อยู่อีกเหรอเนี่ย ก็พิสูจน์ให้ดูแล้วนี่ไงว่าไลน์รักเนสจริงๆนะ” อยู่ๆชายคนนี้ก็มาทำหน้าอ้อนวอนแถมยังพูดอะไรบ้าๆบอๆขึ้นมาอีก
“ฉะ..ฉันไปโกรธคุณเมื่อไหร่กัน คุณรู้จักชื่อฉันได้ยังไง แล้วไม่ทราบว่าคุณกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่ ฉันไม่เข้าใจ”
“โถๆๆ นี่โกรธถึงขนาดทำตัวห่างเหินกันเชียวเลยเหรอเนี่ย ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวผมจะพิสูจน์ให้คุณดูก็ได้”
“กรี๊ดดด นังนี่เป็นแฟนใหม่ไลน์เหรอ ฉันไม่เชื่อเด็ดขาดล่ะ ไม่มีหลักฐานสักนิด” ยัยเสียงแหลมอีกคนที่อยู่ในเหตุการณ์นี้เอ่ยปากขึ้นมาเหมือนจะกลัวว่าตัวเองกำลังจะถูกลืม
“ไม่เชื่องั้นเหรอ..ที่รักจ๊ะ ถึงจะเป็นวันแรกที่เราคบกันก็เถอะ แต่มาเสดงหลักฐานกันหน่อยมั้ยล่ะจ๊ะ”ตานั่นหันมายิ้มเจข้าเล่ห์ให้ฉันก่อนจะรัดฉันแน่นเข้าไปอีก
เปิดฉากมาฉันก็จะเจอเรื่องพิลึกกึกกือพันธ์นี้เลยเหรอ นี่เค้าจะทำอะไรเนี่ย ไม่น้า~~~

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา