Bleeding of the cursed Island หลั่งเลือดเกาะมรณะ
2) ฝูงเงามรณะ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตลอดระยะเวลาในการเดินทาง เหล่านาวิกโยธินทั้ง 15 นายต่างนั่งนิ่งก้มหน้าเงียบไม่พูดไม่จากันแม้แต่คำเดียว เนื่องจากพวกเขารู้สึกไม่พอใจที่ต้องมารับภารกิจใหม่อันแสนจะประหลาด ทั้งที่พวกเขาเพิ่งจะกลับมาจากปฏิบัติการณ์ครั้งล่าสุดได้เพียงแค่สองวันเท่านั้น แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานถึงสองชั่วโมงเศษ ควิลเงยหน้าขึ้นแล้วหันไปทางร้อยตรีซัลลี่แล้วเริ่มถามคำถาม
“ผู้หมวดครับ ท่านจะรู้ข้อมูลเกี่ยวกับเกาะนี้มั้ยครับ?” ทันทีที่ควิลถามจบ นาวิกโยธินที่นั่งอยู่ทั้งหมดต่างรีบเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกันราวกับว่า พวกเขากำลังจะได้ฟังคำตอบที่รอฟังมานาน
“ก็อย่างที่รู้กันนะ เมื่อสองเดือนก่อน พวกเราค้นพบเกาะนี้อยู่กลางสายหมอก พวกเราใช้เครื่องสแกนความร้อนตรวจทั่วทั้งเกาะแต่ไม่พบสัญญานความร้อนใดๆเลย จากนั้นไม่นานนาวิกฯกลุ่มแรกได้ถูกส่งเข้าไปสำรวจและได้พบว่า มันเป็นเกาะร้าง ไม่มีผู้คนหรือสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ทั้งที่มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์พร้อม ทำให้พวกเราคิดว่า มันเหมาะที่จะใช้เป็นที่ฝึกทหาร ซึ่งต่อมาพวกเราได้เข้าไปตั้งฐานทัพฝึกทหาร จนสุดท้ายก็มาเกิดเรื่องอย่างที่เราได้ฟังมานั่นแหละ” ทันทีที่ร้อยตรีซัลลี่พูดจบ พลทหารนายหนึ่งก็พูดขึ้นทันที
“ให้ตายสิ ผมไม่เคยรู้สึกดีกัทุกภารกิจ แต่ครั้งนี้รู้สึกแย่ที่สุดเลย” ทันทีที่เขาพูดจบร้อยตรีซัลลี่ก็สวนหลับอย่างทันควัน
“เรามาทำภารกิจ ไม่ได้มาเที่ยว รู้สึกดีก็แปลก เลิกบ่นซะ” ทันทีที่เขาพูดจบ เสียงของนักบินแบล็คฮอร์คก็ดังขึ้น
“เอาล่ะ Egle1 ถึง Egle2 และ Egle4 เกาะอยู่ด้านหน้าแล้ว แยกย้ายไปได้” เมื่อนักบินคนนั้นพูดจบ แบล็คฮอร์คที่มีนาวิกโยธินอีกทีมหนึ่งโดยสารมาด้วยก็ได้บินแยกตัวออกไปอีกทางพร้อมกับแบล็คฮอร์คคุมกันอีกลำหนึ่ง จากนั้นนักบินอีกคนหนึ่งก็หันมาทางด้านหลังแล้วพูดขึ้น
“อีก 3 นาที ถึงที่หมาย เตรียมตัวให้พร้อม ขอให้โชคดีครับ” สิ้นเสียงของนักบินคนนั้นเหล่านาวิกโยธินเริ่มทำการตรวเช็คอาวุธให้พร้อมใช้ก่อนจะถึงที่หมาย
ควิลถึงแผ่นป้ายชื่อออกมาหนึ่งแผ่นสอดเข้าไปในรองเท้า *พร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ฉันไม่ได้จะบอกให้นายประมาทนะ แต่ฉนไม่เข้าใจทำไมนายดูตื่นๆชอบกลนะ” เกลนพูดกับเพื่อนที่นั่งข้างๆขณะที่เขากำลังตรวจเช็คอาวุธ
“พูดตามตรงนะเพื่อน ฉันรู้สึกไม่ดีเอามากๆเลย ทหารเราหายตัวไปไหนหมด ทั้งที่เราตรวจแล้วไม่พบสิ่งมีชีวิต”ควิลพูดเสี่ยงสั่นเล็กน้อย เกลนยื่นมือไปตบไหล่เพื่อนเพื่อปลอบใจ แล้วหันไปมองตาเพื่อนพร้อมกับพูดออกมา
“เอาน่า คิดมากไปก็ไม่ช่วยอะไรหรอก แค่ 24 ชั่วโมงเท่านั้น อย่ากลัวเลย” เกลนพูดออกมาอย่างไม่กลัว ทั้งที่ความจริงแล้วเขาเองก็อดสวสัยไม่ได้ว่า อะไรที่จู่โจมกองทหารบนเกาะแห่งนั้น
*การถอดป้ายชื่อสอดเข้ารองเท้า ของทหาร คือการเตรียมตัวว่า หากร่างกายแหลกเละจนไม่สามารถจำใบหน้าได้หรือส่วนหัวหายไป จะได้รู้ว่าเป็นศพของใคร เพราะโดยปกติแล้ว ป้ายชื่อทหารจะมีสองแผ่นด้วยกัน หากร่างกายอยู่ครบก็สามารถดูได้จากป้ายชื่อที่คอ
……………………………
“เอาละถึงที่หมายแล้ว ขอให้โชคดี” สิ้นเสียงของนักบิน นาวิกโยธินที่นั่งติดกับประตูแต่ละฝั่งได้เลื่อนบานประตูออก ซึ่งทันทีที่ประตูเปิดออก ท่ามกลาง ลมหนาวที่พัดผ่านและความมืดสนิท ภาพที่เหล่านาวิกโยธินสามารถพอที่จะมองเห็นได้ คือ เกาะขนาดใหญ่ ที่มีต้นมะพร้าวขึ้นอยู่เต็หน้าหาด มีป่ารกทึบอยู่ทางด้านหลัง ภูเขาสูงใหญ่ลูกหนึ่งอยู่ทางด้านหน้า ซึ่งเมื่อยามกลางความมืดสนิทนี่เองทำให้ภาพของเกาะนี้ดูน่ากลัวราวกับเส้นทางสู่ความตาย
นาวิกโยธินที่นั่งอยู่ริมทางลงทั้งสองข้างรีบทำการหย่อนเชือกลง จากนั้นพวกเขาจึงเริ่มหย่อนตัวเองลงมาครั้งละ สองคน ซึ่งก่อนที่นาวิกโยธินสองคนแรกจะเริ่มทำการหย่อนตัวลงไป พลปืนบนแบล็คฮอร์กคุ้มกันได้ยกนิ้วโป้งให้นาวิกโยธินที่กำลังจะหย่อนตัวลงไปเพื่อให้กำลังใจ เพราะพวกเขาเองก็รู้สึกหวั่นใจไม่น้อยกับเกาะที่เกิดเหตุการณ์ประหลาดแบบนี้ เหล่านาวิกโยธินต่างค่อยหย่อนตัวลงไปกันทีละสองคน
“ลงไปแปดคนแล้วสินะ” นักบินแบล็คฮอร์คคุ้มกันคนหนึ่งพูดขึ้น พร้อมกับที่พูดเข้าวิทยุของจิลก่อนที่เธอจะหย่อนตัวลงไป
“จิล ระวังนะคนสวย ฉันเป็นห่วง” เมื่อพูดจบสองนักบินแบล็คฮอร์กต่างมองหย้ากันแล้วพากันหัวเราะชอบใจ แต่ทันทีที่พวกเขาเงยหน้ากลับขึ้นมา สองบักบินถึงกับตาค้างและตะโกนออกมาสุดเสียง
“เฮ้ย นั่นตัวอะไรวะนั่น” เพียงพูดจบ ทันใดนั้น สิ่งประหลาดนั้นไดพุ่งเข้าชนกระจกหน้าของแบล็คฮอร์คอย่างจัง จนกระตกหน้าแตกกระจาย ชั่ววินาทีต่อมา เลือดสดๆได้สาดติดกระจกข้างพร้อมกับที่แบล็คฮอร์คคุ้มกันลำนั้นหมุนเควงราวหับเสียการควบคุม
“Eagle1 เรียก Eagle3 เกิดอะไรขึ้นตอบด้วย” นักบินด้านขวาตะโกนสุดเสียงเมื่อเห็นภาพที่เกิดขึ้น เหล่า นาวิกโยธินทั้งที่อยู่บนพื้นต่างยืนมองภาพนั้นตาค้างอย่างไม่คิดเชื่อสายตา ส่วนพวกที่คงอยู่บนแบล็คฮอร์คต่างยืนนิ่งด้วยความตกตะลึง ไม่กี่วินาทีเสียงน้ำทะเลแตกกระจายดังสนั่นเมื่อแบล็ฮอร์คลำนั้นตกลงสู่ท้องทะเลทำให้เหล่านาวิกโยธินตั้งสติได้ แต่ทันใดนั้น
“อะไรวะนั่น !!” นักบินทั้งสองตะโกนสุดเสียงด้วยความตกใจ พร้อมกับที่เกลนได้สติ เขารีบหันไปทางห้องนักบินและภาพที่เขาพอจะมองเห็นได้ในความมืดนั้นคือ เงาของอะไรบางอย่างที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์มีปีกกำลังเอมมือและบินเข้ามาหาพวกเขาอย่างรวดเร็วและ ทันใดนั้นเอง
“เพล้งง” เสียงกระจกแตกดังขึ้นพร้อมกับที่สิ่งนั้นพุ่งเข้าชนกระจกหน้าของแบล็คฮอร์กอย่างจัง และชั่ววินาทีต่อมา ‘ คว้ากกก พรวดดด” เสียงกรงเล็บกรีดเนื้อดังขึ้น พร้อมกับที่น้ำบางอย่างเหียวๆกระเซ็นถูกหน้าของเกลนซึ่งเขารู้ได้จากกลิ่นคาวของมันได้นัทันทีว่ามันคือเลือด และชั่ววินาทีนั้นแบล็คฮอร์คลำนั้นได้เสียการควบคุม มันเริ่มตกลงเบื้องล่างที่เป็นท้องทะเลและหมุนคว้างอย่างแรง จนเหวี่ยงร่างนาวิกโยธินสามนายออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว ส่วนที่เหลือต่างพากันเสียหลักและพยายามหาที่ยึดเกาะ แต่ยังไม่นานนัก ร้อยตรีซัลลี่และควิล ต่างถูกเหวี่ยงออกไปในที่สุด เกลน พยายามยืดเกาะเชือกที่ผูกติดอยู่กับที่นั่งเอาไว้ แต่ไม่นานนักจิลก็เริ่มทนไม่ไหว เธอถูกเหวี่งกระเด็นมาทางเกลน และกระชาดเชาอย่างแรง จนท้งสองกระเด็นตกน้ำไป ซึ่งไม่นานนักแบล็คฮอร์คลำนั้นก็ได้ตกลงสู่ท้องทะเลเสียงดังสนั่น…
…………………….
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ