สรภูมิหิมพานต์
2) คำนำ สูรย์ กับ สร
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความคำนำ สูรย์ กับ สรสรรค์
ในเมืองอโยธยาอันเจริญมีผู้บุญหนักศักดิ์ใหญ่เป็นถึงลูกชายแม่ขุนพลเลืองนามอายุแก่มากแล้วจะปดเกษียรในไม่ช้า บุรุษผู้นี้จะต้องสืบเชื้อสายแม่ทัพต่อไปในอนาคต ในขณะที่ลูกชายขุนพลไปงานพิธีแต่งตั้งเจ้าอาวาสกับขุนพลได้เจอหญิงงามคนหนึ่งซึ่งนางและข้ารับใช้กำลังจะโดนฉุด แต่ลูกชายขุนพลช่วยได้ทันทั้งสองจึงชอบคอกันนัก หญิงงามผู้นั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นลูกขุนนางในรั้วในวัง ขุนพลกับขุนนางเพื่อนกันตั้งแต่หนุ่มๆขุนนางเป็นพอหม้ายเมียตายเมื่อลูกสาวอายุได้เจ็ดเดือน ทั้งสองมีลูกชาย-หญิงคนละฝั่งได้หมั่นหมายกันเพื่อเป็นดองเป็นทองแผ่นเดียวกัน เมื่อครั้งลูกของทั้งสองยังเป็นเด็กๆลูกขุนพลมีทหารคนสนิทอีกสี่คน ลูกสาวของขุนนางก็มีข้ารับใช้คนสนิทคนหนึ่งทั้งกลุ่มมีเจ็ดคนชายห้าหญิงสองคนเป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่ทุกคนวัยขวบหนึ่งเคยเรียนอยู่ด้วยกันจนอายุได้ 12 ปีลูกสาวขุนนางกับข้ารับใช้ก็เข้าวังไป จนมาขณะนี้ทั้งหมดอายุได้ 15 ปีมาเจอกันอีกครั้ง ขุนพลกับขุนนางได้หมั่นหมายทั้งสองคนนี้มาตั้งแต่เด็กประกอบกับทั้งสองคนชอบกันมาตั้งแต่วัยเด็กแล้วจากกันไปยังคงคิดถึงกันอยู่เสมอ จึงทำให้สองคนรักกันและตกลงจะร่วมหอลงโรงเดียวกัน อุปสรรคยังมีฝ่ายลูกขุนพล ยังมีความทะเยอทะยานอยากเข้ารับช่วงต่อจากขุนพลจึงบอกทางฝ่ายขุนนางว่าให้ตนได้ไปทำศึกปกป้องแผ่นดินก่อนพอสงครามสงบแล้วค่อยแต่งงาน อีกกรณีหนึ่งถ้าตนเกิดเพี้ยงพร่ำกลางสนามรบที่ยังเกิดขึ้นอยู่นี้ ลูกสาวขุนนางก็จะโดนตีตราว่าเป็นหม้ายได้ ส่วนลูกสาวขุนนางด้วยความเป็นคู่หมั่นหมายกันนางขอไปด้วย โดยบอกกับฝ่ายขุนพลว่าอย่างไรเราก็ได้คู่กันตั้งแต่วัยเยาว์ดิฉันก็รักท่านพอมาถึงกำหนดแต่งต้องมาพัดพากกันไปอีกเป็นครั้งที่สอง ดิฉันขอไปอยู่กับท่านด้วยถึงตายก็ตายพร้อมกับท่านในสนามรบจะขอติดตามว่าที่สามีจะไปช่วยปกป้องแผ่นดินอีกคนหนึ่ง ลูกสาวขุนนางขอขุนนางคิดที่จะไม่ให้ลูกสาวไปรู้ว่าลูกสาวเป็นคนฉลาดและหัวดื้อจะทำการใดแล้วก็จะต้องทำให้ได้ ที่ๆลูกขุนพลจะไปนั้นชื่อเมืองหน้าด่านซ้ายตั้งอยู่ตะเข็บชายแดนหงษาห่างไกลกันดานกลัวลูกสาวจะเป็นอันตราย จึงแกล้งรับปากว่าจะให้ไปแต่พอถึงวันที่ทัพจะยกขบวนไปก็จะขังลูกสาวอยู่ในห้อง ลูกสาวรู้อุบายเพราะขุนนางสั่งทำห้องให้ลูกสาวใหม่ปะตูหน้าต่างแน่นหนาเลยแอบไปกับข้ารับใช้คนสนิทก่อนวันที่ขุนนางจะขังให้อยู่ในห้องขุนนางรู้ว่าลูกสาวไม่อยู่ในห้องก็รีบตามไปเรือนขุนพลลุกสาวก็อยู่ที่นั้นบอกให้ลูกสาวกลับบ้านแต่ลูกสาวไม่ยอมกลับและบอกถึงอย่างไรก็จะไป ขุนนางจนปัญญาที่จะนำลูกสาวกลับฝ่ายขุนพลก็ช่วยคุยกลับให้ขุนนางใจอ่อนว่ามีลูกชายของเขาอีกคนหนึ่งที่คอยดูแลลูกสาวขุนนาง และที่ไปนี้ไม่ได้ไปทำศึกแต่ไปตั้งเมืองปกป้องดินแดนอโธยาเด็กมันรักกันและจิตรักชาติเช่นนี้เราน่าจะยินดีกันเสียมากกว่าไม่ควรไปกีดกัน ส่วนลูกชายของขุนพลก็ช่วยพูดอีกคน ว่ากระผมจะขอดูแลนางด้วยชีวิตไม่ว่าจะเกิดอะไรกระผมก็ไม่ทิ้งนางเพราะนางเปรียบเหมือนดวงใจของกระผม ทั้งสามคนก็ช่วยกันเกลียกล่อมอยู่นานขุนนางก็ยอมให้ลูกสาวไปและฝากให้ลูกชายขุนนางดูแล ลูกชายของขุนพลดีใจก็กว่าว่ากระผมจะดูแลให้ที่สุดสมกับท่านขุนนางเชื่อใจกระผม ขุนนางถอนหายใจห่วงลูกรัก ทั้งสองพระ-นางก็ได้ไปอยู่ด้วยกันกับสหายตอนเด็ก เข้าร่วมกับทัพไปประจำการที่เมืองหน้าด่านซ้าย
ขุนพลชื่อ เดชะฤทธิ์ (แม่ทัพใหญ่) อายุ 62 ปี
ขุนนางชื่อ เปลี่ยม (ที่ปรึกษากลาโหม) อายุ 61 ปี
ลูกชายขุนพลชื่อ สูรย์ (ว่าที่แม่ทัพ) อายุ 20 ปี
ลูกสาวขุนนางชื่อ สรสวรรค์ (นักกฎหมาย) อายุ 19 ปี
ทหารองครักษ์คนสนิทที่เป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็กมี 4 คน
พลทหาร มิฬ อายุ 20 ปี
ทหาร เหม อายุ 20 ปี
ทหาร นา อายุ 20 ปี
ทหาร ทิม อายุ 20 ปี
ข้ารับใช้คนสนิทขอสรสวรรค์เป็นเพื่อนในกลุ่มสูรย์ตั้งแต่เด็ก
นาง ก่อแก้ว อายุ 19 ปี
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ