เคริกาย อสูรในพิภพ

7.7

เขียนโดย pearmikzer

วันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 เวลา 17.31 น.

  1 session
  1 วิจารณ์
  4,623 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) หายไป!

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
                “วันนี้เราไปเดินสวนฯกันไหม ดูแล้วว่าวันนี้คนท่าทางไม่เยอะ” เย็นวันศุกร์ของวัน แดดเริ่มอ่อนลงเป็นใจให้ใครหลายๆคนต้องออกมาเดินเล่นกันที่สวนฯหลังโรงเรียน
                เวลา 15.30น. เวลานี้ยังไม่ค่อยมีโรงเรียนไหนเลิกกันมากนัก ส่วนมากจะเป็นโรงเรียนที่มีกิจกรรมเป็นตัวหลักของโรงเรียน เพราะวันๆไม่เป็นอันจะเรียนนอกจากจัดกิจกรรมต่างๆนานาที่มีแต่เรื่องกีฬา และดารานักร้องทั้งหลายแห่มากร่วมที่โรงเรียนนี้โรงเรียนเดียวกัน โรงเรียนแห่งนี้นี้ตั้งอยู่ใจกลางเมืองๆหนึ่งซึ่งมีนามว่า‘เทเรซ่า’ แห่งประเทศ ‘ไททราน’ ชื่อนี้ไม่ขนาดนามว่าเป็นประเทศก็ว่าได้เพราะไม่ค่อยจะเป็นที่โด่งดังทางการค้าขายเท่าไรนัก จึงไม่ค่อยมีใครรู้จักในนามเมืองที่ถูกตั้งขึ้นด้วยชื่อเวทมนต์ (ป.ล ชื่อเมืองเป็นแค่เรื่องสมมุติ)
                “ฉันว่านะมันดูวังเวยังไงไม่รู้วันนี้” เด็กชายที่ถูกขนานนามว่าขี้ขลาดสุดๆ ได้เอยขึ้นมาให้ทำน่องที่กล้าๆกลัวๆ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เพื่อนๆรอบข้างตกใจอะไรมากมาย
                “ไม่เห็นเป็นไรเลย แค่ดูวังเวนิดๆแค่นั้น” เพื่อนชายเขาพูดด้วยท่าทีสบายๆราวกับขึ้นสวรรค์ที่ทุกคนไปเข้าเฝ้าพระอินทร์จนหมดอะไรทำน่องนั้นได้กล่าวขึ้นพร้อมกับอ่าแขนออกรับลมที่พัดเอื้อยๆมาอย่างช้าๆดูท่าทางสบายมาก
                “แต่ฉันว่ามันก็จริงอย่างที่ไอ้ชินพูดนะ”เด็กชายท่าทางน่ารักๆพูดขึ้น “ถ้ามันปกติ ปานนี้คนเต็มอือแล้ว” ทุกคนที่ได้ฟังพยักหน้าเห็นด้วยอย่างไม่ลังเล
                “พวกแกๆๆๆๆๆๆๆๆเนี๊ย” เพื่อนชายเค้าชี้ไปที่ทุกๆร่วมชินด้วย “เชื่ออะไรไร้สาระมันก็ปกติ แต่วันนี้เขามีสอบเฉยๆก็เลยเลิกช้า” เค้าบอกออกไป ท่าทางที่ไม่ชอบสังเกตของเพื่อนเค้าก็ทำให้เค้าได้พบสิ่งที่น่ามหัศจรรย์อย่างมากในชีวิต
                จู่ๆท้องฟ้าเริ่มมืดลงอย่างเห็นได้ชัด ลมที่พัดช้าๆค่อยๆแรงขึ้นจนใบไม้หักลงมา ผู้คนที่อยู่แถวนั้นเริ่มแตกตื่นกันไปหมด ไม่นานนักสิ่งที่แปลกประหลาดก็ค่อยๆโพล่ออกมา จากเงาดำๆที่ดูสูงใหญ่ ก็ค่อยๆปรากฏร่างๆหนึ่งขึ้นมา ร่างที่ดูสูง ใหญ่ ยักษ์ ทำเอาทุกคนขาแข็งไปหมดร่วมทั้งชินด้วย ร่างนั้นค่อยคลานเข้ามาอย่างช้าๆ น้ำใสๆไหล่ออกมาจากร่างกายสูงใหญ่ จากใสๆก็กลายเป็นสีแดง แล้วค่อยๆสาดของเหลวสีแดงเต็มพื้นไปหมดจนผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์เขยิบหนีออกห่างอย่างมากเลยที่เดียว
                “นี้มันอะไรกันนะ” ชินเริ่มตั้งสติได้ เพ่งมากสิ่งที่แปลกประหลาดอย่างไม่คลาดสายตา ร่างนั้นค่อยๆหายไปในน้ำอย่างช้าๆ เหลือแต่เพียงคราบเลือดทิ้งไว้เต็มทางไปหมด
                “อะไรวะ?” เพื่อนของเค้าได้เอยขึ้นหลังจากที่เหตุการณ์สงบลง ผู้คนต่างมุ่งมาดูเหตุการณ์ บางคนพากันตีเป็นตัวเลขมั่วไปหมด
                “เป็นไงวะ? เชื่อยังละว่ามันแปลกๆ” ชินเอยขึ้นมาหลังจากที่ทุกคนตั้งสติได้ เขาส่ายหน้าน้อยๆให้ทุกๆคนแล้วหันหลังเดินจากไป
                พอถึงหน้าโรงเรียนข่าวเรื่องสวนฯก็แพร่กระจายออกอย่างรวดเร็ว บ้างคนก็จะไปดู บ้างคนก็กลัวจนอยากลาออก แต่แล้วอาจาร์ยใหญ่แห่งฝ่ายปกครองก็เดินมาหาชินด้วยอาการมึนงง
                “เกิดอะไรขึ้น ชินนาวุฒิ” ชินมองหน้าอาจาร์ยครู่หนึ่งแล้วตอบออกมา “ถ้าผมบอกไปอาจาร์ยจะเชื่อไมครับ?” แทนที่จะตอบกลับชินกลับถามคำถามที่ทำเอาอาจาร์ยอึ้งทันที “เชื่อนะสิทำไมละ” ชินไม่ตอบอะไรแล้วเริ่มเล่าเรื่องให้อาจาร์ยฟัง.....
                “ตอนที่ผมเดินไปสวนฯ ผมก็สังเกตเห็นว่าคนมันไม่ค่อยเยอะทำไรนักแล้วจู่ๆท้องฟ้าก็เริ่มมืดลงอย่างเห็นได้ชัด สัตว์ประหวาดก็ค่อยๆปล่อยเลือดออกมาจากลำตัว แต่ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าลำตัวรึป่าว แต่ผมคิดว่าน่าจะ.........พอมันปล่อยเสร็จก็ค่อยๆหายไปในน้ำอย่างช้าๆ นี้และครับเรื่องมันเป็นอย่างนี้” พอชินเล่าให้อาจาร์ยฟังเสร็จแล้ว อาจาร์ยได้แต่ฟังพยักน้อยๆให้แล้วเดินจากไป
                บ้าน ธนกิจไพศาล
                “กลับมาแล้วครับ” ชินเอยทักทายคุณแม่ของเขาด้วยภาษาสเปน ถึงจะออกติดขัดบ้างแต่เขาก็เต็มใจที่จะพูดมันออกมา
                “สาบายดีม่าย” แม่เขาพยายามเอาเสียงภาษาไทยออกมาเพื่อให้ลูกได้เข้าใจ ชินหัวเราะนิดๆแล้วพยักหน้าแทนการตอบกลับ ชินเดินไปใหนครัวแล้วหยิบขนมนมเนยมากมายแล้วหอบขึ้นห้องไป
                ห้องนอนของชินถูกตกแต่งในแบบสบายๆตามสไตล์ที่เขาชอบ ซึ่งในนั้นก็ประกอบด้วย เตียงนอนที่ถูกวางให้ติดกับโคมไฟสองหลอด ห้องน้ำอยู่ข้างๆ เตียงนอนห่างกันประมาณ 4 เมตรว่าได้ โต๊ะคอมพิวเตอร์ และโน้ตบุ๊ก ถูกวางไว้ขนาดนั้น ข้างๆเป็นทางยาวออกไปประมาณ5เมตร ผ่านในนั้นมีห้องขนาดเล็กไว้ให้อ่านหนังสือ ส่วนตู้เสื้อผ้าถูกตั้งวางไว้ปลายเตียงนอน ห่างกันประมาณ 6 - 7 เมตร
                ชินเดินไปวางหนังสือที่โต๊ะขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กของเขา ชินทำท่าทางครุ่นคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเย็นไม่นานที่ผ่านมานี้เอง ชินคิดไปว่ามันต้องมีอะไรเกิดขึ้นบนเมืองๆนี้อย่างแน่นอน ชินเดินไปเดินมาหลายรอบแต่ก็คิดไม่ออกสักที่ว่ามันเป็นไปได้ยังไง ชินเดินไปหยิบสมุดทำนายเมือง ‘ไททราน’ ในอีก2ปีข้างหน้า
                หนังสื่อเล่นนี้ค่อนข้างเก่าไปนิด เพราะชินซื้อมาเมื่อ2ปีก่อน “ใช่แล้ว!” ชินพูดขึ้นมาด้วยท่าทีว่ามีอะไรในสมอง ว่าแล้วชินก็เปิดหนังสือไปหน้าที่ 66 เป็นหน้าที่ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรนัก แต่ชินก็พยายามอ่านคำใบ้ที่เป็นตัวอักษรโรมัน ชินเคยขอความช่วยเหลือจากพี่สาวของเขาแล้ว แต่มันกลับไม่ได้ผลเพราะ พี่สาวเธอตีประเด็นมันไม่ออก ชินจึงได้แต่หนังเทียบตัวอักษรไปมาอย่างสับสนงนเงย ไม่เข้าไม่ออกอยู่อย่างนี้ไปมาเป็นรอบที่เท่าไรแล้วไม่รู้สำหรับชิน
                “นี้มัน” ผ่านมาได้ครึ่งชั่วโมง ชินก็แก้ได้ “โพไซดอล............สิ่งที่เกี่ยวพันกับโพไซดอล มันคืออะไรกันนะ” เขาเดินคิดไปมาหลายรอบไม่นานนักเขาก็.................
                ก็อกๆๆๆๆๆ
                เสียงเคาะประตูดังแววมาในหูสิ่งที่ชินคิดหายไปกับตา ชินเดินไปเปิดประตูก็พบกับพี่สาวที่แสนใจดีของเขา
                “มีไรครับ พี่แชม” ชินเอยถามพร้อมกับเอามือจับประตู พี่แชมไม่เอยอะไรแล้วชี้ไปที่โต๊ะกับข้าว “ผมไม่กินฝีมือยัยผีน้อยหรอกนะครับ!” ชินตอบเสียงค้าน พี่แชมยิ้มน้อยแล้วเอยเสียงเยือกเย็นออกมา “ไม่กินก็ต้องกิน! เข้าใจมั้ยค่ะ” พี่แชมถามชินพร้อมกับยื่นหน้ามาใกล้ๆ ชินทำหน้าแหย๋ๆก่อนที่จะเดินไป
                ยัยผีน้อยที่ชินว่าก็คือ เรย์ เรย์เป็นเด็กหญิงสาวกำพร้ามาแต่เกิด แม่ของเรย์นึกสงสารเลยของมาเลี้ยงเป็นคู่หูกับชิน ถึงสองคนนี้จะเป็นคู่หูกัน แต่ชินไม่ชอบที่เรย์ตามติดเขาตลอดเวลา แต่เป็นเพราะแม่สั่ง เขาจึงด่าเรย์ได้ไม่มากนัก “นี้ยัยเรย์ เธอทำไรกิน” ชินถามเรย์ด้วยอาการหงุดหงิด “ก็มีแค่สเต็ก” ชินแอบดีใจลึกๆที่ได้กินสเต็กในรอบ2เดือน แต่ชินก็ยังทำเป็นหงุดหงิด ขึ้นอารมณ์ใส่ “มีแค่นั้น โถ้!” ชินทำเป้นดูแล้วเหลือบมองตาไปดูเป็นระยะแล้วค่อยมองกลับไปทางเดิม “แล้วอยากกินไรละ?” เรย์ถามแล้วหันไปยุ่งกับน้ำปั้นของเธอต่อ “ฉันอยากกิน..............ไม่อยากกินและ กินนี้ดีกว่า” ชินพูดขึ้นจนทำเอาเรย์งงไป “อะไรของเขา” เรย์พูดตามหลังชินไปพร้อมสายหัว
ในห้องกินข้าว ชินกำลังหันสเต็กใส่ปากอย่างอร่อย เสียงอ็อดหน้าบ้านก็ดังขึ้นมา ทำเอาเขาซะดุ้งจนมีดเกิบแทบมือ “ใครวะ” ชินพูดออกมาแล้วร้องเรียกคนให้มาเปิดประตูให้ “เฮ้ย! มาเปิดประตูดิ” คนงานของชินได้ยินก็รีบวิ่งไปยังหน้าประตูแล้ว................
“ช่วยด้วยยยยยยยยยยยยยยย~” เสียงร้องโหยห้วนดังมาแต่หน้าบ้าน ชินรีบวิ่งมาอย่างรวดเร็ว สิ่งที่ชินเห็นอยู่นั้นคือ สัตว์ประหลาดที่ชินเห็นต้อนอยู่สวนฯกำลังบีบคอคนงานของชินอย่างเลือดเย็น ตาที่เหลือกขึ้นจนถล่นออกมา ปากได้แต่ขยับไม่อาจพูดได้ ชินไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะชินไม่มีอาวุธ
เรย์วิ่งออกมาจากในครัวแล้วมองไปที่สัตว์ตัวนั้น สัตว์ตัวนั้นเมือเห็นหน้าเรย์ก็ค่อยๆปล่อยมือที่บีบคอออกจากคนงานของชิน แล้วเดินเข้าไปในบ้าน แล้วดึงเรย์ไป “ปล่อยเรย์นะ!” ชินร้องห้าม ดึงดูดความสนใจจากสัตว์ประหลาดตัวนั้น “ให้ฉันหยุดเหรอ” สัตว์ประหลาดค่อยๆกลายร่างเป็นคน ที่มีรูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาหล่อเหลา ไม่ใส่เสื้อผ้า แล้วเขี้ยวก็ค่อยๆยื่นออกมา “ฉันคือแวมไพร์ ไม่กินเลือกผู้ชาย” “นาย.....” ชินไม่มีอะไรจะพูดเลยได้แต่................ปล่อยเรย์ไป “เอ่อ......ฉันชื่อกาย ไม่ได้ชื่อนายยย” พูดจบก็เดินไปพร้อมกับอุ้มเรย์ไปด้วย ชินได้แต่มองตามไปอย่างเศร้าๆ เขาเสียเรย์ไปแล้ว

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา